ธุรกิจความงามและสุขภาพ – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Fri, 30 Mar 2018 18:47:42 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 ผ่ากลยุทธ์ “ลอรีอัล” แข่งสวยแสนล้าน  ด้วยอินไซต์ และดิจิทัล ชิงเบอร์ 1 ยักษ์ธุรกิจความงามในไทย https://positioningmag.com/1164122 Fri, 30 Mar 2018 14:18:40 +0000 https://positioningmag.com/?p=1164122 ลอรีอัลเป็นบริษัทความงามยักษ์ใหญ่ของโลกทำเงินในปี 2560 มาถึง 26,020 ล้านยูโร หรือกว่า 1 ล้านล้านบาท เติบโต 4.8% แต่ในประเทศไทยลอรีอัลยังเป็นแค่เบอร์ 2 ในตลาดความงามซึ่งไล่หลังยูนิลีเวอร์คู่แข่ง นอกจากเผชิญการแข่งขันโกลบอลแบรนด์ด้วยกันแล้ว ยังเจอคู่แข่งรีจินัลแบรนด์ และโลคัลแบรนด์ไทยอีก แต่ลอรีอัลก็ไม่หลัง ยังเดินหน้าสานเป้าหมายใหญ่โค่นคู่แข่งเพื่อขึ้นเป็นผู้นำตลาด ด้วยการเพิ่มสินค้าใหม่เสริมพอร์ตโฟลิโอปีละหลายร้อยรายการต่อปี กวาดลูกค้าตั้งแต่ตลาดล่างถึงบน ขายสินค้าเจาะทุกช่องทางออนไลน์ออฟไลน์

นอกจากนี้ ลอรีอัล (ประเทศไทยเป็นตลาดใหญ่ และเติบโตสูงสุดในอาเซียนมากกว่า 8% จึงเป็นตลาดสำคัญมาก ปี 2561 ลอรีอัลจึงวางหมากรบรุกตลาดความงาม โดยโฟกัสกลยุทธ์สำคัญ 2 ด้าน คือ มุ่งเน้นผู้บริโภคเป็นศูนย์กลาง (Consumer Centricity) ขับเคลื่อนด้วยดิจัลเต็มรูปแบบ(Digital Acceleration)

การยึดลูกค้าเป็นศูนย์กลางคือรู้อินไซต์ผู้บริโภค เริ่มตั้งแต่สินค้า มีการนำแบรนด์ใหม่ๆ มาเติมพอร์ตตลอด ปีนี้ส่ง 2 แบรนด์ทำตลาด ได้แก่ เครื่องสำอางแบรนด์หรูจิออร์จิโอ อาร์มานี บิวตี้มีลิปสติก แป้งคุชชั่น เจาะลูกค้ากระเป๋าหนัก และแบรนด์เซราวี (CeraVe) ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหน้าเสริมพอร์ตเวชสำอางเจาะตลาดแมสขึ้น จากเดิมมีแบรนด์ลา โรชโพเซย์ วิชชี่ จับตลาดระดับบน  

ไทยเข้าสู่สังคมสูงอายุ สินค้าลดเลือนริ้วรอยต้องมา ผู้บริโภคเห่อทำสีผม สินค้านวัตกรรมทำสีผมเปลี่ยนได้บ่อยๆต้องมี เป็นต้น

นางนาตาลี เกอร์ชไตน์ เคอโรวดี ลอรีอัล

 “การมุ่งเน้นผู้บริโภคเป็นศูนย์กลางยังคงเป็นกลยุทธ์สำคัญของลอรีอัล ทั้งการออกสินค้าใหม่เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคที่แตกต่างกัน มีสินค้าอย่างการ์นิเย่ เมย์เบลลีน จับตลาดแมส คนกำลังซื้อน้อย แต่ถ้าอยากได้แบรนด์ระดับบนเราก็มีวายเอสแอลบิวตี้ ลังโคม ไบโอเธิร์ม เป็นต้น นาตาลี เกอร์ชไตน์ เคอโรวดี กรรมการผู้จัดการ บริษัท ลอรีอัล (ประเทศไทย) จำกัด กล่าว

