สมชัย เลิศสุทธิวงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ AIS กล่าวว่า โตรมาส 2 ปีนี้ยังมีรายได้และกำไรเติบโตต่อเนื่อง ส่งผลให้รายได้ต่อเลขหมาย ARPU (Average Revenue per User) สูงขึ้นเป็น 263 บาทต่อเดือน และรายได้จากธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่เติบโต 5.3% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน
ไตรมาส 2 เอไอเอสมีจำนวนลูกค้าโทรศัพท์มือถือสูงสุดในตลาดที่ 41.5 ล้านเลขหมาย ขณะที่มีสัดส่วนลูกค้าใช้ 4G สูงถึง 66% และมีการใช้งานดาต้าเพิ่มขึ้นเป็น 11.5 GB ต่อเดือน จาก 8.9 GB ต่อเดือน ในช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว
ส่วนธุรกิจอินเทอร์เน็ตบ้าน AIS Fibre รายได้เติบโต 26% จากกลยุทธ์ Fixed Mobile Convergence ปัจจุบัน AIS Fibre มีฐานลูกค้าเพิ่มขึ้นเป็น 855,400 ราย ครอบคลุมการใช้งานในพื้นที่ 57 จังหวัดทั่วประเทศ โดยยังคงเป้าหมายจำนวนลูกค้า 1 ล้านรายในสิ้นปีนี้
ในไตรมาส 2 ปีนี้ มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 8,234 ล้านบาท (ไม่รวมรายการพิเศษ) เพิ่มขึ้น 2.9% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และ 8.1% เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ผ่านมา คิดเป็นกำไรสุทธิที่เพิ่มขึ้น 4 ไตรมาสติดต่อกัน
คาดการณ์รายได้การให้บริการเติบโตทั้งปีเติบโต 4 – 6% และตั้งเป้าอัตรากำไร EBITDA ทั้งปีใกล้เคียงกับปีก่อนที่ประมาณ 42 – 44% และจัดสรรงบลงทุน 20,000 – 25,000 ล้านบาท ทั้งในโครงข่าย 4G และไฟเบอร์
]]>ขณะเดียวกันมีตัวเลขคาดการณ์ในปี 2020 อัตราผู้ใช้บริการบรอดแบนด์จะเพิ่มขึ้นเป็น 50% หรือราว 11 ล้านครัวเรือน จากตัวเลขครัวเรือนทั้งประเทศ 22 ล้านครัวเรือน ตัวเลขที่ก้าวกระโดดเช่นนี้เพราะบรอดแบนด์ หรือ “อินเทอร์เน็ตความเร็วสูง” ถูกมองเป็น “ปัจจัยที่ 5” ไปเสียแล้ว
เพราะเวลานี้ทุกคนต่างไม่ได้มีดีไวซ์เพียง 1 – 2 เครื่องเท่านั้น แต่เฉลี่ยแล้ว 1 ครัวเรือนมีดีไวซ์ที่เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต 5 – 10 เครื่อง ทั้งสมาร์ทโฟน แท็บเล็ต คอมพิวเตอร์ ไปจนถึงสมาร์ททีวี ที่สำคัญคอนเทนต์สตรีมมิ่งต่างๆ ออกมาอย่างไม่ขาดสาย รวมถึงโซเชียลมีเดียละเกม ส่งผลให้ผู้บริโภคมีความต้องการติดอินเทอร์เน็ตบ้านมากขึ้นเรื่อยๆ
ทั้งหมดทั้งมวลจึงกลายเป็น “เค้กชิ้นใหญ่” ที่เหล่า Player ต่างแย่งชิงกันอุตลุดเพื่งดึงฐานลูกค้ามาไว้ในมือให้ได้ โดย ณ วันนี้ TrueOnline คือผู้ที่อยู่หัวตารางด้วยฐานผู้ใช้ 3.5 ล้านราย มีฐานผู้ใช้ใหม่เติบโต 331,628 ราย ส่งผลให้รายได้รวมของบริการบรอดแบนด์อินเทอร์เน็ตเพิ่มขึ้น 11.2% ในปี 2018 เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้าที่เติบโต 9.8% คิดเป็นเม็ดเงินราว 12,000 ล้านบาท
