ทองหล่อ – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Tue, 25 Dec 2018 02:52:47 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 ล้วงลึกแนวโน้มคอนโดมิเนียมในกรุงเทพฯ ปี 2019 “ทองหล่อ” น่าจับตา ราคาแพงกว่าที่ควรจะเป็น https://positioningmag.com/1204843 Mon, 24 Dec 2018 14:12:11 +0000 https://positioningmag.com/?p=1204843 Thanatkit

เน็กซัส พรอพเพอร์ตี้บริษัทที่ปรึกษาด้านอสังหาริมทรัพย์ ให้คำนิยามภาพรวมคอนโดมิเนียมในกรุงเทพฯ ปี 2018 ยังสามารถไปต่อได้เรื่อยๆส่วนปี 2019 เริ่มมีการปรับตัวเพื่อตอบสนองเรียลดีมานด์

ปี 2018 มีคอนโดเกิดใหม่ 60,900 หน่วย

ภาพรวมของปีนี้ยังมีคอนโดมิเนียมฝุดขึ้นมาเรื่อยๆ โดยคิดเป็นสัดส่วนดีเวลล็อปเปอร์รายใหญ่ 70% และรายย่อย 30% ด้วยจำนวนตัวเลขคอนโดมิเนียมเกิดขึ้นใหม่ทั้งหมด 60,900 หน่วย จาก 138 โครงการ

ทำเลที่นิยมในการพัฒนาโครงการอันดับหนึ่งยังคงเป็นพญาไท รัชดา และ พหลโยธิน (21,100หน่วย, 35%) ตามมาด้วย พระโขนง สวนหลวง (13,500 หน่วย, 22%) และ ธนบุรี เพชรเกษม (8,500 หน่วย, 14%) ตามลำดับ

ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมาทั้ง 3 ทำเลนี้ก็มีอัตราการเพิ่มของคอนโมมิเนียมมากที่สุด คิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 65-70% เลยทีเดียว สาเหตุที่ทำให้ทำเลเหล่านี้เติบโตอย่างก้าวกระโดด มาจากกระแสการอยู่อาศัยคอนโดใกล้รถไฟฟ้าที่มีมาอย่างต่อเนื่อง และในทำเลเหล่านี้ก็ยังคงหาที่ดินที่จะพัฒนา ได้มากกว่าทำเลที่อยู่ในใจกลางเมือง ที่ส่วนใหญ่มักจะไม่อยากขายกันแล้ว

ตลาดไฮเอนด์สร้างเยอะสุด

เซ็กเมนต์ที่เกิดขึ้นเยอะสุด คือตลาดไฮเอนด์คิดเป็นสัดส่วนถึง 41% โดยกลุ่มนี้จะมี ที่มีระดับราคาอยู่ที่ 110,000 -190,000 บาทต่อตารางเมตร ราคาต่อหน่วย 4-8 ล้านบาท ตามมาด้วยตลาดระดับกลาง (mid market) 27% ราคา 75,000 – 110,000 บาทต่อตารางเมตร ราคาต่อหน่วย 2.5- 6 ล้านบาท และตลาดซิตี้คอนโด 21% ราคาต่ำกว่า 75,000 บาทต่อตารางเมตร ราคาต่อหน่วยต่ำกว่า 2.5 ล้านบาท

นลินรัตน์ เจริญสุพงษ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เน็กซัส พรอพเพอร์ตี้ มาร์เก็ตติ้ง จำกัด แสดงความเห็นว่า

การที่เซ็กเมนต์ไฮเอนด์เกิดขึ้นเยอะมาก เป็นเพราะราคาที่ดินทั้งในกลางเมืองปรับตัวสูงขึ้นมาก ทำให้ดีเวลล็อปเปอร์ต้องหันมาพัฒนาในเซ็นเมนต์ที่สูงมากขึ้น ซึ่งความเป็นจริงหากมองเข้าไปฐานเงินเดือนของคนกรุงเทพฯ ราคาที่เหมาะสมที่สุดคือต่ำกว่า 3 ล้านบาทต่อหน่วย ซึ่งควรจะเป็นสัดส่วนที่เยอะสุดถึงจะถูก ไม่อย่างนั้นในอนาคตการซื้อคอนโดมิเนียมสักห้องจะเป็นเรื่องที่ยากมาก ของคนที่อาศัยอยู่ในกรุงเทพฯ

