ตลาดทีวี – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Mon, 24 Jun 2019 07:31:00 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 ชำแหละ “ตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้า” 2.5 แสนล้าน : ใครรุ่ง – ใครร่วง ปี 2019 https://positioningmag.com/1235537 Thu, 20 Jun 2019 10:59:39 +0000 https://positioningmag.com/?p=1235537 ภาพ : facebook.com/PowerMall

ถือเป็นข่าวดีสำหรับตลาดเครื่อใช้ไฟฟ้ามูลค่า 2.5 แสนล้านเลยก็ว่าได้ เมื่อสถานการณ์ในช่วงครึ่งปีแรก 2019 ภาพรวมมีการเติบโตราว 3% ถือเป็นตัวเลขที่ดีที่สุดในรอบ 3 ปี หลังจากที่ก่อนหน้านี้มักจะโต 1 – 2% เท่านั้น

แต่อย่างไรก็ตาม ใช้ว่าทุกหมวดสินค้าจะได้รับ “ข่าวดี” เหมือนกันหมด เพราะบางกลุ่มสินค้ายังคงต้องค้นหา Turning Point เพื่อทำให้ยอดขายกลับมาเติบโตอีกครั้ง ทั้งหมดทั้งมวลจักรกฤษณ์ กีรติโชคชัยกุล” Chief Business Officer – Specialty Business บริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป จำกัด ประเมินให้ Positioning ฟังดังต่อไปนี้

“จักรกฤษณ์ กีรติโชคชัยกุล” Chief Business Officer – Specialty Business บริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป จำกัด

ตลาดเครื่องปรับอากาศ กลับมา “Cool” อีกครั้ง

ย้อนกลับไปในปี 2016 ถือเป็นปีที่ดีที่สุดของตลาดเครื่องปรับอากาศ เพราะตลาดที่ร้อนกระตุ้นให้ผู้บริโภคต้องหาตัวช่วยคลายร้อน ขณะเดียวกันรุ่น inverter หรือประหยัดพลังงานก็เลือกทำราคาขายถูกลงทำให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อได้ง่ายขึ้น จนหลายฝ่ายประเมินว่า เครื่องปรับอากาศนี่จะเป็นดาวเด่นที่ทำให้ภาพรวมของตลาดเครื่อใช้ไฟฟ้าเติบโตได้

แต่ในปีถัดมาภาพเหล่านั้นกลับไม่เกิดขึ้น เพราะแทนที่อากาศจะร้อนแต่ฝนกลับเทลงมาตั้งแต่ต้นปี ลากยาวไปจนหน้าร้อนซึ่งเป็นช่วงที่เครื่องปรับอากาศขายดีที่สุด จนสุดท้ายปีนั้นภาพรวมหดลงไปราว 20 – 30% และในปี 2018 สถานการณ์เดียวกันก็เกิดขึ้นอากาศไม่ร้อนเหมือนที่เคย ตัวเลขจึงอยู่ในภาวะแดนลบอีกครั้ง

สำหรับครึ่งปีแรก 2019จักรกฤษณ์ บอกว่า ตลาดเครื่องปรับอากาศเติบโตถึง 30% สาเหตุหลักๆ มาจากอากาศที่ร้อน และผู้เล่นในตลาดต่างขนสินค้าออกมาประชันกันอย่างคึกคัก คาดว่าทั้งปีการเติบโตคงอยู่ราว 30%

Smartphone 20,000 บาท คือราคาที่ขายดี

อีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้ตลาดเติบโตคือ “Smartphoneเซ็กเมนต์ใหญ่ที่สุด ซึ่งขณะนี้ทุกแบรนด์ต่างประครองการเติบโตให้เป็นแบบออร์แกนิก ส่วนจุดขายยังคงชูเรื่อง กล้องมาเป็นตัวนำ และราคาที่ขายดีที่สุดคือ 20,000 บาท