ธนภูมิ ภาคย์วิศาล ผู้อำนวยการและหัวหน้าสายงานการพาณิชย์ทรูออนไลน์ บมจ. ทรูคอร์ปอเรชั่น ประกาศว่า
ไม่แปลกที่ TrueOnline จะออกมาประกาศเป้าหมายนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในข้อหลัง เพราะเมื่อดูรายงานที่ “ทรูคอร์ปอเรชั่น” รายงานต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย จะพบว่าตัวเลขนี้ลดลงเรื่อยมาซึ่งส่วนทางกับจำนวนผู้ใช้ที่มากยิ่งขึ้น
นั่นเพราะเกิดจากการแข่งขัน 2 ปัจจัยหลัก ได้แก่ การขยายบริการไฟเบอร์ และการเพิ่มความเร็วอินเทอร์เน็ต แต่เป็นการเพิ่มในราคา “เท่าเดิม” ตัวอย่างเช่น ราคา 590 บาท ได้ขยับจากความเร็ว 10 Mbps ก่อนจะเป็น 50 Mbps จนถึง 100 Mbps ซึ่งเป็นราคาแรกเริ่มของทุกค่าย และฐานลูกค้าของ TrueOnline กว่า 60 – 70% ต่างใช้แพ็กเกจนี้
เมื่อ TrueOnline ต้องการขยับรายได้ในส่วนจึงต้องปรับเกมใหม่ กลายเป็นที่มาของการเปิดตัวแพ็กเกจใหม่ “Gigatex เน็ตไฟเบอร์ 1 Gbps” ราคาเริ่มเพียง 899 บาทต่อเดือน พร้อม Gigatex Fiber Router อุปกรณ์รับ–ส่ง ระดับกิกกะบิต มูลค่า 3,900 บาท
หรือสมัครแพ็กเกจ 999 บาทต่อเดือน พร้อม Gigatex Fiber Router และกล่อง TrueID TV ซึ่งเป็นแพ็กคอนเวอร์เจนซ์ที่ TrueOnline มักทำเป็นประจำอยู่แล้ว พร้อมกันนี้ยังใช้งบ 60 ล้านบาทสำหรับโปรโมตแคมเปญใหญ่ประจำปี
เดิมอินเทอร์เน็ตความเร็ว 1 Gbps หลายค่ายต่างมีเหมือนกันแต่ราคา “หลักหมื่น” ต่อเดือน หากในปีที่ผ่านมา TrueOnline ได้ปรับ 2,999 บาท อีก 1 เดือนต่อมา 1,599 บาท ซึ่งราคานี้จะต้องไปซื้อ Router ราคา 4,000 – 5,000 บาทใช้เอง แต่วันนี้ด้วยเครือข่ายและ Router ที่พร้อมจึงปรับราคาให้บุกสู่ตลาดแมส
“Router จะเป็นจุดหลักที่ทำให้คู่แข่งไม่สามารถตามเราได้ทันภายในระยะเวลาอันสั้นนี้ เนื่องจาก TrueOnline พัฒนาขึ้นมาเอง ซึ่งหากไม่ใช้ Router ตัวนี้จะไม่สามารถใช้ความเร็วได้สูงสุด”
ภายในสิ้นปีนี้ “ธนภูมิ” ไม่ได้ตั้งเป้าว่าฐานลูกค้า 3.5 ล้านรายจะเพิ่มขึ้นเท่าไหร่ แต่ต้องการให้ลูกค้าใหม่ 30 – 40% หันมาใช้แพ็กเกจใหม่ ซึ่ง TrueOnline คาดหวังให้เป็นหมัดเด็ดในการชิงลูกค้าจาก “คู่แข่ง” อีกด้วย
]]>ที่เอไอเอสมั่นใจถึงเพียงนี้ เพราะวันนี้คนไทย 70 ล้านคนแต่มีเบอร์มือถือขาว 90 ล้านหมายเลขนั้นหมายความว่าเฉลี่ยแล้วคนไทย 1 คนมีมากกว่า 1 หมายเลข สิ่งที่เกิดขึ้นตามมาคือ “ลูกค้ารายใหม่” เกิดขึ้นได้ยากมาก ทำได้เพียงไปแย่งจากคู่แข่งมา สะท้อนไปถึงรายได้ที่เติบโตไม่มากนัก ปีที่ผ่านมาอยู่ที่ราว 124,601 โต 1.3% จากลูกค้าทั้งหมด 42 ล้านหมายเลข