แต่ถึงจะมีเน้นเปิดคอนโดมิเนียมหรู ภาพรวมของยอดขายคอนโดมิเนียมในตลาดกรุงเทพฯ รวมทั้งสิ้นจำนวน 52,000 หน่วย โดยแบ่งเป็นห้องชุดที่เปิดใหม่ในปี 2018 จำนวน 31,800 หน่วย (คิดเป็นยอดขายเฉลี่ยของห้องชุดที่เปิดใหม่อยู่ที่ 52%) และห้องชุดที่เปิดขายก่อนปี 2018  มียอดขายเพิ่มขึ้นอีกประมาณ 20,300 หน่วย

ทั้งนี้จากยอดขายที่เพิ่มขึ้นทั้งคอนโดมิเนียมเปิดใหม่ในปีนี้และที่เปิดมาก่อนหน้านี้ทำให้อัตราขายรวมในตลาดอยู่ที่ 90% และยังคงมีห้องชุดเหลือขายในตลาดอยู่อีก 62,700 หน่วย

ราคาปรับขึ้นเฉลี่ย 7.6% อนาคตมีแนวโน้มลดลง

แน่นอนเมื่อราคาที่ดินซึ่งถือเป็นต้นทุนหลัก ที่มีผลต่อการตั้งราคาขายมากที่สุดปรับตัวขึ้น ราคาขายต่อหน่อยย่อมปรับขึ้นตามเน็กซัส พบว่า ในปี 2018 ราคาขายคอนโดมิเนียมเฉลี่ยในตลาดปรับตัวสูงขึ้น 7.6% จาก 130,600 บาทต่อตารางเมตร เป็น 140,600 บาทต่อตารางเมตร

โดยตลาดใจกลางเมืองปรับตัวเพิ่มสูงสุดอยู่ที่ 10% ไปอยู่ที่ 231,000 บาทต่อตารางเมตร ตลาดรอบใจกลางเมือง 7% ไปอยู่ในระดับราคา 113,200 บาทต่อตารางเมตร ในขณะที่ตลาดรอบนอกปรับราคาเพิ่มเฉลี่ยเพียง 1% เป็น 73,500 บาทต่อตารางเมตร เท่านั้น

อย่างไรก็ตาม ยังมีข่าวดีสำหรับผู้ที่คิดจะซื้อคอนโดมิเนียมในอนาคตอยู่บ้าง เพราะแนวโน้มการปรับตัวขึ้นของราคา เริ่มเห็นการปรับในอัตราที่ลดลงบ้าง ซึ่งก็น่าจะเกิดจากการที่ผู้ประกอบการเริ่มเห็นแนวโน้มราคาที่ปรับตัวสูงมากในตลาดในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา

เช่นในปี 2018 ทำเลหลังสวนปทุมวัน ราคาปรับขึ้นเพียง 3% หรือในโซนธนบุรี เพชรเกษมเองซึ่งเป็นทำเลที่มีขอบเขตค่อนข้างกว้างมาก ราคาก็ปรับเพิ่มเพียง 1% ซึ่งในระยะยาวจะทำให้ผู้บริโภค มีความสามารถในการจ่ายดีขึ้น

8 แนวโน้มตลาดคอนโดมิเนียมในปี 2019

สำหรับการคาดการณ์แนวโน้มตลาดคอนโดมิเนียมในปี 2019 “เน็กซัส พรอพเพอร์ตี้ได้สรุปออกเป็น 5 ข้อดังนี้

