ในการประชุมแถลงข่าวทางโทรศัพท์กับพวกผู้สื่อข่าวเมื่อวันพุธ (4 เม.ย.) มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก ผู้ก่อตั้งและซีอีโอของเฟซบุ๊ก บอกว่า บริษัทยังไม่พบผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อการใช้หรือการขายโฆษณาบนเฟซบุ๊ก นับจากเกิดเรื่องอื้อฉาวขึ้น แต่ยอมรับว่า บริษัทต้องทบทวนความสัมพันธ์กับทุกผู้คนในทุกสิ่งที่ดำเนินการ และคงต้องใช้เวลาหลายปีในการฟื้นคืนความไว้วางใจของผู้ใช้

เขายังยอมรับความผิดจากกรณีข้อมูลผู้ใช้รั่วไหลที่ทำให้ผู้ใช้ ผู้โฆษณา และสมาชิกรัฐสภาพากันเดือดดาล พร้อมกับสำทับว่าสิ่งสำคัญคือการเรียนรู้จากความผิดพลาด พร้อมยืนยันว่า ตนยังเป็นคนที่เหมาะสมที่สุดในการบริหารบริษัทที่ก่อตั้งมากับมือแห่งนี้

ซัคเคอร์เบิร์กกล่าวว่า เฟซบุ๊กควรตรวจสอบและกำกับดูแลพวกนักพัฒนาแอปฯภายนอก เช่น นักวิจัยที่เคมบริดจ์ อนาลิติกาจ้างในปี 2014 เข้มงวดกว่าที่ทำมา อย่างไรก็ตาม นับจากเกิดเรื่อง บริษัทได้เพิ่มขั้นตอนเพื่อจำกัดการเข้าถึงข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้โดยนักพัฒนาแอปฯ ภายนอก และอาจต้องใช้เวลาถึง 2 ปีในการแก้ไขปัญหาทั้งหมด

เฟซบุ๊กยอมรับเป็นครั้งแรกเมื่อเดือนที่แล้วว่า ข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้หลายล้านบัญชีตกไปอยู่ในมือเคมบริดจ์ อนาลิติกา บริษัทที่ปรึกษาด้านการเมืองของอังกฤษที่มีส่วนร่วมในแคมเปญหาเสียงของโดนัลด์ ทรัมป์เมื่อปี 2016 อย่างไม่ตั้งใจ โดยหนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทมส์ของอเมริกา และอ็อบเซิร์ฟเวอร์ของอังกฤษ ประเมินตัวเลขผู้ใช้ที่ได้รับผลกระทบไว้ที่มากกว่า 50 ล้านราย

ซัคเคอร์เบิร์กแจงในวันพุธ (4) ว่า ตัวเลขประมาณการสูงสุดคือ 87 ล้านราย โดยอิงจากจำนวนผู้ใช้ประมาณ 270,000 ราย ที่ดาวน์โหลดแอปฯ แบบสอบถามที่อเล็กซานดร์ โคแกน นักวิชาการจากมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ พัฒนาขึ้นสำหรับเคมบริดจ์ อนาลิติกา และบวกด้วยจำนวนเพื่อนของผู้ใช้เหล่านั้น

ทางด้าน ไมค์ โชรปเฟอร์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคโนโลยีของเฟซบุ๊ก เผยในวันพุธเช่นกันว่า ผู้ใช้ส่วนใหญ่จาก 87 ล้านบัญชีที่ถูกเคมบริดจ์ อนาลิติกาดูดข้อมูล เป็นผู้ใช้ในอเมริกา

โชรปเฟอร์เสริมว่า ตั้งแต่วันจันทร์หน้า (9) บริษัทจะออกเครื่องมือใหม่เพื่อยกระดับการปกป้องความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้ เช่น การอนุญาตให้ผู้ใช้สามารถลบแอปฯ ที่ไม่ต้องการแล้วทิ้งไป และบริษัทยังจะแจ้งผู้ใช้ หากข้อมูลของผู้ใช้ถูกแบ่งปันอย่างไม่เหมาะสมกับเคมบริดจ์ อนาลิติกา

ทว่า เคมบริดจ์ อนาลิติกา ได้ทวิตตอบโต้ในวันเดียวกันว่า บริษัทได้รับข้อมูลเฟซบุ๊กจากโคแกนไม่เกิน 30 ล้านบัญชี และยืนยันว่า บริษัทติดต่อโคแกนให้รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับผู้ใช้เฟซบุ๊ก “โดยสุจริตใจ” แบบเดียวกับที่นักพัฒนาแอปฯภายนอกอื่นๆ เก็บข้อมูลส่วนตัวของผู้บริโภค

ทั้งนี้เรื่องอื้อฉาวคราวนี้นำไปสู่การสอบสวนทั้งจากสำนักงานคณะกรรมการสารสนเทศของอังกฤษ, คณะกรรมาธิการการปกป้องความเป็นส่วนตัวของออสเตรเลีย และคณะกรรมการการค้าสหรัฐฯ

ตัวซัคเคอร์เบิร์กนั้นมีกำหนดไปให้การต่อคณะกรรมาธิการ 2 ชุดของรัฐสภาสหรัฐฯ ในวันอังคารและพุธหน้า (9-10).

ที่มา : mgronline.com/around/detail/9610000034204