คาราบาวแดง – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Mon, 13 Nov 2023 06:03:42 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 กว่าจะมาเป็นเบียร์ “คาราบาว-ตะวันแดง” ของ “เสถียร เสถียรธรรมะ” เบียร์ขั้วที่ 3 กับเป้าหมายเบอร์ 1 ตลาดเบียร์เมืองไทย https://positioningmag.com/1451517 Mon, 13 Nov 2023 05:00:45 +0000 https://positioningmag.com/?p=1451517 สร้างเสียงฮือฮา ในตลาดเบียร์ตั้งแต่วันแรกที่มีการประกาศทำเบียร์ออกวางจำหน่ายของ “เสถียร เสถียรธรรมะ” เจ้าพ่อคาราบาว จนหลายคนตั้งแต่รอคอย ซึ่งในที่สุดก็เปิดตัวเป็นที่เรียบร้อยแล้ว กับ 2 เบียร์น้องใหม่ “คาราบาว-ตะวันแดง” รวมกันถึง 5 รสชาติ ประกอบไปด้วย  Lager Beer (เบียร์ลาเกอร์) และ Dunkel Beer (เบียร์ดุงเกล)  ขณะที่แบรนด์ตะวันแดง เปิดตัว 3 รสชาติ ประกอบด้วย Weizen Beer (เบียร์ไวเซ่น) Rose Beer (เบียร์โรเซ่) และ IPA Beer (เบียร์ไอพีเอ) 

การเปิดตัวพร้อมกันถึง 5 รสชาติ สร้างปรากฏการณ์และความสนใจแก่ผู้ประกอบการ ผู้บริโภค ไปจนถึงสร้างแรงกระเพื่อมให้ตลาดที่มีมูลค่ากว่า 2.6 แสนล้านบาทได้ไม่น้อย กับการเป็นผู้ท้าชิงขั้วที่ 3 ในตลาดเบียร์เมืองไทย

เริ่มจากคำถามที่ได้ยินตลอด 20 ปีที่ผ่านมาว่า “ทำไมไม่เอาเบียร์ที่มีรสชาติดีมาใส่ขวดขาย” สู่ 2 เบียร์น้องใหม่ “คาราบาว-ตะวันแดง” ที่ “เสถียร” และ “แอ๊ด คาราบาว” กำลังจะสร้างตำนานบทใหม่ให้แก่วงการธุรกิจอีกครั้ง หลังเมื่อ 20 ปีที่ผ่านมา ทั้ง 2 ร่วมกันปลุกปั้นเครื่องดื่มชูกำลัง “คาราบาวแดง” จนประสบผลสำเร็จ และสามารถขยายตลาดไปแล้วกว่า 40 ประเทศทั่วโลกมาแล้ว

คาราบาว ตะวันแดง

เสถียร เสถียรธรรมะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มคาราบาว เผยว่า

“เมื่อ 20 ปีที่ผ่านมาเราไม่กล้าทำเบียร์ออกมาจำหน่าย ซึ่งขณะนั้นมูลค่าตลาด 2 แสนล้านบาท จนปัจจุบันมูลค่าตลาดรวมสูงถึง 2.6 แสนล้านบาทแล้ว  ถือเป็นเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่เป็นตลาดใหญ่ที่สุดในไทย และมีเพียง 2 บริษัท ที่มีส่วนแบ่งกว่า 95% ความใหญ่โตของธุรกิจ และการมีผู้เล่นหลักเพียงสองราย ทำให้ไม่กล้าแม้กระทั่งคิดว่าจะทำเบียร์ออกมาจำหน่าย”

แน่นอนตลอด 20 ปีที่ผ่านมา เราไม่ได้ละทิ้งแนวคิดการทำเบียร์ใส่ขวดแต่อย่างใด หากแต่คือการสั่งสมประสบการณ์ องค์ความรู้ให้มากที่สุด และรอวันที่พร้อมจริงๆ ทั้งช่องทางจำหน่าย รสชาติ และกระบวนการผลิต

นั่นคือจุดเริ่มต้นที่ “เสถียร” ซุ่มสั่งสมประสบการณ์ องค์ความรู้ พฤติกรรมผู้บริโภคไปจนถึงการพัฒนาเบียร์บรรจุในขวด-กระป๋องให้มีคุณภาพ และรสชาติตามมาตรฐานที่ต้องการมากว่า 20 ปี

Carabao Beer

“ตลอด 2-3 ปีที่ผ่านมา ก่อนเราเปิดตัวเบียร์ “คาราบาว-ตะวันแดง” เราบินไปศึกษากระบวนการผลิต องค์ความรู้ ในในประเทศต่างๆ ทั้งอเมริกา ยุโรป โดยเฉพาะเยอรมนี ซึ่งเป็นประเทศที่มีชื่อเสียงเรื่องเบียร์ จ้างโรงงานผลิต ชิม และนำมาผลิตที่ไทย ส่งกลับไปตรวจสอบ จนได้ตามมาตรฐานที่เราต้องการ ก่อนออกวางจำหน่าย”

หลังวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการเมื่อต้นเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา พบว่า สินค้ายังไม่เพียงพอต่อความต้องการและยังไม่สามารถกระจายไปยังช่องทางจำหน่ายได้ครอบคลุมมากนัก หลังจากนี้ไปอีก 2 สัปดาห์จะเร่งกระจายการจัดส่งให้ครอบคลุมมากขึ้น ขณะที่ในช่วงปลายปี 2567 จะเร่งเพิ่มกำลังการผลิตอีกเท่าตัว หรือ 400 ล้านลิตร จากปัจจุบันที่มีกำลังการผลิตอยู่ 200 ล้านบาท ในโรงงาน จ.ชัยนาท ที่ถูกก่อสร้างขึ้นมาเพื่อผลิตเบียร์ป้อนตลาดโดยเฉพาะด้วยเทคโนโลยีการผลิตมาตรฐานโลกจากเครื่องจักรที่นำเข้าทั้งหมด กับมูลค่าการลงทุนกว่า 4,000 ล้านบาท

จากโรงเบียร์เยอรมันตะวันแดง ถึง เบียร์กระป๋อง-ขวด ตำนานบทใหม่ตลาดเบียร์เมืองไทย

เมื่อย้อนดูที่มาของเบียร์  “คาราบาว-ตะวันแดง” มีจุดเริ่มต้นจาก “โรงเบียร์เยอรมันตะวันแดง” ที่อยู่ในตลาดมานานกว่า 24 ปี เป็นที่รู้จักกันดีของผู้บริโภคในเรื่องเบียร์คุณภาพ ที่มีไมโครบริวเวอรี่เป็นของตัวเอง และมีลูกค้ามากกว่า 10 ล้านคนตลอดช่วงที่ผ่านมา

ดังนั้นการจะทำเบียร์เพื่อจำหน่ายในตลาด “เสถียร” บอกว่า จำเป็นต้องทำให้ลูกค้าทั้ง 10 ล้านคนที่เข้ามาใช้บริการรู้สึกพอใจด้วย เพราะกลุ่มนี้คือฐานลูกค้าหลัก ที่สามารถวัดความชื่นชอบ และโอกาสของแบรนด์ได้เป็นอย่างดี

ทั้งนี้เพื่อให้แบรนด์เข้าไปนั่งในใจผู้บริโภคทั่วประเทศให้เร็วที่สุด ในด้านตำแหน่งทางการตลาด ทั้ง 2 แบรนด์จะลงเล่นในเซ็กเมนต์อีโคโนมี และสแตนดาร์ด ซึ่งเป็นสัดส่วนใหญ่ของตลาดเบียร์มากกว่า 90% โดย “คาราบาว” วางในเซ็กเมนต์อีโคโนมีถึงสแตนดาร์ด ส่วน “ตะวันแดง” วางในเซ็กเมนต์สแตนดาร์ดถึงพรีเมียม เพื่อสามารถตอบโจทย์ผู้บริโภคครอบคลุมในทุกกลุ่ม โดยตั้งเป้าขึ้นเป็นผู้เล่นหลัก 1 ใน 3 ของตลาดเบียร์