1.คอนโดมิเนียมเกิดใหม่ น่าจะเพิ่มขึ้นประมาณ 53,000 หน่วย ในขณะที่ความต้องการยังคงอยู่ในช่วงระหว่าง 50,000-55,000 หน่วย จากตัวเลขประมาณการดังกล่าว ทำให้คาดเดาล่วงหน้าได้ว่า อัตราการขายรวมและห้องเหลือในตลาด ก็น่าจะอยู่ในปริมาณใกล้เคียงกับตัวเลขปีนี้

2.ในช่วง 2-3 ปีต่อจากนี้รูปแบบของการพัฒนาสินค้า จะมีการปรับให้ตรงกับกลุ่มเป้าหมายย่อยมากขึ้น เช่น คอนโดสำหรับคนรักการออกกำลังกาย, สำหรับผู้สูงอายุ, คนรักสัตว์สำหรับผู้หญิง หรือคนที่ไม่มีลูก เป็นต้น

3.ทำเลการพัฒนาโครงการนั้น มีปัจจัยเรื่องภาพลวงตาของทำเลการอยู่อาศัย (Illusion of location) เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในการพิจารณาเลือกซื้อที่อยู่อาศัย พร้อมพงษ์ ทองหล่อ เอกมัย ยังคงเป็นทำเลยอดนิยมสำหรับผู้ประกอบการ ที่มองหาที่ดินเพื่อเข้ามาพัฒนาโครงการ

เพราะเป็นที่ถูกอกถูกใจของผู้บริโภค ที่ชอบบรรยากาศที่เต็มไปด้วยร้านอาหารชื่อดัง ร้านกาแฟสไตล์ชิคๆ รวมถึงคอมมูนิตี้มอลล์ขนาดเล็ก ซึ่งเป็นเสน่ห์เฉพาะตัวของทำเลนี้ ทำให้ราคาขายพุ่งขึ้นไปเฉลี่ย 300,000 – 400,000 บาทต่อตารางเมตร ซึ่งเป็นราคาของกลุ่มซูเปอร์ลักชัวรี ในปีนี้ราคาอาจพุ่งไปแตะ 500,000 บาท ต่อตารางเมตร ด้วยซ้ำ

เน็กซัสให้ความเห็นว่า ราคาที่เกิดขึ้นแพงเกินกว่าที่ควรเป็น โดยราคาที่เหมาะสมควรจะอยู่ไม่เกิน 300,000 บาทต่อตารางเมตร ไม่อย่างนั้นในอนาคตทำเลเหล่านี้จะขายออกได้ยากและขายได้ช้าลง เพราะดีมานด์ของคนพอจะจ่ายไหวในราคานี้ได้ถูกใช้ไปบ้างแล้ว ที่เหลืออาจจะมีอยู่บ้างแต่คงไม่มากเมื่อเทียบกับจำนวนห้องที่เหลืออยู่

4.กลับกันในทำเลอย่าง ติวานนท์ ที่ดีเวลล็อปเปอร์หลายรายยังคงห้องที่เหลือขายอยู่ ในช่วง 1-2 ปีข้างหน้า ราคาคอนโดมิเนียมที่สร้างเสร็จแล้วในบริเวณนี้จะน่าสนใจ เพราะเป็นคอนโดที่ราคาจับต้องได้มากที่สุดในตลาด 

5.คอนโดมิเนียมให้เช่าสิทธิระยะยาว ในทำเลที่ดีก็จะมีออกมาในตลาดเพิ่มขึ้น เพราะด้วยราคาที่ดินปรับเพิ่มสูงขึ้น เจ้าของที่ดินใจกลางเมืองส่วนใหญ่ก็มักไม่อยากจะขายและปรับไปให้เช่าระยะยาวแทน ซึ่งข้อดีของคอนโดประเภทนี้ จะมีราคาที่ถูกกว่าเมื่อเทียบกับที่ดินแบบขายขาด

ในระยะหลังจึงมักจะเห็นเจ้าของที่ดิน ไม่ว่าจะเป็นของหน่วยงานราชการหรือเอกชน เริ่มเอาที่ดินในมือออกมาประมูลให้เช่าสิทธิระยะยาวมากขึ้น เช่น ที่ของการรถไฟตรงมักกะสัน หรือในซอยมหาเล็กหลวง นอกจากนี้จะเห็นโครงการในลักษณะ mixed used เปิดตัวมากขึ้นเช่นกัน