นอกจากนี้ การเปิดร้านเครื่องสำอางแบรนด์นิกซ์ (NYX) นิกซ์ โปรเฟสชั่นแนล เมคอัพ แฟล็กชิพสโตร์แห่งแรกในเอเชีย สาขาสยามสแควร์วัน เป็นการออกแบบสโตร์ใหม่ ให้มีความสนุกสนานมากขึ้นเมื่อลูกค้าเข้ามาทดลองสินค้าต่างๆของนิกซ์ และนำดิจิทัลเข้ามาใช้ภายในร้าน เมื่อลูกค้าเดินเข้ามาเช็คอินเป็นสมาชิก จะช่วยจดจำรายการสินค้าไหนมีหรือใช้แล้วหมดไปบ้าง รวมถึงอัพเดทสินค้าใหม่ให้รับรู้ด้วย

เพื่อให้ลูกค้ามีประสบการณ์แต่งหน้ากับแบรนด์จึงมีเซลฟี่บาร์ ให้ลองถ่ายรูปเปลี่ยนลุคตัวเอง ว่าเหมาะกับสินค้าอะไรด้วย เดิมเป็นการใส่แว่นแล้วลองแต่งหน้า เมื่อลูกค้าไม่ชอบก็เปลี่ยน และยังมี Makeup Genius แอพลิเคชั่นความงามให้ลูกค้าลองสินค้า

ร้านนิกซ์แฟล็กชิพสโตร์ เราต้องการให้เป็นจุดหมายของผู้บริโภคที่ชื่นชอบการแต่งหน้า ให้รู้จักดีเอ็นเอของแบรนด์ให้มาสัมผัสประสบการณ์ใหม่ๆในการแต่งหน้าด้วยดิจิทัล และบริษัทยังต้องการโฟกัสร้านค้าคอนเซ็ปต์ใหม่ เพื่อให้ลูกค้ารู้จักตัวตนของแบรนด์มากขึ้น

ส่วนกลยุทธธ์รุกดิจัลเต็มรูปแบบ ปีที่ผ่านมา ลอรีอัลได้เข้าซื้อกิจการ “Modifcae” ซึ่งเป็นผู้เล่นสำคัญตลาด AR Beauty และนำมาใช้ในการแต่งหน้าเสมือนจริงสำหรับลูกค้าทุกลักษณะผิวพรรณ

ปัจจุบันดิจิทัลกับผู้บริโภคใกล้กันมาก แบรนด์จึงต้องทำให้ลูกค้ามีประสบการณ์หลากหลายรูปแบบ

ที่ขาดไม่ได้ในการรุกดิจิทัล คือการขยายช่องทางจำหน่ายรุกออนไลน์ทุกรูปแบบ ทั้ง E-Retailers กลุ่มเซ็นทรัล ท็อปส์ เทสโก้ โลตัส วัตสัน เซโฟร่าฯ มีอีคอมเมิร์ซไหน บริษัทนำสินค้าไปขายหมด, E-Tailers อย่างลาซาด้า อีเลฟเว่นสตรีท Konvy Looksi ค่ายไหนมีแพลมฟอร์มใดต้องไป, Social Commerce ไลน์ เฟซบุ๊ก CRAZE สินค้าต้องขายในนั้นเพราะคนไทยใช้เฟซศบุ๊กติดท็อปของโลก หากไม่มีสินค้าขายอาจพลาดจับกลุ่มเป้าหมายได้ รวมทั้งมี Owned E-Boutique แพลตฟอร์มออนไลน์ขายสินค้าแต่ละแบรนด์ เช่น ลังโคม คีลส์ อีฟแซงต์ โลร็องส์ ซึ่งบริษัทเปิดตัวไตรมาส 3 ปีก่อน

ในไทยยอดขายออนไลน์ลอรีอัลโตแรง 97% แต่สัดส่วนยอดขายยังน้อยมาก และบริษัทต้องการดันสัดส่วนให้ใกล้เคียงกับบริษัทแม่ที่มียอดขายออนไลน์ 8% เติบโต 33.6%

จากแผนดังกล่าวลอรีอัล ตั้งเป้ายอดขายเติบโตต่อเนื่องมากกว่าตลาด 8% จากช่วง 6 ปีที่ผ่านมา บริษัทโตมากกว่าตลาดโดยตลอด

ขณะเดียวกันเกมรุกจะยังสอดคล้องวิชั่นของ ส่งผลให้ลอรีอัล ประเทศไทย ที่ต้องการให้ทุกครัวเรือนมีผลิตภัณฑ์ของลอรีอัลอย่างน้อย 1 ชิ้น และผลักดันให้บริษัทฯ ก้าวสู่บริษัทความงามอันดับหนึ่งของประเทศไทยต่อไป