Carabao Beer

เพื่อเป็นการดำเนินงานให้เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ จากนี้จึงได้วางกลยุทธ์ 2 แบรนด์ 5 รสชาติ ขึ้นมาเพื่อสร้างการรับรู้ในตลาด ประกอบไปด้วย

1. รสชาติของเบียร์ ที่ต้องทำเบียร์ที่มีรสชาติเหมือนเบียร์ที่โรงเบียร์เยอรมันตะวันแดง โดยเบียร์ทั้ง 2 แบรนด์จะมีกลิ่นและรสชาติเหมือนหรือใกล้เคียงกับเบียร์ที่ขายที่โรงเบียร์เยอรมันตะวันแดง ภายใต้มาตรฐาน German Beer Purity Law กฎการทำเบียร์เยอรมันที่มีวัตถุดิบจาก มอลต์ ฮอปส์ และยีสต์ เท่านั้น ซึ่งเป็นสิ่งที่แตกต่างจากแบรนด์อื่นๆ ในตลาด

2. ลงแข่งขันทุกตลาด ตั้งแต่ เซ็กเมนต์อีโคโนมี ไปจนถึงพรีเมียมด้วยการออกสินค้า 2 แบรนด์ กับยุทธศาสตร์ 2 แบรนด์ 5 รสชาติ ทั้งแบรนด์คาราบาวเพื่อเจาะตลาดแมส (เซ็กเมนต์อีโคโนมีถึงสแตนดาร์ด) ผ่าน 2 รสชาติใหม่ ได้แก่ Lager Beer (เบียร์ลาเกอร์) และ Dunkel Beer (เบียร์ดุงเกล) 40 บาท กระป๋อง และแบบ ขวด 60 บาท แบรนด์ตะวันแดง ที่วางตำแหน่งในเซ็กเมนต์สแตนดาร์ดถึงพรีเมียมกับการใช้จุดแข็งของเบียร์ที่มาจากโรงเบียร์เยอรมันตะวันแดงมาเป็นจุดขาย ใน 3 รสชาติ ได้แก่ Weizen Beer (เบียร์ไวเซ่น) Rose Beer (เบียร์โรเซ่) และ IPA Beer (เบียร์ไอพีเอ) ขายในราคาที่เข้าถึงได้ 320 มล. 45 บาท และแบบ 490 มล.60 บาท

3. เบียร์ กับ บอล ให้ความสำคัญกับการทำตลาดแบบเฉพาะเจาะจง ที่มากกว่า Sport Marketing แต่โฟกัสไปที่การทำตลาดกับ “ฟุตบอล” โดยตรงหลังเป็นสปอนเซอร์สนับสนุนฟุตบอลคาราบาวคัพมากว่า 7 ปี ใช้เงินลงทุนไปหลายพันล้านบาท ดังนั้นบริษัทฯ จะใช้ประโยชน์จากการสนับสนุนคาราบาวคัพ และใช้แบรนด์คาราบาวคัพ ดันคาราบาวเบียร์เข้าสู่ตลาดโลก เจาะทั้งอาเซียน อังกฤษ อเมริกา ออสเตรเลีย

นอกจากนี้ยังต่อสัญญาเป็นผู้สนับสนุนหลักการแข่งขันฟุตบอล Carabao Cup ต่อไปอีก 3 ปี กับ English Football League (EFL) จากเดิมที่จะสิ้นสุดในปี 2024 ซึ่งจะทำให้คาราบาวเป็นสปอนเซอร์หลักฟุตบอล Carabao Cup ไปจนถึงปี 2027 ซึ่งถือว่ายาวนานที่สุดในประวัติศาสตร์ของ EFL และเพื่อเป็นการสานต่อกลยุทธ์ Sport Marketing ระดับโลก โดยมีเป้าในการแข่งขันคาราบาวคัพรอบชิงชนะเลิศ กุมภาพันธ์ต้นปี 67 นี้จะมีเบียร์คาราบาวเข้าไปขายในประเทศอังกฤษ

4. โครงข่ายการกระจายสินค้าใหม่ ที่ส่งตรงถึงผู้บริโภค : เบียร์ทั้ง 5 รสชาติ จะปูพรมจำหน่ายในร้านค้าในเครือข่ายของกลุ่มคาราบาว ได้แก่ ซีเจ มอร์ ที่มีถึง 1,000 สาขาทั่วประเทศ, ร้านถูกดี มีมาตรฐาน ที่มีร้านค้าอยู่มากกว่า 5,000 ร้านทั่วประเทศ และหน่วยรถในศูนย์กระจายสินค้าทั้ง 31 แห่ง รวมถึงช่องทางของโมเดิร์นเทรด-เทรดดิชันนอลเทรด และ “ตัวแทนจำหน่ายระดับอำเภอทั่วประเทศ” ที่มีอยู่ 790 ราย เพื่อลดขั้นตอนการกระจายสินค้า ทำให้สินค้าสามารถเจาะเข้าถึงร้านค้าย่อยหรือโชห่วยทั่วประเทศได้รวดเร็วยิ่งขึ้น

ท้ายที่สุด “เสถียร” บอกว่าเป้าหมายของ กลุ่มคาราบาว คือในปีหน้าจะต้องสร้างยอดขายของเบียร์ให้มีส่วนแบ่งในตลาด 10% หรือกว่า 2.6  หมื่นล้านบาท ก่อนที่จะเพิ่มเป็น 30% ในอนาคต และมีเป้าหมายสูงสุดคือการเป็น “เบอร์ 1” ในตลาดเบียร์เมืองไทย
]]>
1451517
วิกฤตหนักรอบ 20 ปี! “โรงเบียร์เยอรมันตะวันแดง” ยอดขายหดจากวันละ 1 ล้าน เหลือ 5 หมื่นบาท https://positioningmag.com/1268753 Wed, 18 Mar 2020 06:24:48 +0000 https://positioningmag.com/?p=1268753 โรงเบียร์เยอรมันตะวันแดง อีกหนึ่งธุรกิจของ “คาราบาว กรุ๊ป” ได้รับผลกระทบหนักจากไวรัส COVID-19 ยอดขายตกฮวบจากปกติช่วงวันหยุดจะมียอดขาย 1 ล้านบาท ตอนนี้เหลือแค่ 50,000 บาทเท่านั้น

วิกฤตหนักในรอบ 20 ปี

แม้ประเทศไทยจะยังไม่มีประกาศล็อกดาวน์เมือง หรือประเทศ ยังไม่มีคำสั่งจากรัฐบาลให้ปิดร้านอาหาร หรือสถานที่ต่างๆ แต่ก็ต้องยอมรับว่าในทุกธุรกิจได้รับผลกระทบอย่างหนัก เพราะแต่ละคนเริ่มหวาดกลัวที่จะไปในสถานที่ๆ มีคนเยอะๆ หลีกเลี่ยงการแพร่กระจายของไวรัส COVID-19

“โรงเบียร์” เป็นอีกหนึ่งสถานที่กึ่งร้านอาหาร กึ่งผับ กึ่งบาร์ เพราะมีบริการทั้งอาหาร เบียร์ เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และมีสถานที่ขนาดใหญ่ จุคนได้หลักพันคน ย่อมได้รับผลกระทบ เพราะเวลานี้หลายคนเมินกิจกรรมบันเทิงมากขึ้น

โดยที่ “โรงเบียร์เยอรมันตะวันแดง” อีกหนึ่งธุรกิจของ “คาราบาว กรุ๊ป” เจ้าของแบรนด์เครื่องดื่มชูกำลัง “คาราบาวแดง” ได้เปิดเผยเลยว่า ครั้งนี้ถือเป็นวิกฤตครั้งใหญ่ ตั้งแต่เปิดโรงเบียร์มาไม่เคยเจอแบบนี้ ยอดขายจากวันละล้าน เหลือแค่หลักหมื่นบาทเท่านั้น!

