น้ำแร่ – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Mon, 11 Jan 2021 00:58:27 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 เปิดอินไซต์ “Nongfu Spring” แบรนด์น้ำแร่ที่พา “จง สานส่าน” รวยกว่าวอร์เรน บัฟเฟตต์ https://positioningmag.com/1313566 Sun, 10 Jan 2021 16:01:55 +0000 https://positioningmag.com/?p=1313566 ชื่อของจง สานส่าน (Zhong Shanshan) เพิ่งได้รับความสนใจสุดขีดช่วงปลายปีที่ผ่านมา เหตุผลเป็นเพราะเขาคือผู้ก่อตั้งบริษัท “หนงฟูสปริง” แบรนด์น้ำดื่มอันดับหนึ่งของจีนที่เพิ่งเปิดตัวในตลาดหุ้นฮ่องกงเมื่อกันยายน 2563

ทันทีที่เปิดตลาด มูลค่าทรัพย์สินทั้งหมดของ จง สานส่าน พุ่งทะยานขึ้นเป็น 5.3 แสนล้านเหรียญสหรัฐ มากกว่าคนดังอย่างแจ็ค หม่า และยังขยับขึ้นต่อเนื่องจนชนะมูเกช อัมบานี แชมป์เศรษฐีอันดับ 1 ของเอเชีย ไม่นาน จง สานส่านถูกจัดอันดับเป็นมหาเศรษฐีอันดับ 6 ของโลกในช่วงต้นมกราคม 64 ซึ่งเป็นอันดับที่ดีกว่าวอร์เรน บัฟเฟตต์

ปรากฏการณ์ความร้อนแรงของหนงฟู สปริงนั้นไม่ธรรมดา เพราะตัวแบรนด์นั้นมีชื่อเสียงมาก แต่ผู้ก่อตั้งกลับไม่ค่อยเป็นที่รู้จัก การเก็บตัวไม่ออกสื่อ ไม่ให้สัมภาษณ์ และไม่มีตำแหน่งทางการเมืองเหมือนนักธุรกิจใหญ่จีนรายอื่นอาจเป็นผลจากนิสัยและประสบการณ์การทำอาชีพนักข่าวมานานกว่า 5 ปีของจง สานส่าน แต่ไม่ได้มีผลใดๆ กับความนิยมของแบรนด์ที่แข็งแกร่งได้ด้วยตัวของแบรนด์เอง

ลงทุนวิจัย ไม่ลืมโฆษณา

เบื้องหลังความแข็งแกร่งของหนงฟู สปริงอาจมีหลายส่วน แต่หนึ่งในนั้นคือการให้ความสำคัญกับการทุ่มทุนด้านวิจัยและพัฒนาอย่างจริงจัง สื่อจีนเคยรายงานว่าหนงฟู สปริงจ้างนักวิจัยและผู้เชี่ยวชาญด้านชีววิทยา รวมถึงแพทย์แผนจีนและนักโภชนาการจำนวนมาก แล้วตั้งขึ้นเป็นทีมงานด้านการวิจัยและพัฒนาที่แข็งแกร่งสุดๆ

ข้อมูลงบการเงินของหนงฟู สปริงระบุชัดว่า ยอดขายของบริษัทในแต่ละปีจะถูกแบ่งออกมา 5% เพื่อเป็นทุนวิจัยและพัฒนาสินค้ารวมถึงบริการใหม่ต่อเนื่อง ทำให้เกิดการพัฒนาสินค้าใหม่ และทุกบริษัทในเครือสามารถเข้าถึงผลงานวิจัยและแบ่งปันองค์ความรู้ได้อย่างเสรี

แต่อีกมุมหนึ่ง หนงฟู สปริงก็ถูกมองว่าเติบโตได้เพราะการโฆษณาล้วนๆ การเลือกคำโฆษณาที่โดนใจและแตกต่างมีส่วนสำคัญที่ทำให้ผู้บริโภคชาวจีนยอมรับในสินค้ามากขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งแซงหน้าคู่แข่งได้อย่างขาดลอย

