“เทสโก้ โลตัส” ขอความร่วมมือลูกค้างดรับถุงเมื่อซื้อสินค้าน้อยกว่า 2 ชิ้น ตั้งแต่ 15 สิงหาคม

“เทสโก้ โลตัส” ก็เป็นอีกรายที่ออกมาตรการนี้ด้วยอย่างล่าสุดตั้งแต่ 1 กรกฎาคมที่ผ่านมา ได้ประกาศเลิกใช้ถาดโฟมในทุกสาขา นอกจากนั้นคงพิจารณามาตรการต่างๆ ที่จะลดการใช้ถุงพลาสติกและบรรจุภัณฑ์อย่างต่อเนื่อง

และจากการพิจารณาพฤติกรรมการซื้อสินค้าของลูกค้าโดยเฉพาะในสาขารูปแบบเอ็กซ์เพรสและตลาด พบว่าลูกค้าจำนวนมากซื้อสินค้าน้อยชิ้นกว่าในไฮเปอร์มาร์เก็ต จึงเป็นที่มาของการเริ่มใช้มาตรการงดใช้ถุงพลาสติกสำหรับลูกค้าที่ซื้อสินค้า 1 – 2 ชิ้น ในสาขาเอ็กซ์เพรสและตลาดทั่วประเทศ รวมประมาณ 1,800 สาขา ตั้งแต่วันที่ 15 สิงหาคมนี้ เป็นต้นไป โดยลูกค้าที่ไม่รับถุงจะได้รับแต้มคลับการ์ดแทน

ที่ผ่านมา “เทสโก้ โลตัส” ได้นโยบายลดใช้ถุงพลาสติกและบรรจุภัณฑ์มาหลากหลายข้อได้แก่

• เริ่มรณรงค์ลดใช้ถุงพลาสติกผ่านโครงการภูมิใจไม่ใช้ถุง ตั้งแต่ปี 2553 สามารถลดถุงพลาสติกไปได้ทั้งหมด 190 ล้านใบ และได้มอบแต้มคลับการ์ดให้ลูกค้าที่ไม่รับถุงไปแล้วทั้งสิ้น 5,900 ล้านแต้ม
• ร้านค้าปลอดถุงพลาสติก 9 แห่ง และมีแผนขยายจำนวนสาขาอย่างต่อเนื่องงดให้บริการถุงพลาสติกทุกวัน
• ยกเลิกการใช้ถาดโฟมในทุกสาขาทั่วประเทศ ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2562
• เปลี่ยนถาดเนื้อสัตว์เป็นถาดเธอร์โมฟอร์ม ลดการใช้พลาสติก 400 ตันต่อปี ใช้วัสดุที่รีไซเคิลได้ 100%
• เครื่อง Reverse Vending Machine รีไซเคิลขวดพลาสติกและกระป๋องอะลูมิเนียม ติดตั้งใน 13 สาขา มอบแต้มคลับการ์ดเมื่อลูกค้านำขวดและกระป๋องมารีไซเคิล

“แฟมิลี่มาร์ท” ประกาศ “โนแบ็คสโตร์” งดให้ถุงพลาสติกทุกวันใน 10 สาขา ตลอด 24 ชั่วโมง

ในขณะที่ “แฟมิลี่มาร์ท” ได้เพิ่มร้านงดแจกถุงพลาสติก หรือ No Bag Stores เป็น 10 สาขา จากเดิมมีเพียง 1 สาขา ในพื้นที่กรุงเทพฯ เพื่อเชิญชวนลูกค้าในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการ งด ละ เลิก การใช้ถุงพลาสติกในทุกวัน ตลอด 24 ชั่วโมง

เนื่องจากมีข้อมูลพบว่าปัจจุบันคนไทยใช้ถุงเฉลี่ยคนละ 3 ใบต่อวัน ต่อคน เฉลี่ยปีละ 7 พันล้านใบ ในขณะที่ศักยภาพการกำจัดได้อย่างสมบูรณ์ได้ เพียงร้อยละ 25% เท่านั้น

