มูลนิธิกระจกเงา – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Mon, 05 Aug 2019 08:25:32 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 น้ำดื่มสิงห์ ร่วมกับ มูลนิธิกระจกเงา เปลี่ยนฉลากน้ำดื่ม 20 ล้านขวด ช่วยตามหาเด็กหาย รับ “วันแม่” https://positioningmag.com/1241396 Mon, 05 Aug 2019 07:39:50 +0000 https://positioningmag.com/?p=1241396 เป็นเรื่องที่น่าเคร้าใจว่าทุกปีจะมีเด็กที่หายไปจากอกของพ่อแม่ แม้ในแต่ละปีสามารถติดตามเด็กสูญหายได้สำเร็จกว่า 90% ขณะเดียวกันยังมีสถิติเด็กที่หายมายาวนานมากกว่า 5 ปี และยังหาไม่พบประมาณ 1%

กลายเป็นที่มาของความร่วมมือระหว่างน้ำดื่มสิงห์ และมูลนิธิกระจกเงาร่วมกันทำโครงการ น้ำดื่มสิงห์ คืนดวงใจให้แม่ return heart to home” ผลิตน้ำดื่มสิงห์ฉลากพิเศษ (limited edition) เพื่อเป็นส่วนช่วยในการตามหาเด็กที่หายไปอย่างยาวนาน 5 คน รวมถึงทำให้สังคมได้ตระหนักและเห็นความสำคัญของปัญหาเด็กหายในปัจจุบัน ซึ่งเป็นการตอบแทนสังคมอีกทางหนึ่ง

ทั้งนี้เด็กสูญหายทั้ง 5 คนที่ถูกเลือกให้มาอยู่บนฉลากน้ำดื่มสิงห์ถือเป็นกรณีที่ยากที่สุดของมูลนิธิกระจกเงา ที่ใช้เวลาติดตามมานานตั้งแต่ 6 ปีถึง 17 ปี ทั้งที่มีสื่อหลากหลายประเภทในการติดตามแล้ว แต่ยังไม่พบตัว ดังนั้นการใช้สื่อที่สามารถเข้าถึงคนหมู่มากและใกล้ชิดกับผู้บริโภคโดยตรง จึงเป็นอีกหนึ่งพลังสำคัญในการเพิ่มโอกาสตามหาเด็กให้เจอ

ภูริต ภิรมย์ภักดี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บุญรอดเทรดดิ้ง จำกัด ซึ่งเป็นเจ้าของแนวความคิดนี้เปิดเผยว่า ปัญหาเด็กหายเป็นอีกปัญหาทางสังคมที่เกิดขึ้นมาโดยตลอด ผมเข้าใจถึงความรู้สึกของผู้ที่เป็นพ่อแม่ของน้องๆ ที่หายไปว่าทุกข์ทรมานขนาดไหน ทุกครั้งที่ผมได้ยินเรื่องนี้ผมถามตัวเองว่าเราจะช่วยอะไรได้บ้าง วันหนึ่งผมพบว่าเราน่าจะใช้ฉลากน้ำดื่มสิงห์เป็นอีกช่องทางการสื่อสารที่ช่วยในการติดตามได้และได้ติดต่อไปยังมูลนิธิกระจกเงาทันที เพื่อประสานการทำงานร่วมกัน จนสำเร็จเป็นโครงการ ‘คืนดวงใจให้แม่ return heart to home’ ในวันนี้

นอกเหนือจากทำฉลากพิเศษบนบรรจุภัณฑ์น้ำดื่มสิงห์ ยังได้จัดทำคลิปวิดีโอนำเสนอเรื่องราวที่เกิดขึ้นจริงของครอบครัว “น้องเท็น” หรือเด็กชายชัยภาส ด่านเกื้อกูล ที่หายไปตั้งแต่อายุ 11 ปี จนปัจจุบันอายุ 24 ปี เพื่อเผยแพร่ผ่านสื่อออนไลน์อีกด้วย เป็นการผสานสื่อทั้งออนไลน์และออฟไลน์ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น

