ตลาดน้ำอัดลม – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Tue, 04 Aug 2020 10:26:10 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 รุกเทรนด์เครื่องดื่มไฮบริด โคคา-โคล่า เตรียมขาย “โค้กผสมกาเเฟ” 3 รสชาติใหม่ เจาะอเมริกา https://positioningmag.com/1290955 Tue, 04 Aug 2020 08:32:51 +0000 https://positioningmag.com/?p=1290955 เครื่องดื่มลูกผสมเเบบไฮบริดได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างมากในยุคนี้ จากพฤติกรรมผู้บริโภคที่ต้องการเครื่องดื่มที่สดชื่น แต่ต้องเป็นมิตรต่อสุขภาพ กลายเป็นทางเลือกใหม่ที่มีโอกาสทางการตลาดสูง

เพื่อขยายตลาดให้กว้างขึ้นเเละสร้างความแปลกใหม่ บรรดายักษ์ใหญ่วงการน้ำอัดลม จึงหันมาเอาดีด้านการพัฒนารสชาติเดิมผสมไปกับเครื่องดื่มอื่น เพิ่มมูลค่าให้ผลิตภัณฑ์

ล่าสุดโคคาโคล่าเตรียมวางจำหน่าย Coca-Cola With Coffee หรือโค้กผสมกาแฟ เจาะตลาดอเมริกา ในช่วงเดือนมกราคม ปี 2021 โดยใช้กาแฟบราซิล 100% พร้อมเปิดตัว 3 รสชาติใหม่ ได้เเก่ Dark Blend, Vanilla และ Caramel ในแพ็กเกจจิ้งกระป๋องขนาด 12 ออนซ์ โดยมีกาเฟอีนอยู่ที่ 69 มิลลิกรัมต่อกระป๋อง ขณะที่โค้กปกติขนาด 12 ออนซ์จะมีกาเฟอีน 34 มิลลิกรัมต่อกระป๋อง และ Diet Coke มีกาเฟอีน 46 มิลลิกรัมต่อกระป๋อง

ก่อนหน้านี้ บริษัทเริ่มชิมลางตลาดเครื่องดื่มไฮบริดในสหรัฐฯ ด้วยการเปิดตัว Coke Energy Cherry, Cherry Vanilla Coke, Orange Vanilla Coke มาเเล้ว

น้ำอัดลมผสมกับน้ำผลไม้ปั่น หรือน้ำอัดลมผสมกับชา ก็เป็นอีกตัวอย่างของแนวโน้มต่อไปในเทรนด์นี้  โคคาโคล่าระบุ

Photo : coca-cola company

การเปิดศึกในตลาดเครื่องดื่มกาเเฟของเจ้าใหญ่น้ำดำ ช่วงที่ผ่านมานี้ สอดคล้องกับอัตราการบริโภคโซดาในสหรัฐฯ ที่ลดลงทุกปี สวนทางกับกลุ่มกาแฟที่เติบโตต่อเนื่อง ดังนั้นการเข้าไปเเข่งในตลาดนี้ จึงจะทำให้ได้กลุ่มลูกค้าทั้งคนที่ชอบน้ำอัดลมเเละชอบกาเเฟ รวมถึงคนรุ่นใหม่ก็หันมาดื่มกาเเฟตั้งเเต่อายุยังน้อยมากขึ้นด้วย

คู่เเข่งสำคัญอย่างเป๊ปซี่จึงไม่ปล่อยให้โคคาโคล่า เจาะตลาดนี้เเต่เพียงผู้เดียว เดินเกมเปิดตัว Pepsi Café โคล่ารสกาแฟอาราบิก้า ที่ให้กาเฟอีนมากกว่าเป๊ปซี่ขนาดปกติถึงสองเท่า มีให้เลือก 2 รสชาติ คือ Original และ Vanilla วางขายในสหรัฐฯ ในช่วงเดือนเมษายนที่ผ่านมา

โคคาโคล่า พยายามเจาะตลาด Coffee-Cola Drinks ครั้งเเรกตั้งเเต่ปี 2006 เเต่เป็นช่วงสั้นๆ เเค่ 2 ปีก็เลิกไป ก่อนจะกลับมาอีกครั้งในปี 2017 กับ Coca-Cola Plus Coffee เเต่นำไปลองตลาดในออสเตรเลีย เเละอีก 1 ปีต่อมาก็นำไปทดลองขายในตลาดเอเชีย หลังเปลี่ยนสูตรใหม่

ในปี 2018 ผลิตภัณฑ์โค้กผสมกาแฟ ทดลองตลาดครั้งแรกในประเทศญี่ปุ่น เเละได้รับเสียงตอบรับที่ดี ปัจจุบันหาซื้อได้ใน 30 ประเทศเเล้ว โดยจะหลักๆ ของเเต่ละประเทศจะไม่เเตกต่างกันมาก เเต่จะมีการปรับสูตรกาเเฟและแพ็กเกจจิ้งให้เข้ากับรสนิยมของคนในประเทศนั้นๆ

Javier Meza ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาดของโคคาโคล่า กล่าวว่า การเเพร่ระบาดของ COVID-19 ทำให้ต้องมีการระมัดระวังในการออกสินค้าใหม่มากขึ้น เเต่ก็เป็นตัวเร่งให้มีการตรวจสอบเเละพัฒนาสินค้า ดังนั้นจึงเป็นเวลาที่เหมาะสมที่บริษัทจะเปิดตัว “โค้กผสมกาเเฟ” รสชาติใหม่ในตลาดอเมริกา หลังจากที่ได้เรียนรู้ในตลาด
ประเทศอื่นๆ ตลอดช่วงหลายปีที่ผ่านมา

“Coca-Cola With Coffee เป็นผลลัพธ์ของกลยุทธ์ Lift and Shift ของบริษัทในการต่อยอดนวัตกรรมเครื่องดื่มที่ประสบความสำเร็จ จากตลาดหนึ่งไปสู่อีกตลาดหนึ่ง ผ่านการทดลอง ทดสอบ และเรียนรู้ผลิตภัณฑ์ เมื่อความชอบและไลฟ์สไตล์ของผู้คนกำลังเปลี่ยนไป ดังนั้นเราจึงต้องพัฒนา Product Portfolio ของเราให้ตอบสนองความต้องการเหล่านั้น

 

ที่มา : CNN , coca-cola

 

]]>
1290955
COVID-19 ทำตลาดเครื่องดื่มติดลบ “มิรินด้า” เปิดเกมใหม่เอาใจ Gen Z ขอขึ้นเบอร์ 2 ตลาดน้ำสี https://positioningmag.com/1286321 Thu, 02 Jul 2020 12:04:06 +0000 https://positioningmag.com/?p=1286321 COVID-19 กระทบตลาดเครื่องดื่มรวมในไทยที่มีมูลค่าถึง 1.55 เเสนล้านบาท ทำครึ่งปีเเรก 2563 ถึงขั้นติดลบ 7% หลังร้านอาหารต้องหยุดให้บริการชั่วคราว มองหลังคลายล็อกดาวน์ ห้างร้านกลับมาเปิดปกติ กระตุ้นไตรมาส 3-4 ฟื้นตัวเร็ว เเต่คาดทั้งปียังติดลบ