เสถียร เศรษฐสิทธิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท คาราบาว กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เปิดใจว่า

“ตั้งแต่เปิดโรงเบียร์มา 20 ปีไม่เคยเจอแบบนี้มาก่อน ปกติวันศุกร์-เสาร์จะต้องมียอดขาย 1 ล้านบาท แต่ช่วงเดือนที่ผ่านมา มียอดขายลงมาหน่อยได้เป็นหลักแสน แต่ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา (13-14 มีนาคม) ขายได้ 50,000-60,000 บาทเท่านั้น”

ทราฟฟิกของผู้ใช้บริการก็ลดลงจากปกติมีจำนวนหลักพันคน ช่วงเดือนที่ผ่านมาเริ่มลดเหลือ 300-400 คน และช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาเหลือจำนวนไม่ถึง 100 คนเลยด้วยซ้ำ

ปิดชั่วคราว 14 วัน

จากที่มีการประเมินสถานการณ์ ในตอนแรกเสถียรบอกว่าอาจจะต้องมีการปิดเป็นโลเคชั่นไป ตอนนี้สาขาพระราม 3 ยังพอไปได้อยู่ จากปัจจุบันมีทั้งหมด 3 สาขา ได้แก่ พระราม 3, รามอินทรา และแจ้งวัฒนะ

แต่หลังจากที่มีมติของ ครม.ที่ให้ปิดสถานบันเทิง หรือสถานที่ๆ มีผู้ชุมนุมมากกว่า 50 คนขึ้นไป ทางโรงเบียร์ได้ปิดให้บริการชั่วคราว 14 วันตั้งแต่วันที่ 18-31 มีนาคม 2563

โรงเบียร์เยอรมันตะวันแดงเปิดสาขาแรก พระราม 3 ในปี 2548 จากนั้นขยายสาขาที่ 2 ที่เลียบทางด่วนรามอินทรา สร้างความโดดเด่นของสถานที่ และเวทีการแสดงขนาดใหญ่ที่สามารถจุคนได้มากกว่า 2,000 ที่นั่ง และในปี 2558 ได้ขยายสาขาที่ 3 บนถนนแจ้งวัฒนะ มีขนาด 1,000 กว่าที่นั่ง

ลุยส่งเดลิเวอรี่

แต่ทางโรงเบียร์ได้มีการปรับตัวรับกับวิกฤตนี้ชั่วคราว เปิดบริการเดลิเวอรี่เพื่อขยายช่องทางในการเข้าถึงลูกค้า สำหรับคนที่ยังต้องการทานอาหาร โดยรวมกับทาง LINE MAN ก่อนเจ้าเดียว

มีโปรโมชั่นลดราคาพิเศษ 20-25% จากราคาพิเศษ ซึ่งทางโรงเบียร์เพิ่งเริ่มบริการเดลิเวอรี่เมื่อต้นเดือนมีนาคมที่ผ่านมานี้เอง สามารถสั่งได้ตั้งแต่ 17.00-24.00 น.

แต่อย่างที่ทราบกันดีว่า โรงเบียร์ หรือสถานบันเทิง เป็นเหมือนสถานที่ที่ต้องไปเพื่อรับประสบการณ์ ไม่ใช่เพื่อทานอาหารอย่างเดียว แต่ไปเสพความบันเทิง เสพบรรยากาศ การเปิดบริการเดลิเวอรี่อาจจะช่วยเสริมได้บ้าง แต่อย่างไรคนก็ต้องการมาที่ร้านเพื่อรับประสบการณ์โดยตรง

]]>
1268753
เจาะฐานผลิต “คาราบาวแดง” ลุยตลาดโลก https://positioningmag.com/1183982 Fri, 17 Aug 2018 09:30:41 +0000 https://positioningmag.com/?p=1183982 เมื่อตลาดเครื่องดื่มชูกำลังอยู่ในภาวะหดตัว การหันไปขยายฐานคนรุ่นใหม่ และการขยายไปสู่ต่างประเทศ จึงต้องเดินหน้าอย่างเข้มข้น

โรงงานผลิต เป็นอีกหนึ่งในปัจจัยที่จะช่วยสนับสนุนให้การไปสู่เป้าหมายได้รวดเร็วยิ่งขึ้น จึงเป็นที่มาของการย้ายฐานการผลิตบรรจุภัณฑ์ของคาราบาว กรุ๊ป มารวมศูนย์อยู่ที่ อ.บางปะกง จ.ฉะเชิงเทรา บนพื้นที่ 182 ไร่ เพียงแห่งเดียว ด้วยงบลงทุน 8,700 ล้านบาท (ไม่รวมที่ดิน)

ประกอบไปด้วย โรงงานบรรจุเครื่องดื่มชูกำลัง (CBD) โรงงานผลิตขวดแก้ว (APG) และโรงงานผลิตกระป๋องอะลูมิเนียม (ACM) ที่ได้ย้ายฐานการผลิตจากโรงงานเดิมที่บางบ่อมาที่นี่ทั้งหมด เตรียมรองรับการเติบโตในอนาคต

โดยเฉพาะโรงงานกระป๋องอะลูมิเนียมแห่งใหม่ ยังร่วมทุนกับบริษัท SHOWA DENKO Group จากญี่ปุ่น เป็นโรงงาน Top 5 ในด้านนี้ มีลูกค้ารายสำคัญอย่างคิรินและซัปโปโร  ซึ่งใช้งบลงทุนกว่า 2,200 ล้านบาท ก่อสร้างโรงงานผลิตกระป๋อง ทำให้คาราบาวกรุ๊ปมีกำลังการผลิตกระป๋องของตัวเอง 1,000 ล้านกระป๋องต่อปี เพื่อการส่งออกโดยเฉพาะ  โดยมีความเร็วในการผลิตกระป๋องแบบอ้วนเตี้ย (Stubby Can) สูงถึง 2,400 กระป๋องต่อนาที 

ส่วนโรงงานผลิตขวดแก้ว จะเพิ่มกำลังการผลิต จาก 640 ล้านขวด/ปี เพิ่มขึ้นเป็น 1,300 ล้านขวดปีในปี 2561 ปี และโรงงานบรรจุสินค้าเครื่องดื่มชูกำลัง (CBD) รูปแบบขวดกว่า 1,600 ล้านขวด/ปี ส่งออกไปจีนและพม่า และแบบกระป๋องส่งออกหมดปีละกว่า 1,500 ล้านกระป๋อง

โรงงานผลิตทั้ง 3 แห่งนี้ ถูกคาดหมายว่าจะรองรับกำลังการผลิตได้อีก 2 ปี

กมลดิษฐ สมุทรโคจร รองกรรมการผู้จัดการ และ Chief Production Officer (CPO) กลุ่มโรงงาน บริษัทคาราบาวกรุ๊ป จำกัด บอกว่า การมีโรงงานผลิตกระป๋องอะลูมิเนียมเป็นของตัวเอง จะช่วยลดต้นทุนและช่วยเพิ่มผลกำไรในระยะยาว ในอนาคตหากมีกำลังการผลิตเหลือจะสามารถผลิตและจำหน่ายให้กับลูกค้ารายอื่นได้อีกต่อไป

“ยังมีกำลังการผลิตเหลือ แต่ต้องดูยอดส่งออกด้วย โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์ที่เป็นพระเอกในจีนอย่างเครื่องดื่มชูกำลังคาราบาวแบบไม่อัดแก๊สในบรรจุภัณฑ์แบบกระป๋องสั้นขนาด 250 มล. ซึ่งถ้ายอดขายที่จีนเดินหน้าไปได้ดี ก็อีกไม่นานอาจลงทุนโรงงานใหม่เพิ่ม”