รวมถึงใช้สื่อทุกช่องทางของบริษัทฯ ทั้งระบบ Intranet เพื่อให้พนักงานและบริษัทในเครือกว่า 50 บริษัท รวมถึงพลังของตัวแทนจำหน่ายซึ่งกระจายอยู่ทุกจังหวัดทั่วประเทศ ในการช่วยกันประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อที่มี เช่น สื่อ Digital Signage สื่อ LED สื่อ Cable ท้องถิ่น และป้าย Banner เป็นต้น ซึ่งสื่อต่างๆ เหล่านี้ จะช่วยสร้างการรับรู้และตระหนักถึงปัญหาเด็กหาย อีกทั้งยังทำให้มีการระมัดระวัง และป้องกันปัญหาเด็กหายได้อีกทางหนึ่งด้วย 

สำหรับสถิติเด็กอายุระหว่าง 0 – 18 ปี ที่หายไป (ข้อมูลจากมูลนิธิกระจกเงา) มีดังนี้ ปี 2559 จำนวน 418 คน พบแล้ว 387 คน (92.58 %) ปี 2560 จำนวน 403 คน พบแล้ว 365 คน (90%) ปี 2561 จำนวน 309 คน พบแล้ว 265 คน (85.76%) ปี 2562 (สถิติ ณ เดือน กรกฎาคม) จำนวน 153 คนพบแล้ว 124 คน (81.06%)

น้ำดื่มสิงห์จัดพิมพ์ฉลากเด็กหายบนขวดน้ำดื่มสิงห์ขนาด 750 มิลลิลิตร (มล.) และ 600 มล. เนื่องจากเป็นขนาดที่ผู้บริโภคนิยมดื่มเป็นจำนวนมากและพกพาสะดวก โดยเบื้องต้นจะผลิตกว่า 20 ล้านขวด ครอบคลุมช่องทางการจัดจำหน่ายทั้งร้านค้าทั่วไป (Traditional Trade) ห้างค้าปลีกสมัยใหม่ (Modern Trade) รวมถึงร้านสะดวกซื้อชั้นนำทั่วประเทศ โดยสินค้าดังกล่าวจะจำหน่ายตลอดทั้งเดือนสิงหาคมจนถึงเดือนกันยายน

]]>
1241396
กิจกรรม “ของขวัญวันเด็ก ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กน้องบ้านน๊อคดาวน์” https://positioningmag.com/32014 Fri, 08 Dec 2006 00:00:00 +0000 http://positioningmag.com/?p=32014

หลังจากที่จ.อุตรดิตถ์ประสบภัยน้ำป่าไหลหลากและโคลนถล่ม ชาวบ้านส่วนหนึ่งต้องอพยพออกจากบ้านตัวเองไปพักอาศัยยังเต็นท์ที่พักชั่วคราวและบ้านญาติพี่น้อง เนื่องจากบ้านของตนเองถูกโคลนและน้ำเข้าพัดทำลายจนใช้พักอาศัยไม่ได้ จนบัดนี้เวลาล่วงเลยมากว่า 6 เดือนแล้วชาวบ้านที่สูญเสียบ้านต่างได้รับที่พักชั่วคราวแห่งใหม่ แม้ว่าจะไกลจากที่ทำกินและภูมิลำเนาเดิม แต่อย่างน้อยก็ยังมีที่พักและที่ทำกินเป็นของตัวเองที่ปลอดภัยกว่าเดิม
มูลนิธิกระจกเงาซึ่งดำเนินงานฟื้นฟูชุมชนด้วยศูนย์อาสาสมัครช่วยเหลือผู้ประสบภัยโคลนถล่มที่ต.แม่พูล อ.ลับแล ตั้งแต่เดือนพฤษภาคมที่เกิดเหตุจนถึงปัจจุบันนี้ และยังมีกิจกรรมการฟื้นฟูชุมชนต่อเนื่องคือ งานสร้างศูนย์พัฒนาเด็กเล็กในชุมชนบ้านพักชั่วคราว(บ้านน๊อคดาวน์) ซึ่งต้องการความช่วยเหลือจากพี่ๆและผู้ใหญ่ใจดี ด้านกำลังอาสาสมัครและการแบ่งปันทุนทรัพย์สำหรับวางรากฐานอาคารและจัดสรรอุปกรณ์สำหรับเสริมสร้างพัฒนาการของน้องๆ

