พร้อมเพย์ – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Tue, 12 Oct 2021 10:18:23 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 เปิดเงื่อนไขเงินเยียวยา ‘วินมอเตอร์ไซค์-แท็กซี่’ อายุเกิน 65 ปี สูงสุดคนละ 10,000 บาท เร่งจ่ายพ.ย.นี้ https://positioningmag.com/1356291 Tue, 12 Oct 2021 08:48:11 +0000 https://positioningmag.com/?p=1356291 ครม. อนุมัติเงินเยียวยา กลุ่มวินมอเตอร์ไซค์แท็กซี่ อายุเกิน 65 ปี ในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด 29 จังหวัด รับสูงสุดคนละ 10,000 บาท เร่งจ่ายพ..นี้ 

วันนี้ (12 .. 64) โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เเถลงว่า คณะรัฐมนตรี มีมติอนุมัติกรอบวงเงิน 166.94 ล้านบาทในโครงการช่วยเหลือกลุ่มอาชีพผู้ขับรถยนต์รับจ้าง (รถแท็กซี่) และรถจักรยานยนต์สาธารณะ ที่มีอายุเกิน 65 ปี ในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด 29 จังหวัด

กลุ่มเป้าหมายคือ ผู้ขับรถแท็กซี่ 12,918 ราย และผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์รับจ้าง 3,776 ราย คาดว่าจะจ่ายเงินรอบแรกได้วันที่ 8-12 .. และรอบ 2 ในวันที่ 22-26 .. 64

#มีเงื่อนไขอะไรบ้าง

  • ต้องมีรายชื่ออยู่ในฐานข้อมูลของกรมการขนส่งทางบก
  • ไม่เป็นผู้ประกันตนตามมาตรา 33 มาตรา 39 และมาตรา 40 ในระบบประกันสังคม
  • โอนเงินผ่านบัญชีพร้อมเพย์’ (Promptpay) ที่ผูกกับเลขบัตรประชาชน หรือตามวิธีการอื่นที่กรมการขนส่งทางบกกำหนด

#ได้คนละเท่าไหร่

ในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด 13 จังหวัด สนับสนุนเงินช่วยเหลือค่าครองชีพเป็นระยะเวลา 2 เดือน เดือนละ 5,000 บาท รวมทั้งหมดเป็น 10,000 บาท (กรุงเทพมหานคร, นครปฐม, นนทบุรี, ปทุมธานี, สมุทรปราการ, สมุทรสาคร, ฉะเชิงเทรา, ชลบุรี, พระนครศรีอยุธยา, นราธิวาส, ปัตตานี, ยะลา และสงขลา)

ในพื้นที่ 16 จังหวัดสีแดงเข้มที่ประกาศเพิ่มเติม สนับสนุนเงินช่วยเหลือค่าครองชีพเป็นระยะเวลา 1 เดือน เป็น 5,000 บาท (กาญจนบุรี, ตาก, นครนายก, นครราชสีมา, ประจวบคีรีขันธ์, ปราจีนบุรี, เพชรบุรี, เพชรบูรณ์, ระยอง, ราชบุรี, ลพบุรี, สิงห์บุรี, สมุทรสงคราม, สระบุรี, สุพรรณบุรี และอ่างทอง)

#ลงทะเบียนอย่างไร

สำหรับวิธีการลงทะเบียนร่วมโครงการนั้น กรมการขนส่งทางบก จะเปิดให้มีการลงทะเบียนตามหลักเกณฑ์ของโครงการ และดำเนินการตรวจสอบข้อมูลผู้ประกอบอาชีพขับรถยนต์รับจ้าง (รถแท็กซี่) และรถจักรยานยนต์สาธารณะ (วินมอเตอร์ไซค์) ที่มีอายุเกิน 65 ปี จากฐานข้อมูลใบอนุญาตขับรถยนต์สาธารณะ และใบอนุญาตขับรถจักรยานยนต์สาธารณะ

ส่วนกลุ่มผู้ขับรถแท็กซี่เช่า ที่ไม่สามารถตรวจสอบพื้นที่ให้บริการได้ จะต้องทำการตรวจสอบยืนยันตัวตนก่อน เช่น ให้นิติบุคคลรถเช่า/สหกรณ์แท็กซี่เป็นผู้รับรอง เป็นต้น

 

 

]]>
1356291
ย้ำ! มาตรการแจก 5,000 บาท ลงทะเบียนออนไลน์ ไม่ต้องมาธนาคาร รับเงินได้ทุกบัญชี https://positioningmag.com/1270531 Fri, 27 Mar 2020 15:06:35 +0000 https://positioningmag.com/?p=1270531 ย้ำอีกครั้งมาตรการเยียวยา 5,000 บาท นาน 3 เดือน ไม่ต้องไปที่ธนาคาร สามารถลงทะเบียนเอง และใช้บัญชีเดิมที่มีอยู่แล้วได้ รับเงินผ่านพร้อมเพย์ทุกธนาคาร

สรุปจากที่ นายลวรณ แสงสนิท ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง ได้เปิดเผยนั้น ดังนี้ 

