มหาวิทยาลัยรังสิต – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Fri, 14 Jun 2013 00:00:00 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 ทรู ดิจิตอล พลัส จับมือ มหาวิทยาลัยรังสิต เปิดโครงการ “Good Game Developer Projects 2013 Season 2” https://positioningmag.com/56604 Fri, 14 Jun 2013 00:00:00 +0000 http://positioningmag.com/?p=56604

ทรู ดิจิตอล พลัส ผู้ให้บริการเกมออนไลน์และเกมบนมือถือชั้นนำของไทย ร่วมกับมหาวิทยาลัยรังสิต สถาบันอุดมศึกษานานาชาติ เปิดเวทีประกวดแข่งขันพัฒนาเกมแอพพลิเคชั่น ต่อเนื่องเป็นปีที่สอง “Good Game Developer Projects 2013 Season 2” เพื่อส่งเสริมอุตสาหกรรมเกมในประเทศไทย และสนับสนุนนักพัฒนาเกมรุ่นใหม่ให้ได้แสดงความสามารถ โดยในปีนี้ผู้เข้าร่วมแข่งขันจะได้รับการถ่ายทอดความรู้และประสบการณ์การทำเกมจาก 5 สตูดิโอเกมชั้นนำอย่างใกล้ชิด และยังได้รับการปรึกษาเพิ่มเติมจากผู้ทรงคุณวุฒิแบบครบวงจร ทั้งด้านการผลิตเกมส์และด้านการตลาด รางวัลรวมมูลค่ากว่า 700,000 บาท พร้อมโอกาสร่วมงานกับบริษัท ทรู ดิจิตอล พลัส จำกัด และนำเกมดังกล่าวมาให้บริการจริง เปิดรับสมัครทางเว็บไซต์ www.ggdp.in.th ตั้งแต่วันที่ 10-25 มิถุนายน 2556

นายธาดา เศวตศิลา ผู้อำนวยการกลุ่ม ด้านลูกค้าสถาบันการศึกษา บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า “ความร่วมมือกับมหาวิทยาลัยรังสิต คณะเทคโนโลยีสารสนเทศ สาขาวิชาคอมพิวเตอร์เกมมัลติมีเดีย ในการดำเนินโครงการ Good Game Developer Projects 2013 Season 2 ต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 เพื่อสานฝันนักพัฒนาเกม สู่มืออาชีพ และส่งเสริมนักพัฒนาเกมรุ่นใหม่ให้แสดงความคิดสร้างสรรค์เกมหลากหลายรูปแบบครั้งนี้ สะท้อนความมุ่งมั่นของกลุ่มทรูที่ต้องการส่งเสริมให้คนไทย เยาวชนไทย นำศักยภาพและความพร้อมของตนเองมาสร้างสรรค์ผลงานให้เป็นที่ยอมรับในระดับโลก โดยทรู ดิจิตอล พลัส ให้ความสนับสนุนโครงการอย่างครบวงจร ทั้งด้านการตลาด ทีมงานบริการ คอลล์เซ็นเตอร์ ระบบบิลลิ่ง รวมทั้ง เซิร์ฟเวอร์ ซึ่งในปีที่ผ่านมา Good Game Developer Projects 2012 ประสบความสำเร็จอย่างสูง มีเยาวชน คนรุ่นใหม่สมัครเข้าร่วมโครงการกว่า 100 ทีมจากทั่วประเทศ ซึ่งเกม GummoK Fishing ที่ได้รับรางวัลชนะเลิศ และเกม Rune War ที่ได้รับรางวัลรองชนะเลิศ ได้ถูกนำไปเปิดให้บริการจริง ยิ่งไปกว่านั้น ผู้ที่ชนะการประกวดเมื่อปีที่แล้วยังได้เข้าร่วมงานกับ ทรู ดิจิตอล พลัส ในฐานะนักพัฒนาเกมมืออาชีพ จึงนับได้ว่าเป็นเวทีสำคัญของผู้ที่มีความใฝ่ฝันอยากเป็นนักพัฒนาเกมในการก้าวไปสู่การเป็นนักออกแบบเกมมืออาชีพในที่สุด”

ผศ.ดร.ม.ล.กุลธร เกษมสันต์ คณบดีคณะเทคโนโลยีสารสนเทศ มหาวิทยาลัย กล่าวว่า “ในปัจจุบันอุตสาหกรรมเกมมีการเติบโตอย่างต่อเนื่องและสร้างรายได้ให้กับบุคลากรในสายงานที่เกี่ยวข้องได้อย่างมาก แต่ทิศทางการทำธุรกิจทางเทคโนโลยีสารสนเทศด้านเกมนั้นเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว การจะปรับตัวให้เท่าทันเทคโนโลยีจำเป็นต้องขับเคลื่อนไปในภาพรวมทั้งภาคอุตสาหกรรมจึงจะเกิดประสิทธิภาพอย่างเต็มที่ ซึ่งโครงการ Good Game Developer Projects 2013 Season 2 ถือเป็นรวมตัวกันของภาคธุรกิจ ภาคการศึกษา และภาคบุคลากร เพื่อร่วมพัฒนาศักยภาพ ผลักดันความสามารถ และเฟ้นหาความเป็นเลิศสู่ภาคอุตสาหกรรมเทคโนโลยีสารสนเทศด้านเกมให้แข็งแกร่ง ทั้งยังเป็นฟันเฟืองสำคัญในการพัฒนาประเทศต่อไป มหาวิทยาลัยรังสิต คณะเทคโนโลยีสารสนเทศ สาขาวิชาคอมพิวเตอร์เกมมัลติมีเดีย เป็นเสมือนบันไดขั้นหนึ่งที่พร้อมก้าวย่างเคียงข้างนักพัฒนาเกมสู่มืออาชีพ โดยการสนับสนุนจาก บริษัท ทรู ดิจิตอล พลัส จำกัด ซึ่งแสดงถึงความเป็นผู้นำในภาคอุตสาหกรรมและเป็นผู้นำในการสนับสนุนภาคการศึกษาอย่างต่อเนื่องและจริงจัง”

ในปีนี้ผู้เข้าร่วมแข่งขันจะได้รับการถ่ายทอดความรู้และประสบการณ์การทำเกมจาก 5 สตูดิโอเกมชั้นนำ ได้แก่ Advance Intelligence Modernity, Corecell Technology, Arkavis Siam, Game Square Interactive และ Pigsss Games นอกจากนี้ยังมีผู้ทรงคุณวุฒิในสาขาที่เกี่ยวข้อง มาร่วมเป็นคณะกรรมการตัดสิน สำหรับรางวัลในโครงการ Good Game Developer Projects 2013 Season 2 นั้นแบ่งออกเป็น รางวัลชนะเลิศ จำนวน 1 รางวัล ได้รับเงินสด 3 แสนบาท พร้อมทุนการศึกษาความสามารถพิเศษ ให้ได้รับการยกเว้นค่าหน่วยกิตและค่าบำรุงการศึกษา ระดับปริญญาโท หลักสูตรวิทยาศาสตร์มหาบัณฑิต สาขาวิชาเทคโนโลยีสารสนเทศ มหาวิทยาลัยรังสิต จำนวน 1 ทุน และรางวัลรองชนะเลิศ จำนวน 2 รางวัล ได้รับเงินสดรางวัลละ 1 แสนบาท พร้อมทุนการศึกษาความสามารถพิเศษ ให้ได้รับทุนการศึกษาจำนวนครึ่งหนึ่งของค่าหน่วยกิตและค่าบำรุงการศึกษา ระดับปริญญาโท หลักสูตรวิทยาศาสตร์มหาบัณฑิต สาขาวิชาเทคโนโลยีสารสนเทศ มหาวิทยาลัยรังสิต จำนวนรางวัลละ 1 ทุน โดยทุกรางวัลจะได้รับประกาศนียบัตร และมีโอกาสได้ร่วมงานกับ ทรู ดิจิตอล พลัส ในฐานะนักพัฒนาเกมมืออาชีพเพื่อพัฒนาผลงานเกมให้สามารถเปิดให้บริการจริงได้ต่อไป

คุณสมบัติสำหรับผู้สมัครเข้าร่วมแข่งขัน เปิดรับสมัครบุคคลทั่วไปที่สนใจ อายุไม่ต่ำกว่า 20 ปี โดยสมัครเข้าร่วมแข่งขันเป็นทีม ทีมละ 3-6 คน ซึ่งประกอบด้วย Developer อย่างน้อย 1 คน, Designer อย่างน้อย 1 คน และ Business อย่างน้อย 1 คน ในส่วนของการแข่งขันจะถูกแบ่งออกเป็น 3 รอบ ได้แก่ รอบคัดเลือกครั้งที่ 1 เป็นการนำเสนอคลิปวิดีโอแนะนำเกม และ Game Design and Development Plan โดยต้องส่งให้กองประกวดภายในวันที่ 15-26 มิถุนายน 2556 ต่อมาคือ รอบคัดเลือกครั้งที่ 2 เป็นการผลิต Prototype ของเกมและนำเสนอผลงานต่อคณะกรรมการและสตูดิโอเกมที่เข้าร่วมโครงการ ภายในวันที่ 21-22 กันยายน 2556 และรอบสุดท้ายคือรอบชิงชนะเลิศ ที่ต้องพัฒนาเกมเพื่อให้สามารถใช้งานและสร้างรายได้ให้เกิดขึ้นจริง โดยต้องนำเสนอผลงานต่อหน้าคณะกรรมการในวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2557

ผู้ที่สนใจสามารถสมัครเข้าร่วมแข่งขันในโครงการ Good Game Developer Projects 2013 Season 2 ได้ที่เว็บไซต์ www.ggdp.in.th ตั้งแต่วันที่ 10-25 มิถุนายน 2556 หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ โทรศัพท์ 02-686-2230

]]>
56604
โนเกียร่วมกับมหาวิทยาลัยรังสิตนำร่องสร้างนักพัฒนาแอพรองรับ 3G https://positioningmag.com/56354 Mon, 29 Apr 2013 00:00:00 +0000 http://positioningmag.com/?p=56354

โนเกียร่วมกับคณะเทคโนโลยีสารสนเทศ มหาวิทยาลัยรังสิต จัดโครงการ My First App (มาย เฟิร์สต์ แอพ) สนับสนุนการถ่ายทอดเทคโนโลยี จัดฝึกอบรม และสร้างแลบปฏิบัติการ เพื่อสร้างนักพัฒนาแอพไทยเลือดใหม่รองรับการเติบโตของระบบนิเวศน์สื่อสารเคลื่อนที่หลังเปิดให้บริการ 3G และการขยายตัวของสมาร์ทโฟนบนระบบปฏิบัติการ Windows Phone

นายจิรพัฒน์ จันทร์เจิดศักดิ์ หัวหน้าฝ่ายสนับสนุนนักพัฒนา บริษัท โนเกีย (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “ด้วยประเทศไทยกำลังก้าวสู่ยุค 3G เต็มรูปแบบ ทำให้เกิดการขยายตัวของการใช้งานอุปกรณ์และระบบสื่อสารเคลื่อนที่ รวมถึงความต้องการด้านแอพพลิเคชั่นเพื่อตอบโจทย์ทั้งผู้บริโภคและภาคธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็น แอพเพื่อการสนทนา แอพสังคมออนไลน์แอพด้านการเงินที่ปลอดภัย แอพเพื่อการท่องเที่ยวและร้านอาหาร แอพข้อมูลข่าวสาร ตลอดจนแอพด้านภาพถ่าย เกมส์ และความบันเทิงต่างๆ ซึ่งปัจจุบันมีแอพบน Windows Phone Store มากกว่า 135,000แอพ และบน Nokia Store อีกกว่า 63,000 แอพ โดยแอพพลิเคชั่นสัญชาติไทยที่ได้รับความนิยมสูงสุดสามารถทำสถิติมียอดดาวน์โหลดมากกว่า 375,000 ครั้งในเวลาไม่ถึง 2 เดือน”

