รายการข่าว – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Wed, 08 Jun 2022 23:53:03 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 ส่องเทรนด์ ‘ทีวี’ ยุคดิจิทัล ชี้คนไทยใช้ Smart TV เพิ่ม 147% รายการ ‘ข่าว’ มาแรงเทียบชั้น ‘ละคร’ https://positioningmag.com/1388186 Wed, 08 Jun 2022 09:56:23 +0000 https://positioningmag.com/?p=1388186 แม้ปัจจุบันจำนวนผู้ใช้ดิจิทัลจะมีเพิ่มขึ้นในทุก ๆ ปี แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าทีวียังเป็นช่องทางที่เข้าถึงคนไทยได้มากที่สุด ซึ่ง 95% ของครัวเรือนไทยที่สามารถเข้าถึงทีวีได้ แต่ผู้ใช้ส่วนหนึ่งได้เปลี่ยนจากการดูผ่านเครื่องเล่นทีวีแบบดั้งเดิมมาเป็นช่องทางดิจิทัล ซึ่งอาจไม่ได้รับชมแค่ช่องทีวีปกติอีกต่อไป

การสำรวจของ นีลเส็น พบว่า การรับชมทีวีผ่าน Smart TV ของคนไทยเติบโตขึ้นถึง 147% เมื่อเทียบกับปี 2019 หรือช่วงก่อนเกิดการระบาดของ COVID-19 และกว่า 45% ดูทีวีผ่าน โทรศัพท์มือถือ ซึ่งโตถึง 83% แสดงให้เห็นว่าเมื่อเทรนด์ของผู้ชมเริ่มไปทางฝั่งออนไลน์มากขึ้น ทีวีเริ่มมีการปรับตัว

โดยทีวีหลายสำนักมีการทำเนื้อหาในรูปแบบออนไลน์ สร้างแพลตฟอร์มของตัวเองเพื่อดึงผู้ชม ทำให้ตลาดสตรีมมิ่งปัจจุบันจึงมีความสนุกและเข้มข้นมาก ผู้ชมมีตัวเลือกเยอะมากขึ้น จากผลสำรวจเมื่อปี 2019 ถึงจำนวนผู้ใช้งานแพลตฟอร์มสตรีมมิ่ง หรือ OTT (Over the top) พบว่ามีประมาณ 29% ของคนไทยทั้งประเทศที่ใช้งาน แต่จากข้อมูลล่าสุดได้ทำการสำรวจช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ พบว่าเพิ่มขึ้นเป็น 59%

จากจำนวนผู้ใช้ในตลาดสตรีมมิ่งที่โตแบบก้าวกระโดด ผู้ชมจำนวนมากยินดีที่จะจ่ายเงินเพื่อติดตามเนื้อหา ถึงแม้ว่าปัจจุบันมีจำนวนแพลตฟอร์มจำนวนมาก โดยการสำรวจของนีลเส็นสหรัฐฯ พบว่าปัจจุบัน คนส่วนใหญ่จ่ายเงินเพื่อติดตามเนื้อหาสตรีมมิ่ง 2-3 แพลตฟอร์มต่อคน

รายการ ข่าว มาแรง

นอกจากเทรนด์ของรับชมทีวีเปลี่ยนไป เนื้อหาที่คนไทยรับชมผ่านทีวีก็เปลี่ยนไปเช่นกัน ในปี 2019 เนื้อหาที่คนไทยดูผ่านทีวีมากที่สุด คือ ละคร ซีรีส์ (54%) แต่ข้อมูลในปีล่าสุดพบว่า เนื้อหาที่คนไทยดูมากที่สุดตอนนี้คือ รายการข่าว (52%) คนไทยหันมาสนใจข่าวมากขึ้น โดยสาเหตุหนึ่งคาดว่ามาจากสถานการณ์โควิดมีส่วนทำให้พฤติกรรมเปลี่ยน โดยช่วงเริ่มแรกคนติดตามข่าวการรายงานรายวันและสถานการณ์รอบโลก และปัจจุบันรายการข่าวหลายรายการมีการถ่ายทอดสดผ่านช่องทางออนไลน์ ซึ่งเอื้ออำนวยให้ผู้ชมเข้าถึงได้ง่ายขึ้น

เรื่องเล่าเช้านี้

ยกระดับการวัดเรตติ้ง

ความท้าทายในปัจจุบันคือ ประเทศไทยผู้ชมจำนวนมากที่ยังนิยมดูรายการทีวีอยู่ แต่ผู้ชมเหล่านั้นกระจัดกระจายไปตามช่องทางต่าง ๆ ทั้งคนที่ดูผ่านจอทีวีและจอออนไลน์ ซึ่งผู้ชมในแต่ละแพลตฟอร์มมีพฤติกรรมการชมที่แตกต่างกันไป เพื่อความเข้าใจผู้ชมมากขึ้นและเพื่อที่จะได้สะท้อนภาพของผู้ชมที่แท้จริงว่าเป็นอย่างไร อุตสาหกรรมจำเป็นต้องมีระบบการวัดเรตติ้งที่สามารถวัดรวมทั้งทางทีวีและทางดิจิทัลไปพร้อมกัน เพื่อให้ผู้ประกอบการนำไปพัฒนารูปแบบรายการ และมีเดียเอเจนซี สามารถนำข้อมูลไปใช้ประโยชน์วางแผนในการซื้อสื่อโฆษณาได้อย่างมีประสิทธิภาพ

นีลเส็น ประเทศไทย กำลังพัฒนา การวัดเรตติ้งข้ามแพลตฟอร์ม (Cross Platform) ซึ่งเป็นโครงการร่วมกับ สมาคมโทรทัศน์ระบบดิจิตอลประเทศไทย และ สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช). โดยนีลเส็น ได้ดำเนินการตามแผนงานโดยมีการติดตั้งและปรับปรุงระบบและอุปกรณ์ เพื่อรองรับการวัดการรับชมผ่านออนไลน์เรียบร้อยแล้ว และกำลังอยู่ในขั้นตอนการเก็บผลสำรวจและทดสอบระบบ ซึ่งจะได้รายงานผลสำรวจความนิยมของรายการโทรทัศน์แบบข้ามแพลทฟอร์มชุดแรกในช่วง ไตรมาส 3 ของปี

สำหรับการสำรวจความนิยมรายการโทรทัศน์แบบข้ามแพลตฟอร์มนี้ เป็นเทคโนโลยีระบบการวิจัยล่าสุดที่นีลเส็นได้พัฒนาและเริ่มใช้แล้วในประเทศสหรัฐอเมริกา และประเทศอื่น ๆ ทั่วโลก โดยประเทศไทยจะเป็นประเทศแรกในอาเซียน

“พฤติกรรมของผู้ชมกำลังเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ตอนนี้เป็นเวลาที่เหมาะสมในการนำการวัดเรตติ้งข้ามแพลตฟอร์มที่มีประสิทธิภาพมาสู่ประเทศไทย มาตรวัดนี้จะเป็นค่ามาตรฐานที่ช่วยให้นักการตลาดและเจ้าของสื่อเข้าใจในพฤติกรรมของคนไทย อีกทั้งยังช่วยสร้างสรรค์โอกาสใหม่ให้กับผู้ลงโฆษณา และผลักดันการผลิตเนื้อหาที่มีความสอดคล้องกับกลุ่มผู้ชมมากยิ่งขึ้น” อารอน ริกบี้ กรรมการผู้จัดการ นีลเส็นประเทศไทย กล่าว

]]>
1388186
ศึกชิงเรตติ้งข่าว! “ทีวีดิจิทัล” เขย่าผังดึง “คนดัง” ลงจอ หวังแย่งผู้ชม-เค้กโฆษณาหลัง “ช่องข่าว” คืนไลเซ่นส์ https://positioningmag.com/1245062 Tue, 03 Sep 2019 11:58:24 +0000 https://positioningmag.com/?p=1245062 สมรภูมิทีวีดิจิทัลโค้งสุดท้ายของปี ศึกคอนเทนต์รอบใหม่ พุ่งเป้าไปที่รายการข่าวหลัง 7 ช่อง พ่ายเกมการแข่งขันลาจอก่อนจบอายุใบอนุญาต มีช่องข่าว 3 ช่อง สปริงนิวส์ ไบรท์ทีวี และวอยซ์ทีวี หากรวมไทยทีวีที่ออกจากตลาดไปก่อนตั้งแต่ปี 2558 เหลือช่องข่าว” 3 ช่อง จาก 7 ช่องที่ กสทช. ออกใบอนุญาตไว้ในปี 2557

ในมุมของโอกาสทำรายได้จาก “รายการข่าว” ที่โกยเรตติ้งในกลุ่มผู้นำ สามารถทำเม็ดเงินโฆษณาเป็นกอบเป็นกำไม่แพ้คอนเทนต์อื่นๆ เห็นได้จากยุคผู้ประกาศดัง “สรยุทธ สุทัศนะจินดา” ปั้นแบรนด์ “ครอบครัวข่าว” ให้ช่อง 3  ติดอันดับท็อปเรตติ้ง มาในยุคนี้ “พุทธอภิวรรณ องค์พระบารมี” สร้างชื่อเรตติ้ง “ทุบโต๊ะข่าว” ช่องอมรินทร์ทีวี ขึ้นมาติดอันดับช่องท็อปเท็นเช่นกัน

หากวิเคราะห์เม็ดเงินโฆษณาทีวี ปีละ 6 – 7 หมื่นล้านบาท สัดส่วน 70% มาจากละครและวาไรตี้ ที่มีเรตติ้งสูงสุด ราคาโฆษณา rate card แตะระดับ 3 – 4 แสนบาทต่อนาที ขณะที่รายการข่าวมีสัดส่วนราว 20% ของเม็ดเงินโฆษณาทีวี หรือกว่า 1.2 – 1.4 หมื่นล้านบาทต่อปี ต้องถือว่าไม่น้อย ที่สำคัญต้นทุนต่ำกว่าละครและรายการวาไรตี้ จึงเป็นเรื่องปกติเมื่อทีวีดิจิทัล ที่เหลืออยู่จะหันมาโฟกัสคอนเทนต์ข่าวเพื่อปั้นเรตติ้งและเม็ดเงินโฆษณา ช่วงไตรมาสสุดท้ายนี้ จึงเห็นหลายช่องประกาศผังข่าวใหม่กันคึกคัก

9 MCOT” เขย่าผังข่าวเช้า

เป็น 1 ใน 7 ช่อง “ทีวีดิจิทัล” ที่ขอคืนใบอนุญาต ช่องเด็ก Mcot 14 Family มีคิวลาจอเที่ยงคืนวันที่ 15 ก.ย. 2562 เพื่อมาโฟกัสคอนเทนต์ช่องหลัก 9 Mcot HD

เขมทัตต์ พลเดช กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บมจ.อสมท กล่าวว่าตั้งแต่เดือน ก.ย. นี้ ช่อง 9 ได้ปรับผังรายการใหม่ มีสัดส่วนรายการบันเทิง 39% ข่าวและรายงานสถานการณ์ 37% สาระและความรู้ 8% กีฬา 8% และสาระบันเทิง 8% เป็นรายการที่สถานีผลิตเอง 64% ร่วมผลิตและแบ่งรายได้ 14% และเช่าเวลา 22%

โดยเริ่มทยอยปรับผังรายการตั้งแต่กลางเดือน ส.ค. ที่ผ่านมา เริ่มด้วยการถ่ายทอดสดรายการมวยไทย “แม็กซ์ มวยไทย” รูปแบบ Sport Entertainment ซึ่งเป็นรายการมวยเรตติ้งสูง ที่ย้ายมาจากช่องสปริง 26 ออกอากาศ 5 วัน วันอาทิตย์-วันพฤหัสบดี เวลา 18.00 น.

