เรตติ้งเฉลี่ยของ 25 ช่องทีวีดิจิทัลในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา 2-8 กรกฎาคม 2561 ช่องที่มาแรงที่สุดคือ ไทยรัฐทีวี ที่ยกผังรายการปกติ จัดรายการข่าวเกาะติดสถานการณ์ที่ถ้ำหลวง ตั้งแต่เช้าจนมืด เรตติ้งรายการที่สูงที่สุดคือช่วงรายการ “ไทยรัฐนิวส์โชว์” เรตติ้งของวันที่ 8 กรกฎาคม ช่วงที่เด็กๆ ทีมหมูป่า 4 คนแรกได้รับการช่วยเหลือออกมาจากถ้ำหลวงแล้ว เรตติ้งรายการจึงพุ่งสู่สูงสุดมาอยู่ที่ 4.414 เป็นเรตติ้งรายการข่าวที่สูงที่สุดของไทยรัฐนิวส์โชว์ สูงกว่าทุกรายการในช่วงเดียวกันรวมทั้งละครของช่อง 7 และช่อง 3
อมรินทร์ทีวี คู่แข่งรายการข่าวของไทยรัฐทีวี ขึ้นจากอันดับ 7 ในสัปดาห์ที่แล้ว มาอยู่ที่อันดับ 6 เรตติ้งเฉลี่ยทั้งช่อง 0.628 โดยมีรายการหลักที่ทำเรตติ้งสูงคือ รายการ “ทุบโต๊ะข่าว” นอกจากนี้ยังมีการจัดรายการพิเศษรายงานข่าวจากถ้ำหลวงในหลายๆ ช่วงเวลา และยังมีการถ่ายทอดสดฟุตบอลโลกด้วย
ด้วยรายการข่าวล้วนๆ จากการจัดรายการสดหลายช่วง ทำให้ช่องข่าว ThaiPBS เรตติ้งขึ้นมาอยู่ในอันดับ 11 เรตติ้งเฉลี่ยของช่อง 0.302 สูงที่สุดของช่อง ThaiPBS, ช่อง 9 อสมท ที่รื้อผังจัดรายการสด ส่งใจไปถ้ำหลวง จัดผู้สื่อข่าวภาคสนามเกาะติดส่งภาพเหตุการณ์สดๆ ทุกช่วง เรตติ้งมาทุกช่วง ทำให้ภาพรวมเรตติ้งเฉลี่ยของช่องขึ้นมาอยู่ที่อันดับ 9 จากอันดับ 13 เมื่อสัปดาห์ก่อน
โมโน ในกลุ่มของเอ็มไทย ที่ทวิตเตอร์แอคเคาน์@mthai แจ้งเกิดมาแล้วจากช่วงรายการข่าวสถานการณ์ที่ถ้ำหลวง ได้ความดังของ@mthai มีช่วงรายการข่าวสถานการณ์ แถมยังแนะนำโปรโมตรายการของช่องเป็นระยะ โดยเฉพาะการจัดหนังดังต่างประเทศ ที่เกี่ยวข้องกับการทำงานของหน่วยซีลต่างประเทศลงจอ เข้ากับสถานการณ์และเรียกเรตติ้งได้ไม่น้อย เช่นเรื่อง Lone Survivor ปฏิบัติการพิฆาตสมรภูมิเดือดในวันดีเดย์ 8 กรกฎาคม ที่ช่วยทีมหมูป่าออกมาได้ 4 คนแรก โดยออกอากาศช่วงเวลาทองก่อนข่าวและหลังข่าว 2 ทุ่มได้เรตติ้ง 1.453 และ 2.618 ทำให้โมโนเรตติ้งฟื้นกลับมาอยู่ที่อันดับ 4 ได้เรตติ้ง 0.736 ขึ้นมาจากอันดับ 6 เรตติ้ง 0.598 ในสัปดาห์ก่อน
ช่องทรูโฟร์ยูและช่อง 5 อีก 2 ช่องที่ได้ถ่ายทอดฟุตบอลโลก แม้ว่าจะเป็นการถ่ายทอดสดในรอบ 16 ทีมและ 8 ทีมสุดท้าย แต่มีจำนวนแมตช์ที่ถ่ายทอดน้อยลง และยังต้องเฉลี่ยให้ครบทั้ง 3 ช่อง เรตติ้งจึงลดลง ทรูโฟร์อยู่อยู่ในอันดับ 13 ลดลงจากอันดับ 11 ในสัปดาห์ที่แล้ว และช่อง 5 อยู่ในอันดับ 16 ลงจากอันดับ 14