โรงงานทั้ง 3 แห่งของคาราบาวแดง ใช้เทคโนโลยีเพิ่มเรื่องการผลิตรวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น ช่วยลดต้นทุน ลดกำลังคน ซึ่งผู้ประกอบการไทยจะก้าวไปแข่งขันในระดับโลกได้ จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องพึ่งพานวัตกรรมและเทคโนโลยีเหล่านี้

กฤษณ์พงษ์ นิลวงษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท คาราบาวตะวันแดง จำกัด บอกว่า ตั้งแต่ 2545 ที่คาราบาวเปิดตัวเป็นครั้งแรกกับบทเพลงเพื่อชีวิต และเมสเสจ “นักสู้ผู้ยิ่งใหญ่” เพื่อขายในประเทศ

จนเวลานี้ ได้ขยายไปสู่การเป็นแบรนด์ตลาดโลก ได้ปรับภาพลักษณ์ให้มีความทันสมัยมากขึ้น ด้วยเมสเสจ “ทำให้สุดฝีมือ” (Do your best) เพื่อสอดรับกับเทรนด์ของตลาดโลกที่คนรุ่นใหม่นิยมดื่มเครื่องดื่มชูกำลังมากขึ้น

โดยในไทยเอง พบว่ามากกว่า 60% ของผู้บริโภคอายุน้อยกว่า 40 ปี มีอัตราการบริโภคเครื่องดื่มชูกำลังเพิ่มขึ้น 102% โดยยังมีสัดส่วนของผู้บริโภคเพศชายมากกว่าเพศว่าหญิง คิดเป็น 77% และ 23% ตามลำดับ

แผนการตลาดนี้ จึงมุ่งไปที่การปรับภาพลักษณ์แบรนด์ให้มีความทันสมัย เข้าถึงกลุ่มคนรุ่นใหม่มากขึ้น จากเทรนด์โลกที่พบว่าโลกกำลังขับเคลื่อนด้วยคนหนุ่มสาว ซึ่งกลุ่มนี้นิยมหันมาดื่มเอนเนอร์ยีดริงก์มากขึ้น ครึ่งปีหลังปี 2561 ใช้งบการตลาดกว่า 100 ล้านบาทจัดกิจกรรส่งเสริมการขายและโปรโมชั่นมากขึ้นในรายพื้นที่ รวมถึงทำการตลาดในช่องทางออนไลน์มากขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่อายุต่ำกว่า 40 ปีลงมา พบว่ามีอัตราการดื่มเครื่องดื่มชูกำลังเพิ่มขึ้น 102%

รวมถึงแผนการขยายเครื่องดื่มชูกำลังใหม่ที่เป็น Cabornated drink กลิ่น ‘กรีน แอปเปิล’ ในรูปแบบกระป๋องขนาด 325 มล. ใช้แรปเปอร์หนุ่ม “โต้ง Twopee” เป็นพรีเซ็นเตอร์ โดยเริ่มขายที่เซเว่น อีเลฟเว่น ต่อไปจะขยายช่องทางใหม่ๆ เพิ่มรสชาติให้หลากหลาย   

‘สาวบาวแดง’ หรือโปรโมชั่น เกิร์ล ของคาราบาวแดง จะทำหน้าที่อย่างเข้มข้นและละเอียดมากขึ้น เพื่อเป็นอาวุธในการบุกช่องทางเทรดดิชันนัลเทรด ซึ่งเครื่องดื่มชูกำลังขายผ่านช่องทางนี้ถึง 80% 

อย่างไรก็ตาม แม้จะพยายามลดทอนความดุดันและภาพลักษณ์ของนักรบจับดาบสู้ศึก รวมถึงเพลงเพื่อชีวิตในอดีตที่ตอกย้ำและสื่อสารกับผู้บริโภคมาเน่ิ่นนาน แต่ดีเอ็นเอสำคัญของแบรนด์อย่างแอ๊ด-คาราบาว หรือ ยืนยง โอภากุล ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่อันดับ 3 ใน CBG ด้วยสัดส่วน 7.05% ยังคงเดินสายทำกิจกรรม บุก On-ground activity ทั่วไทยเช่นเคย

คาราบาวแดงตั้งเป้าเติบโตในปีนี้ 30% แบ่งเป็นอัตราการเติบโตในประเทศ 10% และในต่างประเทศ 20% โดยคาราบาวแดงตั้งเป้าหมายชิงตลาดเอ็ม 150 ให้ได้ภายใน 2-3 ปี ด้วยส่วนแบ่งการตลาด 33% โดยเฉพาะการบุกอีสาน ซึ่งถือเป็นภูมิภาคหลักของตลาดเครื่องดื่มชูกำลัง (30%) ซึ่งคาราบาวแดงยังมีส่วนแบ่งการตลาดในภาคอีสานห่างจากผู้นำกว่าเท่าตัว.

]]>
1183982
ตลาดเครื่องดื่มชูกำลัง “ขาลง” “คาราบาว” ขอโกอินเตอร์เต็มขั้น! https://positioningmag.com/1172686 Mon, 04 Jun 2018 05:11:05 +0000 https://positioningmag.com/?p=1172686 นับตั้งแต่ “เสถียร เศรษฐสิทธิ์” ผู้ก่อตั้ง บมจ.คาราบาว กรุ๊ป (CBG) ประกาศกร้าวพาเครื่องดื่มชูกำลังแบรนด์ไทย “คาราบาวแดง” ขยับสู่เวทีระดับอินเตอร์ “Global Brand” นับว่าเป็นการมาถูกทาง เพราะนอกจากจะเสาะแสวงหาขุมทรัพย์ธุรกิจใหม่ๆ ที่ใหญ่แล้ว ยังเป็นการชิ่งหนีสถานการณ์เครื่องดื่มชูกำลังภายในประเทศที่เป็นสาละวันเตี้ยลง จากภาวะตลาดที่ “หดตัว” อย่างต่อเนื่อง

รายงานผลประกอบการไตรมาส 1 ของ CBG ที่ออกมา พบว่า รายได้รวมของบริษัทอยู่ที่ 3,350 ล้านบาท เติบโต 24.8% และสัดส่วนรายได้ก็เริ่มพลิกสัดส่วนมากขึ้น เมื่อรายได้ในประเทศเริ่มปรับลดลงเหลือ 54% ต่างประเทศอยู่ที่ 46% จากเดิมในประเทศมากถึง 67% และต่างประเทศ 33%

สำหรับรายได้เครื่องดื่มชูกำลังอยู่ที่ 2,830 ล้านบาท เติบโต 22.3% เป็นในประเทศ 46% และต่างประเทศ 54% จากเดิมในประเทศ 62% และต่างประเทศ 38%

เมื่อดูการทำเงิน สะท้อนให้เห็นว่า “คาราบาวแดง” ยังโตได้ สวนทางตลาดรวมเครื่องดื่มชูกำลังกว่า 3 หมื่นล้านบาท ที่ไตรมาส 1 หดตัวเพิ่มเป็น 3.6% จากปี 2560 ตลาดหดตัวไปแล้ว 2.8% และเป็นตลาดขาลงติดต่อกันมา 3 ปีแล้ว กลายเป็นตลาดที่ “อ่อนแรง” ไม่สมชื่อชูกำลังซักเท่าไหร่

ส่วนสาเหตุหลักที่ฉุดให้ตลาดตก มาจากภาวะเศรษฐกิจกำลังซื้อที่ไม่ได้โตหวือหวามากนัก โดยเฉพาะ “ผู้บริโภคฐานราก” ซึ่งกลุ่มนี้เป็นฐานลูกค้ากลุ่มเป้าหมายตัวยงที่ดื่มเครื่องดื่มชูกำลังวันละไม่เกิน 2 ขวด ในราคาขายราว 10 บาทเท่านั้น

ขณะที่การบุกต่างประเทศ ประเด็นที่น่าจับตาคือการยึด 2 ฐานตลาดเป็นทัพหน้า คือ “อังกฤษ” เพื่อบุกยุโรป และ “จีน” ซึ่งต่างเป็นด่านในการขยายสู่ “ขุมทรัพย์” เครื่องดื่มชูกำลังของจริง