อีกไฮไลต์การปรับผังเดือน ก.ย. นี้ คือกลุ่มรายการข่าวเช้า เน้นเนื้อหาวิเคราะห์ข่าวเศรษฐกิจระดับโลก ทั้งการค้าการลงทุน หุ้น ทั่วโลก และสัมภาษณ์กูรูผู้เชี่ยวชาญ เริ่มด้วยช่วงเช้ารายการ “เจาะลึกทั่วไทย Inside Thailand” โดย “ดนัย เอกมหาสวัสดิ์” และ “อมรรัตน์ มหิทธิรุกข์” ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 08.00-09.30 น.

ส่วนช่วงค่ำ โดย 2 กูรูคนข่าว กับบทวิเคราะห์เจาะลึกข่าวในประเทศและรอบโลก โดยวีระ ธีรภัทร ในรายการ “ฟังหูไว้หู” และสุทธิชัย หยุ่น ในรายการ “กาแฟดำ”

“ช่อง 9 อสมท กำลังทยอยปรับเนื้อหาอีกหลังจากนี้ เพื่อวาง Positioning ที่ชัดเจน ให้เป็น top of mind ด้านคอนเทนต์และแพลตฟอร์ม ทั้งเทรดดิชันนอล มีเดียและโซเชียล มีเดียมากขึ้น”

“โมโน29” หวังผังข่าวติดท็อปเท็น

หลังจากใช้คอนเทนต์บันเทิง ภาพยนตร์-ซีรีส์ ต่างประเทศ ขึ้นมายึด เรตติ้งอันดับ 3 มาพักใหญ่ ก็ได้เวลา MONO29 ต้องเสริมความแข็งแรงให้คอนเทนต์ใหม่ๆ และก็มุ่งเป้ามาที่ “รายการข่าว” เช่นกัน

บรรณสิทธิ์ รักวงษ์ ผู้อำนวยการสถานีโทรทัศน์ช่อง MONO29 ในเครือโมโนกรุ๊ป กล่าวว่า โมโนได้ปรับทัพคอนเทนต์ข่าวใหม่ โดยดึง ต๊ะ-พิภู พุ่มแก้วกล้า มาเป็นหัวเรือใหญ่ของทีมผู้ประกาศข่าว เพื่อนำเสนอรายการข่าวภายใต้คอนเซ็ปต์MONO29 NEWS สร้างสรรค์ มีสาระ เข้าใจง่าย”

“โจทย์สำคัญของเรา คือจะทำอย่างไรให้ผู้ชมรู้ว่าช่องโมโน 29 มีรายการข่าวเหมือนกับช่องอื่นๆ เพราะคอนเทนต์ส่วนอื่น ทั้งหนังและกีฬาบาสเกตบอลคนรู้อยู่แล้วว่าต้องดูที่ช่องโมโน”

การปรับทัพรายการข่าวและผู้ประกาศข่าวของสถานีในรอบ 5 ปี ได้ให้น้ำหนักกับรายการข่าวมากขึ้น ทั้งเนื้อหา รูปแบบการนำเสนอข่าวแบบบอกเล่าเข้าใจง่าย เพราะต้องการให้เป็นรายการข่าวแนวทางใหม่ๆ รวมทั้งปรับทีมผู้ประกาศข่าวใหม่ โดยมี ต๊ะ-พิภู พุ่มแก้วกล้า เป็นทัพหน้า เจาะฐานผู้ชมกลุ่มแมส เช่นเดียวกับคอนเทนต์อื่นๆ ของสถานี

หลังปรับผังข่าวใหม่ โมโน คาดหวัง ให้เรตติ้งรายการข่าวที่อยู่อันดับ 15 – 16 ก้าวขึ้นมาติดท็อปเท็น เร็วที่สุดเท่าที่จะเร็วได้

หนึ่งในรายการข่าวไฮไลต์ คือ “กระแสโลก World News” จันทร์-ศุกร์ เวลา 05.00 – 05.30 น. ที่มี สุผจญ กลิ่นสุวรรณ ในฐานะพิธีกรอิสระ รับหน้าที่เป็นผู้ประกาศร่วมกับ คริสโตเฟอร์ ไร้ท์ ด้วยเป้าหมายทำให้คนดูหันมาเสพข่าวต่างประเทศมากขึ้น

นอกจากนี้ยังมีรายการ “ข่าวเช้า Good Morning Thailand” วันจันทร์-ศุกร์ เวลา 05.30-07.30 น. ดำเนินรายการโดย พิภู พุ่มแก้วกล้า, นนทกฤช กลมกล่อม, วรวิตา จันทร์หุ่น, เจษฎา มณีรัตน์ และ เลลาณี ทศพร นำเสนอความเคลื่อนไหวต่างๆ และสถานการณ์ที่น่าสนใจในรอบวัน เจาะลึกประเด็นดังและขยายมุมมองเชิงสร้างสรรค์

รายการ “เจาะข่าวเด็ด The Day News Update” จันทร์-ศุกร์ เวลา 15.20-15.45 น. ดำเนินรายการโดย นนทกฤช กลมกล่อม และ พบเอก พรพงเมตตา เจาะประเด็นเด่นรอบวัน สุดท้ายคือรายการ “ข่าวสั้น Motion News” เกาะติดข่าวรอบวัน ดำเนินรายการโดย ธนภัทร ศุภวรรณาวิวัฒน์ ออกอากาศทุกวัน วันละ 3 ช่วงเวลา คือ วันจันทร์-ศุกร์ เวลา 08.30 น., 11.55 น. และ 22.00 น. ส่วนวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 10.30 น., 15.00 น., และ 22.30 น.

“ช่อง 3” ชิงพื้นที่ข่าวตั้งแต่เช้ามืด

ฟากผู้นำเรตติ้งกลุ่มบันเทิง “ช่อง 3” ขยับปรับโฉมรายการข่าวเช่นกัน โดยเดือน ก.ย. นี้ เริ่มรายการข่าวตั้งแต่เช้ามืด 04:00 น. เป็นต้นไป ด้วยรายการ “โลกยามเช้า” ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 04.00-04.30 น. และ “ครอบครัวข่าว 3” ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 04.30-05.30น.

โดย “โลกยามเช้า” จะนำเสนอข่าวจากสำนักข่าวต่างประเทศที่ทั่วโลกให้ความสนใจในแต่ละวัน เกาะติดสถานการณ์รอบโลก เพื่อให้ผู้ชมเข้าใจและเข้าถึงครบทุกประเด็นทั้ง การเมือง เศรษฐกิจ สังคม เทคโนโนโลยี รวมถึงแง่มุมวัฒนธรรม ความบันเทิง ดำเนินรายการโดย “ศมจรรย์ จรุงวัฒน์”

ต่อด้วยรายการ “ครอบครัวข่าว 3” โดย 4 พิธีกร นำทีมโดย เอ ดนยกฤตย์ แดงหวานปีสีห์ – นิธินาฏ ราชนิยม – ทนายสงกานต์ อัจฉริยะทรัพย์ และ คำรณ หว่างหวังศรี เป็นการสรุปข่าวใหม่และข่าวใหญ่ให้ผู้ชมไม่ตกข่าว รวมถึงประเด็นเหตุการณ์สำคัญในรอบวัน

จากนั้นต่อด้วยรายการข่าวหลัก เริ่มตั้งแต่ เรื่องเล่าหน้าหนึ่ง เรื่องเล่าเช้านี้ แฟลชนิวส์ เที่ยงวันทันเหตุการณ์ เรื่องเด่นเย็นนี้ ข่าว 3 มิติ โลกยามเช้าสุดสัปดาห์ และเรื่องเล่าเสาร์ อาทิตย์

“ช่อง 5” จัดมาทั้งข่าวและวาไรตี้

สำหรับ ช่อง 5 สู้ศึกเรตติ้งโค้งสุดท้าย จัดรายการใหม่ลงผังเดือน ก.ย. 2562 ทั้งรายการข่าวและวาไรตี้ รายการ ไฮไลต์ฝั่งข่าว ยกให้ Halftime Report ผลิตรายการโดย JKN-CNBC ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 11.30-12.00 น. นำเสนอสถานการณ์การลงทุนและการซื้อขายหุ้นในตลาดโลก วิเคราะห์ผลกระทบรวมถึงข่าวสารที่เกี่ยวกับตลาดการลงทุนของไทย

ส่วนกลุ่มรายการข่าวเดิม มีทั้งข่าวเช้า ข่าวเที่ยง ทันข่าวต้นชั่วโมง ฮาร์ดคอร์ข่าว ข่าวภาคค่ำ และจับประเด็นข่าวร้อน  เพิ่มเติมเข้ามา คือ “กีฬานอกสนาม” ที่จะนำเสนอข่าวแวดวงกีฬา ทั้งในและต่างประเทศ พร้อมส่งเสริม อนุรักษ์ ฟื้นฟูกีฬาพื้นบ้านไทย ดำเนินรายการโดย ณฐมน ใบบัว พิธีกรภาคสนาม ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ ช่วงข่าวกีฬาภาคค่ำ

ส่วนวาไรตี้ รูปแบบซิทคอมสั้น “ชุมชนปรองดอง” เรื่องราว ยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ละครสร้างสรรค์เพื่อเด็กและเยาวชน “ไอดินกลิ่นทุ่ง” ร่วมผลิตกับ ฟินนาเร่คิดส์ ครีเอทีฟ ตามด้วย ซีรีส์อินเดีย “อิทธิฤทธิ์เทพนาคา” และซีรีส์ “ลูกผู้ชายหัวใจทองคำ”

นี่แค่ผังรายการข่าวที่หลายช่องเริ่มขยับเพื่อช่วงชิงฐานผู้ชมจากช่องข่าวที่ “ลาจอ” คืนใบอนุญาต สำหรับ 15 ช่องทีวีดิจิทัลที่ขอไปต่อ ยังคงอยู่ในสมรภูมิแข่งขันดุเดือดและยังต้องเติมผังรายการใหม่เข้ามาสร้างเรตติ้ง เพื่อให้เป็นผู้รอดในอุตสาหกรรมทีวีดิจิทัล.