ด้วยเหตุนี้ โนเกียและมหาวิทยาลัยรังสิต จึงได้ริเริ่มโครงการ My First App เพื่อผลิตนักพัฒนาแอพพลิเคชั่นรุ่นใหม่รองรับความต้องการด้านการพัฒนาแอพพลิเคชั่นที่จะเพิ่มมากขึ้นทั้งจากภาคธุรกิจและผู้บริโภครวมทั้งยังเป็นการพัฒนาศักยภาพของบุคลากรไทยให้ก้าวไปสู่ตลาดแอพพลิเคชั่นระดับโลกต่อไปในอนาคต

โครงการ My First App มีวัตถุประสงค์เพื่อให้นักศึกษาไทย มีความเข้าใจในเทคโนโลยี ระบบปฏิบัติการ และหลักการในการพัฒนาแอพพลิเคชั่น ผ่านการถ่ายทอดเทคโนโลยี ฝึกอบรม และลงมือปฏิบัติจริงในห้องปฏิบัติการ โดยมีผู้เชี่ยวชาญจากโนเกียมาถ่ายทอดวิทยาการ อาทิ APIs ของแผนที่โนเกีย แอพที่ใช้งานเทคโนโลยี NFC เป็นต้น รวมถึงนักพัฒนาแอพ มืออาชีพที่จะมาแบ่งปันประสบการณ์จริงในการทำงานและเคล็ดลับในการผลิตแอพคุณภาพเพื่อตอบสนองได้ทั้งผู้ใช้งานในประเทศและทั่วโลก

10 โครงการจากนักศึกษาที่ผ่านการฝึกอบรมและนำเสนอแนวคิดในการพัฒนาแอพพลิเคชั่น จะได้รับการคัดเลือกเพื่อพัฒนาแอพพลิเคชั่นและเผยแพร่บน Windows Phone Store เพื่อให้ผู้บริโภคได้ดาวน์โหลดและนำไปใช้งานจริง แอพ จากทีมใดที่มียอดการดาวน์โหลดสูงสุด ผู้พัฒนาจะได้รับโอกาสไปทัศนศึกษาที่ศูนย์พัฒนาและวิจัยของโนเกีย ณ กรุงปักกิ่ง ประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน ซึ่งเป็นหนึ่งในศูนย์วิจัยสำคัญของโนเกีย

“ยิ่งมีการเปิดตัวสมาร์ทโฟนบนระบบปฏิบัติการ Windows Phone 8 ในหลากหลายระดับราคา ก็ยิ่งเปิดโอกาสให้ผู้บริโภคสามารถเลือกสมาร์ทโฟนที่เหมาะสมกับตนเองได้มากขึ้น และจูงใจให้ผู้ที่มองหาสมาร์ทโฟนเครื่องแรกเพื่อทดลองใช้บริการ 3G ตัดสินใจได้ง่ายขึ้น ทำให้เกิดความต้องการใช้แอพพลิเคชั่นบนสมาร์ทโฟนมากยิ่งขึ้น จึงเป็นโอกาสอันดีของประเทศไทยที่จะพัฒนาบุคลากรด้านนี้อย่างจริงจัง” นายจิรพัฒน์กล่าวเสริม

ด้านผศ.ดร.ม.ล.กุลธร เกษมสันต์ คณบดี คณะเทคโนโลยีสารสนเทศ มหาวิทยาลัยรังสิต กล่าวถึงการเตรียมตัวของมหาวิทยาลัยในการผลิตบุคลากรด้านนักพัฒนา เพื่อตอบรับกระแสการเปิดให้บริการ 3G ว่า “อุตสาหกรรมด้าน Mobile Application ในประเทศไทยกำลังมีอัตราการขยายตัวอยู่ในปริมาณสูงเพื่อตอบรับการให้บริการ 3G ทำให้เกิดความต้องการบุคลากรด้านนักพัฒนาแอพมากยิ่งขึ้น ทางคณะเทคโนโลยีสารสนเทศจึงเล็งเห็นถึงความสำคัญในการผลิตบัณฑิตพร้อมใช้ทางด้าน Mobile Application เพื่อตอบสนองการพัฒนาของประเทศ และด้วยปรัชญาของคณะฯที่ “มุ่งมั่นสร้างบัณฑิตไอทีมืออาชีพสู่สังคม” เราจึงมุ่งพัฒนารูปแบบการเรียนการสอนของหลักสูตร ลงทุนสร้างห้องปฏิบัติการเฉพาะทาง และร่วมมือกับบริษัทชั้นนำทางด้านไอที เพื่อให้นักศึกษาได้ใช้เครื่องมือ และเทคโนโลยีต่าง ๆ ในการปฏิบัติจริง และสร้างสิ่งแวดล้อมในการทำงานทั้งภาคธุรกิจและอุตสาหกรรมให้กับนักศึกษา เพื่อให้เกิดทักษะและประสบการณ์ พร้อมที่จะเป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมด้าน Mobile Application ต่อไป”

โครงการ My First App จะเปิดรับสมัครนักศึกษาเฉพาะมหาวิทยาลัยรังสิตในเดือนเมษายน และจะเริ่มฝึกอบรมในเดือนพฤษภาคม แอพที่ผ่านการคัดเลือกจะได้เผยแพร่บน Windows Phone Store เพื่อให้ดาวน์โหลดในเดือนสิงหาคม และประกาศแอพที่มียอดดาวน์โหลดสูงสุดในเดือนกันยายน 2556

โนเกียมีแผนขยายโครงการ My First App ไปยังมหาวิทยาลัยอื่นๆ ภายหลังการประเมินผลโครงการ เพื่อร่วมผลิตนักพัฒนาแอพพลิเคชั่นของไทยให้มากยิ่งขึ้น โนเกียยังตั้งเป้าผลักดันให้เกิดนักพัฒนาเกมส์บนมือถือ ซึ่งเป็นรูปแบบความบันเทิงที่เป็นที่นิยมของคนรุ่นใหม่และผู้บริโภคทั่วโลก เนื่องจากเข้าถึงง่าย สะดวกและค่าใช้จ่ายไม่สูง ซึ่งจะสร้างมูลค่าเพิ่มให้เศรษฐกิจไทยในยุค 3G ได้เป็นอย่างดี

]]>
56354
จัดเต็ม…ศึกโฆษณามหาวิทยาลัย ดึงเอเยนซี่ดังและผู้กำกับมือดี เจาะลูกค้า ม.6 https://positioningmag.com/14768 Fri, 13 Jul 2012 00:00:00 +0000 http://positioningmag.com/?p=14768

 

ลืมได้เลย…โฆษณามหาวิทยาลัยที่เน้นวิชาการเชยๆ เพราะปีนี้ มหาวิทยาลัยเอกชนทุกแห่งจัดเต็มกับการใช้สื่อโฆษณา ทั้ง “เนื้อหา” วิธีการนำเสนอ รวมถึงการใช้สื่อครอบคลุมทั้งทีวี ออนไลน์ และโซเชี่ยลมีเดีย ทุ่มทุนจ้างเอเยนซี่ดัง ผู้กำกับฝีมือดีจากค่ายจีทีเอช สร้าง Story ที่มีทั้งทีวีซี มินิซีรี่ส์ หนังรัก หนังให้กำลังใจ ชนิดที่ต้องกระชากใจกลุ่มเป้าหมาย วัยรุ่นมัธยมอยู่หมัด  

ม.กรุงเทพ ตอกย้ำ Creative University 

ปีนี้มหาวิทยาลัยกรุงเทพ มาพร้อมกับการตอกย้ำจุดยืนของการเป็น “มหาวิทยาลัยสร้างสรรค์” หรือ Creative University ผ่าน TVC ที่ใช้ชื่อว่า “ชุดลักพา”  ภายใต้สโลแกนที่ว่า “คนมีความคิดสร้างสรรค์ มักเป็นที่ต้องการ” นำเสนอผ่าน…ภาพมนุษย์ยุคหินจุดไฟด้วยก้อนหิน นักวิทยาศาสตร์ที่ชอบทดลอง คิดค้นสิ่งประดิษฐ์ถูกโป๊ะยาสลบลักพา ภาพ สตีฟ จ็อบส์ ซีอีโอApple เปิดตัว โปรดักต์  iPad บนเวทีถูกนางฟ้าอุ้มไปสวรรค์ 

ตามมาด้วยหนังโฆษณาที่ตอกย้ำแนวคิดนี้ ด้วยเนื้อหาที่ให้บัณฑิตที่นั่งเป็นแถว 4 ชั้นกำลังนั่งถ่ายรูปแล้วถูกบรรดาบริษัทต่างๆ เข้ามายกบัณฑิตไปทั้งหมด โดยมีข้อความที่สื่อสารถึงแบรนด์โพสิชันนิ่ง คือ ทุกหลักสูตร เน้นความคิดสร้างสรรค์ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ มหาวิทยาลัยสร้างสรรค์ ภาพยนตร์โฆษณาชุดนี้เลือกใช้ครีเอทีฟมืออาชีพจากเอเยนซี่ค่ายNudeJEH นำทีมโดย จุรีพร ไทยดำรงค์ หรือ จูดี้ ครีเอทีฟชื่อดัง ฝีมือดี เข้ามาดูแลทั้งแคมเปญโฆษณาเป็นปีแรก

จุรีพร หรือ เจ๊จูดี้ บอกว่า หากมองมหาวิทยาลัยเป็นโปรดักต์ มหาวิทยาลัยชั้นนำแต่ละแห่งจะมีจุดยืนชัดเจน เช่น จุฬาลงกรณ์ เด่นด้านวิชาการ ธรรมศาสตร์ ดังเรื่องของสังคมการเมือง ส่วนมหาวิทยาลัยกรุงเทพได้วางจุดยืนของเป็นมหาวิทยาลัยสร้างสรรค์มาแล้ว 

แต่ที่ผ่านมาคนส่วนใหญ่ยังมองว่า ความคิดสร้างสรรค์เป็นด้านศิลปะเท่านั้น มหาวิทยาลัยจึงจำเป็นต้องตอกย้ำจุดยืนด้วยโฆษณาเพื่อสร้างการรับรู้ต่อเนื่อง โดยเพิ่มคำ The Creative University นำเสนอให้รูปแบบง่ายๆ คนดูเข้าใจได้ทันที พร้อมกับการตอกย้ำแบรนด์โพสิชันนิ่งไปในตัว การเลือกใช้สื่อทีวีซียังเป็นเรื่องจำเป็น เพื่อดึงดูดคนดู สนใจและติดตาม และจดจำแบรนด์ได้เร็ว จากนั้นเมื่อต้องการข้อมูลเพิ่มเติม หลักสูตร จะนำเสนอผ่านเว็บไซต์ โบรชัวร์ ที่จะให้รายละเอียดได้ดีกว่า 

 

ม.หอการค้า เลิกใช้ TVC 

จัดเต็มซีรี่ส์ออนไลน์กระชากใจวัยรุ่น

มหาวิทยาลัยหอการค้าปีนี้ ปลี่ยนแปลงกลยุทธ์การโฆษณาอย่างชัดเจน โดยหันหลังให้กับสื่อ TCV เปลี่ยนมาใช้สื่อออนไลน์เต็มพิกัด โดยสร้างสีสันใหม่ในรูปแบบของ “มินิซีรี่ส์” ภาพยนตร์ออนไลน์จำนวน 4 ตอน ใช้ชื่อหนังรักวัยรุ่น “Love 18+รักต้องเลือก” โดยนำเสนอผ่านช่องทางเว็บไซต์ www.love18themovie .com พร้อมจัดทำMovie Catalogue 