]]>ราคาหุ้นของเวิร์คพอยท์ เมื่อวันที่ 12 มีนาคมที่ผ่านมา ลดลงในวันเดียวถึง 8.75 บาท จากราคาเปิดตลาดอยู่ที่ 77.75 บาท มาปิดที่ 69 บาท เป็นการลงแรงถึง 11.25% ต่ำสุดในรอบ 6 เดือน หลังจากที่เคยมีราคาสูงสุดในวันที่ 7 พ.ย. 2560 ในราคาที่ 104 บาท
ส่วนหนึ่งเป็นผลสะท้อนจากเรตติ้งทั้งช่อง และรายการหลักระดับ “แม่เหล็ก” ของเวิร์คพอยท์อย่าง “The Mask Singer” หรือ “หน้ากากนักร้อง” กำลังดิ่งลงอย่างหนัก
นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ได้จับตามองเห็นความเปลี่ยนแปลงด้านผลตอบรับความนิยมของทั้งช่องและรายการสำคัญมาตั้งแต่เดือนธันวาคมปีที่แล้ว ส่งผลให้เรตติ้งเริ่มลดลงแพ้ช่องโมโน ที่นำเสนอภาพยนตร์และซีรีส์ต่างประเทศ แต่โดยรวมทั้งปีก็ยังประคองตัวรักษาอันดับเรตติ้งเป็นช่องอันดับ 3 ได้
ปีที่แล้ว 2560 ถือว่าเป็นช่วงทองของ “เวิร์คพอยท์” แจ้งผลประกอบการปี 2560 ว่าบริษัทมีรายได้รวมทั้งสิ้น 3,852.50 ล้านบาท สูงขึ้นจากปี 2559 ที่มีรายได้รวม 2,667.05 ล้านบาท คิดเป็น 44% โดยมีกำไรสูงถึง 904.09 ล้านบาท สูงกว่าปี 2559 ถึง 355% ซึ่งปี 2559 มีกำไรอยู่ที่ 198.63 ล้านบาท
รายได้หลักมาจากกิจการโทรทัศน์ ซึ่งมีรายได้รวม 3,478.35 ล้านบาท โดยรายได้ส่วนนี้มาจากรายได้ของช่องเวิร์คพอยท์จำนวน 3,208.76 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้น 979.72 ล้านบาท หรือ 44% เมื่อเทียบกับปี 2559
ความสำเร็จของเวิร์คพอยท์ในปีที่แล้ว มาจากรายการ The Mask Singer หน้ากากนักร้อง ที่เปิดตัวซีซั่นแรก ก็กระชากเรตติ้งถล่มทลายได้เรตติ้งสูงสุดถึง 13.371 โดยมีเรตติ้งเฉลี่ยอยู่ที่ 6.55 แซงหน้าละครหลังข่าวช่วงเวลาไพรม์ไทม์ทั้งของช่อง 7 และช่อง 3 เป็น Talk of the town ไม่มีใครไม่รู้จัก ทุกคนต้องดู
ในขณะที่ซีซั่น 2 ออกอากาศช่วงเดือนเมษายนถึงสิงหาคมปีที่แล้ว แม้เรตติ้งจะลดลงไปบ้างแต่ก็ได้เฉลี่ยทั้งซีซั่นอยู่ที่ 7.311 และเคยได้สูงสุดอยู่ที่ 9.383 ส่วนซีซั่น 3 ที่ออกอากาศต่อเนื่องกันมาและจบไปเมื่อต้นเดือน ก.พ. 2561 ได้เรตติ้งเฉลี่ย 3.579
แม้ว่าภาพรวมทั้งปีกำไรพุ่งสูงสุด แต่ว่าผลประกอบการไตรมาส 4 ปี 2560 มีตัวเลขขาดทุนอยู่ที่ 22 ล้านบาท
ตัวเลขเรตติ้งช่วงไตรมาส 4 เริ่มถดถอยลงต่อเนื่อง เมื่อรายการใหม่ๆ ที่คาดหวังไว้ไม่ประสบความสำเร็จ โดยเฉพาะรายการ The X Factor จบลงไปด้วยเรตติ้งเฉลี่ยเพียง 1.309
