ทรูออนไลน์ – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Fri, 21 Jul 2023 06:16:50 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 ขอบคุณที่ไว้วางใจ…. “ทรูออนไลน์” คว้ารางวัล Marketeer No.1 Brand Thailand 9 ปีซ้อน ตอกย้ำเน็ตบ้านไฟเบอร์อัจฉริยะ อันดับหนึ่งของไทย พร้อมส่งมอบ “เน็ตบ้านไฟเบอร์ที่ดีที่สุด เพื่อคนไทยทุกคน” https://positioningmag.com/1438520 Fri, 21 Jul 2023 12:00:53 +0000 https://positioningmag.com/?p=1438520

นับเป็นปีที่ 9 ติดต่อกันที่ “ทรูออนไลน์” ครองความเป็นแบรนด์ยอดนิยมอันดับหนึ่งในใจผู้บริโภค จนคว้ารางวัล No.1 Brand Thailand 2023 ในหมวดผู้ให้บริการบรอดแบนด์อินเทอร์เน็ต หรือเน็ตบ้านไฟเบอร์ จากงานประกาศผลและมอบรางวัล “Marketeer No.1 Brand Thailand 2023 โดยมี นายสกลพร  หาญชาญเลิศ หัวหน้าสายงานออนไลน์คอนเวอร์เจนซ์ บมจ. ทรู คอร์ปอเรชั่น เป็นตัวแทนรับมอบ ซึ่งจัดโดยนิตยสาร Marketeer  ณ โรงแรมสยามเคมปินสกี้ กรุงเทพฯ เพื่อเฟ้นหาแบรนด์สินค้า และบริการที่เป็นหนึ่งในใจผู้บริโภคชาวไทย ทั้งด้านคุณภาพ และการตลาด โดยสะท้อนถึงการยอมรับทั้งด้านการสร้างสรรค์นวัตกรรมสินค้าและบริการคุณภาพ ตลอดจนความนิยมและความเชื่อมั่นที่มีต่อแบรนด์ ในฐานะผู้ให้บริการเน็ตบ้านไฟเบอร์ ด้วยสัญญาณที่แรง เสถียร บริการฉับไวใน 24 ชั่วโมง ครบครันด้วยคอนเทนต์ที่หลากหลาย อีกทั้งมีระบบตรวจสอบคุณภาพสัญญาณด้วย AI Detector and Monitoring รางวัลที่ได้รับสะท้อนถึงการยอมรับความเป็นผู้นำอันดับหนึ่งในธุรกิจเน็ตบ้านไฟเบอร์ของทรูออนไลน์ ที่คนไทยเลือกใช้ เสถียรกว่า ครอบคลุมกว่า ดูแลดีกว่า ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ผู้บริโภคยุคดิจิทัลได้อย่างลงตัว

ทั้งนี้รางวัลดังกล่าว มาจากการสำรวจทัศนคติที่มีต่อแบรนด์ต่าง ๆ ในประเทศไทย  โดยความร่วมมือของนิตยสาร Marketeer กับ บริษัท มาร์เก็ตติ้ง มูฟ จำกัด ทำการสำรวจวิจัยครอบคลุมผู้บริโภคทั่วประเทศ จำนวนไม่น้อยกว่า 5,500 ตัวอย่าง มากกว่า 90 หมวดสินค้า เพื่อค้นหาแบรนด์สินค้า และบริการที่เป็นหนึ่งในใจผู้บริโภค ทั้งด้านคุณภาพ และการตลาด

#TrueTogether

#TrueOnline

#ที่สุดของเน็ตบ้านไฟเบอร์อัจฉริยะ

 

]]>
1438520
AIS Fibre ขึ้นเบอร์ 3 เน็ตบ้านแซง NT สถานีต่อไปขึ้นเบอร์ 1 หลังควบรวม 3BB? https://positioningmag.com/1403639 Fri, 07 Oct 2022 11:07:52 +0000 https://positioningmag.com/?p=1403639 ตั้งแต่ เอไอเอส (AIS) ก้าวเข้ามาในตลาด เน็ตบ้าน หรือ อินเทอร์เน็ตบรอดแบนด์ เมื่อ 7 ปีที่แล้ว ดูเหมือนว่าจะยิ่งสร้างความดุเดือดเป็นทวีคูณ แม้ว่าตอนนี้ตลาดยังพอมีช่องว่างให้เติบโตได้ไม่เหมือนกับตลาดโมบาย แต่โอกาสเหล่านั้นเป็นพื้นที่ต่างจังหวัดเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งเอไอเอสก็ยอมรับว่าโดน รับน้อง ไม่ใช่น้อย แต่ก็เป็นโอกาสเดียวที่ต้องไปเพื่อขึ้นเป็น เบอร์ 1 ให้ได้ไม่ว่าจะ ควบรวม กับ 3BB หรือไม่ก็ตาม

ขึ้นเบอร์ 3 แซง NT เรียบร้อย

จริง ๆ แล้ว เอไอเอสได้ปักเป้าที่จะขึ้นเบอร์ 3 ของตลาดเน็ตบ้านตั้งแต่ปี 2021 แม้จะเติบโตได้ตามเป้าแต่ก็ไม่ได้ขึ้นเป็นเบอร์ 3 อย่างหวัง เพราะการรวมกันของ บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) หรือ TOT กับ บริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) หรือ CAT สู่ บริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) หรือ เอ็นที (NT)

