เจาะลึกลงในอันดับ Wish-list หรือรายการที่พักโปรดนับล้านแห่งบนจุดหมายปลายทางกว่า 100,000 แห่ง ที่รวบรวมข้อมูลจากนักท่องเที่ยวที่หวังจะได้ท่องเที่ยวอีกครั้งบนแพลตฟอร์มของ Booking.com ตลอดช่วง 2 เดือนที่ผ่านมาเริ่มตั้งแต่เดือน มี.ค. เผยให้เห็นจุดหมายปลายทางและที่พักที่ผู้คนตั้งตาคอยเมื่อสามารถเดินทางท่องเที่ยวได้อีกครั้ง

ที่เห็นได้ชัดคือ การท่องเที่ยวในฝันของคนทั่วโลก เปลี่ยนมาเน้นที่การเดินทาง “ภายในประเทศ” มากขึ้น เมื่อเทียบกับ Wish-list ของที่พักในประเทศที่เพิ่มมากขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว

แหล่งท่องเที่ยวในเมืองและติดชายหาด อย่างกรุงเทพฯ, หัวหิน, เชียงใหม่, เกาะช้าง และหาดจอมเทียนติดอันดับ Wish-list จุดหมายปลายทางของชาวไทยระหว่างช่วงกักตัว

โดยคนไทยอยากจะพัก “โรงเเรม” มากที่สุดบน Wish-list สูงกว่าค่าเฉลี่ยทั่วโลกเล็กน้อย ขณะที่ 1 ใน 5 นักท่องเที่ยวชาวไทยหรือราว 21% ที่ใช้ Booking.com ต้องการเข้าพักในรีสอร์ต สูงกว่าค่าเฉลี่ยทั่วโลกที่ต้องการเข้าพักในรีสอร์ตเพียง 6%

“อยากไปทะเล” คนไทยเลือกเที่ยวในประเทศเพิ่มขึ้น

จุดหมายปลายยอดนิยมในต่างประเทศ เช่น บาหลี, อันดาลูเซีย, ลอนดอน, ฟลอริดา และปารีส ยังคงเป็นเป้าหมายการเดินทางหลักที่สร้างแรงบันดาลใจแก่ผู้คนทั่วโลก

ขณะเดียวกันการท่องเที่ยวภายในประเทศก็ได้รับความนิยมมากขึ้น โดยมีสัดส่วนมากกว่าครึ่ง หรือ 51 % ของ Wish-list ทั่วโลกระหว่างช่วงสถานการณ์ครั้งนี้ เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้วถึง 1 ใน 3 (หรือ 33 %)
สำหรับ Wish-list ของประเทศไทย นักท่องเที่ยวนิยมจุดหมายปลายทางในประเทศสูงถึง 72% ในขณะที่ปี 2562 อยู่ที่เพียง 54 %

โดยตั้งแต่เริ่มเดือน มี.ค. อันดับ Wish-list สำหรับจุดหมายปลายทางยอดนิยมในประเทศของคนไทย ได้แก่ กรุงเทพฯ, หัวหิน, เชียงใหม่, เกาะช้าง และหาดจอมเทียน บ่งชี้ให้เห็นว่าเมืองที่เต็มไปด้วยชีวิตชีวาและวัฒนธรรม ตลอดจนเมืองติดชายหาด เป็นสิ่งแรกที่นักท่องเที่ยวชาวไทยจินตนาการถึงเมื่อต้องกักตัวเป็นเวลาหลายสัปดาห์

Booking.com เผยว่าสิ่งที่อาจทำให้จุดหมายปลายทางเหล่านี้เป็นที่นิยมและดึงดูดนักท่องเที่ยวชาวไทยคือประสบการณ์ความตื่นเต้นต่างๆ ที่ได้จากจุดหมายปลายทางเหล่านี้ไม่ว่าจะเป็น ตลาดกลางคืน อาหารหลากหลายประเภท ตลอดจนกิจกรรมกลางแจ้งต่างๆ ทั้งการดำน้ำหรือขี่ม้า