ที่ผ่านมา “แฟมิลี่มาร์ท” ได้มาตรการต่างๆ ที่ช่วยลดการใช้ถุงพลาสติกให้ได้มากที่สุดผ่านหลากหลายกิจกรรม อาทิ การยกเลิกถุงหิ้วพลาสติกขนาดใหญ่ที่ให้บริการที่หน้าร้าน การงดให้บริการถุงพลาสติกทุกวันที่ 4 ของเดือน ทุกสาขาทั่วประเทศ รวมทั้งการขอความร่วมมือให้ลูกค้าปฏิเสธการรับถุงเมื่อซื้อสินค้าจำนวน 1 – 2 ชิ้น

โดยในครึ่งปีแรกแฟมิลี่มาร์ทสามารถลดจำนวนถุงหิ้วพลาสติกที่หน้าร้านได้กว่า 17 ล้านใบ คิดเป็นกว่า 20% ที่ลดได้เมื่อเทียบจากปีที่ผ่านมา

สำหรับ “แฟมิลี่มาร์ท” ทั้ง 10 สาขาที่เข้าร่วม ได้แก่ สาขามหาวิทยาลัยมหิดล สาขา มหาวิทยาลัยศรีปทุม สาชาเซ็นทริค ติวานนท์ สาขาเซ็นทรัลแจ้งวัฒนะชั้น 21 สาขาสุวรรณภูมิคาร์โก้ สาขากรมการกงศล สาขาอาคารจอดรถผู้โดยสาร สาขาจีทาวเวอร์ สาขาแอลพีเอ็น ปาร์คปิ่นเกล้า และสาขากรมอนามัย โดยภายในเดือนสิงหาคมนี้คาดว่าจะมีเพิ่มอีกในพื้นที่โซนท่องเที่ยวเข้ามาอีก

ตั้งแต่ 24 มิถุนายน ที่ผ่านมา ร้าน Boots จำนวน 53 สาขาในอังกฤษเริ่มงดบริการถุงพลาสติกแก่ลูกค้าแล้วสำหรับภาชนะที่นำมาใส่ผลิตภัณฑ์ให้แก่ลูกค้าแทน คือถุงกระดาษสีน้ำตาล แต่ทางร้านบู๊ทส์คิดเงินค่าถุง ใบละ 5.7 และ 10 เพนนี ตามขนาดของถุง ส่วนเงินรายได้จากการคิดค่าถุง บอกว่าจะนำไปช่วย “สาธารณกุศล” (BBC Children in Need)

พร้อมกันนี้ตั้งเป้าหมาย “การงดบริการถุงพลาสติก” ขยายไปสู่สาขาทั้งหมด 2,485 แห่งภายในช่วงต้นปีหน้า และภายในปี 2563 ทุกสาขางดบริการถุงพลาสติกอย่างเด็ดขาด

ด้านกรีนพีซเอ็นจีโอที่ต่อต้านการก่อขยะพลาสติกขยะมหาสมุทรมาโดยตลอดแสดงความยินดีกับผู้ค้าปลีกอย่างร้านบู๊ทส์แต่ก็ให้ข้อเสนอแนะว่า “ควรส่งเสริมให้ลูกค้าใช้ถุงที่นำกลับมาใช้ซ้ำเป็นลำดับแรก”

“ต้องระวังว่าการเปลี่ยนจากถุงพลาสติกเป็นถุงกระดาษ เพราะพวกเขาไม่ได้เปลี่ยนปัญหาจากมหาสมุทรไปสู่ป่าของเรา นี่คือเหตุผลที่ว่าทำไมวัสดุใหม่ไม่ตอบโจทย์โดยตรง แต่ถ้าส่งเสริมให้ลูกค้านำถุงกลับมาใช้ใหม่ เกิดการใช้ซ้ำ และจัดการกับวัฒนธรรมการทิ้งขยะที่เป็นตัวทำลายโลกของเรา ย่อมแก้ปัญหาได้ตรงจุดที่สุด“

“เป็นเรื่องดีมากที่ได้เห็นแบรนด์ชั้นนำระดับโลก อย่างบู๊ทส์รับฟังความตระหนักของประชาชน และยอมเลิกใช้ถุงพลาสติก” Louise Edge หัวหน้าโครงการกรีนพีซของมหาสมุทรกรีนพีซ กล่าว

ส่วนความเคลื่อนไหวของร้านบู๊ทส์ในประเทศไทยกับโครงการ “บู๊ทส์รักคุณ คุณรักษ์โลก” ในขณะนี้ก็ยังรณรงค์อยู่ มีแคมเปญเชิญชวนทุกคนมาร่วมกันนำถุงผ้ามาใช้ซื้อสินค้า เพื่อเป็นการลดใช้ถุงพลาสติก 1 วัน