โดยกลุ่มแบรนด์ที่เข้ามากระตุ้นนอกเหนือจาก Samsung เปิดตัว Galaxy S10 ราคา 31,900 บาท ยังมีกลุ่มแบรนด์จีนทั้ง Huawei ที่มีรุ่น P30 กับจุดขายซูม 30 เท่าราคา 31,990 บาท และ OPPO ที่ตั้งเป้ารุกตลาดพรีเมียมมากขึ้น ไม่กี่วันก่อนหน้านี้เพิ่งเปิดตัว Reno 10x Zoom ราคา 28,990 บาท ชูซูมขั้นสุดถึง 60 เท่าด้วยซอฟต์แวร์

ส่วนตลาด Smartphone จะกลับมาโตหวือหวาในระดับ 30% เหมือนก่อนหน้านี้ไหม? คงต้องรอให้ 5G เปิดใช้อย่างเป็นทางการเสียก่อน

TV เติบโตอีกครั้ง จอใหญ่กลายเป็นความหวัง

กลุ่ม TV กลายเป็นอีกกลุ่มที่เติบโตได้ดี ถึงแม้ก่อนหน้านี้จะพบเจอความท้าทายไปบ้าง แต่ปีที่ผ่านมาได้ฟุตบอลโลกมาช่วยไว้ ส่วนครึ่งปีแรกกลับมาเติบโตราว 10% ตลาดรวมราว 30,000 ล้านบาท แม้จะไม่มีการแข่งขันกีฬามาช่วย

สาเหตุหลักคือการที่ทีวีจอใหญ่ในกลุ่ม 4K ได้รับการตอบรับจากผู้บริโภคมากขึ้น ตัวอย่างเช่นยอดขายของเพาเวอร์ มอลล์กว่า 40% มาจากขนาด 65 – 70 นิ้ว

แนวโน้มในปี 2019 จะเติมโตได้มากแค่ไหนคงต้องลุ้นจากการทำตลาดของทีวี 8K” ที่เริ่มทำตลาดกันอย่างคึกคักทั้ง Samsung, LG และล่าสุด Hisense แบรนด์จากจีนก็กำลังจะเปิดตัวในเร็วๆ นี้เช่นกัน

Notebook พลิกแก้เกมจนชนะ Tablet

ก่อนหน้านี้ตลาด Notebook ได้รับผลกระทบอย่างหนักจากการเข้ามาของ Tablet จนถูกมองว่าจะสามารถเข้ามาทดแทนกันได้เลยทีเดียว ซึ่งกลวิธีแก้เกมของบรรดาค่าย Notebook ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา จึงต่างยกเครื่องกันยกใหญ่

ทั้งปรับดีไซน์ให้ทันสมัย ลดขนาดเครื่องให้เล็กลงมีน้ำหนักเบาพกง่าย ชิปประมวลผลมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องและทรงพลังมากยิ่งขึ้น พร้อมกับจอ OLED และ 240Hz ที่มีขอบจอที่เล็กลง ทั้ง Acer – HP – ASUS

ขณะเดียวกันก็มุ่งไปจับกลุ่ม Gaming ซึ่งมีราคาที่สูงกว่าเฉลี่ย 20 – 30% บางสูงมากกว่า 50% จนในที่ก็ทำให้ผู้บริโภครู้ว่า Tablet ไม่สามารถทำแทนได้ทุกอย่าง ตลาดจึงกลับมาเติบโต 5 – 10% โดยในส่วนของเพาเวอร์ มอลล์ราคาที่ขายดีเฉลี่ย 20,000 บาท

รูป : Facebook Acer Thailand

กล้อง Digital ถ้าอยากเติบโตต้องกระตุ้น Want

อย่างไรก็ตาม มีขึ้นก็ต้องมีลง ถ้าไม่นับตลาดเครื่องเสียงวิดีโอที่กำลังติดตัวแดงกันอยู่ ตลาดกล้อง Digital” คือส่วนที่น่าห่วงมากที่สุด เพราะตกลงถึง 30% ซึ่งจักรกฤษณ์บอกว่าจากที่คุยกับผู้ประกอบการรายหนึ่งพบเมืองไทยติดลบมากที่สุดในเอเชีย

หากยังจำกันได้เมื่อ 10 ปีก่อนตลาดกล้อง Digital เคยมีมูลค่า 14,000 – 15,000 ล้านบาท ผ่านการขับเลื่อนด้วย “กล้อง Compact” แต่หลังจากการเกิดของ Smartphone ที่มาพร้อมกับกล้องที่ใช้งานได้ดีไม่แพ้กัน ภาพรวมตลาดจึงหดตัวก่อนที่ 4 – 5 ปีที่ผ่านมา