แต่ตัวเลข ณ ไตรมาส 2 เอไอเอสสามารถสร้างการเติบโตถึง 22% ทำให้ขึ้นเป็นเบอร์ 3 ด้วยจำนวนผู้ใช้ 1.97 ล้านราย แซงหน้า NT ที่มีผู้ใช้งาน 1.9 ล้านราย โดยส่วนหนึ่งที่ทำให้เอไอเอสสามารถเติบโตได้อย่างรวดเร็วมาจากการ ขยายพื้นที่ให้บริการ ประกอบกับ ฐานลูกค้าโมบาย ที่เอไอเอสมีกว่า 44 ล้านเลขหมาย ทำให้เมื่อเข้าไปเปิดให้บริการในพื้นที่ไหน ลูกค้าโมบายที่รอใช้งานเน็ตบ้านของเอไอเอส โดยปัจจุบันกว่า 80% ของฐานลูกค้าเน็ตบ้าน ล้วนเป็นลูกค้าโมบายทั้งสิ้น

โอกาสเติบโตมี แต่ไม่ใช่ทุกคนใช้เน็ตบ้าน

สำหรับตลาดโมบายในปัจจุบัน จำนวนเลขหมายนั้นมากกว่าจำนวนประชากรไทยไปนานแล้ว การแข่งขันจึงเน้นไปที่การดึงลูกค้าย้ายค่ายหรือเบอร์ที่ 2-3 แต่สำหรับเน็ตบ้านนั้นดูเหมือนจะยังมีช่องว่างให้เติบโตมากกว่า โดย Internet Broadband Penetration ในประเทศไทย ปัจจุบันมีประมาณ 58.8% หรือราว 13 ล้านครัวเรือน จาก 20 ล้านครัวเรือน

แม้ว่าจะดูเหมือนตลาดยังเปิดกว้าง แต่จะเป็นในส่วน ต่างจังหวัด เพราะในกรุงเทพฯ ตลาดแทบไม่มีที่ว่างแล้ว นอกจากนี้ ลูกค้าบางคนยังมองว่า เน็ตบ้านไม่จำเป็น เพราะใช้งานโมบายอยู่แล้ว ไม่อยากเพิ่มภาระค่าใช้จ่ายรายเดือนอีก ส่งผลให้การแข่งขันเน็ตบ้านจึงรุนแรงไม่ต่างกับโมบาย ทั้งในแง่ความเร็ว และราคา ส่งผลให้ ARPU หรือรายได้เฉลี่ยต่อลูกค้าที่ลดลง 6-7% ต่อปี หรือราว 400 กว่าบาท/เดือน

ส่งผลให้ปัจจุบัน ราคาเริ่มต้นของตลาดจะอยู่ที่ประมาณ 399 บาท/เดือน สำหรับเอไอเอสเองมีลูกค้ากลุ่มเริ่มต้นประมาณ 30% ส่วนกลุ่มกลางราคา 499 บาท/เดือน มีสัดส่วนราว 60% ส่วนกลุ่มบนราคา 799 บาท/เดือน มีส่วนแบ่งราว 10%

“การแข่งขันในต่างจังหวัดตอนนี้รุนแรงกว่าในกรุงเทพฯ ยิ่งเราเป็นน้องใหม่ที่พึ่งเข้าไปทำตลาดในพื้นที่นั้น ๆ เราก็โดนคู่แข่งที่อยู่มานานรับน้อง และจากสภาพเศรษฐกิจแบบนี้ การแข่งราคาเป็นอะไรที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ธนิตย์ ชัยยะบุญธนิตย์ รักษาการกรรมการผู้จัดการธุรกิจฟิกซ์ บรอดแบนด์ AIS บมจ.แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส (เอไอเอส) กล่าว

ธนิตย์ ชัยยะบุญธนิตย์ รักษาการกรรมการผู้จัดการธุรกิจฟิกซ์ บรอดแบนด์ AIS บมจ.แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส (เอไอเอส)

เน้นคุณภาพ เลี่ยงสงครามราคา

ธนิตย์ ย้ำว่า เอไอเอสไม่ได้เริ่มสงครามราคาต้องการ ต่อสู้อย่างยั่งยืน ดังนั้น จึงพยายามจะโฟกัสที่บริการเป็นหลักเพื่อให้เกิดความมั่นใจและ บอกต่อ ของลูกค้า โดยที่ผ่านมาเอไอเอสเน้นการสื่อสารในด้านบริการ 24 ชั่วโมง ไม่ว่าจะเป็นการติดตั้ง การส่งช่างเข้าไปแก้ปัญหา และ Call Center

ล่าสุด ได้เปิดตัว High Performance เราท์เตอร์ AX5400 Port LAN 2.5Gbps รองรับการใช้งานที่ความเร็วแรงระดับ 2Gbps ผ่าน LAN โดยจะเน้นจับกลุ่มบนในราคาค่าบริการ 1,339 บาท/เดือน นอกจากนี้ ยังนำ AI มาปรับใช้ร่วมกับเราท์เตอร์ เพื่อเสริมศักยภาพและความสามารถในการส่งสัญญาณ Wi-Fi อัจฉริยะ ที่สามารถจัดสรรการใช้งานให้สอดรับกับพฤติกรรมหลากหลายของผู้บริโภคได้อย่างมีประสิทธิภาพ

