ด้วยความที่เป็นผู้เล่นรายเล็ก และมีเงินทุนไม่หนา ทำให้ซิมเพนกวินเลือกใช้กลยุทธ์ “พาร์ตเนอร์” ในการติดสปีดในการทำตลาด โดยเมื่อเดือนมิถุนายนได้จับมือกับ “ซิงเกอร์” ในการนำซิมเพนกวินขายคู่กับมือถือของซิงเกอร์เป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่ออกมาเพื่อจับกลุ่มลูกค้าที่ต้องการซื้อมือถือเงินผ่อนในราคาย่อมเยาแต่ไม่มีบัตรเครดิต
การนำซิมเพนกวินไปผูกด้วยทำให้มียอดการซื้อซิมเพิ่มมากขึ้น และยังเพิ่มช่องทางการขายในเจมาร์ทที่อยู่ในเครือได้อีกด้วย
ล่าสุดซิมเพนกวินได้ขยับไปอีกสเต็ปด้วยกับแท็กทีมกับ “เสก โลโซ” หรือเสกสรรค์ ศุขพิมาย นักร้องวงร็อกในการเป็นพาร์ตเนอร์ทางธุรกิจ ปั้น “ซิมเพนกวินเราและนาย” ออกโปรเสริมในการเล่นดาต้าราคาเริ่มต้น 89-559 บาท จับกลุ่มแฟนคลับเสกโดยเฉพาะ เป็นการเริ่มเจาะลูกค้าเฉพาะกลุ่ม
จุดเริ่มต้นของโปรเจกต์นี้คือ ทางเสกมีจำหน่ายสมาร์ทโฟน LOSO LS1 อยู่แล้ว โดยเมื่อต้นปีที่ผ่านมาได้ให้ทางซิมเพนกวินช่วยจำหน่ายเพราะมีหน่วยรถขายทั่วประเทศ แล้วก็พบว่าแฟนคลับของเสกเยอะมาก กลุ่มใกล้เคียงกันกับลูกค้าซิมเพนกวิน จึงมีแผนต่อยอดในการเป็นพาร์ตเนอร์ร่วมกัน เพราะไม่มีเงินทุนที่จะจ้างเสกเป็นพรีเซ็นเตอร์ ซึ่งทางเสกเองก็ต้องการขยายธุรกิจมากขึ้นอยู่แล้ว ดีลนี้จึงลงตัว
เสกมีฐานแฟนคลับรวม 5 ล้านคน เป็นตัวเลขนับจากเฟซบุ๊ก เป็นผู้ชาย 70% และผู้หญิง 30% และเป็นแฟนที่มีการแอคทีฟสูง ในการโพสต์คอนเทนต์ของเสกในหนึ่งสัปดาห์ มียอดเอ็นเกจเมนต์ในเพจ 4.7 ล้านครั้ง และเข้าถึงได้ 8.2 ล้านรายซิมเพนกวินมองว่าเป็นกลุ่มลูกค้าใกล้เคียงกันคือส่วนใหญ่เป็นคนต่างจังหวัด
ความร่วมมือกันครั้งนี้ซิมเพนกวินจะได้เสกเป็นเหมือนกระบอกเสียงช่วยโปรโมตให้กับกลุ่มแฟนคลับให้ใช้ซิมเพนกวิน ส่วนเสกเองก็ได้ซิมเพนกวินช่วยบริหารการขายสมาร์ทโฟนด้วย เพราะมีทีมที่เชี่ยวชาญด้านนี้โดยตรง มีการตกลงในการแบ่งรายได้กัน แต่ไม่มีการเปิดเผย
ปกรณ์ พรรณเชษฐ์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาด ซิมเพนกวิน เล่าให้ฟังว่า “ตลาด MVNO ยังมีโอกาสไปได้เรื่อยๆ ยังมีกลุ่มผู้บริโภคต้องการใช้อยู่ แต่ไม่ได้เป็นตามที่คิดไว้เท่าไหร่ ด้วยปัจจัยด้านเศรษฐกิจ และการแข่งขันในตลาดที่รุนแรง ข้อดีของรายเล็กคือปรับตัวได้ตลอดเพราะการลงทุนไม่สูง ได้ลองอะไรหลายๆ อย่าง ครั้งนี้ได้เอาซิมพิเศษมาช่วยขยายฐานผู้ใช้เฉพาะกลุ่ม จะเป็นอีกกลยุทธ์ที่เน้นมากขึ้นในการจับมือกับพาร์ตเนอร์ที่มีชื่อเสียง“
