พรีเมียร์ลีก – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Fri, 20 Dec 2024 04:17:20 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 JAS ส่งบอลพรีเมียร์ลีก-เอฟเอคัพ ลงจอ MONOMAX https://positioningmag.com/1504198 Thu, 19 Dec 2024 06:54:33 +0000 https://positioningmag.com/?p=1504198 หลังจากประกาศการได้รับสิทธิ์ฟุตบอลพรีเมียร์ลีกและเอฟเอคัพ ล่าสุดทาง ‘บริษัท จัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน)’ หรือ JAS ได้แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทอนุมัติให้ทำธุรกรรมเพื่อเผยแพร่คอนเทนต์รายการฟุตบอลพรีเมียร์ลีกและเอฟเอคัพผ่านแพลตฟอร์มสตรีมมิ่งออนไลน์ MONOMAX กับ MONO Streaming บริษัทย่อยของ บริษัท โมโน เน็กซ์ จำกัด (มหาชน) หรือ MONO และเข้าทำสัญญาใด ๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อกำหนดสิทธิและหน้าที่ระหว่างบริษัทและ MONO Streaming ในการเผยแพร่เนื้อหาคอนเทนต์รายการฟุตบอลพรีเมียร์ลีกและเอฟเอคัพในรูปแบบถ่ายทอดสด รับชมย้อนหลัง คลิปไฮไลต์ และรายการอื่น ๆที่บริษัทได้รับสิทธิเผยแพร่จาก The Football Association Premier League Limited (FAPL) และ The Football Association Limited (คอนเทนต์รายการฟุตบอลพรีเมียร์ลีกและเอฟเอคัพ)

ภายใต้สัญญาเพื่อการถ่ายทอดสดภาพและเสียง สำหรับฟุตบอลพรีเมียร์ลีก สัญญาเพื่อการถ่ายทอดสดภาพและเสียง สำหรับเอฟเอคัพ (FA Rights) และสัญญาที่เกี่ยวกับคลิปภาพและเสียงดิจิทัล สำหรับฟุตบอลพรีเมียร์ลีก (รวมเรียกว่า “Long Form Agreement”) ที่บริษัทจะเข้าทำกับ FAPL ต่อไป

ทั้งนี้ MONO Streaming จะมีหน้าที่ให้บริการแพลตฟอร์มที่เกี่ยวข้องและจำเป็นสำหรับการเผยแพร่คอนเทนต์รายการฟุตบอลพรีเมียร์ลีกและเอฟ เอคัพ ครอบคลุมทุกช่องทางในการเผยแพร่กับทุกเครือข่าย แพลตฟอร์ม อุปกรณ์ และช่องทางรับชมทั้งหมด

โดย JAS ตกลงชำระค่าบริการให้แก่ MONO Streaming ไม่เกิน 5,400 ล้านบาท คาดว่า จะเข้าทำสัญญาที่เกี่ยวข้องภายในไตรมาส 1 ปี 2568 ก่อนเริ่มฤดูกาลฟุตบอลพรีเมียร์ลีกที่ 2025/26 มีระยะเวลาของสัญญารวม 6 ปี และบริษัทมีสิทธิที่จะต่ออายุได้อีกครั้งละ 1 ปี โดยให้เงื่อนไขและข้อตกลงเป็นไปตามสัญญาเดิม โดยแจ้งล่วงหน้าเป็นลายลักษณ์อักษรแก่ MONO Streaming

อนึ่ง ณ วันที่ 16 ธ.ค.67 นายพิชญ์ โพธารามิก ถือหุ้น 51.08% ใน JAS และถือหุ้น 57.73% ใน MONO

ทั้งนี้ MONO Streaming จะเสนอขายแพ็กเกจคอนเทนต์รายการฟุตบอลพรีเมียร์ลีกและเอฟเอคัพให้แก่ลูกค้า รวมทั้งดำเนินการในรูปแบบที่ให้สิทธิผู้ใช้บริการสามารถรับชมคอนเทนต์อื่น ๆ ของ MONOMAX ตลอดจนพัฒนาระบบการให้บริการบนแพลตฟอร์มเพื่อใช้สำหรับเผยแพร่เนื้อหาคอนเทนต์รายการฟุตบอลพรีเมียร์ลีกและเอฟเอคัพผ่านแพลตฟอร์ม MONOMAX เพื่อให้สามารถรองรับการบริการผ่านทุกเครือข่าย ครอบคลุมทุกแพลตฟอร์มและอุปกรณ์

รวมถึงให้บริการถ่ายทอดสดพร้อมเสียงบรรยายภาษาไทย ตลอดจนผลิตรายการ ก่อนเข้าการแข่งขันและรายการระหว่างการแข่งขัน รวมถึงคลิปไฮไลต์ และให้การสนับสนุนด้านการตลาด ประชาสัมพันธ์ ผลิตสื่อโฆษณาประชาสัมพันธ์ และจัดกิจกรรมที่เกี่ยวข้องโดยบริษัทฯ เพื่อส่งเสริมการขายแพ็กเกจคอนเทนต์รายการฟุตบอลพรีเมียร์ลีกและเอฟเอคัพ

JAS ตกลงชำระค่าบริการรายเดือนให้แก่ MONO ในอัตรา 50 บาท (โดยไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) ต่อบัญชีผู้ใช้ที่ได้ตกลงซื้อแพ็กเกจคอนเทนต์รายการ ฟุตบอลพรีเมียร์ลีกและเอฟเอคัพในรูปแบบที่ให้สิทธิผู้ใช้บริการสามารถรับชม คอนเทนต์อื่น ๆ ของ MONOMAX เช่น ภาพยนตร์ ซีรีส์ และรายการต่าง ๆ ของ MONOMAX ที่ MONO ดำเนินการธุรกิจอยู่ในปัจจุบันผ่าน MONO ต่อเดือน

ส่วนราคาแพ็กเกจคาดจะไม่เกิน 400 บาทต่อเดือน รอประกาศเป็นทางการอีกครั้งต้นปีหน้า

นอกจากนี้ JAS ได้รับสิทธิแต่เพียงผู้เดียว (Exclusivity right) ในการถ่ายทอดสดภาพและเสียงรายการฟุตบอลพรีเมียร์ลีกและเอฟเอคัพ บนอินเทอร์เน็ตทีวี และ ดิจิทัลทีวี รวมถึงชุดวิดีโอสั้น สำหรับรายการฟุตบอลพรีเมียร์ลีก เป็นจำนวน 6 ฤดูกาล โดยเริ่มตั้งแต่ต้นฤดูกาลฟุตบอลพรีเมียร์ลีกที่ 2025/26, 2026/27, 2027/28, 2028/29, 2029/2030 และ 2030/31 ในประเทศไทย ประเทศลาว และประเทศกัมพูชา โดยมีมูลค่ารวมทั้งสิ้น 559,980,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือคิดเป็น 19,167,723,414 บาท