10 อันดับ จุดหมายปลายทางยอดนิยมในประเทศไทย

1.กรุงเทพฯ
2.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์
3.เชียงใหม่
4.เกาะช้าง จ.ตราด
5.หาดจอมเทียน จ.ชลบุรี
6.เมืองพัทยา จ.ชลบุรี
7.หาดป่าตอง จ.ภูเก็ต
8.ชะอำ จ.เพชรบุรี
9.พัทยาใต้ จ.ชลบุรี
10.อ่าวนาง จ.กระบี่

10 อันดับ จุดหมายปลายทางต่างประเทศยอดนิยมสำหรับคนไทย

1.โตเกียว (ญี่ปุ่น)
2.โซล (เกาหลีใต้)
3.โอซาก้า (ญี่ปุ่น)
4.สิงคโปร์
5.อูบุด-บาหลี (อินโดนีเซีย)
6.ลอนดอน (สหราชอาณาจักร)
7.กัวลาลัมเปอร์ (มาเลเซีย)
8.ไทเป (ไต้หวัน)
9.ปารีส (ฝรั่งเศส)
10.ดานัง (เวียดนาม)

ข้อมูลจาก Booking.com ระบุว่า นักท่องเที่ยวชาวไทยเฝ้าใฝ่ฝันที่จะเปลี่ยนบรรยากาศและมีโอกาสที่จะเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การพักผ่อนนอกบ้าน โดยประเภทของห้องพักที่ชาวไทยต้องการเข้าพักมากที่สุดคือ โรงแรมรีสอร์ต อพาร์ตเมนต์ เกสต์เฮาส์ และโฮสเทล ตามลำดับ

โดยโรงแรมมีอัตราส่วนความต้องการเข้าพักสูงถึง 42% ตลอดช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา มากกว่าค่าเฉลี่ยนทั่วโลกที่ 40% เล็กน้อย

สิ่งที่น่าสนใจอีกอย่างหนึ่งคือนักท่องเที่ยวชาวไทยชอบเข้าพักในรีสอร์ตมากกว่าค่าเฉลี่ยนักเดินทางทั่วโลก โดยมีนักท่องเที่ยวทั่วโลกเพียง 6% เลือกรีสอร์ตเป็นพักใน Wish-list ในขณะที่นักท่องเที่ยวชาวไทยมากถึง 21% เลือกรีสอร์ตเป็น Wish-list สำหรับ 3 ที่พักได้รับความนิยมสูงสุดในประเทศไทยบน Wish-list ได้แก่

1.The Quarter Ari by UHG
2.Coral Tree Villa Huahin
3.The Yana Villas Hua Hin

ทั้งนี้ ระเบียบวิธีเก็บข้อมูล อ้างอิงจากการเปรียบเทียบข้อมูลใน Booking.com ระหว่างเดือน มี.ค. ถึง เม.ย. 2563 กับเดือนเดียวกันในปี 2562 โดยลูกค้าใน Booking.com เพิ่มที่พักเป็น Wish-list ได้ด้วยการคลิกที่ปุ่ม “หัวใจ” (Heart) ที่มีอยู่บนทุกรายชื่อที่พักบนแพลตฟอร์มของ Booking.com

COVID-19 ฉุด RevPAR ธุรกิจโรงแรมไทยปีนี้ ลดลง 55-65%

จากรายงานของ ศูนย์วิจัย EIC ธนาคารไทยพาณิชย์ คาดการณ์ว่าจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติของไทยในปี 2563 จะหดตัวลง 67% จาก 39.8 ล้านคนในปี 2562 เหลือเพียง 13.1 ล้านคน จากการที่รัฐบาลของหลายประเทศดำเนินมาตรการห้ามประชาชนของตนเองเดินทางออกนอกประเทศ การยกเลิกเที่ยวบินจำนวนมากของสายการบินทั่วโลก