ไทม์ไลน์ของหนงฟู สปริงเริ่มจากการก่อตั้งเมื่อวันที่ 26 กันยายน 2539 เวลานั้นบริษัทเปิดตัวผลิตภัณฑ์น้ำดื่มบรรจุขวดครั้งแรกในปี 40 โดยใช้น้ำที่มาจากทะเลสาบเกาะพันปีในเจ้อเจียง (Zhejiang Thousand Island) ซึ่งเป็นเมืองบ้านเกิดของจง สานส่าน จุดขายหลักคือการชูความเป็นน้ำแร่ธรรมชาติผ่านสโลแกนติดหูที่ทำให้คนจำได้ว่าน้ำแร่นี้มีรส หวานนิดๆ แล้วจึงขยายไปยัง 10 แหล่งน้ำทั่วจีน จนล่าสุดมีข่าวว่ากำลังจะขยายไปตั้งโรงงานแห่งแรกนอกประเทศจีนที่ Otakiri Springs ในนิวซีแลนด์

หลังจากปรับโครงสร้างกลายเป็นบริษัทร่วมทุนในนามบริษัท หนงฟู สปริง จำกัด ช่วงปี 2544 การเติบโตและเข้าซื้อกิจการมากมาย ทำให้หนงฟู สปริงกลายเป็นผู้ผลิตน้ำดื่มบรรจุขวดที่ใหญ่ที่สุดของจีน และเป็นผู้ผลิต 3 อันดับแรกในตลาดชาและน้ำผลไม้บรรจุขวด

ข้อมูลของบริษัทวิจัยนีลเซน ระบุว่าน้ำแร่ธรรมชาติของหนงฟู สปริง กลายเป็นน้ำดื่มบรรจุขวดที่ได้รับความนิยมมากที่สุดของจีนในปี 2555 ก่อนหน้านี้ บริษัทเปิดตัวเครื่องดื่มหลากหลาย มีการกำหนดกลุ่มเป้าหมายไปที่ตลาดวัยรุ่นด้วยเครื่องดื่มชื่อเท่อย่าง “Scream” คู่กับการขายน้ำแร่ให้หลากหลายคลุมความต้องการที่แตกต่าง เช่นในขวดแก้ว ในถังน้ำขนาด 12 ลิตร รวมถึงน้ำแร่ธรรมชาติสำหรับเด็กเล็ก และน้ำแร่ธรรมชาติสำหรับนักกีฬา นอกจากนี้ บริษัทยังเดินหน้าขยายฐานลูกค้ากลุ่มน้ำสี ด้วยการเปิดตัวเครื่องดื่มวิตามินซีที่ละลายน้ำได้ชาปราศจากน้ำตาลชานม รวมถึงการขยายไปที่น้ำอัดลมรสผลไม้ และล่าสุดคือผลิตภัณฑ์กาแฟ โยเกิร์ต และธัญพืชหลากหลายประเภท

หนงฟู สปริง เคยเป็นข่าวใหญ่เมื่อ 10 เมษายน 2556 สื่อใหญ่อยางปักกิ่งไทม์ส กล่าวหาว่าหนงฟู สปริง จงใจที่จะไม่ทำตามมาตรฐานน้ำดื่นแห่งชาติของจีน และใช้มาตรฐานของมณฑลเจ้อเจียงที่หลวมกว่าแทน ข่าวนี้ทำให้บริษัทตัดสินใจฟ้องหนังสือพิมพ์รายใหญ่ในข้อหาหมิ่นประมาท โดยเรียกร้องเงินค่าเสียหาย 60 ล้านหยวน กลายเป็นคดีที่ชัดเจนว่าหนงฟู สปริงไม่ยอมอ่อนข้อให้ใครเพื่อรักษาชื่อเสียงของแบรนด์

จนปี 59 ท่านประธานจง สานส่าน ขึ้นประกาศกลยุทธ์ใหม่เพื่อกระจายและขยายการดำเนินงานของบริษัทไปสู่ระดับสากล โดยหนงฟู สปริงจะยังเป็นส่วนหนึ่งของบริษัท หยางเซงถัง (Yangshengtang) ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของบริษัทยาอย่างปักกิ่งหวานไถ่ (Beijing Wantai) และไหหนานหยางเซงถังฟาร์มาซูติคอลส์ด้วย (Hainan Yangshengtang Pharmaceuticals)