ภาพรวมตลาดเครื่องดื่มรวมในช่วงครึ่งปีแรก ติดลบ 7% หนักที่สุดในช่วงไตรมาส 2 (ตั้งเเต่เดือนมี..) เนื่องจากช่องทางการจัดจำหน่ายที่สำคัญอย่าง ร้านอาหาร ภัตราคาร ธุรกิจฟาสต์ฟู้ด มีสัดส่วนเป็น 18-20% ของช่องทางจำหน่ายทั้งหมดต้องหยุดให้บริการในช่วงล็อกดาวน์ขณะเดียวกันผู้คนก็ออกจากบ้านน้อยลงเเละหลีกเลี่ยงการสังสรรค์

ในปัจจุบันตลาดเครื่องดื่มรวม” (Liquid Refreshing Beverage : LRB) ของประเทศไทย ในปี 2562 มีมูลค่าประมาณ 1.55 เเสนล้านบาท เเบ่งสัดส่วนตลาดเป็น

  • กลุ่มน้ำอัดลม 36%
  • กลุ่มน้ำดื่มบรรจุขวด 25%
  • กลุ่มกาเเฟพร้อมดื่ม 8%
  • กลุ่มชาพร้อมดื่ม 8%
  • กลุ่มเครื่องดื่มชูกำลัง 14%
  • กลุ่มมิกเซอร์ 5 %
  • กลุ่มสปอร์ตดริงก์  3%
  • กลุ่มอื่นๆ ราว 1 %

สมชัย เกตุชัยโกศล ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาด บริษัท ซันโทรี่ เป๊ปซี่โค เบเวอเรจ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ปีนี้เป็นปีที่ท้าทายของตลาดเครื่องดื่ม เมื่อเทียบกับในสถานการณ์ปกติที่ปีที่ผ่านมา มีอัตราการเติบโต 9% โดยคาดว่าเครื่องดื่มทุกประเภทจะติดลบเหมือนกันหมดในปีนี้

โดยสถานการณ์ COVID-19 ทำให้การเติบโตในช่วงครึ่งปีเเรก 2563 ของตลาดเครื่องดื่มโดยรวมติดลบ 7% ตลาดน้ำอัดลม ติดลบ 2.5% ตลาดน้ำดื่มบรรจุขวด ติดลบ 12% ตลาดกาแฟพร้อมดื่ม ติดลบ 7% ตลาดชาพร้อมดื่ม ติดลบ 13% ตลาดเครื่องดื่มชูกำลัง ติดลบ 6% เเละสปอร์ตดริ้งก์ ติดลบ 13%

เมื่อเจาะลึกไปยังกลุ่มน้ำอัดลมพบว่ามีมูลค่าตลาดในปี 2019 อยู่ที่ 5.6 หมื่นล้านบาท (ปี 2018 อยู่ที่ราว 50.9 หมื่นล้านบาท) มีการเเข่งขันกันอย่างดุเดือด โดยเฉพาะ 3 เจ้าใหญ่อย่างโค้ก เป๊ปซี่ เเละเอส

ขณะที่ส่วนแบ่งของตลาดน้ำอัดลมไทยแยกตามประเภท ได้แก่ น้ำอัดลมสีดำ 71% น้ำอัดลมสี 23% และน้ำอัดลมไม่มีสี 6% 

มิรินด้า ทุ่ม 200 ล้าน สู้ศึก “ตลาดน้ำสี”  

เป็นที่น่าสนใจว่าตลาดน้ำอัดลมสี เติบโตขึ้น 10% ในช่วงที่ผ่านมา หลังเป๊ปซี่ปรับโฉมมิรินด้าตีตลาดคนรุ่นใหม่ ด้วยการออกมิรินด้ากลิ่นกรีนครีมออกมาในช่วงต้นปีนี้ มียอดขายเติบโตกว่า 15%

นี่จึงเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ทำให้เป๊ปซี่หันมารุกตลาดน้ำสีอย่างหนักในช่วงครึ่งปีหลังนี้ ตอบรับเศรษฐกิจที่ค่อยๆ ฟื้นตัวขึ้น

ที่ผ่านมาเราทุ่มให้กับตลาดน้ำดำมาโดยตลอด ถึงตอนนี้เเบรนด์เเข็งแกร่งเเล้ว จึงถึงเวลาที่จะมาบุกตลาดน้ำสีอย่างเต็มที่ผู้บริหารซันโทรี่ เป๊ปซี่โคกล่าว

ล่าสุดได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ของมิรินด้า ประเดิมครึ่งปีหลัง ด้วยกลิ่นมิกซ์เบอร์รี่และแตงโม ชูจุดเด่นเป็นเครื่องดื่มน้ำอัดลมที่ผสาน 2 กลิ่นผลไม้ในขวดเดียว โดยรสชาติใหม่จะมีช่วงระยะห่างกันประมาณ 6-8 เดือนจนกว่าจะมีรสชาติที่ใหม่กว่าออกมาจำหน่าย

โดยการปรับภาพลักษณ์ครั้งใหญ่ของมิรินด้าในปีนี้ วางงบการตลาดไว้ที่ 200 ล้านบาท เพิ่มขึ้นถึงเท่าตัว จากเมื่อปีที่ผ่านมาใช้ราว 100 ล้านบาท เพื่อชิงขึ้นเป็นเบอร์ 2” ในตลาดน้ำสี เเทนที่เอส ซึ่งขณะนี้มีส่วนแบ่งในตลาดห่างกันเเค่ 2.5%

ในงบการตลาด 200 ล้านบาทนี้ จะใช้ในสื่อดิจิทัลถึง 60% เพื่อเข้าถึงคนรุ่นใหม่ Gen Z อย่างทั่วถึง

อย่างไรก็ตาม การที่มิรินด้าเปิดตัวในไทยมานานตั้งเเต่ปี 2520 หรือกว่า 43 ปีที่เเล้ว เเละเริ่มมีการปรับโฉมในปี 2560 การที่จะเปลี่ยนเเบบทันทีทันใดไม่ใช่เรื่องง่ายนัก

เราต้องทำเเบบค่อยเป็นค่อยไป เป็นเรื่องของงบประมาณด้วย เพราะถ้าเปลี่ยนครั้งเดียวต้องใช้เงินเยอะ เเต่ถ้าค่อยๆ เปลี่ยนใช้งบน้อยกว่า เเละคนจดจำได้มากกว่า

เปิดเกมเเย่งลูกค้า Gen Z

การที่จะครองใจกลุ่มคนรุ่นใหม่ Gen Z ที่มีอายุตั้งเเต่ 15-24 ปี เเละชื่นชอบการดื่มน้ำอัดลมมากกว่าวัยอื่นๆมิรินด้าก็ต้องปรับตัวให้เด็กลงไปด้วย โดยจะชูมีลักษณ์ใหม่ของแบรนด์ที่สนุก สดใสมากยิ่งขึ้น