]]>
1245062
JKN News ส่งคอนเทนต์ CNBC ลงจอ GMM25 เล็งท็อป 5 เรตติ้งรายการข่าว https://positioningmag.com/1232559 Fri, 31 May 2019 14:43:16 +0000 https://positioningmag.com/?p=1232559 ไม่เพียงเป็นผู้จัดจำหน่ายลิขสิทธิ์คอนเทนต์บันเทิงระดับโลก แต่ JKN มองโอกาสคอนเทนต์ข่าวที่จะมาสร้างความแตกต่างให้วงการทีวีดิจิทัลประเทศไทย ด้วยการจับมือเป็นพันธมิตรผลิตคอนเทนต์ลิขสิทธิ์ CNBC Asia ภาษาไทย ประเดิมส่ง 3 รายการฮิตลงจอ GMM25 สถานีแรก ดีเดย์ 1 .นี้

จักรพงษ์ จักราจุฑาธิบดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ บริษัท เจเคเอ็น โกลบอล มีเดีย จำกัด (มหาชน) หรือ JKN กล่าวว่า ในฐานะ Global Distributor Content ถือเป็นอีกความท้าทายในการผลิตคอนเทนต์ข่าวระดับโลกอย่าง CNBC ซึ่งได้รับสิทธิ์แต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย จาก NBC (Universal) เครือข่ายสถานีโทรทัศน์ของประเทศสหรัฐอเมริกา เป็นระยะเวลา 10 ปี ผลิตโดยบริษัทในเครือ JKN News เพื่อป้อนให้แก่สถานีโทรทัศน์ดิจิทัล สำหรับพันธมิตรรายแรก คือ GMM 25

ต้องยอมรับว่า “ข่าว” สร้างเรตติ้งได้ยาก และคอนเทนต์ข่าวปัจจุบันของช่องต่างๆ ไม่แตกต่างกัน และมักอิงกับกระแสจากโซเชียลมีเดีย จึงทำให้ประเด็นเหมือนกัน ผู้ชมต้องวนเเวียนดูข่าวเดียวกันซ้ำไปมา

ดังนั้นเมื่อ JKN ปักธงเรื่องการทำข่าว จึงมองความแตกต่างและคิดนอกกรอบ เริ่มเจรจาเป็นพันธมิตรกับ CNBC ตั้งแต่ปี 2017 โดยใช้เวลาเรียนรู้วิธีการทำงานและโนว์ฮาวจาก CNBC ตลอดช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ส่งทีมงานไปฝึกอบรมและเรียนรู้การทำงานที่ CNBC สิงคโปร์ เพื่อเรียนรู้การทำงานข่าวระดับอินเตอร์เนชั่นแนล

“ข่าวที่เราทำต้องให้ความรู้กับผู้ชม ที่จะเห็นโอกาสและช่องทางการลงทุนใหม่ๆ จากข้อมูลข่าวที่ CNBC นำเสนอ รวมทั้งการพัฒนาตัวเองในด้านต่างๆ เชื่อว่าเป็นข่าวที่แตกต่างจากแบรนด์สถานีข่าวระดับโลก จะได้รับความสนใจจากเอเยนซีลงโฆษณาที่โฟกัสคอนเทนต์ข่าวการเงินและเศรษฐกิจ”

ก็ต้องบอกว่าหลังจาก “มันนี่ แชนแนล” ปิดตัวลง สถานีทีวีช่องข่าวการเงินและเศรษฐกิจเต็มรูปแบบจึงไม่มีให้รับชม JKN News จึงต้องการนำเสนอข่าวเศรษฐกิจและข่าวทั่วไปในมุมมองใหม่ และเป็นคอนเทนต์ที่ดีระดับโลกจาก CNBC ที่จะนำเสนอแบบเข้าใจง่าย สำหรับกลุ่มผู้ชมหลักของช่อง GMM 25 ที่มีอายุ 18 – 49 ปี

การซื้อลิขสิทธิ์รายการข่าว CBNC สัญญา 10 ปี และการลงทุนสร้างสตูดิโอใหม่ ที่ JKN ศาลายา ในงบลงทุนรวม 200 ล้านบาท เชื่อว่ารายการจะได้รับผลตอบรับที่ดีจากผู้ชมและลูกค้าลงโฆษณา

เล็งท็อป 5 เรตติ้งรายการข่าว

สโรชา พรอุดมศักดิ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เจเคเอ็นนิวส์ จำกัด ในเครือ JKN กล่าวว่า สำหรับความร่วมมือกับ GMM 25 เป็นการผลิตข่าวโดยนำรายการข่าวจากช่อง CNBC ที่ได้รับความนิยมจากผู้ชมทั่วโลก มาผลิตเป็นภาคภาษาไทย เพื่อออกอากาศช่อง GMM 25 เริ่มที่ 3 รายการ

ได้แก่ รายการ Squawk Box 06.00 – 08.00 น. จันทร์ – ศุกร์ ซึ่งเป็นรายการเรตติ้งสูงสุดของ CNBC จากผู้ชมทั่วโลก ที่นำเสนอแหล่งข้อมูลที่แม่นยำและน่าเชื่อถือ, รายการ Power Lunch เวลา 12.30 – 13.30 น. จันทร์ – ศุกร์ เกาะติดความเคลื่อนไหวของข่าวสารในภาคเช้าและแนวโน้มทิศทางของข่าวในภาคบ่าย และรายการ Street Signs เวลา 16.15 – 18.00 น. จันทร์ – พฤหัสบดี ส่วนวันศุกร์เวลา 16.15 – 18.20 น. เป็นรายการใหม่ล่าสุดของ CNBC (Asia) ที่จะมาบอกทิศทางของข้อมูลข่าวสาร โดยจะเริ่มออกอากาศวันที่ 1 ก.ค. นี้

สโรชา พรอุดมศักดิ์

การผลิตรายการข่าว CNBC ทั้ง 3 รายการ ใช้ทีมงานราว 40 คน โดยมีผู้ประกาศรุ่นใหม่ที่มีประสบการณ์ 5 – 7 ปี มาทำหน้าที่ดำเนินรายการ นอกจาก CNBC แล้วยังมีพันธมิตรสำนักข่าวในประเทศไทยที่จะป้อนข้อมูลข่าวเศรษฐกิจ การเมือง สังคมและข่าวทั่วไปมาให้เพิ่มเติมอีกด้วย

“เชื่อว่าด้วยความแตกต่างของคอนเทนต์ข่าว ที่มีพันธมิตรระดับโลกอย่าง CNBC จะทำให้รายการข่าวของ เจเคเอ็นนิวส์ ขึ้นมาติดอันดับเรตติ้งท็อป 5 รายการข่าวภายในสิ้นปีนี้”

สำหรับความร่วมมือกับ GMM 25 ผลิต 3 รายการข่าว การหารายได้เป็นรูปแบบ Time Sharing คือ แบ่งเวลา เพื่อหารายได้จากโฆษณา โดยทั้ง 2 บริษัทจะมีทีมขายโฆษณา รูปแบบนี้ เจเคเอ็นนิวส์ จะรับผิดชอบต้นทุนการผลิตรายการทั้งหมด ส่วน GMM 25 เป็นเจ้าของสถานีทีวีดิจิทัล ที่รับผิดชอบเวลาที่ออกอากาศทั้งหมด มองว่ารายการข่าว CNBC ที่มีฐานผู้ชมระดับกลางขึ้นไป จะได้รับสนใจลงโฆษณาจากสินค้าหลากหลายกลุ่ม ทั้งสถาบันการเงิน ธนาคาร บัตรเครดิต เป็นต้น

“การเข้ามาเป็นพันธมิตรผลิตรายการข่าวให้ GMM 25 เกิดขึ้นหลังจากที่สถานียกเลิกการผลิตรายการข่าวของตัวเอง การพูดคุยใช้เวลาราว 10 วันเท่านั้น”

หลังจากเป็นพันธมิตรผลิตรายการข่าวให้ GMM 25 แล้ว บริษัทมีโอกาสที่จะผลิตรายการข่าวให้กับสถานีทีวีช่องอื่นๆ เพิ่มเติม รวมทั้งการทำรายการเพิ่มให้ช่อง GMM 25 เนื่องจากรายการข่าว CNBC ยังมีอีกหลายรายการที่น่าสนใจ ในการนำมาผลิตเพื่อออกอากาศได้

CNBC ผลิตข่าว 5 ชั่วโมงป้อน GMM 25

หลังจาก GMM 25 ยุติผลิตข่าวเช้าไปเมื่อวันที่ 17 พ.ค. ที่ผ่านมา ส่วนข่าวเที่ยงและเย็น จะออกอากาศถึงสิ้นเดือน มิ.ย. นี้ จากนั้นวันที่ 1 ก.ค. นี้ จะปรับผังใหม่มีรายการข่าว CNBC ที่ผลิตโดย เจเคเอ็นนิวส์ เข้ามาเพิ่ม 3 รายการ

สถาพร พานิชรักษาพงศ์

สถาพร พานิชรักษาพงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท จีเอ็มเอ็ม แชนแนล จำกัด ผู้บริหารช่อง GMM 25 กล่าวว่า ความร่วมมือระหว่าง JKN News ผลิตรายการข่าว CNBC ถือเป็นคอนเทนต์ระดับโลก เป็นรายการข่าวที่มีความหลากหลาย ทั้งการเมือง เศรษฐกิจ สังคม ทั้งในประเทศและต่างประเทศ เชื่อว่าฟอร์แมตระดับโลกอย่าง CNBC จะสร้างความแตกต่าง และเป็นมิติใหม่ของวงการข่าวทีวี

โดย GMM 25 ได้จัดสรรเวลาออกอากาศให้ CNBC 3 ช่วงเวลา เช้า เที่ยง และเย็น วันจันทร์ – ศุกร์ รวม 5 ชั่วโมงต่อวัน ถือเป็นช่องแรกของทีวีดิจิทัลในประเทศไทยที่นำเสนอคอนเทนต์ข่าวของ CNBC เชื่อว่าจะได้รับความสนใจจากผู้ชมทีวี

]]>
1232559
เรตติ้งทีวีดิจิทัล ไตรมาสแรก “รายการข่าว” เบียดโค้งสุดท้าย https://positioningmag.com/1223703 Fri, 05 Apr 2019 07:05:37 +0000 https://positioningmag.com/?p=1223703 จบไตรมาสแรกของปี 2562 กันไปแล้ว มาดูผลงานเรตติ้ง “ทีวีดิจิทัล” กันว่ามีการเปลี่ยนแปลงอย่างไร หลังจากต้นปีต่างแข่งเสริมทัพคอนเทนต์ใหม่ รายการไฮไลต์ ละคร ข่าว วาไรตี้ กีฬา อย่างคึกคัก โดยเฉพาะ “ข่าว” แข่งโกยเรตติ้งช่วงเลือกตั้ง-การเมืองร้อนแรง

สำนักนโยบายและวิชาการกระจายเสียงและโทรทัศน์ (วส.) สำนักงานกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) รายงานข้อมูล “เรตติ้ง” ทีวีดิจิทัล 10 อันดับแรก เดือนมีนาคม 2562 คือ ช่อง 7 (7HD) ช่อง 3 (3HD) โมโน 29 เวิร์คพอยท์ทีวี ช่อง One ไทยรัฐทีวี ช่อง 3SD ช่อง 8 อมรินทร์ทีวี และเนชั่นทีวี ตามลำดับ

ข่าวโกยเรตติ้ง มี.ค.

