มูลนิธิชัยพัฒนา – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Fri, 06 Dec 2024 12:05:33 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 เตรียมปักหมุดสัมผัสลมหนาวใกล้เมืองกรุง ในงาน “ชัยพัฒนาแฟร์ สัญจร จังหวัดนครนายก” 12-15 ธันวาคม นี้ https://positioningmag.com/1502398 Sat, 07 Dec 2024 03:41:49 +0000 https://positioningmag.com/?p=1502398

เตรียมปักหมุดเดินทางท่องเที่ยวสัมผัสลมหนาวใกล้เมืองกรุงฯ กันได้ในงาน “ชัยพัฒนาแฟร์ สัญจร จังหวัดนครนายก” ที่จะจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ ตั้งแต่วันที่ 12 -15 ธันวาคม นี้ ณ เขื่อนขุนด่านปราการชล และศูนย์ฝึกอบรมสุดาเดือนเพ็ญ และที่พักของมูลนิธิชัยพัฒนา จังหวัดนครนายก ที่จะยกขบวนของอร่อยและสินค้าคุณภาพ ทั้งผลิตภัณฑ์ของใช้ ของที่ระลึก และงานหัตถกรรม ฯลฯ จากทั่วทุกภูมิภาค กว่า 170 ร้านมารวมไว้ในที่เดียว เพื่อให้คุณได้ช็อป ชิม ชิลล์ กันอย่างเต็มอิ่ม ท่ามกลางบรรยากาศในสวนร่มรื่น คลอเสียงดนตรี และธารน้ำจากเขื่อนขุนด่านปราการชล ที่เรียกได้ว่าเป็น Landmark ท่องเที่ยวใกล้กรุงเทพ ฯ ที่จะชวนคุณมาปักหมุดจุดท่องเที่ยวที่เป็น Highlight ของที่นี่อีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นกิจกรรมล่องแก่ง เขื่อนสวยขุนด่านปราการชล  พิพิธภัณฑ์ขุนด่านปราการชล สถานที่ศักดิ์สิทธิ์วัดสวยงาม ตามรอยหลวงปู่มั่น ถ้ำสาริกา ฯลฯ ที่ให้คุณได้พาครอบครัว และคนที่คุณรักมาพักผ่อน แวะเช็คอินถ่ายภาพเก๋ๆ กันได้แบบสุดชิลล์ในแบบที่ไม่ควรพลาด

ในงาน “ชัยพัฒนาแฟร์ สัญจร จังหวัดนครนายก”  พบกับความยิ่งใหญ่ตระการตาของเวทีการแสดง การแสดงดนตรีในสวน โดยวงดนตรีกรมประชาสัมพันธ์, ศิลปินเพลงเอก , วงออร์เคสตร้าจากนักเรียนนายร้อย จปร, วงปี่สก็อตวชิราวุธวิทยาลัย และวงดนตรีไทยโรงเรียนจิตรลดาวิชาชีพ สถาบันเทคโนโลยีจิตรลดา ฯลฯ และการสาธิตการทำอาหารจากเชฟชื่อดัง และเวิร์ค ชอปหลากหลายหัวข้อจากอุทยานการอาชีพชัยพัฒนา จังหวัดนครปฐม ศูนย์ศึกษาการพัฒนาอันเนื่องมาจากพระราชดำริ และกิจกรรมจากโรงเรียน และร้านอาหารในจังหวัดนครนายก ฯลฯ