การลงทะเบียนรับสิทธิตาม มาตรการเยียวยา 5,000 บาท (3 เดือน)

  • ปิดให้ลงทะเบียนผ่านเว็บไซต์ www.เราไม่ทิ้งกัน.com ในวันเสาร์ที่ 28 มีนาคม 2563 ตั้งแต่เวลา 18.00 . เป็นต้นไป และเว็บไซต์จะเปิดตลอด 24 ชม.
  • ไม่จำเป็นต้องเดินทางไปที่สาขาของธนาคารเพื่อเปิดบัญชีใหม่ หรือเพื่อลงทะเบียน
  • สามารถลงทะเบียนได้ด้วยตัวเอง หรือให้ผู้ใกล้ชิดช่วยลงทะเบียนให้ได้ ผ่านทางออนไลน์
  • ไม่จำเป็นต้องเปิดบัญชีธนาคารใหม่ที่ธนาคารเฉพาะกิจของรัฐ (ออมสิน หรือกรุงไทย)
  • ในขั้นตอนการจ่ายเงิน จะโอนเงินไปได้ทุกธนาคารที่มีบัญชีอยู่แล้วและได้ลงทะเบียนไว้
  • มีเงื่อนไขเพียงชื่อและนามสกุลเจ้าของบัญชีจะต้องตรงกับชื่อ และนามสกุลที่ลงทะเบียนไว้
  • เลือกให้โอนเข้า “พร้อมเพย์” ที่ผูกกับหมายเลขประจำตัวประชาชนได้
  • จะได้รับเงินเร็วที่สุด 7 วันทำการหลังจากการลงทะเบียน และตรวจสอบผ่านเกณฑ์คุณสมบัติที่กำหนด

กระทรวงการคลังได้กำหนดให้การลงทะเบียนและจ่ายเงินเป็นการดำเนินการผ่านระบบออนไลน์เป็นหลัก เพื่อความสะดวกและปลอดภัยของประชาชนมากที่สุด และให้สอดรับกับแนวปฏิบัติของกระทรวงสาธารณสุขในการอยู่บ้าน หยุดเชื้อ เพื่อชาติ

Source

]]>
1270531
สมาคมแบงก์แจงเหตุ “พร้อมเพย์” ล่ม ประมวลผลผิดพลาด-เคลียร์เงินผู้ใช้ 2 หมื่นราย https://positioningmag.com/1152465 Wed, 03 Jan 2018 11:01:08 +0000 https://positioningmag.com/?p=1152465 ทำเอาป่วนไปตามๆ กันสำหรับ พร้อมเพย์ ประธานสมาคมแบงก์แจงกรณีพร้อมเพย์ขัดข้องเมื่อวันที่ 31 ธ.ค.ที่ผ่านมา เกิดจาก ITMX ประมวลลค่าวันที่สิ้นปีผิดพลาด เชื่อหลังจากแก้ไขในครั้งนี้แล้ว เชื่อว่าจะไม่เกิดปัญหาอีก พร้อมคืนเงินให้กับลูกค้าที่คงค้างข้ามวันซึ่งมีประมาณ 20,000 รายการแล้ว

ปรีดี ดาวฉาย ประธานสมาคมธนาคารไทย ได้ชี้แจงว่า ธนาคารผู้ให้บริการ ได้รับทราบปัญหาการโอนเงินข้ามธนาคารผ่านบริการพร้อมเพย์ ที่ผู้รับเงินปลายทางไม่ได้รับเงิน ธนาคารต่างๆ และ บริษัท ไอทีเอ็มเอ๊กซ์ จึงได้ตรวจสอบหาสาเหตุและขอปิดการให้บริการเป็นการชั่วคราว ตั้งแต่เวลา 11:45 น. ของวนที่ 31 ธันวาคม เพื่อแก้ไขปัญหาและป้องกันความเสียหายที่จะเกิดแก่ผู้ใช้บริการ

สาเหตุมีดังนี้

• ระบบงาน ที่ใช้ที่บริษัท ไอทีเอ็มเอ๊กซ์ มีการประมวลผลค่าวันที่สิ้นปีผิดพลาด ทำให้ไม่สามารถโอนเงินไปยังธนาคารปลายทางได้ บริษัทฯ ได้ร่วมกับผู้พัฒนาระบบดำเนินการแก้ไข และ ระบบกลับมาเปิดให้บริการได้ในเวลา 14:45 น. ในวันเดียวกัน

• รายการโอนเงินที่ลูกค้าไม่ได้รับเงินภายในวันเดียวกันนั้น มีประมาณ 20,000 รายการ ธนาคารต่างๆและบริษัทฯได้ดำเนินการแก้ไข นำเงินเข้าบัญชีผู้รับ ปัจจุบันทุกธนาคารได้คืนเงินให้กับลูกค้าครบถ้วนทุกรายแล้ว

• เหตุการณ์นี้นับเป็นความผิดพลาดครั้งแรกของบริการพร้อมเพย์ที่ให้บริการมาตั้งแต่เดือนมกราคมของปีที่ผ่านมา

• สาเหตุของความผิดพลาดนั้น เป็นความผิดพลาดที่เกิดจากการเขียนโปรแกรม และหลังจากการแก้ไขในครั้งนี้แล้ว เชื่อว่าจะไม่เกิดปัญหาอีก