ประกอบกับความกังวลเกี่ยวกับการระบาดของ COVID-19 และด้วยสภาวะเศรษฐกิจโลกเข้าสู่สภาวะถดถอย จนส่งผลกระทบต่อรายได้ของชาวต่างชาติและส่งผลกระทบต่อเนื่องถึงการตัดสินใจเดินทางท่องเที่ยว และในที่สุดแล้วอาจจะเลือกเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศของตนเองหรือในประเทศละแวกใกล้เคียงภายในภูมิภาคของตนเพื่อลดค่าใช้จ่ายในการเดินทาง

จำนวนนักท่องเที่ยวที่ลดลงดังกล่าว ทำให้ EIC คาดว่า ค่าห้องพักเฉลี่ยต่อห้องพักที่ขายได้ (RevPAR) ของธุรกิจโรงแรมไทยจะลดลง 55-65% ในปี 2563 โดยคาดว่าอัตราการเข้าพัก เฉลี่ยทั่วประเทศของปีนี้ จะลดลงประมาณ 35-40% ในขณะที่ค่าห้องพักเฉลี่ยจะลดลง 20-25% ดังนั้นจึงทำให้โรงแรมเกือบทุกแห่งประสบกับสภาวะขาดทุนจากการดำเนินงานและอาจมีโรงแรมบางแห่งจำเป็นต้องปิดกิจการ โดยเฉพาะโรงแรมขนาดกลางเเละเล็กที่มีเงินทุนไม่มากนัก และไม่สามารถทนต่อสภาวะขาดสภาพคล่องติดต่อกันได้ยาวนานหลายเดือน

• ไม่ปิดเฉยๆ! “ศรีพันวา” ดึงอินฟลูเอนเซอร์กักตัวในวิลล่า สร้างคอนเทนต์การตลาด

ความน่าสนใจของกลยุทธ์นี้คือการเก็บรายละเอียดโครงการไว้เป็นความลับ ขณะนี้ Taco Bell ออกแถลงการณ์เพียงกำหนดเวลาให้บริการ โดยที่ยังไม่ให้รายละเอียดใดมากนักเกี่ยวกับตัวโรงแรมและรีสอร์ต แล้วจึงใช้วิธีเปิดให้แฟนพันธุ์แท้ลงทะเบียนเพื่อแสดงจุดยืนสนใจแคมเปญนี้แบบเป็นทางการ นำไปสู่เกม email marketing ได้อย่างมีระดับ

ก้าวใหม่ของ Taco Bell เรียกเสียงเซอร์ไพรส์ในสังคมแดนลุงแซมได้มหาศาล จนสื่ออเมริกันรายงานว่าตัวแทนเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของเมืองที่ Taco Bell จะเปิดรีสอร์ตอย่างปาล์มสปริงส์ รัฐแคลิฟอร์เนีย ก็ยังประหลาดใจกับมิติใหม่นี้ โดยบอกว่ายังไม่สามารถเปิดเผยข้อมูลใดเกี่ยวกับโรงแรมแห่งนี้ก่อนถึงกำหนดที่ Taco Bell ขีดไว้

โรงแรมป็อปอัพ

pop-up store คือร้านค้าชั่วคราว แต่นี่คือ pop-up hotel ที่ Taco Bell ระบุว่าจะเป็นโรงแรมที่เปิดทำการในเวลาจำกัดในช่วงสิงหาคมนี้ ชื่อทางการของโรงแรมและรีสอร์ตแห่งนี้คือ The Bell : A Taco Bell Hotel and Resort ซึ่งวางเป้าหมายให้บริการผู้เข้าพักที่เป็นซูเปอร์แฟน Taco Bell วัย 18 ปีขึ้นไป

Taco Bell บอกว่าโรงแรมป็อปอัพ The Bell จะเต็มไปด้วยเมนูเอ็กซ์คลูซีฟ พร้อมกับความเซอร์ไพรส์หลากหลายที่จะทำให้ฤดูร้อนของเหล่าซูเปอร์แฟนร้อนขึ้นไปอีก ทั้งหมดนี้ Taco Bell มั่นใจว่าจะพร้อมเติมฝันวัน Taco ให้เป็นจริงแบบที่ทุกคนจะลืมไม่ลง