 มานา คุณธาราภรณ์ อาจารย์ประจำภาควิชาการโฆษณามหาวิทยาลัยหอการค้า มองว่า การเลือกทำเป็น “มินิซีรี่ส์” และMovie Catalogue สามารถนำเสนอข้อมูลต่างๆ ได้หลากหลายและครบถ้วนกว่า TVC ที่มีเวลาจำกัด และการเลือกสื่อออนไลน์เป็นหลัก เพื่อให้เข้ากับพฤติกรรมวัยรุ่น ระดับมัธยม 6 ที่ผ่านการวิจัยมาแล้วว่ามักเลือกใช้สื่อออนไลน์ เปิดรับสื่อฟรีทีวีน้อยลง 

โจทย์สำคัญ คือ ทำอย่างไรให้ “มินิซี่รี่ส์” ได้รับความสนใจจนเกิดเป็นกระแส “ไวรัล” บอกต่อและแชร์ต่อเป็นจำนวนมาก “เนื้อหา” จึงต้องเป็นเรื่องใกล้ตัวกลุ่มเป้าหมายที่เป็นวัยรุ่น เด็กมัธยม และพฤติกรรมของวัยรุ่นมักสนใจกับเรื่องความรัก การเรียน และชีวิต มาเป็นธีมเดินเรื่อง นั่นคือที่มาของการออกแบบให้มินิซีรี่ส์ชุดนี้เล่าเรื่องให้วัยรุ่นสนใจและติดตาม ผ่านตัวละครเอก 4 คน นักเรียนชายม.6 ที่ตกหลุมรักนักศึกษาสาวสวยหญิงรุ่นพี่ 2 คน โดยมีรุ่นพี่ชายอีกคนหนึ่ง ทำหน้าที่พี่เลี้ยง ดังนั้น จึงกลายเป็นรักต้องเลือก   

จากนั้นจึงสอดแทรกแนะนำหลักสูตรของคณะต่างๆ บรรยากาศในห้องเรียน รูปแบบการเรียนการสอน เข้าไปในเนื้อเรื่องแบบเนียนๆ ด้วยวิธีแบบนี้ มียอดคนดูรวมทั้งเว็บไซต์ ยูทูบ เฟซบุ๊ก ทะลุ 6 แสนวิวเลยทีเดียว 

มินิซีรี่ส์ออนไลน์เรื่องนี้ ได้เลือกเอเยนซี่ที่เชี่ยวชาญสื่อดิจิตอล บริษัทซีเจ เวิร์ค  CJ WORX ของจิณณ์ เผ่าประไพ อดีตผู้บริหาร ที่เคยฝากผลงานมาแล้วกับแคมเปญโฆษณาออนไลน์ มินิซีรี่ส์ออนไลน์ ผลงานล่าสุดของเขา คือ การปั้นแฟนเพจให้กับ AXE Thailand ด้วยมุขจีบสาว จนติดอันดับแฟนเพจสูงสุด มินิซีรี่ส์เรื่องนี้ยังได้ คมกฤษ ตรีวิมล ผู้กำกับมืออาชีพจากภาพยนตร์ไทยเงินล้าน เพื่อนสนิท และแฟนฉัน จากค่ายGTH เป็นผู้ดูแลการผลิตมินิซีรี่ส์เรื่องนี้ด้วยเช่นกัน 

 

ม.ศรีปทุม ตีโจทย์ 4 ปีเปลี่ยนได้แน่

สำหรับมหาวิทยาลัยศรีปทุม เคยสร้างความฮือฮากับหนังโฆษณาทีวีมาแล้ว เมื่อหลายปีที่แล้ว มาปีนี้ เลยจัดเต็มแคมเปญโฆษณาโฆษณาทีวี 4ชุด (ชื่อชุดว่า พ่อตา, เด็ก, ร้าน และมรดก) ผสมผสานไปกับใช้สื่อโซเชี่ยลมีเดียเพิ่มมากขึ้น โดยเลือกใช้เอเยนซี่ชั้นนำอย่าง JWT คิดแคมเปญมีชื่อว่า “4 years change”  

ปีนี้มหาวิทยาลัยศรีปทุมยังคงต้องตอกย้ำโพสิชันนิ่ง ของการเป็นมหาวิทยาลัยของคนรุ่นใหม่ ซึ่งมีความพร้อมในทุกด้านที่เตรียมไว้ให้กับนักศึกษา ให้เห็นว่า เวลา 4ปีกับการเปลี่ยนแปลงเด็กนักเรียนธรรมดาคนหนึ่งให้เป็นมืออาชีพทุกวงการ โดยปีนี้จะเน้นการเล่าเรื่อง (Story Telling) และวิธีการนำเสนอที่มีทั้งสื่อทีวี ออนไลน์ โซเชี่ยลมีเดีย โรดโชว์ ซีอาร์เอ็ม ใช้ทุกรูปแบบ 

“การสื่อสารกับเด็กวัยรุ่นสมัยนี้จำเป็นต้องใช้ช่องทางสื่อสารครบทุกมิติ กับเครื่องมืออย่างหลากหลาย ทั้งทีวีและโซเชี่ยลมีเดีย ซึ่งมีผลต่อการตัดสินใจของเด็กวัยรุ่นในยุคนี้ เพราะช่องทางหาข้อมูลและเป็นทางลัดตรงเข้าถึงกลุ่มเด็กวัยรุ่น” เทพ สินธวานนท์ ผู้อำนวยการกลุ่มงานกิจการสัมพันธ์ มหาวิทยาลัยศรีปทุม อธิบายถึงที่มาของกลยุทธ์โซเชี่ยลมีเดีย 

การนำเสนอข้อมูลในเฟซบุ๊ก จะเน้นเนื้อหาวาไรตี้ที่นักเรียน นักศึกษาสามารถเข้ามาดูแล้วทำให้รู้จักตัวเองมากขึ้น เกิดแรงบันดาลใจ อยากเป็นอะไรในอนาคต จากนั้นจึงสอดแทรกข้อมูลหลักสูตร คณะสาขาต่างๆ ในเนื้อหาอีกที ขณะที่ Twitter นำเสนอข้อมูลแคมเปญและรายละเอียดคณะ สาขาวิชา กิจกรรมของมหาวิทยาลัย เพื่อสื่อสารว่าเวลา 4 ปีในมหาวิทยาลัยมีเรื่องราวต่างๆ มากมาย ควบคู่ไปกับการสื่อสารด้วยภาพยนตร์โฆษณาทางทีวี

เนื้อหาในTVC จะมี 4 ชุด (ชุดพ่อตา, เด็ก, มรดก และร้าน) มีบทบาทเป็นเพียงส่วนเสริม และดึงดูดให้คนเข้ามาดูในเว็บไซต์อีกต่อ ซึ่งสามารถนำข้อมูลรายละเอียดหลักสูตรจำนวนมากได้ดีกว่าโฆษณาทีวีไม่สามารถใส่ข้อมูลทั้งหมดนำเสนอได้ภายใน 30 วินาที อย่างไรก็ตาม TVC ก็ยังสร้างการรับรู้แบรนด์ให้กับผู้มีส่วนได้เสีย อาทิ ผู้ปกครอง บริษัทต่างๆ อีกด้วย ได้รู้ความมีตัวตนของมหาวิทยาลัย 

 

ม.รังสิต CSR University 

มหาวิทยาลัยรังสิต เป็นอีกแห่งที่เลือกใช้สื่อออนไลน์มาเป็นเครื่องมือในการประชาสัมพันธ์ต่อเนื่อง ทั้งการให้รุ่นพี่แชตกับรุ่นน้อง จนบางแคมเปญกวาดรางวัลทั้งในและต่างประเทศมาแล้ว  

ผศ.สมเกียรติ รุ่งเรืองวิริยะ ผู้อำนวยการสำนักงานประชาสัมพันธ์ มหาวิทยาลัยรังสิต บอกว่า ปีนี้ยังคงมุ่งเน้นการนำ “นิวมีเดีย” มาเป็นสื่อที่ใช้ในการสื่อสาร เพราะเป็นกลยุทธ์ที่ประสบความสำเร็จ แต่ยังคงไม่ทิ้งสื่อหลักอย่างทีวีซี โดยเป็นการผสมผสานระหว่างการใช้สื่อทีวีซี พรีเซนเตชั่น ซีรี่ส์ออนไลน์ เพื่อตอกย้ำ Brand Positioning ของการเป็น CSR University  

แนวคิดมหาวิทยาลัย CSR เป็นการฉีกแนวจากเดิมที่มุ่งประเด็นความสำเร็จของนักศึกษาหรือศิษย์เก่า (Success Stories) โดยได้ตอกย้ำประเด็นนี้มาเป็นเวลา 5 ปี ตั้งแต่ปี 2546-2550 แต่เมื่อมหาวิทยาลัยอื่นๆ นำเรื่อง Success Stories มาใช้กันแพร่หลาย  ม.รังสิตจึงได้ฉีกแนวมาเป็นประเด็นจิตสาธารณะตั้งแต่ปี 2551 โดยนำเรื่องราวชีวิตจริงของนายแพทย์กันตพงศ์ เล่าลือพงศ์ศิริ หรือ “หมอม้ง” ที่ได้รับโอกาส หรือทุนการศึกษาเป็นกรณีพิเศษจากมหาวิทยาลัยรังสิต มาผลิตเป็นภาพยนตร์โฆษณา 

“หนังแนวนี้คนดูจะรู้สึกว่าเป็นองค์กรที่ดี เสียสละไม่มุ่งแสวงหากำไร กลุ่มผู้ใหญ่ ผู้ปกครองชอบ แต่ต้องยอมรับกลุ่มเป้าหมายวัยรุ่นอาจจะเฉยๆ”

จึงเป็นโจทย์ให้หนังโฆษณาทีวีปีนี้ ที่ใช้ชื่อชุดว่า Why Sharing หรือ ทำไมเราต้องแบ่งปัน ทำควบคู่กับพรีเซนเตชั่น 4 ชุด โดยใช้วิธีตั้งคำถามแบบโดนใจวัยรุ่นที่เป็นกลุ่มเป้าหมาย “ทำไมฉันเกลียดที่นี่” ซึ่งเป็นการเล่าเรื่องของมหาวิทยาลัยรังสิตในรูปแบบใหม่ เพื่อให้เกิดการอัพโหลด และแชร์ต่อในเฟซบุ๊ก มีความยาว 4.59 นาที ใช้เวลา 10 เดือนในการผลิตทั้งวางโครงการ วิธีเล่าเรื่องและพัฒนาบท

ซีรี่ส์ออนไลน์จำนวน 4 ชุด เพื่อตอบโจทย์ให้รับรู้โลกความจริงว่าเป็นเช่นไรและบทสรุปของศิษย์เก่าที่ประสบความสำเร็จแล้วในอาชีพ โดยมีกลยุทธ์ซีรี่ส์ออนไลน์อินไซต์ จากพฤติกรรมของนักเรียน มัธยมปลาย กำหนดให้ออกทุกวันศุกร์จำนวน 4 ครั้ง เริ่มตอนแรกศุกร์ที่ 11 พฤษภาคมนี้ ใช้ชื่อว่า “ฉันเกลียดที่นี่” โดยความเกลียด ได้แก่ เกลียดระบบการศึกษาของประเทศไทย ทำไมต้องสอบเข้า และเกลียดการทำข้อมูล ทำไมต้องมีข้อสอบ เป็นต้น 

ม.ธุรกิจบัณฑิตย์ ชูจุดขาย 4ทศวรรษ.

