เรียกว่าเป็นอีกหนึ่งกรณีศึกษาที่เรียนรู้จากสถานการณ์บนโลกออนไลน์ได้อย่างดี เพียงแค่ไม่กี่สัปดาห์ที่เกิดกระแสของ Save ปีโป้สีม่วงที่โด่งดังมาจาก Twitter จนกลายเป็นที่ถกเถียงบนโลกออนไลน์ว่าสีไหนอร่อยที่สุด สีไหนไม่อร่อย ซึ่งขึ้นอยู่กับความชอบของแต่ละคน
ปีโป้เป็นอีกหนึ่งแบรนด์ขนมที่มีประวัติยาวนาน เชื่อว่าหลายคนต้องเติบโตมากับขนมแบรนด์นี้ แต่ปีโป้ก็ไม่ได้ทำการตลาดอะไรมากนัก แม้แต่แพ็กเกจจิ้งก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไร มีเพียงสินค้าใหม่ๆ ที่จะออกมานานทีปีหน
แต่ในครั้งนี้เรียกว่าสร้างเสียงฮือฮาได้พอสมควร มีปีโป้ขายแบบแยกสีในปริมาณ 70 ถ้วย ราคา 99 บาท ซึ่งยังไม่รวมค่าจัดส่ง เริ่มวางจำหน่ายใน Shopee แห่งแรก
เป็นการเอาใจผู้บริโภคที่ทานแต่สีเดียว ไม่ต้องไปแย่งชิงกับคนอื่น และไม่ต้องไปสุ่มในถุงอีกด้วย.
]]>แต่ถ้าพูดถึงสินค้าที่ทุกคนโตมาด้วยกันตั้งแต่วัยเด็ก หนีไม้พ้น “ขนม” ประเภทต่างๆ หนึ่งในสินค้าที่อาจจะ “ดักแก่” ให้นึกถึงอดีตได้ มีมากมาย หนึ่งในนั้นคือ “ปักกิ่ง และปีโป้” ที่ตอนเด็กๆผู้บริโภคคงผ่านการกำเงินไปซื้อขนมเหล่านี้มาทานอย่างแน่นอน
ตำนานปักกิ่งและปีโป้ แบรนด์นี้อยู่คู่คนไทยมากว่า 30 ปีแล้ว ทั้ง 2 แบรนด์ เป็นสินค้าที่มาจากบริษัทเดียวกันคือ “ยูโรเปี้ยนฟู้ด” ซึ่งมีสินค้าในพอร์ตโฟลิโอจำนวนมากตั้งแต่เวเฟอร์, เยลลี่, บิสกิต, มาร์ชแมลโล่, ลูกอม และเค้ก เป็นต้น
ปักกิ่ง เป็นเวเฟอร์เคลือบรสชาติต่างๆ และตั้งราคาขายชิ้นละ 1 บาท ผ่านร้านค้าทั่วไป แต่ปัจจุบันตลาดเปลี่ยนแปลง อัตราเงินเฟ้อมีผลต่อการกำหนดราคาสินค้า และการแบ่งขายเริ่มเห็นน้อยลง ขณะเดียวกันหากเดินเข้าไปในร้านสะดวกซื้อจะเห็นขนมดังกล่าวขายยกซอง 10 ชิ้น ในราคา 10 กว่าบาท
เช่นเดียวกับปีโป้ วันนี้การเห็นเด็กกำเงินไปซื้อเยลลี่ราคา 1 บาทต่อถ้วย เหมือนในอดีตเป็นเรื่องยาก สินค้าจึงทำออกมาขายยกห่อขนาด 25 ถ้วย ราคาประมาณ 50 บาทบ้าง และซอยห่อใส่ปริมาณให้น้อยลง เพื่อตั้งราคาขายให้ซื้อง่ายขึ้น
ส่วนการทำตลาดเวเฟอร์ปักกิ่งและปีโป้นั่น ยูโรเปี้ยนฟู้ด ยึดเวลาเช้าเสาร์-อาทิตย์ ช่วงที่ช่อง 9 การ์ตูนออกอากาศ เพื่อโฆษณาผลิตภัณฑ์ทำให้เด็กๆรับรู้และจดจำแบรนด์ได้อย่างดี มีประโยคติดหูอย่าง “ใครๆ ก็ชอบปักกิ่ง คึกคักคึกคักกับปักกิ่ง” ส่วนปีโป้ประโยคฮิตคือ ปีปีโป้ ปะปะปีปีโป้ นั่นเอง