“อังกฤษ” เป็นตลาดที่ “เจ้าพ่อเสถียร” ทุ่มเงินไปมหาศาลร่วม “พันล้าน” เริ่มจากเป็นสปอนเซอร์ให้ทีมสโมรสรฟุตบอลเล็กๆ อย่าง “เรดดิ้ง” ซึ่งเป็นของทุนไทย “ตระกูลศรีวิกรม์” ตามด้วยไต่สเต็ปหนุนสโมสรฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษชั้นนำอย่าง “เชลซี” (Global Partner) 5 ฤดูกาล สิ้นสุดที่ฤดูกาล 2563/64 และล้ำไปอีกขั้นเมื่อเข้าไปเป็นผู้สนับสนุนการแข่งขันฟุตบอลสุดเก่าแก่ของอังกฤษ “อีเอฟแอล” และเปลี่ยนชื่อเป็น “คาราวบาวคัพ” เป็นระยะเวลา 3 ปี (2560-2563) ที่มีทีมร่วมแข่งขัน 90 ทีม ซึ่งรายการดังกล่าว น้ำดำระดับโลกอย่าง “โคคา-โคล่า” และเบียร์ “คาร์ลิ่ง” ก็ตบเท้าเป็นสปอนเซอร์ และใช้ “แบรนด์” เป็นชื่อเรียกรายการหมดแล้ว

ดังนั้น ในการรายงานการจับคู่ ตลอดจนผลการแข่งขัน จะมีชื่อ “คาราบาว” ปรากฏบนหน้าสื่อ ซึ่งหากคิดเป็นมูลค่าที่ต้องซื้อโฆษณาบนสื่อต่างๆ ต้องถือว่าเป็นเงินจำนวนไม่น้อยทีเดียว แต่กลยุทธ์ดังกล่าวช่วยเป็น “ทางลัด” ในการสร้างรับรู้แบรนด์ได้เร็วขึ้นอีกนิด

นอกจากรุกคืบสร้างแบรนด์ แต่การกระจายสินค้าเป็นหัวใจสำคัญมาก เพราะถ้าผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมายรู้จักและมีความต้องการสินค้าแต่หาซื้อไม่ได้ อาจเป็นผลกระทบต่อแบรนด์ได้ แต่ “คาราบาว” ปูทางกระจายสินค้าได้ดี เพราะล่าสุด Intercarabao Limited หรือ ICUK ได้บรรลุข้อตกลงนำเครื่องดื่มชูกำลัง “คาราบาว” กระจายสู่ระบบเครือข่ายร้านค้าสมัยใหม่หลายราย รวมถึง ASDA ร้านค้าปลีกสำคัญเบอร์ 2 ของอังกฤษ ที่ปัจจุบันคือบริษัทในเครือของ “Walmart” ไปแล้ว

จากก่อนหน้านี้ บริษัทขายสินค้าในร้านค้าปลีก Sainsbury’s Co-op Ocado Poundland และอื่นๆ จนเข้าถึง (Reach) ร้านค้าแล้วกว่า 2 หมื่นแห่ง และยังมีสินค้าใหม่ Carabao Energy Drink Mandarin Orange เข้าทำตลาด โดย ICUK นอกจากทำตลาดในอังกฤษแล้ว ยังดูแลตลาดอื่นนอกทวีปเอเชียด้วย การออกสตาร์ทแรกๆ ทำเงินได้มากกว่า 40 ล้านบาท ไปเสริมกับ “คาราบาวตะวันแดง” ที่ดูตลาดต่างประเทศทำรายได้กว่า 1,500 ล้านบาท ถือเป็นแนวโน้มที่ดี

ส่วน “จีน” ที่เจ้าตลาดเดิม “กระทิงแดง” กำลังตกอยู่ในสถานการณ์ “เพลี่ยงพล้ำ” เพราะมีความไม่ลงรอยกับพันธมิตรเดิม ทำให้ “คาราบาว” อาศัยจังหวะเข้าเสียบตลาดทันที แต่เบิ้ม “แดนมังกร” ไม่ง่ายที่จะเจาะตลาด เพราะเดิมคาราบาวแดงวางโมเดลธุรกิจ ดันบริษัทแม่รุกเต็มสูบ แต่ทำแผนแล้วส่อเค้า “ขาดทุนยับ” เป็น “หมื่นล้านบาท” เจ้าพ่อเสถียรเลยแก้เกม เข้าไปร่วมทุน (JV China) กับกลุ่ม DAI Group และกลุ่มผู้บริหารชาวจีน จนสามรถครอบคลุมช่องทางจำหน่าย 3 แสนจุด ใน 30 มณฑล ซึ่งไตรมาสแรกทำเงินได้แล้ว 200 กว่าล้านบาท ฐานยังเล็ก เลยโตแรง 379%

สำหรับตลาดต่างประเทศที่ทำเงินให้ “คาราบาว” เวลานี้ ยังเป็นกลุ่มประเทศเพื่อนบ้าน กัมพูชา ลาว เมียนมา และเวียดนาม (CLMV) กว่า 1,200 ล้านบาท แต่อนาคตหากตลาดจีนและยุโรปขยายตัว จะทำเงินแซงอาเซียนได้ และปัจจุบันคาราบาวยังเดินเกมขยายตลาดไปยังออสเตรเลีย ลิเบียเพิ่มเติม   

แม้บุกในต่างแดนแต่ก็ไม่ทิ้งฐานทัพในบ้าน โดยคาราบาวแดงยังใช้กลยุทธ์การตลาดครบวงจร ทั้งออนแอร์ ออนไลน์ และออนกราวด์ และขาดไม่ได้คือ “สาวบาวแดง” บุกทุกจุด ขณะเดียวกัน เมื่อตลาดเครื่องดื่มชูกำลังขาลง เลยไม่พลาดที่จะกระจายความเสี่ยง “แตกไลน์” ลุยกาแฟพร้อมดื่มรูปแบบกระป๋อง น้ำดื่ม และรับจ้างจัดจำหน่ายและกระจายสินค้าอุปโภคบริโภคให้กับแบรนด์เล็กๆ อีก 24 แบรนด์ เช่น น้าตาลสด “บ้านอ้อย” มะขามคลุกบ๊วย ตรา “เปรี้ยวปาก” น้ำยาล้างจาน “ว้าว” น้ายาปรับผ้านุ่ม “ซอฟท์ ดี” เป็นต้น

และที่ขาดไม่ได้คือ ลุยธุรกิจร้านสะดวกซื้อ “CJ Express” (ซีเจ เอ็กซ์เพรส) ซึ่งมีสาขาให้บริการมากถึง 250 สาขาแล้ว  

ทั้งหมดคือเกมรบของ “คาราบาวกรุ๊ป” เมื่อตลาดเครื่องดื่มชูกำลังในบ้านแผ่ว ขุนไม่ขึ้น ไปกอบโกยขุมทรัพย์นอกบ้านดีกว่า ส่วนจะสำเร็จดังเป้าหมายไหม ต้องติดตามกันยาวๆ.