“เพราะเราเป็นคนโชคดี เราจึงแบ่งปันโชคของเราให้แก่คนอื่นๆ”

ร่วมบริจาคเพื่อพัฒนาชีวิตที่ดีขึ้นให้แก่น้องๆ ผู้ประสบภัยโคลนถล่มนี้ได้ที่
บัญชี โครงการฅนอาสา เลขที่บัญชี 000-0-03855-5 ธนาคารกรุงไทย สำนักงานนานาเหนือ
เสร็จแล้วกรุณาโทรเข้ามายืนยันหรือส่งสำเนาสลิปยืนยันการโอนมาที่ FAX หมายเลข 02-642-7991 ต่อ 18

]]>
32014
สื่อเพื่อเด็กต้องก้าวไกล..ไปอย่างมีทิศทาง https://positioningmag.com/26958 Thu, 24 Nov 2005 00:00:00 +0000 http://positioningmag.com/?p=26958

โครงการยุทธ์ศาสตร์สื่อเด็กเฝ้าระวังถึง ผลของสื่อที่ทำให้เกิดพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมของเด็ก วอนให้ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องตระหนัก และให้ความสำคัญในเนื้อหา สาระ ประเด็นการนำเสนอ ที่ถ่ายทอดออกมาในรูปแบบของรายการโทรทัศน์ หรือแม้แต่กระทั่งสื่อในรูปแบบอื่นๆ ซึ่งส่วนใหญ่แล้วล้วนแต่เป็นสื่อที่ไม่เหมาะสมกับวัยและพัฒนาการของเด็ก

เมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายน 2548 ที่พิพิธภัณฑ์เด็ก จตุจักร โครงการยุทธศาสตร์สื่อเด็ก มูลนิธิเพื่อการพัฒนาเด็ก (มพด.)โดยการสนับสนุนของสำนักงานกองทุนสนับสนุนสร้างเสริมสุข (สสส.) ได้เล็งเห็นถึงผลของสื่อที่มีอิทธิพลต่อเด็กเยาวชน และครอบครัว จึงได้จัดทำแผนงานสนับสนุนเพื่อให้เกิดสื่อที่มีคุณภาพ โดยมีเป้าหมายเพื่อให้ผู้ผลิตสื่อตระหนักถึงปัญหาดังกล่าวและ ร่วมกันสร้างอนาคตของเด็กไทยให้ไปในทิศทางที่ถูกต้องและเหมาะสม จึงเกิดเป็น กิจกรรม “สื่อเพื่อเด็กไทยก้าวไกลไปถึงไหน” ขึ้น

ทั้งนี้ภายในงานประกอบไปด้วยกิจกรรมการนำเสนอรายงานการวิจัย “เรื่องการนำเสนอเนื้อหาสำหรับเด็กของสื่อมวลชนในปัจจุบัน” การเปิดเวทีแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับยุทธศาสตร์สื่อเด็ก และการแสดงผลงานจากกลุ่มเยาวชนโครงการสื่อเด็กฯ ซึ่งประกอบด้วย ลิเกเพื่อเด็กและครอบครัว โดยกลุ่มบูรณาการ ,สารคดีท้องถิ่นโดย กลุ่มมดตะนอย มหาวิทยาลัยมหาสารคาม , นิตยสาร GLOZE ซึ่งเป็นผลงานของเด็กมัธยมในกรุงเทพฯ ,การผลิตหนังสั้นเพื่อเด็ก โดยทัตเทพ ทองทาบ จากthisshortfilm.com การผลิตรายการทีวีเคเบิ้ลท้องถิ่น โดยศูนย์กิจกรรมเยาวชนเมืองพัทยา และ เพลง ดนตรีของเด็กเยาวชน โดย ชมรมเยาวชนอาสาสมัครเกสรลำพู

