จีน – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Tue, 09 Apr 2024 04:58:16 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 รัฐบาลสหรัฐฯ ทุ่ม 6.6 พันล้าน ดึง ‘TSMC’ ผู้ผลิตชิปเบอร์ 1 ของโลก ขยายโรงงานในอเมริกา https://positioningmag.com/1469461 Tue, 09 Apr 2024 03:29:14 +0000 https://positioningmag.com/?p=1469461 ไม่ใช่แค่สกัดกั้น จีน ในการเข้าถึงชิประดับสูง แต่ สหรัฐฯ ยังเดินเกมดึงพันธมิตรเข้ามาลงทุนในประเทศ โดยรัฐบาลสหรัฐฯ วางแผนที่จะมอบเงิน 6.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ให้กับผู้ผลิตชิปเซมิคอนดักเตอร์รายใหญ่ที่สุดของโลกอย่าง TSMC เพื่อขยายโรงงานในรัฐแอริโซนา

รัฐบาลสหรัฐฯ ประกาศว่า ได้ลงนามในข้อตกลงที่ไม่มีผลผูกพันกับ TSMC (Taiwan Semiconductor Manufacturing Co.) บริษัทผู้ผลิตเซมิคอนดักเตอร์อันดับ 1 ของโลกสัญชาติไต้หวัน เพื่อจัดหาเงินทุนสำหรับลงทุนเปิดโรงงานผลิตในเมืองฟีนิกซ์ รัฐแอริโซนา โดยกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ จะให้เงินอุดหนุนมูลค่า 6.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ นอกเหนือจากเงินกู้รัฐบาลประมาณ 5 พันล้านดอลลาร์ จากกฎหมาย Chips and Science Act

ขณะที่ TSMC เองก็ตกลงจะเพิ่มวงเงินลงทุนในสหรัฐฯ อีก 25,000 ล้านดอลลาร์ รวมเป็น 65,000 ล้านดอลลาร์ โดยเตรียมที่จะสร้างโรงงานแห่งที่ 3 ภายในปี 2030 โดยการลงทุนดังกล่าว ถือเป็นการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของรัฐแอริโซนา  

“อเมริกาคิดค้นชิปเหล่านี้ แต่เมื่อเวลาผ่านไป เราเปลี่ยนจากการผลิตเกือบ 40% ของกำลังการผลิตของโลก เหลือเพียง 10% และไม่มีชิปที่ทันสมัยที่สุดเลย นั่นทำให้เราเผชิญกับความเปราะบางทางเศรษฐกิจและความมั่นคงของชาติอย่างมีนัยสำคัญ” โจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ กล่าว

ปัจจุบัน TSMC ครองสัดส่วนถึง 90% ของชิปที่ทันสมัยที่สุดในโลก โดย Mark Liu ประธาน TSMC กล่าวว่า การจัดตั้งโรงงานในสหรัฐฯ จะทำให้ลูกค้าสามารถเข้าถึงชิปภายในประเทศ ที่สามารถใช้ได้กับสมาร์ทโฟนไปจนถึงดาวเทียม รวมถึงระบบปัญญาประดิษฐ์ด้วย

ทั้งนี้ โรงงานทั้ง 3 แห่งคาดว่าจะสร้างงานด้านเทคโนโลยีประมาณ 6,000 ตำแหน่ง และงานทางอ้อมมากกว่า 20,000 ตำแหน่ง เช่น ในการก่อสร้างการรักษาความปลอดภัย และซัพพลายเชน รวมถึงจะดึงดูดซัพพลายเออร์เซมิคอนดักเตอร์ 14 ราย ให้กับรัฐ

การที่สหรัฐฯ สามารถดึง TSMC มาลงทุนในประเทศได้นั้น ถือว่า Win-Win ทั้ง 2 ฝ่าย เพราะรัฐบาลสหรัฐฯ ได้เน้นย้ำถึงความจำเป็นที่จะต้องนำการผลิตชิปมาใช้ในประเทศมากขึ้น เพื่อลดการพึ่งพาการผลิตชิปจากประเทศอื่น หลังจากที่เจอปัญหาชิปขาดแคลนไปในช่วงการระบาดของ COVID-19 จนส่งผลให้ราคาสูงขึ้น

ขณะที่ประเทศไต้หวันก็อยู่ในตำแหน่งที่อ่อนแอเช่นกัน เนื่องจากผู้เชี่ยวชาญด้านซับพลายเชนและเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ กังวลว่า ความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีน อาจทำให้เกิดการรุกรานทางทหารกับไต้หวัน อาจส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมการผลิตชิปที่สำคัญของประเทศ นอกจากนี้ ไต้หวันเพิ่งเจอกับแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ ซึ่งย้ำให้เห็นถึงความเสี่ยงของอุตสาหกรรมต่อภัยพิบัติทางธรรมชาติ

สำหรับกฎหมาย Chips and Science Act ได้ผ่านการรับรองในเดือนสิงหาคม 2022 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ในประเทศของสหรัฐฯ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศและแข่งขันกับคู่แข่งได้ดีขึ้น เช่น จีน โดยรัฐบาลได้ วางงบอุดหนุนด้านการวิจัยและการผลิตสูงถึง 52,700 ล้านดอลลาร์ นอกจากนี้สมาชิกสภาคองเกรสยังได้อนุมัติวงเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำอีก 75,000 ล้านดอลลาร์ด้วย