]]>
1504198
ฉลองแชมป์! “พรีเมียร์ลีก” ติดคำค้นหายอดนิยมใน Google เดือนมิ.ย. พุ่งขึ้น 800% https://positioningmag.com/1287129 Thu, 09 Jul 2020 09:44:27 +0000 https://positioningmag.com/?p=1287129 Google Trends เผยพฤติกรรมการค้นหาข้อมูลของผู้คนในเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา พบว่าการค้นหาเกี่ยวกับพรีเมียร์ลีก ที่มาพร้อมกับการค้นหาการรายงานผลพรีเมียร์ลีก และตารางแข่งขันพรีเมียร์ลีกที่มีผู้คนให้ความสนใจเป็นจำนวนมาก

ในขณะที่การค้นหาเกี่ยวกับ “ไวรัสโคโรนา” ยังคงลดลงอย่างต่อเนื่อง แต่สิ่งเดียวที่ยังมีผู้ให้ความสนใจค้นหาเกี่ยวกับไวรัสโคโรนาในเดือนนี้ คือจำนวนยอดผู้เสียชีวิตด้วยโรคไวรัสโคโรนาที่มียอดการค้นหาเพิ่มขึ้นเล็กน้อย 

ทั้งนี้ ยังพบว่าความสนใจค้นหาเกี่ยวกับ “คาเฟ่” ในเดือนมิถุนายนได้เพิ่มสูงขึ้นถึง 2 เท่า ซึ่งเป็นสถิติการค้นหารายเดือนที่สูงสุดเป็นประวัติการณ์ สำหรับรายละเอียดเทรนด์การค้นหาที่น่าสนใจภายในเดือนมิถุนายน มีดังต่อไปนี้

เทรนด์การค้นหาในเดือนมิถุนายน

  • “พรีเมียร์ลีก” เป็นหัวข้อค้นหายอดนิยมในเดือนมิถุนายน โดยมีการค้นหาพุ่งสูงขึ้นกว่า 800%
  • “การรายงานผลพรีเมียร์ลีก” และ “ตารางแข่งขันพรีเมียร์ลีก” เป็นหัวข้อย่อยที่มีการค้นหาพุ่งสูงขึ้นถึง 5,000%
  • ความสนใจค้นหาเกี่ยวกับ “ไวรัสโคโรนา” ยังคงลดลงอย่างต่อเนื่องในเดือนมิถุนายน โดยลดลงถึง 46% จากเดือนพฤษภาคม ซึ่งเป็นปริมาณการค้นหารายเดือนที่ต่ำที่สุดสำหรับประเทศไทย
  • การค้นหายอดนิยมที่เกี่ยวข้องกับไวรัสโคโรนา และมีเพียงหนึ่งเดียวในเดือนมิถุนายน คือ “coronavirus death toll” โดยมีการค้นหาเพิ่มขึ้นเพียง 60%
  • ความสนใจค้นหาเกี่ยวกับ “คาเฟ่” ในเดือนมิถุนายนเพิ่มสูงขึ้นถึง 2 เท่า ซึ่งเป็นสถิติการค้นหารายเดือนที่สูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยกาญจนบุรีเป็นจังหวัดที่มีผู้สนใจค้นหาเกี่ยวกับคาเฟ่มากที่สุด ตามด้วยนครนายก และเพชรบุรี

คำค้นหาเกี่ยวกับไวรัสโคโรนาที่มีการค้นหามากที่สุดในเดือนมิถุนายน 

  1. โคโรนาไวรัส
  2. Coronavirus update
  3. Coronavirus worldometer
  4. ขอบคุณทุกคนที่ช่วยเหลือด้านโคโรนาไวรัส
  5. Coronavirus Thailand
  6. Coronavirus news
  7. Coronavirus USA
  8. Coronavirus UK
  9. Coronavirus India
  10. Coronavirus tips

10 อันดับจังหวัดที่มีความสนใจค้นหาเกี่ยวกับไวรัสโคโรนามากที่สุดในเดือนมิถุนายน

  1. ภูเก็ต
  2. ประจวบคีรีขันธ์
  3. ชลบุรี
  4. สุราษฎร์ธานี
  5. ตราด
  6. ระนอง
  7. เชียงใหม่
  8. กรุงเทพมหานคร
  9. กระบี่
  10. พังงา

]]>
1287129
อย่างนี้ต้องเฮ! รวมโปรโมชั่นฉลองแชมป์พรีเมียร์ลีก “ลิเวอร์พูล” มีตั้งแต่อาหารยันรถแห่! https://positioningmag.com/1285331 Fri, 26 Jun 2020 09:22:18 +0000 https://positioningmag.com/?p=1285331 ใครที่เป็นแฟนบอลของสโมสร “ลิเวอร์พูล” คงจะปลาบปลื้มใจอย่างมากในวันนี้ เพราะได้เป็นแชมป์ฟุตบอลพรีเมียร์ลีกในรอบ 30 ปีได้สำเร็จ ท่ามกลางอุปสรรคต่างๆ นานา พ่วงด้วยไวรัส COVID-19

ในประเทศไทยก็มี “The Kop” ที่เป็นแฟนบอลลิเวอร์พูลอยู่ไม่น้อย แน่นอนว่าทำให้เราได้เห็น Real Time Marketing บนโซเชียลมีเดียมากมาย ทั้งในเรื่องของคอนเทนต์ และโปรโมชั่นเพื่อเอาใจแฟนบอล จะเห็นได้ว่ามีตั้งแต่อาหารการกิน ไปจนถึงรถแห่แชมป์เลยก็มี!

เริ่มต้นจากร้าน Potato Corner ของหนุ่ม “พีช พชร จิราธิวัฒน์” ถึงแม้ว่าตัวพีชเองจะเป็นแฟนบอลทีมเชลซี แต่พีชได้เลยเล่นมิวสิกวิดีโอเพลงแอบดีของแสตมป์ อภิวัชร์ รับบทบาทเป็นแฟนบอลลิเวอร์พูล โดยที่พีชก็ได้แสดงความยินดีกับแฟนๆ ลิเวอร์พูลเช่นกัน

จึงถือโอกาสจัดโปรโมชั่นสำหรับแฟนลิเวอร์พูลซะเลย ฉลองแชมป์ให้แฟนลิเวอร์พูลกินเฟรนช์ฟรายส์ฟรี ที่หน้าร้านทุกสาขา วันนี้วันเดียว มีเงื่อนไขแค่ว่าใส่เสื้อทีมลิเวอร์พูล มาที่สาขาใดก็ได้ของ โปเตโต้ คอร์เนอร์ ในวันนี้ (26 มิ.ย.) รับไปเลย เฟรนช์ฟรายส์ไซส์ Large 1 ถ้วย แจก 30 ถ้วยต่อสาขา