โดย “ผศ.ลักษมี คงลาภ” นักวิจัยโครงการยุทธศาสตร์สื่อเด็ก ได้กล่าวถึงประเด็นการทำวิจัยใน ครั้งนี้ว่ามุ่งผลไปที่สถานการณ์การในการผลิตสื่อสำหรับเด็กของสื่อมวลชนในปัจจุบัน โดยให้ความสนใจ
ไปยังเด็กที่มีอายุระหว่าง 3-12 ปี เป็นการรวบรวมปัญหาและอุปสรรคของสื่อในการผลิตผลงาน ซึ่งผลที่ได้จากการวิจัยครั้งนี้ สามารถสรุปได้ดังนี้คือ ช่องโทรทัศน์ที่ผลิตรายการสำหรับเด็กมากที่สุดคือ สถานีโทรทัศน์สีกองทัพบกช่อง 7 ช่องทางวิทยุ เอฟ เอ็ม ที่ใส่ใจและให้ความสำคัญกับเด็กมีเพียง 3 ช่องเท่านั้น

ในส่วนของนิตยสารมีเพียง 2 ฉบับที่เล็งเห็นถึงความสำคัญ คือ นิตยสาร JUNIOR MAG และ นิตยสารแก็งค์เด็กสนุก ซึ่งแถมอยู่ในนิตยสาร คิดส์แอนด์สคูล สื่อหนังสือพิมพ์นั้นเปิดพื้นที่สำหรับเด็กน้อยมาก หนังสือพิมพ์ที่ตระหนักถึงความสำคัญของเด็กมากที่สุดคือ หนังสือพิมพ์ข่าวสดซึ่งให้ความสำคัญกับการลงข่าวของเยาวชนถึง 6 วัน ใน 1 สัปดาห์ นอกจากนี้ยังได้สัมภาษณ์ความคิดเห็นของผู้ผลิตสื่อโทรทัศน์ ซึ่งมองว่าการผลิตรายการโทรทัศน์เด็กนั้นต้องทำบนพื้นฐานของการแข่งขันทางธุรกิจ จึงทำให้ไม่สามารถคงอยู่ได้นาน

นอกเสียจากจะมีสายป่านสนับสนุนจากการทำธุรกิจอื่นๆควบอยู่ด้วย ทางผู้ผลิตต้องการอยากให้รัฐบาลช่วยสนับสนุนอย่างจริงจัง และฝากคำพูดทิ้งท้ายอย่างมีความหวังไว้ว่า

“การทำเรื่องตรงนี้ไม่ควรจะเป็นภาระหน้าที่ของหน่วยงานใด หรือเอ็นจีโอใดแต่ควรเป็นความร่วมมือร่วมใจกันของทุกฝ่ายมากกว่า มันควรเป็นการทำงานที่มีความต่อเนื่อง เป็นรูปแบบและเป็นระบบที่ชัดเจนมากกว่านี้ค่ะ” ในขณะที่ “เข็มพร วิรุณราพันธ์” ผู้จัดการโครงการยุทธศาสตร์สื่อเด็ก กล่าวถึงการจัดงานในครั้งนี้ว่า