เสกเป็นคนที่ใช้โซเชียลมีเดียเป็นประจำอยู่แล้ว และมีการไลฟ์เฟซบุ๊กบ่อย งานนี้ซิมเพนกวินอาศัยช่องทางนี้ในการโปรโมตซิมกับกลุ่มลูกค้าด้วย โดยให้เสกแจกของ แจกค่าโทร แจกอินเทอร์เน็ต ให้ใช้งานได้มากขึ้น
ในอนาคตมีแผนที่จะเจาะกลุ่มลูกค้าเฉพาะมากขึ้น ปกรณ์บอกว่า กลุ่มวินมอเตอร์ไซค์ เดลิเวอรี่ หรือกลุ่มเมสเซ็นเจอร์มีโอกาสในการใช้ซิมเพนกวิน เพราะคนกลุ่มนี้ใช้การโทรเยอะ ครั้งละไม่นาน ทำให้ใช้ได้คุ้ม โดยที่มีการเจาะกลุ่มนี้มากขึ้น เริ่มต้นให้เสกเป็นคนช่วยโปรโมต
ปัจจุบันซิมเพนกวินมียอดขายซิมรวม 800,000 ซิม แอคทีฟ 50% ในแต่ละเดือนมีลูกค้าใหม่เพิ่มขึ้นเฉลี่ย 60,000-70,000 ซิม ตั้งเป้า 1 ล้านซิมในสิ้นปีนี้
มีช่องทางจำหน่ายซิมรวมหมื่นจุดทั่วประเทศ มีหน่วยรถขาย 70 คัน และมีช่องทางเติมเงิน 200,000 จุด ปีนี้ได้ใช้งบการตลาด 80 ล้านบาท
]]>ซิมเพนกวินได้เปิดตัวอย่างเป็นทางการเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ได้อาศัยจุดแข็งจากที่เป็นทีมผู้บริหารเก่าจากดีแทค ซึ่งอยู่ในแวดวงเทเลคอมมาหลาย 10 ปี ทำให้เห็นภาพตลาด และเข้าใจพฤติกรรมผู้บริโภคได้อย่างดี แต่อย่างไรแล้วก็ยังเป็นน้องใหม่ และเป็นรายเล็กในตลาดอยู่ ยิ่งถ้าพูดถึงเรื่องงบลงทุนคงเทียบไม่ได้กับผู้เล่นรายใหญ่ที่กระหน่ำโปรโมชั่น แจกเครื่อง แจกซิมกัน
กลยุทธ์ของซิมเพนกวินจึงเลือกที่ทำการเจาะเซ็กเมนต์เป็นกลุ่มๆ เพราะมองว่าไปเป็นตลาดแมสก็สู้รายใหญ่ไม่ได้ ในขณะเดียวกันรายใหญ่ก็ยากที่จะลงมาโฟกัสตลาดเล็ก ซิมเพนกวินเลือกเจาะกลุ่มที่มีโอกาสสูง จึงได้กลุ่มลูกค้าฮีโร่ 2 กลุ่มก็คือ “ผู้สูงอายุ” และ “วัยรุ่น” และเป็นกลุ่มคนต่างจังหวัด
โดยที่ทำการออกซิมใหม่ 2 ซิม “ซิมวัยเก๋า” และ “ซิมวัยโจ๋” เหตุผลที่เปิดตัวในช่วงเดือนนี้ก็เพราะว่าช่วงไตรมาส 4 เป็นช่วงสำคัญของธุรกิจเทเลคอม เป็นในเรื่องของเทศกาล และความรู้สึกของผู้บริโภคที่ต้องการซื้อของใหม่ จึงมองว่าเป็นโอกาสสำคัญ
เรื่องแพ็กเกจค่าโทร ค่าเน็ตราคาถูกเป็นเรื่องพื้นฐานที่ต้องทำการสื่อสารอยู่แล้ว เพราะผู้บริโภคยุคนี้ยังคงมองเรื่องราคาเป็นสำคัญอยู่ แต่นอกจากนั้นได้ทำการเอาพฤติกรรมผู้บริโภคของแต่ละกลุ่ม หรือความต้องการต่างๆ มาดีไซน์เป็นแพ็กเกจ