Source

]]>
1469461
‘จีน’ จวก ‘อเมริกา’ ว่าสร้างอุปสรรคให้กับอุตสาหกรรมชิปมากขึ้น หลังเพิ่มเกณฑ์ควบคุมส่งออกไปยังจีน https://positioningmag.com/1468601 Mon, 01 Apr 2024 11:59:57 +0000 https://positioningmag.com/?p=1468601 เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ฝ่ายบริหารของ โจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ได้แก้ไขกฎเกี่ยวกับการส่งออกชิป โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อทำให้จีนเข้าถึงชิปปัญญาประดิษฐ์และเครื่องมือสร้างชิปของสหรัฐฯ ได้ยากขึ้น เนื่องจากข้อกังวลด้านความมั่นคงของชาติ เพรากลัวว่าจีนจะนำชิปไปเสริมประสิทธิภาพให้กองทัพ

ล่าสุด จีน ได้ออกมาวิพากษ์วิจารณ์กฎเกณฑ์การส่งออกเซมิคอนดักเตอร์ของสหรัฐฯ ที่เข้มงวดขึ้น โดยกล่าวว่า อเมริกากำลังสร้างอุปสรรคในการค้าขายและเพิ่มความไม่แน่นอนในอุตสาหกรรมชิปมากขึ้น โดยความเคลื่อนไหวของสหรัฐฯ ส่งผลกระทบร้ายแรงต่อความร่วมมือที่เป็นประโยชน์ร่วมกันระหว่างบริษัทจีนและบริษัทต่างชาติ และยังเป็นอันตรายต่อสิทธิและผลประโยชน์ที่ชอบด้วยกฎหมายของพวกเขา จีนต่อต้านสิ่งนี้อย่างแข็งขัน

สหรัฐฯ ได้ขยายแนวคิดเรื่องความมั่นคงของชาติ แก้ไขกฎเกณฑ์ตามอำเภอใจ และมาตรการควบคุมที่เข้มงวดขึ้น ซึ่งไม่เพียงแต่จะสร้างอุปสรรคมากขึ้นเท่านั้น แต่ยังสร้างภาระในการปฏิบัติตามกฎระเบียบที่หนักขึ้นสำหรับบริษัทจีนและอเมริกาที่ต้องการทำงานร่วมกันในเชิงเศรษฐกิจและทางการค้าตามปกติ และยังสร้างความไม่แน่นอนอย่างมากให้กับอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ทั่วโลก” โฆษกกระทรวงพาณิชย์กล่าว

ย้อนไปช่วงเดือนตุลาคมปีที่ผ่านมา สหรัฐฯ กำหนดกฎเกณฑ์ห้ามการส่งออกเซมิคอนดักเตอร์ไปยังจีน ทำให้บริษัทอย่าง Nvidia และ AMD ได้แก้ปัญหาโดยการ ผลิตชิปสำหรับจำหน่ายให้จีนโดยเฉพาะ โดยจะออกแบบให้ตรงตามสเปกที่สหรัฐฯ ตั้งไว้ แต่จากกฎใหม่ที่สหรัฐออกมา จะมาอุดช่องว่างดังกล่าว โดยกฎเกณฑ์ใหม่ซึ่งมีความยาว 166 หน้าจะมีผลบังคับใช้ในวันพฤหัสบดีหน้า (4 เม.ย.) นี้

จีนพร้อมที่จะทำงานร่วมกับทุกฝ่ายเพื่อเสริมสร้างความร่วมมือที่เป็นประโยชน์ร่วมกัน และส่งเสริมความมั่นคงและเสถียรภาพของอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์และห่วงโซ่อุปทานทั่วโลก”

Source

]]>
1468601
จีนเริ่มแบนชิป Intel และ AMD ภายในคอมพิวเตอร์ของรัฐบาล หันมาสนับสนุนและพัฒนาชิปเป็นของตัวเอง https://positioningmag.com/1467429 Mon, 25 Mar 2024 01:43:30 +0000 https://positioningmag.com/?p=1467429 รัฐบาลจีนได้เริ่มแบนชิป Intel และ AMD ภายในคอมพิวเตอร์ของรัฐบาลแล้ว ขณะที่รัฐวิสาหกิจของจีนนั้นจะมีการเปลี่ยนผ่านให้แล้วเสร็จภายในปี 2027 ซึ่งเรื่องดังกล่าวถือเป็นก้าวย่างสำคัญในการพึ่งพาเทคโนโลยีการผลิตชิปในประเทศ

Financial Times ได้รายงานข่าวโดยอ้างแหล่งข่าวที่เกี่ยวข้องว่ารัฐบาลจีนได้ห้ามใช้ชิปของ Intel รวมถึง AMD ภายในคอมพิวเตอร์ของรัฐบาล ไม่ว่าจะเป็นคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล ไปจนถึงเซิร์ฟเวอร์ของรัฐบาล และจะมีการสนับสนุนให้ใช้ชิปที่ผลิตภายในประเทศจีนรวมถึงระบบปฏิบัติการเป็นของตัวเองมากขึ้น

สำหรับกฎการจัดซื้อเครื่องคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล หรือแม้แต่เซิร์ฟเวอร์ของรัฐบาล จะต้องเข้าเกณฑ์ที่รัฐบาลจีนกำหนดว่าหน่วยประมวลผลดังกล่าวจะต้อง “ปลอดภัยและเชื่อถือได้” โดยชิปประมวลผลที่รัฐบาลได้ไฟเขียว 18 ผู้ผลิต เช่น Huawei หรือ Phytium ซึ่งผู้ผลิตรายชื่อดังกล่าวส่วนใหญ่รัฐบาลจีนได้ให้การอุดหนุนอยู่แล้ว

นอกจากการห้ามใช้ชิป Intel และ AMD ภายในคอมพิวเตอร์ของรัฐบาลแล้ว จีนยังเตรียมที่จะยกเลิกการใช้ปฏิบัติการ Microsoft Windows รวมถึงซอฟต์แวร์ด้านฐานข้อมูลก็คาดว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงไปใช้ซอฟต์แวร์ในประเทศเพิ่มมากขึ้น