ในมุมการตลาด หนงฟู สปริงเป็นสปอนเซอร์ให้การสนับสนุนการแข่งขันกีฬาหลายรายการ ล่าสุดเน้นที่กีฬาว่ายน้ำเพราะมีการลงนามในข้อตกลงกับสหพันธ์ fina international swimming federation ในฐานะพันธมิตรหลักสำหรับการแข่งขันในช่วงปี 63-64

โควิดพ่นพิษ

แน่นอนว่ารายการแข่งขันที่เป็นหมันช่วงโควิดสร้างผลกระทบให้บริษัท โดยหนงฟู สปริงประกาศรายได้และกำไรสุทธิลดลงในช่วง 3 เดือนสิ้นสุดเดือนมีนาคม 63 เมื่อเทียบกับช่วง 3 เดือนเดียวกันในปี 62 เนื่องจากการระบาดของไวรัสโควิด-19 โดยขณะนี้โรงงานในแผ่นดินใหญ่สามารถกลับมาดำเนินการตามปกติได้แล้วทำให้ธุรกิจไม่ได้รับผลลบมากนัก ล่าสุดคือเมื่อวันที่ 24 กันยายน 63 หนงฟู สปริงเผยว่าในช่วงครึ่งแรกของปี บริษัทมีรายได้ 11,540 ล้านหยวน ลดลง 6.21% เมื่อเทียบกับปีที่แล้วที่ทำได้ 12,310 ล้านหยวน ขณะที่กำไรสุทธิ 2,860 ล้านหยวน ลดลง 0.43% เมื่อเทียบกับปี 62 ที่มีกำไร 2,88 ล้านหยวน

ปัจจุบัน หนงฟู สปริงขายเครื่องดื่ม 4 ชนิดเป็นหลัก โดยน้ำดื่มบรรจุขวดทำรายได้ 59.7% ของรายได้ในปี 2562 ขณะที่น้ำผลไม้มีสัดส่วน 9.6% เครื่องดื่มชา 13.1% และเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ 15.7% สถิติชี้ว่าน้ำดื่มบรรจุขวดทำรายได้ให้หนงฟู สปริงเพิ่มขึ้นกว่า 26.2% เมื่อเทียบกับครึ่งแรกของปีที่แล้ว อย่างไรก็ตามรายได้ของผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มชาลดลง 10.7% และรายรับจากเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพก็ลดลง 36.4% 

เหตุผลที่สินค้าบางชนิดไม่หวือหวาในปีที่ผ่านมาคือผู้จัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มน้ำผลไม้ได้ทำการกักตุนสินค้าไว้แล้วเมื่อปลายปี 62 คาดว่าการระบายสินค้าเก่าจะยังดำเนินต่อไปจนทำให้รายได้รวมบริษัทลดลงเล็กน้อย 9.7% อย่างไรก็ตาม ผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มอื่น  เช่นกาแฟ เครื่องดื่มน้ำอัดลม และผลิตภัณฑ์โยเกิร์ตมีรายได้เพิ่มขึ้น 210.3% ซึ่งหนงฟู สปริงเชื่อว่าเป็นเพราะผู้บริโภคจดจำแบรนด์ได้

กระทั่งกันยายน 63 หนงฟู สปริงระดมทุนได้เงินประมาณ 1 พันล้านเหรียญสหรัฐโดยการเสนอขายหุ้น IPO ส่งให้ท่านประธานจง สานส่าน กลายเป็นมหาเศรษฐีระดับโลกในอายุ 66 ปี