เริ่มจากกลุ่มผู้สูงอายุ กลุ่มนี้จะมีพฤติกรรมโทรน้อย เติมเงินเป็น แต่ซื้อโปรเสริมไม่เป็น ใช้สมาร์ทโฟนเป็นแต่ไม่เชี่ยวชาญ แพ็กเกจซิมวัยเก๋าจึงคิดค่าโทรวินาทีละ 1 สตางค์ ค่าอินเทอร์เน็ตตามจริง 1 MB/ 0.25 บาท สามารถคุมค่าใช้จ่ายไม่เกิน 300 บาท/เดือน อุดปัญหาที่ไม่ต้องสมัครโปรเสริม และปัญหาที่ใช้งานเกินวงเงิน
ส่วนกลุ่มวัยรุ่นมีพฤติกรรมส่วนใหญ่ รู้เยอะ ชอบหาข้อมูล อยากได้แพ็กเกจเยอะๆ แต่มีงบจำกัด ชอบโปรเสริม และไม่แคร์ซิมหลักเท่าไหร่ แต่จะสนใจ FUP หรือความเร็วของอินเทอร์เน็ตหลักจากหมดโปร ถ้าแพ็กเกจไหนเยอะก็สนใจอันนั้น ซิมวัยโจ๋จึงออกแบบมาเน้นดาต้าอินเทอร์เน็ต และมีโปรเสริม พร้อมทั้งถ้าหมดโปรก็มีความเร็วอินเทอร์เน็ต 384 Kbps จะสูงกว่ารายอื่น
แต่ที่เป็นไฮไลต์สำคัญนอกจากตัวแพ็กเกจแล้ว ยังสร้างกิมมิกด้วยการซื้อซิมแล้วประกัน หรือลุ้นศัลยกรรม ถ้าซื้อซิมวัยเก๋าจะแถมฟรีประกันอุบัติเหตุจาก LMG Insurance ส่วนซิมวัยโจ๋ลุ้นทำศัลยกรรมที่ รพ.บางมด หรือทัวร์ที่เกาหลี เป็นการเอามาจากอินไซต์ผู้บริโภคว่าต้องการอะไร
ดร. ชัยยศ จิรบวรกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ซิมแพนกวิน กล่าวว่า “ตลาด MVNO ยังมีโอกาสไปได้อีกเยอะ เพียงแต่ต้องโฟกัส ใช้กลยุทธ์ต้นทุนต่ำแต่ได้ผลรุนแรง เจาะกลุ่มคนแก่ที่ค่ายอื่นยังไม่มี และออกโปรวัยรุ่นที่ค่ายอื่นไม่มีเช่นกัน ต้องเลี่ยงชนกับตลาดใหญ่ และเราเป็นเจ้าเล็กๆ ทำให้ยืดหยุ่น ปรับเปลี่ยนได้ตลอด นี่คือข้อดี“
ในฐานะที่อยู่ในวงการนี้มานาน และต้องปั้นแบรนด์ใหม่ ชัยยศ มองว่า ความท้าทายของซิมแพนกวินตอนนี้มีอยู่ 4 อย่างด้วยกัน 1.การสร้างแบรนด์ ที่ต้องสร้างการรับรู้แก่ผู้บริโภค และต้องต่อสู้กับรายใหญ่ในตลาด 2.เรื่องความน่าเชื่อถือ ต้องทำอย่างไรให้ลูกค้าเชื่อถือว่าไม่ใช่ซิมเล็กๆ แต่มีความโชคดีของทีมงานที่อยู่ในธุรกิจนี้มานาน ทำให้พันธมิตรคู่ค้ามั่นใจได้ 3. การแข่งขันในตลาดที่สูงขึ้นต่อเนื่อง ทั้ง 3 ค่ายใหญ่ และในธุรกิจ MVNO เอง แต่ก็ยังมีโอกาสและช่องว่างให้ไปได้ และ 4.การปรับเปลี่ยนเทคโนโลยี ตอนนี้มีแค่เครือข่าย 3G แต่ในอนาคตก็หวังที่จะอัพเกรดเป็น 4G ได้ ถ้าทาง CAT อัพเป็น 4G
ปัจจุบันหลังจากที่เปิดให้บริการมาแล้ว 6 เดือนซิมเพนกวินมีลูกค้ารวม 300,000 ราย มียอดการใช้งาน ARPU เฉลี่ย 140 บาท/เดือน แบ่งสัดส่วนเป็นใช้ดาต้า 85% โทรศัพท์ 15% มีการตั้งเป้าผู้ใช้งานในสิ้นปีนี้ 500,000 ราย สัดส่วนลูกค้าแบ่งเป็นต่างจังหวัด 80% กทม. 20%
วางงบการตลาดทั้งปีอยู่ที่ 100 ล้านบาท ตอนนี้ใช้ไปแล้ว 60%
]]>