ในมุมมองของเน็กซัส สัดส่วนของห้องชุดที่ดีเวลล็อปเปอร์ควรจะพัฒนา น่าจะเพิ่มสัดส่วนไปที่กลุ่มซิตี้คอนโด และตลาดระดับกลาง (mid market) ที่เป็นประชากรกลุ่มใหญ่ของกรุงเทพฯ มากขึ้น เพื่อจะได้ตอบสนองกับความต้องการอยู่อาศัยจริง ซึ่งจะเป็นตลาดที่มีเสถียรภาพและยั่งยืนมากกว่าตลาดต่างชาติเพื่อการลงทุน

6.ตลาดการลงทุนจากต่างชาติที่เป็นที่จับตามอง ในปี 2019 คาดว่าจะได้เห็นการลงทุนอย่างต่อเนื่อง โดยสัดส่วนจำนวนห้องชุดที่นักลงทุนจากจีน ญี่ปุ่น และบางส่วนจากฮ่องกงและสิงคโปร์ ที่เข้ามาลงทุนน่าจะเพิ่มขึ้นไปอยู่ที่ 30% จาก 26% (15,820 หน่วย ใน 24 โครงการ ในปี 2018)

นอกจากนี้นักลงทุนรายย่อยจากประเทศจีนก็น่าจะยังคงเข้ามาซื้ออสังหาริมทรัพย์ในไทยอย่างต่อเนื่องในทำเลที่ขยายออกไปจากทำเลเดิม ตลาดฮ่องกง สิงคโปร์ และไต้หวัน ก็น่าจะยังรักษาระดับการลงทุนที่ไม่แตกต่างจากปีที่ผ่านมา ในขณะที่ตลาด CLMV เป็นตลาดใหม่ที่น่าจับตามองเป็นอย่างมาก

7.การปรับตัวของราคาคอนโดมิเนียมในกรุงเทพฯ ในช่วง 1-3 ปีข้างหน้านั้น ราคาจะปรับตัวขึ้นในอัตราที่ลดลง ด้วยราคาที่ดินไม่ได้กระโดดสูงขึ้นแล้ว ดังนั้นดีเวลล็อปเปอร์ก็น่าจะพัฒนาโครงการในราคาที่ไม่ต้องปรับตัวสูงขึ้นมากนัก จึงคาดการณ์ว่าราคาคอนโดมิเนียมจะปรับตัวสูงขึ้นเฉลี่ยอยู่ในระดับ 6-7% ต่อปี

8.จากนโยบายของธนาคารแห่งประเทศไทย เรื่องการเปลี่ยนแปลงอัตราส่วนการให้กู้ยืมเงินเพื่อการซื้ออสังหาริมทรัพย์นั้น จะส่งผลต่อการพัฒนาสินค้าในตลาดที่อยู่อาศัยไม่ว่าจะเป็นบ้านหรือคอนโดมิเนียม

โดยบ้านอาจจะมีการขายระหว่างก่อสร้างมากขึ้น เพื่อให้ผู้ซื้อได้ผ่อนชำระเงินดาวน์บางส่วนก่อน คอนโดมิเนียมก็อาจจะต้องเน้นขายช่วงพรีเซลมากขึ้น ที่มีระยะเวลาการผ่อนยาวขึ้น และท้ายที่สุด เศรษฐกิจและการเมืองที่กำลังจะมีการเปลี่ยนแปลงจากการเลือกตั้งก็น่าจะมีผลต่อทิศทางของตลาดเช่นกัน.