“เรายังต้องรักษาภาพลักษณ์ ความเป็นเลิศ ทั้งเน็ตเวิร์กและเซอร์วิส ต้องทำให้เขารู้สึกว่า เร็วกว่า ดีกว่า ง่ายกว่า นี่คือสิ่งที่เราต้องการให้ลูกค้าเห็น เพราะอย่างในหมู่บ้านหรือชุมชน เขาก็จะคุยกันว่าใช้อินเทอร์เน็ตค่ายไหนอยู่ ดีหรือไม่ดี”

ดึง ต่อ-ธนภพ พรีเซ็นเตอร์ใหม่

ในปีที่ผ่านมา เอไอเอส ไฟเบอร์คว้าเอา เวียร์ศุกลวัฒน์ คณารศ มาเป็นพรีเซ็นเตอร์ เพื่อสื่อถึงมาตรฐานบริการ 24 ชั่วโมง โดยสาเหตุที่เลือกเวียร์เป็นเพราะเวียร์เรียนจบวิศวะ ดังนั้น จึงเหมาะที่จะใช้สื่อสารถึงภาพลักษณ์ทีม Engineer และบริการหลังการขาย

ส่วนเบอร์ 1 ไม่น้อยหน้า จับเอา หนุ่ม-กรรชัย กำเนิดพลอย ที่กำลังโด่งดังจากรายการ โหนกระแส เพื่อที่จะเข้าถึง คนทุกวัย ส่วนเอไอเอสเองต้องการเข้าถึงคนรุ่นใหม่ ดังนั้นจึงเลือก ต่อ-ธนภพ ลีรัตนขจร เพื่อสร้างภาพให้เอไอเอส ไฟเบอร์ดู เด็กลง และเป็นที่รู้จักในหมู่วัยรุ่นมากขึ้น

“พรีเซ็นเตอร์มีผลมาก เพราะถ้าศิลปินที่ติดตามใช้อะไร แฟนคลับก็พร้อมจะสนับสนุน ยิ่งพรีเซ็นเตอร์ใช้งานสินค้าจริง แฟนคลับก็ยิ่งอิน”

คาดดีล 3BB จบ Q1 ปีหน้า

สำหรับดีลการเข้าทำการซื้อกิจการ บมจ. ทริปเปิลที บรอดแบนด์ เจ้าของกิจการอินเทอร์เน็ต 3BB มูลค่า 19,500 ล้านบาท เอไอเอสระบุว่ายังอยู่ในการพิจารณาของกสทช. ซึ่งถ้าทางกสทช. อนุมัติ คาดว่าจะปิดดีลได้ภายในช่วงไตรมาส 1 ปี 2566

อย่างไรก็ตาม ธนิตย์ ย้ำว่า การรวมลูกค้าของทางเอไอเอส ไฟเบอร์ และ 3BB นั้นอาจจะไม่ได้ช่วยให้เอไอเอสขึ้นเป็นเบอร์ 1 ในตลาดเน็ตบ้านทันที เพราะปัจจุบันต้องยอมรับว่าเอไอเอสยังมีช่องว่างห่างเจอเบอร์ 1 พอสมควร และมองว่าหากรวมกับ 3BB แล้ว การแข่งขันจะยังดุเดือด เพราะเบอร์ 1 ก็ต้องพยายามรักษาฐานลูกค้าของตัวเอง

“รวมกับ 3BB คงจะยังไม่ได้ทำให้เราเป็นเบอร์ 1 ทันที เพราะตอนนี้ 3BB มีลูกค้าประมาณ 2.4 ล้านราย ส่วนเราคาดว่าสิ้นปีนี้จะมีลูกค้าเติบโตเป็น 2.2 ล้านราย หรือมีมาร์เก็ตแชร์ 19-20% ในตลาด”

คงต้องรอดูว่า ควบรวมได้ไหม และถ้าได้ถึงจะไม่ขึ้นเบอร์ 1 ในทันที แต่ต้องยอมรับว่า ใกล้มาก เพราะลูกค้า ทรูออนไลน์ มีราว 4.8 ล้านราย จากนี้ต้องจับตาดูว่าทรูจะวางกลยุทธ์อย่างไรหากจะ รักษาเบอร์ 1 ในตลาดเน็ตบ้าน เพราะต้องอย่าลืมว่าเอไอเอสยังมีลูกค้าอีกกว่า 40 ล้านคนในมือ ที่พร้อมจะเลือกใช้เน็ตบ้านกับค่ายที่คุ้นเคย

]]>
1403639
“ทรูมูฟ เอช” คว้าเครือข่ายยอดเยี่ยมที่สุดในไทย 5 ปีซ้อน โดย nPerf ยืนหนึ่งเน็ตบ้านเน็ตมือถือ! https://positioningmag.com/1320033 Thu, 18 Feb 2021 15:38:54 +0000 https://positioningmag.com/?p=1320033 ว่ากันว่าการเป็นแชมป์เป็นเรื่องยากแล้ว แต่การรักษาแชมป์ให้ได้ เป็นเรื่องที่ยากยิ่งกว่า ยิ่งในส่วนของเทคโนโลยีเป็นสิ่งที่จับต้องเป็นรูปธรรมได้ยาก การการันตีด้วยองค์กรทดสอบประสิทธิภาพจึงมีความสำคัญ และมีความน่าเชื่อถืออย่างยิ่ง