ก่อนจะหาจุด Turning Point ด้วยการออกกล้อง Mirrorless” ที่มาพร้อมคุณสมบัติน้ำหนักเบา แต่สามารถถ่ายได้คมชัดเหมือนกล้อง DSLR ซึ่งช่วยกระตุ้นให้ตลาดขึ้นไปถึงหลักหมื่นล้านบาทก่อนจะถูกประเมินว่าจะมีมูลค่าลดเหลือ 7,000 ล้านบาทในปี 2019

สาเหตุที่ทำให้ตลาดกล้องดูเงียบเหงา เป็นเพราะแบรนด์ในตลาดไม่ค่อยจัดกิจกรรมหรือกระตุ้นสักเท่าไหร่นัก ผู้บริโภคมาซื้อกล้องเพราะจำเป็นต้องใช้งาน หรือ Need แต่ละเลยที่จะกระตุ้น Want ซึ่งจะเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ตลาดกลับมาเติบโต โดยต้องชี้ให้เห็นความแตกต่างและประโยชน์ที่มากว่ากล้องรูปแบบอื่นๆ

เพาเวอร์ มอลล์เตรียมบุกออนไลน์เต็มตัว

ทั้งนี้ทั้งนั้นภาพรวมของตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าในปี 2019 เชื่อว่าจะเติบโตราว 3% โดยเทรนด์ที่มาแรงในตอนนี้คือ IoT และ AI ที่มาพร้อมกับโครงสร้างพื้นฐานที่รองรับเรียบร้อย โดยเฉพาะความเร็วของอินเทอร์เน็ต นอกเหนือจากราคาที่ต่างจากรุ่นปรกติประมาณ 10 – 15% ฟากแบรนด์เองก็ออกสินค้าพร้อมกับสร้างการรับรู้ในเรื่องของประโยชน์แก่ผู้บริโภคมากขึ้น

ด้านยอดขายของเพาเวอร์ มอลล์ครึ่งปีแรกโต 9% มากกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ 5% อันเป็นผลจากการวาง Direction ที่ทำมาอย่างต่อเนื่อง 3 – 4 ปี โดยเน้นให้ความสำคัญทั้งด้านเทรนด์สินค้าที่ทันสมัย และการให้บริการที่ดีแก่ลูกค้าทั้งก่อนและหลังการขาย โดยกลุ่มที่ขายดีอยู่ในเซ็กเมนต์พรีเมียม ทั้งปีคาดว่าจะเติบโตราว 5%

ขณะเดียวกันเทรนด์ออนไลน์ที่ผู้บริโภคหันไปซื้อสินค้าในช่องทางนี้มากขึ้น และแบรนด์เองก็ชอบไปจับมือกับแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ เพื่อเข้าให้ถึงพฤติกรรมของลูกค้า แต่ จักรกฤษณ์บอกว่าไม่กระทบกับเพาเวอร์ มอลล์เนื่องจากส่วนใหญ่สาขาทั้งหมดที่มี 10 แห่งอยู่ในกรุงเทพฯ ซึ่งไม่ได้เป็นอุปสรรคในการเดินทางลูกค้า

และทางเพาเวอร์ มอลล์เองก็ปรับตัวโดยการฝึกพนักงานให้เชี่ยวชาญในการแนะนำสินค้า และทำโปรโมชั่นไม่ด้อยกว่าออนไลน์ แต่ทั้งนี้ก็วางแผนรุกออนไลน์ด้วยเช่นกัน เพื่อทำให้เป็น Omni Channel วางแผนเปิดตัวเร็วๆ นี้.