แผนการดังกล่าวนั้นตามหลังมาจากแนวทางดังกล่าวซึ่งเปิดเผยในเดือนธันวาคมปี 2023 ที่ผ่านมา

ผลกระทบต่อบริษัทต่างๆ นั้นแตกต่างกันไป โดย Intel นั้นจะได้รับผลกระทบมากสุด เนื่องรายได้จากประเทศจีนนั้นมีสัดส่วนมากถึง 27% ขณะที่ AMD มีสัดส่วนรายได้จากประเทศจีนราวๆ 15% ขณะที่ Microsoft ไม่ได้เปิดเผยตัวเลขดังกล่าว แต่ผู้บริหารของบริษัทได้เคยกล่าวกับสภาคองเกรสว่ารายได้จากประเทศจีนนั้นมีสัดส่วนราวๆ 1.5% จากรายได้ทั้งหมด

ไม่ใช่แค่หน่วยงานรัฐบาลที่ได้รับคำสั่งดังกล่าวเช่นกัน แต่รัฐวิสาหกิจเองก็ต้องทำตามแผนดังกล่าว โดยคาดว่าในส่วนของรัฐวิสาหกิจจะต้องมีการเปลี่ยนผ่านดังกล่าวให้แล้วเสร็จภายในปี 2027 และต้องมีการแจ้งความคืบหน้าในการเปลี่ยนระบบไอทีในทุกไตรมาสด้วย

ในช่วงที่ผ่านมารัฐบาลจีนได้พยายามในการผลิตชิปด้วยเทคโนโลยีภายในประเทศให้ได้ เพื่อหลีกเลี่ยงมาตรการคว่ำบาตรจากสหรัฐอเมริกา เช่น กรณีการผลิตโทรศัพท์มือถือรุ่น Mate 60 Pro ของ Huawei เป็นต้น

การผลิตชิปให้มีเทคโนโลยีล้ำหน้านั้นถือเป็นกุญแจสำคัญในการพัฒนาเทคโนโลยีของจีน ทั้งไม่ว่าจะเป็นการใช้โดยประชาชน หรือแม้แต่การใช้ในเทคโนโลยีการทหาร

นโยบายล่าสุดของจีนแสดงให้เห็นถึงก้าวสำคัญในการที่จะทยอยใช้เทคโนโลยีทดแทนภายในประเทศ จากเดิมที่พึ่งพาเทคโนโลยีจากต่างประเทศ ขณะเดียวกันความเคลื่อนไหวดังกล่าวนั้นก็แสดงให้เห็นถึงความตึงเครียดระหว่างจีนและสหรัฐอเมริกาที่เพิ่มมากขึ้น

]]>
1467429
CEO ของ ‘เรโนลต์’ เผย “ถ้าจะสู้ศึก EV กับบริษัทจีน ผู้ผลิตและซัพพลายเออร์ในยุโรปจะต้องร่วมมือใกล้ชิดกันมากกว่านี้” https://positioningmag.com/1464634 Fri, 01 Mar 2024 10:29:03 +0000 https://positioningmag.com/?p=1464634 หัวเรือใหญ่ของเรโนลต์ ผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ของทวีปยุโรป ได้กล่าวในงาน Geneva International Motor Show ว่า ผู้ผลิตและซัพลลายเออร์ในยุโรปจะต้องร่วมมือใกล้ชิดกันมากกว่านี้ เพื่อที่จะต่อสู้ศึกรถยนต์ไฟฟ้ากับผู้ผลิตจากประเทศจีนที่กำลังตีตลาดในตอนนี้

Luca de Meo ซึ่งเป็น CEO ของเรโนลต์ (Renault) ผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ของทวีปยุโรป ได้กล่าวว่า ผู้ผลิตและซัพลลายเออร์ในยุโรปไม่ว่าจะเป็นผู้ผลิตแบตเตอรี่ ชิ้นส่วนของรถยนต์ไฟฟ้า จะต้องร่วมมืออย่างใกล้ชิดมากกว่านี้ ถ้าหากจะสู้ศึกรถยนต์ไฟฟ้ากับผู้ผลิตจากจีน

หัวเรือใหญ่ของ Renault ได้กล่าวในงาน Geneva International Motor Show ว่า มีพื้นที่สำหรับความร่วมมือภายในทวีปยุโรปไม่ว่าจะเป็นผู้ผลิตต้นน้ำถึงปลายน้ำที่เกี่ยวกับการผลิตรถยนต์ไฟฟ้า โดยเขาชี้ว่าผู้ผลิตจากยุโรปนั้นเสียเปรียบผู้ผลิตจากจีน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องของกำลังการผลิตที่จีนมีกำลังกว่ามาก

เขาได้พูดเชิงเปรียบเทียบให้ผู้ผลิตรวมตัวเหมือนกับ Airbus ซึ่งเป็นผู้ผลิตอากาศยานรายใหญ่ของยุโรปที่ได้รวมผู้ผลิตหลายรายเข้าด้วยกัน เพื่อที่จะต่อสู้กับ Boeing ซึ่งเป็นคู่แข่งจากสหรัฐอเมริกา

การบุกตลาดยุโรปของผู้ผลิต EV จากจีน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการชูจุดเด่นด้านราคา ทำให้ผู้ผลิตหลายรายในยุโรปเริ่มส่งสัญญาณในการต่อสู้ไม่ไหว จนทำให้สหภาพยุโรปเองเตรียมที่จะเข้ามาสอบสวนว่าผู้เล่นจากจีนได้รับเงินอุดหนุน ซึ่งถือเป็นการบิดเบือนกลไกตลาด จนทำให้การแข่งขันนั้นไม่เป็นธรรมหรือไม่