ในขณะที่ “ธุรกิจอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง” ซึ่งเกิดจากการต่อยอดจากไฟเบอร์ ที่มีบนธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่ สามารถมีรายได้ทั้งสิ้น 4,436 ล้านบาท เติบโตขึ้น 42% มีลูกค้าเพิ่ม 209,300 ราย ทำให้ใน ณ สิ้นปี 2018 มีจำนวนลูกค้าทั้งหมด 730,500 ราย แน่นอนการเติบโตที่หวือหวาเช่นนี้ ส่วนหนึ่งมาจากฐานลูกค้าที่ยังเล็กอยู่มากเมื่อเทียบกับฝั่งมือถือ
สมชัยยอมรับว่า AIS Fibre มาช้ากว่าคู่แข่งในตลาดกว่า 20 ปี แต่ในวันที่เข้ามานั้นกลับสร้าง Game Changer เพราะเข้ามาเปิดเกมด้วยเทคโนโลยีไฟเบอร์ออพติก จนทำให้ผู้ที่มาก่อนต้องทำตาม
แน่นอนการเข้ามาเป็นน้องใหม่ในตลาด สำหรับผู้เล่นเก่าย่อมหมายถึงตัวหารที่เข้ามา การรับมือจึงเกิดเป็นภาพการแข่งขันที่รุนแรงเพื่อแย่งลูกค้า ทั้งเพิ่มความเร็วและลดราคา ส่งผลให้แม้จะมีฐานลูกค้าที่เพิ่มขึ้น แต่ก็ต้องแลกกับรายได้ ARPU หรือรายได้เฉลี่ยต่อลูกค้าที่ลดลงโดยตัวเลขของ AIS ลดลงจาก 635 บาท เหลือ 574 บาท เมื่อเทียบปีต่อปี
จริงๆ แล้วสถานการณ์เช่นนี้ AIS ไม่ได้กังวลมากนัก เพราะการจะทำให้ ARPU ไม่ลดลงมีวิธีไม่ยาก แค่เพิ่มความเร็วให้กับลูกค้าแล้วจ่ายในราคาเท่าเดิม เหมือนกับที่หลายๆ ค่ายเลือกทำ หากนั่นไม่ใช่วิธีที่ดีนักเพราะ “กำไร” จะลดลงแทน ซึ่งสำหรับธุรกิจแล้วกำไรสำคัญที่สุด โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับ AIS ที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ฯ
AIS จึงเลือกแก้เกมโดยมุ่งไปให้ความสำคัญกับการให้บริการแทน “สมชัย” กล่าวว่า วันนี้พูดถึงเรื่องใครเร็วกว่า ราคาถูกกว่า อันนั้นดูถูกผู้บริโภคมากเกินไป การเอาราคามากำหนดไม่ใช่หัวใจที่ผู้บริโภคต้องการ
กลับกันต้องมาพูดถึงเรื่องบริหารทั้งความเร็วในการติดตั้งและการให้ความช่วยเหลือยามเกิดปัญหา วิธีนี้ต่างหากที่จะทำให้ผู้บริโภครัก AIS เหมือนอย่างที่ลูกค้าในฝั่งมือถือหลงรักเรามาแล้ว
แปลคำพูดของ CEO AIS การขึ้นเป็นผู้เล่น “รายใหญ่” ในความหมายนั้นคือการขึ้นมาเป็นเบอร์ 1 ซึ่งวันนี้ผู้ที่ยึดครองอยู่ไม่ใช่ใครที่ไหนแต่เป็น “TrueOnline” คู่แข่งรายสำคัญในสงครามมือถือ ซึ่งมีฐานลูกค้าอยู่ราว 3.3 ล้านราย ตามมาติดๆ ด้วยเบอร์ 2 “3BB” 3 ล้านราย และ “TOT” 1.3 – 1.4 ล้านราย
แล้วทำไมถึงต้องเป็นเบอร์ 1? “ศรัณย์ ผโลประการ” หัวหน้าฝ่ายงานบริหารธุรกิจ ฟิกซ์บรอดแบนด์ เอไอเอส อธิบายว่า ไม่ว่าจะอยู่ในอุตสาหกรรมไหนก็ตาม ผู้บริโภคจำได้เฉพาะเบอร์ 1 และ 2 เท่านั้น ถ้าหลุดจากนี้ไปแล้วผู้บริโภคจะจำไม่ค่อยได้ นั่นเป็นเหตุทำไม AIS Fibre ต้องขึ้นมอยู่หัวตาราง
