มูลนิธิชัยพัฒนา – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Wed, 17 Feb 2021 06:25:45 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 ปตท. ร่วมพัฒนาโครงการ OUR KhungBangKachao ยกระดับ “ปอดกลางเมือง” ให้เติบโตอย่างยั่งยืน https://positioningmag.com/1318271 Wed, 17 Feb 2021 10:30:32 +0000 https://positioningmag.com/?p=1318271

หลายคนคงรู้จัก หรืออาจจะเคยไปเยือน “คุ้งบางกะเจ้า” กันมาบ้างแล้ว ที่แห่งนี้ขึ้นชื่อว่าเป็นพื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่ใกล้กรุงเทพฯ อุดมสมบูรณ์ด้วยระบบนิเวศต่างๆ ใครๆ ต่างพากันเรียกว่าเป็น “ปอดกลางเมือง” เพราะเป็นแหล่งผลิตออกซิเจนแห่งสำคัญของประเทศเลยทีเดียว

ด้วยความที่มีพื้นที่สีเขียวมหาศาล ทำให้คุ้งบางกะเจ้าเป็นชุมชนที่ทรงคุณค่าทั้งด้านสิ่งแวดล้อม การท่องเที่ยว สังคม วัฒนธรรม และเศรษฐกิจ จากชุมชนเล็กๆ ก็เริ่มพัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยวมากขึ้น มีโฮมสเตย์เพิ่มมากขึ้นเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยว

แน่นอนว่าทำให้คุ้งบางกะเจ้ากำลังประสบปัญหาจากการขยายตัวของการพัฒนาเมือง และการเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล้อมอย่างหนัก ถ้าเราไม่ร่วมมือกันดูแลกันในตอนนี้ ปอดกลางเมืองอาจจะยิ่งเสื่อมโทรมก็เป็นได้

ด้วยเหตุนี้เองจึงเกิดเป็นโครงการ “OUR KhungBangKachao” เริ่มก่อตั้งในปี 2561 ภายใต้การกำกับของมูลนิธิชัยพัฒนา และร่วมมือจากองค์กรชั้นนำระดับประเทศทั้งภาครัฐ เอกชน ภาควิชาการ และประชาสังคม ผสานความร่วมมือในการอนุรักษ์คุ้งบางกะเจ้าด้วยรูปแบบ Social Collaboration with Collective Impact

เป็นการน้อมนำ “ศาสตร์พระราชา” แห่งพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร (รัชกาลที่ 9) และปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง มาเป็นหลักการดำเนินงานเพื่อช่วยอนุรักษ์และพัฒนาให้คุ้งบางกะเจ้ากลับมาเป็นพื้นที่สีเขียวอันอุดมสมบูรณ์ พร้อมทั้งพัฒนาวิถีชีวิตความเป็นอยู่และการเติบโตทางเศรษฐกิจของคนในท้องถิ่นให้ดียิ่งขึ้น

ซึ่งที่ผ่านมาโครงการ OUR KhungBangKachao มีการดำเนินงานคืบหน้าอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดเมื่อต้นเดือนกุมภาพันธ์ 2564 ได้มีพิธีลงนามบันทึกข้อตกลง (MOU) 2 ฉบับ ในการพัฒนาและฟื้นฟูพื้นที่สีเขียวราชพัสดุภายใต้การดูแลของกรมป่าไม้ (โครงการสวนกลางมหานคร) อ.พระประแดง จ.สมุทรปราการระหว่างโครงการ OUR KhungBangKachao โดยมูลนิธิชัยพัฒนากับกรมป่าไม้และการฟื้นฟูพื้นที่สีเขียวและบริหารจัดการเรียนรู้ สวนเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว 80 พรรษา ต.ทรงคนอง อ.พระประแดง จ.สมุทรปราการระหว่าง กรมป่าไม้ กับบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน)

ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล กรรมการและเลขาธิการมูลนิธิชัยพัฒนา ในฐานะประธานคณะกรรมการกำกับการดำเนินงานพัฒนาพื้นที่คุ้งบางกะเจ้าสู่ความยั่งยืน กล่าวถึง “โครงการ OUR KhungBangKachao” มีการขับเคลื่อนการพัฒนาในรูปแบบสานพลังความร่วมมือ (Social Collaboration with collective impact) จากองค์กรชั้นนำทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคประชาชน ตั้งแต่ปี 2561มีเป้าหมายร่วม (Shared Goal) ในการยกระดับและพัฒนาพื้นที่ “คุ้งบางกะเจ้า” ให้เติบโตอย่างสมดุลและยั่งยืนในทุกมิติ มีพื้นที่สีเขียวอันอุดมสมบูรณ์ พร้อมสร้างการเติบโตทางเศรษฐกิจของคนในท้องถิ่นอย่างสมดุลโดยน้อมนำศาสตร์พระราชา “เข้าใจ เข้าถึง พัฒนา” และ หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงแห่งพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร (รัชกาลที่ 9) มาสืบสานขยายผลตามพระราชดำริ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร (รัชกาลที่ 10) และสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี มาเป็นหลักในการดำเนินโครงการฯ

การลงนามบันทึกข้อตกลงในครั้งนี้ เพื่อกำหนดแนวทางความร่วมมือระหว่างโครงการ OUR KhungBangKachao กับการพัฒนาพื้นที่สีเขียวราชพัสดุภายใต้การดูแลของกรมป่าไม้ 1,276 ไร่ อำเภอพระประแดง จังหวัดสมุทรปราการ ให้เห็นเป็นรูปธรรม

สอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาพื้นที่ทั้ง 6 มิติ ได้แก่ การพัฒนาพื้นที่สีเขียว การจัดการน้ำ การจัดการขยะ การพัฒนาท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน การส่งเสริมอาชีพ และ การพัฒนาเยาวชนฯ คงไว้ซึ่งความสมบูรณ์ของระบบนิเวศและการให้ชุมชนมีส่วนร่วม และเป็นแนวทางการดูแลพื้นที่ในระยะยาวต่อไป

นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ ปตท. เปิดเผยว่า

“ปตท. เล็งเห็นถึงความสำคัญของการรักษาสิ่งแวดล้อมมาโดยตลอด ทั้งการสนับสนุนการใช้พลังงานสะอาด การพัฒนานวัตกรรมเพื่อดูแลสิ่งแวดล้อม หรือนวัตกรรม“NONG PIM”ระบบตรวจวัดฝุ่น PM 2.5 และวัดคุณภาพอากาศในพื้นที่ต่างๆ

สำหรับการพัฒนาพื้นที่สีเขียวในเมืองนับเป็นอีกงานที่ ปตท. ให้ความสำคัญ เพราะ ปตท. สั่งสมองค์ความรู้และประสบการณ์ที่ได้จากโครงการปลูกป่าฯ และการบริหารจัดการศูนย์เรียนรู้ ในการฟื้นฟูป่าของ ปตท. 3 แห่ง จึงได้นำความรู้และประสบการณ์ที่มีอยู่มาร่วมสนับสนุนการพัฒนาพื้นที่สีเขียวในโครงการ OUR KhungBangKachao

ซึ่งได้รับความร่วมมือจากภาคีเครือข่ายทั้งภาครัฐ เอกชน และชุมชน โดยมุ่งรักษาพื้นที่สีเขียวประมาณ 6,000 ไร่ ในคุ้งบางกะเจ้า สร้างอัตลักษณ์พื้นที่สีเขียวต้นแบบ และเพิ่มครัวเรือนเกษตรปลอดภัย นอกจากนี้ ปตท. ยังให้การสนับสนุนกรมป่าไม้ในการฟื้นฟูสวนเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว 80 พรรษา ร่วมกับกรมป่าไม้บริหารจัดการเรียนรู้ให้เป็นเสมือนห้องเรียนธรรมชาติให้กับนักเรียนนักศึกษา เป็นพื้นที่สีเขียวสำหรับพักผ่อนหย่อนใจของประชาชน และเป็นแลนด์มาร์กสำคัญอีกแห่งหนึ่งของคุ้งบางกะเจ้าต่อไป”

นายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า

“สำหรับความร่วมมือในโครงการ OUR KhungBangKachao ในช่วง2 ปี ที่ผ่านมา โครงการฯ ได้เข้ามาพัฒนาพื้นที่ราชพัสดุในคุ้งบางกะเจ้าอย่างต่อเนื่อง ซึ่งพื้นที่ราชพัสดุในคุ้งบางกะเจ้า คิดเป็นพื้นที่เพียง 10% ของพื้นที่คุ้งบางกะเจ้าส่วนที่เหลือต้องได้รับความร่วมมือร่วมใจจากภาคเอกชน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และประชาชนในพื้นที่ที่เป็นเจ้าของช่วยกันอนุรักษ์พื้นที่แห่งนี้ ที่เป็นเสมือนปอดกลางกรุงที่ดีที่สุดของเอเชียเอาไว้ให้เป็นพื้นที่สีเขียวอย่างยั่งยืน”

นายอดิศร นุชดำรง อธิบดีกรมป่าไม้ กล่าวว่า

“การลงนามบันทึกข้อตกลงถือเป็นการตั้งเป้าหมายงานด้านพื้นที่สีเขียวในคุ้งบางกะเจ้าให้ชัดเจน โดยกรมป่าไม้ในฐานะผู้กำกับดูแลพื้นที่ราชพัสดุ พร้อมสนับสนุนพื้นที่เข้าสู่โครงการ OUR KhungBangKachao รวมถึงสนับสนุนงบประมาณ ข้อมูล องค์ความรู้ทางวิชาการ และกำลังคน ในการพัฒนาและฟื้นฟูพื้นที่สีเขียว และพัฒนาในมิติอื่นๆ อีก

นอกจากนี้ยังต่อยอดความร่วมมือกับ ปตท. ในการช่วยฟื้นฟูพื้นที่สีเขียวและบริหารจัดการเรียนรู้ที่สวนเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว 80 พรรษา ต.ทรงคนอง อ.พระประแดง จ.สมุทรปราการเพื่อสร้างมูลค่าให้กับสวนฯ แห่งนี้เป็นแหล่งที่คนอยากมาเยี่ยมชม รับทราบเรื่องราวคุ้งบางกะเจ้า และศึกษาระบบนิเวศรูปแบบการอนุรักษ์ป่าในลุ่มน้ำเจ้าพระยาตอนล่างต่อไป

จากความร่วมมือที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ แสดงให้เห็นว่า ถึงแม้ว่าการพัฒนาเมือง หรือพัฒนานวัตกรรมใหม่ๆ ตามยุคสมัย แต่อย่างไรแล้วธรรมชาติ สิ่งแวดล้อมยังเป็นสิ่งสำคัญ โครงการ OUR KhungBangKachao แสดงให้เห็นว่าความร่วมกันหลายฝ่าย จะช่วยฟื้นฟูคุ้งบางกะเจ้า ให้กลับมาเป็นพื้นที่สีเขียวยักษ์ใหญ่ และเป็นปอดกลางเมืองอย่างยั่งยืน

]]>
1318271
โครงการ “ข้าวสร้างสุข” สร้างสุขให้เกษตรกรและผู้บริโภคไทย ด้วยข้าวปลอดภัยจากสารพิษ https://positioningmag.com/53757 Fri, 17 Dec 2010 00:00:00 +0000 http://positioningmag.com/?p=53757

มูลนิธิชัยพัฒนาตกลงลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือกับบิ๊กซี เปิดตัวโครงการ “ข้าวสร้างสุข” เพื่อบรรเทาทุกข์เกษตรกรจากภัยน้ำท่วมเพื่อดำรงชีพอย่างยั่งยืน โดยมุ่งเน้นให้ความช่วยเหลือ และให้ความรู้ในการปลูกข้าวปลอดภัยจากสารพิษแบบยั่งยืนให้เกษตรกรไทยและคนไทยได้บริโภคข้าวที่ปลอดภัยจากสารพิษได้ประโยชน์ทั้งต่อเศรษฐกิจ สุขภาพ สังคม และสิ่งแวดล้อม

ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล เลขาธิการมูลนิธิชัยพัฒนา ได้ลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือกับนายอีฟ เบรบ็อง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) ให้ความร่วมมือกันในโครงการ “ข้าวสร้างสุข” โดยข้อตกลงจะให้การสนับสนุนมูลค่า 5 ล้านบาท ในด้านการช่วยเหลือด้านเมล็ดพันธุ์ และการสร้างไซโล เพื่อเก็บรักษาข้าวทั้งส่วนที่จะนำไปทำเป็นเมล็ดพันธุ์และที่จะนำไปแปรรูปเพื่อบรรจุถุงจำหน่ายในขั้นต่อไป

โครงการ “ข้าวสร้างสุข” เป็นโครงการที่จะเน้นการผลิตข้าวปลอดภัยจากสารพิษ ที่เริ่มต้นตั้งแต่การผลิตพันธุ์ข้าวที่สมบูรณ์ปลอดภัยจากสารพิษ โดยมูลนิธิชัยพัฒนาจะคัดเลือกพันธุ์ข้าวที่เหมาะสม ส่วนการปลูกข้าวก็จะมีการให้ความรู้กับเกษตรกรตั้งแต่การเตรียมดินและดำเนินการปลูก จนถึงการใส่ปุ๋ยและเก็บเกี่ยวที่ทำให้เกษตรกรผู้ปลูกปลอดภัยจากสารเคมีต่าง ๆ ที่อาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพร่างกาย ทั้งนี้จะมีการดูแลในทุกขั้นตอนโดยร่วมกับกรมส่งเสริมการเกษตร และกรมการข้าว เพื่อให้มั่นใจได้ว่ามีการดำเนินการอย่างถูกต้องทุกขั้นตอน ซึ่งนอกจากตัวเกษตรกรผู้ปลูกแล้ว ก็ยังส่งผลดีต่อสิ่งมีชีวิตและสิ่งแวดล้อมในพื้นที่การเกษตร จนถึงผู้บริโภคเอง ก็จะได้รับผลิตภัณฑ์ที่ปลอดภัยจากสารพิษ ไม่มีสิ่งตกค้างอันจะส่งผลกระทบต่อร่างกาย ทำให้การพัฒนาข้าวในโครงการ “ข้าวสร้างสุข” นี้ จะสร้างสุขให้กับทั้งเกษตรกร ผู้บริโภคและสิ่งแวดล้อมได้อย่างแท้จริง ทั้งยังช่วยพัฒนาเศรษฐกิจให้ข้าวไทยได้ก้าวหน้าและก้าวไกลอย่างยั่งยืน เนื่องจากเป็นผลิตภัณฑ์การเกษตรที่เหมาะสมต่อความต้องการของผู้บริโภคในปัจจุบัน ที่ตระหนักและให้ความสำคัญในด้านการเลือกเฉพาะสิ่งที่มีประโยชน์ ไม่ส่งผลเสียต่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อม

“สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ได้พระราชทานพระราชกระแสให้มูลนิธิชัยพัฒนา ดำเนินโครงการฟื้นฟูราษฎรที่ประสบอุทกภัยในปี 2553 โดยได้แบ่งการดำเนินโครงการเป็นสองระยะ ระยะแรกเป็นการบรรเทาความเดือดร้อนเฉพาะหน้า ระยะที่สองให้การสนับสนุนเมล็ดพันธุ์พืชให้กับราษฎรเพื่อการแก้ไขปัญหาเรื่องปากท้องเป็นลำดับต่อไป อันนำมาสู่ความร่วมมือกับบิ๊กซีที่เสนอความร่วมมือในการที่จะจัดทำโครงการข้าวสร้างสุข (บรรเทาทุกข์เกษตรกรจากภัยน้ำท่วมเพื่อดำรงชีพอย่างยั่งยืน) โดย มูลนิธิชัยพัฒนา เป็นผู้ดำเนินการการจัดหาเมล็ดพันธุ์ข้าวให้กับเกษตรกรผู้ประสบอุทกภัย กำหนดหลักเกณฑ์ของเกษตรกรที่จะเข้าร่วมโครงการฯ และหลักเกณฑ์ในการรับซื้อข้าวและรับคืนเมล็ดพันธุ์ข้าวจากเกษตรกรเพื่อการแปรรูปและการเก็บเป็นเมล็ดพันธุ์เพื่อแจกจ่ายต่อไป รวมถึงดำเนินการนำผลผลิตข้าวไปเข้าขบวนการผลิตตั้งแต่ต้นจนถึงการบรรจุถุงพร้อมวางขายให้ผู้บริโภค และพิจารณาการสร้างโรงเก็บข้าวเปลือกสำหรับการเก็บข้าวในโครงการ ซึ่งผลผลิตข้าวบรรจุถุงนั้น มูลนิธิฯ จะดำเนินการจำหน่าย ณ โครงการศูนย์สาธิตและพัฒนาพลังงานทดแทนจากข้าวครบวงจร อำเภอลาดบัวหลวง จังหวัดพระนครศรีอยุธยา” ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล เลขาธิการ มูลนิธิชัยพัฒนากล่าว

ในการดำเนินงานโครงการดังกล่าวจะเป็นการเผยแพร่แนวพระราชดำริในการที่จะส่งเสริมให้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวหันมาใช้ที่เหมาะสมโดยวิธีผสมผสาน โดยการใช้แมลงศัตรูธรรมชาติและเชื้อราเข้ามาช่วยเพื่อเพิ่มผลผลิตและลดผลกระทบ ตลอดจนส่งเสริมคุณภาพชีวิตและคุณภาพสิ่งแวดล้อมให้ดีขึ้น

“ทั้งนี้ การสนับสนุนเงินทุนของบิ๊กซี จะแบ่งออกเป็นสองส่วนคือ เงินทุนสนับสนุนการจัดหาเมล็ดพันธุ์ข้าวคุณภาพสูงให้กับเกษตรกรผู้ประสบอุทกภัย จำนวน 2,000,000 บาท และการสร้างโรงเก็บเมล็ดข้าว จำนวน 3,000,000 บาท รวมทั้งสิ้น 5,000,000.00 บาท (ห้าล้านบาทถ้วน) ซึ่งคาดว่าจะสามารถบรรเทาทุกข์ให้กับเกษตรกรผู้ปลูกข้าวที่ประสบอุทกภัยได้ 2,000 – 5,000 ไร่”

นายอีฟ เบรบ็อง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงที่มีของการสนับสนุนโครงการว่า “จากการที่สัมผัสเมืองไทยใกล้ชิดมากว่า 10 ปี เมื่อผมเห็นประเทศไทยประสบอุทกภัยเป็นวงกว้าง สิ่งแรกที่ห่วงคือเรื่องปากท้อง ในขั้นแรกบิ๊กซีได้เข้าไปช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมทั้งในรูปความช่วยเหลือด้านเงิน เครื่องอุปโภคและบริโภค และการลงแรงไปช่วยเหลือของพนักงานบิ๊กซี ตัวผมเองก็ได้นำถุงยังชีพไปมอบให้พี่น้องชาวอีสาน ภาคกลางและภาคใต้ในทันที แต่ขณะเดียวกัน ก็มองหาวิธีที่จะช่วยเหลือหลังน้ำลดแล้วไปพร้อม ๆ กัน”