แต่ “ทรูมูฟ เอช” สามารถสร้างปรากฎการณ์นั้นให้เกิดขึ้นได้ คว้ารางวัลเครือข่ายยอดเยี่ยม และเครือข่ายที่ดีที่สุดในประเทศไทยในปี 2563 ซึ่งเป็นการครองแชมป์ต่อเนื่อง 5 ปีซ้อน! ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2559 – 2563  รวมถึง “ทรูออนไลน์” ก็คว้ารางวัลอินเทอร์เน็ตบรอดแบรนด์ที่ดีที่สุดในไทยประจำปี 2563 และรางวัลไฟเบอร์ดีที่สุดประจำปี 2563 การันตีโดย nPerf

nPerf เป็นสถาบันทดสอบความเร็วอินเทอร์เน็ตระดับโลก ได้ทำการทดสอบความเร็วอินเทอร์เน็ตเป็นประจำต่อเนื่องทุกปี  สามารถทดสอบได้ทั้งอินเตอร์เน็ตบ้าน (Fixed Broadband Internet) และโมบายอินเตอร์เน็ต (Mobile Broadband Internet) ได้รับการพัฒนาโดยบริษัทเอกชนในประเทศฝรั่งเศส บริการมาตั้งแต่ปี 2003 ก่อนจะพัฒนามาเป็นแอปพลิเคชัน ทั้งบน iOS Android และ Windows ถือเป็นหนึ่งในแอปพลิเคชันที่ใช้มากที่สุดในตลาด ได้รับความไว้ในใจหมู่ผู้ให้บริการโทรศัพท์ของประเทศต่างๆ ทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็น Comcast, Vodafone, Connected Nation, Telefonica, Orange, Three, Wireless United เป็นต้น

ล่าสุด nPerf ได้ประกาศผลการทดสอบความเร็วอินเตอร์เน็ตในประเทศไทยประจำปี 2563 ทั้งความเร็วอินเตอร์เน็ตผ่านโทรศัพท์มือถือ และความเร็วอินเตอร์เน็ตบ้าน ผลปรากฎว่ากลุ่มทรูฯ คว้ารางวัลทั้ง 2 กลุ่ม ทั้งอินเทอร์เน็ตบ้าน และอินเทอร์เน็ตมือถือ

สำหรับรางวัลเครือข่ายยอดเยี่ยม และเครือข่ายที่ดีที่สุดในประเทศไทย ปี 2563 ของทรูมูฟ เอช เป็นผลการสำรวจได้รวบรวมจากผู้ใช้งานแอป nPerf ทั้งหมดในช่วงระหว่างวันที่ 1 มกราคม ถึง 31 ธันวาคม 2563 จำนวน 2,902,011 ครั้ง ทรูมูฟ เอชได้คะแนนรวมสูงสุด 70,855 คะแนน และมีคะแนนนำใน 4 หมวดการทดสอบที่สำคัญๆ ได้แก่

1. ความเร็วดาวน์โหลดที่ดีที่สุด (Best Download Speed) 40.7 Mb/s

2. ค่าความหน่วงต่ำหรือ Latency ดีที่สุด (Best Latency) 32.1 ms

3. การเบราว์ซิง หรือคุณภาพในการเปิดเว็บที่ดีที่สุด (Best Browsing Performance) ด้วยค่าเฉลี่ยสูงสุดถึง 58.8% โดยพิจารณาจากคุณภาพการเปิด 5 เว็บไซต์ที่ผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตชาวไทยใช้บ่อยที่สุด

4. การสตรีมมิ่ง หรือคุณภาพการสตรีมมิ่งวิดีโอที่ดีที่สุด (Best Streaming Performance) ด้วยค่าเฉลี่ยสูงสุดถึง 77.7% โดยพิจารณาจากคุณภาพการรับชมวิดีโอบนแพลตฟอร์มสตรีมมิ่งยูทูป

ต้องบอกว่าตลอดปี 2563 คนไทยมีการใช้งานอินเทอร์เน็ตมากขึ้น เนื่องจากมาตรการ Work from Home, การเรียนออนไลน์ หรือกิจกรรมต่างๆ ที่ต้องออนไลน์ได้ทุกที่ทุกเวลา ยิ่งทำให้ทีมงานทรูมูฟ เอช ทุ่มเทพัฒนาคุณภาพเครือข่ายให้มีประสิทธิภาพเพื่อให้คนไทยได้ใช้งานได้อย่างเต็มศักยภาพตลอดเวลายิ่งขึ้น

ตลอดจนการเปิดให้บริการเครือข่ายอัจฉริยะ True 5G ในต้นปีที่ผ่านมา ทำให้ทรูมูฟ เอชเป็นผู้นำเครือข่ายอัจฉริยะที่ดีกว่า เร็วแรงกว่า และเป็นรายแรก รายเดียว ที่มีคลื่นความถี่ครบสุดถึง 7 ย่านความถี่ ส่งผลให้ทรูมูฟ เอชสามารถรักษาแชมป์เครือข่ายยอดเยี่ยม/ที่ดีที่สุดในประเทศไทยต่อเนื่อง 5 ปีซ้อน ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2559 – 2563