ตัวเลขล่าสุดเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ สัดส่วนการครองตลาดรถยนต์ไฟฟ้าจากผู้ผลิตในประเทศจีนนั้นครองตลาดทั่วโลก สัดส่วนมากถึง 68% ตรงข้ามกับผู้ผลิตจากยุโรปเริ่มออกอาการไม่ดี มีสัดส่วนแค่ 20.8% ซึ่งถือว่าต่ำสุดนับตั้งแต่ปี 2019 เป็นต้นมา

เขาชี้ว่ายุโรปนั้นมีหลายประเทศกระจัดกระจาย ซึ่งถือว่าเป็นแง่ดี แต่ก็มีข้อเสียในเรื่องความล่าช้าถ้าหากเกิดการเปลี่ยนแปลงบางอย่าง

นอกจากนี้ CEO ของ Renault ยังเรียกร้องให้ทางการยุโรปผลักดันผู้ให้ผู้ผลิตไฟฟ้าและผู้ผลิตรถยนต์ให้ร่วมมือกันเพื่อช่วยเร่งการปรับใช้โครงสร้างพื้นฐานการชาร์จ และใช้ EV เพื่อกักเก็บพลังงานสำหรับโครงข่ายไฟฟ้า เนื่องจากพวกเขาสามารถทำหน้าที่เป็นซัพพลายเออร์ด้านพลังงานได้เมื่อจำเป็น ซึ่งในช่วงที่ผ่านมายุโรปมีปัญหาด้านพลังงานจนส่งผลต่อการผลิต

ที่มา – Reuters, Forbes, Carscoop

]]>
1464634
ประธาน Xiaomi อินเดีย ชี้ “รัฐบาลตรวจสอบบริษัทจีนอย่างหนัก ทำให้ซัพพลายเออร์ไม่กล้าตั้งฐานการผลิตในแดนภารตะ” https://positioningmag.com/1462276 Sun, 11 Feb 2024 17:07:35 +0000 https://positioningmag.com/?p=1462276 เสี่ยวหมี่ (Xiaomi) ผู้ผลิตสินค้าไอทีจากจีน ยังต้องดิ้นรนในตลาดอินเดียต่อเนื่อง โดยประธาน Xiaomi อินเดีย ชี้ว่า การที่รัฐบาลอินเดียตรวจสอบบริษัทจีนอย่างหนัก ส่งผลทำให้ซัพพลายเออร์ไม่กล้าตั้งฐานการผลิตในแดนภารตะ แม้ว่าจะมีความต้องการที่จะใช้ชิ้นส่วนผลิตในประเทศเพิ่มมากขึ้นก็ตาม

สำนักข่าว Reuters รายงานข่าวโดยอ้างอิงเอกสารที่เกี่ยวข้องว่าเสี่ยวหมี่ (Xiaomi) ผู้ผลิตสินค้าไอทีจากประเทศจีน ที่กำลังดิ้นรนอย่างหนักในอินเดียชี้ว่าการที่รัฐบาลได้ตรวจสอบบริษัทจีนอย่างหนัก ส่งผลทำให้ซัพพลายเออร์ของบริษัทรู้สึกไม่สบายใจ และไม่กล้าที่จะตั้งฐานการผลิตในประเทศ

Muralikrishnan B. ซึ่งเป็นประธานของ Xiaomi อินเดีย ได้ตอบจดหมายของรัฐมนตรีกระทรวงไอทีของอินเดียว่าจะทำอย่างไรที่ผู้ผลิตสินค้าไอทีรายนี้จะใช้ชิ้นส่วนที่ผลิตในประเทศอินเดีย ซึ่งเขาชี้ว่าบริษัทที่เป็นซัพพลายเออร์นั้นไม่กล้ามาตั้งฐานการผลิตในประเทศ เนื่องจากไม่สบายใจกับมาตรการของรัฐบาลอินเดีย

ประธานของ Xiaomi อินเดียยังกล่าวเสริมว่า “รัฐบาลอินเดียจำเป็นต้องดำเนินการเกี่ยวกับมาตรการสร้างความมั่นใจ เพื่อสนับสนุนให้ซัพพลายเออร์ที่ผลิตชิ้นส่วนของโทรศัพท์นั้นสร้างโรงงานในประเทศ”

นอกจากนี้ Xiaomi เองยังดิ้นรนด้วยการยื่นฟ้องรัฐบาลอินเดียเพื่อที่จะลดภาษีนำเข้าชิ้นส่วนสำหรับประกอบโทรศัพท์มือถือ โดยชี้ว่าเพื่อที่จะเพิ่มสามารถในการแข่งขันมากยิ่งขึ้น

บริษัทจีนประสบปัญหาในการตีตลาดประเทศอินเดีย เนื่องจากความขัดแย้งระหว่าง 2 ประเทศบริเวณพรมแดน ส่งผลทำให้รัฐบาลอินเดียประกาศข้อระเบียบต่างๆ ที่ส่งผลทำให้บริษัทจากจีนดำเนินธุรกิจได้ยากมากขึ้น ซึ่ง Xiaomi เองเป็นอีกบริษัทที่ได้รับผลกระทบดังกล่าว

สำหรับผู้นำตลาดโทรศัพท์มือถือในประเทศอินเดียนั้นเป็น Samsung ที่มีส่วนแบ่งการตลาดในอินเดียเป็นอันดับ 1 ครองส่วนแบ่งมากถึง 20% รองลงมาคือ Xiaomi ที่ 16% จึงทำให้บริษัทต้องหาทางในการดึงส่วนแบ่งทางการตลาดกลับมา โดยในเดือนกรกฎาคมของปี 2023 ที่ผ่านมา บริษัทได้เตรียมเจาะตลาดอินเดียเพิ่มมากขึ้น แม้ว่า 2 ประเทศนี้จะมีความขัดแย้งก็ตาม