สำหรับตลาดความงามในประเทศไทย ข้อมูลจาก Euromonitor ระบุว่า ปี 2560 มีมูลค่า 168,470 ล้านบาท เติบโต 7.8% ซึ่งเป็นอัตราการเติบโตใกล้เคียงกันต่อเนื่อง 5-6 ปี เพราะคนไทยรักสวยรักงามไม่ว่าจะเจอปัญหาเศรษฐกิจ กำลังซื้อชะลแต่ง แต่ขอหน้าสวยไว้ก่อน 

ทั้งนี้ เมื่อแบ่งตามหมวดสินค้าพบว่า

ผลิตภัณฑ์ดูแลผิว (Skincare) 47% หรือมูลค่าราว 78,700 ล้านบาท เติบโต 8.7% แบ่งเป็น ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวหน้า 84% ผลิตภัณฑ์ดูแลร่างกาย 16%, ผลิตภัณฑ์ผม(Hair) 18% มูลค่าราว 30,800 ล้านบาท เติบโต 6.7% แบ่งเป็น ผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผม 83% ผลิตภัณฑ์เปลี่ยนสีผม 11% ผลิตภัณฑ์จัดแต่งทรงผม 4% และผลิตภัณฑ์ยืดดัดผม 1%

เครื่องสำอาง (Makeup) 14% มูลค่า 22,700 ล้านบาท เติบโต 7.6% แบ่งเป็น สำหรับผิวหน้า 56% ริมฝีปาก เช่น ลิปติก 26% แต่งตา 17% และเล็บ 1% ผลิตภัณฑ์ที่ใช้ทำความสะอาดร่างกาย(Hygiene) 16% น้ำหอม (Fragrance) 5% มูลค่า 8,500 ล้านบาท เติบโต 7.6% ส่วนแนวโน้มตลาดความงามปี 2561 คาดว่าจะเติบโต 7-8%  

]]>
1164122
เมื่อธุรกิจความงามมาแรงแซงโค้ง “มีเดีย” ไปแล้ว ถึงยุค “เฮียฮ้อ” ปรับโหมด 35 ปี “อาร์เอส” สู่ธุรกิจไร้กรอบ https://positioningmag.com/1148342 Tue, 28 Nov 2017 03:29:13 +0000 https://positioningmag.com/?p=1148342 หลังจากใช้เวลาปลุกปั้นมา 3 ปีเต็ม จนเวลานี้ธุรกิจความงามและสุขภาพ ไลฟ์สตาร์” โตฉลุยทุกไตรมาส กลายเป็นธุรกิจหลักทำรายได้แซงหน้าธุรกิจสื่อไปแล้ว

ไมเพียงแต่ต้องเตรียมย้ายจากหมวด ธุรกิจ สื่อ มาอยู่ในหมวดพาณิชย์ ตามกติกาของตลาดหลักทรัพย์ฯ เท่านั้น

แต่ยังเป็นจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญของอาร์เอส หลังจากทำธุรกิจมา 35 ปี ที่ เฮียฮ้อสุรชัย เชษฐโชติศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน) RS ประกาศในงานแถลงกลยุทธ์ของอาร์เอส ปี 2018 ถึงเวลาต้องทรานฟอร์มไปสู่โมเดลธุรกิจใหม่แบบไร้กรอบ ไม่ยึดติดกับธุรกิจรูปแบบเดิมอีกต่อไป เพราะมั่นใจในทีมงาน อาร์เอสที่พิสูจน์แล้วว่าพร้อมจะทำอะไรงานที่ท้าทายได้ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจอะไรขอให้วิชั่นชัดเจน

โมเดลธุรกิจเวลาของอาร์เอสเวลานี้ ก็ต้องมานิยามกันใหม่เพื่อบอกกับนักลงทุน แต่จะบอกว่าเป็นเจ้าของสื่อ หรือเป็นเจ้าของเฮลท์แอนด์บิวตึ้ ก็คงไม่ได้ เพราะปีหน้าเรากำลังทำธุรกิจใหม่เพิ่มอีก 1-2 ธุรกิจ จะเห็นได้เลยว่า อาร์เอสไร้กรอบจริงๆ