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าอุตสาหกรรมนี้จะมีการแข่งขันที่รุนแรง หากมองเข้าไปลึกๆ แล้วจะพบว่า ยังมีโอกาสเติบโตได้อีกมาก เพราะครัวเรือนไทยทั้งสิ้น 22 ล้านครัวเรือน มีผู้ที่ติดอินเทอร์เน็ตบ้านอยู่ราว 9.3 ล้านครัวเรือน
ดังนั้นกลยุทธ์ในการกวาดลูกค้านอกจากการบริการที่เกิดขึ้นภายใต้แนวคิด “เร็วกว่า ดีกว่าง่ายกว่า (Forward, Better, Simple)” ซึ่งมี “วิลาสินี พุทธิการันต์” ผู้ปลุกปั้น Privilege ของ AIS จนแข็งเกร่ง กลับมาเป็น “กุนซือ” ให้คำปรึกษาแม้จะเกษียณไปแล้วก็ตาม
และวางแผนบุกเข้าไปหาลูกค้าใจกลางเมืองมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งฐานลูกค้ามือถือกลุ่ม “Serenade” ซึ่งมีกำลังซื้ออยู่แล้วแต่ยังไม่ได้ใช้ AIS Fibre รวมไปถึงการเซต Standard Script สำหรับพนักงานใน AIS Shop และ AIS Telewiz ให้ขายบัลเดิลพ่วงกันเมื่อลูกค้ามาเปิดเบอร์ใหม่
AIS Fibre หวังว่าอย่างน้อยๆ ภายในปี 2019 จะต้องมีฐานลูกค้า 1 ล้านราย ถ้าตัวเลขนี้เกิดขึ้นจริงหมายความว่า AIS จะหายใจรอต้นคอ TOT เข้าไปเรื่อยๆ แล้ว
]]>มาจากอัตราการใช้งาน 4G ที่เพิ่มขึ้น จำนวนลูกค้า AIS Fibre ที่ขยายตัวต่อเนื่อง และการรวมธุรกิจ CSL ที่ให้บริการลูกค้าองค์กร ส่งผลให้มีรายได้รวม 125,271 ล้านบาท ทำให้มีกำไรสุทธิ 22,843 ล้านบาท เติบโตขึ้น 2.1% จากปีก่อน
ส่วนกำไรสุทธิของไตรมาสที่ 3 ทำได้ 6,800 ล้านบาท
นายสมชัย เลิศสุทธิวงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ เอไอเอส กล่าวว่า ธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่เติบโต 1.4% หลังตลาดโดยรวมมีการชะลอการเติบโตจากการแข่งขันด้านราคา โดยเฉพาะในแพ็กเกจรูปแบบการใช้งานไม่จำกัดด้วยความเร็วคงที่ (fixed-speed unlimited)
ในไตรมาส 3 มีลูกค้าเพิ่มขึ้น 552,300 เลขหมาย การใช้งานดาต้าของลูกค้าเฉลี่ยยังคงเพิ่มขึ้นเป็น 10 กิกะไบต์ต่อเดือน และอัตราการใช้งาน 4G ขยายตัวมาอยู่ที่ 57% ของลูกค้ารวม 40.6 ล้านราย
ล่าสุด AIS ได้ร่วมเป็นพันธมิตรกับ Jaymart เพื่อขยายช่องทางการเข้าถึงลูกค้าและเปิดให้บริการ 4G บนคลื่นความถี่ 1800 MHz ความกว้าง 40 MHz (Super Block) ช่วยให้ 4G ของเอไอเอสมีความเร็วเพิ่มขึ้นถึง 15-30%
ธุรกิจอินเทอร์เน็ตบ้าน AIS Fibre ยังคงมีรายได้เติบโต 48% เทียบกับช่วงเก้าเดือนของปีก่อน จากฐานลูกค้าที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็น 676,700 ราย ครอบคลุมพื้นที่ให้บริการกว่า 50 จังหวัดทั่วประเทศ โดยยังคงมีเป้าหมายหลักในการเป็นผู้ให้บริการรายสำคัญในอีก 2-3 ปี โดยสร้างความแตกต่างด้านเทคโนโลยีไฟเบอร์แท้ (Pure Fibre) และการผนวกรวมบริการของ AIS ทั้งอินเทอร์เน็ตบ้าน โทรศัพท์เคลื่อนที่ และดิจิทัลคอนเทนต์.
]]>