 ส่วนโฆษณาของมหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ (DPU) ไม่ได้หวือหวาเหมือนกับคู่แข่ง โดยยังคงพยายามเน้นย้ำเรื่องความน่าเชื่อถือ เพื่อลบภาพลักษณ์ในอดีต ภายใต้ TVC ที่ใช้ชื่อชุดว่า “Discover the pride in you” โดยใช้ Key Massages คือ 44 ปีแห่งความภูมิใจของมหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ที่ร่วมสร้างบุคลากรคุณภาพสู่สังคมไทย 

โดยนำเอาผลงานที่แล้วมา เช่น คณะนิติศาสตร์ ปรีดี พนมยงค์, วิทยาลัยนานาชาติจีนที่เป็นการร่วมกันกับมหาวิทยาลัยคุนหมิง, วิทยาลัยนานาชาติ DPUIC, รางวัลชนะเลิศหุ่นยนต์นานาชาติ เพื่อตอกย้ำถึงตรียมความพร้อมสู่การแข่งขันระดับนานาชาติ รวมถึงสภาพแวดล้อมที่เต็มไปด้วยความร่มรื่นย์ภายในมหาวิทยาลัย 

ร.ร.ปัญญาภิวัฒน์ รีแบรนด์ใหม่ PIM  

อีกแห่งที่ต้องจับตา คือ สถาบันการจัดการปัญญาภิวัฒน์แห่งนี้ เดิมใช้ชื่อว่า “โรงเรียนปัญญญาภิวัฒน์” เปิดสอนหลักสูตรในระดับ ปวช.และ ปวส. ล่าสุดได้เพิ่มหลักสูตรปริญญาตรีและปริญญาโท จึงได้รีแบรนด์ใช้ชื่อใหม่ว่า “สถาบันการจัดการปัญญาภิวัฒน์ หรือ PIM” พร้อมกับออกภาพยนตร์โฆษณาทีวีชุดใหม่ ความยาว60 วินาที โดยใช้ผู้กำกับในวงการโฆษณาอย่าง อรรณพ ชั้นไพบูลย์ จากเอเยนซี่โฆษณา บริษัท เอ็ม เอ เอ็ม ฮาร์ท จำกัด 

แนวคิดของภาพยนตร์โฆษณาฯ ยังคงตอกย้ำ เรื่องของหลักสูตรการเรียนทฤษฎีควบคู่ปฏิบัติกับสาขาวิชาที่เรียนจริง (Work-Based Learning) ตลอดทั้ง 4 ปี ซึ่งเป็นความแตกต่างอย่างชัดเจนระหว่าง PIM กับมหาวิทยาลัยทั่วไป 

เนื้อเรื่องเล่าผ่านกลุ่มนักศึกษาในห้องเรียน ผลักกำแพงห้องเรียนออกไปพบกับการเรียนปฏิบัติในสถานที่จริง ภาพเห็นตึกทรู (True) ที่นักศึกษาคณะวิศวกรรมศาสตร์ฯ ฝึกประสบการณ์การจัดการข้อมูลเทคโนโลยีสารสนเทศ กับ บริษัท ทรู ทัช จำกัด ขณะที่นักศึกษาอีกกลุ่มผลักกำแพงอีกด้านเข้าไปฝึกประสบการณ์จริงกับ ธนาคารแห่งประเทศจีน (Bank of China) ธนาคารที่ใหญ่เป็นอันดับ 1 ของประเทศจีน 

ขณะที่กลุ่มนักศึกษาคณะบริหารธุรกิจ สาชาวิชาการจัดการค้าปลีก ผลักกำแพงห้องพบกับ บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) โดยพวกเขาได้เรียนประสบการณ์กับผู้นำธุรกิจค้าปลีกตั้งแต่ขั้นตอนการคัดสรรสินค้า เพื่อส่งมอบสินค้าคุณภาพแก่ลูกค้ากว่า 8 ล้านคนต่อวัน

กิมมิกของภาพยนตร์ ยังได้นำ ก่อศักดิ์ ไชยรัศมีศักดิ์ CEO บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) และผู้ก่อตั้งสถาบันการจัดการ PIM มาร่วมเป็นพรีเซ็นเตอร์ เพื่อสะท้อนถึงความใส่ใจของมืออาชีพกับบุคลากรในอนาคต 

การปรับเปลี่ยนของปัญญาภิวัฒน์ หรือ PIM ครั้งนี้ จึงเป็นอีกหนึ่ง ที่เพิ่มดีกรีการแข่งขันของมหาวิทยาลัยเอกชน ที่รุนแรงอยู่แล้วให้เพิ่มขึ้นไปอีก

 

cellpadding=”2″ cellspacing=”2″>

style=”vertical-align: top; text-align: center;”>กลยุทธ์การสื่อสารของสถาบันการศึกษา-มหาวิทยาลัยเอกชน
2012

style=”vertical-align: top; font-weight: bold; text-align: center;”>แบรนด์
(สถาบันการศึกษา )

style=”vertical-align: top; font-weight: bold; text-align: center;”>แบรนด์โพสิชันนิ่ง/คีย์แมสเสจ

style=”vertical-align: top; font-weight: bold; text-align: center;”>กลยุทธ์สื่อสาร/แคมเปญโฆษณาปี
2555
มหาวิทยาลัยกรุงเทพ มหาวิทยาลัยสร้างสรรค์/ทุกหลักสูตรเน้นความคิดสร้างสรรค์ ออกภาพยนตร์โฆษณา TVC ชุดลักพา
+โฆษณาแบนเนอร์ผ่านเว็บไซต์ดังและโฆษณาสถานีบีทีเอส เน้นตอกย้ำ
การมีความคิดสร้างสรรค์เป็นที่ต้องการ มหาวิทยาลัยรังสิต

ซีเอสอาร์
ยูนิเวอซิตี้/การทำอะไรดีๆให้กับสังคมมันอยู่ในดีเอ็นเอพวกเราทุกคน ออกภาพยนตร์โฆษณาTVC ชุดWhy
Sharing 1 ชุด+พรีเซ็นเตชั่นผ่านเว็บไซต์ม.รังสิต 4 ชุด+ซีรี่ส์ออนไลน์ 4
ชุด+Live Chat โดยทีมรุ่นพี่ถาม-ตอบสดกับ น.ร. มหาวิทยาลัยหอการค้า สถาบันการศึกษาชั้นนำเอเชีย
(มุ่งสร้างผู้ประกอบการอาชีพ-เน้นในปี 2555 ) ทำมินิซีรี่ส์ 4 ชุด+Movie
Catalogue ผ่านเว็บไซต์ target=”_blank”>www.love18themovie.com มหาวิทยาลัยศรีปทุม มหาวิทยาลัยชั้นนำเพื่อคนรุ่นใหม่/เราจะทำให้
4 ปีของนักศึกษาหมุนไปกับสปีดของโลก ออกภาพยนตร์โฆษณาTVC 4ชุด
(ชุดพ่อตา, เด็ก, มรดก, ร้าน)+เว็บไซต์ href=”http://www.4yearschange.com/” target=”_blank”>www.4yearschange.com

ทำโรดโชว์, ใช้สื่อโซเชี่ยลมีเดียครบครัน มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ มหาวิทยาลัยคุณภาพมาตรฐานนานาชาติ*/
44
ปีแห่งความภูมิใจของมหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ที่ร่วมสร้างบุคลากรคุณภาพสู่สังคมไทย** ภาพยนตร์โฆษณาทางทีวี ชุด
Discover the pride in you สถาบันการจัดการปัญญาภิวัฒน์
( PIM ) สถาบันการจัดการมืออาชีพ/
ประสบการณ์ จากองค์กรที่มีคุณภาพ หล่อหลอมให้บัณฑิตที่นี่
พร้อมทำงานอย่างมืออาชีพ ออกภาพยนตร์โฆษณาทางทีวี
1ชุดสร้างภาพลักษณ์แบรนด์และประชาสัมพันธ์ นศ.ใหม่ ที่มา :
กองบรรณาธิการ POSITIONING Magazine รวบรวม */** 
ข้อมูลจากเอกสาร

]]>
14768
เรียนอย่างเทรนดี้ ต้องมี iPad https://positioningmag.com/12678 Tue, 29 Jun 2010 00:00:00 +0000 http://positioningmag.com/?p=12678

iPad เริ่มเข้าไปอยู่ในกระเป๋าของนักเรียน นักศึกษาที่อเมริกาหลังจากเปิดจำหน่ายไม่กี่วัน และภาพนี้กำลังจะเกิดขึ้นในบ้านเรา ที่ขณะนี้มีมหาวิทยาลัยเอกชนอย่างน้อย 3 แห่ง กำลังพิจารณาศึกษาข้อดีข้อเสียหากให้นักศึกษาถือ iPad แทนที่ Netbook ด้วยเป้าหมายเพื่อให้นักศึกษาได้เรียนสนุก เข้าถึงบทเรียน และที่สำคัญเป็นมหาวิทยาลัยที่ Trendy มากขึ้น

ในช่วงเทอม 2 ที่จะถึงนี้ หากการเจรจาซื้อ iPad จาก Apple Thailand สำเร็จ นักศึกษาภาควิชาวิทยาการคอมพิวเตอร์ มหาวิทยาลัยสยาม ย่านถนนเพชรเกษม ส่วนหนึ่งประมาณ 50-80 คน จะถือ iPad ในมือ เพื่อร่วมสร้างคอนเทนต์ และทดสอบการใช้งาน iPad ว่าเหมาะกับนักศึกษาอย่างพวกเขาเพียงใด และจะใช้ประโยชน์ให้เต็มที่ได้อย่างไร จากนั้นในเทอมแรกของปีการศึกษาหน้า จะถูกนำมาใช้อย่างเป็นทางการภาควิชานี้ แจกให้นักศึกษาโดยมีพันธสัญญาว่าต้องมีผลงานในการพัฒนาคอนเทนต์ แอพพลิเคชั่น ซึ่งเป็นครั้งแรกของนักศึกษาระดับปริญญาตรีที่แจกอุปกรณ์ไอที จากเดิมที่มหาวิทยาลัยสยามในระดับปริญญาโท ถึงจะมีการแจก Notebook ให้นักศึกษาเท่านั้น

อาจารย์ปริวรรต องค์ศุลี หัวหน้าภาควิชาวิทยาการคอมพิวเตอร์ มี iPad อยู่ในมือเกือบตลอดเวลา ที่ตัวเขาเองบอกว่าเขาถึงขั้นขาดไม่ได้ เพราะมีลูกเล่นให้ใช้มากมาย ตั้งแต่อ่านหนังสือพิมพ์ นิตยสาร พ็อกเกตบุ๊ก และแอพพลิเคชั่นมากมาย ที่อะไรใหม่อยู่บนหน้าจอของเขาแล้วทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นแมกกาซีนต่างประเทศอย่าง Wired หนังสือพิมพ์ USA Today และพ็อกเกตบุ๊กที่เต็มชั้นวางส่วนตัว