เมื่อประเมินแล้ว่า การทรานฟอร์มที่ผ่านมาเห็นผลดี เฮียฮ้อ วางเป้ารายได้ไว้ถึง 5,300 ล้านบาท สูงสุดเป็นประวัติการณ์ โตถึง 50% จากปีนี 2560 ซึ่งคาดว่าจะมีรายได้ 3,550 ล้านบาท 

โดยที่มาของรายได้อันดับ 1 จะมาธุรกิจเฮลท์แอนด์บิวตี้ 2,500 ล้านบาท สัดส่วน 47% ตามมาด้วยธุรกิจสื่อ 2,450 ล้านบาท สัดส่วน 46% ธุรกิจเพลง 250 ล้านบาท สัดส่วน 5%  และธุรกิจรับจ้างและผลิตกิจกรรม สัดส่วน 2%

ในปีหน้า ธุรกิจความงามและสุขภาพ ไลฟ์สตาร์ ถูกวางให้เป็นธุรกิจเรือธง ของอาร์เอส เนื่องจากเติบโตแบบก้าวกระโดด ปีนี้ทำรายได้ 1,400 ล้านบาท เติบโต 700% ปีหน้าจึงตั้งเป้าโตถึง 2,500 ล้านบาท 

ตั้งเป้าเพิ่มขนาดนี้ เฮียฮ้อมองว่า เป็นอุตสาหกรรมที่มีขนาดใหญ่มากจนยากจะประเมินได้ คาดว่าเกินแสนล้าน และที่สำคัญ ไม่มีกรอบชัดเจน มีทั้งแนวลึกและแนวนอน แต่นั่นก็เป็นโอกาสของปีหน้า อาร์เอสจะต้องใส่เกียร์เดินหน้า ขยายผลิตภัณฑ์ความงามและสุขภาพ และสินค้าในหมวดอื่นๆ มาเพิ่ม 

จากปัจจุบันมี 3 แบรนด์ “มาจีค” ทำตลาดกลุ่มสกินแคร์ เป็นกลุ่มทำรายได้หลัก , “รีไวฟ์” ทำตลาดกลุ่มแฮร์แคร์ และ “เอส.โอ.เอ็ม” กลุ่มอาหารเสริม ซึ่งทั้ง 3 กลุ่ม เน้นกลุ่มเป้าหมายวัย 35 ปีขึ้นไป โดยปีหน้าจะเพิ่มมีสินค้าใหม่ 30 รายการ จากที่มีอยู่แล้ว 37 รายการ เพิ่มพันธมิตรอีก 3 ราย จากเดิมมีอยู่ 3 ราย 

นอกจากนี้จะเพิ่มหมวดสินค้าครัวเรือนใช้ในบ้านและไลฟ์สไตล์มาทดลองการทำตลาดโดยเลือกสินค้ายอดนิยมที่ความต้องการสูงอย่างกระทะและมีด แม้จะแข่งขันสูงแต่เชื่อว่าจะสร้างให้แตกต่างได้ด้วยตัวสินค้าและเทคนิคการตลาด

ที่ไหนปลาเยอะก็มีคนมาจับเยอะ ที่ปลาไม่เยอะ ตลาดจะนิ่งๆ ผมมั่นใจทีมงาน ที่พิสูจน์แล้วว่า อาร์เอสทำอะไรก็ได้ ทุกธุรกิจผมใช้ทีมเดิม

สัดส่วนช่องทางขายหลักจะใช้พนักงานเทเลเซลส์ 90% จะรับเพิ่ม 100 คน จากที่มีอยู่ 350 คนและวางเป้าหมายขยายฐานสมาชิกให้เพิ่มเท่าตัว จาก 7 แสนราย เป็น 1.5 ล้านราย

ช่อง 8 วางบทบาท 2 มิติ

ธุรกิจสื่อ” ยังคงเติบโตได้ มีทีวีดิจิทัล ทีวีดาวเทียม 4 ช่อง และคลื่นวิทยุคูลเอ็ฟเอ็ม โดยทีวีดิจิทัลช่อง 8 จะเป็นหลักในการทำรายได้ ในปีหน้า 2,000 ล้านบาท จากเป้ารายได้สื่อทั้งหมด 2,450 ล้านบาท ใช้งบลงทุน 1,700 ล้านบาท เท่ากับปีนี้

เฮียฮ้อ วางบทบาทของช่อง 8” เป็น 2 คือ มิติของธุรกิจทีวีดิจิทัล และมิติของการเป็นสื่อ” เพื่อต่อยอดให้กับธุรกิจอื่นๆ

