ซิโก้ – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Fri, 07 Apr 2017 09:00:50 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 ซิโก้-สปอร์ต ฮีโร่ ดรามาก้อนโต ที่สมาคมฟุตบอลฯ อยากจบ https://positioningmag.com/1121618 Fri, 07 Apr 2017 08:30:07 +0000 http://positioningmag.com/?p=1121618 การปิดฉากลงของ ซิโก้ และสปอร์ต ฮีโร่ คือจุดเริ่มต้นของสมาคมฟุตบอลฯ กับการเดินเข้าสู่ “กติกาใหม่” ภายใต้สูตรการปั้นทีม และบริหารผลประโยชน์ของทีมชาติไทย

ยังคงเป็นทอล์กออฟเดอะทาวน์สำหรับกรณีการลาออกของ “ซิโก้” เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง จากโค้ชทีมชาติไทย เมื่อวันที่ 31 มีนาคม ที่ผ่านมา หลังจากคุมช้างศึกไปแพ้ทีมชาติญี่ปุ่น ทำให้ผลการแข่งขันฟุตบอลโลก 2018 รอบคัดเลือกโซนเอเชีย รอบ 12 ทีมสุดท้าย ใน 2 เกมล่าสุดที่ผ่านมา ผลปรากฏว่า ทีมชาติไทย กลายเป็นชาติแรกที่หมดสิทธิคว้าตั๋วไปลุยฟุตบอลโลก 2018 รอบสุดท้ายที่รัสเซียแน่นอนแล้ว หลังจาก 2 เกมล่าสุดแพ้รวด แข่งมาถึง 7 นัดมีเพียง 1 คะแนนเท่านั้น

เป็นการลาออกพร้อมๆ กับข่าวลือต่างๆ มากมายว่า ซิโก้ชิงลาออกก่อนโดนปลด หลังจากทำผลงานไม่เป็นไปตามเป้าหมาย หรือบ้างก็ว่า มีปัญหาเรื้อรังกับสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย ภายใต้การคุมของ “บิ๊กอ๊อด” พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย

ก่อนหน้านี้ตั้งแต่ปลายปีที่ผ่านมา ก็มีกระแสข่าวลือว่า ซิโก้ โดนบีบให้ลาออก หรือให้ทบทวนการทำสัญญาการเป็นโค้ชใหม่ หลังจากสัญญาเดิมที่ทำกับทีมสมาคมฟุตบอลชุดที่แล้วกำลังจะหมดในต้นเดือนกุมภาพันธ์

นอกเหนือจากผลงานที่ไม่เข้าเป้าแล้ว หนึ่งในประเด็นสำคัญที่อยู่ในความสนใจ คือ บทบาทของ บริษัท สปอร์ต ฮีโร่ บริษัทตัวแทนของซิโก้ ที่รับหน้าที่เซ็นสัญญากับสมาคมฟุตบอลฯ ในการเข้ามาคุมทีมชาติไทย และกิจกรรมอื่นๆ ทั้งหมด ที่เคยเป็น “ชนวน” ความขัดแย้งระหว่างสมาคมฯ และซิโก้มาตั้งแต่ช่วงการต่อสัญญา ในเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา

สมาคมฯ ไม่ต้องการเซ็นสัญญาในรูปแบบของบริษัทอีกต่อไป แต่ต้องการทำกับ “ซิโก้” คนเดียวเท่านั้น เพราะสมาคมฯ เองต้องการนำซิโก้ในฐานะเฮดโค้ช เข้า “ระบบ” ของสมาคมฯ นอกจากมีแผนจะให้ต่างชาติเข้ามาดูและบริหารจัดการทีมชาติไทยแล้ว สมาคมฯ ยังได้ บริษัท แพลน บี ที่ผ่านการคัดเลือก เข้ามาเป็นตัวแทนอย่างเป็นทางการ (Official Agency) ในการบริหารสิทธิประโยชน์ของสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ แทนที่จะเป็น “สปอร์ต ฮีโร่” เป็นคนดูแลเรื่องเหล่านี้มาตลอด

