ที่ทำตลาดได้ 2 ปี ทดสอบเรื่องรสชาติผู้บริโภคอาจเทใจให้ แต่พอไปหน้าเชลฟ์ก็ยังเลือกหยิบแบรนด์เบอร์ 1 อย่าง “สปอนเซอร์” เพราะอยู่ในใจผู้บริโภค (Top of mind) อยู่แล้ว ดังนั้น Product Me too เลยต้องถอยจากตลาด
สินค้าใหม่ในกลุ่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ไซเดอร์ มีขนาดตลาดเล็กมาก หลัก “แสนลิตร” เท่านั้น ถ้าต้องทุ่มงบสร้างการรับรู้ให้ผู้บริโภค ทำตลาด ผลลัพธ์ด้านยอดขายไม่คุ้มกับเง็ดเงินที่ลงไป จึงต้องยุติ
ขนมข้าวอบกรอบที่เกิดจากการร่วมทุนระหว่างบริษัท เฮสโก ฟู้ด อินดัสทรี่ ในเครือของสิงห์กับ “ซังโกะ เซกะ” ประเทศญี่ปุ่น แต่ภายหลังมีความไม่ลงรอยกับพันธมิตรจึงหยุดผลิต ส่วนสินค้าที่เห็นในท้องตลาดเวลานี้ เป็นสต๊อกที่จำหน่ายไปล่วงหน้าแล้ว
“เกณฑ์นำสินค้าออกจากตลาด เราพิจารณาจากความสามาถในการทำกำไรและมองแนวโน้มจะเห็นโอกาสสร้างการเติบโตได้หรือไม่” ภูริต ภิรมย์ภักดี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บุญรอดเทรดดิ้ง จำกัด
อย่างไรก็ตาม บริษัทได้มีการเพิ่มพอร์ตสินค้าใหม่มาจำหน่ายด้วย เช่น น้ำปลาหยดทอง สินค้าจากกลุ่มมาซาน เวียดนามที่สิงห์ไปซื้อกิจการมา 2 ปีก่อน และเล็งเพิ่มหมวดอาหารและเครื่องดื่มอื่นๆ มาทำตลาดมากขึ้น เพื่อสร้างการเติบโตให้ธุรกิจ
สำหรับแผนการทำธุรกิจในปี 2561 จะโฟกัสสินค้าเรือธงเบียร์ลีโอ เพราะมีการเติบโตดีมาก และมีส่วนแบ่งทางการตลาดสูง 55% ต้องรักษาฐานตลาดไว้ให้ได้, น้ำดื่มสิงห์ หลังจากมีการปรับกลยุทธ์ในการทำตลาดใหม่ หันมาใช้ “เจ้านาย” เป็นพรีเซ็นเตอร์จับกลุ่มเป้าหมายคนรุ่นใหม่มากขึ้น การใช้สื่อดิจิทัลเพื่อสื่อสารตลาดและสร้างแบรนด์ เพื่อช่วยให้บริษัทแย่งคืนส่วนแบ่งตลาดกลับมาได้ ส่วนโซดาสิงห์ เพราะเป็นแบรนด์ที่เติบโตดี และเป็นผู้นำตลาดด้วยส่วนแบ่ง 97% โดยสินค้าดีและทำกำไรจะต้องให้ความสำคัญอย่างต่อเนื่อง
ในปีนี้ บริษัทให้น้ำหนักการทำตลาดผ่านดิจิทัล สื่อออนไลน์มากขึ้น เพราะกลุ่มเป้าหมายคนรุ่นใหม่ เสพสื่อออนไลน์เป็นหลัก จึงต้องตามไปสร้างแบรนด์ให้ใกล้ชิดกับคนเหล่านั้น
สำหรับภาพรวมตลาดเบียร์มีมูลค่าประมาณ 2 แสนล้านบาท ตลาดเติบโตไม่เกิน 2% สิงห์ ลีโอ ยูเบียร์ และสโนวี่ไวเซ่น มีส่วนแบ่งลาดรวม 62% เพิ่มจาก 59% ในปี 2559 ส่วนตลาดน้ำดื่ม สิงห์มีส่วนแบ่งตลาด 20% และคริสตัลมีส่วนแบ่งตลาด 21%
อย่างไรก็ตาม เป้าหมายในปี 2561 บุญรอดเทรดดิ้ง มีดังนี้