ไม่ใช่แค่ Xiaomi ที่พบปัญหาความยากลำบาก แม้แต่บริษัทคู่แข่งรายสำคัญอย่าง Vivo ก็ประสบปัญหาที่ว่าเช่นกัน ในช่วงที่ผ่านมา รัฐบาลอินเดียกล่าวหาว่าบริษัทละเมิดกฎระเบียบด้านวีซ่าเข้าประเทศ และยังรวมถึงการยักยอกเงินมากถึง 13,000 ล้านเหรียญสหรัฐออกนอกประเทศ

]]>
1462276
P&G เผยยอดขาย SK-II ในจีนไตรมาสที่ผ่านมาลดลง 34% สาเหตุมาจากการแบนสินค้าจากญี่ปุ่น https://positioningmag.com/1460196 Wed, 24 Jan 2024 18:25:06 +0000 https://positioningmag.com/?p=1460196 P&G ได้เปิดเผยยอดขาย SK-II ในจีนไตรมาสที่ผ่านมาของปี 2023 ลดลง 34% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2022 สาเหตุมาจากการแบนสินค้าแบรนด์ญี่ปุ่น เนื่องจากกรณีการปล่อยน้ำเสียจากโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟุกุชิมะ และยังรวมถึงปัญหาผู้บริโภคชาวจีนที่ไม่จับจ่ายใช้สอยจากสภาวะเศรษฐกิจ

Procter & Gamble หรือ P&G ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของแบรนด์สกินแคร์ชื่อดังจากญี่ปุ่นอย่าง SK-II ได้รายงานผลประกอบการของบริษัทในช่วงไตรมาสที่ผ่านมาของปี 2023 โดยยอดขายแบรนด์สกินแคร์ดังกล่าวตกลงมากถึง 34% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2022

ผู้บริหารของ P&G ได้ยอมรับว่าสาเหตุสำคัญมาจาก การแบนสินค้าแบรนด์ญี่ปุ่นจากการปล่อยน้ำเสียจากโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟุกุชิมะลงสู่ทะเลเป็นครั้งแรกเมื่อเดือนสิงหาคมปี 2023 ที่ผ่านมา เหตุดังกล่าวทำให้รัฐบาลจีนได้ออกมาตรการแบนอาหารทะเลจากญี่ปุ่น นอกจากนี้ชาวจีนเองยังกังวลว่าสินค้าของแบรนด์สกินแคร์ดังกล่าวอาจปนเปื้อนส่วนผสมที่มีสารกัมมันตภาพรังสีด้วย

การปล่อยน้ำเสียของโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ดังกล่าว ทบวงการพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศยืนยันถึงความปลอดภัย รวมถึง UN ก็ออกมาไฟเขียวในเรื่องดังกล่าวเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่ก็ไม่ได้ทำให้ความเชื่อมั่นของชาวจีนกลับมาสูงขึ้นด้วยซ้ำ

อีกสาเหตุที่สำคัญคือ SK-II ยังประสบปัญหายอดขายไม่ฟื้นตัวในประเทศจีน เนื่องจากสภาวะเศรษฐกิจ การจับจ่ายใช้สอย โดยเฉพาะชนชั้นกลางในประเทศจีนเป็นหลักซึ่งกำลังประสบปัญหาไม่จับจ่ายใช้สอยอย่างที่ควร ซึ่งกลุ่มลูกค้าดังกล่าวเป็นเป้าหมายสำคัญของแบรนด์จากญี่ปุ่นรายนี้

นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่แบรนด์ดังกล่าวถูกแบนจากกลุ่มลูกค้าชาวจีน แต่ในช่วงที่ผ่านมา CEO ของ P&G เองเคยได้เตือนถึงความตึงเครียดระหว่างจีนกับญี่ปุ่นจะส่งผลกระทบต่อยอดขาย SK-II แต่เมื่อเวลาผ่านไปไม่นานนักยอดขายของแบรนด์สกินแคร์ดังกล่าวนั้นฟื้นตัวกลับมาเสมอ ซึ่งแตกต่างกับครั้งนี้

ขณะเดียวกันแบรด์ญี่ปุ่นรายอื่นต่างก็เคยโดนชาวจีนแบนมาแล้ว เช่น ในปี 2012 ที่ Uniqlo ต้องปิดสาขาในประเทศจีนชั่วคราว หรือแม้แต่กรณีการใช้ฝ้ายที่มาจากมณฑลซินเจียง เป็นต้น

อย่างไรก็ดี Andre Schulten ผู้บริหารสูงสุดฝ่ายการเงินของ P&G ได้กล่าวว่า หลังจากที่บริษัทได้ทำวิจัยผู้บริโภคในประเทศจีน บริษัทเชื่อว่ายอดขายของ SK-II จะกลับมาฟื้นตัวได้ภายในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2024 ได้

ที่มา – BBC, CNBC

]]>
1460196
“ประชากรจีน” หดตัว 2 ปีติดเหลือ 1.409 พันล้านคน อัตราเกิดลดเหลือ 6.39/1,000 คน ทำสถิติต่ำสุดใหม่นับตั้งแต่ปี 1949 https://positioningmag.com/1459151 Wed, 17 Jan 2024 07:11:14 +0000 https://positioningmag.com/?p=1459151 ทั้งปัญหาการเติบโตของเศรษฐกิจที่น้อยสุดในรอบ 30 ปี ขณะที่เยาวชนอายุน้อยก็ตกงานกันเพียบ ปัจจัยต่าง ๆ เหล่านี้ดูเหมือนจะส่งผลให้คนจีนเลือกที่จะมีลูกน้อยลง ทำให้อัตราการเกิดต่ำลงเรื่อย ๆ ส่งผลให้ประชากรจีนหดตัวซึ่งจะมีผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญในอนาคต

สํานักงานสถิติแห่งชาติของจีน (NBS) เปิดเผยว่า ปี 2023 ที่ผ่านมา จำนวนประชากรจีนลดลงเหลือ 1.409 พันล้านคน ลดลงประมาณ 2.08 ล้านคน เมื่อเทียบกับปี 2022 โดยถือเป็นการ หดตัวต่อเนื่องสองปีติดต่อกัน ซึ่งยิ่งเกิดความท้าทายด้านประชากรศาสตร์ที่อาจมีผลกระทบอย่างมีนัยสําคัญต่อเศรษฐกิจของที่ใหญ่เป็นอันดับสองของโลก

ขณะที่ อัตราการเกิด ยังลดลงสู่ระดับต่ำสุดใหม่ที่ 6.39 ต่อ 1,000 คน ลดลงจาก 6.77 คน ในปีก่อนหน้า ถือเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่การก่อตั้งคอมมิวนิสต์จีนในปี 1949 ที่มีทารกเกิดใหม่ประมาณ 9.02 ล้านคน เทียบกับปี 2022 ที่มีทารกเกิดใหม่ 9.56 ล้านคน

ทั้งนี้ จำนวนประชากรจีนลดลงเป็นครั้งแรกในรอบหลายทศวรรษในปี 2022 ซึ่งนักวิเคราะห์มองว่า เป็นการลดลงครั้งแรกของประเทศนับตั้งแต่ปี 1961 ที่มีแผน Great Leap Forward หรือแผนห้าปีฉบับที่สอง ของสาธารณรัฐประชาชนจีน ซึ่งเป็นการรณรงค์ทางเศรษฐกิจและสังคมซึ่งมีพรรคคอมมิวนิสต์จีนของอดีตผู้นํา เหมา เจ๋อตง ส่งผลให้ปี 2023 จีนได้ถูก อินเดีย แซงหน้าในฐานะประเทศที่มีประชากรมากที่สุดในโลก

ที่ผ่านมา แรงงานของประเทศจีนประกอบด้วยคนใน กลุ่มอายุ 16-59 ปี ซึ่งลดลง 10.75 ล้านคน เมื่อเทียบกับปี 2022 ในขณะที่จํานวน ผู้สูงอายุ ที่มีอายุมากกว่า 60 ปี เพิ่มขึ้น 16.93 ล้านคน โดยจำนวนผู้สูงอายุที่มากขึ้นสวนทางกับกลุ่มคนหนุ่มสาวที่เป็นแรงงานที่หดตัว ซึ่งอาจทําให้เสถียรภาพทางเศรษฐกิจและสังคมของประเทศตกต่ำลงอย่างมาก

ส่งผลให้รัฐบาลจีนได้ยกเลิกนโยบาย ลูกคนเดียว ที่มีมานานหลายหลายทศวรรษ พร้อมทั้งออกนโยบายกระตุ้นให้คู่รักมีลูกกันมากขึ้น อย่างไรก็ตาม มาตรการต่าง ๆ ที่ออกมาก็ไม่สามารถช่วยให้อัตราการเกิดเพิ่มขึ้นได้ ปัจจุบัน เศรษฐกิจจีนกำลังเผชิญความท้าทาย ส่งผลให้ปีที่ผ่านมาเติบโต 5.2% ซึ่งถือเป็นหนึ่งในผลประกอบการทางเศรษฐกิจที่เลวร้ายที่สุดของประเทศในรอบกว่า 30 ปี

Source

]]>
1459151
EU เตรียมสืบสวนผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าแบรนด์จีน ชี้อาจบิดเบือนกลไกราคาจากการสนับสนุนของรัฐบาล https://positioningmag.com/1458738 Wed, 17 Jan 2024 05:45:30 +0000 https://positioningmag.com/?p=1458738 สหภาพยุโรป (EU) เตรียมเข้าสืบสวนผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าแบรนด์จีน ไม่ว่าจะเป็น BYD และ Geely รวมถึง SAIC ซึ่งก่อนหน้านี้ EU มองว่า แบรนด์รถไฟฟ้าจากจีนอาจบิดเบือนกลไกราคาจากการสนับสนุนของรัฐบาล

สำนักข่าว Reuters รายงานข่าวโดยอ้างอิงข้อมูลจากแหล่งข่าวที่เกี่ยวข้องว่า สหภาพยุโรป (EU) เตรียมเข้าสืบสวนผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าที่มาจากประเทศจีนหลายแบรนด์ หลังจากที่มีข้อกล่าวหาว่าแบรนด์เหล่านี้อาจได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลจีน ทำให้การแข่งขันเกิดความไม่ยุติธรรม

การตรวจสอบของ EU จะพุ่งเป้าไปยังผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าแบรนด์จีน ได้แก่ BYD และ Geely รวมถึง SAIC ขณะที่แบรนด์จากตะวันตกที่มีฐานการผลิตในประเทศจีนอย่าง Tesla และ Renault หรือแม้แต่ BMW จะไม่ได้รับผลกระทบจากการเข้าตรวจสอบ

ความเคลื่อนไหวดังกล่าวต่อยอดมาจากเมื่อเดือนตุลาคมของปี 2023 ที่ผ่านมา EU ได้เตรียมที่จะเข้าสอบสวนประเด็นดังกล่าว โดยคาดว่าการสอบสวนจะใช้เวลาไม่เกิน 13 เดือน