เมื่อเปิดศักราชใหม่เวิร์คพอยท์ ยังคงให้น้ำหนักกับรายการ วาไรตี้ “เกมโชว์” ซึ่งเป็นจุดขายสำคัญของช่อง รายการที่เวิร์คพอยท์หวังจะเป็นหมัดเด็ดดึงเรตติ้งก็ไม่เป็นไปตามคาดหมาย
The Show : ศึกชิงเวที ที่เป็นการ battle กันระหว่างนักร้องทีมชายและทีมหญิง จัดลงผังทุกวันอังคาร หลังข่าวในช่วงไพรม์ไทม์ แต่เปิดตัวออกอากาศครั้งแรกได้เรตติ้งไปเพียง 1.73 และค่อยๆ ลดลง จนสัปดาห์ที่แล้วได้เรตติ้งไปเพียง 1.32 เท่านั้น
ในขณะที่ซีรีส์อินเดีย “ศึกสองราชันย์ โปรุส VS อเล็กซานเดอร์” ซีรีส์ประวัติศาสตร์อินเดีย สงครามครั้งสุดท้ายของกษัตริย์อเล็กซานเดอร์มหาราช เวิรค์พอยท์จัดลงทุกวันจันทร์ถึงศุกร์ หลังรายการวาไรตี้ช่วงไพรม์ไทม์ ที่หวังว่าจะเปรี้ยง แต่เรตติ้งก็ไม่มาตามคาด สัปดาห์ที่ผ่านมา เรตติ้งอยู่ในระดับ 0.4 – 0.6 เท่านั้น
รายการใหม่อย่าง My Mom Cook หรือเชพไม่ทิ้งแถว ในวันเสาร์ ได้เรตติ้งในเสาร์ที่ 10 มีนาคมที่ผ่านมาเพียง 0.799
นอกจากนี้ช่วงละครไทย “สาวน้อยร้อยหม้อ” ที่ลงผังไพรม์ไทม์วันหยุด ตอนจบในวันอาทิตย์ที่ 11 ก.พ.ที่ผ่านมา ได้เรตติ้งอยู่ที่ 1.51 โดยจะมีละครใหม่ “คู่ซี้ผีมือปราบ” ได้สองนักแสดงใหญ่ “ติ๊ก เจษฎาภรณ์ และ ชาคริต แย้มนาม ออนแอร์ต่อ
ส่งผลให้เรตติ้งของเวิร์คพอยท์ที่เคยอยู่อันดับ 3 ในปี 2560 ต้องหล่นมาอยู่อันดับ 4 ในช่วง 2 เดือนแรกของปี 2561 โดยช่องโมโนเบียดขึ้นมาเป็นอันดับ 3
ที่ผ่านมา รายการ I can see your voice หรือ นักร้องซ่อนแอบ และ The Mask Singer แม้ว่าจะมีเรตติ้งลดลงไป แต่ทั้งสองรายการยังคงเป็น “รายการหลัก” ให้กับช่องเวิร์คพอยท๋ สร้างเรตติ้งสม่ำเสมอในผังวันพุธ และพฤหัส ทุกสัปดาห์ สามารถสู้กับละครช่องของช่อง 3 และช่องวัน ซึ่งเป็นช่องที่มีฐานผู้ชมเป็นกลุ่มเป้าหมายเดียวกันอย่างคนกรุงเทพฯ และคนหัวเมืองหลักได้อย่างสูสีบ้าง
แต่เมื่อละครไทยเริ่มมาแรง ตั้งแต่ ”เรือนเบญจพิษ” ของช่องวัน ทำให้เรตติ้งทั้งสองรายการเริ่มได้รับผลกระทบ
อีกทั้งยังมาเจอ “บุพเพสันนิวาส” ฟีเวอร์ ที่ช่อง 3 จัดลงผังวันพุธและพฤหัส ทั้งสองรายการหลักของเวิร์คพอยท์ก็ต้องรับผลกระทบเข้าอย่างจังๆ
“บุพเพสันนิวาส” ออกอากาศตอนแรก ก็ชนะทั้งสองรายการ แต่เรตติ้งยังไม่ทิ้งห่างมากนัก ได้เรตติ้ง 3.417 และ 4.769 โดยที่ I can see your voice ได้เรตติ้ง 2.791 ในขณะที่ The Mask Singer 4 อยู่ที่ 3.186