• สำหรับการแก้ไขระบบที่ใช้เวลาหลายชั่วโมงนั้น มาจากการหาสาเหตุและประสานงานกับผู้พัฒนาระบบ และต้องการทดสอบกับทุกธนาคารเพื่อให้มั่นใจว่าระบบของจะทำงานได้อย่างถูกต้อง

• ในการแก้ไขปัญหาให้ลูกค้านั้น ทุกธนาคารได้เร่งดำเนินการได้เร็วกว่ามาตรฐานที่เคยกำหนดร่วมกัน

• สำหรับลูกค้าที่ต้องโอนเงินข้ามธนาคารผ่านช่องทางอื่นแทนพร้อมเพย์ ในวันที่ 31 ธันวาคม 2560 ซึ่งต้องเสียค่าธรรมเนียม ธนาคารผู้ให้บริการทุกธนาคารจะคืนเงินค่าธรรมเนียมดังกล่าวให้แก่ลูกค้าทุกราย

ที่มา : mgronline.com/stockmarket/detail/9610000000649

]]>
1152465
Cashless Society ในไทยยังใช้เวลา คนไทยยังติดใช้เงินสด พร้อมเพย์-คิวอาร์โค้ด คือจุดเปลี่ยน https://positioningmag.com/1141158 Tue, 26 Sep 2017 05:52:14 +0000 http://positioningmag.com/?p=1141158 พูดถึงกันมาพักใหญ่สำหรับเรื่อง Cashless Society กลายเป็นวาระแห่งชาติที่หลายคนให้ความสนใจทั้งทางภาครัฐบาลที่ผลักดันนโยบายสนับสนุนสังคมไร้เงินสด ทางธนาคาร กรุงศรี คอนซูมเมอร์ตอบรับด้วยการปรับตัว ปรับบริการเพื่อขันรับนโยบาย เพื่อให้ผู้บริโภคได้เข้าสู่ยุคไร้เงินสด

แต่ในประเทศไทยถือว่าอยู่ในช่วงของการเริ่มต้นเท่านั้น ผู้บริโภคส่วนใหญ่ยังติดการใช้เงินสด บางคนยังคำนึงถึงเรื่องความปลอดภัยในการใช้ดิจิทัล เพย์เมนต์อยู่ แต่ก็เห็นสัญญาณที่ดีขึ้นจากการเติบโตของพร้อมเพย์ อีวอลเล็ท รวมถึงการตื่นตัวของการมาของคิวอาร์ เพย์เมนต์ที่จะใช้บริการช่วงปลายปีนี้ 

ถ้าดูภาพรวมของการจัดการต้นทุนด้านเงินสดของประเทศไทยถือว่ามหาศาล ประเทศไทยมีตู้เอทีเอ็มทั้งหมด 50,000 ตู้ มีเงินสะพัด 200,000 ล้านบาท ค่าต้นทุนของตู้เอทีเอ็ม 20,000 ล้านบาท ต้นทุนผลิตบัตรเดบิต/บัตรเครดิต 8,000 ล้านบาท ต้นทุนการจัดการเงินสด 9,000 ล้านบาท/ปี

องค์ประกอบต้นทุนทางการเงิน 33% อยู่ที่ธนาคาร 33% อยู่ที่ร้านค้า 13% อยู่ที่บริษัท 10% รัฐบาล 5% ธนาคารกลาง 6% เก็บส่วนตัว  

ถ้าการเข้ามาของ Cashless Society ผู้บริโภคมีการใช้ดิจิทัล เพย์เมนต์มากขึ้น จะช่วยลดต้นทุนด้านการเงินไปได้อีกมหาศาล

กรุงศรี คอนซูมเมอร์ได้ประเมินสถานการณ์ของยุค Cashless Society ในประเทศไทยว่าจะมีแนวโน้มอย่างไร จะสามารถเติบโตได้หรือไม่ รวมทั้งกรณีศึกษาจากต่างประเทศที่กำลังก้าวเข้าสู่ Cashless Society อย่างเต็มตัวแล้วด้วย

ฐากร ปิยะพันธ์ ประธานกรรมการ กรุงศรี คอนซูมเมอร์ กล่าวว่า ประเทศไทยจะก้าวไป Cashless Society ได้หรือไม่นั้น ต้องรอดูสถานการณ์อีกสักพักปัจจุบันมีสถิติที่เปรียบเทียบการใช้เงินสด กับเงินดิจิทัล พบว่าคนไทยส่วนใหญ่ยังใช้เงินสด ใช้บัตรเครดิตยังไม่มาก และใช้โมบาย เพย์เมนต์ยังไม่มากเช่นกัน มองว่ายังต้องใช้เวลาอีกนานในการสร้างการรับรู้