“โชคดีที่ผมได้มีโอกาสพบปะหารือกับมูลนิธิชัยพัฒนา ซึ่งเป็นมูลนิธิฯที่ได้ริเริ่มโครงการอันเนื่องมาจาก พระราชดำริหลายโครงการ อยู่เบื้องหลังการพัฒนาโครงการเพื่อพี่น้องชาวไทยมากมาย ผมพบว่า โครงการนี้เป็นโครงการที่ดีและสำคัญมาก เพราะประเทศไทยบริโภคข้าวและส่งออกข้าวเป็นหลัก โครงการนี้นอกจากจะให้เมล็ดพันธุ์ข้าวแก่เกษตรกรเพื่อไปปลูกข้าว ยังเป็นเมล็ดพันธุ์ที่คัดสรรและพัฒนามาอย่างดี เหมาะสมกับการปลูกช่วงฤดูนาปรังที่กำลังจะมาถึง มีหน่วยงานดูแลให้ความรู้ร่วมกับเกษตรกรในทุกขั้นตอนเพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์ปลายทางที่เหมาะสม ปลอดภัยจากสารพิษ ดีต่อทั้งผู้ปลูก ผู้บริโภคและระบบนิเวศน์” นายอีฟกล่าว

“บิ๊กซี จึงขอเข้ามาร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุน เพราะตระหนักว่าเป็นโครงการข้าวที่จะสร้างสุขให้คนไทยได้อย่างแท้จริงและยั่งยืน โดยจะมอบเงินทุนจำนวน 5 ล้านบาท เพื่อสนับสนุนด้านเมล็ดพันธุ์ข้าวและด้านอื่นที่เกี่ยวข้อง เช่น การสร้างไซโลเก็บข้าว ขนาดประมาณ 250 ตันโดยคาดหวังว่า ความช่วยเหลือในโครงการข้าวสร้างสุขของบิ๊กซี จะสามารถผลิต ข้าวสร้างสุข ได้ถึง 2.1 ล้านกิโลกรัม อีกทั้งยังนำความสุขแก่เกษตรกรและผู้บริโภค ซึ่งทางผมมีความยินดีที่ทางครอบครัวบิ๊กซี รวมทั้งพนักงาน พันธมิตรทางการค้า และลูกค้า ได้ร่วมแบ่งปันความสุขนี้”

“นอกเหนือจากการสนับสนุนด้านเงินทุนข้างต้น บิ๊กซี ยังได้นำจุดแข็งของการมีสาขากว่า 70 แห่ง มาช่วยสนับสนุนด้านพื้นที่ เพื่อเป็นอีกหนึ่งช่องทางในการกระจายสินค้าดีต่อสุขภาพและปลอดภัยจากสารพิษของมูลนิธิชัยพัฒนา ภายใต้แบรนด์ “ภัทรพัฒน์” ไปสู่ผู้บริโภคที่ต้องการผลิตภัณฑ์ที่ดีต่อสุขภาพและสร้างความเข้มแข็งให้เกษตรกรไทยอย่างยั่งยืน โดยมองว่าจะเริ่มทดลองจากสาขาในเมืองที่ผู้บริโภคมีกำลังซื้อและให้ความสำคัญต่อสุขภาพก่อน เช่น บิ๊กซี เอกมัย” นายอีฟกล่าวเสริม