ตอนนี้อาจารย์ปริวรรตกับนักศึกษาส่วนหนึ่งกำลังทดสอบ iPad 4 เครื่อง เขาเห็นผลชัดเจนว่า iPad ทำให้การเรียนแบบ e-Learning เป็นจริงและได้ผลมากขึ้น เช่น ไม่เพียงแต่อาจารย์สามารถทำตำราเรียนเป็น Power Point ให้นักศึกษาดาวน์โหลดมาเรียนได้ แต่ยังเพิ่มความสนุกในการเรียนมากขึ้นด้วย VDO Clip และ Interactive รวมทั้งเทคโนโลยีใหม่ๆ อย่าง AR (Augmented reality) Code (ระบบเสมือนจริงเสริม) ที่ทำให้การเรียนมีชีวิตชีวามากขึ้น และการใช้ชีวิตในมหาวิทยาลัยไม่น่าเบื่อ โดยมหาวิทยาลัยมีความพร้อมในเครือข่ายสื่อสาร ที่วาง Wi-Fi อย่างทั่วถึงให้นักศึกษาออนไลน์ได้อย่างสะดวก

นอกจากรูปแบบการเรียนของนักศึกษาจะเปลี่ยนไป ที่ไม่ต้องซีร็อกซ์เอกสารมากมาย ไม่ต้องซื้อตำราเรียนและแบกมาหนัก อาจารย์ปริวรรตยังบอกว่า นี่คือจุดเริ่มต้นที่ดีที่ทำให้นักศึกษามหาวิทยาลัยสยามได้ Exposure ตัวเองกับไอทีอย่างเต็มที่อีกด้วย

เช่นเดียวกับมหาวิทยาลัยรังสิต ที่นอกจากกำลังศึกษาความเป็นไปได้ที่จะให้นักศึกษาใช้ iPad แล้ว ยังต้องให้อาจารย์มีในมือทุกคน ซึ่ง ดร.ชุณหพงศ์ ไทยอุปถัมภ์ ผู้ช่วยอธิการบดี ฝ่ายเทคโนโลยีสารสนเทศ บอกว่า เพื่อให้นักศึกษาทุกคนสะดวกในการเรียนมากยิ่งขึ้น เพราะ Wi-Fi ภายในมหาวิทยาลัยมีพร้อมอยู่แล้ว ซึ่งหากผลศึกษาพบว่าเป็นผลดี ก็อาจเป็นได้ทั้ง iPad หรือแท็ปเล็ตอื่นๆ มหาวิทยาลัยก็จะนำมาให้นักศึกษาใช้ อาจมีทั้งรูปแบบแจก หรือรับภาระบางส่วน แทนโน้ตบุ๊กที่ใช้มานานประมาณ 4-5 ปีแล้ว

มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กำลังขยับอีกรอบจาก 3 ปีที่แล้วได้แจกโน้ตบุ๊กให้นึกศึกษาใหม่ ที่ปีหนึ่งรับเพิ่มไม่ต่ำกว่า 5,000 คน แต่ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาเปลี่ยนมาเป็นเน็ตบุ๊กแทน และปีการศึกษาหน้าอาจเปลี่ยนเป็น iPad เพื่อรักษา Positioning ของการเป็นมหาวิทยาลัยที่เน้นให้นักศึกษาทุกคนคุ้นเคยและเชี่ยวชาญการใช้อุปกรณ์ไอทีใหม่ๆ และเป็นจุดขายที่แสดงถึงมหาวิทยาลัยที่ Trendy

อาจารย์ปรเมศ ส่งแสงเติม รองอธิการบดีฝ่ายเทคโนโลยีสารสนเทศ บอกว่า เป้าหมายของมหาวิทยาลัยคือการทำให้คอนเทนต์ด้านวิชาการแข็งแรง และยังต้องให้การเรียนการสอนไม่น่าเบื่อ เข้าสู่รูปแบบของ Edutainment ที่มีไอทีมาซัพพอร์ตเต็มที่ ตั้งแต่เครือข่าย Wi-Fi ทั่วมหาวิทยาลัย และความร่วมมือกับสถาบันและบริษัทไอทีชั้นนำ

สิ่งที่มหาวิทยาลัยหอการค้าไทยต้องพิจารณาคือ iPad จะไปได้ดีกับระบบการเรียนการสอนที่มหาวิทยาลัยใช้อยู่หรือไม่ คือHybrid Learning ซึ่งเป็นการเรียนการสอนที่ผสมผสานระหว่าง e-Learning กับการเรียนการสอนในห้องเรียน ที่ต้องมีปฏิสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนในชั้นเรียนและอาจารย์ มากน้อยเพียงใด

ความแรงของ iPad กำลังเข้าสู่สถาบันการศึกษา ที่หากบุกตลาดนี้ได้สำเร็จ นั่นหมายถึงจำนวน iPad ในเมืองไทยจะเพิ่มขึ้นหลายเท่าตัว และเมื่อถึงเวลานั้น ธุรกิจและกิจกรรมการตลาดทั้งหลายคงเลิกลังเล และเดินหน้าเพื่อให้ iPad เป็นสื่อที่ทรงประสิทธิภาพในที่สุด

อเมริกาทั้งแจกทั้งแบน
มหาวิทยาลัยหลายแห่งในอเมริกา ได้กระโดดเข้าสู่กระแส iPad ด้วยการประกาศแจก iPad ให้นักศึกษา ตัวอย่างเช่น
– Seton Hill University ใน Pennsylvania ให้ iPad แก่นักศึกษาเต็มเวลา 2,000 คน
– George Fox University ใน Oregon ให้ทางเลือกนักศึกษาเลือกระหว่าง Macbook และ iPad แต่ในปีต่อไปเหลือทางเลือกเดียวคือ iPad

แต่ขณะเดียวกัน iPad ก็เผชิญกับอุปสรรค เมื่อมีมหาวิทยาลัยชั้นนำ 3 แห่ง แบน หรือสั่งห้ามนักศึกษาใช้ iPad ภายในมหาวิทยาลัย คือ Cornell University, Princeton University และ George Washington University ที่บอกว่า เป็นอุปกรณ์ที่เสี่ยงต่อความปลอดภัยเลยทีเดียว และกลัวว่าจะไปกินแบนด์วิธมากจนเกิน

การห้ามนี้จึงทำให้เกิดกระแสร้องเรียนว่า 3 มหาวิทยาลัยดังกล่าวไม่ควรแบน iPad และอยากให้มหาวิทยาลัยให้ความเป็นธรรมกับอุปกรณ์ที่มาแรงนี้

]]>
12678
หนังโฆษณา ม.รังสิต ชูแนวคิด CSR ยกระดับแบรนด์ “สังคมแห่งการเรียนรู้และการแบ่งปันโอกาส” https://positioningmag.com/51478 Mon, 22 Mar 2010 00:00:00 +0000 http://positioningmag.com/?p=51478

ภาพยนตร์โฆษณามหาวิทยาลัยรังสิตชุดใหม่ ย้ำแนวคิด CSR ต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 ตอบสนองนโยบาย “สร้างสรรค์สังคมธรรมาธิปไตย” ยกโครงการทุนสึนามิ เรื่องราวจริงของการมีส่วนร่วมในการช่วยเหลือสังคม ภายใต้สโลแกน มหาวิทยาลัยรังสิต “สร้างสังคมแห่งการเรียนรู้ และการแบ่งปันโอกาส”

อ.สมเกียรติ รุ่งเรืองวิริยะ ผู้อำนวยการสำนักงานประชาสัมพันธ์ มหาวิทยาลัยรังสิต กล่าวถึงที่มาของแนวคิดหลักในการสร้างสรรค์ภาพยนตร์โฆษณาว่า เมื่อประมาณปี พ.ศ. 2550 ท่ามกลางความวุ่นวายของสังคม ดร.อาทิตย์ อุไรรัตน์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยรังสิต ได้ประกาศแนวทาง “ร่วมสร้างสรรค์สังคมธรรมาธิปไตย” โดยการนำหลักอธิปไตย 3 มาประยุกต์ใช้ ซึ่งแบ่งออกเป็น 3 ระดับ ประกอบด้วย ระดับที่ 1 อัตตาธิปไตย ระดับที่ 2โลกาธิปไตย และระดับที่ 3 ธรรมาธิปไตย ดังนั้น ทางสำนักงานประชาสัมพันธ์ จึงมองหาแนวทางในการสื่อสารกับสังคมว่าแนวทางใดที่มีความสอดคล้องมากที่สุด ซึ่งแนวทางการเป็นองค์กรเพื่อสังคม หรือ CSR (Corporate Social Responsibility) นั้นเหมาะสมที่สุด จึงกลายเป็นจุดเริ่มต้นในปี 2551 กับโฆษณาชุดแรกที่มีชื่อว่าหมอม้ง และในปีต่อมากับงานโฆษณาชุดความสำเร็จร่วมกัน (Success Together)

จนกระทั่ง มาถึงปี 2553 ภาพยนตร์โฆษณานำเสนอเรื่องราวเกี่ยวกับการสร้างสังคมแห่งการเรียนรู้และการแบ่งปันโอกาสผ่านการมอบทุนสึนามิ อ้างอิงเรื่องจริงของกลุ่มนักศึกษาที่ต้องเผชิญเหตุการณ์ธรณีพิบัติภัยสึนามิ ครอบครัวเดือดร้อน บ้านแตกสาแหรกขาด และสูญเสียทรัพย์สิน ทางมหาวิทยาลัยรังสิตได้ประกาศให้ความช่วยเหลือโดยการมอบทุนการศึกษาเป็นกรณีพิเศษใช้ชื่อทุนว่า “ทุนสึนามิ” ซึ่งเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อ 5 ปีก่อน ดังนั้นนักศึกษากลุ่มนี้ได้สำเร็จการศึกษาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ต้องการจะสื่อสารผ่านภาพยนตร์โฆษณาชุดนี้คือ แม้สึนามิจะพัดพาทุกสิ่งทุกอย่างไปจากพวกเขา แต่สิ่งหนึ่งที่สึนามิไม่สามารถพรากไปจากพวกเขาได้ นั่นก็คือ โอกาสทางการศึกษา หลักการตรงนี้จึงกลายมาเป็น Key Message ว่า “มหาวิทยาลัยไม่เพียงแต่ให้โอกาสที่จะทำให้ได้เรียนรู้ แต่ยังทำให้เรียนรู้ที่จะให้โอกาสแก่คนอื่นต่อไป” ซึ่งหมายถึง เมื่อนักศึกษาได้รับโอกาสจากมหาวิทยาลัยแล้ว พวกเขาเหล่านั้นได้มีส่วนร่วมในการส่งต่อความรู้ความเชี่ยวชาญในสาขาวิชาที่ได้เรียนมาถ่ายทอดให้เป็นประโยชน์แก่คนอื่นในสังคมต่อไป โดยใช้สโลแกน“สังคมแห่งการเรียนรู้และแบ่งปันโอกาส”

นอกจากนี้ ผู้อำนวยการประชาสัมพันธ์ มหาวิทยาลัยรังสิต กล่าวเสริมว่า ภาพยนตร์โฆษณาชุดดังกล่าวมีนักแสดงซึ่งเป็นนักศึกษาของมหาวิทยาลัยรังสิตร่วมแสดงด้วย เพราะอยากให้นักศึกษามีส่วนร่วม มีประสบการณ์เพิ่มเติมในชีวิตมากขึ้น อีกทั้งเป็นโฆษณาของทางมหาวิทยาลัยเลยเปิดโอกาสให้นักศึกษาที่สนใจ