]]>
1172686
“คาราบาวแดง” บูมเครือข่ายจัดจำหน่าย ลดต้นทุน เพิ่มโอกาสขายสินค้าให้พันธมิตร https://positioningmag.com/1126018 Thu, 18 May 2017 03:55:09 +0000 http://positioningmag.com/?p=1126018 ทำตลาดอย่างเดียวไม่ได้ ระบบหลังบ้านก็สำคัญ ยิ่งในรายไหนมีโลจิสติกส์จำหน่ายสินค้าเองด้วยแล้ว อย่างคาราบาวแดง ที่สร้างหน่วยกระจายสินค้าเอง ผ่าน Cash Van ไปยังหน้าร้านค้าปลีกทั่วประเทศ

คาราบาวมองว่า ไหนๆ ก็ลงทุนสร้างเครือข่ายจำหน่ายเองแล้ว รีบกระจายสินค้าให้รายอื่นๆ ด้วยเลย มีรายได้แล้วยังมีอำนาจต่อรองเพิ่มขึ้นด้วย

โดยคาดว่าการขยายโอกาสการค้าสำหรับพาร์ตเนอร์ผู้ผลิตสินค้าประเภทอื่น ใช้สายส่งเดียวกันกระจายสินค้าผ่านจุดจำหน่ายทั่วประเทศ จะสร้างยอดขายโดยรวมจากธุรกิจโลจิสติกส์เพิ่มขึ้นมากกว่า 40%

ร่มธรรม เศรษฐสิทธิ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ คาราบาว กรุ๊ป กล่าวว่า ในอุตสาหกรรมเครื่องดื่มและตลาดค้าปลีกนั้น นอกจากสินค้าแล้ว ระบบการจัดจำหน่ายสินค้าถือเป็นปัจจัยอันดับต้นๆ ที่ช่วยให้ธุรกิจเติบโตและอยู่รอดได้ ดังนั้นจึงให้ความสำคัญกับการพัฒนาธุรกิจด้านโลจิสติกส์ โดยมีระบบจัดจำหน่ายสินค้าเองเพิ่มมากขึ้น กระจายสินค้าผ่าน31ศูนย์ มีรถกระจายสินค้าหรือ Cash Van จำนวนกว่า 300 คัน ครอบคลุมร้านค้าทั่วประเทศมากกว่า 3 แสนราย และมีเซลส์คาราบาวเข้าไปช่วยขายหน้าร้าน1-2 ครั้งต่อเดือน

มีการจับมือกับพาร์ตเนอร์ผู้ผลิตสินค้าทั้งในและต่างประเทศนำเสนอสินค้าผ่านช่องทางนี้ โดยมองเป้าหมายถึงการสร้างเครือข่ายร้านค้า เพื่อเพิ่มโอกาสในการซื้อสินค้ามากกว่าหนึ่งประเภทมากขึ้น และหวังว่า Cash Van จะเติมเต็มการจัดจำหน่ายสินค้าในประเทศได้อย่างเต็มที่ ตอบสนองพฤติกรรมลูกค้าที่ต้องการสินค้าจากการซื้อตามร้านค้า และเมื่อเราเพิ่มจำนวนหน้าร้านได้ ยอดขายของบริษัทฯ ก็จะเพิ่มขึ้นเช่นกัน

คาราบาว กรุ๊ป จึงต้องลงทุนใช้เทคโนโลยีมาช่วยบริหารจัดการกลุ่มรถและติดตามรถขนส่งNOSTRA Logistics:Cloud Shipment Management” จากบริษัท จีไอเอส จำกัด นอสตร้าโลจิสติกส์ เพื่อใช้ในการบริหารจัดการกลุ่มรถ (Fleet Management) และติดตามรถขนส่ง (GPS Tracking) แบบเรียลไทม์ สามารถใช้งานผ่าน Web Application และ Mobile Application ได้ตลอด 24 ชั่วโมง มาเสริมประสิทธิภาพให้แก่การจัดการขนส่ง และลดต้นทุนการขนส่ง มีแผนที่นอสตร้า (NOSTRA Map) ค่อนข้างละเอียด ประเทศไทยที่มีข้อมูลเฉพาะพื้นที่ละเอียดทำให้ต่อยอดจุดจำหน่ายสินค้าได้แม่นยำ

การลงทุนครั้งนี้ ไม่ได้บอกว่าใช้เงินเท่าไหร่ แต่คาดว่าจะเพิ่มยอดขาย และได้จำนวนร้านค้าที่เพิ่มขึ้นจาก 75% เป็น 90% ภายใน1 ปี และจะช่วยกระตุ้นยอดขายโดยรวมในประเทศของคาราบาว กรุ๊ปให้เพิ่มขึ้นได้กว่า 40%

สร้างโรงงานผลิตขวดแก้ว

นอกจากนั้นคาราบาวแดงยังสร้างกลุ่มธุรกิจโรงงานผลิตขวดแก้ว มีกำลังการผลิตถึง 650 ล้านขวด ลดค่าใช้จ่ายต้นทุนโดยการผลิตขวดสีชา ผ่านบริษัทในเครือ เอเชีย แปซิฟิคกลาส ลดต้นทุนการผลิตได้หลายร้อยล้านบาทต่อปี และมองว่าจะเพิ่มเตาผลิตขวดอีกหนึ่งโรงงาน เพื่อให้รองรับอัตราการผลิตที่มีอยู่เดิมและจะเพิ่มขึ้นในอนาคต อีกทั้งยังได้ร่วมลงทุนกับบริษัทจากญี่ปุ่นในเครือ Showa Denko K.K. ในการผลิตกระป๋องด้วย โดยคาดว่าจะแล้วเสร็จในไตรมาสที่ ปี 2561

]]>
1126018
ถอดกลยุทธ์ “คาราบาวแดง” ลุยสปอร์ต มาร์เก็ตติ้ง ติดสปริงบอร์ดทำตลาดยุโรป https://positioningmag.com/1108632 Mon, 21 Nov 2016 03:09:54 +0000 http://positioningmag.com/?p=1108632 • เซ็นสัญญาเป็นสปอนเซอร์ลีกคัพ อังกฤษเป็นเวลา 3 ปี เปลี่ยนชื่อเป็นคาราบาวคัพ

• ตั้งเป้าส่วนแบ่งการตลาดในประเทศอังกฤษ 10% ภายใน 10 ปี

• ปั้นยอดขายต่างประเทศ 50% จากปัจจุบัน 30% แข็งแกร่งใน CLMV

]]>
  • เซ็นสัญญาเป็นสปอนเซอร์ลีกคัพ อังกฤษเป็นเวลา 3 ปี เปลี่ยนชื่อเป็นคาราบาวคัพ
  • ตั้งเป้าส่วนแบ่งการตลาดในประเทศอังกฤษ 10% ภายใน 10 ปี
  • ปั้นยอดขายต่างประเทศ 50% จากปัจจุบัน 30% แข็งแกร่งใน CLMV
  • สร้างปรากฏการณ์ให้กับแบรนด์ไทยพอสมควรสำหรับคาราบาวแดงที่เซ็นสัญญาสปอนเซอร์ฟุตบอลลีกคัพของอังกฤษ หรือ EFL เป็นระยะเวลา 3 ปี ตั้งแต่ฤดูกาลที่ 2017-2020 พร้อมเปลี่ยนชื่อเป็นคาราบาวคัพเป็นการปูทางในการทำตลาดสู่ประเทศอังกฤษ และยุโรป ให้รู้จักแบรนด์มากขึ้น ซึ่งลีกคัพเป็นการแข่งขันฟุตบอลถ้วยที่มีการแข่งขันทั้งหมด 92 ทีมจากทั่วเกาะอังกฤษ

    1_carabao

    เส้นทางการขยายตลาดสู่ประเทศอังกฤษของคาราบาวแดงเริ่มต้นตั้งแต่ปี 2558 มีการส่งออกและจัดจำหน่าย และเริ่มมีการทำการตลาดด้วยการเป็นสปอนเซอร์สโมสร เรดดิ้งในลีกแชมเปี้ยนชิพ ลีกรองจากพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ที่มีโลโก้บนเสื้อ และเป็นสปอนเซอร์ในรูปแบบที่มีชื่อแบรนด์ในสนาม เป็นการนำชื่อแบรนด์ไปผูกติดกับกีฬาเพื่อให้เป็นที่รู้จักมากขึ้น