มาที่ร้านเตาถ่าน Yakiniku ก็จัดโปรโมชั่น ใส่เสื้อลิเวอร์พูลมาทานที่ร้าน ทานครบ 2,020 บาท ได้รับส่วนลดไปเลย 300 บาท

มาลีข้าวมันไก่ จัดโปรฉลองแชมป์อย่างเป็นทางการ เมื่อลูกค้าสั่งอาหารครบ 300 บาท รับฟรี! ไก่ทอด 1 ชิ้นทันที

ร้าน Underdog Micro Brewery จัดโปรโมชั่นพิเศษสำหรับ The Kop ใส่เสื้อลิเวอร์พูลมาที่ร้านรับไก่ทอดฟรี 1 จาน เริ่มตั้งแต่วันนี้ไปจนถึง วันที่ 15 กรกฎาคม 63 ทุกศุกร์ และเสาร์ 21.00 เป็นต้นไป

ร้าน JIM’s Burgers & Beers จัดโปรให้ลูกค้าที่ใส่เสื้อฉลองแชมป์ลิเวอร์พูลมาทานเบอร์เกอร์รับฟรี “เครื่องดื่มในดวงใจ 1 แก้ว

ในส่วนของ “ท็อปส์” ก็ไม่พลาดเรียลไทม์ คอนเทนต์ ด้วยผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด “เป็ด”

เจ๊ต่าย Jaytherabbit ก็ยังคงคอนเซ็ปต์ไว้อยู่…

ไปจนถึง “รถแห่” ที่เป็นเหมือนกิมมิกสำคัญของการฉลองแชมป์ ดีลเลอร์ Suzuki ที่ภูเก็ตก็จัดโปรรถพร้อมแห่ แบบ You will never drive alone

ใช้รถ All New Suzuki Carry รถกระบะอเนกประสงค์ เปิดกระบะได้ 3 ด้าน สามารถรองรับการบรรทุกได้เทียบเท่ารถกระบะขนาด 1 ตัน สามารถนำไปพ่นสีแดง หรือ ตกแต่งเพิ่มเติม เพื่อทำเป็นรถแห่ถ้วยแชมป์ได้ จัดโปรโมชั่นในราคารถ 385,000 บาท (ไม่รวมพ่นสีและต่อเติม)

]]>
1285331
30 ปีที่รอคอย! ราคาโรงแรมเมือง Liverpool พุ่ง 4 เท่าคืนวันแห่ถ้วยแชมป์ “พรีเมียร์ลีก” https://positioningmag.com/1263446 Thu, 06 Feb 2020 09:13:56 +0000 https://positioningmag.com/?p=1263446 แม้จะยังไม่เป็นทางการ และแม้จะยังต้องรอแข่งอีกอย่างน้อย 6 นัดจึงจะมั่นใจได้ แต่แฟนบอล Liverpool จากต่างเมืองก็แห่จองที่พักในถิ่น Anfield ในวันที่ 18 พฤษภาคม 2020 วันพาเหรดแห่ฉลองแชมป์พรีเมียร์ลีกกันแล้ว ทำให้ราคาห้องพักในวันดังกล่าวพุ่งทะยาน 4 เท่า บางแห่งถือโอกาสดันราคาไปถึง 8 แสนบาท!!

รายงานข่าวจาก The Mirror สำรวจราคาโรงแรมเมือง Liverpool ในคืนวันที่ 18 พฤษภาคมนี้ ซึ่งจะเป็นวันจัดพาเหรดฉลองแชมป์พรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2019/2020 หากสโมสรฟุตบอล Liverpool ได้ชูถ้วยตามเป้าหมาย โอกาสสำคัญที่แฟนๆ รอคอยมา 30 ปีทำให้ห้องพักโรงแรมในตัวเมืองราคาพุ่งตามดีมานด์ของเหล่า The Kop ที่ต้องการมีส่วนร่วมอย่างใกล้ชิดกับประวัติศาสตร์ของทีมเช่นนี้

The Mirror พบว่าบางโรงแรมเช่น Hatters Hostel เปิดขายเตียงเดี่ยวในราคาถึง 20,444 ปอนด์ หรือ 826,000 บาท!! โดยเป็นราคาที่ปรากฏใน booking.com

อย่างไรก็ตาม แม้ราคาดังกล่าวอาจจะเป็นราคา ‘เผื่อฟลุก’ แต่ Positioning สำรวจราคาผ่านเว็บไซต์ Agoda พบว่า ราคาโรงแรมส่วนใหญ่ใน Liverpool สามารถดันขึ้นไปสูงกว่าปกติ 3-4 เท่าในวันฉลองแชมป์

ยกตัวอย่าง The Z Hotel ที่เปิดราคา 375 ปอนด์ หรือประมาณ 15,100 บาท สำหรับห้องเตียงเดี่ยวขนาดเพียง 10 ตร.ม. ทั้งที่วีคเอนด์ปกติช่วง 2 สัปดาห์ก่อนหน้า โรงแรมนี้ขายในราคาเพียง 100 ปอนด์ หรือประมาณ 4,040 บาท ส่วน Easy Hotel โรงแรมอีกแห่งหนึ่ง จากราคาปกติ 105 ปอนด์ หรือ 4,240 บาท ปรับราคาเป็น 283 ปอนด์ หรือกว่า 11,400 บาท

ราคาโรงแรมใน Liverpool คืนวันพาเหรดแห่ถ้วยหากทีมได้แชมป์พรีเมียร์ลีก

อีเวนต์สำคัญเช่นนี้ทำให้โรงแรมสามารถทำกำไรได้เทียบเท่ากับคืนส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่เลยทีเดียว ด้วยดีมานด์ที่สูงจากแฟนๆ ที่จะหลั่งไหลเข้ามา โดยเปรียบเทียบกับการพาเหรดฉลองถ้วย UEFA Champions League ฤดูกาล 2018/19 ครั้งนั้นมีแฟนคลับเข้ามาในเมืองถึง 750,000 คน ส่วนการฉลองครั้งนี้เชื่อว่าจะทำลายสถิติดังกล่าว

สโมสร Liverpool ปีนี้สามารถทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม กวาดชัยชนะ 24 นัดจาก 25 นัด เสมอ 1 นัด และยังไม่ประสบความพ่ายแพ้เลยแม้แต่นัดเดียว ทำให้พวกเขาสะสมคะแนนไป 73 แต้ม นำเป็นจ่าฝูงเหนือ Manchester City อันดับ 2 ถึง 22 แต้ม โดยในตารางแข่งขันที่ยังเหลือการแข่งอีก 13 นัด หาก Liverpool เอาชนะได้อีก 6 นัดหรือเก็บ 18 แต้ม จะถือว่านำขาดและเป็นแชมป์พรีเมียร์ลีก 2019/2020 อย่างแน่นอนแล้ว

ครั้งล่าสุดที่ Liverpool FC ได้ถ้วยแชมป์ลีกสูงสุดของอังกฤษคือเมื่อฤดูกาล 1989/90 หรือ 30 ปีก่อน นั่นทำให้การร่วมฉลองครั้งนี้มีความหมายอย่างยิ่งจนลูกค้ายอมจ่าย!