Taco Bell จัดวิดีโอให้ชาวออนไลน์ชมสั้นๆ แบบไม่บอกอะไรมาก ข้อมูลที่มีในขณะนี้จึงมีเพียง The Bell จะเป็นโรงแรมและรีสอร์ตในปาล์มสปริงส์ที่ Taco Bell จะพร้อมเปิดประตูตั้งแต่ 9 สิงหาคมเป็นต้นไป จากการสอบถาม Assistant City Manager หรือผู้ช่วยผู้จัดการเมืองปาล์มสปริงส์อย่าง Marcus Fuller พบว่าทางเมืองได้ประสานกับบริษัทแม่ของ Taco Bell อย่าง Yum! Brands แล้ว ซึ่งรายละเอียดของโครงการจะถูกเปิดเผยเป็นข่าวประชาสัมพันธ์ในวันที่ 21 มิถุนายนนี้

Fuller ย้ำว่ายังไม่ทราบว่า Yum! Brands จะต้องยื่นใบอนุญาตใดเพื่อดำเนินการกับโครงการโรงแรมป็อปอัพนี้ ขณะเดียวกันก็ยังไม่ชัดเจนว่าโรงแรมจะตั้งอยู่ที่ใด จุดนี้ทำให้มีการสรุปว่าดูเหมือนโครงการนี้จะยังไม่มีการยื่นใบอนุญาตประกอบกิจการโรงแรมกับเมืองอย่างที่ทุกโรงแรมต้องทำ

พื้นที่ Taco ทุกอณู

สิ่งที่ Taco Bell ประกาศในแถลงการณ์ คือการย้ำว่าประสบการณ์ของโรงแรมจะเกิดขึ้นบนแรงบันดาลใจจากอาหารเม็กซิกันอย่าง Taco จุดเด่นคือการเติมพลังแฟน Taco ตั้งแต่เริ่มเช็กอินไปจนถึงเมื่อเช็กเอาต์ ซึ่งในโรงแรมจะมีการรวมร้านกิฟต์ช็อปขายของกระจุกกระจิกที่เต็มไปด้วยสินค้า Taco Bell รวมถึงร้านเสริมสวยในโรงแรม และ “เมนูใหม่สุดเซอร์ไพรส์” ที่หาที่ไหนไม่ได้

“ทุกอย่างตั้งแต่ห้องพักไปจนถึงอาหารเช้า และค็อกเทลริมสระน้ำจะถูกผสมผสานด้วย Taco Bell ทำให้ที่นี่เป็นสถานที่พักผ่อนที่เต็มไปด้วยรสชาติแห่งปี 2019” คำแถลงของ Taco Bell ระบุ

เบื้องต้น The Bell จะเริ่มเปิดให้จองอย่างเป็นทางการในเดือนมิถุนายน โดยผู้สนใจจะได้รับการแจ้งเตือนเมื่อลงทะเบียนในเว็บไซต์ของ Taco Bell ซึ่งทุกคนจะได้อีเมลรายละเอียดโครงการนี้ก่อนใคร เป็นอีกทางที่ทำให้ Taco Bell สามารถรู้จักตัวตนของซูเปอร์แฟนได้ดียิ่งขึ้น.

ที่มา : 

• https://www.tacobell.com/the-bell-hotel
• https://www.tacobell.com/register
• https://www.usatoday.com/story/travel/hotels/2019/05/16/taco-bell-opening-hotel-and-resort-california-summer/3692367002/
• https://www.fastcompany.com/90351230/taco-bell-is-opening-a-hotel-and-resort-in-palm-springs-because-this-is-the-world-we-live-in-now?partner=rss&utm_source=twitter.com&utm_medium=social&utm_campaign=rss+fastcompany&utm_content=rss