ตลาดไอที – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Thu, 07 Jul 2022 08:51:38 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 เงินเฟ้อทำตลาด ‘ไอที’ ทั่วโลกดิ่งหนัก เหตุผู้บริโภครัดเข็มขัดเบรกซื้อ ‘คอม-มือถือ’ ใหม่ https://positioningmag.com/1391660 Thu, 07 Jul 2022 05:42:10 +0000 https://positioningmag.com/?p=1391660 ช่วงเวลาขาขึ้นผ่านไปไวกว่าที่คิดสำหรับตลาดสินค้า ‘ไอที’ หลังจากที่ 2 ปีก่อนสามารถเติบโตได้เนื่องจากผู้บริโภคอยู่บ้านมากขึ้น จึงมีความต้องการอุปกรณ์ไอทีสำหรับใช้เรียน ทำงาน รวมถึงกิจกรรมคลายเครียดแก้เบื่ออย่างการเล่นเกม บริษัทวิจัยหลายสำนักคาดว่าขาลงของตลาดจะเริ่มเห็นชัดในปีหน้า แต่จากภาวะเศรษฐกิจก็ย่นเวลาให้ตลาดดิ่งหนักในปีนี้

ตัวเลขจาก Gartner ได้ชี้ให้เห็นว่า ตลาดไอที กำลังจะตกต่ำอย่างมากในปีนี้ โดยคาดว่าตัวเลขยอดจัดส่ง พีซี จะลดลง -9.5% แบ่งเป็น ตลาดคอนซูมเมอร์ -13.5% ส่วน ตลาดองค์กรลดลง 7.2% โดยเฉพาะในทวีปยุโรปตะวันออกกลางและแอฟริกาในภูมิภาค จะแย่ที่สุดโดยลดลงถึง -14%

ไม่ใช่แค่ตลาดพีซี แต่ ตลาดแท็บเล็ต คาดว่าจะลดลง -9% และ สมาร์ทโฟน -7.1% จากที่ปี 2021 สามารถเติบโต 5% โดยรวมแล้ว ภาพรวมตลาดไอทีลดลง -7.6% จากที่ปี 2021 แต่ที่หนักสุดก็คือ ตลาดพีซี

ของแพงและเงินเฟ้อทำรัดเข็มขัด

Ranjit Atwal นักวิเคราะห์อาวุโสของ Gartner กล่าวว่า สำหรับตลาดพีซี กลุ่ม Chromebook เป็นหมวดหมู่ที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด เนื่องจากในอเมริกาไม่มีความต้องการซื้อ เพื่อการศึกษา เนื่องจากเด็ก ๆ กลับไปเรียนได้ตามปกติ ส่วนในยุโรปยังพอมีความต้องการระดับหนึ่ง

นอกจากนี้ ยังมีความไม่แน่นอนจากสภาวะสงครามรัสเซีย-ยูเครน การปรับขึ้นราคาสินค้าเนื่องจากซัพพลายเชน และปัญหาเงินเฟ้อที่ทำให้ผู้บริโภคชะลอการเปลี่ยนไปใช้ของใหม่ รวมไปถึงการล็อกดาวน์ในจีนยังส่งผลกระทบต่อผู้บริโภคทั่วโลก

“ตอนแรกเราคาดว่าตลาดจะเริ่มลดลงในปี 2023 แต่มันกลับเกิดขึ้นเร็วกว่าที่คิด เนื่องจากการซื้อสินค้าของผู้บริโภคลดลงอย่างรวดเร็ว”

5G ไม่ช่วยอย่างที่คิด

หลังจากตลาดเริ่มอิ่มตัว 5G ที่ถือเป็นอีกความหวังใหม่ของตลาดสมาร์ทโฟนทั่วโลก ก็ไม่ได้ช่วยอย่างที่คิด อย่างในจีนช่วงปี 2021 ยอดการจัดส่งสมาร์ทโฟน 5G จะเติบโตขึ้น 65% แต่ในปี 2022 นี้คาดว่าจะเติบโตเพียง 2% เท่านั้น