เพื่อให้เข้ากับจุดเด่นของ Gen Z ที่ชอบความหลากหลาย เปิดรับความแปลกใหม่ท้าทาย ไม่จำเจและสนุกกับการใช้ชีวิต รวมถึงการเเสดงตัวตนในโลกดิจิทัล

จากข้อมูลของ GroupM ระบุว่า ในปี 2019 วัยรุ่นไทยใช้สมาร์ทโฟนเพื่อเเชทถึง 87.7% ตามมาด้วยการอัพโหลดเเละเเชร์รูปภาพ 80.7% ดูทีวีเเละวิดีโอ 69.3% เสิร์ชหาข้อมูล 65.4% เเละเล่นเกม 64.8%

มีการใช้โซเชียลมีเดียเฉลี่ย 3 ชั่วโมงต่อวัน เเละใช้เวลาดูวิดีโอราว 2 ชั่วโมงต่อวัน

ดังนั้นแคมเปญการตลาดของมิรินด้าในปีนี้ จึงมาด้วยคอนเซ็ปต์ “Mirinda Mix Up Your World มิรินด้าสนุกทุกสี ซ่าไม่มีซ้ำ” ที่เจาะลึกถึงไลฟ์สไตล์และความสนใจของกลุ่มเป้าหมาย ผ่านกิจกรรมหลากหลายรูปแบบ โดยเฉพาะ TikTok ที่มิรินด้าจับมือเป็นพันธมิตร

 3 กลยุทธ์มิรินด้า”

  • เข้าใจและครองใจ Gen Z:  วัยรุ่นคือผู้บริโภคกลุ่มที่ใหญ่ที่สุดในเครื่องดื่มน้ำอัดลมสี เป็นผลมาจากพฤติกรรมที่ชอบความหลากหลาย เปิดรับและพร้อมทดลองสิ่งใหม่และไม่หยุดนิ่งที่จะสร้างสรรค์ความสนุกจากสิ่งต่างๆ รอบตัว ซึ่งตรงกับแนวความคิดของมิรินด้า ที่จะนำเสนอทั้งผลิตภัณฑ์และกลยุทธ์ทางการตลาดที่ตรงใจกลุ่ม Gen Z โดยตั้งเป้าหมายสู่การเป็นหนึ่งในแบรนด์หลักในใจวัยรุ่น ผ่านกิจกรรมการตลาดหลากหลายรูปแบบที่เน้นการสร้าง Brand For Me ให้เกิดในใจชาว Gen Z
  • สร้างพอร์ตฟอลิโอที่แข็งแกร่ง เน้นชูจุดแข็งของ 3 รสชาติหลักที่มีสัดส่วนกว่า 80% ได้แก่ น้ำส้ม น้ำแดง และน้ำเขียว ล่าสุดได้มีการปรับปรุงรูปแบบบรรจุภัณฑ์ใหม่ให้มีความสดใส ชวนดื่มมากยิ่งขึ้น พร้อมตั้งเป้าการออกผลิตภัณฑ์รสชาติใหม่สู่ตลาดอย่างสม่ำเสมอเป็นประจำทุกปี เพื่อกระตุ้นการบริโภคและดึงดูดผู้บริโภคหน้าใหม่ให้เปิดใจทดลอง เพื่อสร้างสีสันและการเติบโตให้กับตลาดน้ำสี
  • นำหน้าบนดิจิทัลแพลตฟอร์ม : กิจกรรมทางการตลาดของมิรินด้าจะเน้นหนักบนดิจิทัลแพลตฟอร์ม ด้วยงบลงทุนที่เพิ่มสัดส่วนสูงขึ้นทุกปี ล่าสุดจับมือพันธมิตร เช่น TikTok ในการสร้างสรรค์ความสนุกผ่านฟีเจอร์ใหม่เอาใจสายแดนซ์ โดยออกแบบทั้งฟิลเตอร์ใหม่ เพลงใหม่ติดหู และการใช้อินฟลูเอนเซอร์ที่ได้ทีมครีเอทีฟของ TikTok มาทำงานร่วมกัน

เมื่อจะจับตลาดวัยรุ่น ก็ต้องใช้พรีเซ็นเตอร์วัยรุ่น โดยเมื่อปี 2017 มิรินด้าเปิดตัวไอดอลเกิร์ลกรุ๊ปวง BNK48 เป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ครั้งแรกของ “มิรินด้า มิกซ์-อิท” ส่วนในปีนี้จะมีการใช้พรีเซ็นเตอร์อีกหรือไม่นั้น ผู้บริหารซันโทรี่ เป๊ปซี่โค ตอบว่า “ปีนี้สถานการณ์เพราะยังไม่เเน่นอน เเต่ถ้าในอนาคตมิรินด้าจะมีพรีเซ็นเตอร์อีกครั้ง ก็จะยังคงมองหาในวงการเพลง” 

ขณะที่การเป็นสปอนเซอร์ให้กับคอนเสิร์ตเเละเทศกาลดนตรีต่างๆ ซึ่งได้รับผลกระทบจากการระบาดของ COVID-19 ทางเป๊ปซี่บอกว่า “ต้องระงับไว้ก่อน” เเละจะกลับมาอีกครั้งเมื่อทำได้

การกลับมารุกหนักใน “ตลาดน้ำสี” ของมิรินด้าครั้งนี้ น่าจะกระตุ้นการเเข่งขันในตลาดเครื่องดื่มได้ไม่น้อย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วง “ครึ่งปีหลัง” ที่หลายเเบรนด์เริ่มกลับมาทุ่มงบการตลาดอีกครั้ง ขณะเดียวกันการที่จะครองใจชาว Gen Z ดูเหมือนจะเข้าถึงง่าย เเต่ก็ “ไม่ง่าย” นัก เมื่อการทดลองสิ่งใหม่อยู่เสมอคือจุดเด่นของคนวัยนี้ เเละคู่เเข่งอย่าง “เอส” คงไม่ยอมปล่อยตำเเหน่งเบอร์ 2 ง่ายๆ ต้องรอดูว่าจะมีกลยุทธ์อะไรมางัดข้อกันบ้าง 

 

 

]]>
1286321
COVID-19 ทำพิษ “โค้ก ซีโร่ -ไดเอท โค้ก” เสี่ยงขาดตลาด เพราะสารให้ความหวานผลิตในจีน https://positioningmag.com/1266132 Thu, 27 Feb 2020 09:31:13 +0000 https://positioningmag.com/?p=1266132 การเเพร่ระบาดของไวรัสโรโรนาสายพันธุ์ใหม่หรือโรค Covid-19 กำลังกระทบธุรกิจหลายภาคส่วน เเม้เเต่เครื่องดื่มยอดฮิตอย่าง “โค้ก ซีโร่” เเละ “ไดเอท โค้ก” ของ Coca-Cola ก็กำลังมีความเสี่ยงที่อาจจะขาดตลาด เพราะวัตถุดิบสำคัญอย่าง “สารให้ความหวานแทนน้ำตาล” (Artificial Sweetener) ซึ่งผลิตในประเทศจีนได้รับผลกระทบด้วย 