ในขณะที่ซิโก้นั้นต้องการให้ทุกอย่างเหมือนเดิม ทั้งตัวเขา และสิทธิต่างๆ ที่สปอร์ต ฮีโร่เคยได้รับมา เพราะที่ผ่านมารายได้ที่สปอร์ต ฮีโร่ได้รับนั้นบอกเลยว่าไม่ธรรมดา

สปอนเซอร์ของสปอร์ตฮีโร่

จากข้อมูลของกรมทะเบียนการค้า กระทรวงพาณิชย์ ระบุ สปอร์ต ฮีโร่ ตั้งขึ้นเมื่อ 19 พฤศจิกายน 2546 ด้วยทุนจดทะเบียน 1 ล้านบาท มีจำนวนหุ้น 10,000 หุ้น ถือหุ้นโดย นางอัสราภา เสนาเมือง 53% นายเกียรติศักดิ์ เสนาเมือง 45% และนางเพ็ญประภา วุฒิเวทย์ 2.5%

จากรายงานประจำปี 2558 ซึ่งเป็นปีล่าสุดแจ้งว่า บริษัทมีทรัพย์สินรวม 8,574,537.67 ล้านบาท มีรายได้ 44,888,165.98ล้านบาท กำไรสุทธิ 3,409,206.79 ล้านบาท กำไรต่อหุ้นอยู่ที่ 340.92 บาท ทั้งนี้รายได้ 70% ของบริษัทมาจากกิจกรรมจัดการแข่งขันกีฬา และอีก 30% มาจากกิจกรรมนายหน้า ตัวแทนสื่อโฆษณา

ในปี 2558 บริษัทได้ทำการจ่ายเงินปันผลให้กับผู้ถือหุ้นในอัตราหุ้นละ 200 บาท เป็นวงเงินรวม 2 ล้านบาท โดยต้นทุนบริการของบริษัททั้งปีเป็นเงินรวม 36,983,396.98 มาจาก ค่าโฆษณาประชาสัมพันธ์ 24,419,000 ล้านบาท ค่าจ้างแสดงแบบโฆษณา 2 ล้านบาท ค่าประสานงาน 3,272,000 ล้านบาท และการจัดกิจกรรมการแข่งขัน 7,217,396.98 ล้านบาท

นอกจากนี้ ยังเป็นที่รู้กันในแวดวงฟุตบอลทีมชาติว่า ที่ผ่านมาสปอร์ต ฮีโร่คือผู้จัดการสิทธิทุกอย่างของนักเตะทีมชาติ ทั้งการให้ถ่ายภาพข่าว โปรโมต หรือผลประโยชน์จากพรีเซ็นเตอร์ การจัดอีเวนต์ เป็นผลประโยชน์ทั้งทางตรงและทางอ้อม ที่ได้รับจากการเข้าคุมฟุตบอลทีมชาติชุดใหญ่ ซึ่งมีมาในยุคสมาคมฟุตบอลชุดเก่า ก่อนหน้าพล.ต.อ.สมยศ

ด้วยการเข้าใจถึงการสร้างแบรนด์ของสปอร์ต ฮีโร่ ที่ปั้นให้ “นักเตะทีมชาติ” มีลุคใหม่ ให้ดูเท่ หล่อเนี้ยบ ทำให้มีสินค้าต่างๆ มากมาย ไม่ใช่แค่ “ซิโก้” เท่านั้น ที่เป็นที่ต้องการของแบรนด์สินค้าให้มาเป็นพรีเซ็นเตอร์ ยังรวมไปถึงนักฟุตบอลทีมชาติไทย ที่ยังเป็นที่สนใจของสินค้าต่างๆ ที่ติดต่อผ่านสปอร์ต ฮีโร่ ทั้งออกงานอีเวนต์ ถ่ายรูปกับผลิตภัณฑ์ต่างๆ ลงสื่อต่างๆ และโซเชียลมีเดียอีกจำนวนมาก บางรายการนักกีฬาก็ได้รับผลประโยชน์ส่วนแบ่ง แต่บางรายการก็อาจจะไม่ได้รับ แต่ส่วนใหญ่ทุกคนก็ไม่ได้คิดอะไรมาก เพราะถือว่าเป็นเสมือนน้ำพึ่งเรือเสือพึ่งป่า