“ในช่วงต้นปี ตลาดโทรศัพท์ 5G ของจีนในแผ่นดินใหญ่ คาดว่าจะเติบโตเป็นตัวเลขสองหลัก แต่ผลกระทบของนโยบาย Zero COVID-19 ของจีน และผลจากการล็อกดาวน์ได้พลิกกลับแนวโน้มนี้อย่างมาก เพราะผู้บริโภคหยุดซื้อสินค้าที่ไม่จำเป็น รวมถึงสมาร์ทโฟน 5G”

ส่วนภาพรวมทั่วโลก อยากจัดส่งสมาร์ทโฟน 5G จะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่ Gartner ได้ปรับลดคาดการณ์การเติบโตจาก 47% ในปี 2021 เหลือเพียง 29% เท่านั้น ซึ่งสอดคล้องกับตัวเลขของ IDC ที่คาดการณ์ว่าจะมีการชะลอตัวในทำนองเดียวกัน อย่างไรก็ตาม Gartner คาดว่าความต้องการเปลี่ยนไปใช้สมาร์ทโฟน 5G จะเริ่มกลับมาสูงขึ้นอีกครั้งในปี 2023 หลังจากที่สมาร์ทโฟน 4G เริ่มตกรุ่น

]]>
1391660
‘ซินเน็ค’ มั่นใจตลาดไอที 64 โตแรงกว่า 63 หลังซัพพลายฟื้นแถมได้ 5G และเกมมิ่งช่วยดัน https://positioningmag.com/1312060 Fri, 25 Dec 2020 06:33:28 +0000 https://positioningmag.com/?p=1312060 แม้ภาพรวมสถานการณ์ทั่วโลกรวมถึงในประเทศไทย ต้องเผชิญกับการแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 แต่ทว่าสินค้าเทคโนโลยีเป็นปัจจัยสำคัญในการใช้ชีวิต ทำให้ยังคงได้รับการตอบรับที่ดีแม้ในช่วงที่มีการปิดล็อกน์ดาวน์ (Lockdown) ส่งผลให้สินค้าบางรายการกลับมีความต้องการที่สูงขึ้น อาทิ สินค้ากลุ่มอุปกรณ์คอมพิวเตอร์และโน้ตบุ๊ก สินค้ากลุ่ม Tablet/iPad เพื่อใช้สำหรับ Work from home อย่างไรก็ตาม ปัญหาด้าน ‘ซัพพลายเชน’ กลับเป็นตัวฉุดการเติบโตของตลาด

People in Taipei City take photos of Apple’s newly released iPhone 12, 12 mini as well as 12 Pro and visit stores to collect their pre-orders, as Taiwanese market sources show there has been massive pre-orders of the new generation of iPhones, in Taipei City, Taiwan on 23 October 2020. (Photo by Ceng Shou Yi/NurPhoto via Getty Images)

ไตรมาส 2 ปีหน้า ซัพพลายถึงฟื้น

สุธิดา มงคลสุธี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซินเน็ค (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) (SYNEX) ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายสินค้าไอที ระบุว่า ภาพรวมธุรกิจไอทีปี 2563 มองว่ามีการเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง แม้จะมีการระบาดของ COVID-19 เนื่องจากสินค้าไอทียังเป็นสิ่งจำเป็น ขณะที่ช่วงสิ้นปีที่มีโครงการของภาครัฐอย่าง ช้อปดีมีคืนเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยกระตุ้น อย่างไรก็ตาม ตลาดกลับยังเติบโตไม่เต็มที่เพราะซัพพลายที่ไม่เพียงพอต่อความต้องการของตลาด ภาพรวมจึงเติบโตไม่ได้เท่าที่ควรจะเป็น