แม้พื้นเพครอบครัวจะเป็นกลุ่มคนชั้นกลางที่มีการศึกษา แต่เด็กชายสานส่านต้องออกจากโรงเรียนประถมในช่วงของการปฏิวัติวัฒนธรรมครั้งใหญ่ ชีวิตผกผันทำให้หนุ่มน้อยต้องทำงานเป็นช่างไม้และช่างกระเบื้อง และในที่สุดก็มีโอกาสสอบเข้ามหาวิทยาลัย พลิกชีวิตด้วยการเลือกเรียนด้านอิเล็กทรอนิกส์ แล้วเข้าทำงานด้านการข่าวที่วารสารเจียงหนานและนิตยสารเจ้อเจียงรายวันเป็นเวลา 5 ปี ก่อนตัดสินใจลาออกมาทำธุรกิจของตนเองโดยก่อตั้งบริษัท หยางเชงถัง เพื่อเน้นทำตลาดด้านการรักษาสุขภาพโดยเฉพาะ

นอกจากผลิตยาแผนจีน บริษัท หยางเชงถัง ยังมีรายการสุขภาพที่เชิญแพทย์ผู้เชี่ยวชาญทั้งแผนปัจจุบันและแผนจีนมาให้ความรู้แก่ประชาชนด้านการรักษาสุขภาพ แน่นอนว่ารายการนี้ได้รับความนิยมอย่างล้นหลามจากชาวมังกร จนผลิตภัณฑ์ของหยางเชงถังได้รับการยอมรับติดตลาด ตรงนี้มีส่วนปูทางให้หยางเชงถังขยับขยายธุรกิจที่สู่อาหาร เครื่องดื่ม และผลิตภัณฑ์อาหารเสริม จนเป็นแบรนด์ที่ได้รับการจัดตั้งจากกระทรวงพานิชย์จีนให้เป็นเครื่องหมายการค้าอันเป็นที่รู้จักอย่างดีหรือ “China Well-Known Trade Mark”

และเป็นแบรนด์ที่พา จง สานส่าน ไปร่ำรวยกว่าวอร์เรน บัฟเฟตต์ด้วย.


ที่มา : 

]]>
1313566
อ่านเกม “เพอร์ร่า” สร้างความต่างด้วยแฟชั่นแบรนด์ ทำขวดให้สวยที่สุดในตู้แช่ https://positioningmag.com/1250674 Tue, 22 Oct 2019 13:24:05 +0000 https://positioningmag.com/?p=1250674 กรณีศึกษาน้ำแร่เพอร์ร่าของค่ายสิงห์ คอร์เปอเรชั่น กับการสร้างแบรนด์น้ำแร่ที่เป็นน้องใหม่ในตลาด ต้องสร้างความแตกต่างด้วยอีโมชันนอล และเดินเกมด้วยการโคแบรนด์กับแบรนด์แฟชั่นไทย สร้างขวดสวยให้เด่นบนชั้นวาง

เป็นน้องใหม่ ต้องสร้างความต่างด้วยอีโมชันนอล

ตลาดน้ำแร่ถือว่าเป็นอีกหนึ่งตลาดที่มีการเติบโตอย่างต่อเนื่องในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เพราะได้อานิสงส์จากเทรนด์การดูแลสุขภาพมากขึ้น คนใส่ใจเรื่องการดื่มน้ำเปล่า หรือน้ำแร่มากขึ้นเช่นกัน มีการคาดการณ์ว่าในปีนี้ตลาดน้ำแร่จะมีมูลค่า 4,800 ล้านบาท มีการเติบโต 7-8%

ในตลาดมีผู้เล่นใหญ่ 4 รายด้วยกัน ได้แก่ มิเนเร่, เพอร์ร่า, ออร่า และมองเฟลอ ส่วนแบรนด์อื่นๆ จะเป็นแบรนด์น้ำแร่นำเข้า และเป็นเฮาส์แบรนด์ของร้านค้า โดยที่มิเนเร่เป็นผู้ครองตลาดด้วยส่วนแบ่งตลาด 26.5%

ทางค่ายสิงห์ฯ เองนอกจากจะมีน้ำดื่มสิงห์แล้ว ยังมีแบรนด์น้ำแร่เพอร์ร่าอีกเช่นกัน ได้ทำตลาดมา 8 ปีแล้ว แต่ก็ถือว่าเป็นน้องเล็กที่ยังอายุน้อยอยู่ แต่สามารถสร้างการเติบโตแบบก้าวกระโดดจนตอนนี้ขึ้นมาอยู่อันดับ 2 ในตลาดได้ และตั้งเป้าที่จะขึ้นอันดับ 1 ในไม่ช้านี้