เพลิดเพลินไปกับโซนมูลนิธิชัยพัฒนา ผลิตผล และสินค้าตัวท็อปจาก “โครงการมูลนิธิชัยพัฒนา” กว่า 45 โครงการโซนสินค้าจากศูนย์ศึกษาการพัฒนาอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ทั้ง 6 ศูนย์ และโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริของสำนักงาน กปร.นำสินค้าวัตถุดิบอาหารพรีเมี่ยม และหายากมาจำหน่ายในงาน โซนของดีของอร่อยจังหวัดนครนายก ที่คัดสรรของกินขึ้นชื่อจากร้านอาหารดังและผลิตภัณฑ์ OTOP ของจังหวัดกว่า 90 ร้าน ที่มารวมไว้ที่นี่ที่เดียว โซนสินค้าและบริการจากบริษัทพันธมิตรมูลนิธิชัยพัฒนา ที่ได้ยกสินค้ามาจัดแสดง และจำหน่ายภายในงาน อาทิ บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน), บริษัท บีเอ็มดับเบิลยูแมนูแฟคเจอริ่ง (ประเทศไทย) จำกัด, บริษัท เอช เซม มอเตอร์ จำกัด, บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน), บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาขน) , บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด, กลุ่มเซ็นทรัล, บริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป จำกัด และกูร์เมต์ มาร์เก็ต, เมืองสุขสยาม ไอคอนสยาม, บริษัท กูร์เมท์ วัน ฟู้ดส์ เซอร์วิส (ประเทศไทย) บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ภูฟ้า ไร่ชีวิตพอเพียงเพ็ชร์บุรี (องค์กรเพื่อสังคม) ฯลฯ  พบกับโซนศิษย์เก่าหลักสูตร “ผู้นำการพัฒนาอย่างยั่งยืน” (นพย.) จัดแสดงผลงานของกลุ่มศิษย์เก่า นพย. ที่เป็นผู้นำในภาคธุรกิจ ผู้นำชุมชน อาจารย์ และเกษตรกร  และโซน  “โครงการทหารพันธุ์ดี” ก็จัดเต็มเอาใจชาวเกษตรโดยเฉพาะ ทั้งนิทรรศการความรู้ สินค้าคุณภาพเพื่อการเกษตร และ กิจกรรมสนุกๆ มากมาย

พร้อมเชิญชวนนักท่องเที่ยวร่วมสนุกกับกิจกรรม TikTok Contest ได้ร่วมประกวดคลิปลุ้นรางวัลพิเศษจากมูลนิธิชัยพัฒนา  ได้แก่ ประกวดทำคลิป TikTok ทำอาหาร ที่ใช้วัตถุดิบจากโครงการของมูลนิธิชัยพัฒนา และประกวดทำคลิป TikTok ประชาสัมพันธ์การเที่ยวงาน“ชัยพัฒนาแฟร์ สัญจร” เพื่อร่วมบันทึกความประทับใจไปด้วยกัน ผู้สนใจสามารถติดตามได้ที่ TikTok มูลนิธิชัยพัฒนา หรือ chaipattana9 และ Facebook มูลนิธิชัยพัฒนา

]]>
1502398
ปตท. ร่วมพัฒนาโครงการ OUR KhungBangKachao ยกระดับ “ปอดกลางเมือง” ให้เติบโตอย่างยั่งยืน https://positioningmag.com/1318271 Wed, 17 Feb 2021 10:30:32 +0000 https://positioningmag.com/?p=1318271

หลายคนคงรู้จัก หรืออาจจะเคยไปเยือน “คุ้งบางกะเจ้า” กันมาบ้างแล้ว ที่แห่งนี้ขึ้นชื่อว่าเป็นพื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่ใกล้กรุงเทพฯ อุดมสมบูรณ์ด้วยระบบนิเวศต่างๆ ใครๆ ต่างพากันเรียกว่าเป็น “ปอดกลางเมือง” เพราะเป็นแหล่งผลิตออกซิเจนแห่งสำคัญของประเทศเลยทีเดียว

ด้วยความที่มีพื้นที่สีเขียวมหาศาล ทำให้คุ้งบางกะเจ้าเป็นชุมชนที่ทรงคุณค่าทั้งด้านสิ่งแวดล้อม การท่องเที่ยว สังคม วัฒนธรรม และเศรษฐกิจ จากชุมชนเล็กๆ ก็เริ่มพัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยวมากขึ้น มีโฮมสเตย์เพิ่มมากขึ้นเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยว

แน่นอนว่าทำให้คุ้งบางกะเจ้ากำลังประสบปัญหาจากการขยายตัวของการพัฒนาเมือง และการเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล้อมอย่างหนัก ถ้าเราไม่ร่วมมือกันดูแลกันในตอนนี้ ปอดกลางเมืองอาจจะยิ่งเสื่อมโทรมก็เป็นได้

