ทิศทางของวงการสถานีโทรทัศน์ รวมถึงโฆษณาเองก็รับนโยบายมาจากทางภาครัฐ ถึงแม้ว่าจะมีการฉายได้ปกติ แต่ส่วนใหญ่ก็ยังอยู่ในขอบเขตอยู่ คลุมโทนบรรยากาศอยู่

เขมทัตต์ พลเดช นายกสมาพันธ์วิชาชีพวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์ และกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท บางกอก มีเดีย แอนด์ บรอดคาสติ้ง จำกัด (BMB) ผู้ประกอบการสถานีโทรทัศน์ดิจิตอล PPTV HD กล่าวว่า “หลายวันก่อนได้มีการประชุมทั้ง 3 สมาคม สมาพันธ์วิชาชีพวิทยุกระจายเสียง และวิทยุโทรทัศน์, สมาคมโทรทัศน์ระบบดิจิตอล (ประเทศไทย) และสมาคมมีเดียเอเยนซี่ เรื่องทิศทางจองรายการ และเรื่องโฆษณา ทั้ง 3 สมาคมก็เห็นด้วยกับการผ่อนคลายตามประกาศของรัฐบาล แต่มี 2 หัวข้อหลัก

1. รายการ สถานีโทรทัศน์สามารถเข้ารายการได้ปกติหลังจากวันที่ 14 พฤศจิกายนเป็นต้นไป แต่ต้องพิจารณาเนื้อหาให้เหมาะสม ไม่แคกต่าง ยังต้องคลุมโทนเข้ากับบรรยากาศ ทุกช่องต้องมีการปรับคอนเทนต์ เป็นสารคดี ข่าว ละครสามารถฉายได้แต่ต้องเหมาะสม ไม่มีเนื้อหาความรุนแรงหรือเรื่องเพศ ส่วนเกมโชว์ต้องไม่บันเทิงเกินไป รายการประเภทประกวดร้องเพลง หรือเต้นอาจจะไม่เหมาะสมในตอนนี้

2. โฆษณา สามารถโฆษณาในโทรทัศน์ได้ตามปกติแล้วเช่นกัน ขึ้นอยู่แต่ละแบรนด์ว่าจะขายของเลยก็ได้ หรือจะทำเป็นเชิง CSR ตรงนี้ไม่มีนโยบายกำหนดแต่โฆษณาจะต้องผ่านคณะกรรมการสมาคมธุรกิจโฆษณาในการแสกนอีกทีต้องให้มีความเหมาะสมไม่กระแทกกระทัยแดกดันตลกและภาพไม่หวือหวาซึ่งโทนสีก็เป็นสีจริงไม่ต้องปรับเป็นขาวดำเพราะเป็นไปตามข้อระเบียบของสมาคม

เขมทัตต์กล่าวเสริมว่า หลังวันที่ 14 พฤศจิกายนนี้จะได้เห็นความคึกคักมากขึ้น ทุกคนเริ่มผ่อนคลาย แต่มองว่าโฆษณาจะกลับมาเต็มที่ก็ช่วงเดือนธันวาคม เพราะหลังจากที่รัฐบาล และสมาคมประกาศเรื่องลงโฆษณาได้ปกติ ทางเอเยนซี่ก็เริ่มคุยกับลูกค้า จากนั้นก็เริ่มมีออเดอร์เข้ามา

แต่ด้วยความที่ผังรายการของสถานีโทรทัศน์เปลี่ยนทำให้ลูกค้าต้องเอาผังไปพิจารณาใหม่แล้วเลือกลงโฆษณาตามคอนเทนต์ตามรายการ

สำหรับของช่อง PPTV เองก็มีการปรับตัวเรื่องคอนเทนต์ มีการเน้นข่าวขุ้น และมีละครที่เกี่ยวข้อง อย่างเรื่องสี่แผ่นดิน อยู่กับก๋ง และตามรอยพ่อ หลังจากวันที่ 14 ก็จะมีละครในสต็อกที่สามารถฉายได้อยู่ แต่รายการอื่นๆ ก็ยังคลุมโทนสีอยู่ มองว่าช่วงเวลานี้ก็เป็นโอกาสที่ดีเหมือนกันในการจัดระเบียบคอนเทนต์ของแต่ละช่อง

ทางด้านของสมาคมมีเดียเอเยนซี่ให้มุมมองในการลงโฆษณาหลังจากช่วงปลดล็อกนี้ กนกกาญจน์ ประจงแสงศรี กรรมการผู้จัดการ Investment&Knowledge IPG Mediabrands กล่าวว่า “ทางสมาคมมึเดียเอเยนซี่ และทางสถานีโทรทัศน์ได้รับนโยบายมาจากทางรัฐบาลเช่นเดียวกัน ก็ได้ปรึกษากัน ทั้งนี้ในการลงโฆษณาอาจจะขึ้นอยู่กับนโยบายของทางช่อง ซึ่งทางสมาคมได้ยึดนโยบายทางรัฐบาล และกสทช.แต่ขอให้อยู่ในกาละเทศะ แต่ส่วนใหญ่แต่ละช่องก็รู้กันเองว่าจะดำเนินอย่างไร

ถามว่าหลังจากนี้โฆษณาได้มั้ย สามารถลงโฆษณาได้แล้ว แต่ต้องไม่บันเทิงเกินไป ไม่ขัดต่อบรรยากาศ Mood&Tone ยังเหมือนเดิม อาจจะทำเป็นในเรื่องของสารคดี พระราชกรณียกิจ ไม่ออกนอกขอบเขตเกินไป อาจจะยังไม่ขายของมากนัก ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับแบรนด์ และนโยบายของช่องด้วย