รายงานของ Coca-Cola ระบุว่า การระบาดของโรค COVID-19 ตั้งเเต่เดือนมกราคมเป็นต้นมา ทำให้ซัพพลายเออร์ในประเทศจีน มีความล่าช้าในการผลิตและส่งออกส่วนผสมเหล่านี้ โดยรวมไปถึงสารให้ความหวานแทนน้ำตาล ดังนั้นสินค้ายอดนิยมอย่าง “โค้ก ซีโร่” เเละ “ไดเอท โค้ก” ก็จะได้รับผลกระทบไปด้วย

อย่างไรก็ตาม ทางบริษัทได้เริ่มเเผนการจัดการฉุกเฉินเเล้ว คาดว่าในช่วงแรกสินค้าอาจจะยังไม่ขาดตลาดในระยะสั้น เเต่ในระยะยาวอาจจะพบปัญหาในการผลิตและส่งออก หากสถานการณ์ในจีนเเย่ลง

ทั้งนี้ Coca-Cola ใช้สารให้ความหวานแทนน้ำตาลหลายตัวทั้ง aspartame, acesulfame potassium, sucralose, saccharin, cyclamate เเละ steviol glycosides ซึ่งไม่ระบุเเน่ชัดว่าตัวไหนที่ผลิตในจีน

รายงานระบุอีกว่า บริษัทได้ให้ความสำคัญกับความปลอดภัยและสุขภาพของพนักงาน ด้วยมาตรการป้องกันไว้ล่วงหน้าสำหรับพนักงานในประเทศจีน ซึ่งรวมถึงการจัดหาหน้ากากอนามัยและการฆ่าเชื้อ รวมถึงการติดตั้งการคัดกรองอุณหภูมิ ในสำนักงานและโรงงานผลิต และตั้งค่ากลไกการตรวจสอบสุขภาพทั่วทั้งระบบของ Coca-Cola ในประเทศจีน

นอกจากนี้ Coca-Cola ซึ่งเป็นผูัผลิตเครื่องดื่มรายใหญ่ของโลก คาดการณ์ว่าการระบาดของ COVID-19 จะส่งผลกระทบต่อผลประกอบการของบริษัทในไตรมาสเเรกปีนี้ถึง 2 เซนต์ต่อหุ้น กระทบรายได้ ราว 1-2% เเละกระทบปริมาณการจำหน่ายเครื่องดื่มราว 2-3% โดยมูลค่าธุรกิจในจีนของ Coca-Cola คิดเป็นสัดส่วนราว 10% ของทั้งโลก

เเต่ทาง Coca-Cola ยืนยันว่าบริษัทจะมีผลประกอบการประจำปีนี้ตามเป้าหมายเดิม ซึ่งตั้งเป้าการเติบโตไว้ที่ 5% และกำไรต่อหุ้นที่ปรับแล้วจะเพิ่มขึ้น 7% เป็น 2.25 ดอลลาร์สหรัฐ

อ่านเพิ่มเติม : Coca-Cola คาดไวรัสโคโรนาระบาด กระทบกำไร-รายได้ ในไตรมาสแรก

ที่มา : dailymail , businessinsider

]]>
1266132
“เป๊ปซี่” เปิดศึก “หวยน้ำดำ” อัดยาเเรง “ชิงโชค” ใหญ่ คืนชีพเซเว่นอัพ https://positioningmag.com/1265289 Fri, 21 Feb 2020 03:56:23 +0000 https://positioningmag.com/?p=1265289 หน้าร้อนเป็นช่วงเเห่งการเเข่งขันอันดุเดือดของ “ตลาดน้ำอัดลม” ที่จะอัดเเคปเปญกระตุ้นยอดขาย เปิดตัวสินค้าใหม่เเละโปรโมทสร้างการรับรู้ต่างๆ

“ยิ่งร้อนก็ยิ่งขายดี” คนหาอะไรดื่มเพื่อความสดชื่นมากขึ้น เป็นผลให้ผู้ผลิตน้ำอัดลมที่ทำตลาดในไทยเติบโตกันถ้วนหน้าทั้ง 3 เจ้าใหญ่อย่างเป๊ปซี่ โค้กเเละเอส ซึ่งมีมูลค่าตลาดรวมอยู่ที่ 56,000 ล้านบาท ในปี 2019 เพิ่มขึ้น 12% จากที่ปีก่อนหน้าอยู่ที่ราว 50,900 ล้านบาท ส่วนแบ่งของตลาดน้ำอัดลมไทยแยกตามประเภท ได้แก่ น้ำอัดลมสีดำ 71% น้ำอัดลมสี 23% และน้ำอัดลมไม่มีสี 6%

ทั้งนี้ ข้อมูลจาก Nielson ระบุว่า ส่วนเเบ่งการตลาดน้ำอัดลมทั้งหมดในไทยของปี 2019 “โค้ก” ยังคงอยู่อันดับ 1 ที่ 35% ตามมาด้วย เป๊ปซี่อยู่ที่ 25.4 % เเละเเฟนต้าที่ 15.6% ส่วนเฉพาะประเภทไม่คืนขวด (PET, กระป๋อง) นั้นเป๊ปซี่ครองตลาดที่ 45%

ปีนี้ฝั่ง “เป๊ปซี่” ประกาศจะทุุ่มงบการตลาดกว่า 400 ล้าน (เพิ่มขึ้นเกือบเท่าตัวจากปี 2019 ที่ใช้ไปราว 250 ล้าน) จัดเเคมเปญชิงโชคครั้งใหญ่ที่สุดตั้งเเต่เคยทำมา เพื่อกระตุ้นยอดขายสินค้าที่กำลังจะวางขาย หลังปรับโฉมใหม่อย่าง “มิรินด้า” เเละฟื้นคืนชีพ “เซเว่น อัพ” เพื่อเอา “น้ำสีเเละน้ำใส” มาช่วยเสริมความเเกร่งของ “น้ำดำ” ที่เป็นตัวหลักอย่างเป๊ปซี่

อัดยาเเรง “ชิงโชคใต้ฝา” ครั้งใหญ่ที่สุด 

ในปีที่ผ่านๆ มา ซันโทรี่ เป๊ปซี่โคมีการจัดเเคมเปญชิงโชคอยู่บ้าง เเต่ปีนี้นับว่ามีมูลค่ารางวัลรวมสูงที่สุดกว่า 40ล้าน กับ “เป๊ปซี่ ซัมเมอร์ซ่า”  ตั้งแต่วันที่ 1 ก.พ.- 24 เม.ย. 2020 โดยการส่งรหัสใต้ฝาหรือรหัสที่หูกระป๋องของเป๊ปซี่ มิรินด้า และเซเว่น-อัพ ขนาดใดก็ได้เข้าร่วมชิงรางวัล พร้อมนำ “เดอะทอยส์” นักร้องขวัญใจวัยทีนมาเป็นพรีเซ็นเตอร์