ถ้าเจาะไปเรื่องการดิจิทัล เพย์เมนต์ต่างๆ มีข้อมูลเปิดเผยว่าประเทศไทยมีประชากร 67 ล้านคน แต่มีคนเข้าถึงบัญชีธนาคาร 75% อีก 25% ไม่มีบัญชีธนาคาร ทั้งประเทศมีบัญชีธนาคารรวมกัน 80 ล้านบัญชี มีบัตรเดบิต 51 ล้านใบ บัตรเครดิต 20 ล้านใบ เฉลี่ย 2 ใบ/คน แสดงว่ามีคน 6 ล้านคนที่มีบัตรเครดิต จาก 67 ล้านคน ปัจจุบันมีการลงทะเบียนพร้อมเพย์ 30 ล้านคน อีวอลเล็ท 40 ล้านแอคเคานต์ โมบาย แบงกิ้ง 21 ล้านคน เติบโต 3% ต่อเดือน และอินเทอร์เน็ต แบงกิ้ง 15 ล้านบัญชี ไม่เติบโตแล้ว

ในแต่ละปีมีธุรกรรมการถอนเงินจากตู้เอทีเอ็ม 7.7 ล้านล้านบาท โตปีละ 6% สิ่งที่เห็นคือคนไปโอนเงินจากตู้เอทีเอ็มลดลง แต่ใช้โมบาย แบงกิ้งในการโอนมากขึ้น เป็นเพราะพร้อมเพย์ 

ปกติแล้วคนถอนเงินจากตู้เอทีเอ็มด้วยเหตุผล 2 อย่างคือ ชำระค่าบริการ และสินค้า และนำเงินไปให้ผู้อื่น ทำให้เกิด 2 บริการขึ้นมา คือ พร้อมเพย์ตอบโจทย์การโอนเงินไปให้ผู้อื่น และคิวอาร์โค้ดตอบโจทย์การชำระสินค้า บริการ ถ้าทั้ง 2 บริการเกิดขึ้นพร้อมกัน ตัวเลขธุรกรรม 7.7 ล้านล้านบาท จะลดลงเร็วมากขึ้น เมื่อลดลงต้นทุนในการบริหารจัดการตู้เอทีเอ็มก็จะลดลง 

สิ่งที่เกิดขึ้นในตอนนี้ก็คือประเทศไทยกำลังอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่านในการดำเนินเรื่อง National e-Payment จะเห็นว่าในเรื่อง Digital Transformation ยังคงน้อยอยู่ตอนนี้กำลังตื่นตัวเรื่องคิวอาร์ เพย์เมนต์ แต่สิ่งที่จะเห็นมากขึ้นในการที่ธนาคารจะเพิ่มฟังก์ชันให้โมบายแบงกิ้งใช้ชำระเงินอย่างเต็มรูปแบบมากขึ้น

กรณีศึกษาจากต่างประเทศ

ตัวอย่างของประเทศที่เกิด Cashless Society สามารถเป็นแรงกระเพือมในระดับโลกได้ ฐากร มองว่า ประเทศสวีเดน เป็นประเทศแรกที่น่าจะไปถึง Cashless Society มากที่สุด ส่วนจีนจะเป็นประเทศแรกที่จะไปถึง Cashless Society ในเอเชีย และสิงคโปร์เป็นประเทศที่สองในเอเชีย

ในระดับโลกการใช้เงินสดยังสูงอยู่ระดับ 85% ในประเทศสหรัฐอเมริกามีการผสมใช้ดิจิทัล เพย์เมนต์เข้ามามากขึ้น 

ส่วนประเทศไทยยังมีสัดส่วนในการใช้ดิจิทัล เพย์เมนต์แค่ 2% ยังน้อยมาก บางประเทศมีการประกาศหยุดใช้ธนบัตรเพราะต้องการต่อต้านการคอรัปชั่น เพราะส่วนใหญ่การคอรัปชั่นจะมีการเก็บธนบัตรใหญ่ไว้ที่บ้าน 

ในสวีเดนเริ่มถอนตู้เอทีเอ็มออกในต่างจังหวัด เพราะทรานแอคชั่นหายไป รัฐบาลแต่ละประเทศจะมีการสนับสนุน และผลักดัน Cashless Society ที่แตกต่างกัน 

ส่วนที่อินเดียมีความจริงจังในการทำสังคมไร้เงินสด ถึงขนาดตั้งหน่วยงาน Cashless India เป็นโครงการใหญ่ของรัฐบาลเพื่อทำดิจิทัล และจัดนวัตกรรมทุกอย่างเกี่ยวกับดิจิทัล เพย์เมนต์ทุกรูปแบบ หลังจากที่ประกาศหยุดใช้แบงค์ 500 และ 1,000 รูปี ก็มีการใช้อีวอลเล็ทเพิ่มขึ้นจากจาก 2 ล้านเป็น 5 ล้านทรานแอคชั่นภายใน 1 เดือน มีการให้สิทธิประโยชน์มากทั้งร้านค้า และผู้บริโภค

ส่วนในประเทศจีน มีวีแชทเพย์ และอาลีเพย์ เป็นแพลตฟอร์มที่มีชื่อเสียงมาก มีผลสำรวจออกมาว่าคนจีนใช้เงินสด 20% เท่านั้น นอกนั้นใช้โมบาย เพย์เมนต์หมด ธุรกรรมการเงินดิจิทัลในจีนมากกว่าอเมริกา 50 เท่าแล้ว เฉพาะเทนเซ็นต์อย่างเดียวมี 600 ล้านแอคทีฟแอคเคานต์ และมี 600 ล้านทรานแอคชั่น/วัน โมบาย เพย์เมนต์การเป็นการใช้ในชีวิตประจำวันของคนจีน 