ด้วยความที่เป็นน้องใหม่ การตลาดของเพอร์ร่าจึงต้องแตกต่างจากคู่แข่งเพื่อสร้างความแตกต่างให้ได้ อีกทั้งตลาดน้ำดื่ม และน้ำแร่เป็นตลาดที่ขึ้นชื่อว่า Loyalty ต่ำมาก ผู้บริโภคสามารถพ่ายแพ้ให้กับโปรโมชั่น ณ จุดขายได้ทุกเมื่อ

แบรนด์ใหญ่ๆ ในตลาดน้ำแร่ส่วนใหญ่จะมีวิธีการสื่อสารด้วยฟังก์ชันนอล หรือการพูดถึงคุณสมบัติของน้ำแร่ พูดถึงแหล่งที่มาของน้ำแร่ คุณประโยชน์ด้านสุขภาพต่างๆ เมื่อทุกแบรนด์พูดถึงกันเรื่องนี้ ถ้าเพอร์ร่าลงไปเล่นเกมตรงนี้อีกก็คงยากที่จะสร้างจุดยืนของตัวเองได้

วิธีการของเพอร์ร่าจึงเลือกการสื่อสารด้วยอีโมชันนอลเน้นพูดเรื่อวงความรู้สึกเป็นการสร้างภาพลักษณ์ของแบรนด์ให้แตกต่าง

ธิติพร ธรรมาภิมุขกุล ผู้อำนวยการกลุ่มการตลาด ธุรกิจนอนแอลกอฮอลล์ บริษัท สิงห์ คอร์เปอเรชั่น จำกัด เล่าว่า

ถ้าเทียบกับแบรนด์น้ำแร่อื่นๆ ในตลาด เพอร์ร่าเข้ามาคนสุดท้าย ด้วยความเป็นน้องใหม่จึงต้องความแตกต่างจากคู่แข่ง แต่ก่อนพูดเรื่องฟังก์ชันนอล แต่เชื่อว่าผู้บริโภครู้เรื่องคุณค่าของน้ำแร่กันหมดแล้ว จากนั้นก็มาดูข้อมูลพบว่าลูกค้าส่วนใหญ่ของเพอร์ร่า 70% เป็นผู้หญิง จึงอยากทำให้เป็นแบรนด์ในใจ เลยมาเล่นเรื่องอีโมชันนอล

โดยที่ทางเพอร์ร่าได้ทำผลสำรวจพบว่า คนที่ดื่มน้ำแร่คือ คนรักสวยรักงาม รักสุขภาพ จากนั้นก็มาดูอีกว่ามาดูว่าคนที่ดื่มน้ำแร่ชอบอะไร มีไลฟ์สไตล์อะไร ก็พบว่าชอบแฟชั่น การแต่งตัว คำตอบของเพอร์ร่าจึงการวางจุดยืนให้เป็นแฟชั่นแบรนด์เรียกว่าเป็นการพลิกตำราการสื่อสารของตลาดน้ำแร่เลยก็ว่าได้

ยึดกลยุทธ์โคแบรนด์ สร้างจุดยืนเป็นน้ำแร่สุดแฟชั่น

เพอร์ร่าอยู่ในตลาด 8 ปี ในช่วงแรกก็ได้ใช้กลยุทธ์ที่ไม่แตกต่างจากเจ้าอื่นมากนัก พูดถึงคุณภาพของน้ำ และมีการใช้พลอย เฌอมาลย์เป็นพรีเซ็นเตอร์ต่อเนื่อง 4 ปีแล้ว แต่ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมาเพอร์ร่าได้จับจุดยืนของตัวเองได้สำเร็จ ด้วยกลยุทธ์การ Collaboration หรือโคแบรนด์กับเหล่าแบรนด์ไทยแฟชั่น ในการสร้างขวดที่เป็น Limited Edition