ด้วยเหตุนี้เองจึงเกิดเป็นโครงการ “OUR KhungBangKachao” เริ่มก่อตั้งในปี 2561 ภายใต้การกำกับของมูลนิธิชัยพัฒนา และร่วมมือจากองค์กรชั้นนำระดับประเทศทั้งภาครัฐ เอกชน ภาควิชาการ และประชาสังคม ผสานความร่วมมือในการอนุรักษ์คุ้งบางกะเจ้าด้วยรูปแบบ Social Collaboration with Collective Impact

เป็นการน้อมนำ “ศาสตร์พระราชา” แห่งพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร (รัชกาลที่ 9) และปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง มาเป็นหลักการดำเนินงานเพื่อช่วยอนุรักษ์และพัฒนาให้คุ้งบางกะเจ้ากลับมาเป็นพื้นที่สีเขียวอันอุดมสมบูรณ์ พร้อมทั้งพัฒนาวิถีชีวิตความเป็นอยู่และการเติบโตทางเศรษฐกิจของคนในท้องถิ่นให้ดียิ่งขึ้น

ซึ่งที่ผ่านมาโครงการ OUR KhungBangKachao มีการดำเนินงานคืบหน้าอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดเมื่อต้นเดือนกุมภาพันธ์ 2564 ได้มีพิธีลงนามบันทึกข้อตกลง (MOU) 2 ฉบับ ในการพัฒนาและฟื้นฟูพื้นที่สีเขียวราชพัสดุภายใต้การดูแลของกรมป่าไม้ (โครงการสวนกลางมหานคร) อ.พระประแดง จ.สมุทรปราการระหว่างโครงการ OUR KhungBangKachao โดยมูลนิธิชัยพัฒนากับกรมป่าไม้และการฟื้นฟูพื้นที่สีเขียวและบริหารจัดการเรียนรู้ สวนเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว 80 พรรษา ต.ทรงคนอง อ.พระประแดง จ.สมุทรปราการระหว่าง กรมป่าไม้ กับบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน)

ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล กรรมการและเลขาธิการมูลนิธิชัยพัฒนา ในฐานะประธานคณะกรรมการกำกับการดำเนินงานพัฒนาพื้นที่คุ้งบางกะเจ้าสู่ความยั่งยืน กล่าวถึง “โครงการ OUR KhungBangKachao” มีการขับเคลื่อนการพัฒนาในรูปแบบสานพลังความร่วมมือ (Social Collaboration with collective impact) จากองค์กรชั้นนำทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคประชาชน ตั้งแต่ปี 2561มีเป้าหมายร่วม (Shared Goal) ในการยกระดับและพัฒนาพื้นที่ “คุ้งบางกะเจ้า” ให้เติบโตอย่างสมดุลและยั่งยืนในทุกมิติ มีพื้นที่สีเขียวอันอุดมสมบูรณ์ พร้อมสร้างการเติบโตทางเศรษฐกิจของคนในท้องถิ่นอย่างสมดุลโดยน้อมนำศาสตร์พระราชา “เข้าใจ เข้าถึง พัฒนา” และ หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงแห่งพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร (รัชกาลที่ 9) มาสืบสานขยายผลตามพระราชดำริ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร (รัชกาลที่ 10) และสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี มาเป็นหลักในการดำเนินโครงการฯ

การลงนามบันทึกข้อตกลงในครั้งนี้ เพื่อกำหนดแนวทางความร่วมมือระหว่างโครงการ OUR KhungBangKachao กับการพัฒนาพื้นที่สีเขียวราชพัสดุภายใต้การดูแลของกรมป่าไม้ 1,276 ไร่ อำเภอพระประแดง จังหวัดสมุทรปราการ ให้เห็นเป็นรูปธรรม

สอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาพื้นที่ทั้ง 6 มิติ ได้แก่ การพัฒนาพื้นที่สีเขียว การจัดการน้ำ การจัดการขยะ การพัฒนาท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน การส่งเสริมอาชีพ และ การพัฒนาเยาวชนฯ คงไว้ซึ่งความสมบูรณ์ของระบบนิเวศและการให้ชุมชนมีส่วนร่วม และเป็นแนวทางการดูแลพื้นที่ในระยะยาวต่อไป

นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ ปตท. เปิดเผยว่า

“ปตท. เล็งเห็นถึงความสำคัญของการรักษาสิ่งแวดล้อมมาโดยตลอด ทั้งการสนับสนุนการใช้พลังงานสะอาด การพัฒนานวัตกรรมเพื่อดูแลสิ่งแวดล้อม หรือนวัตกรรม“NONG PIM”ระบบตรวจวัดฝุ่น PM 2.5 และวัดคุณภาพอากาศในพื้นที่ต่างๆ

สำหรับการพัฒนาพื้นที่สีเขียวในเมืองนับเป็นอีกงานที่ ปตท. ให้ความสำคัญ เพราะ ปตท. สั่งสมองค์ความรู้และประสบการณ์ที่ได้จากโครงการปลูกป่าฯ และการบริหารจัดการศูนย์เรียนรู้ ในการฟื้นฟูป่าของ ปตท. 3 แห่ง จึงได้นำความรู้และประสบการณ์ที่มีอยู่มาร่วมสนับสนุนการพัฒนาพื้นที่สีเขียวในโครงการ OUR KhungBangKachao

ซึ่งได้รับความร่วมมือจากภาคีเครือข่ายทั้งภาครัฐ เอกชน และชุมชน โดยมุ่งรักษาพื้นที่สีเขียวประมาณ 6,000 ไร่ ในคุ้งบางกะเจ้า สร้างอัตลักษณ์พื้นที่สีเขียวต้นแบบ และเพิ่มครัวเรือนเกษตรปลอดภัย นอกจากนี้ ปตท. ยังให้การสนับสนุนกรมป่าไม้ในการฟื้นฟูสวนเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว 80 พรรษา ร่วมกับกรมป่าไม้บริหารจัดการเรียนรู้ให้เป็นเสมือนห้องเรียนธรรมชาติให้กับนักเรียนนักศึกษา เป็นพื้นที่สีเขียวสำหรับพักผ่อนหย่อนใจของประชาชน และเป็นแลนด์มาร์กสำคัญอีกแห่งหนึ่งของคุ้งบางกะเจ้าต่อไป”

นายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า

“สำหรับความร่วมมือในโครงการ OUR KhungBangKachao ในช่วง2 ปี ที่ผ่านมา โครงการฯ ได้เข้ามาพัฒนาพื้นที่ราชพัสดุในคุ้งบางกะเจ้าอย่างต่อเนื่อง ซึ่งพื้นที่ราชพัสดุในคุ้งบางกะเจ้า คิดเป็นพื้นที่เพียง 10% ของพื้นที่คุ้งบางกะเจ้าส่วนที่เหลือต้องได้รับความร่วมมือร่วมใจจากภาคเอกชน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และประชาชนในพื้นที่ที่เป็นเจ้าของช่วยกันอนุรักษ์พื้นที่แห่งนี้ ที่เป็นเสมือนปอดกลางกรุงที่ดีที่สุดของเอเชียเอาไว้ให้เป็นพื้นที่สีเขียวอย่างยั่งยืน”

นายอดิศร นุชดำรง อธิบดีกรมป่าไม้ กล่าวว่า

“การลงนามบันทึกข้อตกลงถือเป็นการตั้งเป้าหมายงานด้านพื้นที่สีเขียวในคุ้งบางกะเจ้าให้ชัดเจน โดยกรมป่าไม้ในฐานะผู้กำกับดูแลพื้นที่ราชพัสดุ พร้อมสนับสนุนพื้นที่เข้าสู่โครงการ OUR KhungBangKachao รวมถึงสนับสนุนงบประมาณ ข้อมูล องค์ความรู้ทางวิชาการ และกำลังคน ในการพัฒนาและฟื้นฟูพื้นที่สีเขียว และพัฒนาในมิติอื่นๆ อีก

นอกจากนี้ยังต่อยอดความร่วมมือกับ ปตท. ในการช่วยฟื้นฟูพื้นที่สีเขียวและบริหารจัดการเรียนรู้ที่สวนเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว 80 พรรษา ต.ทรงคนอง อ.พระประแดง จ.สมุทรปราการเพื่อสร้างมูลค่าให้กับสวนฯ แห่งนี้เป็นแหล่งที่คนอยากมาเยี่ยมชม รับทราบเรื่องราวคุ้งบางกะเจ้า และศึกษาระบบนิเวศรูปแบบการอนุรักษ์ป่าในลุ่มน้ำเจ้าพระยาตอนล่างต่อไป