]]>
1204843
เมืองขยาย! ที่ดินเอกมัย โตพุ่ง 50% ราคาเท่าทองหล่อ https://positioningmag.com/1140066 Mon, 18 Sep 2017 06:07:09 +0000 http://positioningmag.com/?p=1140066 ที่ดินในแถบสุขุมวิทขึ้นชื่อว่าเป็นทำเลทองมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว ถ้าไม่นับที่ดินย่านราชประสงค์ที่เป็นย่านธุรกิจแล้ว โซนทองหล่อ เอกมัย และพร้อมพงษ์ เป็นอีกโซนทำเลทองในย่านของที่อยู่อาศัย แหล่งแฮงเอาท์สำหรับคนเมือง ตอนนี้ได้ขยายไปจนถึงพระโขนงแล้วด้วย

โซนนี้มีทั้งคอนโด บ้านพักอาศัย ร้านอาหาร ผับ บาร์ รวมถึงแหล่งคอมมูนิตี้มอลล์เกิดขึ้นมากมาย เพื่อรับกับผู้อยู่อาศัยย่านนี้ ซึ่งมีทั้งคนไทยและคนต่างชาติ โดยเฉพาะคนญี่ปุ่นที่มีการพักอาศัยย่านพร้อมพงษ์ และทองหล่อ ทำให้ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาโซนอโศก นานา และทองหล่อมีการเติบโตสูงมาก

“แสนสิริ” ได้ประเมินโซนเอกมัยว่าเป็นอีกโซนที่น่าสนใจทั้งในเรื่องการลงทุน และการพักอาศัย โซนนี้มีการเดินทางที่เชื่อมต่อทั้งทองหล่อ ถนนสุขุมวิท ถนนเพชรบุรี และเลียบทางด่วนเอกมัย-รามอินทรา ทำให้ในตอนนี้มีการประเมินที่ดินในย่านเอกมัยเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วสูงถึง 50%เทียบเท่าทองหล่อ

ถ้าย้อนหลังไปตั้งแต่ 2551 จนถึงปี 2560 ดูการเติบโตของราคาประเมินที่ดีใน 5 โซนหลัก ทองหล่อมีการเติบโต 50% เอกมัยโต 50% อโศกโต 37% พร้อมพงษ์โต 35% และนานาโต 20%

หลายคนอาจสงสัยว่าเอกมัยเป็นโซนที่มีแหล่งแฮงเอาท์ แหล่งท่องเที่ยวเยอะ แต่ทำไมเพิ่งมีการเติบโตในด้านการลงทุนช่วงหลัง ถ้าดูให้ดีแล้วเอกมัยเป็นซอยค่อนข้างเล็ก การสัญจรจึงไม่ค่อยสะดวกเท่าไหร่ แต่ในช่วงหลายปีมานี้มีการขยายตัวของเมืองจากทองหล่อมาสู่เอกมัย ไปจนถึงพระโขนงทำให้ย่านเอกมัยเริมมีบทบาทมากขึ้น

แสนสิริได้ทำการสำรวจในเรื่องของการเปลี่ยนแปลงของราคาและค่าเช่าที่อยู่อาศัย โดยการเปลี่ยนแปลงของราคาคอนโดมิเนียมรีเซลล์เติบโตเฉลี่ย 6 – 10% ต่อปี ตอนนี้อยู่ที่ 100,000-160,000 บาท/ตารางเมตร และราคาปล่อยเช่าในทำเลเอกมัยเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 25,000-55,000 บาทต่อเดือน ขณะที่ผลตอบแทนในการลงทุนอยู่ที่ประมาณ 5-6% ต่อปี ซึ่งนับว่าราคาคอนโดมิเนียมในทำเลนี้ยังเหมาะสมในการซื้อเพื่อการลงทุน ทำให้เอกมัยจึงกลายเป็นทำเลที่น่าสนใจสำหรับนักลงทุนที่โฟกัสชาวต่างชาติเป็นหลัก โดยเฉพาะชาวญี่ปุ่นซึ่งเป็นผู้เช่าเกรดพรีเมี่ยมสำหรับกลุ่มนักลงทุน