เพอร์ร่าได้เริ่มมีการโคแบรนด์ตั้งแต่ปี 2016 มีการร่วมงานกับดีไซเนอร์ไทยมากมาย ได้แก่ Disaya, Issue, Asava, Vatanika, Poem และเมื่อต้นปีได้ออกคอลเลกชั่นกับจี๊ป ภาสินี คงเดชะกุลศิลปินชื่อดังที่เคย Collaborate ออกคอลเลกชั่นพิเศษกับแบรนด์ดังอย่าง Louis Vuitton และ Rimowa

เหตุผลที่เพอร์ร่าเลือกโคแบรนด์กับดีไซเนอร์แบรนด์ไทยนั้นธิติพรบอกว่า พอคนดื่มน้ำแร่สนใจเรื่องความสวยความงาม เรื่องแฟชั่นจึงสนใจเรื่องไทย ดีไซน์เป็นแฟชั่นที่มาแรงในยุคนี้ คนไทยนิยมมากขึ้นจึงอยากสนับสนุนแบรนด์ไทย

อีกหนึ่งความสำคัญของการโคแบรนด์ก็คือการที่สร้างการจดจำมากขึ้น ลูกค้าสามารถจำขวดเพอร์ร่าได้ง่าย ทำให้เด่นที่สุดเมื่ออยู่บนชั้นวาง ถือเป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญของแบรนด์

การทำคอลเลกชั่นใหม่ทำให้คนรู้จักเพอร์ร่ามากขึ้น เพราะสิ่งสำคัญเมื่อสินค้าอยู่บนเชลฟ์ หรือตู้แช่ ต้องดึงดูดให้ลูกค้าซื้อให้ได้ พอขวดสวยกว่าก็ทำให้ลูกค้าอยากหยิบมากขึ้น ถึงแม้จะเป้นลูกค้าที่ไม่ได้ดื่มมาก แต่พอเป็นขวดพิเศษก็อยากหยิบ เพราะเป็นแบรนด์เดียวที่มีขวดพิเศษ

การออกขวดคอลเลกชั่นพิเศษจะไม่ได้อยู่แค่ช่วงฤดูร้อนที่เป็นช่วงของการขายน้ำดื่ม แต่จะเป็นช่วงฤดูกาลแฟชั่นที่จะมีคอลเลกชั่น Spring/Summer และ Autumn/Winter ทำให้ในแต่ละปีเพอร์ร่าจะมีขวดคอลเลกชั่นพิเศษ 2 ครั้ง

ในปีนี้เมื่อต้นปีได้จับมือกับจี๊ป ภาสินี คงเดชะกุล เป็นคอลเลกชั่นที่ขายดีที่สุด ขายหมดในเวลาเดือนครึ่ง และล่าสุดได้โคแบรนด์กับ “SIRIVANNAVARI BANGKOK” จะจำหน่ายตั้งแต่เดือนตุลาคมธันวาคม 2562

ธิติพรยังเสริมอีกว่า การโคแบรนด์ยังทำให้แบรนด์แฟชั่นเป็นที่รู้จักมากขึ้น เพราะธุรกิจไทยดีไซน์ยังมีการสื่อสารไม่ครอบคลุมทั่วประเทศ สื่อเฉพาะในวงจำกัด แต่พออยู่บนขวดมีการกระจายไปทั่วประเทศ ทำให้คนรู้จักมากขึ้น ถือเป็นการช่วยโปรโมตแบรนด์ไทยให้่เป็นที่รู้จักมากขึ้นด้วย

เดินเกมถูกทาง สร้างการเติบโตก้าวกระโดด

ตลาดน้ำแร่ที่มีการโตเฉลี่ย 7-8% แต่เพอร์ร่ามีการเติบโต 40%

ธิติพรบอกว่า เพอร์ร่ามีการเติบโตมากกว่าตลาดมาตลอด ในปี 2018-2019 มีการเติบโต 47% ส่วนในปีนี้เติบโต 40% จนตอนนี้เริ่มไล่เบอร์หนึ่งมาแบบหายใจรดต้นคอ มีส่วนแบ่งการตลาดจาก 17% ในปีก่อน เพิ่มขึ้นเป็น 22.8% ส่วนมิเนเร่ลดลงจาก 29.8% เหลือ 26.5%