เดือนมีนาคมนี้ 10 อันดับแรกเรตติ้งสูงสุด “ส่วนใหญ่” ยังไม่เปลี่ยนแปลงจากเดือนก่อน โดยช่องที่มีเรตติ้งเพิ่มขึ้น แบ่งออกเป็น 2 กลุ่มใหญ่ คือ

ช่องละครหลังข่าว ที่ช่วยเพิ่มเรตติ้ง ได้แก่ ช่อง 7 ช่อง 3 และช่อง One โดย ช่อง 7 มีละครหลังข่าวเรตติ้งสูงหลายเรื่อง เช่น “นางร้าย” “พัชรมนตรา” และ “บ่วงสไบ” ส่วนช่อง 3 มีละครเรื่อง “กรงกรรม” และ “ทองเอก หมอยาท่าโฉลง” ที่ได้รับความนิยมต่อเนื่อง นอกจากนี้ ละคร “ทะเลริษยา” และ “สาวน้อย 100 ล้านวิว” ของช่อง One ก็มีเรตติ้งสูงขึ้นเช่นกัน

ช่องรายการข่าว ที่ช่วยเพิ่มเรตติ้ง ได้แก่ ไทยรัฐทีวี ช่อง 3SD อมรินทร์ทีวี และเนชั่นทีวี เดือนมีนาคม 2562 เป็นช่วงเวลาที่การเมืองร้อนระอุ เนื่องจากใกล้เวลาเลือกตั้ง รายการไทยรัฐนิวส์โชว์ของไทยรัฐทีวีได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง โดยในคืนวันที่ 24 มีนาคม 2562 มีเรตติ้งสูงถึง 3.065

เช่นเดียวกับช่องเนชั่นทีวี ที่กลายเป็นช่อง “ม้ามืด” ไต่อันดับเรตติ้งจาก 14 เข้าสู่ท็อป 10 ได้สำเร็จเป็นครั้งแรก รายการที่ได้รับความนิยม คือ เนชั่นทันข่าว, ข่าวข้น คนเนชั่น รวมไปถึงการเกาะติดสถานการณ์การเลือกตั้งในรายการเนชั่น อีเลคชั่น ในคืนวันที่ 24 มีนาคม 2562 ซึ่งมีเรตติ้งเฉลี่ย 1.237

นอกจากนี้ รายการข่าวนอกลู่ของช่อง 3SD และทุบโต๊ะข่าวของอมรินทร์ทีวี ก็ได้รับความนิยมจากประชาชนอย่างต่อเนื่องเช่นเดียวกัน

ท็อป 10 เรตติ้ง ก.พ.

มาย้อนดูเรตติ้ง ทีวีดิจิทัลเดือนกุมภาพันธ์ 2562 ในกลุ่ม 10 อันดับแรก คือ ช่อง 7 (7HD) ช่อง 3 (3HD) โมโน 29 เวิร์คพอยท์ทีวี ช่อง One ไทยรัฐทีวี ช่อง 8 ช่อง 3SD อมรินทร์ทีวี และพีพีทีวี ตามลำดับ

ทั้งนี้ ในเดือนกุมภาพันธ์ ช่องที่มีเรตติ้งสูงสุด 10 อันดับแรก มีเพียง 3 ช่องรายการ ได้แก่ ช่อง 3 (3HD) ช่อง One และพีพีทีวี ที่มีเรตติ้งเพิ่มขึ้น

ช่อง 3 มีเรตติ้งเพิ่มขึ้น 0.220 จากเดือนก่อนหน้า มาจากความแรงของละครดังหลังข่าว “ทองเอก หมอยาท่าโฉลง” ที่มีเรตติ้งสูงสุด 6.730 ออกอากาศวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2562

ช่อง One เรตติ้งกุมภาพันธ์ เพิ่มขึ้น 0.004 ขยับจากอันดับ 6 ขึ้นสู่อันดับ 5 ทิ้งห่างคู่แข่งไทยรัฐทีวีอีกครั้ง รายการที่ได้รับความนิยม คือ ละครเย็น “ขุนปราบดาบข้ามพบ” และละครค่ำ “ทะเลริษยา” และ “หน้ากากแก้ว”

พีพีทีวี เรตติ้งเพิ่มจาก 0.196 เป็น 0.233 หรือสูงขึ้น 0.037 ส่งผลให้เรตติ้งเฉลี่ยขยับจากอันดับ 11 ขึ้นสู่อันดับ 10 ได้สำเร็จ รายการที่ได้รับความนิยมสูงสุด คือ รายการถ่ายทอดสดฟุตบอลพรีเมียร์ลีก ระหว่างแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดและลิเวอร์พูล ซึ่งมีเรตติ้งสูง 4.100 นอกจากนี้ ยังมีการถ่ายทอดสดการแข่งขันฟุตบอลรายการอื่นๆ ด้วย เช่น การถ่ายทอดสดฟุตบอลเอฟเอฟ รุ่นอายุไม่เกิน 22 ปี แอลจีคัพ การถ่ายทอดสดฟุตบอลลาลีก้าสเปน และการถ่ายทอดสดฟุตบอลบุนเดสลีกา เป็นต้น

เรตติ้ง ม.ค.2562

สำหรับตัวเลขเรตติ้งตั้งแต่เริ่มต้นปี เดือนมกราคม 10 อันดับแรก คือ ช่อง 7 (7HD) ช่อง 3 (3HD) โมโน 29 เวิร์คพอยท์ทีวี ไทยรัฐทีวี ช่อง One ช่อง 8 ช่อง 3SD อมรินทร์ทีวี และช่อง NOW (Spring 26) ตามลำดับ

เดือนมกราคม 2562 ทีวีดิจิทัล 10 อันดับแรกยังเป็นกลุ่มเดิม โดยมีเพียง 2 ช่อง ได้แก่ ช่อง 7 และไทยรัฐทีวี ที่มีเรตติ้งเพิ่มขึ้น

ช่อง 7 มีเรตติ้งเพิ่มขึ้น 0.066 ส่งผลให้นำห่างช่อง 3 ที่มีเรตติ้งลดลงจากเดือนก่อนหน้า โดยละครเย็นเรื่อง “พ่อตาปิ่นโต” ตอนหลานข้าใครอย่าแตะ มีเรตติ้งเฉลี่ย 6.433 ส่วนละครค่ำหลังข่าวก็ได้รับความนิยมสูงเช่นกัน เรื่องจ้าวสมิง มีเรตติ้งเฉลี่ยทั้งเรื่อง 6.333 รวมทั้งเรื่องสารวัตรใหญ่ที่เรตติ้งสูงต่อเนื่อง

นอกจากนี้ การถ่ายทอดสดฟุตบอลเอเอฟซี เอเชี่ยนคัพ 2019 และเอฟเอฟ ซูซุกิคัพ ก็ได้รับความนิยมจากฐานคนดูทั่วประเทศ

ไทยรัฐทีวี มีเรตติ้งเพิ่มขึ้น 0.088 จึงขยับจากอันดับ 7 ขึ้นสู่อันดับ 5 ทิ้งห่างช่อง One และช่อง 8 ได้อีกครั้ง รายการที่ได้รับความนิยม คือ “ไทยรัฐนิวส์โชว์” โดยเฉพาะช่วงที่มีการถ่ายทอดสดพิธีพระราชทานเพลิงศพหลวงพ่อคูณ ในวันที่ 29 มกราคม 2561 มีเรตติ้งสูงถึง 3.091

]]>
1223703
สมรภูมิรายการข่าวเดือด ช่องวาไรตี้ปรับผัง แห่แย่งเค้กโฆษณา https://positioningmag.com/1212605 Wed, 06 Feb 2019 23:07:42 +0000 https://positioningmag.com/?p=1212605 ปัจจุบันเรตติ้งรายการข่าวของทีวีดิจิทัลในช่วงเวลาข่าวหลัก ทั้งเช้า เย็น และค่ำ ช่องที่ได้เรตติ้งผู้นำส่วนใหญ่เป็นช่องทีวีดิจิทัล กลุ่มวาไรตี้ คือ ช่อง 7 ช่อง 3 ช่อง 8 ไทยรัฐทีวี อมรินทร์ทีวี จะเห็นได้ว่า “ไม่มีช่องข่าว” ติดอันดับกลุ่มผู้นำเรตติ้งรายการข่าวเลย

ด้วยเพราะฐานผู้ชมทีวีเป็นตลาดแมส กลุ่มหลักคือผู้หญิงอายุ 35 ปีขึ้นไป แน่นอนว่ากลุ่มนี้ดูละครและวาไรตี้เป็นหลัก จึงเกาะติดอยู่กับช่องวาไรตี้ ขณะที่คอนเทนต์ทีวีดิจิทัล “ทุกช่อง” กสทช.กำหนดให้ต้องมีรายการข่าวและสาระในสัดส่วนที่แตกต่างกัน โดยใบอนุญาตช่องวาไรตี้ อยู่ที่ 25% และช่องข่าว 50%

ทำให้ช่องวาไรตี้ที่มีฐานผู้ชมกลุ่มแมสอยู่แล้ว มักจะดูรายการข่าวต่อเนื่องเลย จึงช่วยดันเรตติ้งข่าวให้สูงกว่า “ช่องข่าว” โดยตรง ที่จะได้ผู้ชมเฉพาะกลุ่ม (segment) ที่ส่วนใหญ่เป็นผู้ชาย สนใจข่าวแนวเจาะลึก รายการฮาร์ดทอล์ก เมื่อเป็นผู้ชมเฉพาะกลุ่ม เรตติ้งช่องข่าวจึงไม่สูงเท่าช่องวาไรตี้