“กำลังซื้อก็มีผลกระทบบ้าง จะเห็นได้จากตลาดล่าง-กลาง แต่กลุ่มบนไม่ได้รับผลกระทบเลย อย่าง iPhone 12 ก็ขายดีมาก โดยเฉพาะตัว Pro และ Pro Max ที่ขาดตลาด”

ขณะที่ปีหน้าคาดว่าซัพพลายจะฟื้นช่วงไตรมาส 2 อีกทั้งกระแส 5G ในปี 63 ยังแค่เริ่มต้น เชื่อว่าผู้บริโภคจะเริ่มตื่นตัวในปีหน้า สินค้าอย่างสมาร์ทโฟนและแกดเจ็ตอื่น ๆ จะยิ่งได้รับความนิยม ดังนั้น ตลาดไอที 64 มองว่าจะบวกกว่าปี 63

ดึง Nintendo ร่วมพอร์ตปีหน้า

ตลาดเกมมิ่งเป็นอีกตลาดที่เห็นการเติบโตอย่างมากรับกระแสการเติบโตของ e-sport ที่ยังคงความร้อนแรง โดยปัจจุบันซินเน็คฯ ครองมาร์เก็ตแชร์ในพอร์ตเกมมิ่งโน้ตบุ๊กรวมกับเกมมิ่งเกียร์อันดับหนึ่งสูงสุดในประเทศไทย โดยในปี 63 ก็ได้แบรนด์อย่าง ‘Razer’ แบรนด์เกมมิ่งเกียร์ระดับโลกและพร้อมที่จะขยายตลาดให้ใหญ่ขึ้นในปีหน้าโดยได้เป็นตัวแทนจำหน่ายของ ‘Nintendo’ นอกจากนี้ อีกกลุ่มสินค้าที่น่าจับตามองคือ กลุ่ม ‘สุขภาพ’ ที่กำลังเป็นกระแสในปัจจุบัน ซึ่งซินเน็คฯ เตรียมจัดจำหน่ายสินค้าไลฟ์สไตล์เพื่อสุขภาพที่เป็นไฮเอนด์เทคโนโลยีในเร็ว ๆ นี้

“สินค้ากลุ่มเกมมิ่งยังเติบโตต่อเนื่อง ด้วยระบบนิเวศของอุตสาหกรรมเกมที่ถูกพัฒนาขึ้น สามารถเล่นเกมร่วมกันจากเครื่องเล่น Console และ PC ทำให้การตอบรับของผู้เล่นมีจำนวนเพิ่มขึ้น และมีความต้องการอุปกรณ์เกมมิ่งเกียร์ที่มีความทันสมัย โดยเรายังคงเดินหน้ารุกตลาดนี้ โดยจะได้เห็นการจับมือกับพันธมิตรแบรนด์ใหม่ ๆ เข้ามาเสริมพอร์ต ควบคู่ไปกับแผนขยายแพลตฟอร์มด้านการบริการทั้งก่อนและหลังการขายอย่างต่อเนื่อง”

nintendo switch
Photo : Shutterstock

ภาครัฐยังลงทุน

ในปี 64 ซินเน็คฯ ยังเดินหน้าขยายการลงทุนงานโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐ รวมถึงการอัพเกรดระบบ และอุปกรณ์เทคโนโลยีของภาคเอกชน สนับสนุนการเติบโตของสินค้ากลุ่มคอมเมอร์เชียล (Commercial)​ และคลาวด์ & ซิเคียวริตี้ (Cloud & Security) ซึ่งสินค้ากลุ่มนี้มีอัตรากำไรขั้นต้นในระดับสูง

ล่าสุด ซินเน็คฯ เข้ามาดูแลบริการหลังการขายให้ Xiaomi ผู้นำทางด้านเทคโนโลยีระดับโลก ที่มีสมาร์ทโฟนและสินค้าไลฟ์สไตล์หลากหลายประเภท  ซึ่งก็จะมีโอกาสขยายความร่วมมืออื่น ๆ อีกในอนาคต สะท้อนภาพรวมของซินเน็คฯ อยู่ในธุรกิจที่อยู่ในเทรนด์การเติบโต ทั้งหมดนี้เป็นปัจจัยบวกต่อยอดขายและอัตรากำไรของซินเน็คฯ ในปี 2564