โดยจะเเจกทองคำมูลค่า 10 ล้านบาท จำนวน 1 รางวัล, รถยนต์ BMW X1 มูลค่า 1.99 ล้านบาท จำนวน 8 รางวัล, โทรศัพท์มือถือ Samsung S series รุ่นใหม่ล่าสุด มูลค่า 31,900 บาท 270 รางวัล และบัตรกำนัล KFC มูลค่า 500 บาท จำนวน 20,000 รางวัล

การทุ่มงบหนักของ เป๊ปซี่โคครั้งนี้ ก็เป็นการรุกตลาดเพื่อสร้างสีสัน กระตุ้นตลาดเครื่องดื่มในช่วงหน้าร้อนให้กลับมาคึกคัก รวมถึงปั้นยอดขายสินค้าที่จะออกมาใหม่อย่าง “มิรินด้า-เซเว่นอัพ” นั่นเอง

“เเคมเปญใหญ่นี้ คิดล่วงหน้ามาเป็นปี ซึ่งไม่ได้เกี่ยวข้องกับการที่เศรษฐกิจที่กำลังชะลอตัวหรือผลกระทบจากไวรัสโคโรนา” จรณชัย ศัลยพงษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายบรรษัทสัมพันธ์ ซันโทรี่ เป๊ปซี่โค กล่าว

ด้าน ศิเรมอร ศุภจรรยา ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาดของ ซันโทรี่ เป๊ปซี่โค เบเวอเรจ (ประเทศไทย) จำกัด หรือ SPBT ผู้ผลิตเครื่องดื่มเเบรนด์ เป๊ปซี่ มิรินด้า เซเว่น-อัพ ชาลิปตัน เกเตอเรด น้ำดื่มอควาฟิน่า และกู๊ดมู้ด เปิดเผยว่า “ในปี 2019 เป๊ปซี่โคเติบโตได้กว่า 15.5% นับว่าโตมากที่สุดในตลาดน้ำอัดลม โดยในส่วนเป๊ปซี่ เติบโตราว 16 % ตามมาด้วยมิรินด้า เติบโต 8% เเละเซเว่น-อัพ เติบโต 5 %” 

เจาะใจคนรุ่นใหม่ Gen Z และคนรักสุขภาพ

ผู้บริหารเป๊ปซี่โค บอกว่า การฟื้นแบรนด์ “มิรินด้า” เเละ “เซเว่น-อัพ” กลับมาทำตลาดอีกครั้งนั้น มีที่มาที่ไปจากเทรนด์ของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปในการบริโภคเครื่องดื่ม โดยเฉพาะน้ำอัดลม

สำหรับ 2 เทรนด์หลักที่บริษัทจะมุ่งจับตลาดให้ได้คือ กลุ่มคน Gen Z อายุระหว่าง 10-21 ปีเเละกลุ่มคนรักสุขภาพ ที่ต้องการเครื่องดื่มที่ไม่มีน้ำตาล ไม่มีคาเฟอีน ซึ่งมีแนวโน้มเพิ่มเรื่อยๆ ในผู้บริโภคทุกเพศทุกวัย

โดย Gen Z เป็นกลุ่มคนที่พร้อมเปิดใจยอมรับความแปลกใหม่ โตมากับเทคโนโลยี กล้าแสดงออก มีความมั่นใจ ในประเทศไทยมีคน Gen Z จำนวนกว่า 13 ล้านคน คิดเป็น 19% ของประชากร

อีกกลุ่มคือคนที่รักสุขภาพ แต่ก็ยังอยากบริโภคน้ำอัดลมอยู่ จึงต้องหาสิ่งที่ตอบโจทย์ลูกค้ากลุ่มนี้ เช่น เครื่องดื่มที่ไม่มีน้ำตาล ปราศจากไขมัน รวมถึงมีการเติมวิตามิน แร่ธาตุที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย จากการสำรวจตลาดพบว่า ลูกค้ายอมจ่ายเเพงขึ้น หากมีการ “ตัดผลเสีย” เเละ “เติมคุณค่า”

ปรับโฉมใหม่ “มิรินด้า” ทั่วโลก

ช่วงกลางปีนี้เราจะได้เห็นมิรินด้าในภาพลักษณ์ใหม่ตามตลาดโลกที่ดูเด็กลงมาก มีความเป็นวัยรุ่นที่ดูสดใสมากขึ้นเพื่อเอาใจชาว Gen Z เเละจะขยายฐานลูกค้าด้วยสินค้าใหม่ “มิรินด้า กลิ่นกรีนครีม” เพราะเห็นว่าตลาดน้ำสี โดยเฉพาะ “น้ำเขียว” มีโอกาสเติบโตได้สูง

พร้อมมุ่งเน้นการสื่อสารการตลาดไปที่ช่องทางออนไลน์ โดยจะโปรโมทผ่านสื่อโซเชียลที่คนรุ่นใหม่คุ้นเคยเเละใช้กันเยอะอย่าง TikTok , Twitter , Fackbook เเละ Instagram อย่างไรก็ตามยังคงมีการโปรโมทตามสื่อในร้านค้าเเละสื่อนอกบ้านด้วย

คืนชีพ “เซเว่น-อัพ”  

ที่ผ่านมาเซเว่น-อัพ เเม้จะมีวางขายอยู่ตลอด เเต่ก็ค่อนข้างเงียบเหงาไร้กิจกรรมทางการตลาด เมื่อเทียบกับคู่แข่งอย่างสไปร์ท ปีนี้ถึงเวลาเป๊บซี่โค จะฟื้นคืนชีพให้เซเว่น-อัพ

โดยก่อนหน้านี้มีการทำวิจัยผู้บริโภค พบว่าพวกเขาชื่นชอบน้ำอัดลมน้ำใสเพราะรู้สึกมีความเป็นธรรมชาติและดูมีสุขภาพ จึงทำให้บริษัทอยากที่จะยกระดับ เซเว่น-อัพให้กลายเป็นเครื่องดื่มเพื่อคนรักสุขภาพ จึงต่อยอดออกสินค้าใหม่ “เซเว่น-อัพ ฟรี” ไม่มีน้ำตาล ไม่เจือสี ไม่คาเฟอีน

ซึ่งจะเป็นการ “ลองตลาด” ทั่วโลก โดยได้นำ “ไฟโด ดิโด” (Fido Dido) ตัวการ์ตูนที่เคยเป็นมาสคอตของเเบรนด์ เซเว่น-อัพ ในยุค 80-90 มาสร้างสีสันบนแพ็คเกจจิ้งใหม่ให้เเฟนๆ ได้เก็บสะสมกันซึ่งก็ได้รับผลตอบรับที่ดี