“ช่องวัน” ปั้นข่าวดูดคนดูต่อทั้งวัน

“ช่องวัน” เป็นหนึ่งในทีวีดิจิทัล ประเภทวาไรตี้ ที่ประกาศยุทธศาสตร์คอนเทนต์ข่าว เป็นอีกเรือธงของช่องในการไต่อันดับเรตติ้งสู่ท็อป 5 ในปี 2562

เดียว วรตั้งตระกู รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และรักษาการผู้อำนวยการฝ่ายข่าวช่องวัน 31 กล่าวว่า นับจากเริ่มต้นออนแอร์ทีวีดิจิทัลในปี 2557 “ช่องวัน” โฟกัสคอนเทนต์ที่มีความถนัดเป็นลำดับแรก คือ ละครและวาไรตี้ เมื่อคอนเทนต์กลุ่มนี้ได้รับความนิยมและเรตติ้งติดอันดับท็อป รายการข่าวจึงเป็นเป้าหมายต่อไปที่ช่องวันต้องการสร้าง “ดีเอ็นเอ” ที่แตกต่างด้วยรูปแบบข่าวสำหรับตลาดแมส ฐานผู้ชมกลุ่มหลักของช่อง

กลยุทธ์รายการข่าวจึงถูกกำหนดชัดเจนในปี 2560 โดยเน้น Current News เกาะติดกระแสข่าวทั่วไป เพื่อให้ผู้ชมไม่พลาดข่าวสำคัญ ต่อมาปี 2561 วางกลยุทธ์ Human Interest หยิบประเด็นข่าวที่กลุ่มเป้าหมายสนใจมานำเสนอเป็นหลัก จากแนวทางที่ชัดเจนทำให้ภาพรวมเรตติ้ง ช่องวัน ปี 2561 ทำได้ 0.527 เติบโต 40% จากปีก่อนหน้า และเป็นอันดับ 6 มีฐานผู้ชม 51 ล้านคน อัตราคนดูเฉลี่ย 2.1 ล้านคนต่อนาที

มาในปี 2562 ช่องวันตั้งเป้าสู่ National Television ด้วยกลยุทธ์ Exclusive News นำเสนอข่าวเจาะลึกมากขึ้น ด้วยการลงพื้นที่ทำสกู๊ปข่าวประเด็นที่อยู่ในกระแสความสนใจ นำเสนอเนื้อหา “ย่อยประเด็นข่าวแบบเข้าใจง่าย” โดยมีทีมผู้ประกาศข่าวและทีมข่าวจากช่องเนชั่น มาเสริมทัพ ตั้งแต่ ฟิล-ปรัชญา อรเอก, น้อย-บัญชา แข็งขัน, เผย-วีณารัตน์ เลาหภคกุล และยังมีอาร์ท–เอกรัฐ ตะเคียนนุช ดาวรุ่งจากเนชั่นทีวี มาจัดรายการทอล์กข่าวรายการใหม่ “เอาให้ชัด” เริ่มออกอากาศ 4 กุมภาพันธ์นี้ หลังจบละครช่วงไพรม์ไทม์ทุกวันจันทร์-พฤหัสบดี เวลา 22.30 น.

สมทบกับผู้ประกาศ “ดาวเด่น” “จั๊ด-ธีมะ กาญจนไพริน” ที่ดังมาจากรายการ “ข่าววันศุกร์” ด้วยสไตล์การนำเสนอข่าวที่เป็นเอกลักษณ์ เล่าข่าวให้เข้าใจง่ายแบบตรงไปตรงมา

เดียว บอกว่า “ทีวี” จะต้องมีคอนเทนต์ครบทุกประเภท ทั้ง ละคร วาไรตี้ และข่าว และวันนี้ช่องวันให้ความสำคัญกับข่าว เพื่อสร้างฐานผู้ชมให้อยู่กับช่องอย่างต่อเนื่องหลังจากดูละครและรายการวาไรตี้ โดยไม่เปลี่ยนช่องไปไหน

ทีมผู้ประกาศช่องวัน

กลยุทธ์การทำข่าวจึงต้องตอบโจทย์ผู้ชมกลุ่มแมส ด้วยข่าวที่เข้าใจง่าย แม้จะเป็นข่าวหนักๆ ก็ตาม สไตล์ข่าวช่องวันจึงเป็น “จริต” สำหรับกลุ่มแมส ผู้หญิงวัย 35 ปีขึ้นไป เมื่อคนกลุ่มนี้หยุดดูข่าวช่องวันโดยไม่เปลี่ยนช่องหลังจบละคร จะทำให้ภาพรวมเรตติ้งช่องวันดีต่อเนื่องทั้งวัน ปีนี้มีเป้าหมายที่อันดับ 5

“ช่องวันทำข่าว ไม่ใช่ต้องมีข่าวอยู่ในผังตามหลักเกณฑ์ของ กสทช. แต่มีเป้าหมายทำให้รายการข่าวเป็นอีกคอนเทนต์ที่มี ดีเอ็นเอ ของช่อง สร้างเรตติ้งและรายได้ เช่นเดียวกับละครและรายการวาไรตี้ ปีนี้เป็นปีที่ช่องวันมีกำไรจากรายการข่าว”

ช่อง 3 เขย่าผังรายการข่าว จัดหนักทุกช่วง

ในอดีต รายการข่าว ถือเป็นหนึ่งในคอนเทนต์หลักของช่อง 3 ในยุคที่มี “สรยุทธ สุทัศนะจินดา” สามารถสร้างความนิยมให้กับรายการข่าวของช่อง 3 นานหลายปี แต่เมื่อไม่มีสรยุทธ อาณาจักรข่าวของช่อง 3 คลายความนิยมไป ตลาดของสนามข่าวทางทีวีก็แปรเปลี่ยนพร้อมๆ กับการเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วของ “ไทยรัฐทีวี” กับข่าว “13 หมูป่าติดถ้ำหลวง”

ที่จริงแล้ว ช่องไทยรัฐทีวีอยู่ในหมวด “วาไรตี้” ความคมชัดสูง แต่ด้วยการมีฐานมาจากสื่อสิ่งพิมพ์ จึงทำให้ช่องไทยรัฐทีวีให้น้ำหนักกับข่าวถึง 50% ที่เหลือเป็นวาไรตี้ รายการบันเทิง

ในปี 2561 ที่ผ่านมา ไทยรัฐทีวี เป็นหนึ่งในช่องที่มีการเติบโตสูงสุดของปี 2561 เทียบกับ 2560 จากเรตติ้งเฉลี่ย 0.265 อันดับ 9 ขึ้นมาอยู่ที่ อันดับ 7 เรตติ้งเฉลี่ย 0.410 เป็นการเติบโตก้าวกระโดด ด้วยผลงานข่าวชิ้นโบแดงช่วงปรากฏการณ์หมูป่า ทำให้ช่องติดลมบน โดยเฉพาะรายการข่าว “ไทยรัฐนิวส์โชว์” ที่ออกอากาศในช่วงเวลาหลังข่าว 2 ทุ่ม สามารถสู้กับคอนเทนต์บันเทิงของแต่ละช่องได้

จากเรตติ้งเฉลี่ยรายการข่าว ของปี 2561 พบว่า “ไทยรัฐนิวส์โชว์” มีเรตติ้งเฉลี่ยทั้งปีอยู่ที่ 1.700 ส่วนของเดือน ม.ค. ตั้งแต่ 21-27 ม.ค. 2562 มีเรตติ้งเฉลี่ยดีขึ้นอีก มาอยู่ที่ 1.942

“หนุ่ม-กรรชัย” มาแรง ช่อง 3 จัดให้ เพิ่มเวลาข่าวเที่ยง

หลังจากช่อง 3 ได้หนุ่ม-กรรชัย กำเนิดพลอย มาเป็นพิธีกรข่าวในช่อง 3SD หรือช่อง 28 กับรายการ “โหนกระแส” จนผลงานเข้าตา ช่อง 3 จึงจัดให้มานั่งอ่านข่าวเที่ยง “เที่ยงวันทันเหตุการณ์” ทางช่อง 3 คู่กับ “หมวย-อริสรา กำธรเจริญ” ตั้งแต่ 1 สิงหาคม 2561

ปกติรายการข่าวเที่ยง “เที่ยงวันทันเหตุการณ์” เป็นการเชือดเฉือนกันกับรายการ “ห้องข่าวภาพเที่ยง” ของช่อง 7 สลับกันมีเรตติ้งแพ้ชนะกันมาตลอด แต่เมื่อมี “หนุ่ม-กรรชัย” เข้ามา เรตติ้งรายการ “เที่ยงวันทันเหตุการณ์” ก็เริ่มดีขึ้นต่อเนื่อง

จากเรตติ้งเฉลี่ยของสัปดาห์ที่ผ่านมา “เที่ยงวันทันเหตุการณ์” มีเรตติ้งเฉลี่ย 0.936 ส่วน “ห้องข่าวภาคเที่ยง” ช่อง 7 มีเรตติ้งเฉลี่ย 0.794

เมื่อแนวโน้มความนิยมรายการสูงขึ้น ในเดือนกุมภาพันธ์นี้ ช่อง 3 จึงเริ่มขยับผังใหม่ เพิ่มช่วงเวลารายการ “เที่ยงวันทันเหตุการณ์” อีก 10 นาที ในทุกวัน จาก 11.10-12.15 น. มาเป็น 11.10-12.25 น. ขยายเวลาข่าวให้มากขึ้น รับสถานการณ์ข่าวที่เข้มข้นมากขึ้น อีกทั้งมีแนวโน้มรองรับช่วงเวลาโฆษณามากขึ้นด้วย

ขณะเดียวกันส่วนเวลาที่เพิ่มขึ้นมานี้ ได้เพิ่มช่วง “ทิศทางประเทศไทย” โดยมี “เอ-ดนยกฤตย์ แดงหวานปีสีห์” ผู้ประกาศข่าวจากรายการ “ตีข่าวเช้า” ทางช่อง 3SD ที่เข้ามาจัดรายการช่วงนี้ในช่อง 3