มั่นใจปี 64 โต 15%

เนื่องจากปี 63 ที่สินค้าขาดตลาดทำให้ไม่มีการแข่งขันทางด้านราคาที่สูงเกินไป อีกทั้ง บริษัทฯ เน้นเจาะสินค้ากลุ่มที่มีมาร์จิ้นสูง และการบริหาร Product Mix อย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้คาดว่ารายได้ของบริษัทในปีนี้รายได้อาจจะไม่ได้เติบโตจากปีก่อน แต่ในส่วนของกำไรสามารถเติบโตได้มากกว่าเดิม โดยช่วง 3 ไตรมาสที่ผ่านมากำไรสามารถเติบโตถึง 18% และในปี 64 ซินเน็คฯ ตั้งเป้าเติบโตทั้งรายได้ และกำไรเพิ่มขึ้นประมาณ 10-15% ปัจจุบัน ซินเน็คฯ มีสัดส่วนรายได้จากการจำหน่ายสมาร์ทโฟนอยู่ราว 40% ตามด้วยสินค้าไอทีในกลุ่มคอนซูเมอร์ราว 40% และกลุ่มธุรกิจองค์กรอีกราว 20%

“จากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ถือเป็นช่วงที่ให้บริษัทจำหน่ายสินค้าไอทีหลายแห่งได้ปรับตัว จากการที่สินค้าขาดตลาดส่งผลให้มีการเคลียร์สต๊อกสินค้า และสามารถทำกำไรได้ ส่วนการแข่งขันในปีนี้ถ้าบริหารจัดการสินค้าได้ดี เชื่อว่าทั้งอุตสาหกรรมนี้จะเติบโตได้อย่างแน่นอน”

]]>
1312060
เจาะกลยุทธ์ “เอเซอร์” ปี 2020 เติบโตอย่างไร เมื่อกระแสเกมมิ่งเริ่มแผ่ว https://positioningmag.com/1255604 Mon, 02 Dec 2019 15:11:50 +0000 https://positioningmag.com/?p=1255604 แม้ตลาดไอทีจะไม่ได้รับผลกระทบจากสภาวะเศรษฐกิจมากนัก เพราะตลาดถูกขับเคลื่อนด้วยซอฟต์แวร์ โดยเฉพาะ “เกม” ที่เป็นปัจจัยหลักที่ดันให้ตลาดไอทีกลับมาคึกคักอีกครั้ง แต่ในปีนี้แม้การเติบโตของสินค้ากลุ่มเกมมิ่งยังมี แต่กระแสกลับแผ่วลง ดังนั้น “เอเซอร์” จึงต้องหันมาหาตลาดใหม่ เพื่อรักษาตำแหน่งเบอร์ 1 ในตลาดไอทีไทยให้ได้

ลุยตลาดบางเบาจับชดเชยตลาดเกมมิ่ง

นายนิธิพัทธ์ ประวีณวงศ์วุฒิ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท เอเซอร์ คอมพิวเตอร์ จำกัด กล่าวว่า ภาพรวมตลาดคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กไทยในปีนี้คาดว่าปิดที่ 2.35 ล้านเครื่อง แบ่งเป็นโน้ตบุ๊ก 1.2 ล้านเครื่อง ค่อนข้างทรงตัวเมื่อเทียบปีที่ผ่านมา ขณะที่มูลค่าคาดว่าเติบโตขึ้น เนื่องจากตลาดเกมมิ่งและตลาดบางเบา (thin&light) เป็นกลุ่มที่มีราคาสูงยังสามารถทำตลาดได้ดี ปัจจุบันกลุ่มบางเบาเริ่มต้นที่ 18,000-50,000 บาท มีสัดส่วนประมาณ 35% ของตลาด ส่วนเกมมิ่งเริ่มต้นที่ 18,000 บาทจนถึงหลักแสน มีสัดส่วนประมาณ 30-40%