]]> 1235537 ซื้อไหวมั้ย? “ทีวี 8K” Samsung 4 รุ่น ราคา 1.9 แสน – 2.9 ล้านบาท https://positioningmag.com/1226749 Fri, 26 Apr 2019 02:08:02 +0000 https://positioningmag.com/?p=1226749 ช่วง 2-3 ปีมานี้ตลาดทีวีอยู่ในภาวะที่ทรงตัวหรือหดตัวลงเล็กน้อย แต่ในปี 2018 ที่ผ่านมา การแข่งขันฟุตบอลโลกเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ตลาดกลับมาคึกคักอีกครั้ง โดยสามารถเติบโตได้ 8% หรือคิดเป็นมูลค่า 30,000 ล้านบาท

ไม่เพียงเท่านั้นพฤติกรรมของผู้บริโภคได้เปลี่ยนไปด้วย ข้อมูลจาก Samsung ระบุว่าทีวีจอใหญ่กำลังได้รับความนิยมจากผู้บริโภคมากขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะตลาดทีวีพรีเมียม ที่มีความละเอียดสูงระดับ 4K หรือ ‘UHD TV’ รวมทั้งทีวีหน้าจอขนาด 55 นิ้วขึ้นไป ครองสัดส่วนตลาดใหญ่ที่สุด ณ วันนี้ คิดเป็นสัดส่วน 1 ใน 5 ของตลาด

สาเหตุสำคัญเป็นเพราะผู้บริโภคมีความรู้สึกว่า ทีวีจอเล็กไม่จุใจอีกแล้ว จึงต้องการจอใหญ่ๆ รวมไปถึงราคาทีวี 4K มีแนวโน้มลดลงทุกปี ทำให้ผู้บริโภคเข้าถึงได้มากขึ้น โดยลดลงราว 10-20% ราคาเฉลี่ยปัจจุบันอยู่ที่ 15,000 – 20,000 บาทต่อเครื่อง

ขณะเดียวกันในกลุ่มพรีเมียม อีกหนึ่งเซ็กเมนต์ที่มีศักยภาพในการเติบโตสูง คือทีวีหน้าจอขนาด 75 นิ้วขึ้นไป หรือ ‘Super Big TV’ ซึ่งแม้ Samsung จะเป็นเจ้าตลาดอยู่แล้ว และถึงวันนี้คอนเทนต์ส่วนใหญ่จะยังไม่ได้เป็น 4K ทั้งหมด แต่ด้วยความที่ผู้บริโภคนิยมจอใหญ่มากยิ่งขึ้น ทำให้เทคโนโลยี 4K ไม่เพียงพออีกต่อไป ยิ่งจอใหญ่ขึ้นยิ่งต้องการความชัดมากยิ่งขึ้น

จึงเป็นที่มาที่ทำให้ในปี 2019 นี้ Samsung ตัดสินใจเปิดตัวทีวี 8K” โดยชูความละเอียดที่มากกว่า Full HD ถึง 16 เท่า และละเอียดกว่า 4K ถึง 4 เท่า วางจำหน่ายในประเทศไทยอย่างเป็นทางการแล้ว

ในขนาดหน้าจอ 65 นิ้ว 75 นิ้ว 82 นิ้ว และ 98 นิ้ว ในราคาเริ่มต้นที่ 199,990 บาท ถึง 2,999,990 บาท พร้อมกับอัพเกรดทีวี 4K ราคาเริ่มต้นที่ 39,990 บาท ถึง 179,990 บาท

สุวิณ โกษีอำนวย ผู้อำนวยการธุรกิจภาพและเสียง บริษัท ไทยซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ จำกัด กล่าวว่า

ในตลาดโลกปีที่ผ่านมาทีวี 8K มีจำนวน 1 แสนตัวซึ่งไอเอชเอส (IHS) คาดการณ์ว่าทีวี 8K ในตลาดโลกจะเติบโตอย่างรวดเร็วภายใน 5 ปี จนไปถึงระดับ 5.4 ล้านเครื่องในปี 2022 สำหรับในเมืองไทยยังถือเป็นตลาดที่ยังไม่มี ซึ่ง Samsung กำลังจะสร้างตลาดขึ้นมาเอง คาดว่าปีนี้มีจำนวน 1 หมื่นเครื่อง Samsung อยากได้ทั้งหมด แม้จะมีคู่แข่งที่คาดว่าจะนำเข้ามาอีก 2-3 แบรนด์ก็ตาม