ช่อง 13 ปรับเพิ่มไพรม์ไทม์ ดึง “สายสวรรค์- อรชุน” นำทีมข่าว

ไม่เพียงแต่การปรับในช่อง 3 ช่องหลักเท่านั้น กลุ่มช่อง 3 ยังปรับทัพทีมข่าวช่อง 3 ใหม่ พุ่งเป้าไปที่ช่อง 13 Family ช่องน้องเล็กของกลุ่มช่อง 3 จัดรายการข่าว “ค่ำทันข่าว” ลงผังในช่วงหลัง 2 ทุ่ม ที่เดิมเป็นช่วงของซีรีส์ต่างประเทศด้วย

รายการ “ค่ำทันข่าว” เป็นช่วงรายการข่าวสำคัญที่เกิดขึ้นทั้งวัน วันละ 1 ชั่วโมง โดยมี “สายสวรรค์ ขยันยิ่ง” และ “อรชุน รินทรวิฑูรย์” มาเป็นผู้ประกาศข่าวหลักในช่วงนี้ เป็นรายการข่าวที่ชนกับ “ไทยรัฐนิวส์โชว์” และ “ทุบโต๊ะข่าว” ช่องอมรินทร์ทีวี ที่เป็น 2 รายการข่าวหลัก ที่ทำเรตติ้งรายการข่าวสูงสุดในช่วงนี้

ทั้งนี้ “ไทยรัฐนิวส์โชว์” มีเรตติ้งเฉลี่ยเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา (21-27 มกราคม) อยู่ที่ 1.942 ส่วน “ทุบโต๊ะข่าว” ได้เรตติ้งเฉลี่ย 1.357

การปรับไปวางรายการข่าวแทนที่ซีรีส์ น่าจะเป็นแผนปรับทิศทางช่อง 13 Family เพื่อรับสถานการณ์การเลือกตั้งทั่วประเทศที่จะเกิดขึ้นในเดือนมีนาคมนี้ ด้วยการเป็นช่องหลักของกลุ่มช่อง 3 ในการรายงานสดการเลือกตั้งจากทุกพื้นที่ในวันลงคะแนนเสียง พร้อมเกาะติดสถานการณ์ทั้งวัน วัดคะแนนต่อคะแนนด้วยการนำเทคโนโลยีมาช่วย แถมยังมีการวางแผนจัดนักวิเคราะห์แถวหน้าของไทยเข้ามาร่วมวิเคราะห์ในรายการด้วย

ล่าสุดมีรายการงานกลุ่มช่อง 3 ยังได้ทีมข่าวด้านการเมืองจากกลุ่มเนชั่นเข้าเสริมทีม ที่คาดว่าจะจะทำให้ข่าวการเมืองของกลุ่มช่อง 3 จะมีความโดดเด่น คม มากขึ้น จากทีมงานเบื้องหลัง ที่เป็นหัวใจของการทำข่าวทั้งหมด

การปรับตัวครั้งใหญ่ของกลุ่มฝ่ายข่าวช่อง 3 ครั้งนี้ เป็นการรวมทีมข่าวทั้งหมดจากทั้ง 3 ช่องของกลุ่มช่อง 3 มาร่วมเป็นทีมเดียวกัน แต่จะได้ผลในแง่เรตติ้ง และความนิยมหรือไม่ น่าติดตาม

เรตติ้งข่าวช่อง 7 ยังมาอันดับ 1 เกือบทุกช่วงเวลาหลัก

ด้วยความที่เป็นช่องเบอร์ 1 รายการข่าวของช่อง 7 จึงมาเป็นอันดับแรงทุกช่วงเวลา โดยเฉพาะรายการข่าว ช่วงก่อนเข้าละครของช่อง 7 “ข่าวภาคค่ำ ช่วงที่ 2” ทำเรตติ้งสูงสุดอยู่ที่ 5.213 เนื่องจากเป็นรายการข่าวในช่วง 2 ทุ่ม ก่อนเข้าละครทุกวัน จึงมีเรตติ้งสูงกว่าทุกรายการ

แต่ในช่วงเวลานี้ยังมีช่องวันที่จัดรายการ “ข่าวค่ำช่องวัน” ช่วงก่อนเข้าละครไพรม์ไทม์ จึงเป็นอีกรายการที่ทำเรตติ้งได้สูง 1.767

รายการ “ข่าวนอกลู่” รายการข่าวเน้นความสนุกสนาน เนื้อหารายการประมาณ 6 นาที ของช่อง 3SD หรือข่อง 28 วางรายการไว้ช่วงหลัง 2 ทุ่ม เข้าช่วงไพรม์ไทม์ จึงเป็นอีกรายการที่ทำเรตติ้งได้ดี สูงสุดของช่อง 3SD เลยทีเดียว

รายการข่าวช่อง 7 ทำเรตติ้งได้ดี ทำอันดับ 1 ทุกช่วงเวลา ทั้งเช้า เย็น ค่ำ ดึก ยกเว้นเพียงช่วงเที่ยง ที่แพ้ให้กับช่อง 3

ส่วนรายการข่าวเวิร์คพอยท์มาแบบเงียบๆ แต่เรตติ้งดีขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะในช่วงเที่ยง ที่ทำเรตติ้งแซงช่อง 8 ที่เคยมีรายการข่าวโดดเด่นมาโดยตลอด

ไม่ต้องดูดใคร รายการข่าว พีพีทีวี แบ่งพื้นที่ข่าว 30% รับเลือกตั้ง

สำหรับพีพีทีวี ที่มีพิธีกรข่าวหลัก “เสถียร วิริยะพรรณพงศา” อดีตลูกหม้อเนชั่นทีวี เป็นตัวยืนอยู่แล้ว แม้ช่วงนี้ช่องจะเน้นรายการภาคบันเทิงมากขึ้น จากการไหลมาของรายการดังช่องใหญ่ และการปูพรมทุ่มทุนการผลิตละครเพื่อหวังชิงเรตติ้ง

พีพีทีวีได้เริ่มจัดรายการพิเศษ “ผ่าสนามเลือกตั้ง” ออกอากาศหลัง 18.00 น. เป็นรายการสั้น ที่อธิบายถึงกติกาการเลือกตั้ง เช่น กฎการนับคะแนน รูปแบบบัตรเลือกตั้ง โดยมีคำถามชิงรางวัล เล่มเกมทั้งหน้าจอและออนไลน์ ในวันเลือกตั้ง 24 มีนาคม ก็พร้อมยกผังยิงรายการสดต่อเนื่องตั้งแต่บ่าย 3 ยาวถึงเที่ยงคืนครึ่ง ด้วยทีมนักวิชาการมาร่วมวิเคราะห์ผลการเลือกตั้ง และทิศทางการเมือง รัฐบาลใหม่ที่จะเกิดขึ้นด้วย

แห่แย่งเค้กโฆษณา-ข่าวต้นทุนต่ำ   

มาดูในมุมของโฆษณา จากการรายงานข้อมูลของ “นีลเส็น” ปัจจุบันเม็ดเงินโฆษณาทีวียังครองสัดส่วนสูงสุดของอุตสาหกรรมที่ราว 60% หรือมีมูลค่าราว 7 หมื่นล้านบาท งบโฆษณาทีวีส่วนใหญ่อยู่ที่รายการช่วงไพรม์ไทม์ ตั้งแต่ 18.00-22.00 น. นั่นก็คือ ละครและวาไรตี้  

 

ไตรลุจน์ นวะมะรัตน นายกสมาคมมีเดียเอเยนซี่และธุรกิจสื่อแห่งประเทศไทย (MAAT) ให้มุมมองว่า การเป็นสถานีทีวีระดับชาติ จะต้องมีคอนเทนต์ครบทุกประเภท “ช่อง 3 และ ช่อง 7” ทำธุรกิจฟรีทีวีตั้งแต่ยุคแอนะล็อก จึงมีฐานผู้ชมที่แข็งแกร่งตลอดทั้งวัน รวมทั้งรายการข่าว ที่ติดอันดับกลุ่มผู้นำ แม้ในยุคทีวีดิจิทัลจะมี “ช่องข่าว” ที่ต้องนำเสนอรายการข่าวและสาระ สัดส่วน 50% ของสถานี มาเป็นตัวเลือกอีกหลายช่องก็ตาม

หากวิเคราะห์เม็ดเงินโฆษณาทีวี 70% มาจากละครและวาไรตี้ ที่มีเรตติ้งสูงสุด ราคาโฆษณา rate card แตะระดับ 3-4 แสนบาทต่อนาที ในช่วงไพรม์ไทม์ ทีวีดิจิทัล ช่องวาไรตี้ จึงต้องโฟกัสไปที่คอนเทนต์ละครและวาไรตี้เป็นหลักก่อน เพื่อชิงเม็ดเงินโฆษณาก้อนใหญ่

ขณะที่รายการข่าวมีสัดส่วนราว 20% ของเม็ดเงินโฆษณาทีวี ต้องถือว่าไม่น้อยเลยทีเดียว เพราะหากย้อนไปดูรายการข่าวที่โกยเงินเป็นกอบเป็นกำของนักเล่าข่าวเบอร์หนึ่ง “สรยุทธ สุทัศนะจินดา” ก่อนยุติบทบาทในเดือนมีนาคม 2559 บริษัทหลักทรัพย์ โนมูระ พัฒนสิน เคยประเมินรายได้โฆษณาจาก 3 รายการข่าวที่จัดโดย “สรยุทธ” คือ เรื่องเล่าเช้านี้, เรื่องเด่นเย็นนี้ และเรื่องเล่า เสาร์-อาทิตย์ ทำรายได้ให้ช่อง 3 ปีละ 2,900 ล้านบาท

ถือเป็นเรื่องปกติเมื่อทีวีเห็นโอกาสสร้างรายได้จากคอนเทนต์ใด ก็ต้องเข้าไปแย่งเม็ดเงินโฆษณาในรายการประเภทนั้น “ข่าว” จึงถือเป็นอีกสมรภูมิที่จะมีการแข่งขันแบ่งเค้กโฆษณาในปีนี้ ของช่องวาไรตี้ ที่มีฐานผู้ชมกลุ่มแมสเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว

อีกปัจจัยที่ทำให้ ทีวีดิจิทัล ช่องวาไรตี้ให้พื้นที่กับการทำข่าว รัฐกร สืบสุข กรุ๊ปเอ็ม เทรดดิ้ง พาร์ทเนอร์ มองว่ารายการข่าวทั่วไป หรือสถานการณ์ข่าวกระแส วันนี้ทีวีทุกช่องทำประเด็นเหมือนกันหมด เพราะฉะนั้นจะดูรายการข่าวจากช่องใดจึงไม่แตกต่าง ไม่ว่าจะเป็นช่องวาไรตี้ หรือช่องข่าว ที่สำคัญผู้ชมไม่ได้สนใจ หรือจดจำด้วยซ้ำว่าทีวีดิจิทัลช่องใด ถือใบอนุญาตประเภทใด

หากเปรียบเทียบต้นทุนการผลิตคอนเทนต์ รายการข่าวทั่วไปที่อ่านข่าวในสตูดิโอ ไม่ได้ลงพื้นที่เจาะสกู๊ปข่าว ถือว่ามีต้นทุน “ต่ำสุด” เมื่อเปรียบเทียบกับละคร วาไรตี้ หรือสารคดี หากสถานีทีวีสามารถสร้างจุดเด่น มีผู้ประกาศข่าวที่เป็น “แม่เหล็ก” สร้างฐานผู้ชมและเรตติ้งได้ดี มีโอกาสสร้างเม็ดเงินโฆษณาเช่นเดียวกับรายการฮิตประเภทอื่นๆ.

