สำหรับ TreeCard เป็นบัตรเดบิตที่ทำมาจากไม้เชอรี่ (Cherry) มีเเหล่งที่มาผ่านการปลูกแบบยั่งยืน โดย 80% ของกำไรที่ได้จากค่าธรรมเนียมการใช้จ่ายของลูกค้า จะถูกนำไปใช้เพื่อการสนับสนุนการ “ปลูกป่า” เเละเเผนการขยายพื้นที่สีเขียวในสถานที่ต่างๆ ทั่วโลก

บัตร TreeCard ได้รับการรับรองจาก Mastercard เพื่อใช้สำหรับการชำระเงินออนไลน์และออฟไลน์ นอกจากนี้ยังสามารถเชื่อมกับ Apple Pay, Google Pay และ Samsung Pay ได้อีกด้วย

“เราทำบัตรที่ทำจากไม้เพื่อลดการใช้พลาสติก โดยต้นไม้เเค่ 1 ต้นสามารถผลิตการ์ดได้มากกว่า 3 เเสนใบ ซึ่งครอบคลุมจำนวน TreeCard ทั้งหมดของเราเเล้ว เเละจะนำไปสู่การตอบเเทนด้วยการปลูกป่าต่อไปอีกนับล้านต้น”

โดยผู้ถือบัตรสามารถติดตามและจัดหมวดหมู่การใช้จ่ายในบัญชี TreeCard พร้อมตรวจสอบว่าจำนวนต้นไม้ที่ปลูกจากกำไรค่าธรรมเนียมที่หักไปนั้น มีความคืบหน้าเเค่ไหนอย่างไร ผ่านเเอปพลิเคชันมือถือของผู้ใช้บริการบัตรดังกล่าว

ตอนนี้ TreeCard ได้เปิดรับสมัครผู้ที่สนใจจะใช้บริการเเล้ว เเละคาดว่าจะสามารถจะเริ่มจัดส่งบัตรได้ภายในช่วงต้นปี 2021 นี้

ที่มา : NFCW , Telegraph

ทำให้ในช่วงปีนี้วงการธนาคารได้สั่นสะเทือนด้วยบัตรท่องเที่ยว เป็นบัตรเดบิตที่ใช้เติมเงินสำหรับเดินทางไปเที่ยวต่างประเทศโดยเฉพาะ แถมหลายเจ้ายังเคลมว่าได้เรตที่ถูกด้วย มีหลายธนาคารกระโดดลงมาเล่นทั้งกรุงไทย, ทีเอ็มบี และไทยพาณิชย์ เป็นต้น

ทีนี้ธนาคารกสิกรไทยจะยอมตกขบวนได้อย่างไร ขอเปิดตัว “บัตรเดบิต JOURNEY” กับเขาบ้าง วางจุดยืนเป็นไลฟ์สไตล์ เดบิตการ์ด (Lifestyle Debit Card) บัตรนี้ชูจุดเด่นเรตแลกเงินทุกสกุลเงินที่ถูก เคลมว่า “ทุบสถิติ เรตถูก โลกต้องจำ” ทั้งแลกเงิน และรูดใช้จ่ายต่างประเทศ ชนทุกเรตของทุกธนาคารและร้านแลกเงินทั่วไป ไม่มีชาร์จ 2.5% ใช้ได้ทุกสกุลเงินทั่วโลก ไม่ต้องเติมหรือแลกเงินผ่านแอป และยังเป็นบัตรเดบิตที่ใช้ในไทยได้อีกด้วย

โดยหน้าบัตรดีไซน์คล้ายกล้องถ่ายรูป เข้ากับโหมดเดินทางท่องเที่ยว มีสิทธิประโยชน์ตั้งแต่วางแผนเดินทางจนจบทริป

พัชร สมะลาภา กรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่า “บัตรเดบิตกสิกรไทยเป็นผู้นำในตลาด ปัจจุบันมียอดผู้ถือบัตรเดบิตกสิกรไทยรวมกว่า 13 ล้านบัตร คิดเป็นส่วนแบ่งตลาด 16% และมียอดการใช้จ่ายผ่านบัตรเดบิตเป็นอันดับหนึ่งในกลุ่มธุรกิจธนาคาร โดยคาดการณ์ว่าจะมียอดใช้จ่ายในปี 2562 มากกว่า 100,000 ล้านบาท กลยุทธ์หลักบัตรเดบิตกสิกรไทยคือ เป็นไลฟ์สไตล์ เดบิตการ์ด (Lifestyle Debit Card) ที่ตอบไลฟ์สไตล์ยุคดิจิทัล (Digital Lifestyle) ทั้งการใช้ชีวิต การใช้จ่าย และการเดินทาง เพิ่มความสะดวกในยุคปัจจุบันที่สมาร์ทโฟนมีบทบาทกับชีวิตประจำวัน ทำให้การสมัครบัตรและการนำบัตรไปใช้ถูกปรับให้มีความสอดคล้องกับไลฟ์สไตล์ของลูกค้ามากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะในปีนี้ที่มุ่งเจาะกลุ่มลูกค้าที่เดินทางต่างประเทศ ทั้งเพื่อท่องเที่ยว ทำงาน และกลุ่มที่ศึกษาในต่างประเทศ เป็นการขยายบริการของบัตรเดบิตให้ตอบรับไลฟ์สไตล์และเทรนด์การเดินทางท่องเที่ยวต่างประเทศที่กำลังเติบโต

โดยบัตรเดบิต JOURNEY ได้ยกเว้นค่าธรรมเนียมรายปีของปีแรกให้ผู้สมัคร ซึ่งธนาคารตั้งเป้าหมายมีผู้สมัครบัตร 300,000 ใบภายใน 1 ปี มีมูลค่าการใช้จ่าย 6,000 ล้านบาท และช่วยขยายฐานบัตรเดบิตเพิ่มขึ้นเป็น 14 ล้านใบ ภายในสิ้นปี 2562

คนไทยเที่ยวปีละ 11 ล้าน ใช้จ่าย 3.9 แสนล้าน

ข้อมูลจากศูนย์วิจัยกสิกรไทยระบุว่า มีคนไทยเดินทางไปท่องเที่ยวต่างประเทศประมาณ 11 ล้านคน เพิ่มขึ้น 7.4% มีการใช้จ่ายประมาณ 390,000 ล้านบาท จากปัจจัยเงินบาทแข็งค่า โปรโมชั่นต่างๆ และมีการขยายเส้นทางการบินไปยังจุดหมายปลายทางใหม่ๆ ให้เลือกท่องเที่ยวตลอดปี โดยฤดูกาลท่องเที่ยวของคนไทยในการไปต่างประเทศมีอยู่ 2 ช่วง คือ ช่วงมีนาคม–พฤษภาคม และช่วงตุลาคม–ธันวาคมของทุกปี เนื่องจากมีช่วงวันหยุดยาวติดต่อกัน และเป็นช่วงปิดเทอม.