โดยผลที่นักกีฬาเหล่านี้ต้องการคือ การติดทีมชาติ การได้ลงเล่นในสนาม เพราะมีผลต่อรายได้ของเขาในฐานะนักฟุตบอลอาชีพในสโมสร และงานพรีเซ็นเตอร์โฆษณาที่อาจจะตามมา ที่ล้วนแต่เป็นเงินรายได้จำนวนมาก ที่อยู่ในมือของสปอร์ต ฮีโร่

ปัจจุบันนักกีฬาที่ติดทีมชาติ จะมีอัตราเงินเดือนในสโมสรในเรตที่สูงกว่านักกีฬาที่ไม่ติดทีมชาติอยู่แล้ว ตั้งแต่ 3-8 แสนบาทต่อเดือน แตกต่างกันไป

แต่เมื่อเปลี่ยนขั้วผู้คุมบังเหียนสมาคมฯ ผลประโยชน์หรือ “เค้ก” ก้อนเดิมจึงต้องถูก “เปลี่ยนมือ” อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ยิ่งมูลค่าของฟุตบอลไทยเวลานี้ ไม่เหมือนกับในอดีตอีกต่อไปแล้ว

จากข้อมูลของศูนย์วิจัยกสิกรไทย ในปี 2016  ได้ระบุถึงธุรกิจฟุตบอลไทย ได้ก่อให้เกิดเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจอยู่ที่ประมาณ 12,000 ล้านบาท ซึ่งหมายรวมถึงการสร้างมูลค่าเพิ่มในระบบเศรษฐกิจ โดยส่งผ่านมายังธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องอย่างการลงทุนในการทำทีมฟุตบอล สื่อโทรทัศน์ อุปกรณ์กีฬา สินค้า เสื้อกีฬา และของที่ระลึก ธุรกิจค้าปลีก ธุรกิจคมนาคมขนส่ง สถาบันสอนกีฬา และยังก่อให้เกิดการจ้างงาน และการเกิดขึ้นของอาชีพใหม่ๆ ทั้งทางตรงและทางอ้อม

ดังนั้น นอกจากการวางแผนยกระดับนักฟุตบอลไทยให้สูงขึ้น โดยการมองหาโค้ชต่างชาติที่จะมาช่วยเรื่องแทคติก รูปแบบเกมใหม่ๆ แล้ว  จึงเป็นที่มาของการเซ็นสัญญากับ “บริษัท เอคโคโน เมธอด ซอคเกอร์ เซอร์วิส” ไปหมาดๆ เมื่อวันที่ 4 เมษายน หลังการลาออกของโค้ชซิโก้ไม่กี่วัน เพื่อวางโครงสร้างพัฒนานักกีฬาฟุตบอลของประเทศไทยทั้งระบบ ตั้งแต่ระดับเยาวชน เพื่อไปสู่ระดับโลก ในปี 2026 

สมาคมฯ ยังต้องการให้การผลประโยชน์ต่างๆ ของทีมชาติไทยที่เคยอยู่ในมือของ “สปอร์ต ฮีโร่” มาอยู่ในมือของสมาคมฯ โดยมี “แพลน บี” เข้ามาเป็นตัวแทนในการดูแลผลประโยชน์เหล่านี้อย่างเป็นทางการ และถึงแม้สัญญามีผลตั้งแต่ต้นปี 2560 แต่แพลน บีก็ยังขยับเข้ามาทำอะไรไม่ได้มากนัก นอกจากการคัดเลือกผู้ได้รับสิทธิผลิตชุดและสินค้าที่ระลึกของทีมชาติไทย

มาดูถึง “แพลน บี มีเดีย” ภายใต้การนำของ ปรินทร์ โลจนะโกสินทร์ นักธุรกิจหนุ่มรุ่นใหม่ไฟแรงวัย 30 กว่าๆ ผู้ซึ่งสามารถแจ้งเกิด “สื่อนอกบ้าน” โตแบบก้าวกระโดด จนสามารถเทกโอเวอร์กิจการสื่อนอกบ้านเดิมมาอยู่ในมือ และยังเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ฯ และยังคว้าสิทธิดูแลผลประโยชน์ให้สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย และบริษัท พรีเมียร์ ลีก ไทยแลนด์ จำกัด (หรือปัจจุบันคือ ไทยลีก) เป็นเวลา 4 ปี เริ่มตั้งแต่ปี 2560 – 2563 แต่เพียงผู้เดียว หลังการันตีรายได้รวมของทั้งสองหน่วยงานเป็นเงิน 3,240 ล้านบาท