]]>
1141158
“พร้อมเพย์ คิวอาร์โค้ด” เปลี่ยนประเทศไทย สู่สังคมไร้เงินสดได้จริงหรือ? https://positioningmag.com/1138384 Mon, 04 Sep 2017 03:27:04 +0000 http://positioningmag.com/?p=1138384 รหัสคิวอาร์ (Quick Response Code) หรือ คิวอาร์โค้ด แม้จะมีบทบาทในเมืองไทยมาได้สักระยะ โดยเฉพาะการใช้ควบคู่กับสมาร์ทโฟนในการเข้าถึงข้อมูล รวมทั้งเชื่อมต่อกับโซเชียลมีเดีย โดยเฉพาะแอปพลิเคชั่นไลน์ (Line)

แต่สำหรับธุรกรรมทางการเงิน แม้เราจะพบเห็นฟังก์ชันคิวอาร์โค้ดในแอปพลิเคชั่นของธนาคารหรือกระเป๋าเงิน (Wallet) การโอนเงิน รับเงิน ชำระเงิน หรือแม้กระทั่งฝากเงินเข้าบัญชี แต่ก็เป็นไปในลักษณะ “ต่างคนต่างทำ”

การบูรณาการระบบชำระเงิน จึงเป็นหน้าที่ของ ธนาคารแห่งประเทศไทย ที่พยายามกำหนดนวัตกรรมเทคโนโลยีใหม่มาสนับสนุนการให้บริการทางการเงิน (Regulatory Sandbox) ให้เป็นมาตรฐานเดียวกัน

หนึ่งในนั้นก็คือ “ระบบคิวอาร์โค้ด” ที่เมื่อเร็วๆ นี้ได้แถลงความร่วมมือการใช้มาตรฐานคิวอาร์โค้ดเพื่อการชำระเงิน ร่วมกับสมาคมธนาคารไทย เครือข่ายรับบัตรชั้นนำระดับโลก 5 แห่ง และบริษัทที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีทางการเงิน

คาดว่าการชำระเงินผ่านระบบคิวอาร์โค้ด จะสามารถใช้ได้ภายในไตรมาส 4 ของปี 2560

ภาพจาก ธนาคารแห่งประเทศไทย

แต่ที่ไม่ต้องรอก็คือ “พร้อมเพย์คิวอาร์โค้ด” (PromptPay QR Code) รหัสคิวอาร์โค้ดสำหรับรับเงินผ่านระบบพร้อมเพย์ ที่ลงทะเบียนผูกเลขที่บัญชีธนาคาร กับเลขที่บัตรประชาชนหรือเบอร์มือถือเอาไว้

ธนาคารไทยพาณิชย์ คิกออฟเป็นรายแรก ด้วยการให้วินมอเตอร์ไซค์รับจ้าง ติดป้ายห้อยคอพร้อมเพย์คิวอาร์โค้ด เพื่อให้ลูกค้าจ่ายค่าโดยสารแทนเงินสด นำร่องกับผู้ขับขี่มอเตอร์ไซค์รับจ้าง 200 คันทั่วกรุงเทพฯ

พร้อมเพย์คิวอาร์โค้ดรหัสนี้ ไม่ได้จำกัดเพียงแค่แอปพลิเคชั่น SCB Easy เวอร์ชั่นล่าสุดเท่านั้น แต่ยังรองรับแอปของธนาคารอื่น ที่ใช้ได้ก็มีธนาคารกรุงเทพ ธนาคารกรุงไทย ธนาคารกรุงศรีอยุธยา และ ล่าสุดธนาคารธนชาต 

ส่วนธนาคารกสิกรไทย ได้เปิดตัวแอปพลิเคชั่น K-PLUS SHOP สำหรับร้านค้า รับจ่ายเงินด้วยคิวอาร์โค้ด นำร่องสยามสแควร์ ตลาดนัดจตุจักร และเดอะแพลทินัม แฟชั่นมอลล์ ประตูน้ำ

ในข่าวประชาสัมพันธ์ ระบุว่า ลูกค้าสามารถใช้ฟีเจอร์อ่านคิวอาร์โค้ด ที่อยู่บนแอปพลิเคชั่นโมบายแบงกิ้งใดก็ได้ ยิงที่คิวอาร์โค้ดของร้านก็สามารถชำระเงินให้กับร้านค้าได้ทันที

อย่างไรก็ตาม สำหรับธนาคารอื่นที่มองเห็นโอกาสตรงนี้ ได้พยายามสร้างเครื่องมือให้ลูกค้าสามารถสร้างคิวอาร์โค้ดไปใช้ในกิจการเล็กๆ ของตนเอง เช่น ร้านค้า ร้านอาหารขนาดเล็ก ร้านขายของตามตลาดนัดต่าง ๆ 