จะมีการนำเสนอในเรื่องยุทธศาสตร์ภาพรวมโดยอ้างอิงจากการวิจัย“เรื่องการนำเสนอเนื้อหาสำหรับเด็กของสื่อมวลชนในปัจจุบัน”ของ ผศ.ลักษมี คงลาภและคณะทำงาน นักวิจัยโครงการยุทธศาสตร์สื่อเด็ก ซึ่งผลที่ได้พบว่าพื้นที่สื่อสำหรับเด็กมีน้อยลง น้อยกว่าในอดีต จากการวิจัยพบปัญหาและอุปสรรคในการผลิตสื่อ สานต่อจากการวิจัยในปี2546 มีการร่วมมือกันหลายด้าน โดยรัฐบาลสมัยนั้นส่งเสริมให้เพิ่มสัดส่วนพื้นที่รายการเด็ก เพิ่มเติมกลไกลต่างๆ ส่งเสริมและพัฒนา กองทุน โดยในงานครั้งนี้ มูลนิธิเพื่อการพัฒนาเด็ก มีส่วนสนับสนุน 6 โครงการด้วยกัน เพื่อให้เกิดสื่อตัวแบบสำหรับเด็ก

โดยเป็นกิจกรรมที่เด็กมีส่วนร่วมในการผลิต เช่นโครงการการผลิตหนังสั้นเพื่อเด็กจากมืออาชีพ , สารคดีท้องถิ่นที่ผลิตโดยเด็กเยาวชน กลุ่มมดตะนอย มหาวิทยาลัยมหาสารคาม, การพัฒนาลิเกพื้นบ้านให้เป็นลิเกสำหรับเด็ก, ส่งเสริมดนตรีสำหรับเด็ก จัดทำเป็นซีดี เทปเพลง ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นผลงานที่เกิดจากการร่วมมือร่วมใจกันของเด็กๆเอง

ซึ่งคาดหวังว่าในอนาคตอยากจะให้มีการผลักดันให้เกิดสิ่งดีๆตามยุทธศาสตร์ที่ได้ร่วมกันวางไว้ เพิ่มพื้นที่สื่อสำหรับเด็ก ในทุกแขนงสื่อ เกิดสื่อทางเลือก ขยายผลไปถึงชุมชน เกิดเป็นกลไกที่สนับสนุนให้สื่อเพื่อเด็กคงอยู่ได้นานยิ่งขึ้นบนจอโทรทัศน์ มีความหลากหลายมากขึ้น บนพื้นฐานของความแตกต่างกันทางวัฒนธรรม ให้สื่อเข้าถึงเด็กทุกคนไม่ว่าเขาอยู่ในชนบท หรือในเด็กพิการ และเข้าถึงในทุกชุมชน โดยอยากให้ภาครัฐช่วยสนับสนุนอย่างจริงจัง

“ซึ่งกิจกรรมที่เกิดขึ้นต่อเนื่องจากนี้เราจะเปิดรับโครงการอื่นๆและสนับสนุนโครงการที่ทำงานคล้ายๆกับเราเพื่อกระจายไปสู่ในทุกชุมชน โดยจะมีนักวิชาการ เด็กในพื้นที่ และคนที่ผลิตสื่อสำหรับเด็กอยู่ เข้าร่วมประชุมกันตามท้องถิ่นต่างๆทั้ง 4 ภาค เพื่อพัฒนาเครือข่ายสื่อสำหรับเด็กให้โยงใยถึงกันมากยิ่งขึ้น และในวันพุธที่ 23 พฤศจิกายน 2548 เวลา 13.00น. ณ หอประชุม Hall of Flam มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ วิทยาเขตหัวหมากจะมีกิจกรรมการเสวนา “ในย่ามลุงเนาว์”

ภายใต้โครงการทีวีดีดีของเครือข่าย สสส. ต่อเนื่องไปในเดือนมกราคมกับกิจกรรมการอบรมเชิงปฏิบัติการ “1001 ไอเดีย เพื่อสร้างสรรค์ทีวีดีดี” ในวันที่ 27-29 มกราคม 2549 ณ ภัทราวดี เธียเตอร์ ซอยวัดระฆัง เป็นโครงการที่เราจะขับเคลื่อนกันต่อไปในอนาคตค่ะ”

]]>
26958