เฉือนเอาชนะการประกวดราคาคัดเลือก จากที่เสนอมาทั้งหมด 3 บริษัท บริษัท เดนท์สุ มีเดีย (ประเทศไทย) จำกัด, บริษัท อินเด็กซ์ ครีเอทีฟ วิลเลจ จำกัด (มหาชน) และบริษัท แพลน บี มีเดีย จำกัด (มหาชน ) ทั้งยังถือเป็นงานแรกๆ ของสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยของ พล.ต.อ.สมยศ ที่เพิ่งเข้ามารับตำแหน่งเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2559ก่อนหน้าการคัดเลือกนี้เพียง 2 เดือนกว่าเท่านั้นเอง

โดย “แพลน บี” ได้เสนอรายได้อย่างต่ำที่ทางสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ จะได้รับตลอดระยะเวลา 4 ปี รวมเป็นเงินไม่ต่ำกว่า 1,000 ล้านบาท (ไม่ต่ำกว่า 250 ล้านบาทต่อปี) โดยมีหนังสือค้ำประกันจากธนาคารไทยพาณิชย์ พร้อมกันนี้ทาง “แพลน บี” ยังสนับสนุนด้านการจัดทำสื่อประชาสัมพันธ์ทางช่องทางต่างๆ ให้กับสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ ตลอดระยะเวลา 4 ปี ไม่น้อยกว่า 800 ล้านบาท (200 ล้านบาทต่อปี) เบ็ดเสร็จทางสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ จะมีรายได้จากแพลน บีรวม 4 ปี ไม่ต่ำกว่า 1,800 ล้านบาท (450 ล้านบาทต่อปี)

เมื่อซิโก้และสปอร์ต ฮีโร่จำใจยอมถอย จากนี้ไป “แพลน บี” และสมาคมฯ เองต้องใส่เกียร์เดินหน้า เข้ามาดูแลบริการจัดการทีมฟุตบอลรวมทั้งผลประโยชน์ต่างๆ ให้ออกดอกออกผล กลายเป็นเค้กก้อนใหม่ที่ใหญ่กว่าเดิม เพราะไม่ใช่แค่ตัวสินค้า เสื้อ ของที่ระลึก แต่ยังครอบคลุมทุกกิจกรรมของสมาคมฯ ตั้งแต่เรื่องการรับงานสปอนเซอร์ โฆษณาที่เกี่ยวกับนักกีฬาทีมชาติ และกิจกรรมทั้งหมดที่เกี่ยวข้องในรูปแบบทางการ ที่เอาเงินเข้ากระเป๋าสมาคมฯ ตามกฎระเบียบที่วางไว้

การทำงานของแพลน บีเองต่อจากนี้ ก็น่าจะราบรื่น เพราะถ้าเทียบฟอร์มกันแล้ว แพลน บีเองมีทั้งประสบการณ์ในธุรกิจสื่อนอกบ้าน จดทะเบียนอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ฯ มีเครือข่ายเพื่อนฝูงนักธุรกิจรุ่นราวคราวเดียวกันแล้ว ยังเป็นเพื่อนร่วมรุ่นสมัยเรียนต่างประเทศ กับ ชมกมล พุ่มพันธุ์ม่วง ลูกสาวของ “บิ๊กอ๊อด” พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ซึ่งเวลานี้ก็เข้ามาเป็นผู้จัดการ ทีมฟุตบอลหญิงทีมชาติไทย รุ่นอายุไม่เกิน 14 ปี

ในเมื่ออีกฝ่ายต้องเป็นฝ่ายเสียผลประโยชน์ และอีกฝ่ายในฐานะผู้มาใหม่ ที่ต้องถูกจับตามอง ไม่ต้องแปลกใจ “ดราม่า” ระหว่าง ซิโก้ สปอร์ต ฮีโร่ และสมาคมฟุตบอลไทย จะยังคงเป็นกระแสบนหน้าสื่อไปอีกพักใหญ่ เพราะต่างฝ่ายต่างมี “สตอรี่” และ “กองเชียร์” เป็นของตัวเอง   