ในตลาดนี้คู่แข่งสำคัญ คือสินค้าจาก “ยูไนเต็ดฟูดส์” ที่มี “เซี่ยงไฮ” เวเฟอร์ และ เยลลี่ “โยโย่” ที่ทำตลาดอยู่ก่อนแล้ว
ปัจจุบันสินค้าเด็กเหล่านี้ ปรับตัวในการทำตลาดเพื่อจับกลุ่มเป้าหมายที่เติบโตไปตามเวลา อย่าง ปักกิ่ง มีการแตกไลน์เป็น “ปักกิ่งครั้นซ์” ขนาดใหญ่ขึ้น ราคาขาย 5 บาท แต่การทำตลาดยังคงคอนเซ็ปต์สนุกสนาน มีการดึง โก๊ะตี๋ มาเป็นพรีเซ็นเตอร์
ส่วนปีโป้ นอกจากสินค้าเยลลี่แบบถ้วยเล็กเป็นออริจินัลแล้ว ยังมีถ้วยชนาดใหญ่ 135 กรัม เยลลี่เชค ในขวด PETและกัมมี่ จับกลุ่มเป้าหมายวัยเรียนและวัยทำงานด้วย ส่วนการสร้างแบรนด์ได้หันมาใช้กลยุทธ์ Sport Marketing ดึงบรรดานักกีฬาวอลเล่ย์บอลทีมชาติไทย เช่น ปลิ้มจิต, ทัดดาว มาเป็นพรีเซ็นเตอร์ ชูภาพลักษณ์แบรนด์ที่มีความสนุกสนาน เพื่อทำให้ขนมวัยเด็กยังคงขายได้และอยู่คู่กับผู้บริโภคผู้ใหญ่
การปรับตัวของปักกิ่ง ปีโป้ ไม่ใช่แค่สินค้า ราคา และการทำตลาด สร้างแบรนด์เท่านั้น แต่ “แบรนด์องค์กร” หรือ Corporate brand ก็พลิกโฉมไปมาก โดยยูโรเปี้ยนฟู้ด ให้น้ำหนักในการทำ Sport Marketing อย่างมาก ดันสินค้าอื่นในพอร์ตโฟลิโอ อย่าง ยูโร่เค้ก ไปเป็นสปอนเซอร์สนับสนุนฟุตบอลไทยลีก 3-4 และใช้ชื่อลีกว่ายูโร่เค้กลีก มีการจัดกิจกรรมร่วมกับสโมสรฟุตบอล “แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด” ที่มีแฟนบอลกว่า 600 ล้านคนทั่วโลก ทำกิจกรรมตลาดและโปรโมชั่น นับเป็นการขยายฐานจากวัยเด็ก ไปสู่กลุ่มเป้าหมายที่กว้างและเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น
อย่างไรก็ตาม ขนมวัยเด็กที่อยู่ในความทรงจำของผู้ใหญ่จากบริษัทแห่งนี้ ยังมีอีกมากมาย เช่น โอโจ้ ขนมสมัยมัธยมที่ฮิตในตลาดไม่ต่างจากกูลิโกะ ป๊อกกี้
ตลาดขนมหวาน (Confessionary) ในไทยมีมูลค่าหลักหมื่นล้านบาท โดยเวเฟอร์ บิสกิต หมากฝรั่ง ลูกอม ถูกรวมอยู่ในนี้ทั้งหมด ขณะที่ผู้เล่นในตลาดดังกล่าวนอกจากยูโรเปี้ยนฟู้ด ยังมีไทยเพรซิเดนท์ฟูดส์ ของเครือสหพัฒน์, มอนเดลีซ ประเทศไทย, เคจีซี คอร์ปอเรชั่น เป็นต้น
ยูโรเปี้ยนฟู้ด อยู่ในตลาดขนมมา 33 ปี แต่ช่วง 5 ปีที่ผ่านมา อัตราการเติบโตยอดขายหดตัวลงอย่างต่อเนื่อง แต่ความสามารถในการทำกำไรยังอยู่ในเกณฑ์ที่ดี โดยผลประกอบการของบริษัทเป็นดังนี้