โดยในทุกๆวันอังคาร ร้านบู๊ทส์งดใช้ถุงพลาสติกในการใส่สินค้า หากใครต้องการรับถุงพลาสติก สามารถซื้อได้ในราคา 1 บาท และรายได้จากการจำหน่ายถุงพลาสติกทั้งหมด ก็นำไปมอบให้กับสถาบันมะเร็งโดยไม่หักค่าใช้จ่าย

Source

“Walkman” เครื่องแรกเข้าสู่ตลาดในวันที่ 1 กรกฎาคม 1979 ซึ่งเกิดจากการที่ อมกิโอะ โมริตะ และ มาซารุ อิบุกะ ที่ได้มีการจับเอาเครื่องเล่นคาสเซ็ตเทปทั่วไปมาพัฒนาเป็นเครื่องเล่นคาสเซ็ตเทปส่วนบุคคล

ด้วยการตัดฟังก์ชันบางอย่างไปคือการบันทึกเสียงกับลำโพงแต่เพิ่มฟังก์ชันพิเศษมา คือวงจรสเตริโอที่ใช้กับเฮดโฟนซึ่งทำให้เครื่องเล่นเทปนี้มีขนาดเล็กลง และได้เข้ามาปฏิวัติวิธีฟังเพลงให้เปลี่ยนไปตลอดกาล

จริงๆ แล้ว Walkman ไม่ใช่เครื่องเล่นเพลงแบบพกพารายแรกที่เข้าสู่ตลาด แต่ด้วยราคาไม่แพงและสามารถเลือกเพลงได้เองผ่านการเปลี่ยนเทป จึงแตกต่างจากรายอื่นๆ เช่น Stereobelt ของเยอรมันซึ่งราคาค่อนข้างแพง และเปลี่ยนเทปไม่ได้ 

ในยุครุ่งเรือง Walkman กลายเป็นคำแรกขานแทนชื่อเครื่องเล่นเทปคาสเซ็ตแบบพกพา เหมือนอย่างที่ Kleenex ถูกเรียกแทนกระดาษชำระ และ Xerox เครื่องถ่ายเอกสาร

ทั้งนี้ Walkman ยังคงขายดีแม้ผ่านยุคซีดี และสินค้าอย่าง Walkman II ที่ออกมาในปี 1981 รวมไปถึง Discman ในปี 1984 ช่วยให้ Sony อยู่เหนือโลกดนตรีแบบพกพา

หากยุครุ่งเรืองก็มีจุดล่มสลายยอดขายของ Walkman ลดลงเรื่อยๆ หลังจากที่ Apple เปิดตัว iPod ในปี 2001 และยังโดนกระหน่ำด้วยวิธีดาวน์โหลดผ่านออนไลน์ที่เริ่มมีบทบาทมากขึ้นๆ แต่กระนั้น Walkman ก็มียอดขายกว่า 400 ล้านเครื่องทั่วโลก

และเพื่อฉลองครบรอบ 40 ปีของ Walkman ทาง Sony ได้จัดงานที่มีระยะเวลานาน 2 เดือนขึ้น โดย ไฮไลต์ของงานนี้ ที่ถูกขนานนามว่า #009 Walkman in the Park เป็นนิทรรศการที่ชื่อว่า “My Story, My Walkman”

ซึ่งบันทึกเรื่องราวและประวัติศาสตร์เครื่องเล่นเพลงพกพายอดฮิตดังกล่าว โดยมีผู้สร้าง ศิลปิน และบุคคลสาธารณะอื่นๆ ของยุคสมัยนั้น ผู้เข้าชมสามารถร่วมฟังเพลงที่ถูกคัดเลือกโดยบรรดาผู้มีชื่อเสียง

การจัดแสดงมีขึ้นที่ Ginza Sony Park ในย่านช้อปปิ้งของโตเกียว มีทั้ง “Walkman Wall” ซึ่งแสดงทั้งหมด 237 รุ่นของ Walkman ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา และมุม “Custom Walkman” ที่มีสกิน Walkman ที่ออกแบบโดยศิลปินหลายราย

Source

Source

Source