ดูได้จากหลังจากสมาคมฯ เซ็นสัญญากับ บริษัท เอคโคโน เมธอด ซอคเกอร์ เซอร์วิส” ไม่ทันไร “โค้ชซิโก้” ก็ออกมาวิจารณ์อย่างเผ็ดร้อน ถ้าเปรียบก็คงเป็นหนังเรื่องยาวให้ได้ติดตามกันต่อไปเรื่อยๆ

]]>
1121618
เบื้องลึกขุมทรัพย์ 100 ล้าน “โค้ชซิโก้” https://positioningmag.com/1118450 Tue, 07 Mar 2017 10:31:43 +0000 http://positioningmag.com/?p=1118450 เวลานี้แฟนบอลบางส่วนคงกำลังยินดีปรีดากับข่าวที่ว่า “ซิโก้” เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง จรดปากกาเซ็นสัญญาคุมทีมชาติไทยออกไปอีก 1 ปี ได้ลุ้นพาทีมไปลุย เวิลด์ คัพ ครั้งแรกในประวัติศาสตร์ ซึ่งแน่นอนว่าตรงกันข้ามกับข่าวที่ออกมาก่อนหน้านี้ว่าระหองระแหงกับ สมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย ภายใต้การนำของ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง

ประเด็นยืดเยื้อที่มีการถกกันก่อนสะบัดน้ำหมึกก็คือเรื่องภาษีหรือรายได้หนีไม่พ้นเงินๆ ทองๆ ซึ่งมีการเปิดเผยภายหลังว่าค่าเหนื่อยที่ “โค้ชซิโก้” ได้รับนั้นเพิ่มขึ้นจากเดิมเดือนละ 1.6 ล้านบาทเป็นเดือนละ 2 ล้านบาทหากครบ 12 เดือนก็ฟันไป 24 ล้านบาท แม้ว่าจะต้องหักภาษี ณ ที่จ่ายร้อยละ 3 รวมถึงภาษีมูลค่าเพิ่มร้อยละ 7 ก็ตาม ส่วนทีมงานรวมถึงสต๊าฟฟ์นั้นไม่อาจประเมินได้ว่ารับกันคนละเท่าไหร่

ตัวเลขที่กล่าวมาแล้วนั้นถือว่าน้อยนิดเมื่อเทียบกับรายได้ที่เข้ากระเป๋าก่อนหน้านี้หรือกำลังจะตามมาจากบรรดาสปอนเซอร์และเงินอัดฉีดต่างๆ อีกอย่างน้อย 1 ปีนับจากนี้ เพราะทราบกันดีอยู่แล้วว่า “ซิโก้” มีบริษัทที่ชื่อว่า สปอร์ต ฮีโร่ เพราะหากไม่ยอมตามที่สมาคมฯ ตั้งเงื่อนไขเท่ากับว่าสิ่งที่จะสูญเสียไปนั้นมหาศาลขนาดไหน ซึ่งทำให้เจ้าตัวตัดสินใจเซ็นสัญญาในที่สุด ทั้งที่ก่อนหน้านี้มีการยื่นข้อตกลงต่างๆ มากมาย ที่สำคัญเลยคือการเซ็นสัญญาว่าจ้างโค้ชนั้นเกิดขึ้นกับบริษัท สปอร์ ฮีโร่ จำกัด ไม่ใช่เจ้าตัวโดยตรงนั้นมีใครทำกันบ้าง

เราๆ ท่านๆ คุ้นเคยกับ บริษัท สปอร์ต ฮีโร่ จำกัด เป็นอย่างดี เพราะเข้ามามีบทบาทกับวงการฟุตบอลไทยได้พักใหญ่ เพราะเริ่มจดทะเบียนก่อตั้งตั้งแต่วันที่ 19 พฤศจิกายน 2546 ทุน 1 ล้านบาท ประกอบธุรกิจ ประกอบกิจการจัดการ จัดการแข่งขันกีฬาทุกชนิด ประกอบกิจการผลิต จำหน่าย นายหน้าและตัวแทนสื่อโฆษณาทุกชนิด มีนางอัสราภา เสนาเมือง ถือ 52% นายเกียรติศักดิ์ เสนาเมือง 48% และเป็นกรรมการ โดยแจ้งผลประกอบการปี 2556 รายได้ 24,950,849 บาท ทว่าในปี 2558 กลับมีรายได้พุ่งสูงเป็นเท่าตัวกว่า 44,880,000 บาท