ราคารถยนต์ไฟฟ้าจากประเทศจีนถือว่ามีราคาถูก เมื่อเทียบกับราคารถยนต์ไฟฟ้าจากผู้ผลิตรายยุโรป ส่งผลทำให้ผู้ผลิตหลายรายในยุโรปเองประสบปัญหาความสามารถในการแข่งขัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งแบรนด์รถยนต์จากเยอรมันหลายรายเริ่มประสบปัญหาดังกล่าวแล้ว

ไม่เพียงเท่านี้อุตสาหกรรมยานยนต์ในยุโรปเองถือว่าเป็นอุตสาหกรรมที่มีการจ้างงานเป็นจำนวนที่สูงมาก และถ้าหากอุตสาหกรรมดังกล่าวได้รับผลกระทบ ยิ่งเพิ่มแรงกดดันต่อเศรษฐกิจยุโรปในหลายปัจจัยไม่ว่าจะเป็นด้านการส่งออกหรือแม้แต่การบริโภค

]]>
1458738
เศรษฐกิจ ‘จีน’ ปี 66 เติบโตต่ำสุดในรอบ 30 ปี เนื่องจากวิกฤต ‘อสังหาฯ’ และ ‘การว่างงาน’ https://positioningmag.com/1458901 Tue, 16 Jan 2024 06:45:30 +0000 https://positioningmag.com/?p=1458901 เศรษฐกิจของจีนปี 2566 ที่ผ่านมามีแนวโน้มการเติบโตในอัตราที่อ่อนแอที่สุดในรอบกว่า 30 ปี เนื่องจากได้รับผลกระทบจากวิกฤตอสังหาริมทรัพย์ การบริโภคที่ซบเซา และความไม่แน่นอนทั่วโลก โดยแนวโน้มดังกล่าวจะยังส่งผลถึงปีนี้ด้วย

กลุ่มผู้เชี่ยวชาญสิบคนให้สัมภาษณ์กับ AFP โดยคาดการณ์ว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของจีนจะขยายตัว 5.2% ซึ่งจะแสดงถึงอัตราที่ต่ำที่สุดนับตั้งแต่ปี 1990 หากไม่นับช่วงที่ COVID-19 ระบาด โดยในปี 2022 GDP ของจีนเติบโตได้เพียง 3% เนื่องจากยังมีมาตรการควบคุมการระบาด

แม้ว่าในปี 2023 ที่จีนได้ยกเลิกข้อจำกัดต่าง ๆ และการกลับมาของชีวิตปกติของประชาชนจะช่วยฟื้นเศรษฐกิจ แต่จาก วิกฤตอสังหาริมทรัพย์ การว่างงานของเยาวชนที่สูงเป็นประวัติการณ์ รวมถึงการชะลอตัวทั่วโลกกําลังขัดขวางกลไกการเติบโตของจีน

โดยภาคอสังหาริมทรัพย์คิดเป็นประมาณ 1 ใน 4 ของเศรษฐกิจจีน และในช่วง 20 ปีที่ผ่านมาก็มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง แต่จากปัญหาทางการเงินในบริษัทใหญ่ ๆ เช่น Evergrande และ Country Garden ส่งผลต่อความไม่ไว้วางใจของผู้ซื้อ ท่ามกลางปัญหาของการพัฒนาที่อยู่อาศัยที่ยังไม่เสร็จและราคาที่ลดลง

“ความท้าทายหลักสําหรับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีนยังคงเกิดจากภาคอสังหาริมทรัพย์” Jing Liu หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของ Greater China ที่ HSBC กล่าว

ด้าน แฮร์รี่ เมอร์ฟี ครูซ นักเศรษฐศาสตร์จากหน่วยงานจัดอันดับของมูดี้ส์ มองว่า การลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์ ราคาที่อยู่อาศัย และยอดขายที่อยู่อาศัยใหม่จะลดลงตลอดปี 2024 ก่อนที่จะกลับมาเติบโตเล็กน้อยในปี 2025 ส่วน เฮเลน เฉียว หัวหน้าฝ่ายวิจัยเศรษฐกิจเอเชียของ Bank of America กล่าวว่า วิกฤตดังกล่าวเกิดควบคู่ไปกับ สภาวะตลาดแรงงานที่ซบเซา ซึ่งกําลังลดทอนความเชื่อมั่นของผู้บริโภค โดยในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา เยาวชนอายุระหว่าง 16-14 ปี ประมาณ 1 ใน 5 อยู่ในภาวะว่างงาน นอกจากนี้ ระดับการใช้จ่ายยังต่ำกว่าปี 2019 หรือก่อนที่การระบาดใหญ่จะเกิดขึ้น

ในส่วนของ ภาคอุตสาหกรรม ก็กำลังอ่อนแอลง ส่วนหนึ่งมาจากความตึงเครียดระหว่างสหรัฐอเมริกา และความพยายามของบางประเทศตะวันตก ที่ต้องการกระจายซัพพลายเชน เพื่อลดการพึ่งพาจีน โดย Teeuwe Mevissen นักวิเคราะห์ของ Rabobank กล่าวว่า บริษัทตะวันตกจํานวนมากขึ้น กําลังลดหรือรักษาระดับการลงทุนในปัจจุบันในประเทศจีน แต่กระจายความเสี่ยงไปยังที่อื่น

แสงสว่างเดียวของเศรษฐกิจจีนมาจาก ภาคยานยนต์ โดยสามารถผลิตรถยนต์ได้เกิน 30.16 ล้านคัน เพิ่มขึ้น 11.6% และยอดขายในประเทศเกิน 21.9 ล้านคัน เพิ่มขึ้น 4.2% ด้านการส่งออกเพิ่มขึ้นเป็น 4.1 ล้านคัน เติบโต 63.7% 