แม้จะเป็นตลาดที่ใหม่แต่ขณะนี้มียอดจองเข้ามาแล้ว สำหรับกลุ่มเป้าหมายหลักเป็นกลุ่ม Gen X ที่มีกำลังซื้อสูง โดยพฤติกรรมผู้บริโภคพบว่าการซื้อทีวีนอกจากเสียแล้ว ยังจะซื้อเพราะแต่งงาน ซื้อบ้านใหม่ และรีโนเวตบ้าน ปัจจัยในการเลือกซื้อจะมองที่แบรนด์ก่อนราคาถึงตามมา

ด้วยความที่เป็นทีวีราคาค่อนข้างสูง ห่างกับ 4K ราว 4-5 เท่า ช่องทางจำหน่ายจึงต้องอยู่ในไพรม์แอเรีย ทั้ง เพาเวอร์บายเพาเวอร์มอลล์ โฮมโปร และร้านค้าจากต่างหวัดที่อยู่ในเมือง ด้านบริการได้เพิ่มพนักงานขายสำหรับดูแลกลุ่มสินค้าพรีเมียมโดยเฉพาะ มีบริการสอนใช้งาน และเพิ่มระยะเวลารับประกันเป็น 3 ปี

นอกจากนี้ยังได้เพิ่มงบการตลาดขึ้น 2 เท่าเพื่อสร้างการรับรู้ นอกจากการทำสื่อปรกติแล้ว ยังจะมีการใช้อินฟลูเอนเซอร์ โดยอินฟลูเอนเซอร์สำหรับทีวี 8K ไม่ใช่บุคคลทั่วไป แต่จะต้องเป็นบุคคลที่เข้ากันได้ดีกับสินค้า เป็น “เซเลบริตี้หรือดารา” ที่มีเพื่อนหรือคนรู้จักจำนวนมาก เพราะจะได้ช่วยบอกแบบปากต่อปากได้

ขณะเดียวกันในปีนี้ Samsung ยังได้วางแผนนำทีวี 8K เข้ามาอีก โดยชื่อรุ่นเดอะวอลล์ (The Wall) ใช้เทคโนโลยีไมโครคิวแอลอีดี มีขนาดหน้าจอตั้งแต่ 100 – 146 นิ้ว ราคายังไม่เปิดเผย แต่สูงกว่าราคา 2.9 ล้านบาทแน่นอน

ภาพ : News Samsung

อย่างไรก็ตาม การมุ่งบอกเซ็กเมนต์พรีเมียม มากขึ้นส่วนหนึ่งเป็นเพราะตลาดแมสแข่งกันรุ่นแรงมากขึ้น โดยเฉพาะราคาที่กระตุ้นด้วยแบรนด์จีน อีกทั้ง Samsung ไม่ได้มีสินค้าในกลุ่มนี้สักเท่าไหร่ จึงมุ่งไปยังตลาดที่ตัวเองถนัดมากกว่า

ปัจจุบันรายได้จากกลุ่มทีวีหากไม่นับรวมกลุ่มสมาร์ทโฟน คิดเป็นสัดสวน 50% ของยอดขายทั้งหมด

]]>
1226749
เมื่อคนดูทีวีเหลือ 4 ชม./วัน ซัมซุงทำทีวีให้เป็นกรอบภาพซะเลย https://positioningmag.com/1138501 Mon, 04 Sep 2017 19:03:55 +0000 http://positioningmag.com/?p=1138501 ทำตลาด “ทีวี” ยุคนี้ ไม่ใช่แค่ “ฟังก์ชัน” การใช้งาน หรือขนาดใหญ่เพียงอย่างเดียว แต่ต้องตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ผู้บริโภคยุคนี้ ที่ซับซ้อนขึ้น เลือกมากขึ้น และมองว่า เทคโนโลยีต้องตอบสนองไลฟ์สไตล์ เพราะคนยุคนี้มีกิจกรรมให้ทำมากขึ้น

ผลสำรวจของ “ซัมซุง” พบว่า ผู้บริโภคดูทีวี เฉลี่ย 4 ชั่วโมงต่อวัน ในขณะที่ “ทีวี” จะถูกปิดเป็น “จอสีดำ” ตั้งอยู่ภายในบ้าน ผู้บริโภคจึงมองหา “ทีวี” ที่รูปลักษณ์สวยงาม กลมกลืนไปกับทุกๆ ห้องในบ้าน ปิดทีวีแล้วยังใช้ประโยชน์ได้ จึงเป็นที่มาของ “ซัมซุง เดอะเฟรม” ไลฟสไตล์ทีวี ที่เน้นรูปลักษณ์การออกแบบ