สปอร์ตฮีโร่ เคยรับงานจาก สำนักวัฒนธรรมกีฬาและการท่องเที่ยว กรุงเทพมหานคร 2 ครั้ง ครั้งแรก ผลิตสื่อการเรียนการสอนฟุตบอลขั้นพื้นฐาน จำนวน 1,995,550 บาท และครั้งที่สอง จ้างดำเนินการโครงการสถาบันสอนฟุตบอลกรุงเทพมหานครขั้นก้าวหน้า จำนวน 1,808,360 บาท ส่วนผลงานอื่น อาทิ ผู้ให้การสนับสนุนหลักกิจกรรมฟุตบอล “ไทยพรีเมียร์ลีก” ฟุตบอลนักเรียนชิงถ้วยพระราชทานสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯสยามบรมราชกุมารี สถาบันสอนฟุตบอลกรุงเทพมหานคร การแข่งขันตะกร้อ ไทยแลนด์ลีก ปี 2552 (เจ้าภาพ-กรุงเทพมหานคร) คลินิคฟุตบอลซิโก้ทิปส์ ทั่วประเทศไทย รายการโทรทัศน์ ซิโก้ทิปส์ ฯลฯ

นอกจากนี้ยังมี บริษัท นายสิบสาม จำกัด จดทะเบียนวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2550 ทุน 1 ล้านบาท ประกอบธุรกิจ ประกอบกิจการจัดการ จัดการแข่งขันกีฬาทุกชนิด มีนางอัสราภา เสนาเมือง ถือ 9,499 หุ้น ( 94.99% ) นายตะวัน ศรีปาน อดีตนักฟุตบอลทีมชาติไย 500 หุ้น (5%) และ นางสาว พิสมัย พรมนาก 1 หุ้น นายตะวัน ศรีปาน นายโชคทวี พรหมรัตน์ นางอัสราภา เสนาเมือง เป็นกรรมการ ไม่มีรายได้หลายปีติดต่อกัน

“ซิโก้” กับเพื่อนอดีตนักเตะทีมชาติ ยังได้ร่วมถือหุ้นธุรกิจซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ในชื่อ บริษัท ฮองอัน ยาลาย (กรุงเทพ) จำกัด จดทะเบียนวันที่ 28 มิถุนายน 2550 ทุน 105 ล้านบาท มีฮองอัน คอนสตรัคชั่น คอมพานี ลิมิเต็ด สัญชาติเวียดนาม ถือหุ้นใหญ่ 493,500 หุ้น (47%) นายตะวัน ศรีปาน 127,501 หุ้น (12.14%) นายสุทธิพงศ์ ทัดพิทักษ์กุล 126,000 หุ้น (12%) นายอานุภาพ ทัดพิทักษ์กุล 119,999 หุ้น (11.42%) นายดุสิต เฉลิมแสน (อดีตนักฟุตบอลทีมชาติไทย) 82,000 หุ้น (7.80%) นายเกียรติศักดิ์ เสนาเมือง 80,000 หุ้น (7.6%) นายเก่า ยุย เถิ่น นายด่วน เหงียน ดึ้ก สัญชาติเวียดนาม คนละ 10,500 หุ้น (1%) นายด่วน เหงียน ดึ๊ก น.ส.เล ถิ กิม เงิน น.ส.สู่บุญ บุณยรัตนพันธุ์ นายสุทธิพงศ์ ทัดพิทักษ์กุล และ นายเกียรติศักดิ์ เสนาเมือง เป็นกรรมการ

ปัจจุบัน “ซิโก้” ยังรับถ่ายโฆษณาให้กับสินค้ามากมาย รวมทั้งยังเป็นแบรนด์ แอมบาสเดอร์ ให้แก่สินค้าหลักๆ อย่างน้อย 4 ตัว ได้แก่ รถยนต์ยี่ห้อหนึ่ง, ยาลดไข้, เครื่องดื่มซุปไก่ และแบรนด์แอสบาสเดอร์ (ในเมืองไทย) ให้ทีมเลสเตอร์ซิตีแห่งพรีเมียร์ลีก เป็นเวลา 3 ปี แม้ว่าไม่มีการเปิดเผยค่าตัวครั้งนี้ และค่าตัวของสินค้าอีก 3 ชนิด คาดกันว่ารวมแล้วหลักสิบล้านบาทแน่นอน