เมื่อดูส่วนแบ่งการตลาดช่วง 9 เดือนแรกของปี มิเนเร่ 26.5% เพอร์ร่า 22.8% ออร่า 16.9% มองเฟลอ 16.2% และอื่นๆ 17.6% ตลาดมีมูลค่า 4,800 ล้านบาท

ส่วนในสิ้นปีนี้ตั้งเป้ามีส่วนแบ่งการตลาด 23% และในปีหน้าเพิ่มขึ้นเป็น 35% หวังขึ้นเบอร์หนึ่งในตลาดให้ได้…

]]>
1250674
หนีดัมพ์ราคา “เพอร์ร่า” สานต่อ Collaborate แบรนด์แฟชั่น ออกแพ็กเกจลิมิเต็ด กระตุ้นอารมณ์ซื้อ https://positioningmag.com/1134779 Tue, 01 Aug 2017 18:56:05 +0000 http://positioningmag.com/?p=1134779 นับเป็นการสานต่อกลยุทธ์ Collaboration Marketing ของน้ำแร่ “เพอร์ร่า” ค่ายสิงห์ ในการดึงดีไซเนอร์ 4 ดีไซเนอร์แบรนด์ไทยมาออกแบบฉลากอีกครั้งเป็นคอลเลกชั่นที่ 2 ได้แก่ Vickteerut, Vatanika, La Boutique และ POEM มาร่วมออกแบบฉลาก บรรจุภัณฑ์ขวดน้ำแร่ เพอร์ร่า รุ่น ลิมิเต็ด อิดิชั่น โดยจำหน่ายแค่ในเครือเดอะมอลล์ และเซเว่นอีเลฟเว่น

ธิติพร ธรรมาภิมุขกุล ผู้อำนวยการกลุ่มการตลาด ธุรกิจอาหาร และเครื่องดื่ม บริษัท สิงห์ คอร์เปอเรชั่น จำกัด กล่าวว่า เหตุที่ยังเลือกสานต่ออกลยุทธ์ดังกล่าว เนื่องจากภาพรวมตลาดน้ำแร่ครึ่งปีแรก 2560 ที่ผ่านมา หลายแบรนด์จะมุ่งทำโปรโมชั่นด้านราคา บางแบรนด์ลดราคาลงมา 40-50% จนทำให้ราคาใกล้เคียงกับราคาน้ำดื่ม

ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาตลาดน้ำแร่มีการเติบโตในอัตรา 2 หลักมาโดยตลอด แต่ในปีนี้มีการคาดการณ์ว่าจะโตแค่ 8% เพราะจากปัจจัยด้านเศรษฐกิจที่ยังไม่ฟื้น ผู้เล่นในตลาดไม่มีการทำตลาดที่แอคทีฟ แม้จะมีผู้เล่นรายใหม่เข้ามาถึง 2 แบรนด์แต่ก็ยังไม่ได้ทำกิจกรรมชัดเจน จึงยังไม่เห็นผลกระทบในการสร้างการเติบโต ทำให้คาดการณ์ว่าตลาดจะเติบโตน้อยลงจากปีก่อนที่โต 14%

นอกจากนี้ คาดการณ์ตลาดน้ำแร่ มูลค่า 3,800 ล้านบาทจะโตได้แค่ 8% จากปีที่ผ่านมาโต 14% เพราะเศรษฐกิจที่ยังไม่ฟื้น ผู้เล่นในตลาดไม่มีการทำตลาดที่แอคทีฟ แม้จะมีผู้เล่นรายใหม่เข้ามาถึง 2 แบรนด์แต่ก็ยังไม่ได้ทำกิจกรรมชัดเจน

อย่างไรก็ตาม แต่โอกาสในตลาดยังคงมีอยู่เพราะผู้บริโภคเปลี่ยนพฤติกรรมจากดื่มน้ำเปล่าธรรมดามาดื่มน้ำแร่มากขึ้น จึงยังต้องสร้างการรับรู้ต่อเนื่อง