ในแง่ของธุรกิจ ทีวีดิจิทัลช่อง 8 จะต้องเป็นผู้ชนะในอุตสาหกรรม โดยมีโรดแมป” ในการเดินไปไว้เป็นสเตปชัดเจน เรตติ้งช่อง 8 ติดขึ้นต่อเนื่อง จนติดท็อป 5 ของทีวีดิจิทัลที่ทำเรตติ้งสูง

กลยุทธ์ของช่อง 8 ปีหน้า จะเน้นไพรม์ไทม์ ช่วงเช้า ตั้งแต่เวลา 6.00-9.00. น ซึ่งเวลานี้ ช่องข่าวของอาร์เอสมีเรตติ้ง 1.2 ล้านคน/นาที จัดเป็นอันดับ 2

ส่วนไพรม์ไทม์ ช่วงเย็น 6 โมงเย็นถึง 4 ทุ่ม เรตติ้งของช่อง 8 ติดอยู่ท็อป 5 ใกล้เคียงกันทั้ง 4 ช่อง โดยมาจาก ละคร และซีรีส์อินเดีย โดยเฉพาะซีรีส์หนุมาน ทำเรตติ้งเฉลี่ย 2.5 ล้านคน/นาที สร้างกระแสได้ดี จึงเป็นที่มาของรายได้ 2 พันล้าน เพราะเตรียมปรับค่าโฆษณาเพิ่ม 45% ในปีหน้า จากราคาเฉลี่ย 3 หมื่นบาท เพิ่มเป็น 4.5 หมื่นบาทต่อนาที 

ในมิติความเป็นสื่อ ช่อง 8 จะเป็นหัวหอกหลักในการต่อยอดให้กับธุรกิจใหม่ๆ ซึ่งเห็นผลมาแล้วจากความงามและสุขภาพ” ซึ่งยุทธศาสตร์จะเข้มข้นขึ้น มีประสิทธิภาพมากขึ้น

รีแบรนด์อาร์สยามทำทุกแนวเพลง คัดศิลปินเหลือ 30 คน คืนสัญญากว่า 100 คน

ธุรกิจเพลง ยังคงเป็นธุรกิจสำคญของอาร์เอส เฮียฮ้อ ยืนยันว่า ไม่ยุติหรือยกเลิกการทำ แต่ต้องปรับเพื่อให้คล่องตัวและมีกำไร สม่ำเสมอ และยังคงเป็นธุรกิจต้นน้ำ” ต่อยอดสร้างธุรกิจใหม่ๆ ได้

กลยุทธ์ในปีหน้าจะปรับแนวทางใหม่ นำค่ายเพลง อาร์สยาม” มารีแบรนด์ใหม่ ภายใต้คอนเซ็ปต์ “ดนตรี ไร้กรอบ” เพื่อขยายขอบเขตใหม่ไม่จำกัดเฉพาะลูกทุ่ง” อีกต่อไป แต่ทำทุกแนวเพลงเพื่อตอบโจทย์คนฟังเพลงทุกแนว

งานนี้เฮียฮ้อต้องลงมาดูเอง เพราะจะต้องนำศิลปิน ในสังกัดที่มีอยู่กว่า 100 คน นำมาคัดเลือกใหม่ ให้เหลือไม่เกิน 30 คน โดยจะเลือกเฉพาะศิลปินที่ร้องได้หลายแนวเพลง เล่นละคร เล่นหนังได้ เพื่อสร้างรายได้ทุกมิติ ไม่ว่าจะเป็นจากงานโชว์ตัวตามคอนเสิร์ตและอีเวนต์ต่างๆ รวมไปถึงพรีเซ็นเตอร์สินค้า การแสดงทั้งละครและภาพยนตร์ เป็นต้น สตรีมมิ่งและดาวน์โหลดเพลง ตลอดจนจัดเก็บลิขสิทธิ์เพลง คาดว่าจะออกซิงเกิ้ลไม่ต่ำกว่า 40 เพลงต่อปี ตั้งเป้ารายได้ 250 ล้านบาท

ส่วนศิลปินที่เหลือที่ไม่ตรงกับแนวทางจะคืนสัญญาเพื่อไม่ให้เกิดครหาโดยคาดว่าจะคืนสัญญาถึง 100 คน.

]]>
1148342