เพราะเป็นวิธีรับเงินจากลูกค้าที่มีต้นทุนต่ำมาก เพียงแค่พิมพ์สติกเกอร์ หรือกระดาษรูปคิวอาร์โค้ดติดไว้หน้าร้าน ถูกกว่าการติดตั้งเครื่องรูดบัตรที่เสียค่าธรรมเนียมหลายต่อ ทั้งค่าเช่าเครื่อง และหักเปอร์เซ็นต์การรับบัตรเสียอีก

เช่น ธนาคารกรุงไทย ได้เพิ่มเมนู “สร้าง QR CODE เพื่อรับเงิน” ในแอปพลิเคชั่น KTB Netbank โดยกรอกหมายเลขพร้อมเพย์ (เลขที่ประจำตัวประชาชน หรือหมายเลขโทรศัพท์มือถือ) เพื่อสร้างคิวอาร์โค้ดเป็นไฟล์รูปภาพได้ทันที

นอกจากนี้ ยังมีสตาร์ทอัพร้านค้าออนไลน์ฝีมือคนไทยอย่าง Page 365 ได้สร้างเว็บไซต์ https://promptpay.io/ เพื่อใช้สร้างคิวอาร์โค้ดโดยเฉพาะ รวมทั้งยังส่งคิวอาร์โค้ดให้เพื่อนในโปรแกรมแชตได้ทันที

แต่การนำไปใช้ จำเป็นต้องคำนึงถึงวิธีการพิมพ์คิวอาร์โค้ดให้สามารถใช้งานได้โดยไม่ติดขัด เช่น ความละเอียดของภาพคิวอาร์โค้ด ไม่ควรต่ำกว่า 300 DPI สำหรับการพิมพ์ และไม่เกิน 72 DPI สำหรับหน้าจออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์

ภาพจาก Channel News Asia – ธนาคารดีบีเอสให้บริการสแกนคิวอาร์โค้ดตามร้านค้าเพื่อชำระเงินผ่านแอปพลิเคชัน DBS PayLah! ขณะที่ทางการสิงคโปร์เตรียมผลักดันระบบคิวอาร์โค้ดเพื่อชำระเงินตามร้านค้าในอีก 6 เดือนข้างหน้า

ไม่ใช่แค่ประเทศไทย ที่ตื่นเต้นกับการชำระเงินผ่านคิวอาร์โค้ด

ที่สิงคโปร์ นายกรัฐมนตรี ลี เซียนลุง กล่าวปราศรัยเนื่องในวันชาติสิงคโปร์ ว่า จะพยายามบูรณาการระบบชำระเงินร่วมกันเพื่อลดความซับซ้อน และเปลี่ยนผ่านประเทศไปสู่ประเทศอัจฉริยะ (Smart Nation)

เขายกตัวอย่างเมื่อครั้งไปเยือนนครเซี่ยงไฮ้ของจีนเมื่อสองปีก่อน เขาเห็นประชาชนซื้อเกาลัดที่ร้านของชำริมถนนโดยไม่ใช้เงินสด แต่ใช้คิวอาร์โค้ดจากแอปพลิเคชั่น WeChat

“ในเมืองใหญ่ของจีน เงินกลายเป็นสิ่งล้าสมัย บัตรเครดิตและบัตรเดบิตจะใช้ยากขึ้น ทุกคนใช้แต่ WeChat Pay หรือ Alipay ชำระเงินเกือบทั้งหมด ทั้งซื้อของว่างตามแผงลอยข้างทาง จ่ายค่าแท็กซี่ หรือแม้กระทั่งให้ทิปพนักงาน

แต่นักท่องเที่ยวจีนมาเยือนสิงคโปร์กลับต้องใช้เงินสด เขาถามกลับว่า “เดี๋ยวนี้สิงคโปร์กำลังจะล้าหลังแล้วหรือ” (How can Singapore be so backward?’)”

ธนาคารกลางของสิงคโปร์ (Monetary Authority of Singapore หรือ MAS) เพิ่งเปิดตัวระบบชำระเงิน “เพย์นาว” (PayNow) ไปเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา โดยใช้เบอร์มือถือ หรือเลขประจำตัวประชาชน เพื่อโอนเงินระหว่างกัน

สำนักงานประเทศอัจฉริยะและรัฐบาลดิจิตอล (Smart Nation and Digital Government Office หรือ SNDGO) กล่าวว่า ภายใน 6 เดือน จะผลักดันระบบคิวอาร์โค้ดให้ผู้บริโภคและธุรกิจขนาดเล็กรับเงินผ่านระบบเพย์นาวได้ง่ายขึ้น

แม้พร้อมเพย์คิวอาร์โค้ดดูเหมือนจะน่าตื่นเต้น แต่สำหรับผู้ใช้พร้อมเพย์รายหนึ่ง แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับเรา ตั้งข้อสังเกตว่า พร้อมเพย์คิวอาร์โค้ด ต้องใช้กล้องมือถือสแกนอย่างเดียว อัพโหลดรูปคิวอาร์โค้ดไม่ได้ 

“กรณีช้อปออนไลน์ พ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ใครจะใช้ เพราะมันจ่ายไม่ได้ ตอนแรกกะเอาให้แบบส่งให้ลูกค้ากดโอนได้เลย” เมื่อถามไปว่า แค่กรอกเบอร์โทรจะยากอะไร เขาก็กล่าวว่า “ไม่อยากให้เบอร์โทร”