Source

]]>
1263446
PPTV งดถ่ายทอดพรีเมียร์ลีกชั่วคราว เนื่องจากสัญญาณรั่วไหลไปนอกประเทศ https://positioningmag.com/1251027 Fri, 25 Oct 2019 14:54:17 +0000 https://positioningmag.com/?p=1251027 PPTV ประกาศงดถ่ายทอดพรีเมียร์ลีกชั่วคราวตั้งแต่วันเสาร์ที่ 26 ตุลาคมนี้ เนื่องจากมีเหตุขัดข้อทางเทคนิค กำลังเร่งหาทางแก้ไข

สถานีโทรทัศน์ PPTV HD ช่อง 36 ได้ประกาศในช่องทางเว็บไซต์ และเฟซบุ๊กว่า งดทำการถ่ายทอดสดการแข่งขันพรีเมียร์ลีกชั่วคราว โดยมีเนื้อหาเต็มๆ ว่า

สถานีโทรทัศน์พีพีทีวี เอชดี ช่อง 36 ในฐานะผู้ได้รับสิทธิ์ในการถ่ายทอดสดฟุตบอลพรีเมียร์ลีกฤดูกาล 2019/20 ได้แจ้งถึงกรณีที่ พรีเมียร์ลีก ส่งหนังสือแจ้งให้ระงับการถ่ายทอดสดฟุตบอลพรีเมียร์ลีกเป็นการชั่วคราว เนื่องจากมีการรั่วไหลของสัญญาณไปนอกประเทศไทยผ่านระบบโทรทัศน์ดาวเทียม ทางสถานีฯ จึงจำเป็นต้องงดการถ่ายทอดสดชั่วคราว โดยมีผลตั้งแต่วันเสาร์ที่ 26 ตุลาคมนี้ เป็นต้นไป

โดยทางสถานีฯ ได้มีการสื่อสารกับผู้ชมผ่านทางหน้าจอ และช่องทางออนไลน์ถึงข้อขัดข้องดังกล่าว แต่โดยที่เป็นเหตุสุดวิสัย นอกเหนือการควบคุมดูแล พีพีทีวี จึงจำเป็นต้องระงับการถ่ายทอดสดชั่วคราว และกำลังเร่งหาทางออกกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อแก้ไขโดยเร็วที่สุด

]]>
1251027
“ทรูวิชั่นส์” ลั่นกลับมาบริหาร “พรีเมียร์ลีก” รอบ 6 ปี ต้อง “คุ้มทุน” ชู “ออมนิ แชนแนล” หนุนรายได้ ยิงสด PPTV 30 แมตช์ https://positioningmag.com/1241633 Wed, 07 Aug 2019 10:35:58 +0000 https://positioningmag.com/?p=1241633 ประกาศคว้าลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดฟุตบอลพรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2019/20 – 2021/22 ในประเทศไทยถือเป็น King of Content ในฝั่งกีฬาฟุตบอลไปเมื่อเดือน พ.ค. ที่ผ่านมา นับเป็นการกลับมาบริหารลิขสิทธิ์เต็มรูปแบบอีกครั้งในรอบ 6 ปี ของ “ทรูวิชั่นส์” ที่ปั้นฐานแฟนฟุตบอล EPL มาเกือบ 30 ปีตั้งแต่เริ่มธุรกิจเพย์ทีวี

“พรีเมียร์ลีก อังกฤษ” ถือเป็นลีกการแข่งขันฟุตบอลที่ได้รับความนิยมและมีผู้ติดตามชมมากที่สุดในโลก “ทรูวิชั่นส์” ถือลิขสิทธิ์ลีกดังตั้งแต่ทำธุรกิจเพย์ทีวีเกือบ 30 ปี เว้น 3 ฤดูกาลปี 2013 – 2016 ที่อยู่ในมือ CTH ด้วยการทุ่มประมูลกว่า 9,000 ล้านบาท เป็นครั้งแรกที่ พรีเมียร์ลีก ไม่ได้อยู่ในเพย์ทีวี “ทรูวิชั่นส์” และท้ายที่สุดธุรกิจเพย์ทีวี CTH ก็ไปไม่รอด แม้มี King of Content ในมือ

จากนั้น 3 ฤดูกาลในปี 2016 – 2019 ลิขสิทธิ์พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ตกอยู่ในมือ beIN Sports ที่ร่วมเป็นพันธมิตรถ่ายทอดสดช่องทาง “เพย์ทีวี” ผ่านทรูวิชั่นส์ ถือเป็นการคืนสู่แพลตฟอร์มอีกครั้งของลีกดัง แต่การบริหารยังอยู่ในมือ beIN Sports

หลังจากดีลลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดฟุตบอลพรีเมียร์ลีก 3 ฤดูกาลใหม่ ปี 2019 – 2022 ในประเทศไทย ลาว กัมพูชา และเวียดนาม ของ “เฟซบุ๊ก” ที่ประกาศคว้าลิขสิทธิ์ลีกดังต้อง “ล่ม” จนต้องมีการเปิดประมูลใหม่ ครั้งนี้ “ทรูวิชั่นส์” เป็นผู้คว้าลิขสิทธิ์ด้วยราคาต่ำกว่าที่เฟซบุ๊กเสนอ และเป็นราคาที่ “พอใจ”

พีรธน เกษมศรี ณ อยุธยา

หวังพรีเมียร์ลีกหนุนธุรกิจ “คุ้มทุน”

พีรธน เกษมศรี ณ อยุธยา หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านคอนเทนต์และมีเดีย บมจ.ทรู คอร์ปอเรชั่น กล่าวว่า การได้ลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดพรีเมียร์ลีก 3 ฤดูกาลใหม่ ถือเป็นการกลับมาบริหารลิขสิทธิ์ลีกดัง แบบ All Right จากพรีเมียร์ลีก อังกฤษโดยตรงอีกครั้งในรอบ 6 ปี สามารถออกอากาศครบทั้ง 380 แมตช์ตลอดฤดูกาล ได้ทุกแพลตฟอร์มทั้งเพย์ทีวี ฟรีทีวี ออนไลน์ OTT รับชมผ่านจอทีวีและสมาร์ทดีไวซ์ ทั้งชมสดและรีรัน

“การกลับสู่ทรูวิชั่นส์ กรุ๊ปของลิขสิทธิ์พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ครั้งนี้ วางเป้าหมายผลักดันลีกดังให้กลับมาได้รับความนิยมสูงสุดอีกครั้ง และจะเป็นครั้งแรกในรอบหลายปีของทรูวิชั่นส์ ที่กล้าตั้งเป้าหมายคุ้มทุน”