โดย “น้ำแร่” เพอร์ร่า จะไม่เน้นทำโปรโมชั่นราคา เพราะไม่เป็นผลดีนระยะยาว ยังคงสานต่อกลยุทธ์ “อีโมชันนอล” ซึ่งถือเป็นจุดเริ่มต้นของการสร้างแบรนด์ โดยเน้นไปที่ผู้หญิงที่เป็นกลุ่มเป้าหมายหลัก ที่มีสัดส่วนการดื่มถึง 80% ผู้ชาย 20% และยังสร้างความแตกต่างจากคู่แข่งส่วนใหญ่จะเน้นเรื่องของ “ฟังก์ชันนอล” หรือคุณสมบัติของน้ำแร่เป็นหลัก

โดยก่อนหน้านี้ เพอร์ร่าได้ปูทางเรื่องอีโมชั่นผ่านแคมเปญดื่มให้ทุกความรู้สึกเมื่อ 3 ปีก่อน พร้อมกับดึงพลอย เฌอมาลย์เป็นพรีเซ็นเตอร์คนแรกของแบรนด์ เพื่อสร้างความจดจำ และใช้ต่อเนื่องมาตลอด 3 ปีเพื่อคงความต่อเนื่อง

จากนั้นในปีที่แล้ว เพอร์ร่า ได้นำใช้กลยุทธ์ Collaboration Marketing เป็นการออกแบบฉลากให้เป็นลิมิเต็ด อิดิชั่น ได้ดึง 4 ดีไซเนอร์ไทย ISSUE, Asava, Patinya และ Irada มาร่วมออกแบบ ได้การรับผลตอบรับจากผู้บริโภคดีมาก ในช่องทางขายผ่านกลุ่มเดอะมอลล์จากยอดขายปกติเติบโตขึ้น 66% และในกลุ่มร้านสะดวกซื้อ โตขึ้น 15% จากยอดขายปกติ

ปีนี้จึงตอกย้ำกลยุทธ์ที่สร้างคุณค่าทางความรู้สึกให้ผู้บริโภคเมื่อดื่มน้ำแร่เพอร์ร่า เพราะจากการศึกษาตลาดผู้ดื่มน้ำแร่ส่วนใหญ่ที่เป็นผู้หญิง นอกจากจะดื่มเพื่อดูแลสุขภาพแล้วให้ดูดีจากภายใน ภาพลักษณ์ภายนอกก็เป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้ผู้บริโภคเลือกดื่มและพกติดตัวได้

แฟชั่นกับผู้หญิงเป็นของคู่กัน การได้ลวดลายแฟชั่นมาอยู่บนขวด เป็นการกระตุ้นให้ผู้บริโภคอยากถือติดตัวมากขึ้น ให้เป็นเหมือนเครื่องประดับชิ้นหนึ่งในร่างกายที่สามารถมิกซ์ แอนด์ แมตช์กับลุคในชีวิตประจำวัน

ในปีนี้เพอร์ร่าใช้งบการตลาดรวม 80 ล้านบาท ตั้งเป้าการเติบโต 46%   คิดเป็นยอดขาย 51 ล้านลิตร หรือประมาณ 550 ล้านบาท โดยตั้งเป้าเพิ่มส่วนแบ่งตลาดเเป็น 15% จากปัจจุบันมี 11.7% และจะเพิ่มส่วนแบ่งตลาดเป็น 25% ให้ได้ใน 3 ปี

  1. Purra X Vickteerut ออกแบบขวดน้ำแร่ลวดลาย Cubism
  2. Purra X VATANIKA ออกแบบลายขวดน้ำที่เล่นแสงของการสะท้อนของผิวน้ำมาผสมผสานรูป Geometric 
  3. Purra X LA BOUTIQUE ออกแบบลวดลายขวดน้ำแร่เพอร์ร่าจากหนึ่งในลายเซ็นของลาบูทีคส์ คอลเลกชั่น ประจำฤดูหนาว 2017 และ
  4. Purra X POEM ใช้แรงบันดาลใจในการออกแบบเนื่องในโอกาสครบรอบ 10 ปีของโพเอ็ม

]]>
1134779