ทั้งนี้ หลังจากนี้อีก 3 เดือน เมื่อได้ผลผลิตรุ่นแรกของ “ข้าวสร้างสุข” ซึ่งได้การรับรองว่าผ่านขั้นตอนการเพาะปลูกที่ดี มี GAP (Good Agricultural Practice) มาแล้ว ก็จะมีการนำข้าวไปสีในโรงสีที่ได้รับการรับรองว่ามีขั้นตอนการผลิตที่ดี (GMP: Good Manufacturing Practice) ก่อนบรรจุถุง และนำมาวางจำหน่ายในบิ๊กซี ซึ่งเป็นช่องทางจำหน่ายที่เข้าถึงผู้บริโภคได้อย่างทั่วถึงต่อไป

]]>
53757
มูลนิธิชัยพัฒนา จับมือกับ เอเชียซอฟท์ ชวนเด็กไทยร่วมโครงการ “บ้านนี้มีรัก ปลูกผักกินเอง” https://positioningmag.com/51501 Tue, 23 Mar 2010 00:00:00 +0000 http://positioningmag.com/?p=51501

ศูนย์พัฒนาพันธุ์พืชจักรพันธ์เพ็ญศิริ มูลนิธิชัยพัฒนา ร่วมกับ บริษัท เอเชียซอฟท์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) จัดโครงการ “บ้านนี้มีรัก ปลูกผักกินเอง” ขึ้น เพื่อเปิดโอกาสให้ เยาวชน นักเรียนในระดับชั้นมัธยมศึกษา อุดมศึกษา และประชาชนทั่วประเทศได้ส่งผลงานการวาดภาพการ์ตูนสั้นและคลิปวีดีโอเชิงสร้างสรรค์ เพื่อส่งเสริมและผลักดันให้เยาวชนเรียนรู้วิธีการปลูกผักทานเอง และประโยชน์จากการทานผัก ชิงทุนการศึกษามูลค่ารวมกว่า 300,000 บาท พร้อมโล่พระราชทานจากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี

โครงการ “บ้านนี้มีรัก ปลูกผักกินเอง” มีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่ความรู้แก่เยาวชนไทย ได้รับทราบถึงวิธีการปลูกผัก ประเภทของผักต่างๆ และประโยชน์ที่ได้รับจากการรับประทานผัก ซึ่งจะเน้นพืชผักสวนครัวและผักพื้นบ้านประจำท้องถิ่น โครงการดังกล่าวแบ่งการประกวดเป็น 2 ประเภทคือ การประกวดวาดภาพการ์ตูนสั้น และการประกวดคลิปวิดีโอ และแบ่งกลุ่มผู้เข้าประกวดเป็น 4 กลุ่มคือ กลุ่มเยาวชนระดับมัธยมต้น ระดับมัธยมปลาย ระดับอุดมศึกษา และกลุ่มบุคคลทั่วไป เพื่อชิงทุนการศึกษารวมมูลค่ากว่า 3 แสนบาท และรับโล่พระราชทานจากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี

โดยผู้ที่สนใจสามารถร่วมส่งผลงานสื่อสร้างสรรค์ ภาพวาดการ์ตูน ขนาด A4 โดยไม่จำกัดเทคนิค และรูปแบบ และ/หรือส่งคลิปวีดีโอ ความยาวไม่เกิน 10 นาที และไม่ต่ำกว่า 5 นาที ไม่จำกัดเทคนิค โดยมีเนื้อหาเกี่ยวกับการ การส่งเสริม ให้เยาวชน รู้จักชนิดของผัก รู้คุณประโยชน์จากการทานผัก และส่งเสริมการปลูกผักกินเองในท้องถิ่นของตน โดยติดตามรายละเอียดการประกวดโครงการ “บ้านนี้มีรัก ปลูกผักกินเอง” ได้ที่ www.asiasoft.co.th, www.playpark.com และ www.funbox.com ได้ตั้งแต่วันนี้ ถึง 30 มิถุนายน 2553

ลิงค์ที่เกี่ยวข้อง
http://www.playpark.com/microsite/farm/index.html
http://www.asiasoft.co.th/newsPreview.asp?contID=15045
http://www.asiasoft.co.th/newsPreview.asp?contID=15044

]]>
51501