พอมาสัปดาห์ต่อมาตอนที่ 3 และ 4 ของบุพเพสันนิวาส เริ่มกวาดเรตติ้งไปที่ 7.311 และ 8.197 ทำให้ทั้งสองราย การเรตติ้งลงลงอีก โดย I can see your voice ได้เรตติ้งอยู่ที่ 2.136 และ The Mask Singer 4 ได้ 1.888 เท่านั้น
เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เมื่อ “บุพเพสันนิวาส” เรตติ้งถล่มทลาย 11.354 และ 12.645 I can see your voice เหลือเพียง 1.992 ในขณะที่ The Mask Singer 4 รูดลงหนักมาอยู่ที่ 1.609 เท่านั้น
สถานการณ์ในทุกวันพุธ และพฤหัสทุกสัปดาห์ ก็คงจะเป็นเช่นนี้ไปอีกระยะของกระแส “บุพเพสันนิวาส” จนกว่าจะจบลง และหวังว่าจะไม่มีละครชุดใหม่มาปังต่อเนื่องอีก จึงส่งผลกระทบต่อราคาหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ฯ อย่างหนักในช่วงนี้
น่าจับตามองว่าในวิกฤติเช่นนี้ เวิร์คพอยท์ที่ขึ้นชื่อว่า เป็นบริษัทที่มีครีเอทีฟสูง สร้างสรรค์คอนเทนต์ใหม่ๆ พร้อมปรับเปลี่ยนจัดรายการใหม่ลงผังได้อย่างรวดเร็ว จะใช้กลยุทธ์อะไรในการสร้างรายการใหม่ ฟื้นความนิยมกลับคืนมา เพื่อพร้อมที่จะสู้ชิงทั้งเรตติ้ง และสร้างกระแสขึ้นมาได้อีกครั้ง
เพราะบทเรียนการต่อสู้ในสังเวียนทีวีดิจิทัลที่ผ่านมา ทำให้เห็นว่า ไม่มีใครชนะได้ตลอดกาล อยู่ที่ว่าใครมีคอนเทนต์ที่โดนใจผู้ชมได้มากที่สุด กระแสก็พร้อมเหวี่ยงกลับไปมาได้ตลอดเวลา.
]]>ช่องทีวีดิจิทัลที่ได้เรตติ้งสูงสุด 10 อันดับแรกในปี 2560 อันดับ 1 เป็นของช่อง 7 ไล่เรียงต่อ ๆ กันมา คือช่อง 3 เอชดี เวิร์คพอยท์ โมโนช่อง 8 ช่องวัน อมรินทร์ ช่อง 3 เอสดี ไทยรัฐ และ อสมท นับเป็นช่องที่ได้ผู้ชมทีวีไปส่วนใหญ่จากทั้งหมด 25 ช่องที่เป็นฟรีทีวี เป็น 22 ช่องเพื่อธุรกิจหารายได้จากโฆษณา และอีก 3 ช่องเป็นช่องเพื่อสาธารณะคือไทยพีบีเอส ที่มีรายได้จากรัฐ และอีก 2 คือช่อง 5 และช่อง 11 ที่มีรายได้จากการหาโฆษณาด้วย
จากตัวเลขเรตติ้งของนีลเส็น ที่เจาะลึกกลุ่มผู้ชมแบ่งตามพื้นที่ เพศ และอายุ ในกลุ่มท็อป 10 นี้ พบว่าช่องที่มีเรตติ้งในกรุงเทพฯ และปริมณฑลสูงกว่าในต่างจังหวัด มีถึง 8 ช่อง อันดับแรกคือช่อง 3 เอชดี ตามมาด้วยเวิร์คพอยท์ โมโน วัน อมรินทร์ ช่อง 3 เอสดี ไทยรัฐ และ อสมท
ส่วนช่องที่ได้ผู้ชมต่างจังหวัดสูงกว่ามีแค่ 2 ช่อง คือช่อง 7 ที่ได้เรตติ้งในต่างจังหวัดสูง ทิ้งห่างจากทุกช่อง และอีกช่องคือช่อง 8 ที่ได้เรตติ้งในต่างจังหวัดสูงกว่ากรุงเทพฯ และปริมณฑล แต่ทั้งสองพื้นที่ตัวเลขไม่ห่างกันมากนัก