ได้เข้ามาทำการคัดเลือกได้ตัวนักแสดงหลักและนักแสดงเสริมที่ล้วนแต่เป็นนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยรังสิตรวมถึงศิษย์เก่าตัวจริงที่ได้รับทุนสึนามิมาร่วมแสดงด้วย ในส่วนของการร่วมงานกับบริษัท Hub Ho Hin บางกอก จำกัด ในการถ่ายทำภาพยนตร์โฆษณาชุดนี้ รู้สึกเป็นเกียรติมาก ซึ่งชื่อของ Hub Ho Hin นั้นในวงการภาพยนตร์โฆษณาเรียกได้ว่าเป็นบริษัทที่ผลิตภาพยนตร์โฆษณาที่มีชื่อเสียงและผลิตงานได้อย่างมีคุณภาพ การได้ทำงานร่วมกับบริษัทที่มีแนวคิด มีหลักการ และมีประสบการณ์ถือเป็นความโชคดีของมหาวิทยาลัยรังสิตที่จะทำให้การบอกกล่าวถึงความจริงใจที่มหาวิทยาลัยรังสิตมีให้ต่อสังคม รวมถึงการอุทิศความช่วยเหลือที่มหาวิทยาลัยพยายามที่จะบอกกับสังคม ว่าเรามีส่วนร่วมกับสังคมอย่างใกล้ชิด ซึ่งจะทำให้ถ่ายทอดเรื่องราวเป็นไปอย่างชัดเจนและเข้าใจง่ายยิ่งขึ้น

จาก Key Message สู่ภาพยนตร์โฆษณาชุด สึนามิ
นายวุฒิดนัย อินทรเกษตร ผู้กำกับภาพยนตร์โฆษณา จากบริษัท Hub Ho Hin บางกอก จำกัด กล่าวถึงที่มาของภาพยนตร์โฆษณาชุดนี้ว่า โจทย์ที่ได้รับมา คือ อยากให้มหาวิทยาลัยรังสิตเป็นมหาวิทยาลัยที่ไม่ได้เน้นแค่การศึกษาเพียงอย่างเดียว แต่ยังเน้นเรื่องของความรับผิดชอบที่มีต่อสังคม หรือ CSR อีกด้วย สิ่งที่ต้องการสื่อสารออกมา คือ แบรนด์ของสถาบัน ก็ได้คิด Message ที่จะใช้ในการสื่อสารออกไปสู่สังคมว่า “มหาวิทยาลัยรังสิตไม่ได้ให้แค่โอกาสทางการศึกษา แต่ยังทำให้นักศึกษาเรียนรู้ที่จะให้โอกาสแก่คนอื่นๆ ต่อไปด้วย” ซึ่งเป็นการนำเสนอออกมาในประเด็นที่ว่า มหาวิทยาลัยรังสิตต้องการที่จะบอกอะไรกับสังคม ซึ่งทางทีม ครีเอทีฟก็มานั่งคิดกันว่าเราจะหยิบยกเรื่องราวหรือโครงการอะไรดี ที่จะนำมาใช้ในการเล่าเรื่องราวให้ตรงกับ Key Message ที่ได้วางไว้ ซึ่งก็ได้ไปอ่านเจอโครงการๆ หนึ่งของมหาวิทยาลัยรังสิต ซึ่งช่วงเวลานั้นสามารถ นำมาใช้ในการนำเสนอในช่วงนี้ได้พอดี เนื่องจากเมื่อ 5 ปีที่แล้ว เกิดเหตุการณ์สึนามิขึ้น ในช่วงนั้นมหาวิทยาลัยรังสิตมีนักศึกษาที่ครอบครัวของพวกเขาประสบธรณีพิบัติภัยสึนามิ และมหาวิทยาลัยก็ได้ให้ทุนการศึกษากับนักศึกษาเหล่านี้ ซึ่งในตอนนี้นักศึกษากลุ่มนี้ก็ได้สำเร็จจบศึกษาไปแล้วในปีที่ผ่านมา ก็เลยกลายเป็นไอเดียที่เอามาเล่าใน Concept ที่ว่า มหาวิทยาลัยให้โอกาสแก่น้องๆ กลุ่มนี้ ทำให้น้องๆ กลุ่มนี้ได้เรียนรู้ที่จะให้โอกาสคนอื่นๆ ต่อไปด้วย โดยการนำเรื่องราวเหตุการณ์สึนามิมาเป็นโครงสร้างหลักที่เราต้องการอธิบาย

“เรื่องราวของภาพยนตร์เล่าถึงนักศึกษากลุ่มหนึ่งที่ประสบธรณีพิบัติภัยสึนามิและได้รับโอกาสจากมหาวิทยาลัย และในช่วงที่พวกเขาศึกษาอยู่ในรั้วมหาวิทยาลัยนั้น พวกเขาก็ได้เรียนรู้สิ่งสำคัญอีกสิ่งหนึ่งนอกเหนือจากการศึกษา นั่นคือ การเรียนรู้ที่จะให้โอกาสกับผู้อื่นต่อไปด้วย กล่าวคือนักศึกษากลุ่มนี้นอกจากจะเป็นผู้รับ เขายังสามารถเป็นผู้ให้แก่คนรอบข้างหรือสังคมได้ต่อไป และหากจะกล่าวถึงจุดเด่นของภาพยนตร์โฆษณามหาวิทยาลัยรังสิต มีความแตกต่างจากมหาวิทยาลัยอื่น คือ มหาวิทยาลัยรังสิตเลือกที่จะพูดถึงสังคมมากกว่า โดยเป็นการเล่าถึงโครงการต่างๆ ของมหาวิทยาลัยที่เกี่ยวข้องกับความรับผิดชอบต่อสังคม ซึ่งทำให้เกิดความแตกต่างจากมหาวิทยาลัยอื่น

ในส่วนของ Mood & Tone ของภาพยนตร์โฆษณาชุดนี้จะเป็นแนว Emotional ซึ่งพูดถึงความรู้สึกของมนุษย์ คุณค่าของการเป็นมนุษย์ที่อยู่ร่วมกันในสังคม ใช้ชีวิตร่วมกัน สร้างสรรค์และแบ่งปันสิ่งดีๆ ให้กันและกัน ซึ่งเป็นสิ่งที่พูดไปไกลกว่าแค่การศึกษา” ผู้กำกับภาพยนตร์โฆษณา กล่าว

ด้าน นายวุฒิไตร พิริยะภักดีกุล ผู้กำกับภาพ กล่าวถึงมุมกล้องที่ใช้เล่าเรื่องว่า ในแต่ละเหตุการณ์จะใช้มุมกล้องเปรียบเทียบฉากแต่ละฉาก กล่าวคือ ในแต่ละฉากจะใช้วิธีการเชื่อม (Transition) แต่ละฉากเข้าด้วยกัน โดยใช้เทคนิคการถ่ายแบบ Foreground เข้ามาช่วยให้มีความสมบูรณ์ของการเชื่อมต่อในแต่ละฉากมากขึ้น สำหรับ Mood & Tone ของเรื่องนั้น จะเน้นให้เป็นธรรมชาติมากกว่า ซึ่งภาพที่ออกมากจะเป็นภาพที่ไม่มีการปรุงแต่ง และมีกลิ่นของ Emotional ทำให้ภาพมีชีวิตและอารมณ์เพิ่มขึ้น

]]>
51478
กิจกรรม “หักหอกเป็นดอกไม้ รักใดไม่ยิ่งใหญ่เท่ารักชาติรักแผ่นดิน” https://positioningmag.com/50860 Wed, 10 Feb 2010 00:00:00 +0000 http://positioningmag.com/?p=50860

ฝ่ายพัฒนาสังคม ร่วมกับ ชมรมพัฒนาบุคลิกภาพและการพูด มหาวิทยาลัยรังสิต จัดกิจกรรมเสวนาเสริมสร้างความรัก สามัคคี หัวข้อ “หักหอกเป็นดอกไม้ รักใดไม่ยิ่งใหญ่เท่ารักชาติรักแผ่นดิน” ในวันศุกร์ที่ 12 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา 13.00-16.00 น. ณ ห้องออดิทอเรี่ยม อาคารเฉลิมพระเกียรติ (อาคาร 11) มหาวิทยาลัยรังสิต

จุดประสงค์เพื่อเสริมสร้างความรัก สามัคคีในชาติเพื่อให้คคนไทยโดยเฉพาะเยาวชนที่เป็นนักศึกษาให้ความสนใจกับประเด็นทางสังคมและได้รับความรู้ที่ถูกต้องเพื่อเป็นวิจารณญาณในการตัดสินใจบนพื้นฐานของเหตุผล

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ อ.สานิตย์ แสงขาม โทร.0-2997-2222 ต่อ 1686 หรือ ชมรมพัฒนาบุคลิกภาพและการพูด มหาวิทยาลัยรังสิต โทร. 0-2997-2222 ต่อ 1340

]]>
50860
เสวนาทางวิชาการ “การปรับตัวของโรงแรมกับสภาพเศรษฐกิจในภาวะวิกฤต” https://positioningmag.com/49368 Wed, 23 Sep 2009 00:00:00 +0000 http://positioningmag.com/?p=49368

คณะอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและบริการ มหาวิทยาลัยรังสิต จัดเสวนาทางวิชาการ ในหัวข้อเรื่อง “การปรับตัวของโรงแรมกับสภาพเศรษฐกิจในภาวะวิกฤต” ในวันพฤหัสบดีที่ 24 กันยายน 2552 เวลา 08.30 น. – 12.00 น. ณ ห้อง Auditorium อาคารเฉลิมพระเกียรติ มหาวิทยาลัยรังสิต

ภายในงานมีหัวข้อที่น่าสนใจดังนี้ เรื่อง “การปรับตัวของโรงแรมกับสภาพเศรษฐกิจในภาวะวิกฤต” โดย คุณประกิจ ชินอมรพงษ์ นายกสมาคมโรงแรมไทย เรื่อง “การทำการตลาดในมุมมองใหม่” โดย คุณณิชยา ชัยวิสุทธิ์ นายกสมาคมประชาสัมพันธ์โรงแรมแห่งประเทศไทย เรื่อง “การพัฒนาบุคลิกภาพให้เหมาะสมกับการทำงานในอุตสาหกรรมการบริการ” โดย คุณประภัสสร ธุรนิกร John Robert Power

สำหรับผู้ที่สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ อาจารย์ดวงธิดา นันทาภิรัตน์ โทร. 0-2997-2222 ต่อ 4126

]]>
49368
ม.รังสิต ขอเชิญเข้าร่วมสัมมนา “Social Network : เราเล่นมันหรือมันเล่นเรา” https://positioningmag.com/49076 Wed, 26 Aug 2009 00:00:00 +0000 http://positioningmag.com/?p=49076

นักศึกษาชั้นปีที่ 4 คณะเทคโนโลยีสารสนเทศ มหาวิทยาลัยรังสิต จัดการสัมมนาเรื่อง “Social Network : เราเล่นมันหรือมันเล่นเรา” ในวันเสาร์ที่ 5 กันยายน 2552 เวลา 09.00-12.00 น.ณ ห้อง 7-100 อาคารสำนักหอสมุด (อาคาร 7) มหาวิทยาลัยรังสิต

ทั้งนี้ งานสัมมนาดังกล่าวมีการบรรยายในหัวข้อที่น่าสนใจ อาทิ การบรรยายเรื่องความเป็นมาและความหมาย Social Network โดย นายนัฐวัฒน์ โยธาศักดิ์ การบรรยายเรื่องบทบาทของ Social Network ในยุคอินเทอร์เน็ต 2.0 โดย นายยุทธนา กังวล

สำหรับผู้ที่สนใจสามารถลงทะเบียนออนไลน์ผ่านเว็บไซต์ http://seminar.birdxcite.com หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 089-224-2263

]]>
49076
ม.รังสิต คว้ารางวัลหนังสั้น https://positioningmag.com/48674 Tue, 28 Jul 2009 00:00:00 +0000 http://positioningmag.com/?p=48674

