หลังกลับเข้ามานั่งเก้าอี้ใหญ่ใน อสมมท “ใหญ่ เขมทัตต์ พลเดช” กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) เตรียมลงมือผ่าตัดปรับโฉมรายการโทรทัศน์และวิทยุครั้งใหญ่

ยุบ” ตื่นมาคุย“

เขมทัตต์ เล่าว่า ถ้าย้อนไป 10 ปีที่แล้ว เขาเป็นคนเอาวู้ดดี้ (วุฒิธร มิลินทจินดา) เข้ามาในวงการหลังจากที่วู้ดดี้มาเสนอว่าอยากทำรายการทอล์กแบบดราม่าซึ่งยังไม่เคยมีใครทำมาก่อนจึงเห็นว่าคอนเซ็ปต์น่าสนใจ

ผมก็บอกเขาไปว่าวันๆ ยูทำอะไรมากมาย ตั้งแต่เกิดมาก็คุยแล้ว เขาก็เลยว่าบอกว่าเอาชื่อนี้เลยนะ และเขาเองก็มีครีเอทีฟสูงมาก แต่พอมันอยู่ได้สักพักหนึ่ง สังเกตได้เลยว่ากราฟรายการมันเริ่มอยู่ตัว ซึ่งมันจะแตกต่างจากเมืองนอกที่เขาจะอยู่ได้นานกว่า

       จากนั้นรายการ “เกิดมาคุย” ซึ่งจัดช่วงกลางคืนยุบไป ก็มาทำ “ตื่นมาคุย” จัดในช่วงเช้า

ตื่นมาคุยช่วงหลังๆ เขาไม่ได้ทำเอง และคอนเซ็ปต์มันก็เลยเพี้ยนไป พอเราเข้ามาบริหาร ก็บอกว่า ผังรายการมันต้องมีรสนิยม บวกกับช่วงนี้มันก็จะมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น ถ้าใช้ภาษาหยาบๆ คือเปลี่ยนผังรายการจากตึกแถวหรือสลัมให้เป็นคอนโดซะหน่อย

 ฟุ้งวู้ดดี้จะกลับมาพร้อมรายการใหม่ รับรองต้องว้าว

“เราจะรีโนเวตใหม่ให้เป็นสังคมวาไรตี้ผมเป็นคนบอกเองว่าผมขอยกเลิกรายการตื่นมาคุยเอง ซึ่งบอกไปก่อนหน้านี้ 2 เดือนแล้ว ไม่ใช่เขาจะขอยกเลิกเอง แต่ตอนนี้เขาก็กำลังจะกลับมาพร้อมโปรเจกต์ใหม่จะเป็นบิ๊กโชว์และว้าวหน่อยๆ เราให้โจทย์เขาไปแล้วถ้าจะกลับมาก็ต้องทำตามโจทย์เราเคยคุยกับวู้ดดี้เมื่อหลายปีที่แล้วว่าเรามาช่วยกันฟื้นฟู อสมท. ได้ไหมแต่จะเป็นรูปแบบรายการแบบไหนอยู่ที่ตัวเรานะ”

ส่วนเรื่องของหนี้ของวู้ดดี้นั้น “ตอนนี้ได้เคลียร์กันหมดแล้ว และมาเริ่มกันใหม่สตาร์ทใหม่หมดเลย

โละทิ้งสังคมอุดมปัญญา เติมบันเทิงดราม่าดึงวัยรุ่น

เขมทัตต์ บอกว่า ถ้าย้อนไปเมื่อ 10 ปีที่แล้วผู้ผลิตรายใหญ่เขาทำให้เราหายใจได้แต่พอมีทีวีดิจิตอลผู้ผลิตรายการก็ออกไปทำช่องเองเราก็เลยมีปัญหาเพราะไม่ได้วางแผนล่วงหน้าไว้

กลับมาบริหารช่อง 9 อสมท อีกครั้งคราวนี้ จึงต้องการฟื้นฟูช่องให้กลับขึ้นมาอีกครั้ง โดยในวัน 1 ก.ค จะเห็นสเต็ปแรกของการปรับผังรายการ ซึ่งจะเรียกว่า “สังคมอุดมปัญญา” แบบเดิมคงไม่ได้ เพราะจะมีรายการบันเทิง ดราม่า ที่ตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ชอบเข้ามาด้วย

“คนรุ่นใหม่เขาจะชอบบันเทิง ชอบดราม่า” พูดง่ายๆ รายการย่อยๆ ที่เช่าเวลาคือเราเคลียร์ทิ้งให้หมด เรายอมเสียรายได้จากการที่ให้คนอื่นเช่าเวลาไป เชื่อว่าด้วยภาพลักษณ์ระยะยาวมันน่าจะกลับมาได้”

ปรับรายการข่าว

      เขมทัตต์ บอกว่า เวลานี้ไม่ได้เงินอุดหนุนจากรัฐเหมือนแต่ก่อน ดังนั้นต้องหารายได้เอง ด้วยการปรับโฉมรายการข่าว รู้ก่อนใครและลึกกว่าใคร

“เราอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ และ ต้องหาเองทั้งหมดเลย ซึ่งเวลานี้ได้ผู้จัดใหม่ๆ เข้ามา ปีหน้าจะมีละครเข้ามา ส่วนปีนี้ ต้องลดการขาดทุนก่อน แต่ว่าเราจะใช้วิธีการซื้อหนัง ซื้อซีรีส์เข้ามา เราเรียกยุคนี้ว่าเป็น wisdom tv คือทีวีที่ดูแล้วฉลาดขึ้น สนุกขึ้น เราจะเห็นเลยว่าเราจะปรับโฉมข่าวก่อนจะใช้คอนเซ็ปต์ว่า you know first but it ture รู้ก่อนใครและลึกกว่าใคร คือเดิมเราจะมีข่าวแค่มิติเดียว แต่ตอนนี้ 10 รายการข่าวมันต้องมีมิติมากขึ้น”

     ส่วนการที่ช่องไม่มีดาราเป็นของตัวเองยอมรับว่า ลำบาก แต่ในระยะหลังๆ ผู้จัด ดาราเป็นอิสระมากขึ้นเหมือนเมืองนอกพอเป็นอิสระ งานก็จะเยอะมากขึ้น ซึ่งเราก็ต้องดูว่าเราจะสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับช่องได้ยังไง แต่ก็มีทั้งผู้จัดทั้งหน้าใหม่และหน้าเก่า โดยในวันที่ 1 ก.ค. นี่คือการเริ่มต้นเรียกว่าแค่แต่งหน้าทาปากนิดหน่อย แต่ยังไม่ถึงขั้นศัลยกรรมใหญ่

ปรับวิทยุ เปิดตัวช่อง Mellow เน้นแนวอีซี มุ่งคนทำงาน

  ส่วนรายการ “วิทยุ” หลังจากที่ติดสินใจยุบคลื่นซี้ด 97.5 ปิดตำนาน 11 ปีคลื่นวิทยุที่เคยครองใจวัยรุ่นไทย จนต้องเว้นว่างไป 6-7 เดือน ล่าสุด ได้เปิดตัวคลื่นวิทยุ Mellow 97.5 FM ณ Show DC มาแทนที่คลื่นเก่า เอาใจกลุ่มคนฟังในวัยทำงาน

       เมลโล่เราได้วางแผนกันมาร่วม 5 เดือนแล้ว พฤติกรรมผู้ฟังเปลี่ยนแปลงไป เมื่อ 10 ปีที่แล้ว ตอนเปิดคลื่นซี้ดเป็นกลุ่มวัยรุ่นสมัยใหม่ แต่ตอนนี้เทคโนโลยีเข้ามา กลุ่มวัยรุ่นเปลี่ยนไปให้ความสนใจกับดิจิตอลแทน แต่จากสำรวจข้อมูลกลุ่มคนฟังที่เป็นคนทำงานยังฟังอยู่ ซึ่งเขาฟังแนวอีซีลิซึ่นนิ่ง แม้ในกลุ่มอีซี่ลิสซึ่นนิ่งจะมีหลายคลื่นก็ตาม

ดีเจ.ก็เป็นส่วนผสมของดีเจ.เดิมที่อยู่กับ อสมท และนำดีเจรุ่นใหม่ รวมทั้งดีเจผู้หญิง เพิ่มองค์ความรู้ ให้เหมาะกับกลุ่มคนทำงานรุ่นใหม่

“ต้องยอมรับว่าตลาดวัยรุ่นมันสวิงมาก รายการที่เป็นวัยรุ่นจะเปลี่ยนผ่านเร็ว แล้วอะไรที่เป็นผู้ใหญ่หน่อยจะนิ่ง”

การจะใช้คลื่นซี้ดมารีแบรนด์เพื่อขยายฐานไปคนวัยทำงานทำได้ยาก เพราะแบรนด์ไปติดกับกลุ่มวัยรุ่นไปแล้ว จึงต้องปั้นแบรนด์ใหม่ขึ้นมา และวางกลุ่มเป้าหมายให้เป็นคนรุ่นใหม่ ซึ่งไม่ได้หมายถึงวัยรุ่นอย่างเดียว แต่เป็นคนร่วมสมัย ซึ่งฐานตรงนี้เยอะมาก นอกจากวิทยุตรงนี้แล้ว ยังมีแอปพลิเคชั่น และเว็บไซต์ด้วย

        คาดใช้เวลา 6 เดือน ถึง 1 ปีในการทำกำไร เวลานี้ขึ้นเป็นอันดันดับ 3 ของคลื่นแนวอีซี่ลิสซึ่นนิ่งแล้ว ซึ่งคู่แข่งที่อยู่มาก่อน คือ กรีนเวฟ, คลู

“ตอนนี้คลื่นวิทยทุกเซ็กเมนต์เราขึ้นอันดับหนึ่งอยู่แล้วก็หวังว่าทางเมลโล่น่าจะขึ้นได้ แต่ว่าก็ต้องดูทิศทางของเศรษฐกิจ และการจัดรายการของดีเจ. จริงๆ ตลาดตอนนี้ก็ซบเซามา 2-3 ปีแล้ว แต่ทีวีซบเซากว่า การแข่งขันสูงกว่า ส่วนวิทยุยังไปได้ เพราะไม่ได้ใช้ต้นทุนมาก”

     ส่วนหนี้ที่คลื่นซี้ดติดอยู่อยู่ในหลัก 10 ล้านไม่ถึง 100 ล้าน ถ้าตกลงกันได้เรื่องจำนวนหนี้สิน เรื่องกฎหมาย ก็น่าจะไม่นานประมาณไม่เกินปี

ที่มา : https://manager.co.th/Entertainment/ViewNews.aspx?NewsID=9600000064408