เมื่อเทียบกับนักเตะดังของเมืองไทยในยุคนี้ อย่าง “เมสซีเจ” ชนาธิป สรงกระสินธ์ ได้รับการคัดเลือกเป็นแบรนด์ แอมบาสเดอร์ สินค้าหลายตัว เช่นเดียวกับ ชาริล ชัปปุยส์ ขวัญใจสาวๆ มหาชน ที่เป็นแบรนด์ แอมบาสเดอร์ นาฬิกาหรูยี่ห้อหนึ่ง

ก็ต้องยอมรับว่าโค้ชมีงานเข้ามามากกว่าสมัยเป็นนักเตะด้วยซ้ำ นอกจากเหตุผลในการทำหน้าที่ผู้ฝึกสอนทีมชาติไทย เพื่อต่อยอดความสำเร็จแล้ว ค่าตัว ค่าตอบแทน หยาดเหงื่อ จากความสำเร็จ ของฮีโร่จอมตีลังกา ก็คงเป็นผลพลอยได้ที่ส่งผลดีกับเจ้าตัวไม่น้อยทีเดียว ซึ่งต้องจุดนี้ต้องยอมรับว่าเจ้าตัวทำได้อย่างยอดเยี่ยมทีเดียว

งานโฆษณาไม่ขาดสาย
รวมหุ้นกับอดีตเพื่อนร่วมทีมชาติ
ร่วมงาน เลสเตอร์ ซิตี สโมสรอังกฤษ
แบรนด์เครื่องดื่มชื่อดัง

ที่มา : http://www.manager.co.th/Sport/ViewNews.aspx?NewsID=9600000022540

]]>
1118450
“ซิโก้” คุม “ช้างศึก” 1 ปี ได้ค่าเหนื่อยเท่าไหร่? https://positioningmag.com/1117806 Tue, 28 Feb 2017 11:03:48 +0000 http://positioningmag.com/?p=1117806 เผยตัวเลขเงินเดือนที่สมาคมฟุตบอลฯ มอบให้ “ซิโก้” เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง และทีมงาน รับหน้าที่คุมทีมชาติไทยชุดใหญ่ มีการเพิ่มค่าเหนื่อยมากกว่าเดิมพอสมควร

ภายหลังการตกลงใจระหว่าง พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง นายกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย กับ “ซิโก้” เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง ต่อสัญญาการคุมทีมชาติไทยชุดใหญ่ ออกไปเป็นเวลา 1 ปี ในฐานะหัวหน้าผู้ฝึกสอน พร้อมทีมงาน

ล่าสุดมีความคืบหน้าเพิ่มเติมว่า เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง และทีมงาน นอกจากจะได้รับงานเดิมต่อไป ยังได้ค่าเหนื่อยเพิ่มจากเดือนละ 1.6 ล้านบาท ในสัญญาเดิม เป็นเดือนละ 2 ล้านบาท หากคุมทีมครบสัญญา 12 เดือน จะรับทรัพย์รวม 24 ล้านบาท แม้ว่าจะต้องหักภาษี ณ ที่จ่ายร้อยละ 3 รวมถึงภาษีมูลค่าเพิ่มร้อยละ 7 ก็ตาม

ทั้งนี้ “ซิโก้” มีโปรแกรมนำฟุตบอลชายทีมชาติไทยชุดใหญ่ ลงแข่งขันฟุตบอลโลก 2018 รอบคัดเลือก โซนเอเชีย รอบ 12 ทีมสุดท้าย เปิดบ้านพบกับ ทีมชาติซาอุดิอาระเบีย วันที่ 23 มีนาคม 2560 ต่อด้วยการบุกไปเยือน ทีมชาติญี่ปุ่น วันที่ 28 มีนาคมนี้ต่อไป

ที่มา : http://manager.co.th/Sport/ViewNews.aspx?NewsID=9600000020808

]]>
1117806