สำหรับเอเซอร์ยังคงเป็นเบอร์ 1 ในตลาด ทั้งด้านจำนวนเครื่องและมูลค่าตลาด โดย 3 ไตรมาสที่ผ่านมาเอเซอร์มีส่วนแบ่งตลาด 21% และส่วนแบ่ง 28% ในตลาดโน้ตบุ๊ก โดยมีสัดส่วนยอดขายจากกลุ่มบางเบา 30% กลุ่มเกมมิ่ง 30% และสินค้าทั่วไป 40% โดยปีหน้าเอเซอร์จะเน้นหนักที่กลุ่มบางเบา โดยตั้งเป้าเพิ่มสัดส่วนกลุ่มบางเบาเป็น 40% โดยจะลดสัดส่วนกลุ่มทั่วไปให้เหลือราว 20-30%

“ผู้บริโภคเลือกซื้อที่ประสิทธิภาพมากกว่าราคา โดยดูจากการใช้งานเป็นหลัก ดังนั้นปีหน้าสินค้าจะยิ่งแบ่งกลุ่มชัด เพื่อตอบโจทย์ความต้องการมากขึ้น เราเองก็ต้องพยายามหาสินค้าที่ตอบโจทย์เฉพาะทางมากขึ้น เช่น กลุ่มบางเบาเป็นที่ต้องการมากขึ้นในกลุ่มครีเอเตอร์ ส่วนกระแสเกมมิ่งปีนี้เริ่มแผ่วลง แต่ก็ยังเป็นกลุ่มที่ขับเคลื่อนตลาด”

ช่วงสิ้นปีนี้ เอเซอร์เปิดตัวสินค้า 5 รุ่น เพื่อเจาะตลาดบางเบา ได้แก่ Swift 1 ราคาเริ่มต้น 12,990 บาท เน้นเจาะกลุ่มนักศึกษา Swift 3 ราคาเริ่มต้น 13,990 บาท เจาะกลุ่ม Frist Jobber ส่วน Swift 5 เริ่มต้นที่ 26,900 บาท และ Swift 7 เริ่มต้นที่ 49,900 บาท จะเน้นที่กลุ่มพรีเมียม ต้องการความสวยงามเป็นหลัก

แค่ที่ 1 ในใจ Gen Y ไม่พอ ต้องครองใจ Gen Z ด้วย

ทิศทางการทำตลาดในช่วง 3 ปีที่ผ่านมาของเอเซอร์ พยายามจะทำให้แบรนด์ดูเด็กลง โดยใช้ “อีสปอร์ต” จนปัจจุบันเอเซอร์แข็งแรงในกลุ่ม Gen Y โดยได้รับการจัดอันดับเป็นแบรนด์ไอทีอันดับ 1 ที่ Gen Y เลือก แต่ยังไม่เพียงพอ เอเซอร์ต้องการเข้าถึงลูกค้า Gen Z ให้มากขึ้น ดังนั้นทิศทางการตลาดในปีหน้าจะเน้นเจาะ Gen Z โดยจะเน้นจะทำตลาดในสถานศึกษามากขึ้น รวมทั้งทำดีไซน์โปรดักต์ที่ตอบโจทย์ความต้องการ 

ดึงพันธมิตรจับกระแสรักษ์โลก

นอกจากการตลาดในอีสปอร์ต เอเซอร์ได้แคมเปญ “Together We Change” เพื่องดใช้ถุงพลาสติก โดยเน้นทำความเข้าใจผ่านตัวแทนค้าปลีกไอทีทั่วประเทศ ให้ช่วยในการส่งเสริมและเชิญชวนให้ลูกค้าร่วมลดใช้ถุงอย่างจริงจัง ซึ่งปัจจุบันพันธมิตรที่ร่วมกับเอเซอร์ต่างก็รณรงค์เรื่องการงดใช้ถุงพลาสติก อาทิ แอดไวซ์ ที่งดให้ถุงพลาสติกทุกวันที่ 1 และ 15 ของเดือน ส่วนคอมเซเว่น งดแจกทุกวันอังคาร ไอที ซิตี้ มีบริการส่งสินค้าถึงรถ และเจไอบี แจกถุงผ้าแทน