 

จัดเทศกาลดนตรี เน้นเพิ่มฐานภาคอีสาน 

ซันโทรี่ เป๊ปซี่โค ยังเดินหน้าเป็นผู้สนับสนุนหลักในเทศกาลดนตรีเพื่อโปรโมทเเบรนด์ในวงกว้าง ซึ่งในช่วงสงกรานต์ปีนี้ มีการร่วมใน 4 งานซึ่งถือเป็นแลนด์มาร์คสำคัญ ได้เเก่

  • Pepsi Presents S2O Songkran Music Festival กรุงเทพ ที่มีผู้เข้าร่วมงานกว่า 60,000 คน สนับสนุนเป็นปีที่ 6 แล้ว
  • UD Town Songkran Festival จ.อุดรธานี หนึ่งในเทศกาลดนตรีที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่มีผู้เข้าร่วมงานกว่า 1.2 แสนคน สนับสนุนเป็นปีที่ 4 แล้ว
  • Pepsi Music Presents Songkran Korat มันส์ สุด มาก ณ เซ็นทรัลพลาซา จ.นครราชสีมา สนับสนุนเป็นปีที่ 6
  • Volo Festival เทศกาลดนตรี Hip Hop กลางสวนน้ำวานา นาวา วอเตอร์ จังเกิ้ล หัวหิน โดยปีนี้เป็นปีแรกที่ซันโทรี่ เป๊ปซี่โคเข้าสนับสนุน

“เรายังเน้นไปที่ภาคอีสาน ซึ่งเป็นฐานลูกค้าใหญ่ที่สุดของเป๊ปซี่ เมื่อเทียบกับภูมิภาคอื่นๆ”  

ขณะที่ความกังวลจากการเเพร่ระบาดของไวรัส Covid-19 ที่นักท่องเที่ยวจะลดลงมากเเละความเสี่ยงจากการชุมนุมนั้นมีผลต่อการจัดเทศกาลดนตรีในปีนี้หรือไม่ จรณชัยตอบว่า ทางเป๊ปซี่โคติดตามสถานการณ์วันต่อวัน เพื่อเตรียมรับมือในด้านต่างๆ เเต่ยืนยันว่าจะเป็นสปอนเซอร์หลักในการจัดงานต่อไป อย่างไรก็ตามการดำเนินงานนั้นขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของผู้จัดงาน

]]>
1265289
ศึกน้ำดำเร่งโต! “เป๊ปซี่” เสริมพอร์ตรสชาติ LIME สาดมาร์เก็ตติ้งแคมเปญปลุกตลาด https://positioningmag.com/1243988 Mon, 26 Aug 2019 12:26:57 +0000 https://positioningmag.com/?p=1243988 ปี 2561 ตลาดเครื่องดื่มมีมูลค่า 154,000 ล้านบาท เป็นน้ำอัดลม 50,000 ล้านบาท ในจำนวนนี้มีน้ำโคล่า (น้ำดำ) ใหญ่สุด มูลค่า 35,000 ล้านบาท เติบโต 1.6% ถือเป็นตัวเลขโตต่ำ จากภาวะเศรษฐกิจและกำลังซื้อชะลอตัว จากก่อนหน้าที่โตได้ 3% 

ตลาดน้ำดำตั้งแต่ซัมเมอร์ปีนี้ เริ่มกลับมาจัดแคมเปญการตลาด โปรโมชั่น ปั้นสินค้าใหม่เติมพอร์ตกันอีกครั้ง หวังกระตุ้นตลาดกลับมาคึกคัก

ลัดดาวรรณ เลิศวศิน ผู้จัดการอาวุโสฝ่ายการตลาด เครื่องดื่มเป๊ปซี่ บริษัท เป๊ปซี่โค เซอร์วิสเซส เอเชีย จำกัด กล่าวว่า หลังจากต้นปีที่ผ่านมาได้เปิดตัวรสชาติใหม่ “เป๊ปซี่แมกซ์เทสต์ กลิ่นราสเบอร์รี” ซึ่งผู้บริโภคตอบรับดี ทำให้ครึ่งปีแรกตลาดโคล่ากลุ่มไม่มีน้ำตาลเติบโตกว่า 50% ซึ่งเป๊ปซี่สามารถเติบโตได้สูงกว่าตลาด

ดังนั้นกลยุทธ์สร้างการเติบโตในกลุ่มน้ำดำ ได้เติมพอร์ตโฟลิโอสินค้าด้วยรสชาติใหม่ “เป๊ปซี่ กลิ่นไลม์” (Pepsi LIME Flavor) จากการวิจัยกลุ่มตัวอย่างทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัดพบว่า 94% ของกลุ่มตัวอย่างชื่นชอบรสชาติ และ 90% ต้องการซื้อเพื่อบริโภค

จัดเต็ม 4 มาร์เก็ตติ้งแคมเปญ

กลยุทธ์การตลาด “เป๊ปซี่ กลิ่นไลม์” ใช้งบประมาณ 250 ล้านบาท ทำตลาดช่วงไตรมาสสุดท้าย ด้วยการ 4 แคมเปญ สร้างสีสันให้ตลาดน้ำดำ

1. การตลาดแบบครบวงจร 360 องศา ทั้งออฟไลน์และออนไลน์ ด้วยภาพยนตร์โฆษณาชุดใหม่ พรีเซ็นเตอร์หนุ่มมาดนิ่งขวัญใจวัยรุ่น The Toys รวมทั้งกิจกรรมดิจิทัลแพลตฟอร์ม สื่อ ณ จุดขายและในร้านค้า รวมทั้งใช้สื่อโฆษณานอกบ้านแบบ Tailor-Made แนะนำร้านอาหารที่เสิร์ฟคู่กับเป๊ปซี่ กลิ่นไลม์

2. อัดโปรโมชั่น “ฟู้ด เดลิเวอรี่” โดยร่วมมือกับ “แกร็บฟู้ด” จัดฟู้ดแคมเปญใหญ่ บนแอปพลิเคชั่น อาทิ เมนูเอ็กซ์คลูซีฟ ส่วนลดและโปรโมชั่นต่างๆ 3 เดือน ตั้งแต่เดือน ส.ค. – ต.ค. นี้

3. Connect Online to Offline สร้างเอนเกจเมนต์กับผู้บริโภคผ่านดิจิทัลคอนเทนต์สู่กิจกรรมออนกราวด์ กับ “เชฟป้อม-หม่อมหลวงขวัญทิพย์ เทวกุล” และ “ป๋อมแป๋ม” พิธีกรรายการทีวีพาชิมร้านดังจากเป๊ปซี่ เดือน ต.ค. – พ.ย. นี้