]]>
1212605
“ช่องวัน” กดปุ่ม ดัน “ข่าว” เติมผังรายการ ปี 62 ดึง 3 ผู้ประกาศเนชั่นเสริมทัพ https://positioningmag.com/1207235 Wed, 09 Jan 2019 04:24:18 +0000 https://positioningmag.com/?p=1207235 แต่ไหนแต่ไรมา “ละคร” ถือเป็นแม่เหล็กที่ “ช่องวัน” ให้ความสำคัญมาโดยตลอด เพราะเป็นคอนเทนต์หลักที่สร้างเรตติ้งให้ช่อง ถึงขนาดในช่วงที่ช่องขาดทุนสะสมหลักพันล้านจนต้องผ่าตัดครั้งใหญ่ “ช่องวัน

หากการเข้ามาเข้ามาถือหุ้น 50% มูลค่า 1,900 ล้านบาท เมื่อปลายปี 2017 ของ บริษัท ประนันท์ภรณ์ จำกัด ซึ่งเป็นของลูกสาวนายแพทย์ปราเสริฐ ปราสาททองทำให้ช่องวันมีเงินทุน เข้ามาต่อชีวิตและทำอะไรได้มากขึ้น

หลังจากประสบความสำเร็จจาก “ละคร” ที่เป็นหัวใจหลักแล้ว ช่องวันจะหันมาให้น้ำหนักกับ รายการข่าวที่เคยถูกมองเป็นเพียงไม้ประดับเท่านั้น

ปี 2018 ถือเป็นปีแรกที่ข่าว พลิกกลับมามีกำไร และรายได้เติบโตกว่า 100% ได้เปลี่ยนมุมมองของช่องวัน จากที่แค่มีข่าวเพื่อให้ครบตามสัดส่วนที่ กสทช. กำหนด มาสู่ดาวดวงใหม่ที่จะหารายได้ให้กับช่อง

 เดียว วรตั้งตระกูล รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และรักษาการผู้อำนวยการฝ่ายข่าวช่องวัน 31 เล่าว่า ที่ผ่านมาของรายการข่าวช่วงปี 2014 – 2016 ยังอยู่ในช่วงทดลองไม่ได้มีหลักตายตัว จนปี 2017 ได้เริ่มวางกลยุทธ์ โดยเน้น Current News ข่าวที่เป็นกระแสทั่วไป เพื่อให้ช่องไม่ตกข่าว ต่อมาปี 2018 Hemun Interest เลือกเฉพาะข่าวที่เป็นที่สนใจของกลุ่มเป้าหมายเป็นหลัก

เมื่อแนวทางเริ่มชัดเจนส่งผลให้รายการข่าวมีอัตราการเติบโตของฐานผู้ชมมากขึ้นกว่า 40% โดยวัดจากเรตติ้งการรับชมโดยเฉลี่ยที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2015 – ปี 2018 โดยปีที่ผ่านมามีเรตติ้งในภาพรวม 0.43 ติดอันดับที่ 6 มีจำนวนฐานผู้ชม 51ล้านคน คิดเป็น 78% ของประชากรไทย อัตราคนดูเฉลี่ย 2.1 ล้านคนต่อนาที

ฐานผู้ชมส่วนใหญ่เป็นกลุ่มคนเมือง (Bangkok & Urban) 77% โดยเฉพาะกลุ่มผู้ชมเพศหญิงอายุ 35 ปีขึ้นไปจำนวน 60% (เฉลี่ยสูงสุด 1.2 ล้านคนต่อนาทีซึ่งกลุ่มนี้ถือเป็นกลุ่มผู้ชมที่มี Spending Power ทางการตลาดสูงเมื่อเทียบกับกลุ่มอื่น ซึ่งเป็นเหตุผลหลักที่ทำให้รายได้เติบโตกว่า 100%

ข่าวถือเป็นหนึ่งในหัวใจหลักของช่องทีวี ในการสู้ศึกทีวีดิจิทัลที่ดุเดือด หลายช่องจึงปรับกลยุทย์และให้ความสำคัญมากยิ่งขึ้น ช่องวันก็เช่นเดียวกัน

ปี 2019 ต้องติด Top 5

ช่องวันวางเกมข่าวปี 2019 ตั้งเป้าสู่ National Television และติด Top 5 ของสถานีข่าว ผ่านกลยุทธ์ Exclusive News นำเสนอข่าวที่เจาะลึกมากยิ่งขึ้น ไม่ใช่แค่หยิบข่าวจากโซเชียลมีเดียมานำเสนอ มีการลงพื้นที่ทำข่าว โดยคง DNA ของช่องไว้ คือทำให้เข้าใจง่าย เติมความเป็นไลฟ์สไตล์ เล่าผ่านสตอรี่ โดยวางแผนดึงศิลปินของช่องเข้าร่วม เพื่อสร้างมูลค่าให้เกิดความรอยัลตี้ในที่สุด

โดยเตรียมเพิ่มรายการใหม่เอาให้ชัด เป็นทอล์กข่าว เข้ามาอยู่แทนที่รายการวาไรตี้ วางคอนเซ็ปต์รายการ กล้าถามทุกความจริง เริ่มออกอากาศ 4 ..นี้ หลังจบละครทุกวันจันทร์พฤหัสบดี เวลา 22.30 .

นอกจากนั้นยังมีรายการบันเทิงที่ผลิตร่วมกับไนน์เอ็นเตอร์เทน ของ อสมท แบ่งรายได้ในรูปแบบไทม์แชริ่ง การมีรายการใหม่จะทำให้เวลาของข่าวเพิ่มขึ้นอีก 10% จากเดิมที่ออกกาศ เช้า เที่ยง เย็น ข่าวคั่นระหว่างวัน รวมๆ กันประมาณ 8 ชั่วโมง

ช่องวันมีภาพลักษณ์เป็นช่องบันเทิง แต่ในปีนี้กลับชูข่าวขึ้นมาด้วย เพราะเมื่อไปดูเรตติ้งรายการข่าวจริงๆ จะพบ 10 อันดับแรกไม่ได้เป็นช่องที่ประมูลมาเพื่อข่าวเลย แต่เป็นช่องวาไรตี้ทั้งนั้น โอกาสอยู่ที่ถ้าทำให้ข่าวเข้าถึงคนได้ ก็จะสามารถตรึงให้ผู้ชมอยู่กับช่องตลอดทั้งวัน

ผู้ประกาศข่าวก็เหมือนดารา ถ้าไม่น่าสนใจคนก็ไม่ดู

ข่าวอย่างเดียวอาจสร้างความน่าสนใจไม่มากพอให้กับผู้ชม ช่องวันจึงวางแผนเพิ่มผู้ประกาศข่าว จากเดิมที่เคยมีแม่เหล็กอยู่แล้วอย่างจั๊ดธีมะ กาญจนไพรินคิงส์พีระวัฒน์  อัฐนาค, เอกเอกพร ศรีสุขทวีรัตน์แคนอติรุจ กิตติพัฒนะ 

ในปีนี้ได้ฟิลปรัชญา อรเอกน้อยบัญชา แข็งขัน ซึ่งนั่งควบอีกตำแหน่งบรรณาธิการข่าวเฉพาะกิจ และ เผยวีณารัตน์ เลาหภคกุล ที่จะเข้ามาเติมเต็มด้านข่าวต่างประเทศ ซึ่งทั้ง 3 คนนี้ย้ายมาจากช่องเนชั่นทีวี

ทำไมถึงต้องเติมผู้ประกาศข่าวทั้งๆ ที่ช่องวันก็มีผู้ประกาศที่หลากหลายและตัวท็อปอยู่แล้วโดยเดียวเปรียบผู้ประกาศข่าวเป็นดารา และข่าวคือบทละครที่ต้องเล่น ถึงบทจะดีแค่ไหนถ้าดาราเล่นไม่ดีคนก็ไม่อยากดู เช่นเดียวกันข่าวที่นอกจากความน่าเชื่อถือ ต้องสร้างแรงดึงดูดให้คนอยากดูต่อด้วย

เดียวให้มุมมองในเรื่องที่จั๊ดธีมะซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ประกาศข่าว ที่ได้รับความสนใจเป็นอย่างมากจากผู้ชมทั่วไป แต่เรตติ้งของช่องยังอยู่ที่เบอร์ 6 เป็นเรื่องที่เข้าใจได้ เพราะภาพรวมจะขึ้นมาทั้งแผงต้องใช้เวลา แต่ตอนนี้มีไฮไลต์อันหนึ่งที่เริ่มขึ้นมา จะทำให้ภาพรวมกลมขึ้นเรื่อยๆ และค่อยๆ เติบโต

แต่ทั้งนี้จะมีการไปผูกกับผู้ประกาศที่กลายเป็นซุปตาร์อย่างเดียว เพราะหากซุปตาร์ไม่อยู่ช่องอาจลำบาก แต่จะพัฒนาควบคู่ทำให้ข่าวเป็นคอนเทนต์ที่แข็งแรง ถึงซุปตาร์ไม่อยู่ก็ยังเติบโตได้ด้วยคอนเทนต์ข่าว

อยากอยู่รอดต้องขึ้น Top 5

ช่องวันมองการแข่งขันด้านข่าวตอนนี้รุนแรงไม่ต้องจากรายการอื่นๆ เพราะทุกคนต้องการเม็ดเงิน การอยู่รอดคือต้องอยู่ Top 10 หรือ Top 5 ให้ได้ ช่องวันจึงอยากเข้ามาอยู่ใน Top 5 ตอนนี้ในแง่ของฐานคนดูได้แล้ว ที่เหลือที่การขยาย