    จากนั้นในปี 2559 คาราบาวแดงเริ่มโหมหนักมากขึ้นด้วยการเป็นสปอนเซอร์ระดับพันธมิตรหลักกับฟุตบอลเชลซี สโมสรในพรีเมียร์ลีก อังกฤษ นาน 3 ฤดูกาล เริ่มปี 2016-2019 โดยใช้งบลงทุน 10 ล้านปอนด์/ปี ทำให้โลโก้คาราบาวแดงจะปรากฏบนเสื้อซ้อมทั้งหมด 6 วัน/สัปดาห์ รวมถึงอื่นๆ อย่าง พนักเก้าอี้ของผู้จัดการทีมและตัวสำรองที่สนาม ป้ายโฆษณาดิจิตอลและรอบสนาม ตลอดจนสื่อต่างๆ ของสโมสร ป้ายให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนตลอดฤดูกาล 2016-2019

    การเข้าสนับสนุน EFL ครั้งนี้ ได้ใช้เงินลงทุน 18 ล้านปอนด์เป็นเวลา 3 ปี หรือคิดเป็นเงินไทยราว 800-900 ล้านบาท โดยที่มีการแบ่งจ่าย 3 งวด ครั้งละ 5 ล้านปอน์ 6 ล้านปอนด์ และ 7 ล้านปอนด์ในปีสุดท้าย สิ่งที่แบรนด์จะได้ก็คือโลโก้ของคาราบาวแดงไปปรากฏอยู่บนเสื้อของนักฟุตบอลทุกคนที่ลงแข่งขัน รวมถึงตั๋วเข้าชมทุกแมตช์ ป้ายโฆษณาในทุกสนามที่มีการถ่ายทอดสด การประดับสนามเวมบลีย์ที่ใช้ในการแข่งขันรอบลึกๆ จนถึงนัดชิงชนะเลิศ บอร์ดประกาศต่างๆ, แบ็กดร็อปที่ใช้ในการสัมภาษณ์ก่อนและหลังการแข่งขันทุกแมตช์ และอื่นๆ อีกมากมาย

    คาราบาวแดงหวังใช้กลยุทธ์สปอร์ต มาร์เก็ตติ้ง โดยใช้ฟุตบอลเป็นหัวหอกหลักในการเป็นทางลัดในการทำตลาดในประเทศอังกฤษ และขยายต่อไปยังอเมริกา และยุโรป เพราะด้วยเป็นกีฬายอดนิยมไปทั่วโลก และสามารถยกระดับแบรนด์ให้มีความสากลได้ เพิ่มขีดจำกัดในการแข่งขัน

    และด้วยตลาดเครื่องดื่มชูกำลังในประเทศไทยไม่ค่อยมีการเติบโตมากปัจจุบันมีมูลค่าตลาดราว 30,000 ล้านบาท ในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมาติดลบ 1% เพราะด้วยสภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว แต่ในตลาดทั่วโลกมีมูลค่าถึง 3.3 ล้านล้านบาท และคาราบาวแดงมีการเติบโตจากช่องทางต่างประเทศถึง 40%

    2_carabao

    เสถียร เศรษฐสิทธิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท คาราบาวกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “โจทย์ของเราในตอนแรกก็คือ ทำอย่างไรให้คาราบาวแดงขายไปได้ทั่วโลก การขยายไปต่างประเทศมันเพิ่มโอกาสมากกว่าในไทย ซึ่งในประเทศอังกฤษ ในยุโปขายได้ราคากว่า เขามีกำลังซื้อ ขายได้กำไรกว่าประเทศไทย หลังจากที่เราเข้าตลาดหลักทรัพย์ทำให้เรามีเงินทุน กล้าทำอะไรใหญ่ๆ ขึ้น จึงเดินหน้าบุกตลาดอังกฤษ และยุโรป”

    เสถียรกล่าวเสริมถึงการเป็นสปอนเซอร์ลีกคัพครั้งนี้ต่อว่า เป็นการเปิดโอกาสในการทำตลาดในยุโรปครั้งใหญ่เลย เพราะชื่อไปอยู่ในทัวร์นาเมนต์การแข่งขันใหญ่ๆ จากที่เป็นสปอนเซอร์เชลซีสามารถทำตลาดได้แค่ในลอนดอน หรือพื้นที่ใกล้เคียงเท่านั้น แฟนสโมสรอื่นก็นทำตลาดด้วยไม่ได้ และให้คนได้เห็นว่าคาราบาวแดงมีการทำตลาดที่จริงจัง ในการเข้าไปเสนอขายในห้างค้าปลีกก็ไม่ปฏิเสธเรา เพราะคุ้นชื่อเราจากคาราบาวคัพ เพราะการแข่งขันในยุโรปก็ดุเดือด มีแบรนด์ชูกำลังกว่า 40 แบรนด์ 

    Enegy ในยุโรป ไม่มีภาพลักษณ์ถึกๆ

    การที่เครื่องดื่มชูกำลังในประเทศไทยขยายตลาดสู่ต่างประเทศกันมากขึ้น เพราะมีโอกาสการขายได้มากกว่า ด้วยภาพลักษณ์ของเครื่องดื่ม Energy drink ไม่ได้เป็นเครื่องดื่มสำหรับคนใช้แรงงานเหมือนในบ้านเรา แต่เขามองเป็นเครื่องดื่มให้ความสดชื่น กลุ่มคนที่ดื่มก็กว้างทุกเพศทุกวัย โดยฉพาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ ไม่จำกัดเหมือนในประเทศไทย

    ทำให้ได้เห็นการเคลื่อนไหวของคาราบาวแดงในเกาะอังกฤษด้วยการเป็นสปอนเซอร์ในงานเดินแบบลอนดอน แฟชั่นวีคเมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมาด้วย เพราะที่อังกฤษผู้หญิงก็ดื่มเครื่องดื่มชูกำลัง ต้องการทำตลาดให้เข้าถึงทุกกลุ่มนอกจากฟุตบอล

    word_icon

    ภาพลักษณ์ของเครื่องดื่มชูกกำลังในไทย กับต่างประเทศจะต่างกัน ในยุโรปจะไม่มีภาพถึกๆ แต่จะเป็นภาพลักษณ์ที่ทันสมัย เซเลบริตี้นิยมดื่ม มีราคาแพงกว่าเบียร์เสียอีก และที่สำคัญคือตลาดกว้างมาก ทั้งผู้หญิงและผู้ชายดื่ม ไม่จำกัดกลุ่มเหมือนในประเทศไทย

    word_icon2

    คาราบาวแดงตั้งงบการตลาดในต่างประเทศไว้ราว 500 ล้านบาท เป็นงบในการทำการตลาดทุกประเทศรวม 30-40 ประเทศ แต่เป็นคนละก้อนกับงบสปอนเซอร์ EFL ทำให้คาราบาวแดงตั้งเป้ารายได้ยอดขายจากต่างประเทศมีสัดส่วน 50% จากที่ปัจจุบันมีสัดส่วน 30% แต่มีการเติบโตถึง 40% ในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมา ในขณะที่ตลาดในประเทศเติบโต 12%

    โดยที่ตลาดต่างประเทศเป็นสัดส่วนของกลุ่มประเทศ CLMV 60% ยุโรปยังมีสัดส่วนที่น้อยอยู่

    สาวบาวแดงพี่แอ๊ด หัวหอกในไทย

    word_icon

    ลำพังในไทย พี่แอ๊ดคนเดียวเอาอยู่

    word_icon2

    เสถียรได้พูดถึงทิศทางการทำตลาดในประเทศไทยของคาราบาวแดงต่อ ในประเทศไทยแค่ให้แอ๊ดคาราบาวเป็นคนทำการตลาดอย่างเดียวก็เพียงพอแล้ว และผนึกกับสาวบาวแดงที่ปัจจุบันมีเครือข่าย 500-600 คน

    ซึ่งงบการตลาดในประเทศไทยได้ใช้ 500 ล้านบาทเท่ากับในต่างประเทศ แต่เน้นช่องทางทำกิจกรรม Below the line มากกว่า