สำหรับ “ทรูออนไลน์” ก็ยืนหนี่งไม่แพ้กัน คว้า 2 รางวัล มาครอง ได้แก่ อินเทอร์เน็ตบรอดแบรนด์ที่ดีที่สุดในไทยประจำปี 2563 และอินเทอร์เน็ตไฟเบอร์ดีที่สุดประจำปี 2563 ผลการสำรวจได้รวบรวมจากผู้ใช้งานแอป nPerf ทั้งหมดระหว่างวันที่ 1 มกราคม – 31 ธันวาคม 2563

ผลการทดสอบความเร็วอินเทอร์เน็ตบรอดแบรนด์จำนวน 12,130,702 ครั้ง พบว่าทรูออนไลน์สามารถทำคะแนนรวมได้สูงสุด 174,771 คะแนน  เมื่อเปรียบเทียบกับผู้ให้บริการบรอดแบนด์อินเทอร์เน็ต (ISP) รายอื่น โดยมีคะแนนสูงสุดในเรื่องของ

1. ความเร็วในการดาวน์โหลด 281.40 Mb/s

2. ความเร็วในการอัปโหลด 175.96 Mb/s

นอกจากนี้ผลการทดสอบความเร็วอินเตอร์เน็ตไฟเบอร์ (FTTH/Fiber to the home) โดยทดสอบทั้งสิ้น 5,177,367 ครั้ง ทรูออนไลน์ก็ได้คะแนนสูงสุด 199,465 คะแนน

  1. ความเร็วสูงสุดในการดาวน์โหลดที่ 504.66 Mb/s
  2. ความเร็วอัปโหลดสูงสุดที่ 317.88 Mb/s

รางวัลดังกล่าวสะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของทรูออนไลน์ ในการส่งมอบประสบการณ์การใช้งานอินเทอร์เน็ตที่ดีที่สุดแก่คนไทย ด้วยการสรรหานวัตกรรมเทคโนโลยีใหม่ๆและสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับวงการอินเทอร์เน็ตบ้านของไทยเทียบเท่ามาตรฐานโลกมาตลอด16 ปี

รางวัล nPerf ของทั้งทรูมูฟ เอช และทรูออนไลน์ สะท้อนให้เห็นถึงความไม่หยุดนิ่งของกลุ่มทรู ที่พัฒนานวัตกรรมเพื่อส่งมอบบริการที่ดีที่สุดให้ลูกค้า ยิ่งในยุคที่ต้องออนไลน์ตลอดเวลา การใช้อินเทอร์เน็ตที่มีประสิทธิภาพสูง ย่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน หรือเสพคอนเทนต์ได้อย่างมีความสุขมากขึ้นจริงๆ

]]>
1320033
“ทรูวิชั่นส์” ลั่นกลับมาบริหาร “พรีเมียร์ลีก” รอบ 6 ปี ต้อง “คุ้มทุน” ชู “ออมนิ แชนแนล” หนุนรายได้ ยิงสด PPTV 30 แมตช์ https://positioningmag.com/1241633 Wed, 07 Aug 2019 10:35:58 +0000 https://positioningmag.com/?p=1241633 ประกาศคว้าลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดฟุตบอลพรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2019/20 – 2021/22 ในประเทศไทยถือเป็น King of Content ในฝั่งกีฬาฟุตบอลไปเมื่อเดือน พ.ค. ที่ผ่านมา นับเป็นการกลับมาบริหารลิขสิทธิ์เต็มรูปแบบอีกครั้งในรอบ 6 ปี ของ “ทรูวิชั่นส์” ที่ปั้นฐานแฟนฟุตบอล EPL มาเกือบ 30 ปีตั้งแต่เริ่มธุรกิจเพย์ทีวี

“พรีเมียร์ลีก อังกฤษ” ถือเป็นลีกการแข่งขันฟุตบอลที่ได้รับความนิยมและมีผู้ติดตามชมมากที่สุดในโลก “ทรูวิชั่นส์” ถือลิขสิทธิ์ลีกดังตั้งแต่ทำธุรกิจเพย์ทีวีเกือบ 30 ปี เว้น 3 ฤดูกาลปี 2013 – 2016 ที่อยู่ในมือ CTH ด้วยการทุ่มประมูลกว่า 9,000 ล้านบาท เป็นครั้งแรกที่ พรีเมียร์ลีก ไม่ได้อยู่ในเพย์ทีวี “ทรูวิชั่นส์” และท้ายที่สุดธุรกิจเพย์ทีวี CTH ก็ไปไม่รอด แม้มี King of Content ในมือ

จากนั้น 3 ฤดูกาลในปี 2016 – 2019 ลิขสิทธิ์พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ตกอยู่ในมือ beIN Sports ที่ร่วมเป็นพันธมิตรถ่ายทอดสดช่องทาง “เพย์ทีวี” ผ่านทรูวิชั่นส์ ถือเป็นการคืนสู่แพลตฟอร์มอีกครั้งของลีกดัง แต่การบริหารยังอยู่ในมือ beIN Sports

หลังจากดีลลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดฟุตบอลพรีเมียร์ลีก 3 ฤดูกาลใหม่ ปี 2019 – 2022 ในประเทศไทย ลาว กัมพูชา และเวียดนาม ของ “เฟซบุ๊ก” ที่ประกาศคว้าลิขสิทธิ์ลีกดังต้อง “ล่ม” จนต้องมีการเปิดประมูลใหม่ ครั้งนี้ “ทรูวิชั่นส์” เป็นผู้คว้าลิขสิทธิ์ด้วยราคาต่ำกว่าที่เฟซบุ๊กเสนอ และเป็นราคาที่ “พอใจ”

พีรธน เกษมศรี ณ อยุธยา

หวังพรีเมียร์ลีกหนุนธุรกิจ “คุ้มทุน”

พีรธน เกษมศรี ณ อยุธยา หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านคอนเทนต์และมีเดีย บมจ.ทรู คอร์ปอเรชั่น กล่าวว่า การได้ลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดพรีเมียร์ลีก 3 ฤดูกาลใหม่ ถือเป็นการกลับมาบริหารลิขสิทธิ์ลีกดัง แบบ All Right จากพรีเมียร์ลีก อังกฤษโดยตรงอีกครั้งในรอบ 6 ปี สามารถออกอากาศครบทั้ง 380 แมตช์ตลอดฤดูกาล ได้ทุกแพลตฟอร์มทั้งเพย์ทีวี ฟรีทีวี ออนไลน์ OTT รับชมผ่านจอทีวีและสมาร์ทดีไวซ์ ทั้งชมสดและรีรัน

“การกลับสู่ทรูวิชั่นส์ กรุ๊ปของลิขสิทธิ์พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ครั้งนี้ วางเป้าหมายผลักดันลีกดังให้กลับมาได้รับความนิยมสูงสุดอีกครั้ง และจะเป็นครั้งแรกในรอบหลายปีของทรูวิชั่นส์ ที่กล้าตั้งเป้าหมายคุ้มทุน”

พรีเมียร์ลีก อังกฤษ เป็นคอนเทนต์ที่ได้รับความนิยมในประเทศไทยมาอย่างต่อเนื่อง แต่การทำตลาดในช่วงที่ไม่ได้อยู่กับทรูวิชั่นส์ อาจไม่ครอบคลุมฐานผู้ชมทั้งหมดที่เคยเข้าถึงลีกดัง แต่คนที่ชื่นชอบพรีเมียร์ลีกยังมีอยู่จำนวนมาก

ชู Omni Channel เจาะ 20 ล้านผู้ชม

กลยุทธ์การทำตลาด พรีเมียร์ลีก 3 ฤดูกาลใหม่ เป็นรูปแบบ Omni Channel Omni Platform เป็นการ Synergy การรับชมลีกดังในทุกช่องทางทั้ง ออฟไลน์และออนไลน์ ผ่านทุกแพลตฟอร์มในเครือทรู ทั้งเพย์ทีวี ทรูออนไลน์ ทางเว็บไซต์บนโน้ตบุ๊คหรือแอปพลิเคชั่นบนสมาร์ทโฟน ผ่าน ทรูไอดี และ TrueID Box ที่สามารถรับชมได้ทุกที่ทุกเวลา ส่วนทีวีดิจิทัล ทรูโฟร์ยูและทีเอ็นเอ็น จะเป็นช่องทางนำเสนอคลิปคอนเทนต์ก่อนเกมและและหลังเกมแข่งขัน เพื่อช่วยโปรโมตลีกดัง

ขณะที่การถ่ายทอดสดทาง “ทีวีดิจิทัล” PPTV เป็นผู้ได้รับลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดรวม 30 แมตช์ตลอดฤดูกาล

ความแตกต่างของการบริหารลิขสิทธิ์ พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ครั้งนี้ อยู่ที่แพลตฟอร์ม OTT ทรูไอดี ที่สามารถรับชมได้ทุกเครือข่ายมือถือ ปัจจุบันมีผู้ดาวน์โหลด ทรูไอดี ไปแล้วกว่า 15 ล้านราย โดยเป็นแอปที่สามารถดูพรีเมียร์ลีกบนมือถือได้ฟรี 100 แมตช์ตลอดฤดูกาล

นอกจากนี้ ทรูไอดี ยังมีแพ็กเกจดูครบตลอดฤดูกาล 2,500 บาท รายเดือน 319 บาท รายสัปดาห์ 179 บาท และรายวัน 99 บาท ส่วนแพ็คเกจ ทรูออนไลน์ พร้อมกล่องทรูไอดีทีวี ดูพรีเมียร์ลีกฟรีทุกสัปดาห์ ราคา 999 บาทต่อเดือน

ส่วน ทรูวิชั่นส์ ซึ่งปัจจุบันมีฐานสมาชิก 4 ล้านราย แพ็กเกจแพลตินัมดูฟรีทั้ง 380 แมตช์ตลอดฤดูกาล แพ็กเกจเสริม ทรู พรีเมียร์ ฟุตบอล เอชดี พลัส ราคา 399 บาทต่อเดือน โกลด์ 199 บาทต่อเดือน และแพ็กเกจอื่นๆ 299 บาทต่อเดือน