จากความร่วมมือที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ แสดงให้เห็นว่า ถึงแม้ว่าการพัฒนาเมือง หรือพัฒนานวัตกรรมใหม่ๆ ตามยุคสมัย แต่อย่างไรแล้วธรรมชาติ สิ่งแวดล้อมยังเป็นสิ่งสำคัญ โครงการ OUR KhungBangKachao แสดงให้เห็นว่าความร่วมกันหลายฝ่าย จะช่วยฟื้นฟูคุ้งบางกะเจ้า ให้กลับมาเป็นพื้นที่สีเขียวยักษ์ใหญ่ และเป็นปอดกลางเมืองอย่างยั่งยืน

]]>
1318271
โครงการ “ข้าวสร้างสุข” สร้างสุขให้เกษตรกรและผู้บริโภคไทย ด้วยข้าวปลอดภัยจากสารพิษ https://positioningmag.com/53757 Fri, 17 Dec 2010 00:00:00 +0000 http://positioningmag.com/?p=53757

มูลนิธิชัยพัฒนาตกลงลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือกับบิ๊กซี เปิดตัวโครงการ “ข้าวสร้างสุข” เพื่อบรรเทาทุกข์เกษตรกรจากภัยน้ำท่วมเพื่อดำรงชีพอย่างยั่งยืน โดยมุ่งเน้นให้ความช่วยเหลือ และให้ความรู้ในการปลูกข้าวปลอดภัยจากสารพิษแบบยั่งยืนให้เกษตรกรไทยและคนไทยได้บริโภคข้าวที่ปลอดภัยจากสารพิษได้ประโยชน์ทั้งต่อเศรษฐกิจ สุขภาพ สังคม และสิ่งแวดล้อม

ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล เลขาธิการมูลนิธิชัยพัฒนา ได้ลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือกับนายอีฟ เบรบ็อง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) ให้ความร่วมมือกันในโครงการ “ข้าวสร้างสุข” โดยข้อตกลงจะให้การสนับสนุนมูลค่า 5 ล้านบาท ในด้านการช่วยเหลือด้านเมล็ดพันธุ์ และการสร้างไซโล เพื่อเก็บรักษาข้าวทั้งส่วนที่จะนำไปทำเป็นเมล็ดพันธุ์และที่จะนำไปแปรรูปเพื่อบรรจุถุงจำหน่ายในขั้นต่อไป

โครงการ “ข้าวสร้างสุข” เป็นโครงการที่จะเน้นการผลิตข้าวปลอดภัยจากสารพิษ ที่เริ่มต้นตั้งแต่การผลิตพันธุ์ข้าวที่สมบูรณ์ปลอดภัยจากสารพิษ โดยมูลนิธิชัยพัฒนาจะคัดเลือกพันธุ์ข้าวที่เหมาะสม ส่วนการปลูกข้าวก็จะมีการให้ความรู้กับเกษตรกรตั้งแต่การเตรียมดินและดำเนินการปลูก จนถึงการใส่ปุ๋ยและเก็บเกี่ยวที่ทำให้เกษตรกรผู้ปลูกปลอดภัยจากสารเคมีต่าง ๆ ที่อาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพร่างกาย ทั้งนี้จะมีการดูแลในทุกขั้นตอนโดยร่วมกับกรมส่งเสริมการเกษตร และกรมการข้าว เพื่อให้มั่นใจได้ว่ามีการดำเนินการอย่างถูกต้องทุกขั้นตอน ซึ่งนอกจากตัวเกษตรกรผู้ปลูกแล้ว ก็ยังส่งผลดีต่อสิ่งมีชีวิตและสิ่งแวดล้อมในพื้นที่การเกษตร จนถึงผู้บริโภคเอง ก็จะได้รับผลิตภัณฑ์ที่ปลอดภัยจากสารพิษ ไม่มีสิ่งตกค้างอันจะส่งผลกระทบต่อร่างกาย ทำให้การพัฒนาข้าวในโครงการ “ข้าวสร้างสุข” นี้ จะสร้างสุขให้กับทั้งเกษตรกร ผู้บริโภคและสิ่งแวดล้อมได้อย่างแท้จริง ทั้งยังช่วยพัฒนาเศรษฐกิจให้ข้าวไทยได้ก้าวหน้าและก้าวไกลอย่างยั่งยืน เนื่องจากเป็นผลิตภัณฑ์การเกษตรที่เหมาะสมต่อความต้องการของผู้บริโภคในปัจจุบัน ที่ตระหนักและให้ความสำคัญในด้านการเลือกเฉพาะสิ่งที่มีประโยชน์ ไม่ส่งผลเสียต่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อม

“สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ได้พระราชทานพระราชกระแสให้มูลนิธิชัยพัฒนา ดำเนินโครงการฟื้นฟูราษฎรที่ประสบอุทกภัยในปี 2553 โดยได้แบ่งการดำเนินโครงการเป็นสองระยะ ระยะแรกเป็นการบรรเทาความเดือดร้อนเฉพาะหน้า ระยะที่สองให้การสนับสนุนเมล็ดพันธุ์พืชให้กับราษฎรเพื่อการแก้ไขปัญหาเรื่องปากท้องเป็นลำดับต่อไป อันนำมาสู่ความร่วมมือกับบิ๊กซีที่เสนอความร่วมมือในการที่จะจัดทำโครงการข้าวสร้างสุข (บรรเทาทุกข์เกษตรกรจากภัยน้ำท่วมเพื่อดำรงชีพอย่างยั่งยืน) โดย มูลนิธิชัยพัฒนา เป็นผู้ดำเนินการการจัดหาเมล็ดพันธุ์ข้าวให้กับเกษตรกรผู้ประสบอุทกภัย กำหนดหลักเกณฑ์ของเกษตรกรที่จะเข้าร่วมโครงการฯ และหลักเกณฑ์ในการรับซื้อข้าวและรับคืนเมล็ดพันธุ์ข้าวจากเกษตรกรเพื่อการแปรรูปและการเก็บเป็นเมล็ดพันธุ์เพื่อแจกจ่ายต่อไป รวมถึงดำเนินการนำผลผลิตข้าวไปเข้าขบวนการผลิตตั้งแต่ต้นจนถึงการบรรจุถุงพร้อมวางขายให้ผู้บริโภค และพิจารณาการสร้างโรงเก็บข้าวเปลือกสำหรับการเก็บข้าวในโครงการ ซึ่งผลผลิตข้าวบรรจุถุงนั้น มูลนิธิฯ จะดำเนินการจำหน่าย ณ โครงการศูนย์สาธิตและพัฒนาพลังงานทดแทนจากข้าวครบวงจร อำเภอลาดบัวหลวง จังหวัดพระนครศรีอยุธยา” ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล เลขาธิการ มูลนิธิชัยพัฒนากล่าว

ในการดำเนินงานโครงการดังกล่าวจะเป็นการเผยแพร่แนวพระราชดำริในการที่จะส่งเสริมให้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวหันมาใช้ที่เหมาะสมโดยวิธีผสมผสาน โดยการใช้แมลงศัตรูธรรมชาติและเชื้อราเข้ามาช่วยเพื่อเพิ่มผลผลิตและลดผลกระทบ ตลอดจนส่งเสริมคุณภาพชีวิตและคุณภาพสิ่งแวดล้อมให้ดีขึ้น

“ทั้งนี้ การสนับสนุนเงินทุนของบิ๊กซี จะแบ่งออกเป็นสองส่วนคือ เงินทุนสนับสนุนการจัดหาเมล็ดพันธุ์ข้าวคุณภาพสูงให้กับเกษตรกรผู้ประสบอุทกภัย จำนวน 2,000,000 บาท และการสร้างโรงเก็บเมล็ดข้าว จำนวน 3,000,000 บาท รวมทั้งสิ้น 5,000,000.00 บาท (ห้าล้านบาทถ้วน) ซึ่งคาดว่าจะสามารถบรรเทาทุกข์ให้กับเกษตรกรผู้ปลูกข้าวที่ประสบอุทกภัยได้ 2,000 – 5,000 ไร่”

