ผ้าอ้อมเด็กอัจฉริยะ – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Mon, 22 Jul 2019 05:26:18 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 ไม่ต้องรอให้ลูกร้อง “ผ้าอ้อมเด็กอัจฉริยะ” มาแล้ว ส่งข้อความแจ้งเตือนผ่านแอปทันทีเมื่อต้องเปลี่ยน https://positioningmag.com/1239844 Mon, 22 Jul 2019 04:29:49 +0000 https://positioningmag.com/?p=1239844 ไม่ใช่สมาร์ทโฟน ไม่ใช่สมาร์ทว็อตช์ แต่เป็น smart diaper ผ้าอ้อมสำเร็จรูปของเด็กที่จะออนไลน์ และส่งข้อความแจ้งเตือนพ่อแม่มือใหม่ได้เมื่อผ้าอ้อมเปียก น่าเสียดายที่ผ้าอ้อมอัจฉริยะนี้ยังมีข้อจำกัดหลายส่วน หนึ่งในนั้นคือการตรวจจับได้เฉพาะการปัสสาวะ และความจำเป็นต้องเปลี่ยนเซ็นเซอร์ทุก 13 สัปดาห์ ท่ามกลางราคาที่ยังไม่เปิดเผย

ผ้าอ้อม Lumi by Pampers เป็นผ้าอ้อมเด็กแนวใหม่ที่ช่วยให้พ่อแม่ผู้ดูแล ได้รับข้อความแจ้งเตือนเมื่อทารกต้องการผ้าอ้อมชิ้นใหม่ ความพิเศษคือผลิตภัณฑ์นี้สามารถติดตามเวลานอนหลับของทารก และจำนวนครั้งที่ปัสสาวะได้ แต่ไม่สามารถติดตามจำนวนครั้งที่อุจจาระ ซึ่งอาจไม่ใช่ปัญหาเพราะผู้ดูแลสามารถใช้จมูกดมกลิ่นเอกลักษณ์ของอึเจ้าตัวน้อย

การเปิดตัวของ Lumi เข้ามาชี้ว่าสงคราม smart diaper” ได้เริ่มขึ้นแล้ว เพราะก่อนหน้านี้ Huggies แบรนด์ผ้าอ้อมสัญชาติเกาหลีใ้ต้ก็เปิดตัวเช่นเดียวกัน ดังนั้น Lumi จึงรู้ดีว่าแค่การแจ้งเตือนจากแอพไม่เพียงพอ จึงมามาพร้อมกับเซนเตอร์ตรวจจับภายนอกเพื่อส่งข้อมูลให้กับผู้ปกครองให้มากที่สุด

เช่นเดียวกับผลิตภัณฑ์อื่นผ้าอ้อม Lumi มีอุปกรณ์ตรวจตรามอนิเตอร์เด็กที่ช่วยให้ผู้ปกครองสามารถดูภาพทารกผ่านแอปได้ อย่างไรก็ตาม มีการตั้งข้อสังเกตว่าผู้ปกครองจะต้องเปลี่ยนเซ็นเซอร์ทุก 13 สัปดาห์หรือราว 3 เดือนครั้ง

และซื้อต้องผ้าอ้อม Lumi by Pampers เพื่อรับเซ็นเซอร์ชุดใหม่ ผ้าอ้อมออนไลน์นี้มีขนาดให้เลือกตั้งแต่ไซส์ 0 ถึง 4 กำหนดการวางตลาดคือไตรมาส 3 ปีนี้ ท่ามกลางราคาที่ยังไม่เปิดเผย

การเปิดตัวผ้าอ้อม Lumi by Pampers นำไปสู่หลากหลายประเด็นน่าติดตามบางเสียงระบุว่า ระบบส่งข้อความแจ้งเตือนของผ้าอ้อมนั้นเกินความจำเป็น เพราะผู้ปกครองมักทราบอยู่แล้วว่าเมื่อใดที่ทารกต้องการเปลี่ยนผ้าอ้อม ขณะที่ผ้าอ้อมปัจจุบันก็มีเส้นสีที่จะกลายเป็นสีอื่นเมื่อทารกเปียกชื้นอยู่แล้ว

แต่รายงานของ Financial Times วิเคราะห์ว่า Lumi มองเห็นโอกาสทางการค้า เพราะในยุคมิลเลเนียลที่พ่อแม่ยุคใหม่มีบุตรน้อยลงจนทำให้ยอดขายสินค้าเพื่อทารกชะลอตัว แต่ตลาดระบบมอนิเตอร์เด็กหรือ baby-monitor กลับเติบโตเกือบ 18% คิดเป็นมูลค่าเกิน 1,000 ล้านเหรียญสหรัฐในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา

การเติบโตของตลาด baby-monitor เกิดขึ้นทั้งที่มีนักรณรงค์ความเป็นส่วนตัวคอยเตือนว่า ข้อมูลในกล้องอาจถูกแฮ็กจากผู้ไม่ประสงค์ดีได้ ขณะเดียวกันผู้เชี่ยวชาญด้านการเลี้ยงดูเด็กก็ไม่เห็นด้วยกับการที่พ่อแม่จะติดตามดูพฤติกรรมของทารกทุกก้าว

เพราะทารกก็สมควรได้อยู่ตามลำพังคนเดียวหรือ alone-time เช่นกัน การติดตามการเคลื่อนไหวทุกอย่างอาจจะกลายเป็นการเฝ้าระวังที่ไม่เหมาะสม เมื่อพ่อแม่คิดว่าไม่ต้องกังวลเพราะรู้ความเคลื่อนไหวทุกอย่างของลูกแล้ว

Source

Source

]]>
1239844