“การบริหารลิขสิทธิ์พรีเมียร์ลีกทุกแพลตฟอร์มตลอด 3 ฤดูกาลใหม่ ทำให้ลีกดังเข้าถึงผู้ชมกว่า 20 ล้านรายในประเทศไทย โดยเฉพาะ OTT และจะผลักดันรายได้ทรูวิชั่นส์ กรุ๊ป ให้กลับมาเติบโตอีกครั้งตั้งแต่ปีหน้าเป็นต้นไป”

นอกจากนี้ยังได้รับการสนับสนุนจากสปอนเซอร์ชิป 6 พันธมิตร คือ ทรู คอร์ปอเรชั่น, สิงห์ คอร์เปเรอชั่น, ซีพี ออลล์, เอ.พี. ฮอนด้า, ซีพีเอฟ และสยามแมคโคร ที่จะทำแคมเปญการตลาดทั้งบนหน้าจอ ออนไลน์ และจัดกิจกรรมร่วมกันตลอด 3 ฤดูกาล

สำหรับนัดเปิดสนามเป็นโปรแกรม “ฟรายเดย์ไนท์” คืนวันศุกร์ที่ 9 ส.ค. ระหว่าง ลิเวอร์พูล พบกับ นอริช ซิตี้ ต่อด้วยโปรแกรมวันเสาร์ที่ 10 ส.ค. อีก 7 คู่ เวสต์แฮม ยูไนเต็ด พบ แมนเชสเตอร์ ซิตี้, บอร์นมัธ พบ เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด, เบิร์นลีย์ พบ เซาแธมป์ตัน, คริสตัล พาเลซ พบ เอฟเวอร์ตัน, เลสเตอร์ ซิตี้ พบ วูล์ฟแฮมป์ตัน, วัตฟอร์ด พบ ไบรจ์ตัน, ท็อตแนม ฮอตสเปอร์ พบ แอสตัน วิลลา ปิดท้ายด้วยเกมวันอาทิตย์ที่ 11 สิงหาคม 2 คู่ นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด พบ อาร์เซนอล, แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด พบ เชลซี ถ่ายทอดสดผ่านทรูวิชั่นส์ 6 ช่อง

]]>
1241633
“ทรูออนไลน์” ประกาศศักดาผู้นำไฟเบอร์อินเทอร์เน็ต คว้ารางวัลระดับโลก Brand of The Year https://positioningmag.com/1146833 Wed, 15 Nov 2017 11:45:35 +0000 https://positioningmag.com/?p=1146833 ปฏิเสธไม่ได้ประเทศไทยได้เข้าสู่ยุค Digital Society อย่างเต็มรูปแบบแล้ว จากพฤติกรรมด้านดิจิทัลที่มีการใช้สมาร์ทโฟนอย่างแพร่หลาย ส่งผลให้มีการใช้อินเทอร์เน็ตสูงมากขึ้น ทั้งอินเทอร์เน็ตผ่านมือถือ และอินเทอร์เน็ตบรอดแบนด์

ตลาดอินเทอร์เน็ตบรอดแบนด์ หรือในปัจจุบันที่มีการอัพเกรดสู่ “ไฟเบอร์อินเทอร์เน็ต” มีผู้เล่นใหญ่ในตลาดก็คือ “ทรูออนไลน์” ด้วยประสบการณ์ที่สั่งสมมากว่า 13 ปี พร้อมการันตีด้วยการรับรองด้วยรางวัลระดับโลก ได้แก่ รางวัล Frost & Sullivan ด้านความเป็นเลิศด้านบริการบรอดแบรนด์, และรางวัลแบรนด์อินเทอร์เน็ตบ้านที่ได้รับความนิยมสูงสุดทั่วประเทศ จากนิตยสาร Marketeer

ทำให้เป็นเครื่องยืนยันได้ว่าทรูออนไลน์เป็นผู้นำด้านไฟเบอร์อินเทอร์เน็ตในไทยที่แท้จริง สามารถตอบสนองการใช้งานอินเทอร์เน็ตของคนไทยทุกครัวเรือนได้ รวมถึงในเชิงธุรกิจอีกด้วย ด้วยโครงข่ายไฟเบอร์ของ True Super Speed Fiber ที่ครอบคลุมมากที่สุดในประเทศไปถึงระดับตำบล และรองรับการใช้งานในอนาคตด้วยความเร็วสูงสุด 10 Gbps. จึงสามารถตอบสนองการใช้งานที่ต้องการความเร็วสูงในการเชื่อมต่อ ไม่ว่าจะเป็นการรับส่งข้อมูลขนาดใหญ่ VDO Streaming  การประชุมทางไกลผ่าน VDO Conference ระบบทีวี UHD (4K) รวมถึง Application และ Content ที่หลากหลาย อีกทั้งยังมีระบบ Core Intelligence Network (ASON) ที่สามารถเลือกเส้นทางไฟเบอร์ได้เองอัตโนมัติ เมื่อเกิดเหตุไฟดับ หรือสายไฟเบอร์ขาด เพื่อให้ผู้ใช้งานมั่นใจได้ว่าจะได้รับบริการที่ราบรื่นต่อเนื่อง