    “ภาพลักษณ์ของคาราบาวแดงในไทยยังติดกับวงคาราบาวอยู่ ยังมีความเป็นดนตรี ให้พี่แอ๊ดคนเดียวก็เอาอยู่แล้ว การทำตลาดในปีต่อๆ ไปยังคงเน้นเรื่องดนตรี ปีหน้าจะมีการทำศูนย์ซ้อมดนตรีให้แก่เยาวชน เรียกว่าบาวยังบลัด ตั้งอยู่ที่บริเวณหลังบริษัทที่สีลมเลย”

    ส่วนการทำตลาดในประเทศกลุ่ม CLMV ที่ตอนนี้มีสัดส่วนรายได้ 60% ของรายได้ต่างประเทศ ก็ยังคงยึดโมเดลการทำตลาดโดยสาวบาวแดงที่ใช้ได้ผลกับประเทศในกลุ่มนี้เช่นกัน

    plan_carabaonew

    t1_carabao_new

    t2_carabao_new

    t4_carabao_new2

    ]]>
    1108632
    “คาราบาวแดง” สปอนเซอร์ “ลีกคัพ อังกฤษ” จัดหนัก ปั้นแบรนด์โกอินเตอร์ https://positioningmag.com/1107538 Sat, 05 Nov 2016 00:55:48 +0000 http://positioningmag.com/?p=1107538 “คาราบาวแดง” เครื่องดื่มชูกำลังแบรนด์ดังของไทย บรรลุข้อตกลงสนับสนุนการแข่งขันฟุตบอล ลีก คัพ ของประเทศอังกฤษ เรียบร้อยแล้ว เป็นเวลา 3 ปี เริ่มตั้งแต่ฤดูกาล 2017-18 เป็นต้นไป

    เว็บไซต์อย่างเป็นทางการของทัวร์นาเมนต์ “EFL.com” คลอดแถลงการณ์ยืนยัน จะเปลี่ยนชื่อเป็น “คาราบาว คัพ” ตลอด 3 ซีซันถัดไป และจะมีการใช้ริบบิ้นผูกติดกับโทรฟีตามสีประจำองค์กร (เขียว) ตลอดจนการติดตั้งป้ายโฆษณาในสนามทุกแห่งที่มีการแข่งขัน รวมรอบชิงชนะเลิศ ที่เวมบลีย์

    ผู้ผลิตเครื่องดื่มชูกำลังที่เปิดตัวอย่างเป็นทางการ เมื่อ พ.ศ. 2545 เริ่มเป็นที่รู้จักในวงการลูกหนังเมืองผู้ดี โดยก่อนหน้าเพิ่งเซ็นสัญญาเป็นพันธมิตรกับ เชลซี ยักษ์ใหญ่ของ พรีเมียร์ ลีก ตั้งแต่ช่วงซัมเมอร์ ปี 2016

    นอกจากนี้ “คาราบาวแดง” ยังมีโลโก้ติดอยู่บนชุดแข่ง เรดดิง สโมสรของคนไทย ระดับ เดอะ แชมเปียนชิป ที่เพิ่งถูก อาร์เซนอล เขี่ยตกรอบ 16 ทีมสุดท้าย รายการนี้มาแล้ว ปลายเดือนตุลาคมที่ผ่านมา

    ชอน ฮาร์วี ประธานบริหาร “อีเอฟแอล (EFL)” กล่าว “นี่เป็นข้อตกลงครั้งสำคัญสำหรับทั้ง 2 ฝ่าย ผมมีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ต้อนรับ คาราบาวแดง ในฐานะผู้สนับสนุน อีเอฟแอล คัพ ผมขอขอบคุณทีมงานของ คาราบาวแดง ที่ช่วยประสานงานให้การเจรจาราบรื่น และสัมฤทธิ์ผลด้วยดี ผมจดจ่อที่จะร่วมงานกับพวกเขาอีก 2-3 ปีข้างหน้า” 

    นับเป็นเครื่องดื่มชูกำลังของไทยอีกแบรนด์ที่กำลัง “โกอินเตอร์” ตามรอยแบรนด์รุ่นพี่ อย่าง กระทิงแดง ที่ปั้น แบรนด์ “เรดบลู” บุกตลาดต่างประเทศกว่า 108 ประเทศทั่วโลกมาแล้ว

    สำหรับ “คาราบาวแดง” เริ่มทำตลาดในไทย ในปี 2545 โดยการนำชื่อของ วงคาราบาว มาผสมผสานกับชื่อของ โรงเบียร์เยอรมันตะวันแดง ภายใต้สโลแกน “คาราบาวแดง เชิดชูนักสู้ผู้ยิ่งใหญ่” ที่ผ่านมาใช้กลยุทธ์การตลาดเชิงรุก ส่งทีมขายและทีมสาวบาวแดง เจาะตลาดท้องถิ่นในต่างจังหวัด เพื่อชิงส่วนแบ่งตลาดาจากเบอร์ 2 คือ กระทิงแดงมาได้   ควบคู่ขยายตลาดไปยังกลุ่มประเทศ CLMV กัมพูชา ลาว พม่า และเวียดนาม

    แต่เมื่อประเมินแล้วว่าตลาดเครื่องดื่มชูกำลังในประเทศ มูลค่า 3 หมื่นล้าน กำลังต้องเผชิญกับภาวะเศรษฐกิจขาลง กำลังซื้อชะลอตัว จนทำให้ตลาดในประเทศติดลบ คาราบาวจึงต้องการขยับขยายไปในตลาดต่างประเทศ ซึ่งทำสัดส่วนยอดขายเกิน 30% มาแล้ว และที่สำคัญโอกาสของตลาดยังมีอยู่มาก เนื่องจากเครื่องดื่มชูกำกำลัง ถือเป็นตลาดพรีเมียมที่คนนิยมทั่วไปนิยมดื่ม แตกต่างจากตลาดไทยที่ถูกมองว่าเป็นเครื่องดื่มของคนใช้แรงงาน ทำให้ตลาดเครื่องดื่มชูกำลังทั่วโลก มีมูลค่าอยู่ถึง 3.3 ล้านบาท

    "คาราบาวแดง" คาดบนอกเสื้อ เรดดิง
    “คาราบาวแดง” คาดบนอกเสื้อ เรดดิง

    คาราบาวแดง เลือกขยายเข้าไปปักหลักทำตลาดไปในโซนสหราชอาณาจักร ด้วยการตั้งบริษัทตัวแทนจำหน่าย ควบคู่ไปกับการสร้างแบรนด์ด้วยการเป็นสปอนเซอร์ สนับสนุนทีม เชลซี ทีมฟุตบอลชื่อดังในพรีเมียร์ลีก อังกฤษ เพื่อต้องการชิงส่วนแบ่งตลาดในอังกฤษ ให้ได้ 10% ก่อนจะขยับขยายไปยังยุโรป และสหรัฐอเมริกา ที่จะเป็นเป้าหมายต่อไป

    ไม่ใช่แค่สนามฟุตบอลเท่านั้น แต่แบรนด์คาราบาว ยังไปปรากฎบนเวทีแฟชั่นระดับโลก ด้วยการเป็นสปอนเซอร์งาน “ลอนดอน แฟชั่น วีค” ที่จัดขึ้นในช่วงเดือนกันยายน 2559 และล่าสุดคือการเป็นสปอนเซอร์ สนับสนุนการแข่งขันฟุตบอล ลีก คัพ ของประเทศอังกฤษ ส่งผลให้ ชื่อแบรนด์ “คาราบาว คัพ” ปรากฎบนสนามตลอด 3 ซีซัน รวมทั้งป้ายโฆษณาในทุกนัดที่มีการแข่งขัน และนั่นคืออีกก้าวรุกของการ โกอินเตอร์ ที่มีตลาดอังกฤษ เป็นเดิมพัน

    ที่มา : http://manager.co.th/Sport/ViewNews.aspx?NewsID=9590000110541

    ]]>
    1107538