ภาพรวมตลาดรถนั่งปี 2020 ลดลงถึง 31% ขณะที่ตลาดรถหรูมีจำนวนทั้งสิ้น 24,263 คัน ลดลง 17.7% ซึ่งจะเห็นว่าตลาดรถหรูได้รับผลกระทบจาก COVID-19 น้อยกว่าตลาดทั่วไป ขณะที่ BMW Group (นับรวมยอดขายรถ MINI) มียอดส่งมอบรวมทั้งหมด 12,426 คัน ทำให้แบรนด์สามารถครองส่วนแบ่งการตลาดในกลุ่มรถยนต์พรีเมียมที่ 51.2% จากในปี 2019 มีส่วนแบ่งตลาด 43.9% ทั้งนี้ แบรนด์ BMW ส่งมอบรถยนต์รวม 11,242 คัน ลดลง 4.3% จากปีก่อนหน้า ขณะที่ MINI มียอดการส่งมอบ 1,184 คัน ลดลงจากปีก่อนหน้า 1.7% ด้าน BMW Motorrad ที่เป็นแบรนด์รถจักรยานยนต์มีการส่งมอบที่ 1,224 คัน
ที่น่าสนใจคือ กลุ่ม BMW M หรือรถยนต์สมรรถนะสูง มียอดขายเติบโต 40% จากปี 2019, Plug-in Hybrid มียอดขายเติบโต 33.8% และรถยนต์มือสองเติบโต 43.4%
ส่วนด้านการผลิต บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป แมนูแฟคเจอริ่ง ประเทศไทย มียอดการประกอบรถยนต์และมอเตอร์ไซค์บีเอ็มดับเบิลยูรวมกว่า 32,052 คัน เพิ่มขึ้น 0.3% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า โดยแบ่งเป็นยอดการประกอบรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยู 23,177 คัน ลดลง 10% และยอดประกอบมอเตอร์ไซค์ BMW Motorrad ที่ 8,875 คัน เพิ่มขึ้น 43%
ส่วนในด้านการส่งออกนั้น มีการส่งออกรถยนต์และมอเตอร์ไซค์รวม 23,143 คัน เพิ่มขึ้นถึง 24% โดยแบ่งเป็นรถยนต์ BMW กว่า 15,079 คัน เพิ่มขึ้น 3% และมีการส่งออกมอเตอร์ไซค์กว่า 8,064 คัน เพิ่มขึ้นถึง 97%
BMW Group Thailand ในปีที่ผ่านมามีการปรับปรุงกลยุทธ์ในหลายด้าน ทั้งผลิตภัณฑ์ยานยนต์รุ่นใหม่, การดูแลลูกค้าหลังการขาย การปรับตัวด้านดิจิทัลเพื่อเข้าถึงกลุ่มคนที่มีความสนใจ โดยการนำระบบ Augmented Reality มาใช้เพื่อให้ลูกค้าได้สัมผัสรถยนต์ รวมถึงการนำเสนอบริการผ่านช่องทางออนไลน์ในงานมอเตอร์โชว์และมอเตอร์ เอ็กซ์โป กับบีเอ็มดับเบิลยู ประเทศไทย
“เมื่อชีวิตประจำวันในหลายด้านต้องหยุดชะงักลงชั่วขณะ เราจึงขยายการทำตลาดผ่านช่องทางดิจิทัลให้กว้างขวางขึ้นจากปีก่อน ๆ โดยรวมไปถึงการสร้างประสบการณ์ดิจิทัลในสองงานใหญ่ประจำปี ทั้งบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ 2020 และมหกรรมยานยนต์ครั้งที่ 37 ควบคู่ไปกับการจัดแสดงรถยนต์หน้างานจริง” อเล็กซานเดอร์ บารากา ประธาน BMW Thailand กล่าว
สำหรับปีนี้ BMW Group ได้เตรียมเปิดผลิตภัณฑ์ยานยนต์ใหม่เพื่อรักษาแชมป์ในปี 2021 โดยในส่วนของแบรนด์ BMW มี 2 รุ่น ได้แก่ X7 xDrive30d M Sport ราคา 5.999 ล้านบาท ประกอบในประเทศโดยจะถูกกว่ารุ่นนำเข้าเมื่อปี 2019 ที่มีราคา 8.999 ล้านบาท โดยได้เครื่องยนต์เล็กกว่า ซึ่งราคาที่ถูกลงนั้นมั่นใจว่าจะช่วยในการดึงดูดลูกค้ามากขึ้น และอีกรุ่นคือ 330Li M Sport ราคา 2.899 ล้านบาท