ข่าว แข่งขันกันที่ความน่าเชื่อถือ มุมมองการนำเสนอ ดูง่ายๆ คนที่เป็นแฟนประจำช่องข่าว ก็จะความคาดหวังด้านข่าวที่ต้องสุดขั้ว ก็จะต่างจากคนที่ดูข่าวในช่องวันที่อาจจะไม่ได้ฮาร์ดคอร์ขนาดนั้น ที่ผ่านมาช่องวันยอมรับ ข่าวคือเรตติ้งที่เป็นตัวประกอบ ถึงจะมีข่าววันศุกร์ที่โดดเด่นขึ้นมาเป็นพระเอกได้ หรือข่าวค่ำก่อนละครที่บางวันเรตติ้งได้ 2 แต่ก็เป็นช่วงที่คนมารอดูละคร

และด้วยความที่ช่องวันเป็นช่องบันเทิงความคาดหวังของช่องคือดนดูแล้วไม่ยี้เช่นข่าวการจับงู ก็จะไม่ลงรายละเอียดตัวงูเพราะฐานคนดูที่เป็นผู้หญิงจะปิดทันที หรือข่าวการเมืองก็ทำพอให้เป็นสีสัน ทั้งหมดเป็นพฤติกรรมของผู้บริโภคที่ต้องเรียนรู้ ซึ่งเรตติ้งจะขึ้นจากอะไรก็ขึ้นอยู่กับการที่ช่องรู้พฤติกรรมของคนดูและเข้าใจ เสิร์ฟคอนเทนต์ที่คิดว่าใช่

แน่นอนการให้น้ำหนักกับข่าวก็ต้องเพิ่มต้นทุน เพิ่มจากจำนวนคนที่ไม่ใช่แค่หน้างาน แต่ยังรวมไปถึงทีมงานเบื้องหลังซึ่งตอนนี้มีทั้งหมด 110 คน ถือว่าเพิ่มขึ้นจากจุดที่น้อยสุด 80 คน แต่ก็ต่างกันเกือบครึ่งจากจุดที่เคยมีทีมงานมากที่สุด 200 คน ซึ่งต้นทุนที่เพิ่มถือว่ารับได้ เพราะเมื่อเทียบกับการทำละครถือว่าห่างกันอยู่มาก

ปี 2019 ช่องวัน ตั้งเป้าเรตติ้งโต 49% เป็น 0.46 เช่นเดียวกับช่องทางใน Facebook ที่อยากได้ตัวเลข 2.5 ล้าน โดยคาดหวังให้สัดส่วนรายได้เพิ่มขึ้นมาเป็น 30% ของทั้งช่อง จากวันนี้อยู่ที่ 15% โดยค่าโฆษณาเฉลี่ยหลักหมื่นปลายๆ ต่อนาที แต่ถ้าเป็นช่วงเย็นซึ่งเป็นช่วงไพรม์ไทม์จะเป็นหลักแสนบาทต่อนาที

จั๊ดธีมะผู้ประกาศข่าวตัวท็อปของช่องวัน กับปัญหาที่ถูกมองเล่นใหญ่เกินจริง

จั๊ดธีมะ กาญจนไพรินถือเป็นผู้ประกาศข่าวที่ท็อปสุดของช่องวัน 31 ในขณะนี้ ด้วยสไตล์เล่าข่าวที่จัดจ้าน สนุกสนาน บวกกับการแต่งตัวให้เข้ากับเหตุการณ์นั้นๆ จึงได้รับความนิยมและเป็นกระแส

แต่เพราะความเล่าข่าวที่เล่นใหญ่ สไตล์จั๊ด กลับถูกผู้ชมบางส่วนวิพากษ์วิจารณ์ถึงความเหมาะสมว่าข่าวควรจะเล่าไปตามความจริง ไม่ใช่ใส่สีตีไข่เข้าไป ซึ่งเจ้าตัวได้ชี้แจงว่า

การเล่าข่าวสไตล์จั๊ดคือการเล่าเรื่องยากให้ง่าย เล่าเรื่องง่ายให้มีมุมคิด คนชั่วคนทุจริตต้องโจมตี คนดีต้องสรรเสริญ นี่ถือ 4 ประโยคที่ยึดถือ ส่วนวิธีการให้การเล่าข่าวที่ใช้คำว่ากบฎทุกการเล่าข่าวที่ไม่ได้หมายถึงเรืองที่เลวร้าย

ผมคิดว่าวิธีการในการนำเสนอไม่จำเป็นต้องเป็นวิธีการนำเสนอข่าวที่เราเห็นๆ ผ่านหูผ่านตากันตลอดชั่วชีวิตของเรา เพราะผมรู้สึกว่าข้างในคือข่าวแต่เราเอามาห่อใหม่ ปีนี้ความท้าทายอยู่ที่ข่าวการเมืองที่จะเข้มข้นขึ้น

จุดอ่อนของคนไทยคือการไม่ชอบเสพข่าวยาก หลักการของผมจึงต้องเอาข่าวยากไปให้คน วิธีการคือทำขึ้นมาใหม่ที่ทุกคนเห็นกันไป ถ้าจะอธิบายง่ายๆ ก็เหมือนช็อกโกแลตเอ็มแอนด์เอ็มที่มีสีสันที่หลากหลาย โดยข่าวก็เหมือนช็อกโกแลต วิธีการที่ผมนำเสนอก็เหมือนกัน สีสันที่เคลือบอยู่ดูน่ากินและกินง่าย แต่เมื่อกินเข้าไปข้างในก็คือช็อกโกแลตหรือข่าวนั้นเอง

]]>
1207235
ช่อง 7HD เขย่าผัง เพิ่มเวลา 3 รายการข่าวแบบจัดเต็ม รับศึกทีวีดิจิทัลปี 62 https://positioningmag.com/1203780 Tue, 18 Dec 2018 11:30:02 +0000 https://positioningmag.com/?p=1203780 หลังจากช่อง 7 เขย่าผังรายการ การนำคอนเทนต์วาไรตี้บันเทิง โดยชูจุดแข็งรายการอาหาร รายการเพลง และเกมโชว์/วาไรตี้ ทั้งที่เป็นรายการดังจากต่างประเทศ และรายการฮิตในเมืองไทยลงจอปีหน้าไปแล้ว 

ทางด้านฝั่งข่าว ช่อง 7 ได้ปรับเพิ่มเวลารายการข่าวตั้งแต่เช้าตรู่จนถึงดึก พร้อมกับเพิ่มรายงานสดจากพื้นที่มากขึ้น

สมเกียรติ เจริญภิญโญยิ่ง รักษาการกรรมการผู้จัดการ ช่อง 7HD เปิดเผยว่า “ในส่วนของรายการข่าวช่อง 7HD ตลอดปี 2561 ยังคงได้รับความนิยมจากผู้ชมด้วยดี ทำให้รายการข่าวภาคเช้า รายการข่าวภาคค่ำ และรายการข่าวภาคดึก มีเรตติ้งสูงกว่ารายการข่าวในช่วงเวลาเดียวกัน”

นอกจากนี้ ช่วงเกาะติดภารกิจช่วยเหลือ 13 ชีวิตทีมหมูป่าอะคาเดมี่ เมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม 2561 ช่วงเวลาที่ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงรายแถลงข่าวความสำเร็จพาทีมหมูป่ากลับบ้าน ก็มีผู้ติดตามชมจนได้เรตติ้งสูงถึง 5.6 เป็นอันดับหนึ่งเช่นกัน   

ในปี 2562 นี้ รายการข่าวของช่อง 7HD จะเน้นการนำเสนอในรูปแบบรายงานสดจากพื้นที่มากขึ้น เพื่อความสดใหม่ของข่าว และเกาะติดทุกกระแสข่าวที่น่าสนใจในโลกโซเชียล รวมถึงจะยังให้ความสำคัญกับข่าวการต่อต้านทุจริตคอร์รัปชัน ใน “รายการคอลัมน์หมายเลข 7” 

พร้อมกันนี้ ช่อง 7 ได้ปรับเพิ่มเวลารายการข่าว รายการเช้าข่าว 7 สี จะเริ่มตั้งแต่เวลา 04.30 – 06.00 น. ทั้งข่าวฮอต เพิ่มเติมเนื้อหาด้วยข่าวจราจร และพยากรณ์อากาศ ให้ผู้ชมรู้ก่อนออกจากบ้าน “รายการสนามข่าวเสาร์-อาทิตย์” จะเริ่มตั้งแต่เวลา 04.40 – 06.55 น. รายงานข่าวของคนข่าวภาคสนาม เริ่มตั้งแต่วันที่ 17 ธันวาคมนี้เป็นต้นไป และ “รายการข่าวดึก 7HD” เวลา 01.00 – 02.00 น. รวมข่าวสำคัญของวัน อัพเดตความเคลื่อนไหวเพิ่มเติมและ ปิดท้ายด้วยข่าวสีสันของคนนอนดึก ตั้งแต่ 24 ธันวาคมนี้เป็นต้นไป    

ในช่วงปลายปีที่กำลังจะมาถึงนี้ ช่อง 7HD ได้จัดทำสกู๊ปพิเศษสรุปข่าวเด่น 2561
ใน “รายการสนามข่าว 7 สี” เวลา 07.30 น. ตั้งแต่วันที่ 24 – 28 ธันวาคมนี้ ข่าวเด่น ข่าวเด็ดของปี 2561 โดยทีมข่าว 7HD จะประมวลข่าวฮอตๆ นำเสนอ ทั้ง 7 ข่าวระทึก, 7 ข่าวฉาว, 7 ข่าวคนดัง, 7 ข่าวลั่นโซเชียล และ 7 ข่าวมุ้งมิ้ง

ส่วนคืนวันที่ 31 ธันวาคมนี้ ช่อง 7HD ได้จัดรายการพิเศษ “7 สีส่งสุขวิถีไทย รับปีใหม่วิถีธรรม 2562” ตั้งแต่เวลา 22.45 น. โดยมี แอมป์-พีรวัศ กุลนันท์วัฒน์ นักแสดงมากความสามารถมาร่วมเป็นพิธีกร พร้อมด้วย หนุ่ม-อนุวัต เฟื่องทองแดง, ปุ้ม-เปรมสุดา สันติวัฒนา, แจ๊ค-ศรีสุภางค์ ธรรมาวุธ พาชมบรรยากาศตั้งแต่การเตรียมพร้อม กระทั่งการเฉลิมฉลองเข้าสู่ปี 2562 จากทั่วทุกมุมโลก รวมทั้งในประเทศไทย ที่สำคัญ เพื่อเป็นการเสริมสิริมงคลให้แก่พุทธศาสนิกชนทั่วประเทศ จะมีการถ่ายทอดกิจกรรมสวดมนต์ข้ามปีจากวัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหาร และวัดญานเวศกวัน ให้ผู้ชมช่อง 7HD ร่วมสวดมนต์ไปพร้อมกัน รับศักราชใหม่ 2562 ด้วยหลักธรรมะสร้างมงคลให้แก่ชีวิตในคืนข้ามปี.

]]>
1203780