นายอีฟ เบรบ็อง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงที่มีของการสนับสนุนโครงการว่า “จากการที่สัมผัสเมืองไทยใกล้ชิดมากว่า 10 ปี เมื่อผมเห็นประเทศไทยประสบอุทกภัยเป็นวงกว้าง สิ่งแรกที่ห่วงคือเรื่องปากท้อง ในขั้นแรกบิ๊กซีได้เข้าไปช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมทั้งในรูปความช่วยเหลือด้านเงิน เครื่องอุปโภคและบริโภค และการลงแรงไปช่วยเหลือของพนักงานบิ๊กซี ตัวผมเองก็ได้นำถุงยังชีพไปมอบให้พี่น้องชาวอีสาน ภาคกลางและภาคใต้ในทันที แต่ขณะเดียวกัน ก็มองหาวิธีที่จะช่วยเหลือหลังน้ำลดแล้วไปพร้อม ๆ กัน”

“โชคดีที่ผมได้มีโอกาสพบปะหารือกับมูลนิธิชัยพัฒนา ซึ่งเป็นมูลนิธิฯที่ได้ริเริ่มโครงการอันเนื่องมาจาก พระราชดำริหลายโครงการ อยู่เบื้องหลังการพัฒนาโครงการเพื่อพี่น้องชาวไทยมากมาย ผมพบว่า โครงการนี้เป็นโครงการที่ดีและสำคัญมาก เพราะประเทศไทยบริโภคข้าวและส่งออกข้าวเป็นหลัก โครงการนี้นอกจากจะให้เมล็ดพันธุ์ข้าวแก่เกษตรกรเพื่อไปปลูกข้าว ยังเป็นเมล็ดพันธุ์ที่คัดสรรและพัฒนามาอย่างดี เหมาะสมกับการปลูกช่วงฤดูนาปรังที่กำลังจะมาถึง มีหน่วยงานดูแลให้ความรู้ร่วมกับเกษตรกรในทุกขั้นตอนเพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์ปลายทางที่เหมาะสม ปลอดภัยจากสารพิษ ดีต่อทั้งผู้ปลูก ผู้บริโภคและระบบนิเวศน์” นายอีฟกล่าว

“บิ๊กซี จึงขอเข้ามาร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุน เพราะตระหนักว่าเป็นโครงการข้าวที่จะสร้างสุขให้คนไทยได้อย่างแท้จริงและยั่งยืน โดยจะมอบเงินทุนจำนวน 5 ล้านบาท เพื่อสนับสนุนด้านเมล็ดพันธุ์ข้าวและด้านอื่นที่เกี่ยวข้อง เช่น การสร้างไซโลเก็บข้าว ขนาดประมาณ 250 ตันโดยคาดหวังว่า ความช่วยเหลือในโครงการข้าวสร้างสุขของบิ๊กซี จะสามารถผลิต ข้าวสร้างสุข ได้ถึง 2.1 ล้านกิโลกรัม อีกทั้งยังนำความสุขแก่เกษตรกรและผู้บริโภค ซึ่งทางผมมีความยินดีที่ทางครอบครัวบิ๊กซี รวมทั้งพนักงาน พันธมิตรทางการค้า และลูกค้า ได้ร่วมแบ่งปันความสุขนี้”

“นอกเหนือจากการสนับสนุนด้านเงินทุนข้างต้น บิ๊กซี ยังได้นำจุดแข็งของการมีสาขากว่า 70 แห่ง มาช่วยสนับสนุนด้านพื้นที่ เพื่อเป็นอีกหนึ่งช่องทางในการกระจายสินค้าดีต่อสุขภาพและปลอดภัยจากสารพิษของมูลนิธิชัยพัฒนา ภายใต้แบรนด์ “ภัทรพัฒน์” ไปสู่ผู้บริโภคที่ต้องการผลิตภัณฑ์ที่ดีต่อสุขภาพและสร้างความเข้มแข็งให้เกษตรกรไทยอย่างยั่งยืน โดยมองว่าจะเริ่มทดลองจากสาขาในเมืองที่ผู้บริโภคมีกำลังซื้อและให้ความสำคัญต่อสุขภาพก่อน เช่น บิ๊กซี เอกมัย” นายอีฟกล่าวเสริม