ในส่วนของแบรนด์ MINI ก็เตรียมเปิดตัว มินิ คูเปอร์ เอส คันทรีแมน เอนทรี ราคา 1.999 ล้านบาท, มินิ คูเปอร์ เอส คันทรีแมน ไฮทริม ราคา 2.529 ล้านบาทและ มินิ จอห์น คูเปอร์ เวิร์กส์ GP Inspired Edition ราคา 3.448 ล้านบาท รวมถึงจักรยานยนต์ บีเอ็มดับเบิลยู R 18 Classic First Edition ในตระกูลครูสเซอร์ ราคา 1.250 ล้านบาท
ด้านนวัตกรรมยานยนต์ไฟฟ้ายังคงเดินหน้าต่อไป โดยที่ผ่านมาเปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้าเต็มรูปแบบอย่าง มินิ คูเปอร์ เอสอี พร้อมด้วยรถยนต์ PHEV อีกสี่รุ่นในตระกูลซีรีส์ 3 ซีรีส์ 7 X3 และ X5 ซึ่งมีสัดส่วนการขายมากกว่า 30% โดยในปีนี้จะยังคงมีแผนการเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ที่ใช้พลังงานไฟฟ้าออกมาอย่างต่อเนื่อง ขณะที่เครือข่ายสถานีอัดประจุไฟฟ้าสาธารณะ ChargeNow มีจำนวนหัวจ่ายเพิ่มขึ้นเป็น 111 หัวจ่ายใน 67 จุดบริการทั่วประเทศ
ที่น่าจับตาในปีนี้คงไม่ใช่แค่ BMW จะสามารถรักษาแชมป์ได้หรือไม่ แต่ Mercedes-Benz ที่เสียแชมป์ไปก็เป็นอีกแบรนด์ที่น่าจับตาว่าจะสามารถทวงตำแหน่งของตัวเองที่เคยทำสถิติเป็นเบอร์ 1 นานนับสิบปีได้อย่างไร
]]>แต่ค่ายที่ดูจะมีรอยยิ้มมากกว่าค่ายอื่นหน่อยก็คงเป็น “BMW Group ประเทศไทย” ทำยอดขายรถยนต์ BMW ได้เป็นสถิติใหม่ที่ 12,036 คัน ซึ่งสูงกว่าปีก่อนหน้าถึง 20% และยังนับเป็นอัตราการเติบโตที่สูงที่สุดในเครือข่ายของ BMW ทั่วโลกเป็นปีที่สองติดต่อกัน
ขณะที่ MINI มียอดการส่งมอบรถตลอดปีสูงเป็นสถิติใหม่เช่นกัน มียอดขาย 1,051 คัน เพิ่มขึ้น 4% จากปีก่อนหน้า และ BMW Motorrad มียอดขาย 2,154 คัน เติบโต 8%
ไม่ใช่แค่นั้นในระดับโลก BMW Group ยังคงรักษาตำแหน่งผู้นำระดับโลกในตลาดรถยนต์หรูไว้ได้อย่างต่อเนื่อง มียอดส่งมอบรถยนต์ BMW, MINI และ Rolls-Royce รวมกว่า 2,490,664 คัน
โดยยอดการส่งมอบรถยนต์ของทั้งสามแบรนด์ในเดือนมกราคม 2018 รวม 170,463 คัน ถือเป็นการเปิดฉากศักราชใหม่ ที่ยอดเยี่ยมที่สุดในประวัติศาสตร์ของ BMW Group
คริสเตียน วิดมานน์ ประธาน BMW Group ประเทศไทย กล่าวว่า
“คริสเตียน” กล่าวอีกว่า จุดยืนของ BMW Group ทั้งบนเวทีโลกและในประเทศไทยคือการขับเคลื่อนโลกยานยนต์ไปสู่อนาคตที่ดีกว่า หนึ่งองค์ประกอบที่ยืนยันถึงความสำเร็จ คือ ยอดการส่งมอบรถยนต์ปลั๊กอินไฮบริด (PHEV) และพลังงานไฟฟ้า (EV) เพิ่มขึ้นกว่า 38.4% ทั่วโลก