แน่นอนว่า ความวิตกกังวลหลัก ๆ ที่ไม่ต่างจากในช่วงเปิดบริการพร้อมเพย์ใหม่ ๆ ได้แก่ ความปลอดภัย และความเป็นส่วนตัว หากจะต้องบอกเบอร์มือถือ หรือเลขที่บัตรประชาชนให้คนที่ไม่รู้จัก

แต่สำหรับคนที่มีอาชีพเป็นพ่อค้าแม่ค้า บางคนยอมเปิดเผยเบอร์มือถือเพื่อติดต่อลูกค้าเป็นประจำอยู่แล้ว จึงไม่น่าจะเป็นปัญหามากนัก นอกเสียจากจะใช้วิธีแยกเบอร์มือถือที่ใช้ทำธุรกิจ กับเบอร์มือถือส่วนตัวแยกออกจากกันต่างหาก

อย่างไรก็ตาม แม้จะมีคนเห็นว่า ให้สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อจ่ายเงินเพราะไม่อยากให้เบอร์โทร แต่เอาเข้าจริงหากมีแอปพลิเคชั่นอ่านบาร์โค้ด ยังไงก็สามารถแกะรหัสพร้อมเพย์ โดยเฉพาะเบอร์มือถือหรือเลขที่บัตรประชาชนได้อยู่ดี

รวมทั้งแอปพลิเคชั่นบางธนาคาร เวลาสแกนคิวอาร์โค้ดแล้วจะเข้าไปที่เมนูโอนเงินพร้อมเพย์ ซึ่งจะปรากฏชื่อ นามสกุล และเบอร์มือถือ หรือเลขที่บัตรประชาชนอยู่ดี เพราะฉะนั้นจึงมีประโยชน์ในแง่ของการอำนวยความสะดวก

สอดคล้องกับ นายปริญญา หอมเอนก ผู้เชี่ยวชาญด้านความมั่นคงทางไซเบอร์ เปิดเผยกับไทยพีบีเอส ระบุว่า การใช้คิวอาร์โค้ด มีความเสี่ยงว่าเงินในบัญชีอาจหายหรือถูกโอนไปโดยไม่รู้ตัว หากไม่มีทักษะการใช้สมาร์ทโฟนที่ดีพอ

โดยเฉพาะการปล่อยให้บุคคลอื่นเห็น หรือรู้จักรหัส (PIN) 6 หลักเพื่อยืนยันตัวตน

นอกจากนี้ ยังมีความเสี่ยงจากการถูกไวรัสโทรจันที่แฝงในแอปพลิเคชั่นต่าง ๆ โดยเฉพาะระบบแอนดรอยด์ที่อาจเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคล สะสมพฤติกรรมการทำธุรกรรม แล้วไปประมวลผลเป็นบิ๊กดาต้าทางการค้าของธนาคาร

เขาแนะนำให้เก็บรักษาความลับรหัส (PIN) 6 หลักเป็นอย่างดี โดยเฉพาะการกดรหัสในพื้นที่สาธารณะ และไม่ควรปล่อยให้มียอดเงินในบัญชีออมทรัพย์ ซึ่งผูกกับโมบายแบงก์กิ้งมากเกินไปเพื่อป้องกันความเสี่ยง

ขณะที่ เฟซบุ๊กเพจ Drama-addict ก็แนะให้ระวังมิจฉาชีพที่สวมรอยคิวอาร์โค้ดคนอื่นเป็นของตัวเอง โดยยกตัวอย่างที่จีน มิจฉาชีพแอบเอาสติกเกอร์คิวอาร์โค้ดของตัวเองมาแปะทับของร้านค้าแถวนั้นทุกร้าน

“พอลูกค้าจ่ายเงินซื้อของ เงินไม่เข้าบัญชีแม่ค้าสักราย แต่เข้าบัญชีมิจฉาชีพหมด พอการเงินรูปแบบใหม่มา เดี๋ยวอาชญากรรมรูปแบบใหม่ก็มาแน่ ต้องเตรียมตัวรับมือมันไว้ด้วย”

ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม เมื่อธนาคารพาณิชย์ต่างส่งเสริมระบบชำระเงินผ่านคิวอาร์โค้ดมากขึ้น โดยเฉพาะพร้อมเพย์คิวอาร์โค้ด เราจะได้ก้าวเข้าสู่สังคมไร้เงินสด (Cashless Society) เพิ่มมากขึ้นในอนาคตอันใกล้

บางคนเคยผ่านการช้อปออนไลน์ด้วยวิธีต่าง ๆ ทั้งผ่านระบบตะกร้าอีคอมเมิร์ช ชำระผ่านเลขบัตรเครดิตหรือบัตรเดบิต หรือที่ง่ายที่สุด เห็นสินค้าผ่านโซเชียลเกิดถูกใจก็ทักแชต โอนเงินผ่านแอป แล้วส่งอี-สลิปให้แม่ค้าอย่างง่ายดาย