งานนี้ ซัมซุงเลยต้องไปดึงเอา อีฟ เบฮาร์ ดีไซเนอร์ชื่อดังชาวสวิสมาออกแบบทีวีให้ ดีไซน์ทีวีเหมือนกรอบภาพ โดยมีคลังภาพเพื่อแสดงบนหน้าจอเมื่อไม่ได้ดูทีวี ทั้งงานศิลป์จากศิลปินระดับโลก 100 แบบ จากศิลปิน 10 สาขา 37 คน และคลังภาพส่วนตัว เรียกว่า เปลี่ยนบ้านให้กลายเป็นแกลเลอรีกันเลย

ทีวีรุ่นนี้จะมีให้เลือก 2 ขนาด คือ 55 นิ้ว ราคา 69,990 บาท และ 65 นิ้ว ราคา 99,990 บาท โดยมีกรอบทีวีให้ผู้ใช้ถอดเปลี่ยนได้ 3 สี ได้แก่ สีวอลนัท สีไม้เบจ และสีขาว

วรรณา สวัสดิกูล รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มการตลาด บริษัท ไทยซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ จำกัด ขยายความถึงภาพรวมตลาดทีวีในช่วง 8 เดือนที่ผ่านมา ตั้งแต่เดือนมกราคมถึงกันยายน 2560 ตลาดโดยรวมติดลบอยู่ 2-3%

ตลาดทีวีทีมีราคาระดับทั่วไปขนาดจอไม่เกิน 49 นิ้ว ค่อนข้างอยู่ในสภาวะอิ่มตัว ทั้งนี้เป็นเพราะคนไทยไม่นิยมเปลี่ยนทีวีบ่อยๆ จะเปลี่ยนต่อเมื่อเครื่องเก่าเสีย ซื้อบ้านใหม่ หรือรีโนเวตบ้านเท่านั้น ซึ่งใช้เวลาในการเปลี่ยนเครื่องใหม่แต่ละครั้งอยู่ที่ประมาณ 7-10 ปี และโดยเฉลี่ยแต่ละบ้านมีทีวีอยู่แล้ว 2-5 เครื่อง แต่จะขายดีอีกครั้งเมื่อมีมหกรรมกีฬาระดับโลก เช่นฟุตบอลโลก ซึ่งก็ไม่ได้มีทุกปี

การวางตลาด ซัมซุงเดอะเฟรม จึงน่าจะตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าในระดับกลางถึงระดับบน ซึ่งกลุ่มนี้ถือว่ายังมีกำลังซื้อที่ดีและพร้อมจะซื้อสินค้าใหม่หากมีเทคโนโลยีหรือดีไซน์ที่โดนใจ

โดยซัมซุงจะใช้งบการตลาด 10 ล้านบาท ใช้ไปกับการจัดดิสเพลย์หน้าร้านที่จัดจำหน่ายให้คล้ายกับเป็นแกลเลอรีแสดงงานศิลปะ โดยจะวางขายที่ร้านค้า 40 แห่งในกรุงเทพฯ และหัวเมืองใหญ่ รวมถึงเน้นการตลาดออนไลน์ สร้างการรับรู้ผ่านอินฟลูเอนเซอร์ เพื่อกระตุ้นให้เกิดการบอกต่อในโลกโซเชียล ทั้งนี้ซัมซุงตั้งเป้ายอดขายเดอะเฟรมไว้ที่ 100 ล้านบาท

สำหรับเทรนด์ของทีวีในอนาคตคาดว่าผู้บริโภคจะหันมาสนใจทีวีที่มีจอใหญ่มากขึ้น โดยปัจจุบันตลาดทีวีมูลค่า 28,000 – 30,000 ล้านบาทหรือปริมาณ 2-2.3 ล้านเครื่อง แบ่งเป็นทีวีขนาด 49 นิ้วขึ้นไป 40% และน้อยกว่า 49 นิ้ว 60%

]]>
1138501