นอกจากนี้ยังมีตัวแปรที่สำคัญอีกหลายอย่าง มีโครงการจากภาครัฐและเอกชน เน้นย้ำความเป็นสุขุมวิทตอนกลาง และเพื่อเตรียมความพร้อมในการเข้าสู่การเป็นสุขุมวิทตอนต้นให้มากขึ้น เช่น โครงการพัฒนาและปรับปรุงฟื้นฟูย่านทองหล่อ-เอกมัย โดย UDDC หนึ่งในพื้นที่นำร่องของการพัฒนาและปรับปรุงฟื้นฟู ซึ่งศูนย์ออกแบบและพัฒนาเมือง (UDDC) ทำร่วมกับกรุงเทพมหานคร

และมีแนวทางของการพัฒนาและปรับปรุงฟื้นฟูย่านทองหล่อ-เอกมัย คือการปรับปรุงโครงข่ายถนนตรอกซอยต่างๆ ให้สามารถเชื่อมต่อกันได้มากขึ้น กำหนดพื้นที่ที่เน้นการส่งเสริมการพัฒนา เพิ่มพื้นที่สีเขียว ปรับปรุงคลองให้มีทัศนียภาพที่ดีและเดินได้สะดวกขึ้น มองว่าในอนาคตทองหล่อ-เอกมัยจะมีบทบาทของย่านธุรกิจของเมืองมากขึ้น.

]]>
1140066
ทำเล “ทองหล่อ” ร้อนระอุ 3 ปี ราคาที่ดินพุ่ง 1.6 ล./ตร.ว. https://positioningmag.com/1104224 Thu, 29 Sep 2016 00:50:21 +0000 http://positioningmag.com/?p=1104224 ซอยทองหล่อ ยังคงเป็นทำเลทองที่มีการขยายตัวอย่างรวดเร็ว เป็นที่อยู่อาศัยของคนฐานะดี เต็มไปด้วยบ้าน คอนโดมิเนียม และยังเป็นแหล่งกินดื่มเที่ยวแบบมีระดับ เป็นที่หมายตาของอสังหาริมทรัพย์ ที่ต่างก็หมายตาทำเลนี้ไว้ครอบครอง

อุทัย อุทัยแสงสุข รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส สายงานพัฒนาธุรกิจและพัฒนาคอนโดมิเนียม บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ทำเลศักยภาพทองหล่อมีการขยายตัวอย่างรวดเร็วทั้งทางด้านเศรษฐกิจและอสังหาริมทรัพย์ เนื่องจากเป็นพื้นที่ศูนย์กลางเศรษฐกิจที่เชื่อมต่อจากถนนสุขุมวิท จึงทำให้ย่านนี้เติบโตขึ้นอย่างก้าวกระโดด

ทองหล่อยังเป็นที่อยู่อาศัยของผู้ที่มีฐานะดี เศรษฐี ผู้ดีเก่า ข้าราชการระดับสูง และเจ้าของธุรกิจขนาดใหญ่ จนกลายเป็นสังคมของคนพรีเมียมมาอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ยังมีชาวต่างชาติหลายเชื้อชาติอยู่อาศัย โดยเฉพาะชาวญี่ปุ่นที่มาตั้งถิ่นฐานเป็นจำนวนมาก จนทำให้ปัจจุบันย่านนี้ถูกขนานนามว่า เป็น “ลิตเติลโตเกียว”

“ปัจจุบันที่ดินในย่านทองหล่อเหลือที่จะพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เริ่มลดน้อยลงเต็มทีแล้ว เรียกได้ว่าทำเลเด่นๆ เช่น ย่านกลางซอยที่เป็น Prime Area แทบไม่มีเหลือเลย จึงทำให้ที่ดินย่านนี้มีราคาสูง

3 ปีที่ดินทองหล่อพุ่ง 20-30%

จากราคาประเมินที่ดินซอยทองหล่อของกรมธนารักษ์ในปี 2559-2562 กระโดดสูงขึ้นถึง 420,000 บาทต่อตารางวา ซึ่งราคาซื้อขายจริง และคาดว่าจะก้าวกระโดดไปไม่ต่ำกว่า 20-30% โดยเฉพาะทำเลติดถนนหรือใกล้ BTS ทองหล่อ ในทำเลนี้ราคาขายที่ดินอยู่ที่โดยประมาณ1.3-1.6 ล้านบาทต่อตารางวา