4. แจก Sampling ทั่วไทย เดินสายคาราวาน 30 จังหวัดทั่วไทย เสิร์ฟ แจกฟรี “เป๊ปซี่ กลิ่นไลม์” กว่า 1.5 ล้านเสิร์ฟ รวมทั้งแจกตัวอย่างผ่านตู้อินเตอร์แอคทีฟ เวนดิ้งแมชชีน ณ จุดแลนด์มาร์คต่างๆ ระหว่างวันที่ 1 – 15 ก.ย. 2562

]]>
1243988
เปิดเกมต่อไม่รอแล้วนะ “เอส เพลย์” ส่งน้ำสี 2 รสใหม่ลุยตลาด ดึง 2 ดาราวัยรุ่นในกระแสนั่งแท่นพรีเซ็นเตอร์ https://positioningmag.com/1205424 Thu, 27 Dec 2018 03:58:05 +0000 https://positioningmag.com/?p=1205424 ต้องบอกว่าตลาดอัดลมในเมืองไทยอยู่ในแดบลบต่อเนื่องมา 3 ปีแล้ว โดยมีปัจจัยหลักมาจากภาวะเศรษฐกิจผันผวน และกระแสรักสุขภาพ ทำให้ผู้บริโภคดื่มน้อยลงกระทบทั้งน้ำดำและน้ำสี

หากวัดอุณหภูมิการแข่งขันจะพบว่ารุนแรงไม่แพ้กัน โดยเฉพาะในน้ำสีมูลค่า 11,000 ล้านบาท ปีนี้ติดลบต่อเนื่อง 2% โดยมีพี่ใหญ่ในตลาดยังคงเป็นแฟนต้าของค่ายโคคาโคล่า ส่วนแบรนด์รองก็ไม่น้อยหน้า พยายามหาช่องดึงส่วนแบ่งตลาดมาเป็นของตัวเองตลอด

เอส เพลย์ซับแบรนด์ของเอสที่เพิ่งถูกรีแบรนด์ครั้งใหญ่เมื่อปลายปีที่ผ่านมา เพื่อแยกภาพให้ชัดเจนสำหรับเจาะตลาดน้ำสี เดินเกมรุกตลาดมาเรื่อยๆ โดยใช้วิธีออกสินค้าใหม่ให้ฉีกไปจากเจ้าตลาด เริ่มต้นในปี 2016 ที่ได้ออกเอส เพลย์ เกรปเบอร์รี

ปีต่อมาก็เกาะกระแสบิงซู น้ำแข็งใสยอดฮิตจากเกาหลีใต้ โดยออกรสเมลอนบิงซูและแมงโก้บิงซู เพื่อเจาะกลุ่มเป้าหมายที่เป็นวัยรุ่น และได้วางเป้าหมายต้องการขยับสัดส่วนรายได้ของน้ำสีให้เพิ่มมาเป็น 50% กับน้ำดำ หลังจากที่ก่อนหน้ามีสัดส่วนเพียง 30%

จากการเกาะกระแสที่ว่าทำให้เอสเพลย์ ทำผลงานสวนกระแสตลาดเติบโต 15.4% และข้อมูลจากนีลเส็นเมื่อเดือนกันยายน ได้ระบุว่าเอส เพลย์พลิกขึ้นมาเป็นเบอร์ 2 ในช่องทาง Modern Trade ด้วยสัดส่วน 24%

สิ่งที่เกิดขึ้นสร้างความมั่นใจให้กับเอส เพลย์ จนล่าสุดได้ออกสินค้าใหม่ 2 รสชาติใหม่ สูตรม็อคเทลกามิกาเซ่และพิงค์บอมบ์ เจาะกลุ่มวัยรุ่นที่ขอบดื่มน้ำอัดลมและชอบลองสินค้ารสชาติใหม่ๆ พร้อมกับดึง 2 ดาราวัยรุ่นที่กำลังเป็นกระแส ไอซ์พาริส อินทรโกมาลย์สุต ซึ่งรับบทอาฉี จากละครเลือดข้นคนจาง และ เจนรมิดา จีรนรภัทร ผลงานล่าสุดคือเรื่อง THE GIFTED นักเรียนพลังกิฟต์ มาเป็นพรีเซ็นเตอร์

เจษฎากร โคชส์ รองกรรมการผู้อำนวยการสายการตลาด บริษัท ไทยดริ้งค์ จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายเครื่องดื่มเอสโคล่าและเอส เพลย์ กล่าวว่า

นอกจากเป้าหมายสร้างยอดขายและมาร์เก็ตแชร์ให้เติบโตขึ้นแล้ว อีกอย่างที่ต้องการตอกย้ำ คือ ดีเอ็นเอของแบรนด์เอส เพลย์ ที่ต้องการเป็นผู้นำนวัตกรรมตลาดน้ำอัดลมสี

สินค้าใหม่ทั้ง 2 รสชาติเริ่มวางขายแล้วในร้านค้าสะดวกซื้อ ร้านอาหาร ห้างสรรพสินค้า และซูเปอร์มาร์เก็ต ตั้งแต่กลางเดือนธันวาคมที่ผ่านมา.

]]>
1205424
สิ้นสุดการรอคอย! “ซาสี่” มาแล้ว ขอท้าชิงแชร์ตลาดน้ำอัดลมหมื่นล้านแล้ว! https://positioningmag.com/1182613 Thu, 09 Aug 2018 04:09:38 +0000 https://positioningmag.com/?p=1182613 ปีที่แล้ว “เจ้าสัวน้อย ฐาปน สิริวัมฒภักดี” แห่งบริษัทไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) ส่งสัญญาณไว้แล้วว่า จะนำเครื่องดื่มรูทเบียร์ในตำนาน “ซาสี่” กลับมาทำตลาดในประเทศไทยอีกครั้ง แต่จนแล้วจนรอดก็ยังไม่เห็นวางขายสักที

แต่ 2-3 วันที่ผ่านมา หากใครเดินเข้าร้านสะดวกซื้อ “เซเว่นอีเลฟเว่น” ไม่ต้องเลี้ยวซ้ายเลี้ยวขวา แค่ตรงไปที่ตู้แช่เครื่องดื่ม ก็จะได้พบกับ “ซาสี่” ในบรรจุภัณฑ์ขวดแก้ว เรียงรายในชั้นเดียวกับ “น้ำอัดลม” ทั้ง “โค้ก” และ “เอส”

นับเป็นการสิ้นสุดการรอคอย สำหรับคอเครื่องดื่มรูทเบียร์ “ซาสี่”

เหตุผลของแบรนด์เก่าแก่ในอดีตกลับมาทำตลาดอีดครั้ง “เจษฎากร โคชส์” รองกรรมการผู้อำนวยการสายงานการตลาด บริษัท ไทยดริ้งค์ จำกัด ในฐานะบริษัทในเครือของไทยเบฟเวอเรจ รับหน้าที่ในการทำตลาด เพราะเห็นโอกาสของตลาดรูทเบียร์ที่เติบโตต่อเนื่อง 16% ยิ่งช่องทางขายที่เป็นร้านสะดวกซื้อตลาดโตมากถึง 24%