ขณะที่ยอดขายรถยนต์ปลั๊กอินไฮบริดของเราในประเทศไทยก็พุ่งสูงขึ้นถึง 122% ในปีที่ผ่านมา ภายในปี 2025 BMW Group เตรียมออกรถยนต์ที่ใช้พลังงานไฟฟ้ากว่า 25 รุ่น โดยจะออกมากขึ้นตั้งแต่ปี 2020 เป็นต้นไป ในจำนวนนี้ 12 รุ่นจะเป็น EV Car
เพื่อรองรับความต้องการสำหรับยนตรกรรมไฟฟ้าแห่งอนาคต BMW Group Manufacturing Thailand จะเริ่มต้นเดินหน้าประกอบแบตเตอรี่แรงดันสูง (High-Voltage Battery – HVB) ณ โรงงานในนิคมอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอ ชลบุรี 2 ภายในปีนี้ คาดจะมีกำลังการผลิตไม่ต่ำกว่า 1,000 ลูก
ที่ผ่านมาโรงงานแห่งนี้ถือเป็นศูนย์กลาง การประกอบรถยนต์ในภูมิภาคนี้ โดยเฉพาะในด้านการประกอบรถยนต์ปลั๊กอินไฮบริดทั้ง 2 รุ่น ไม่ว่าจะเป็น BMW 530e หรือ BMW 740Le
ปัจจุบันโรงงานมีการประกอบรถยนต์และมอเตอร์ไซค์ 12 รุ่น เช่น BMW ซีรีส์ 3 Gran Turismo, BMW ซีรีส์ 5, BMW ซีรีส์ 7, BMW X1 และล่าสุด BMW X3
นอกเหนือจากรถที่ประกอบในเมืองไทยเองแล้ว ที่ BMW มองเห็นคือ กลยุทธ์การทำตลาดรถยนต์นำเข้า ที่ประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี จากกระแสตอบรับของยอดขายรถยนต์ในตระกูล M ซึ่งเพิ่มสูงขึ้นจากปีก่อนหน้าถึง
ในปีนี้จึงเตรียมสานต่อกลยุทธ์ที่ว่านี้ ด้วยการการเปิดตัวรถยนต์นำเข้ารุ่นใหม่ๆ เช่น BMW ซีรีส์ 3 ที่กลับมาอีกครั้งในเจเนอเรชั่นที่ 7 รุ่น 330i M Sport ใหม่ ราคาจำหน่าย 3,359,000 บาท
และ BMW Z4 มีมาให้เลือก 2 รุ่นด้วยกันคือ Z4 sDrive30i M Sport ราคาจำหน่าย 3,999,000 บาท และ Z4 M40i ราคาจำหน่าย: 4,999,000 บาท
ในส่วนของ MINI ได้เตรียมขำเข้ารุ่น MINI Cooper S Hatch รุ่นฉลอง 60 ปีของ MINI ในเมืองไทยจะเข้ามาทั้งหมด 17 คันทั้งในรุ่น 3 ประตูและ 5 ประตู
อย่างไรก็ตาม “คริสเตียน” ยังกล่าวอีกว่า หนึ่งในปัจจัยที่สร้างความสำเร็จ คือการที่ BMW สร้างภาพภาพลักษณ์ที่ดีให้กับแบรนด์ นับตั้งแต่โปรแกรม The Ultimate JOY Experience ที่เตรียมก้าวขึ้นสู่ปีที่ 3 นอกจากนี้ได้เตรียมขยาย การขยายช่องทางและรูปแบบการเข้ารับบริการ ให้หลากหลายและตรงกับไลฟ์สไตล์ของลูกค้ามากขึ้น
ไม่ว่าจะเป็นการเปิดตัว บีเอ็มดับเบิลยู สตูดิโอ ที่นำบริการมาไว้ในห้างสรรพสินค้า หรือการเปิด เออร์เบิน สโตร์ แห่งใหม่ ผสมผสานด้วยเทคโนโลยีและพื้นที่รับรองลูกค้า และยังมี Online Booking นัดหมายบริการล่วงหน้าผ่านทางเว็บไซต์ ได้แล้ว
ส่วนบริการหลังการขายได้ออกโปรแกรมการรับประกัน BMW Motorrad Warranty เพิ่มเป็น 3 ปี โดยไม่จำกัดระยะทาง ให้กับมอเตอร์ไซค์ BMW Motorrad รุ่นใหม่ทุกรุ่นที่ส่งมอบตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2019.
]]>