พรีเมียร์ลีก อังกฤษ เป็นคอนเทนต์ที่ได้รับความนิยมในประเทศไทยมาอย่างต่อเนื่อง แต่การทำตลาดในช่วงที่ไม่ได้อยู่กับทรูวิชั่นส์ อาจไม่ครอบคลุมฐานผู้ชมทั้งหมดที่เคยเข้าถึงลีกดัง แต่คนที่ชื่นชอบพรีเมียร์ลีกยังมีอยู่จำนวนมาก

ชู Omni Channel เจาะ 20 ล้านผู้ชม

กลยุทธ์การทำตลาด พรีเมียร์ลีก 3 ฤดูกาลใหม่ เป็นรูปแบบ Omni Channel Omni Platform เป็นการ Synergy การรับชมลีกดังในทุกช่องทางทั้ง ออฟไลน์และออนไลน์ ผ่านทุกแพลตฟอร์มในเครือทรู ทั้งเพย์ทีวี ทรูออนไลน์ ทางเว็บไซต์บนโน้ตบุ๊คหรือแอปพลิเคชั่นบนสมาร์ทโฟน ผ่าน ทรูไอดี และ TrueID Box ที่สามารถรับชมได้ทุกที่ทุกเวลา ส่วนทีวีดิจิทัล ทรูโฟร์ยูและทีเอ็นเอ็น จะเป็นช่องทางนำเสนอคลิปคอนเทนต์ก่อนเกมและและหลังเกมแข่งขัน เพื่อช่วยโปรโมตลีกดัง

ขณะที่การถ่ายทอดสดทาง “ทีวีดิจิทัล” PPTV เป็นผู้ได้รับลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดรวม 30 แมตช์ตลอดฤดูกาล

ความแตกต่างของการบริหารลิขสิทธิ์ พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ครั้งนี้ อยู่ที่แพลตฟอร์ม OTT ทรูไอดี ที่สามารถรับชมได้ทุกเครือข่ายมือถือ ปัจจุบันมีผู้ดาวน์โหลด ทรูไอดี ไปแล้วกว่า 15 ล้านราย โดยเป็นแอปที่สามารถดูพรีเมียร์ลีกบนมือถือได้ฟรี 100 แมตช์ตลอดฤดูกาล

นอกจากนี้ ทรูไอดี ยังมีแพ็กเกจดูครบตลอดฤดูกาล 2,500 บาท รายเดือน 319 บาท รายสัปดาห์ 179 บาท และรายวัน 99 บาท ส่วนแพ็คเกจ ทรูออนไลน์ พร้อมกล่องทรูไอดีทีวี ดูพรีเมียร์ลีกฟรีทุกสัปดาห์ ราคา 999 บาทต่อเดือน

ส่วน ทรูวิชั่นส์ ซึ่งปัจจุบันมีฐานสมาชิก 4 ล้านราย แพ็กเกจแพลตินัมดูฟรีทั้ง 380 แมตช์ตลอดฤดูกาล แพ็กเกจเสริม ทรู พรีเมียร์ ฟุตบอล เอชดี พลัส ราคา 399 บาทต่อเดือน โกลด์ 199 บาทต่อเดือน และแพ็กเกจอื่นๆ 299 บาทต่อเดือน

“การบริหารลิขสิทธิ์พรีเมียร์ลีกทุกแพลตฟอร์มตลอด 3 ฤดูกาลใหม่ ทำให้ลีกดังเข้าถึงผู้ชมกว่า 20 ล้านรายในประเทศไทย โดยเฉพาะ OTT และจะผลักดันรายได้ทรูวิชั่นส์ กรุ๊ป ให้กลับมาเติบโตอีกครั้งตั้งแต่ปีหน้าเป็นต้นไป”

นอกจากนี้ยังได้รับการสนับสนุนจากสปอนเซอร์ชิป 6 พันธมิตร คือ ทรู คอร์ปอเรชั่น, สิงห์ คอร์เปเรอชั่น, ซีพี ออลล์, เอ.พี. ฮอนด้า, ซีพีเอฟ และสยามแมคโคร ที่จะทำแคมเปญการตลาดทั้งบนหน้าจอ ออนไลน์ และจัดกิจกรรมร่วมกันตลอด 3 ฤดูกาล

สำหรับนัดเปิดสนามเป็นโปรแกรม “ฟรายเดย์ไนท์” คืนวันศุกร์ที่ 9 ส.ค. ระหว่าง ลิเวอร์พูล พบกับ นอริช ซิตี้ ต่อด้วยโปรแกรมวันเสาร์ที่ 10 ส.ค. อีก 7 คู่ เวสต์แฮม ยูไนเต็ด พบ แมนเชสเตอร์ ซิตี้, บอร์นมัธ พบ เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด, เบิร์นลีย์ พบ เซาแธมป์ตัน, คริสตัล พาเลซ พบ เอฟเวอร์ตัน, เลสเตอร์ ซิตี้ พบ วูล์ฟแฮมป์ตัน, วัตฟอร์ด พบ ไบรจ์ตัน, ท็อตแนม ฮอตสเปอร์ พบ แอสตัน วิลลา ปิดท้ายด้วยเกมวันอาทิตย์ที่ 11 สิงหาคม 2 คู่ นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด พบ อาร์เซนอล, แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด พบ เชลซี ถ่ายทอดสดผ่านทรูวิชั่นส์ 6 ช่อง

]]>
1241633
เฟซบุ๊ก ดอดเจรจาทีวีไทย ขายช่วงลิขสิทธิ์พรีเมียร์ลีก https://positioningmag.com/1189136 Sun, 23 Sep 2018 04:00:45 +0000 https://positioningmag.com/?p=1189136 หลังจากที่เฟซบุ๊กสร้างความฮือฮาด้วยการคว้าลิขสิทธิ์ฟุตบอลพรีเมียร์ลีก ประเทศอังกฤษ หรือ EPL ของฤดูกาล 2019-2022 ด้วยเงินประมูลมูลค่ากว่า 200 ล้านปอนด์ สำหรับสิทธิ์การถ่ายทอดสดในประเทศไทยลาวเขมร และเวียดนาม เมื่อกลางปีที่ผ่านมานี้ 

โดยลิขสิทธิ์ที่เฟซบุ๊กได้มานั้นครอบคลุมทั้งทางฟรีทีวี เพย์ทีวี และออนไลน์ และตามเงื่อนไของพรีเมียร์ลีกจะต้องมีการถ่ายทอดสดให้ครบทุกช่องทางด้วย แต่เฟซบุ๊กมีเฉพาะช่องทางออนไลน์ของเฟซบุ๊ก ดังนั้นช่องทางทีวีนั้นจะต้องเจรจากับผู้ประกอบการทีวีในไทย