ทั้งนี้ยังมีอุปกรณ์โมเด็มที่ตอบสนอง lifestyle ของคนรุ่นใหม่ ซึ่งให้บริการได้ทั้งไฟเบอร์อินเทอร์เน็ต, เคเบิลทีวี, โทรศัพท์บ้านเสียงคมชัดระดับ HD, อินเทอร์เน็ตทีวี (IPTV)
และพร้อมรองรับระบบ Smart Home Solution เช่น ระบบรักษาความปลอดภัย และสาธารณูปโภคภายในบ้านอีกด้วย

จุดเด่นที่สำคัญของทรูออนไลน์คือ ผู้นำ “คอนเวอร์เจนซ์” รายเดียวในไทย ที่ผนึกกำลังกับธุรกิจภายในเครือ “ทรู คอร์เปอเรชั่น” นำเสนอบริการแก่ผู้บริโภคแบบจัดเต็ม ให้บริการคุ้มค่าตั้งแต่ทรูออนไลน์ บริการทรูมูฟ เอช และทรูวิชั่นส์

โดยที่เทรนด์ของคอนเทนต์ สตรีมมิ่งที่มาแรง ลูกค้าของทรูออนไลน์สามารถรับชมแอพพลิเคชั่นทรูไอดี ฟรี 12 เดือน ชมแพ็กเกจ Premium HD เป็นคอนเทนต์หนังดังจากฮอลลิวู้ดหลังออกจากโรงภาพยนตร์ เพลงดังจากค่ายเพลงชั้นนำทั้งในและต่างประเทศ กีฬาฮิตจากทุกมุมโลกทั้งบอลไทย บอลนอก ได้ทุกที่  ทุกเวลา  พร้อมทั้งยังได้สิทธิพิเศษจากทรู ยู รับบัตรทรูเรดการ์ดเพิ่มเติมอีกด้วย

ทั้งหมดนี้รวมอยู่ในแพ็กเกจใหม่ล่าสุด ซูเปอร์ ไฟเบอร์ พลัส ที่เน็ตแรงไม่อั้น ทั้งในบ้านและนอกบ้าน แรงกว่า ครบกว่า คุ้มกว่า ในราคาเพียงเดือนละ 799 บาท โดยมีความคุ้มค่าตั้งแต่

  1. ทรู ซูเปอร์สปีดไฟเบอร์ ความเร็ว สูงสุด 50/20 Mbps
  2. เน็ตมือถือทรูมูฟ เอช 4G และ 3G แรงไม่อั้น ไม่ลดสปีด ความเร็วสูงสุด 4 Mbps
  3. ใช้งาน WiFi by TrueMove H ได้ฟรี  กว่า 100,000 จุด ทั่วประเทศ
  4. ทรูวิชั่นส์ เอ็นจอยแพ็กเกจ  พิเศษ สมัครภายใน 31 ธ.ค. นี้ อัพเกรดเป็น Smart Family HD Package ฟรี 3 เดือน
  5. ชมความบันเทิงทุกที่ทุกเวลา ผ่านแอป  TrueID ฟรี 12 เดือน
  6. โทรศัพท์บ้านทรู โทรหาเบอร์มือถือฟรีทุกเครือข่าย 50 นาที/เดือน นาน 12 เดือน
  7. สิทธิพิเศษมากมายจากบัตรทรูเรดการ์ด    

ล่าสุดทรูออนไลน์ได้รับรางวัล World Branding Award โดย World Branding Forum (WBF)
เป็นองค์กรไม่แสวงหากำไรระดับโลกที่ได้รับการจดทะเบียน เป็นรางวัลเพื่อยกย่องแก่ธุรกิจที่มุ่งมั่นพัฒนามาตรฐานการสร้างแบรนด์ที่ดีที่สุดในโลก ซึ่งจะมีการพิจารณาคัดเลือกแบรนด์จากทั่วโลกทุกปี การตัดสินโดยใช้ 3 เกณฑ์ในการพิจารณา คือ คุณค่าของแบรนด์ การทำการวิจัยตลาดผู้บริโภค การโหวตออนไลน์สาธารณะ และการโหวตออนไลน์สาธารณะ

แต่ละแบรนด์ได้ชื่อว่าเป็น “แบรนด์แห่งปี” ในหมวดหมู่ของตนเอง  โดย 70% ของคะแนนที่ได้นั้น มาจากคะแนนโหวตเลือกแบรนด์ในดวงใจของผู้บริโภคทั่วโลก

ในปีนี้มีผู้บริโภคกว่า 135,000 รายจากทั่วโลกเข้าร่วมลงคะแนน ขณะที่มีแบรนด์ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลมากกว่า 3000 แบรนด์จาก 35 ประเทศในหลายหมวดผลิตภัณฑ์ และมีเพียง 245 แบรนด์เท่านั้นที่ได้รับรางวัล โดยทรูออนไลน์เป็นแบรนด์ไฟเบอร์อินเทอร์เน็ตรายแรก และรายเดียวจากไทยที่ได้รับการคัดเลือกในปี 2017 นี้

จึงเป็นข้อพิสูจน์ได้ว่า “ทรูออนไลน์” เป็นแบรนด์ที่การันตีได้ด้วยทั้งคุณภาพของสินค้า และรางวัลในระดับโลกที่ยกระดับให้แบรนด์มีมาตรฐานที่สูงขึ้นที่แท้จริง

]]>
1146833