“ที่เราทำแคมเปญ ไม่ใช่เพราะต้องการเอาใจคนรุ่นใหม่ แต่ต้องการแอคชั่นที่เป็นรูปธรรม เนื่องจากประเทศไทยใช้ถุงพลาสติก 45,000 ล้านใบ/ปี โดย 13,500 ล้านชิ้นมาจากร้านค้า และแบ่งเป็นสินค้าไอทีราว 12 ล้านใบ/ปี โดยเราตั้งเป้างดใช้พลาสติกให้ได้ 30% หรือ 3.6 ล้านใบภายใน 1 ปี และมีแผนนำต้นทุนที่ลดลงจากการงดใช้พลาสติกให้กับองค์กรที่ดูแลสิ่งแวดล้อม”

เสริมแกร่งอีคอมเมิร์ซให้คู่ค้า

แม้เอเซอร์เองจะไม่ได้เน้นตลาดออนไลน์มาก เพราะไม่ต้องการขายแข่งกับคู่ค้า แต่ภาพรวมตลาดอีคอมเมิร์ซในไทยกำลังเติบโต โดยปัจจันคิดเป็นสัดส่วน 10% ของตลาดค้าปลีก ดังนั้นภายในไตรมาส 1 ปีหน้า เอเซอร์มีแผนจะทำหลังบ้านที่จะช่วยเสริมช่องทางออนไลน์ให้กับคู่ค้าสามารถขายสินค้าออนไลน์ของเอเซอร์ได้ง่ายขึ้น เนื่องจากเอเซอร์คำนึงถึงข้อจำกัดของหน้าร้านที่ไม่สามารถวางจำหน่ายสินค้าเอเซอร์ได้ครบ แต่ช่องทางออนไลน์สามารถทำได้ ดังนั้นส่วนของออนไลน์จะช่วยสร้างการเติบโตของเอเซอร์อีกทาง 

เกมมิ่งเกียร์ ตัวช่วยโตพร้อมตลาดดีไอวาย

สำหรับตลาดดีไอวายหรือคอมพิวเตอร์ประกอบ เป็นตลาดที่แข็งแรงมากคิดเป็น 70% ของตลาดคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ ซึ่งแบรนด์ไม่สามารถไปเจาะได้ ดังนั้นเอเซอร์จึงหาแนวทางที่จะเติบโตไปพร้อมตลาดดีไอวาย โดยใช้สินค้าประเภทอุปกรณ์เสริม อาทิ จอภาพ ที่ปัจจุบันเอเซอร์เป็นที่ 1 มีส่วนแบ่งตลาด 30% และมองว่ามีโอกาสเติบโตอีกมาก โดยเฉพาะจอภาพเกมมิ่ง เนื่องจากราคาเริ่มลดลงจากหลักหมื่นเหลือ 5,900 บาท นอกจากนี้เอเซอร์จะให้ความสำคัญสินค้าเกมมิ่งเกียร์มากขึ้นในปีหน้า โดยจะแทรกซึมไปกับสินค้าหลักของเอเซอร์

“ดีไอวายเป็นตลาดที่แบรนด์ไม่สามารถเจาะเข้าไปได้ เพราะคอมประกอบเป็นความต้องการของลูกค้าจริงๆ ดังนั้นเราหาทางเข้าไปร่วมในตลาดดีกว่า อย่างจอเป็นสิ่งที่เขาต้องมี รวมทั้งเมาส์ คีย์บอร์ด”

]]>
1255604