รายงานข่าวจากวงการทีวีเปิดเผยว่าเฟซบุ๊กได้เริ่มทำข้อเสนอไปยังผู้ประกอบการทีวีครอบคลุมทั้งเพย์ทีวี ออนไลน์ และฟรีทีวีไปบ้างแล้ว แต่ทั้งหมดนี้ยังอยู่ระหว่างการเจรจายังไม่มีข้อสรุป

ลิขสิทธิ์ฟุตบอลพรีเมียร์ลีก มีมูลค่าแพงมากที่สุดรายการหนึ่ง เนื่องจากเป็นที่นิยมมากทั่วโลก โดยเฉพาะในย่านเอเชีย ในส่วนพื้นที่ประเทศไทยนั้น ทรูวิชั่นส์เป็นผู้ได้ลิขสิทธิ์มานานหลายปี จนกระทั่งในปี 2013-2016 เป็นกลุ่ม CTH เข้ามาแย่งชิงสิทธิ์ไปได้ ตามมาด้วยกลุ่มบีอิน สปอร์ต ในปี 2016-2019 ที่ผ่านมา และได้ขายช่วงลิขสิทธิ์ให้กับทรูวิชั่นส์ และทรูไอดี ทางช่องทางออนไลน์ ส่วนช่องทางฟรีทีวีนั้น พีพีทีวี ได้ซื้อสิทธิ์ถ่ายทอดผ่านจำนวน 26 แมตช์ต่อฤดูกาล และเป็นเฟซบุ๊กรายล่าสุด 

การมาของเฟซบุ๊กนั้น ส่วนหนึ่งเป็นเพราะพฤติกรรมของผู้รับหันมาดูทางออนไลน์หรือช่องทาง OTT (over the top) มากขึ้น ทำให้พรีเมียร์ลีกเปิดให้ผู้ประกอบการ OTT เข้ามาร่วมประมูลด้วย โดยในประเทศอังกฤษ กลุ่มอเมซอน ยักษ์ใหญ่ สร้างความฮือฮา คว้าลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดฟุตบอล พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ผ่านสตรีมมิ่ง เป็นเวลา 3 ฤดูกาล โดยจะเริ่มตั้งแต่ซีซั่น 2019/20 เป็นต้นไป

ก่อนหน้านี้ สกาย สปอร์ตส์ และ บีที สปอร์ต ได้ลิขสิทธิ์ถ่ายทอดพรีเมียร์ลีกในประเทศอังกฤษไปแล้ว ด้วยมูลค่ารวมเกือบ 4.5 พันล้านปอนด์ และอเมซอนจะเข้ามาชนะประมูลด้วยมูลค่าราว 90 ล้านปอนด์ โดยอเมซอนจะถ่ายทอดสดผ่านช่องทาง อเมซอน ไพรม์ วิดีโอ ฤดูกาลละ 20 นัด ขณะที่สกาย สปอร์ตส์ถ่าย 128 นัดต่อฤดูกาล ส่วนบีที สปอร์ตส์ถ่าย 52 นัด

สำหรับเฟซบุ๊ก ที่ได้เริ่มลุยตลาดทีวีสตรีมมิ่งมากขึ้น โดยเฉพาะรายการกีฬาที่เป็นหนึ่งในคอนเทนต์หลัก โดยได้เริ่มในกีฬาซอคเกอร์, เบสบอลในอเมริกาและอีกหลายประเภทกีฬาเช่นเทนนิสมาแล้ว

ทั้งนี้ตลาดเอเชียแปซิฟิก เป็นตลาดใหญ่ของเฟซบุ๊ก ที่มีผู้ใช้เฟซบุ๊กประมาณ 40% มาจากภูมิภาคนี้ และตลาดผู้ชมฟุตบอลพรีเมียร์ลีกมาจากคนทั่วโลกโดยเฉพาะตลาดในเอเชียที่เป็นตลาดทีมีการเติบโตสูงมาก

จึงเป็นเหตุผลที่เฟซบุ๊กเข้ามาประมูลลิขสิทธิ์พรีเมียร์เป็นครั้งแรก โดยเริ่มจากลิขสิทธิ์ที่ครอบคลุมใน 4 ประเทศในเอเชียแปซิฟิกนี้

อย่างไรก็ตาม ช่องทางการรับชมทางออนไลน์ หรือ OTT เติบโตขึ้นอย่างมากแต่ก็ไม่อาจทิ้งช่องทางทีวีปกติได้ที่เข้าถึงผู้ชมได้ครอบคลุมกว่าในบางพื้นที่ที่อินเทอร์เน็ตอาจจะยังไม่ครอบคลุมถึง อีกทั้งช่องทางทีวีและออนไลน์จะยังต้องเติบโตไปด้วยกัน เป็นการสร้างแบรนด์พรีเมียร์ลีกในกลุ่มผู้ชมได้ต่อเนื่อง.

]]>
1189136
ทรูวิชั่นส์ พร้อมเจรจาเฟซบุ๊ก ยิงพรีเมียร์ลีก ฤดูกาลหน้า https://positioningmag.com/1178299 Wed, 11 Jul 2018 08:00:43 +0000 https://positioningmag.com/?p=1178299 หลังจากที่เฟซบุ๊ก (Facebook) ทุ่มเงิน 200 ล้านปอนด์ (8.8 พันล้านบาท) คว้าลิขสิทธิ์ถ่ายทอดศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ฤดูกาลหน้า ปี 2019/20-2021/22 รวมการแข่งขัน 380 แมตช์ต่อซีซัน ครอบคลุมประเทศไทย, เวียดนาม, กัมพูชา และลาว เฉือนเอาชนะ “บีอิน สปอร์ตส์ (BeIN Sports)” ผู้ถือลิขสิทธิ์ปัจจุบัน และ Fox Sports Asia 

ทางด้าน ทรูวิชั่นส์ กรุ๊ป ซึ่งเป็นผู้ถ่ายทอดสดฟุตบอลพรีเมียร์ฤดูกาลปัจจุบัน ออกมาเปิดเผยถึงเรื่องดังกล่าว โดย ศึกษิฐ ชลศึกษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท ทรูวิชั่นส์ กรุ๊ป จำกัด เปิดเผยว่า ทรูวิชั่นส์ กำลังรอข้อมูลที่ชัดเจน ยินดีจะเจรจากับเฟซบุ๊กต่อไปอย่างแน่นอน

ก่อนหน้านี้ ในการประมูลลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดพรีเมียร์ลีก ปี 2016/17 -2018/19 ทรูวิชั่นส์ได้เข้าประมูล แต่ถูกบีอิน สปอร์ตส์ เฉือนเอาชนะคว้าลิขสิทธิ์ออกอากาศในไทย ด้วยเม็ดเงิน 300 ล้านเหรียญสหรัฐ (ราว 9,900 ล้านบาท)

