ถ้าใช้เล่นเกมได้ ก็ตอบโจทย์อื่นได้ด้วย  

ธนเดช ช่วงแก้ววิเศษ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท เอชเอ็มดี โกลบอล ผู้จัดจำหน่ายสมาร์ทโฟนแบรนด์ Nokia กล่าวในงานเปิดตัว Nokia 5.1 Plus สมาร์ทโฟนรุ่นล่าสุดที่หวังตอบโจทย์คนชอบเล่นเกมบนมือถือ ว่ามองโอกาสในการบุกตลาดมือถือเกมครั้งล่าสุดนี้ในฐานะ “อีกเซ็กเมนต์” เนื่องจากผู้ใช้มีดีมานด์ชัดเจนว่าต้องการใช้งานมากกว่าการโทรศัพท์

การบุกเซ็กเมนต์นี้ทำให้ Nokia สามารถส่งสารแฝงไปกับจุดยืนนี้ได้ด้วย โดยธนเดชเชื่อว่าหากผู้บริโภคมอง Nokia 5.1 Plus เป็นสมาร์ทโฟนที่ใช้เล่นเกมได้ดี Nokia 5.1 Plus ก็จะสามารถตอบโจทย์อื่นได้เช่นกัน 

นี่คือจิ๊กซอว์สำคัญของ Nokia ในภารกิจทวงคืนแชมป์แบรนด์สมาร์ทโฟนระดับท็อปของโลก โดยในงานเปิดตัว Nokia 5.1 Plus ต้นสังกัด Nokia คนปัจจุบันอย่าง HMD Global ย้ำว่าจุดยืนของบริษัทคือการเน้นดีไซน์อุปกรณ์เพื่อการใช้งานจริง ซึ่งก่อนวางจำหน่ายรุ่นใด จะมีการทดสอบระบบเปิดปิดเครื่องมากกว่า 1 ล้านครั้ง

ที่ผ่านมา Nokia เน้นสร้างโทรศัพท์มือถือระบบ “Pure Android” ที่การันตีอัปเกรดได้ทุกเดือนตลอด 3 ปี รวมถึงการจับระบบปัญญาประดิษฐ์หรือ AI มาใช้ยกระดับการเล่นเกมและการถ่ายภาพ นอกจากนี้ยังใช้เลนส์ Carl Zeiss ของเยอรมนี ขณะเดียวกัน Nokia ยังเป็นเจ้าแรกที่ทำโหมด Bothie เพื่อการถ่ายภาพกล้องหน้าและหลังพร้อมกัน เหมาะกับคนชอบไลฟ์สด และพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ที่ต้องสร้างวิดีโอจริงจัง

ความสำเร็จที่ Nokia ภูมิใจในช่วงก่อนหน้านี้ คือรุ่น 6.1 Plus มือถือจอไร้ขอบรุ่นแรกที่เปิดตัวคร้งแรกในจีน Nokia ระบุว่า 6.1 Plus สามารถขายผ่านเว็บไซต์ JD.com หมดเกลี้ยงใน 10 วินาที ซึ่งเมื่อเปิดตัวทั่วโลก ก็สามารถทำยอดขาย 3 นาทีได้ 1 แสนตัวอย่างสบายๆ

สำหรับ Nokia 5.1 Plus ยักษ์เคยใหญ่อย่าง Nokia ระบุว่าตัวเองเป็นเจ้าแรกที่พัฒนา “มือถือเกมมิ่ง” ด้วยการเปิดตัว Nokia N-Gage เมื่อปี 2003 ก่อนที่ Nokia จะเปลี่ยนโลกอีกครั้งด้วยการเปิดตัวแพลตฟอร์ม N-Gage ให้ผู้ใช้ดาวน์โหลดเกมได้เองเมื่อปี 2007

“Nokia เล็งเห็นว่า เกม ทำให้คนสนใจใช้งานโทรศัพท์มือถือในมุมใหม่ เราอยากตอบโจทย์ให้คนเล่นเกมได้ใช้มือถือที่เหมาะสม” ซึ่งแม้จะเป็นสมาร์ทโฟนสำหรับเกมเมอร์ แต่ Nokia 5.1 Plus ถูกการันตีว่าถ่ายวิดีโอได้ไม่สั่นไหว และเป็นอีกรุ่นที่เป็นจอไร้ขอบ มีระบบ AI ยกระดับทั้งการเล่นเกมและถ่ายภาพ 

ประเด็นนี้ Nokia ลงมือสำรวจจนพบว่า คนเล่นเกมบนมือถือวันนี้อยากได้เครื่องที่มี CPU ความเร็วสูง หน้าจอต้องตอบสนองไวขนาดใหญ่ แบตเตอรี่ต้องอึด เครื่องต้องไม่ร้อน เพราะเฟรมเรตจะได้ไม่ตก ทั้งหมดนี้ต้องอยู่บนราคาคุ้มค่า ซึ่งควรต้องเล่นได้ไม่มีสะดุด

ผลการสำรวจนี้กลายเป็นคุณสมบัติของ Nokia 5.1 Plus เช่น การเลือกใช้ CPU ที่ออกแบบมาสำหรับเล่นเกม ใช้ชิป 12 นาโนเมตร กินไฟน้อยลง แต่ทำงานได้ดีขึ้นไม่ร้อน มีการใช้ AI เร่งประสิทธิภาพให้ดีขึ้น ซึ่งความสามารถในการปรับชิปกราฟิก HD ให้มีความเร็วสูงขึ้นเช่นนี้ ปกติมักมีในเครื่องราคา 1 หมื่นขึ้นไป