สวนทางกับภาพรวมตลาดน้ำอัดลมมูลค่า 50,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นขาลง! เพราะปี 2560 ที่ผ่านมาตลาดติดลบประมาณ -2.4% (ที่มาข้อมูล : บริษัท นีลเส็น (ประเทศไทย) 1 มิ.ย. 2560 – 31 พ.ค. 2561)

เมื่อ “รูทเบียร์” มีความต้องการ (Demand) แต่ตลาดมีผู้เล่นน้อยมาก! หลักๆ ที่ผู้บริโภคจะนึกถึงคงหนีไม่พ้น “เอแอนด์ดับบลิว (A&W)” แต่การทำตลาดเรียกว่ามีน้อยมาก เมื่อมีแบรนด์และสินค้าอยู่บ้างแต่ไม่มีการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขาย กลายเป็น “ช่องว่าง” ให้ไทยดริ้งค์เปิดฉากส่งสินค้า “ซาสี่” เข้ามาสู้ศึกได้ง่าย

สำหรับการทำตลาดของ “ซาสี่” ได้วาง Positioning สินค้าในกลุ่มเดียวกับ “ตลาดน้ำอัดลม” พร้อมเจาะกลุ่มเป้าหมาย “วัยรุ่น” จนถึง “วัยทำงาน” เพราะเชื่อว่าเป็นกลุ่มที่ชอบลองของใหม่ ที่มีความแตกต่างจากผลิตภัณฑ์อื่นๆ ในตลาด รวมถึงกลุ่มคนที่ชื่นชอบและคิดถึงรสชาติอันเป็นเอกลักษณ์ของซาสี่ ซึ่งคนกลุ่มนี้แน่นอนว่าอายุอานามไม่ต่ำกว่า 30-40 ปีขึ้นไป ต่างล้วน “โหยหา” รสชาติที่คุ้นเคยลิ้มลองในอดีตอยู่แล้ว

พูดถึงรสชาติ “ซาสี่” เสียงสะท้อนที่ผู้บริโภคมักพูดถึงมีครบทั้งกลิ่นที่บ้างว่าเหมือนยาสีฟัน ส่วนรสชาติ “ยาหม่อง” มีฟองจะนุ่มเนียนกว่าน้ำอัดลมทั่วไป แต่ทั้งหมดกลับเป็น “จุดขาย” ที่ทำให้ซาสี่ครองใจผู้บริโภคได้ ขนาดหายไปจากตลาดเป็นหลาย “สิบปี” ยังมีการกล่าวถึง ตั้งกระทู้ถามหาบนโลกออนไลน์อย่าง “พันทิป” เป็นต้น

ส่วนช่องทางขายที่เลือก “เซเว่นอีเลฟเว่น” นำร่อง คงปฏิเสธไม่ได้ว่า เป็นช่องทางที่มีร้านจำนวนมากกว่า 10,000 สาขาทั่วประเทศ ช่วงต้นออกไซส์เล็ก ขนาด 250 มล. ราคา 12 บาท โดยจัดโปรโมชั่น “ราคา 10 บาท” และระหว่างวันที่ 24 สิงหาคม ถึง 23 เพื่อสร้างการรับรู้และกระตุ้นให้ผู้บริโภคเกิดการ “ทดลองดื่ม”

แม้ไทยดริ้งค์ของเครือไทยเบฟจะเป็นผู้นำ “ซาสี่” กลับมาทำตลาดอีกระลอก แต่ป็นที่รู้กันพอสมควรว่าผลิตภัณฑ์และแบรนด์ดังกล่าว มาจาก “เฟรเซอร์ แอนด์ นีฟ” หรือ เอฟแอนด์เอ็น ยักษ์ใหญ่เครื่องดื่มในอาเซียน ซึ่ง “เจ้าสัวเจริญ สิริวัฒนภักดี” ทุ่มเงินร่วม “แสนล้านบาท” ไปซื้อกิจการมา 4-5 ปีแล้ว การได้บริษัทใหญ่ที่มีแบรนด์เครื่องดื่มนอนแอลกอฮอล์ที่ “แข็งแรง” และเป็นที่รู้จักในตลาดหลายแบรนด์ ทำให้ไทยเบฟหยิบจับมาต่อยอดในตลาดประเทศไทยได้

ก่อนหน้านี้ ไทยเบฟ นำ “ฮันเดรสพลัส” มาทำตลาดในกลุ่มเครื่องดื่มอัดลมเพื่อสุขภาพ ซึ่งใช้เวลาไม่นานนักก็ติดตลาดได้พอสมควร ส่วนหนึ่งเพราะคนไทยที่มีโอกาสเดินทางไปต่างประเทศทั้งสิงคโปร์ และมาเลเซีย เคยดื่มและชื่นชอบสินค้ามีอยู่บ้าง เช่นกันกับ “ซาสี่” เป็นอีกแบรนด์ที่นำมาเสริมทัพกลุ่มนอนแอลกอฮอล์ ที่สำคัญเป็นการ “เติมพอร์ตโฟลิโอน้ำอัดลม” ให้ใหญ่และหลากหลายพอจะ “สู้ศึก” กับแบรนด์ระดับโลก ทั้ง “โค้ก” และ “เป๊ปซี่” จากเดิมปล่อยให้น้ำดำ “เอสโคล่า” และน้ำสี “เอสเพลย์” ต่อสู้กันไม่กี่รายการ (เอสเคยู)

ไทยดริ้งค์ ทำตลาด แล้วใครผลิตซาสี่?!?!

“ซาสี่” ผลิตออกมาในบรรจุภัณฑ์ขวดแก้ว และวางราคาขาย 12 บาท เฉพาะช่องทาง “ร้านสะดวกซื้อเซเว่นอีเลฟเว่น” เท่านั้น แต่ในบรรจุภัณฑ์นอกจาก “ยี่ห้อ” ที่โชว์หรา กลับไม่มีข้อความหรือรายละเอียดอื่นระบุบนฉลากหรือตัวสินค้า แต่จากการสอบถามผู้ประกอบการแวดวงเครื่องดื่ม พบว่า “เสริมสุข” รับบทบาทผลิตให้นั่นเอง

คืนสังเวียนในรอบทศวรรษ เป้าหมายของซาสี่ ย่อมไม่ธรรมดา เพราะงานนี้ แม่ทัพการตลาด “เจษฎากร” ลั่นชัด “เรามั่นใจว่าการกลับมาสู่ตลาดรูทเบียร์ของซาสี่ พร้อมสื่อสนับสนุนแบบจัดเต็มทั้งการชงชิมทั่วประเทศ สื่อนอกบ้าน และสื่อออนไลน์ จะสร้างการเติบโตให้ตลาดรูทเบียร์พร้อมผลักดันให้ซาสี่ครองตำแหน่งผู้นำตลาดได้อย่างแน่นอน”

ส่วนจะทำได้ไหม เกมนี้ต้องดูยาวๆ เพราะตลาดน้ำอัดลมหิน!

]]>
1182613