Teeuwe ย้ำว่า ความท้าทายทั้งหมดเหล่านี้ จะยังคงมีบทบาทสําคัญต่อไปในปี 2024 โดยการเติบโตของเศรษฐกิจจีนปีนี้คาดว่าจะลดลงเหลือ 4.5% ตามการคาดการณ์ของธนาคารโลก ขณะที่การคาดการณ์เฉลี่ยโดยกลุ่มผู้เชี่ยวชาญของ AFP คือ 4.7%

Source

]]>
1458901
Apple ออกโปรโมชั่นลดราคาสินค้าในประเทศจีน 3 วัน หลังการแข่งขันในตลาดแดนมังกรเพิ่มสูงขึ้น https://positioningmag.com/1458871 Tue, 16 Jan 2024 04:26:25 +0000 https://positioningmag.com/?p=1458871 แอปเปิล (Apple) ได้ออกโปรโมชั่นลดราคาสินค้าของบริษัทเป็นการชั่วคราวในจีน ซึ่งเป็นเรื่องไม่บ่อยนักที่จะเห็นยักษ์ใหญ่รายนี้ประกาศลดราคาโทรศัพท์มือถือ หรือ MacBook ฯลฯ สาเหตุสำคัญมาจากการแข่งขันเริ่มเพิ่มสูงมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งการกลับมาอีกครั้งของแบรนด์จีนอย่าง หัวเว่ย (Huawei)

Apple ประกาศผ่านหน้าเว็บไซต์ของบริษัทว่าได้ลดสินค้าในประเทศจีนหลายรายการ ซึ่งจะทำให้ผู้บริโภคในประเทศจีนสามารถประหยัดเงินไปได้ 6-8% เมื่อเทียบกับราคาสินค้าปกติ และความเคลื่อนไหวดังกล่าวไม่ใช่ความเคลื่อนไหวปกติของยักษ์ใหญ่ไอทีจากสหรัฐอเมริกาที่แทบไม่เห็นการลดราคาสินค้ารุ่นปัจจุบัน

สำหรับราคาสินค้าที่บริษัทได้ประกาศลดราคา เช่น iPhone 15 นั้น Apple ได้ให้ส่วนลดมากถึง 500 หยวน ซึ่งโปรโมชั่นดังกล่าวมีระยะเวลาถึงแค่ช่วงวันที่ 21 มกราคมนี้เท่านั้น

ไม่ใช่แค่ผลิตภัณฑ์อย่าง iPhone เท่านั้นที่ลดราคาแต่ Apple ได้ลดราคาทั้ง MacBook Air ทั้งในรุ่น M1 หรือรุ่น M2 ซึ่งให้ส่วนลดสูงสุดถึง 800 หยวน iPad ลดราคาสูงสุด 200 หยวน หรือแม้แต่ AirPods ที่ลดราคา 100 หยวน ซึ่งสภาวะดังกล่าวแสดงให้เห็นถึงการแข่งขันที่เพิ่มมากขึ้นในจีน

สาเหตุสำคัญที่ทำให้ Apple ต้องงัดกลยุทธ์ลดราคาสินค้าก็คือยอดขายในประเทศจีนซึ่งเป็นตลาดใหญ่อันดับต้นๆ ของบริษัท เริ่มส่งสัญญาณชะลอตัวลง จะเห็นได้จากยอดขายของ iPhone 15 ที่ไม่ได้ดีมากนัก เมื่อเทียบกับผลิตภัณฑ์รุ่นก่อนหน้าอย่าง iPhone 14

ในบทวิเคราะห์จาก Jefferies ได้ชี้ว่า ยอดขาย iPhone ในประเทศจีนลดลงมากถึง 30% ในสัปดาห์แรกของปี 2024 เมื่อเทียบกับยอดขายในช่วงเดียวกันของปี 2023 ที่ผ่านมา ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความยากลำบากของ Apple

อีกสาเหตุที่ทำให้บริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่จากสหรัฐฯ ต้องงัดโปรโมชั่นออกมาคือ การกลับมาของแบรนด์จีนอย่าง Huawei ที่กลับมาผลิตโทรศัพท์มือถือ โดยบริษัทได้เปิดตัว Huawei Mate 60 Pro ซึ่งสร้างความฮือฮาทั้งในจีนและนอกจีน จากการใช้เทคโนโลยีการผลิตชิปที่ 7 นาโนเมตร

ไม่เพียงเท่านี้ ตลาดโทรศัพท์มือถือในประเทศจีนยังมีคู่แข่งรายอื่น เช่น Xiaomi Vivo ฯลฯ ที่พร้อมแย่งส่วนแบ่งทางการตลาดจากแบรนด์รายอื่นซึ่งรวมถึง Apple ด้วย

ขณะเดียวกันจีนเองก็ประสบปัญหาสภาวะเศรษฐกิจในประเทศ โดยเฉพาะปัญหาเงินฝืด แสดงให้เห็นว่าผู้บริโภคในประเทศจีนไม่ออกมาจับจ่ายใช้สอยมากอย่างเท่าที่เป็น ซึ่งตัวเลขเงินเฟ้อในจีนนั้นกลับเข้าสู่โซนติดลบมาเป็นระยะเวลามากกว่า 3 เดือนแล้ว

ปัจจัยข้างต้น รวมถึงความขัดแย้งระหว่างจีนกับสหรัฐอเมริกา ซึ่งล่าสุดมีมาตรการจากทางการและรัฐวิสาหกิจจีนได้ห้ามไม่ให้พนักงานใช้โทรศัพท์มือถือจากผู้ผลิตจากต่างประเทศ ยิ่งเพิ่มแรงกดดันต่อ Apple ซึ่งปี 2024 อาจเป็นปีที่ยากลำบากสำหรับยักษ์ใหญ่รายนี้ไม่น้อย

ที่มา – Reuters, Gizmochina, CNN

]]>
1458871