ขณะที่ราคาคอนโดในย่านนี้เติบโตสูงขึ้นถึง 21% มาอยู่ที่ราคาเฉลี่ยประมาณ 161,000 บาทต่อตารางเมตร และหากเป็นโครงการใหม่ติดถนน ขึ้นไปแตะที่ 250,000-300,000 บาทต่อตารางเมตร

ส่งผลให้ราคาขายต่อของคอนโดย่านนี้มีราคาเฉลี่ยสูงขึ้นจากเดิม 11% มาอยู่ที่ประมาณ 182,000 บาทต่อตารางเมตร แม้แต่ในซอยข้างเคียงอย่าง สุขุมวิท 38

“ราคาขายต่อยังสูงถึง 170,000 บาทต่อตารางเมตร ส่วนค่าเช่าคอนโดยิ่งได้รับความสนใจที่ดี เพราะปล่อยเช่าได้สูงถึง 700-1,000 บาทต่อตารางเมตร โดยกลุ่มชาวต่างชาติญี่ปุ่นและสังคมคนรายได้สูงชอบซื้อคอนโดไว้ลงปล่อยเช่ามาก โดยห้องที่นิยมคือห้อง 1-2 ห้องนอน” นายอุทัยกล่าว

แสนสิริ

แสนสิริ ลงทุนกับโครงการบนทำเลทองหล่อไปแล้วรวม 4 โครงการ จำนวนกว่า 1,300 ยูนิต มูลค่ารวมกว่า 12,000 ล้านบาท ถือว่ามีจำนวนโครงการมากที่สุดในย่านนี้

เริ่มตั้งแต่ปี 2550 กับโครงการ สิริ แอท สุขุมวิท จำนวน 460 ยูนิต มูลค่าโครงการ 3,000 ล้านบาท ตามมาด้วย โครงการคอนโดมิเนียม ควอโทร บาย แสนสิริ ทองหล่อ ซอย 4 ในปี 2552 สร้างยอดขาย 2,000 ล้านบาท ปีถัดมา 2553  คีน บาย แสนสิริ พรีเมียมคอนโดมิเนียมสูง 28 ชั้น มูลค่าโครงการกว่า 1,900 ล้านบาท ปี 2553 ผุดคอนโดมิเนียมระดับพรีเมียมบนทำเลทองหล่อ ในชื่อโครงการ เอชคิว ทองหล่อ มูลค่า 1,600 ล้านบาท

ล่าสุด ได้เปิดตัว 2 โครงการใหม่ในทองหล่อ มูลค่ารวมกว่า 10,000 ล้านบาท หนึ่งในนั้นคือ โครงการคอนโดมิเนียมในระดับไฮเอนด์ เดอะ โมนูเมนต์ ทองหล่อ สูง 46 ชั้น จำนวน 127 ยูนิต มูลค่าโครงการ 6,000 ล้านบาท

ทำเลใจกลางเมืองรายใหญยึดแข่งไม่กี่ราย

อุทัย ประเมินแล้วว่า ตลาดคอนโดมิเนียมระดับพรีเมียมในย่านใจกลางเมือง เป็นการแข่งขันระหว่างผู้ประกอบการรายใหญ่เพียงไม่กี่ราย เนื่องจากสภาวะตลาดปัจจุบันผู้ประกอบการที่จะแข่งขันในตลาดนี้ ต้องมีฐานเงินทุนที่มั่นคง จากราคาที่ดินที่สูงขึ้นอย่างมาก และที่ดินที่เหมาะสมกับการพัฒนาโครงการระดับพรีเมียมใจกลางเมืองหายากมากขึ้น ดังนั้นสินค้าใหม่ๆ ในตลาดนี้จึงมีอยู่ไม่มาก ขณะที่ความต้องการสินค้าระดับบนยังคงมีอย่างต่อเนื่อง

]]>
1104224