ทำให้ทรูวิชั่นส์จึงซื้อลิขสิทธิ์ต่อจากบีอิน สปอร์ตส์มาถ่ายทอดสดอีกที สัญญา 3 ปีเต็ม ในการถ่ายทอดฤดูกาล ปี 2016/17 จนถึงปี 2018/19 ครบ 380 แมตช์ ฟุตบอล พรีเมียร์ลีก อังกฤษ เพราะถือเป็นพันธมิตรกันมานาน และการซื้อลิขสิทธิ์ของทรู ยังครอบคลุมไปถึงรายการฟุตบอลต่างประเทศอื่นด้วย

นับเป็นครั้งแรกในรอบหลายปีที่ผ่านมา ที่ลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ในไทยต้องตกไปอยู่ในมือของกลุ่มทุนต่างชาติ หลังจากลิขสิทธิ์เคยอยู่กับผู้ประกอบการเพย์ทีวีของไทย อย่าง “ทรูวิชั่นส์” มาเป็นเวลานานสิบกว่าปี นับตั้งแต่มีการผนวกกิจการระหว่าง ยูบีซี (ทรูวิชั่นส์เดิม) และไอบีซี (อดีตบริษัทเพย์ทีวีของกลุ่มชินคอร์ป)

จนกระทั่ง CTH ที่ต้องแจ้งเกิดในธุรกิจทีวีดาวเทียม จึงทุ่มประมูล คว้าลิขสิทธิ์ ในฤดูกาล 2013-2016 ถึง 350 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือ 11,600 ล้านบาท แต่ต้องปิดตัวไปในที่สุด เพราะเดินเกมธุรกิจผิดพลาด

ล่าสุดลิขสิทธิ์ตกไปอยู่ในมือของเฟซบุ๊ก

ทำให้ทรูวิชั่นส์ กรุ๊ป จึงต้องออกมาตอกย้ำถึงสิทธิ์การถ่ายทอดฟุตบอลพรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2018-2019 อย่างต่อเนื่อง ดูได้ครบ 380 แมตช์ ทั้งบนหน้าจอทีวี และบนมือถือ ผ่านแอปทรูไอดี เริ่มเปิดฤดูกาล คืนวันที่ 10 ส.ค. นี้ ในคืนวันศุกร์ที่ 10 สิงหาคม เวลา 02.00 น. (เช้าวันเสาร์ ที่ 11 ส.ค.) แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด พบ เลสเตอร์ ซิตี้

นอกจากนี้ยังมีฟุตบอลดังระดับโลกให้ดูได้ตลอดทั้งปี เช่น ลาลีก้า สเปน, กัลโช่ เซเรีย อา อิตาลี, ลีก เอิง ฝรั่งเศส, บุนเดสลีก้า เยอรมัน, เมเจอร์ลีก ซอคเกอร์, เอเรดิวิซี่ ลีก), พร็อกซิมัส เบลเยียม ลีก และ เจ 1 ลีก รวม 1,500 แมตช์ รวมกว่า 1,500 แมตช์ รวมถึงรายการฟุตบอล โตโยต้า ไทยลีก ซึ่งทรูวิชั่นส์ยังได้คว้าลิขสิทธิ์ถ่ายทอดให้รับชมต่ออีก 2 ฤดูกาล

รวมถึงกีฬาประเภทอื่น เช่น เทนนิสแกรนด์สแลมรายการใหญ่, กอล์ฟเมเจอร์รายการใหญ่, ฟอร์มูล่าวัน, โมโตจีพี, บาสเกตบอลเอ็นบีเอ, แบดมินตัน, วอลเล่ย์บอล, สนุกเกอร์ ตลอด 24 ชม. ผ่าน 24 ช่องกีฬา เอชดี 16 ช่อง

ทรูวิชั่นส์ ต้องออกมาตอกย้ำสิทธิ์การถ่ายทอดดังกล่าว เนื่องจาก “กีฬา” ถือเป็นหนึ่งในคอนเทนต์หลักของธุกริจเพย์ทีวี ที่ใช้ดึงดูดคนดูให้มาสมัครสมาชิก ควบคู่ไปกับความคมชัดของภาพ มาใช้ในการออกอากาศ ผ่านช่องที่นำมาออกอากาศโดยเฉพาะ เพื่อเรียกคนดู พร้อมกับแพ็กเกจราคาพิเศษ เพื่อจับลูกค้าที่ชื่นชอบกีฬาโดยเฉพาะ.

]]>
1178299
งานนี้พี่ขอลุยเอง ! “บีอิน สปอร์ต” บุกตลาดดูบอลออนไลน์ในไทย ประเดิม “พรีเมียร์ลีก” วันละ 49 บาท https://positioningmag.com/1135516 Tue, 08 Aug 2017 12:29:09 +0000 http://positioningmag.com/?p=1135516 บีอิน สปอร์ต เป็นผู้ถือลิขสิทธิ์การแข่งขันฟุตบอลรายการใหญ่ทั่วโลก ตั้งแต่พรีเมียร์ลีก ยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีก ยูฟ่ายูโรปาลีก ลาลีกา เซเรียอา ลีกเอิง เอ็มแอลเอส ได้เปิดตัวแอปพลิเคชั่น beIN SPORTS CONNECT ที่ให้ชมผ่าน LIVE STREAMING แบบ HD

ได้ 5 อุปกรณ์ ทั้งมือถือ แท็บเล็ต และคอมพิวเตอร์ แต่จะรับชมได้เพียงครั้งละ 1 เครื่องเท่านั้น โดยมีราคาให้รับชมตั้งแต่รายวัน วันละ 49 บาท รายสัปดาห์อยู่ที่ 99 บาท รายเดือนเดือนละ 199 บาท และรายปีอยู่ที่ 1599 บาท

มร.ไมค์ เคอร์ กรรมการผู้จัดการประจำภูมิภาคเอเชีย บีอิน เอเชีย แปซิฟิก บีอิน สอปอร์ตด้เปิดตัวแอปพลิเคชั่นนี้พร้อมกันสามประเทศในวันนี้ คือ ไทย ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ และมีแผนจะเปิดตัวที่อินโดนีเซียในราวเดือนตุลาคมปีนี้ การเปิดตัวครั้งนี้ถือว่าเป็นการเปิดตัวอย่างเป็นทางการ หลังจากที่บีอินได้ทำการทดลองตลาดในประเทศไทยมาตั้งแต่เดือนมีนาคมปีนี้