เจาะลึกลงไปอีกถ้าดูกลุ่มผู้ชม ตามเพศ ผู้หญิง และผู้ชายพบว่า กลุ่มผู้ชมชายมากกว่าหญิง คือ โมโน ช่อง 8 อมรินทร์ ไทยรัฐ อสมท อีก 5 ช่องหญิงมากกว่าชาย คือยักษ์ใหญ่ทั้งสองช่องคือช่อง 7 และ 3 HD เวิร์คพอยท์ ช่องวัน และช่อง 3 SD
นี่คือผลงานของแต่ละช่องในช่วงปีที่ผ่านมา ที่ช่อง 7 ยังคงยึดฐานผู้ชมส่วนใหญ่ของประเทศคือต่างจังหวัด ทั้งจากละคร วาไรตี้ และข่าว ที่มีเนื้อหา และรูปแบบที่ต่อเนื่อง ย้ำจุดยืนเป็นช่องของกลุ่มแมส
ขณะที่ช่อง 3 แม้จะพยายามแข่งชิงพื้นที่ในต่างจังหวัดบ้าง แต่ยังไม่สำเร็จ เพราะตัวเลขเรตติ้งในต่างจังหวัดยังห่างจากช่อง 7 แต่ผลงานที่ช่วยปลอบใจผู้บริหาร ผู้ถือหุ้นช่อง 3 ได้บ้างคือในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล ได้ 2.162 เป็นที่ 1 ชนะช่อง 7 ที่ได้ 1.866 แต่จุดเสี่ยงคือทิ้งห่างช่อง 7 ไม่มาก และยังมีเบอร์ 3 อย่างเวิร์คพอยท์ และโมโน ที่ประกาศพร้อมชิงฐานผู้ชมในกรุงเทพฯ และปริมณฑลอีกด้วย
ขณะที่โมโนเน้นจุดยืนที่เป็นช่องหนัง และจัดหนังพรีเมียม บล็อกบัสเตอร์มาลงในช่วงไพรม์ไทม์หลังสองทุ่มอย่างต่อเนื่องจนเกือบเที่ยงคืนที่ตอบโจทย์คนเมืองที่นอนดึกมากกว่าคนในต่างจังหวัด และผู้ชายมากกว่าผู้หญิง
สำหรับช่องที่เหลือที่ยังมีแนวโน้มพร้อมเปลี่ยนกลุ่มเป้าหมายได้อีก เพราะทั้งตัวเลขพื้นที่รับชม และชายหญิงพอ ๆ กัน คือช่องวัน อมรินทร์ ไทยรัฐ 3 SD และ อสมท
ความท้าทายที่ทุกช่องต้องเผชิญ คือฐานอายุผู้ชมทั้ง 9 ช่องได้เรตติ้งจากกลุ่มอายุ 50 ปีขึ้นไปสูงสุดของช่อง เช่น ช่อง 7 กลุ่มผู้ชมอายุ 50 ปีขึ้นไปมีเรตติ้ง 2.700 กลุ่มที่น้อยที่สุดคือ 15-19 ปีมีเรตติ้งประมาณ 1.400 ขณะที่โมโนได้กลุ่มอายุ 40-44 ปี ทำเรตติ้งสูงสุดของช่องได้ประมาณ 1.040 ขณะที่กลุ่มอายุอื่น ๆ ได้เรตติ้งไม่ถึง 1
ฐานผู้ชมที่แบ่งตามอายุของแต่ละช่องนั้น ตัวเลขเรตติ้งที่สูงของแต่ละช่องจะเริ่มเห็นเรตติ้งบ้างตั้งแต่กลุ่มอายุประมาณ 35 ปี โดยกลุ่มที่เป็นวัยรุ่น คนรุ่นใหม่ วัยทำงาน ต่ำกว่า 35 ปีนั้น แต่ละช่องมีเรตติ้งไม่สูงนัก
ยกตัวอย่างช่อง 3 มีเรตติ้งกลุ่มอายุวัยทำงานตั้งแต่ 20-35 ปีนั้น มีเรตติ้งประมาณ 0.660-1.000 ส่วนกลุ่มอายุ 35 ปีขึ้นไปอยู่ที่ 1.200-2.000
ช่อง 7 กลุ่มอายุ 20-35 ปี มีเรตติ้ง 1.100-1.700 ส่วน 35 ปีขึ้นไปมีเรตติ้ง 1.900-2.700.
]]>