กลุ่มนักศึกษาสาขาวิชาการภาพยนตร์และวีดิทัศน์ คณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต รับรางวัล คิดดี สสส. ประเภทหนังสั้น เรื่อง “รูปพ่อของผม” ในงาน Kiddee Showcase 2009 ซึ่งจัดขึ้นโดย สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ณ โรงภาพยนตร์ลิโด สยามสแควร์

]]>
48674
เปิดสูตรลับการตลาดมหา’ลัย พิชิตใจวัยเรียน https://positioningmag.com/11807 Fri, 05 Jun 2009 00:00:00 +0000 http://positioningmag.com/?p=11807

ดุเดือดไม่แพ้ธุรกิจไหน การแข่งขันของมหาวิทยาลัย ต้องงัดกลยุทธ์การตลาดสารพัดรูปแบบช่วงชิงลูกค้า ปั้นหลักสูตรใหม่ๆ หวังให้เป็น Product โดนใจ ตามด้วยโปรโมชั่นทุกรูปแบบ ทุ่มเงินไม่น้อยกว่า 20 ล้าน ผลิตหนังโฆษณา ยิงกันถี่ยิบทุกสื่อ ไม่รวมอีเวนต์ทั้งและนอกสถานที่ เว็บไซต์ แชตรูม สื่อใหม่ ชิงลูกค้านักเรียน 3.5 แสนคนต่อปี นับเป็นอีกกรณีศึกษาน่าสนใจ

เมื่อทุกมหาวิทยาลัย ต้องเจอกับสถานการณ์เดียวกัน “เค้กก้อนเล็กลง” เมื่อเด็กเกิดใหม่น้อยลง จำนวนเด็กนักเรียนที่หยุดนิ่ง 3.5 แสนรายมาหลายปี กลายเป็นแรงผลักดันให้ทุกมหาวิทยาลัยต้องงัดเกมกลยุทธ์มาใช้กันเต็มพิกัด เพื่อช่วงชิงเค้กก้อนเดียวกันที่เหลือน้อยลงไปเรื่อยๆ สวนทางกับเม็ดเงินลงทุน ที่เพิ่มขึ้นตลอดเวลา

โปรดักส์ต่าง…สร้างจุดขาย

นอกจากการตกแต่งอาคารสถานที่ อุปกรณ์เครื่องมือ สิ่งอำนวยความสะดวก ที่ทุกมหาวิทยาลัยต้องทุ่มทุนสร้างให้เป็นหน้าตาของมหาวิทยาลัยแล้ว

“คณะ” หรือ “หลักสูตร” เป็นอีกจุดขายที่ได้กลายเป็นเงื่อนไขสำคัญ ที่มหาวิทยาลัยต้องสร้าง Product ให้โดนใจลูกค้า

ทุกวันนี้มหาวิยาลัยต้องวาง Positioning สร้างจุดขายใหม่ๆ ด้วยปั้นหลักสูตรใหม่ๆ ที่พัฒนาขึ้นมาเป็น “แม่เหล็ก” ดึงดูดลูกค้า ที่เป็นนักเรียน ไม่กี่ปีมานี้มหาวิทยาลัยจึงมี“คณะ” ให้เลือกมากมาย โดยมุ่งตอบโจทย์ด้านอาชีพมากยิ่งขึ้น

มหาวิทยาลัยรังสิต เป็นรายแรกๆ ที่สร้าง “จุดต่าง” ของการมีคณะแปลกใหม่ ที่ยังไม่มีการสอนในไทย และเน้นความเป็นอินเตอร์ เช่น คณะการบินพลเรือน ทัศนศาสตร์ หรือวิศวกรรมศาสตร์ซ่อมบำรุงอากาศยาน ความพยายามนี้เป็นผลมาจาก “คอนเนกชั่น” ของผู้บริหาร และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จนสามารถจัดตั้งหลักสูตรที่หลากหลายรองรับตลาดแรงงานทั้งในไทยและต่างประเทศ

แนวคิดนี้ ไม่ต่างจากมหาวิทยาลัยศรีปทุม แทรกตัวขึ้นมา โดยอาศัย “ICT” มาเสริมทุกหลักสูตร และพยายามตอบโจทย์แรงงาน ด้วยการดึงองค์กรธุรกิจมีส่วนร่วมในการออกแบบหลักสูตรการเรียน เช่นล่าสุด การตั้งคณะวารสารสนเทศ เพื่อสร้างความต่าง ม.ศรีปทุม เลือก สื่อดิจิตอล เน้นสร้างนักข่าวยุคไซเบอร์ แทนนักข่าวหนังสือพิมพ์ และทีวี มุ่งเน้นนักเขียนข่าวอินเทอร์เน็ต ให้จบไปทำงานด้านนี้ได้ทันที

ขณะที่คู่แข่งอย่างมหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ หันมาโฟกัสคณะด้านธุรกิจ โดยแต่ละหลักสูตรต้องมีรายวิชาเกี่ยวกับธุรกิจเพิ่มอีก 2 รายวิชา เพื่อให้เรียนรู้ธุรกิจจากศาสตร์ที่นักศึกษาเลือกเรียน หรือมี Business Mind

มหาวิทยาลัยกรุงเทพ ใช้ความโดดเด่นของคณะนิเทศศาสตร์ นำมาขยายผล สร้างเป็นจุดขายใหม่ ภายใต้คอนเซ็ปต์ของการเป็น Creative University” เพื่อสร้างความแตกต่างให้โดดเด่นยิ่งขึ้น

“เราโตมาด้วยคณะนิเทศศาสตร์ แม้ภาพนี้จะมีมานานแล้ว แต่วันนี้จะทำให้ภาพชัดเจนมากขึ้น ไม่ได้มีแค่คณะเดียว แต่สามารถสร้างความคิดสร้างสรรค์ในทุกคณะ” เพชร โอสถานุเคราะห์ ประธานบริหาร และ Chief Creative Officer มหาวิทยาลัยกรุงเทพ บอกถึงการปรับภาพให้ชัดมากยิ่งขึ้นโดยผ่านตัวเขา ซึ่งเป็นคนที่อยู่ในวงการครีเอทีฟมาตลอดทั้งชีวิต

เม็ดเงินทะลักจอ

การสร้างการรับรู้ต่อกลุ่มเป้าหมาย กระตุ้นให้การตัดสินใจเลือกเข้าเรียน มีปัจจัยซ้ำซ้อนมากขึ้น การอาศัยเครื่องมืออย่าง “หนังโฆษณา” เป็นสื่อแมสสิ่งจำเป็นที่ทุกมหาวิทยาลัยเลือกใช้ เพราะสร้างการรับรู้ได้เร็วกว่า

ในช่วงเดือนมีนาคม-พฤษภาคม ถือเป็นห้วงเวลาของการชิงดำด้านการตลาดของมหาวิทยาลัย ที่ต้องทุ่มเม็ดเงิน 20-30 ล้านบาท ในการผลิตหนังโฆษณา สร้างการรับรู้แบรนด์ให้เป็นที่รู้จักในหมู่ผู้ปกครอง และนักศึกษา ยิ่งการแข่งขันสูง การทุ่มเม็ดเงินโฆษณาก็ยิ่งจำเป็น อย่างเช่นปีนี้ ที่งบเพิ่มไปถึง 40-45 ล้านบาท

รูปแบบโฆษณา แต่เดิม จะเน้น “กระบวนการผลิตนักศึกษา” ที่ให้เห็นภาพความพร้อมในทุกด้าน ทำง่ายๆ เหมือนสารคดี ให้เห็นองค์ประกอบ หรือ “ความสำเร็จของนักศึกษาหรือศิษย์เก่า” (Success Stories)

ปีนี้ มหาวิทยาลัยรังสิต ฉีกรูปแบบในการทำโฆษณาสถาบันที่ต่างไปจากเดิม นำเรื่อง “CSR” สร้างการรับรู้ใหม่ ซึ่งประสบความสำเร็จในการเอาใจผู้ปกครอง

“เราต้องการสื่อสารให้เด็กเห็นว่า ไม่เพียงแต่ทำการเรียนการสอนเพียงอย่างเดียว แต่การรับผิดชอบต่อสังคมรอบด้าน เป็นสิ่งที่สถาบันไม่ได้ละทิ้ง และหวังจะดึงใจคนรุ่นใหม่ให้มาเรียนที่นี่จากภาพลักษณ์ของสถาบันที่รับผิดชอบต่อสังคมในเวลาเดียวกัน”

สำหรับมหาวิทยาลัยกรุงเทพแล้ว ภาพ “มหาวิทยาลัยแห่งความคิดสร้างสรรค์” สะท้อนผ่าน นักศึกษาและศิษย์เก่า ที่รับชนะเลิศการแข่งขันในเวทีต่างๆ มาทำเป็นหนังโฆษณา ตอกย้ำจุดยืนให้ชัดเจนมากขึ้น

มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ ที่ห่างหายไปจากจอตู้นานร่วม 2 ปี ปลุกกระแสของแบรนด์อีกครั้งด้วยการนำเสนอเนื้อหาผ่านนักศึกษากับความคิดผ่านการ “ขายน้ำ” ซึ่งนำเอาเรื่องราวจริงที่นักศึกษาจบใหม่ถูกทดสอบจากผู้ประกอบการ แสดงให้เห็นถึงการประยุกต์องค์ความรู้ที่เรียนมาใช้กับสถานการณ์จริง

New Media ถูกและแรง

นอกเหนือจากโฆษณาผ่านหน้าจอทีวีแล้ว สื่อดิจิตอลเป็นอีกช่องทางหนึ่งที่มหาวิทยาลัยใช้สื่อสารกับเด็กนักเรียนโดยตรง มหาวิทยาลัยรังสิต เป็นรายแรกที่คิดค้นกลยุทธการตลาดผ่านสื่อดิจิตอลโดยให้รุ่นพี่แนะนำรุ่นน้อง ผ่าน “แชตออนไลน์” ผ่านเว็บเด็กดี

ส่วนรุ่นพี่ จะถูกคัดเลือกมาจากคณะต่างๆ 25 เรียกว่า “สมาร์ท ทีม” ให้คำแนะนำกับรุ่นน้องแชตออนไลน์พร้อมกันตลอด 60 วัน ผ่านเว็บไซต์เด็กดี

“เสียงตอบรับดีมาก ยิ่งช่วงโค้งสุดท้ายวันที่ 1-15 พฤษภาคม ทีมงานทั้งหมดต้องแชตตั้งแต่เก้าโมงเช้าถึง 3 ทุ่ม เพราะเป็นช่วงที่มีผลต่อการตัดสินใจมากที่สุด โครงการนี้ทำให้มียอดนักศึกษาที่มาสมัครเพิ่มถึง 20% และปีนี้ก็ยังถือเป็นช่องทางหลักที่มหาวิทยาลัยรังสิตยังสานต่อจากปีที่ผ่านมา”

เช่นเดียวกันกับมหาวิทยาลัยกรุงเทพ ที่เลือกจะเริ่มตั้งทีม BU Idol บุกช่องทางออนไลน์เหมือนกัน โดยอาศัยวิธีการแชตผ่านเว็บไซต์ของมหาวิทยาลัยกรุงเทพ มีรุ่นพี่ 10 คน ให้คำแนะนำเช่นกัน

ขณะที่มหาวิทยาลัยศรีปทุม หันมาสื่อสารกับกลุ่มเด็กมัธยมทั่วประเทศกว่า 1 ล้านคน ด้วยการสร้างอีเมลของโรงเรียน เป็นการลดการใช้จ่ายที่ใช้เงินในการลงทุนน้อยเพียงปีละ 2 ล้านบาท แต่ช่วยให้กลุ่มเด็กเห็นแบรนเนอร์ของม.ศรีปทุมในหน้าเว็บเพจแรก