“ตลาดผู้ชมกีฬา โดยเฉพาะฟุตบอลในประเทศไทย เป็นตลาดที่ใหญ่มาก เมื่อผสมกับการมีบริการอินเทอร์เน็ตบรอดแบนด์เครือข่ายพื้นฐาน และเครือข่ายไร้สาย ที่มีจำนวนคนใช้บริการมือถือถึงกว่า 70 ล้านคนในประเทศ ทำให้เรามองว่า ประเทศไทยเป็นประเทศที่มีศักยภาพในการเติบโตดูกีฬาออนไลน์”

อย่างไรก็ตาม บีอินปฏิเสธที่จะเปิดเผยยอดเป้าหมายลูกค้าจากการให้บริการนี้ เพียงแต่เชื่อว่าจะได้รับผลตอบรับที่ดี และเห็นผลภายในสองสามเดือนข้างหน้า

ทำตลาดเองเพื่อต้องการสร้างแบรนด์

บีอินมองว่า การที่บีอินต้องลงมาทำตลาดเองแทนที่จะขายลิขสิทธิ์เช่นเดียวกับเพย์ทีวีนั้น ก็เพื่อเป็นการสร้างความรับรู้ของตลาดดิจิทัลคอนเทนต์ และสร้างแบรนด์บีอินเองในวงการกีฬา โดยเป็นการทำตลาดที่แตกต่างจากตลาดทีวีบอกรับสมาชิก ที่บีอินขายลิขสิทธิ์ไปให้กับทรูวิชั่นส์ และพีพีทีวี ช่องทีวีดิจิทัล

อรรถพล ณ บางช้าง กรรมการผู้จัดการสายรายการ ทรูวิชั่นส์ กรุ๊ป จำกัด กล่าวว่า ทรูมองว่าการที่บีอินเข้ามาทำตลาดออนไลน์เองนี้ คือหนึ่งในรูปแบบการสร้างแบรนด์ และจะเป็นการช่วยสร้างตลาดกีฬาออนไลน์ในประเทศให้เป็นที่รู้จักกันมากขึ้น เพราะตลาดออนไลน์ที่ดูเป็นตลาดใหม่มาก

ก่อนหน้านี้ทางทรูได้ทำตลาดดูกีฬาออนไลน์ไปแล้ว ตั้งแต่รับชมผ่านทรูไอดี และขายแพคเกจของทรูมูฟ ในราคาเดือนละ 29 บาท ซึ่งสามารถรับชมทั้งกีฬาและรายการบันเทิงอื่นๆ

ยันไม่แข่งทรู เป็นพันธมิตรทรูมันนี่

มร.ไมค์ เคอร์ กล่าวเพิ่มเติมว่า บีอิน ไม่ได้ตั้งเป้าหมายแข่งขันกับทรูแต่ต้องการสร้างตลาดใหม่ๆ ในประเทศที่มีโครงสร้างพื้นฐานพร้อมอย่างอินเทอร์เน็ตบรอดแบนด์

นอกจากนี้ยังเป็นพันธิมิตรกับทรู โดยใช้บริการทรูมันนี่เป็นผู้ให้บริการในการจ่ายเงินซื้อแพ็กเกจต่างๆ และมีแผนขยายไปร่วมกับร้านสะดวกซื้อ และธนาคารต่างๆ ในการบริการตัดผ่านบัตรเครดิตในอนาคตด้วย

สำหรับบริการของบีอินในตลาดออนไลน์นี้ จะมีคอนเทนต์ต่างๆ ที่เหมือนกับช่องทีวี beIN SPORTS 1, 2, 3 และ 4 แล้ว ผู้ใช้งานสามารถเลือกชมรายการแข่งขันกีฬาได้ทั้งแบบถ่ายทอดสดและออนดีมานด์ที่มีให้เลือกมากมาย ผ่านมือถือ แล็ปท็อป และพีซี ผู้ชมสามารถตั้งระบบแจ้งเตือนได้ ฟีเจอร์ Playback ช่วยให้สามารถหยุดเล่นและย้อนกลับไปดูขณะรับชมการถ่ายทอดสด หรือเลือกดูผ่าน Chromecast หรือ AirPlay บนสมาร์ททีวีแบบ HD โดยผู้ใช้สามารถวางแผนเพื่อเลือกดูการถ่ายทอดสดรายการต่างๆ ได้ตามต้องการ

อย่างไรก็ตาม ปัญหาเรื่องการละเมิดลิขสิทธิ์ซึ่งเป็นปัญหาใหญ่สำหรับตลาดคอนเทนต์กีฬาในประเทศ ข้อกังวลหนึ่งคือ การสมัครบริการออนไลน์นี้ จะไม่สามารถเอาไปให้บริการในเชิงธุรกิจ เช่น ร้านอาหาร หรือร้านค้าต่างๆ ได้ โดยไมค์ เคอร์ กล่าวว่า ทางบีอินก็รับทราบถึงเรื่องดังกล่าว แต่เชื่อว่าคนไทยจะให้ความเคารพโดยไม่ละเมิดสิทธิ์ดังกล่าว หากมีการตรวจพบ ก็จะตัดสมาชิกคนนั้นทันที

ไมค์ เคอร์ กล่าวอีกว่า แม้ว่าคอนเทนต์ส่วนใหญ่ของบีอินจะเป็นฟุตบอล แต่ก็ได้พยายามมองหาตลาดกีฬาประเภทอื่นๆ มาให้บริการอีกในอนาคต

บีอิน เอเชีย แปซิฟิก เป็นผู้ให้บริการสื่อหลากหลายช่องทาง ถ่ายทอดสดการแข่งขันกีฬานัดสำคัญทุกรายการทั่วโลกผ่านช่องระดับพรีเมียม beIN SPORTS บริการของบีอิน เอเชีย แปซิฟิก มีตั้งแต่ข่าวสาร การวิเคราะห์ลีกดัง และการแข่งขันกีฬารายการดังทั่วโลก ให้บริการใน 11 ประเทศทั่วภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก

สำนักงานใหญ่ บีอิน เอเชีย แปซิฟิก ตั้งอยู่ที่สิงคโปร์และเป็นส่วนหนึ่งของ beIN Media Group บริษัทสื่อและธุรกิจบันเทิงรายใหญ่ของประเทศการ์ตา และมีช่องรวมกันทั้งหมดกว่า 60 ช่องทั่วโลก กลุ่มบริษัท beIN Media Group เป็นเจ้าของและให้บริการเครือข่ายเพย์ทีวีชั้นนำในตะวันออกกลาง แอฟริกาเหนือ และประเทศตุรกี สินทรัพย์อื่นๆ ของกลุ่มบริษัทฯ รวมถึง beIN SPORTS CONNECT แอปพลิเคชั่น multi-device player สำหรับรับชมการแข่งขันกีฬาและ Miramax บริษัทผลิตภาพยนตร์ ที่สำคัญยังเป็นเจ้าของเครือข่ายช่องข่าวระดับโลกอย่าง อัลจาซีราด้วย .

]]>
1135516