Nokia 5.1 Plus ยังมีจุดขายเรื่อง “Android One” ซึ่งหมายความว่าไม่มีแอปพลิเคชั่นอื่นมากวนใจ ทำให้ RAM และ ROM ของเครื่องถูกใช้งานคุ้มค่า ทำให้แบตอึดมากกว่าเดิม รองรับการชาร์จแบบ USB-C ชาร์จไวครึ่งชั่วโมงได้เกิน 50%  

Nokia 5.1 Plus หน้าจอใหญ่ 5.8 นิ้วสัดส่วน 19:9 รีเฟรชเรตได้เร็วทำให้โอกาสพลาดหรือแพ้เกมน้อยลง ตัวเครื่องให้ความรู้สึกเหมือนเคลือบแก้ว มีกล้องคู่ AI ด้านหลัง 13MP และด้านหน้า 8MP มุมกว้าง 80.4 ไม่ต้องยืดแขนมากก็เก็บภาพได้หมด 10 คน ราคา 7,490 บาท พร้อมขายสิ้นเดือนตุลาคมนี้

“ตอนนี้มือถือ Nokia เป็น Number One Value ในส่วนของฟีเจอร์โฟน และเป็นท็อป 5 ในเรื่องของ Brand Awareness ในประเทศไทยแล้ว ในเวลา 20 กว่าเดือนที่ทำตลาดมา เราหวังว่าจะขึ้นท็อป 3 แบรนด์สมาร์ทโฟนให้ได้ในตลาดโลกและตลาดไทยช่วง 2-3 ปีข้างหน้า เป้าหมายของเราคือเน้นระดับมิดเอนด์ เชื่อว่าราคานี้น่าจะไปได้ดี”

เมื่อถามถึงจุดยืนของ Nokia ในการแข่งขันกับคู่แข่ง ผู้บริหาร Nokia ระบุว่าวันนี้ไม่เน้นแข่งกับใคร โดยเหตุที่เปิดตัวมือถือเกมช่วงเวลานี้ เป็นเพราะเห็นกระแสเทรนด์ความต้องการ ขณะเดียวกันก็ยังไม่มีผู้เล่นในตลาดมากนัก 

“ไตรมาส 3 เป็นช่วงที่หลายคนตัดสินใจซื้อเครื่องใหม่ ขณะเดียวกันคนไทยก็ชอบเล่นเกม Nokia เราไม่เน้นแข่งกับใคร แต่เราแข่งกับตัวเอง ให้สินค้าเราตอบโจทย์ตลาดได้ มีชิปแรง เชื่อว่าสตอรี่แบบนี้ด้วยเกมจะทำได้”

  จับมือเกมลอฟท์  

สิ่งที่ Nokia ทำคือการจัดกิจกรรมแข่งเกม ASPHAL 9 หาเกมเมอร์มาร่วมสนุกผ่านโนเกียแฟนเพจ เพื่อให้ชาวเกมได้ทราบว่า Nokia 5.1 Plus เป็นอุปกรณ์ที่เล่นเกมฮาร์ดคอร์ได้ลื่นไหลไม่เมื่อยมือ 

คุณบุลากร หุตะเจริญ ผู้จัดการการตลาด บริษัท เกมลอฟท์ จำกัด ต้นสังกัดเกม ASPHAL 9 และอีกหลายเกมที่ถูกโปรโมตว่าเล่นได้ดีบนสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ของ Nokia ระบุว่าแม้จะไม่มีการสำรวจมูลค่าตลาดมือถือเกมที่ชัดเจน แต่เชื่อว่าจะมีโอกาสเติบโตสูงมากไม่แพ้ยุค Nokia N-Gage ในปี 2003 ซึ่งเป็นยุคที่คอเกมต้องพกเครื่องเกมแยกต่างหากทั้งเกมบอย นินเทนโด การเปิดตัว N-Gage จึงบูมมากเพราะสามารถรวมการเล่นเกมเข้ากับอุปกรณ์ที่ต้องใช้งานประจำวันเช่นโทรศัพท์ 

“ยุคนั้น ประเทศไทยมีร้าน N-Gage สโตร์เปิดในไทย มีให้เล่นฟรีแถวนานา ถือว่าเป็นรุ่นที่ฮอตมาก” บุลากรย้ำ “ปัจจุบัน เฉพาะในส่วนของเกมลอฟท์บริษัทเดียว คนไทยเล่นเกมบนมือถือมากกว่า 3 ล้านคนต่อเดือน ตัวเลขนี้เพิ่มขึ้น 10% ต่อเดือน สถิตินี้คือทุกเกมรวมกัน”

บุลากร ให้ข้อมูลว่า วันนี้คนไทยนิยมเล่นเกมแคชชวล ซึ่งมีขนาดใหญ่กว่ากลุ่มที่เล่นเกมฮาร์ดคอร์ (70-30) โดยเกมเล่นสบายอย่าง Disney Magic Kingdoms มีคนไทยเล่นเป็นหลักล้านคนทีเดียว

ดีมานด์ชัดเจนขนาดนี้ จึงไม่น่าแปลกใจที่ Nokia จะวางเดิมพันในเซ็กเมนต์สุดฮอต.