ทั้งลด…ทั้งแถม

มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ เลือกที่จะมีโปรโมชั่นส่งเสริมการขายด้วยการลดค่าบำรุงการศึกษา 3, 500 บาทต่อคน ให้กับญาติ พี่น้อง หรือคนรู้จักของศิษย์เก่า เพื่อช่วยทำให้การตัดสินใจได้เร็วและง่ายขึ้น โดยหวังว่าแคมเปญนี้จะกระตุ้นยอดนักศึกษาได้ 5%

ส่วนมหาวิทยาลัยกรุงเทพ แจกทุนการศึกษาให้นักเรียนมัธยมจำนวน 50 ทุน โดยคัดเลือกผลงานจากความคิดสร้างสรรค์ไม่ใช้เกรดเฉลี่ยเหมือนที่อื่น ตอกย้ำจุดยืนของมหาวิทยาลัย เชื่อว่าช่วยกระตุ้นให้เด็กฉายความครีเอทีฟออกมาได้
มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เลือกแจก “มินิบุ๊ก” ของเอชพี ไม่รวมอยู่ในค่าเทอม ส่วนนักศึกษาระดับปริญญาโท จะได้ไอโฟน ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการพัฒนาแอพพลิเคชั่น เพื่อนำเนื้อหาการเรียนให้นักศึกษาดูผ่านไอโฟนได้อีกด้วย

“ครูแนะแนว” พลังตลาดที่ต้องไม่พลาด

ด้วยบทบาทและหน้าที่ของครูแนะแนว ครูเหล่านี้จึงมีอิทธิพลต่อการตัดสินใจเลือกสถานที่เรียนของเด็กนักเรียน ทุกมหาวิทยาลัยจึงให้ความสำคัญกับช่องทางนี้ เลือกใช้วิธีสร้างกิจกรรม Below the line ที่มุ่งเน้นสร้างประสบการณ์

มหาวิทยาลัยรังสิตยึดหัวหาดนี้ก่อนใคร จัดเทรนนิ่งให้ครูแนะแนวกว่า 40 คน ตบท้ายด้วยการพาทัวร์ในมหาวิทยาลัยและต่างจังหวัด 5 วัน สร้างคอมมูนิตี้เล็กๆ ในกลุ่มวิชาชีพเดียวกัน ส่งผลให้การติดต่อขอความช่วยเหลือได้ง่าย มีเด็กเข้ามาร่วมกิจกรรมจาก 5, 000 คน เพิ่มขึ้นถึง 8,000 คน

ด้านมหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ เริ่มโครงการเปิดบ้าน ภายใต้ชื่อ “EDU Fest@ DPU” ด้วยการเจาะช่องทางครูแนะแนว และผนึกกำลังด้วยการ Road Show ไปตามโรงเรียนในตัวเมืองกว่า 400 โรงเรียน ทำให้มียอดเด็กเข้าร่วมกิจกรรมราว 6,500 คนในปีแรกที่ใช้อีเวนต์นี้

ส่วนมหาวิทยาลัยศรีปทุม ออกโรดโชว์ 100 โรงเรียนต่อปี เก็บข้อมูลกลุ่มเป้าหมายนำทำการตลาดแบบ One to One ส่งข้อมูลผ่าน SMS ให้ข้อมูลแบบเฉพาะแบบตัวต่อตัว

การจัด Event ในมหาวิทยาลัยเป็นการชักชวนกลุ่มเป้าหมายให้มาสัมผัสกับมหาวิทยาลัยโดยตรง (Experience Marketing) มีหลากหลายรูปแบบและจูงใจด้วยการจัดประกวดการแข่ง การฝึกอบรมระยะสั้น (Workshop) เช่น ทำหนังสั้น ทำหนังสือพิมพ์ออนไลน์ เพื่อเปิดโอกาสได้มาเห็นของจริง ทั้งสถานที่ อุปกรณ์การเรียนการสอน สุดท้ายเพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการตัดสินใจเลือกสถานที่เรียนนั่นเอง

กลยุทธ์ดารายังได้ผล

การใช้พรีเซ็นเตอร์ยังมีมนต์ขลังไม่ว่าจะอยู่ในธุรกิจไหน หลายคนเชื่อว่า นี่คือเส้นทางลัดในการสร้างแบรนด์ให้เป็นที่จดจำได้ง่ายและเร็ว ไม่ต่างอะไรกับการเลือกดารามาโฆษณาสินค้า แม้ผู้บริหารมหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์จะยอมรับว่าไม่มีตัวเลขว่าการใช้กลยุทธ์นี้จะทำให้มีผู้มาสมัครเรียนมากเท่าไหร่ แต่ก็ยอมรับว่าเจาะจงใช้ดารานักร้องเป็นแม่เหล็กในการดึงดูงกลุ่มเป้าหมายได้ผลไม่น้อยจากปีที่ผ่านมา

ทางสถาบันมีข้อเสนอพิเศษให้เหล่าดารา ด้วยการเรียนฟรี ทั้ง อ๊อฟ AF2 ศุภณัฐ ซึ่งเลือกคณะบริหารธุรกิจ, แตงโม ภัทรธิดา เข้าเรียนที่คณะศิลปกรรมศาสตร์ ทั้งต้องทำเกรดเฉลี่ยไม่ต่ำกว่า 2.00 ขณะที่มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย และมหาวิทยาลัยกรุงเทพต้องได้เกรดเฉลี่ย 2.5 ขึ้นไป

ทุกมหาวิทยาลัย ผลัดกันรุกผลัดกันรับ งัดกลยุทธ์การตลาดมาใช้สารพัดรูปแบบ จะโดนใจลูกค้าได้ ต้องใช้ทั้ง 4 P ส่วนใครจะพิชิตใจได้ด้วย P ตัวไหนไม่นานก็รู้ ที่แน่ๆ เกมกลยุทธ์รอบนี้ยังมีอีกหลายตอน

Position มหา’ลัย ที่ต่างกัน

มหาวิทยาลัย รังสิต
Position เน้นความหลากหลายของคณะที่รองรับความต้องการในตลาด และสร้างความต่างด้วยการเรียนสองภาษาในบางหลักสูตร
New Product คณะทัศนศาสตร์ คณะวิศวกรรมศาสตร์ ซ่อมบำรุงอากาศยาน คณะคอมพิวเตอร์เกมมัลติมีเดีย
การเลือกใช้สื่อ
– New Media ตั้งสมาร์ททีม ห้องแชตออนไลน์ กับกลุ่มเป้าหมายตลอด 60 วัน 25 คณะ ต่อเนื่องจากปีที่ผ่านมา ผ่านเว็บเด็กดี
– TVC แนว CSR การทำประโยชน์เพื่อสังคม จากโครงการต่างของนักศึกษา ทำให้ต่างจากหนังของม.อื่น
งบประมาณ 25 ล้านบาท
จุดอ่อน
– ค่าเทอมแพง
– สถานที่ตั้งไกล ทั้งที่ใกล้กว่า ม.ธรรมศาสตร์(รังสิต)

มหาวิทยาลัย กรุงเทพ
Position เป็น Creative University เชื่อมโยงเกิดความคิดสร้างสรรค์ ภายใต้การนำของ “เพชร”
New Product คณะวิศวกรรมศาสตร์ สาขามัลติมีเดีย และระบบอินเทอร์เน็ต
การเลือกใช้สื่อ
– New Media สร้างคอมมูนิตี้ออนไลน์ กับ Live Chat BU Idol ผ่านหน้าเว็บไซต์มหา’ลัย เพิ่งเริ่มทำ 10 คณะ เพื่อให้เข้าใกล้ชิดกลุ่มวัยรุ่นมากยิ่งขึ้น
– TVC สะท้อนความเป็นCreative University ซึ่งผ่านการประกวดหรือการชนะการแข่งขันต่างๆ ของนักศึกษา เป็นเวลา60 วินาที ครั้งแรกในวงการศึกษา
งบประมาณ
จุดอ่อน
– ติดภาพลักษณ์ ม.คุณหนู
– ค่าเทอมแพง

มหาวิทยาลัย ศรีปทุม
Position เป็นมหาวิทยาลัยสำหรับคนรุ่นใหม่ เน้นการนำเทคโนโลยีสารสนเทศเข้ามาประยุกต์ในการเรียนทุกหลักสูตร
New Product คณะวารสารสนเทศ
การเลือกใช้สื่อ
– New Media ลงทุนสร้างอีเมลให้กับโรงเรียนมัธยมทั่วประเทศ สร้างการรับรู้ผ่าน Banner Ads บนหน้าแรกของเว็บเพจ
– TVC หนังเก่ามา Re-run ตัดงบการสร้างหนังโฆษณา
งบประมาณ 37 ล้านบาท แบ่งเป็นงบโฆษณา 17 ล้านบาท งบกิจกรรม 20 ล้านบาท
จุดอ่อน
– สถานที่คับแคบ
– บุคลากรเป็นคนรุ่นใหม่ ไม่มีฐานความรู้วิจัยที่มากพอ

มหาวิทยาลัย ธุรกิจบัณฑิตย์
Position เป็นมหาวิทยาลัยด้านธุรกิจ เน้นการนำ Business Mind ประยุกต์กับการเรียนทุกหลักสูตร
New Product คณะบูรณาการสุขภาพและความงาม
การเลือกใช้สื่อ
– New Media ตั้งทีม DPU Connect สื่อสารผ่าน Webboard ของเว็บเด็กดีและเว็บมหาวิทยาลัย และส่ง SMS ข้อมูลให้กับกลุ่มเด็ก เมื่อมีโปรโมชั่นใหม่
– TVC แสดงให้เห็นถึงคุณภาพของนักศึกษา ที่สามารถนำความรู้มาประยุกต์ในการทำงานได้ 2 ปี ทำใหม่ 1 ครั้ง
งบประมาณ 22 ล้านบาท แบ่งเป็นงบโฆษณา 12 ล้านบาท งบประชาสัมพันธ์และกิจกรรม 10 ล้านบาท
จุดอ่อน
– ยังมีจุดอ่อนด้านวิชาการ
– ชื่อเสียงทางด้าน วิศวกรรมหรือวิทยาศาสตร์ยังไม่เป็นที่ยอมรับ
– ศิษย์เก่ายังไม่สามารถสร้างชื่อเสียงหรือเป็นที่ยอมรับในสังคมได้มาก

มหาวิทยาลัย หอการค้าไทย
Position เป็นสถาบันระดับนานาชาติที่นักศึกษามีคุณสมบัติแข่งขันกับต่างประเทศได้
New Product ผลิตอุปกรณ์ไอทีสำหรับการเรียนการสอน เพื่อจำหน่ายให้สถาบันการศึกษาทั่วโลก
การเลือกใช้สื่อ
– New Media ผ่านแชตรูม เว็บบอร์ด วิดีโอคอนเฟอร์เรนซ์ เพื่อเข้าถึงไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่
– TVC พรีเซนต์การเรียนด้วยระบบไฮเทค ให้ความรู้สึกเป็นวัยรุ่นผ่านเพลงประกอบของวง Slur
งบประมาณ 27 ล้านบาท
จุดอ่อน – สถานที่คับแคบ ทำให้การขยายอาคารและสร้างบรรยากาศ สิ่งแวดล้อมให้สวยงาม หรือหรูหราทำได้ยาก ขณะที่นักศึกษารุ่นใหม่มีไลฟ์สไตล์ที่ชอบกับสถานที่ที่มีสีสัน

]]>
11807