เราอาจจะเคยเห็นร้านสะดวกซื้อชื่อดังอย่าง “เซเว่น อีเลฟเว่น” รับชำระเงินผ่านระบบ Alipay อำนวยความสะดวกแก่นักท่องเที่ยวจีน กระทั่งกลุ่มทรูผลักดันให้คนไทยชำระเงินผ่านแอปฯ “ทรูมันนี่ วอลเลท” โดยใช้โปรโมชั่นจูงใจ

หรือร้านค้าชั้นนำก็ใช้ระบบวอลเลทบนสมาร์ทโฟน เชื่อมต่อระหว่างร้านค้ากับเงินอิเล็กทรอนิกส์ เช่น ร้านกาแฟสตาร์บัคส์ (Starbucks Coffee) ในไทย ก็พัฒนาแอปให้ผูกบัตรสตาร์บัคส์การ์ด แล้วใช้ชำระเงินโดยไม่ต้องใช้บัตรตัวจริง

ระบบคิวอาร์โค้ดกำลังจะพลิกวิถีชีวิตคนไทย ให้เงินสดกลายเป็นสิ่งล้าสมัยเหมือนอย่างที่จีนหรือไม่ ขึ้นอยู่กับผู้บริโภคจะยอมเปิดใจ เปลี่ยนทัศนคติ ใช้สมาร์ทโฟนจ่ายแทนเงินสดเป็นประจำในชีวิตประจำวันหรือไม่

เพราะบางคนยังมองว่าใช้แอปเพื่อจ่ายเงินเล็กๆ น้อยๆ เป็นเรื่องยุ่งยาก เมื่อเทียบกับเงินสด หรือบางคนกลัวความปลอดภัย กลัวถูกแฮกบัญชีธนาคาร กลัวขาดความเป็นส่วนตัว กลัวถูกตรวจสอบ ฯลฯ

เป็นโจทย์ใหญ่ที่หลายฝ่ายจะต้องพิจารณาสร้างความเชื่อมั่นแก่ผู้ใช้บริการให้ได้ หากใช้แล้วมั่นใจ ทัศนคติเดิมๆ จะถูกเปลี่ยนไป สังคมไร้เงินสดที่หลายฝ่ายคาดหวังมันก็จะมาเอง.


ที่มา : mgronline.com/columnist/detail/9600000090391

]]>
1138384
“พร้อมเพย์” ใช้เพิ่ม กระทบรายได้แบงก์ https://positioningmag.com/1120834 Wed, 29 Mar 2017 04:30:14 +0000 http://positioningmag.com/?p=1120834 ผู้ว่าฯ ธปท. คาดพร้อมเพย์ มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง หลัง 2 เดือนมีปริมาณธุรกรรมอยู่ในระดับสูง 200 ล้านรายการ ยอมรับมีผลกระทบรายได้แบงก์พาณิชย์

นายวิรไท สันติประภพ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา (ม.ค. – ก.พ.) พบว่า ปริมาณธุรกรรมจากการให้บริการพร้อมเพย์มียอดทำรายการ 200 ล้านรายการ ซึ่งเป็นการโอนเงินระหว่างภาครัฐต่อภาครัฐ และเป็นการโอนเงินระหว่างประชาชนต่อประชาชน โดยตัวเลขปริมาณการทำธุรกรรมดังกล่าวถือว่าอยู่ในระดับสูง

“ธนาคารแห่งประเทศไทย เชื่อมั่นว่าการใช้บริการพร้อมเพย์จะมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่ไม่สามารถระบุแน่ชัดได้ว่า จะเพิ่มขึ้นเป็นเท่าใด เพราะธุรกรรมพร้อมเพย์ เป็นเรื่องการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของผู้ใช้บริการว่าจะใช้มากหรือน้อยเพียงใด” นายวิรไท กล่าว

อย่างไรก็ตาม ธปท. ยอมรับว่า การเปิดใช้บริการพร้อมเพย์อย่างเป็นทางการ มีผลกระทบไปถึงรายได้ค่าธรรมเนียมของธนาคารพาณิชย์ที่ลดลงไปบ้าง แต่เชื่อว่าธนาคารพาณิชย์ทุกธนาคารจะพยายามหารายได้ในส่วนอื่นเข้ามามาชดเชยกับค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรมการโอนเงินสูญเสียไป

ที่มา : http://manager.co.th/iBizChannel/ViewNews.aspx?NewsID=9600000031892

]]>
1120834
ค่าธรรมเนียมพร้อมเพย์ใหม่ https://positioningmag.com/1118228 Mon, 06 Mar 2017 07:22:20 +0000 http://positioningmag.com/?p=1118228 ทั้งนี้ ธนาคารแห่งประเทศไทย แจ้งว่า มีผลตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคมที่ผ่านมา นิติบุคคลต้องนำเลขทะเบียนนิติบุคคล หรือเลขประจำตัวผู้เสียภาษี 13 หลักมาผูกบัญชีกับแบงก์พาณิชย์ แต่หากยังไม่ผูกบัญชี จะเสียค่าธรรมเนียมอัตราเดิม ซึ่งธนาคารพาณิชย์ส่วนใหญ่เรียก 25-35 บาทต่อรายการ

]]>
1118228