ทั้งนี้ หลังจากนี้อีก 3 เดือน เมื่อได้ผลผลิตรุ่นแรกของ “ข้าวสร้างสุข” ซึ่งได้การรับรองว่าผ่านขั้นตอนการเพาะปลูกที่ดี มี GAP (Good Agricultural Practice) มาแล้ว ก็จะมีการนำข้าวไปสีในโรงสีที่ได้รับการรับรองว่ามีขั้นตอนการผลิตที่ดี (GMP: Good Manufacturing Practice) ก่อนบรรจุถุง และนำมาวางจำหน่ายในบิ๊กซี ซึ่งเป็นช่องทางจำหน่ายที่เข้าถึงผู้บริโภคได้อย่างทั่วถึงต่อไป

]]>
53757
มูลนิธิชัยพัฒนา จับมือกับ เอเชียซอฟท์ ชวนเด็กไทยร่วมโครงการ “บ้านนี้มีรัก ปลูกผักกินเอง” https://positioningmag.com/51501 Tue, 23 Mar 2010 00:00:00 +0000 http://positioningmag.com/?p=51501

ศูนย์พัฒนาพันธุ์พืชจักรพันธ์เพ็ญศิริ มูลนิธิชัยพัฒนา ร่วมกับ บริษัท เอเชียซอฟท์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) จัดโครงการ “บ้านนี้มีรัก ปลูกผักกินเอง” ขึ้น เพื่อเปิดโอกาสให้ เยาวชน นักเรียนในระดับชั้นมัธยมศึกษา อุดมศึกษา และประชาชนทั่วประเทศได้ส่งผลงานการวาดภาพการ์ตูนสั้นและคลิปวีดีโอเชิงสร้างสรรค์ เพื่อส่งเสริมและผลักดันให้เยาวชนเรียนรู้วิธีการปลูกผักทานเอง และประโยชน์จากการทานผัก ชิงทุนการศึกษามูลค่ารวมกว่า 300,000 บาท พร้อมโล่พระราชทานจากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี

โครงการ “บ้านนี้มีรัก ปลูกผักกินเอง” มีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่ความรู้แก่เยาวชนไทย ได้รับทราบถึงวิธีการปลูกผัก ประเภทของผักต่างๆ และประโยชน์ที่ได้รับจากการรับประทานผัก ซึ่งจะเน้นพืชผักสวนครัวและผักพื้นบ้านประจำท้องถิ่น โครงการดังกล่าวแบ่งการประกวดเป็น 2 ประเภทคือ การประกวดวาดภาพการ์ตูนสั้น และการประกวดคลิปวิดีโอ และแบ่งกลุ่มผู้เข้าประกวดเป็น 4 กลุ่มคือ กลุ่มเยาวชนระดับมัธยมต้น ระดับมัธยมปลาย ระดับอุดมศึกษา และกลุ่มบุคคลทั่วไป เพื่อชิงทุนการศึกษารวมมูลค่ากว่า 3 แสนบาท และรับโล่พระราชทานจากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี

โดยผู้ที่สนใจสามารถร่วมส่งผลงานสื่อสร้างสรรค์ ภาพวาดการ์ตูน ขนาด A4 โดยไม่จำกัดเทคนิค และรูปแบบ และ/หรือส่งคลิปวีดีโอ ความยาวไม่เกิน 10 นาที และไม่ต่ำกว่า 5 นาที ไม่จำกัดเทคนิค โดยมีเนื้อหาเกี่ยวกับการ การส่งเสริม ให้เยาวชน รู้จักชนิดของผัก รู้คุณประโยชน์จากการทานผัก และส่งเสริมการปลูกผักกินเองในท้องถิ่นของตน โดยติดตามรายละเอียดการประกวดโครงการ “บ้านนี้มีรัก ปลูกผักกินเอง” ได้ที่ www.asiasoft.co.th, www.playpark.com และ www.funbox.com ได้ตั้งแต่วันนี้ ถึง 30 มิถุนายน 2553

ลิงค์ที่เกี่ยวข้อง
http://www.playpark.com/microsite/farm/index.html
http://www.asiasoft.co.th/newsPreview.asp?contID=15045
http://www.asiasoft.co.th/newsPreview.asp?contID=15044

]]>
51501