ลอว์สัน – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Sun, 11 Feb 2024 12:44:47 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 KDDI ยักษ์ใหญ่โทรคมนาคมอันดับ 2 ของญี่ปุ่น ซื้อหุ้นร้านสะดวกซื้อ Lawson สัดส่วน 50% มองว่าให้บริการลูกค้าเพิ่มมากขึ้นได้ https://positioningmag.com/1462263 Sun, 11 Feb 2024 12:40:22 +0000 https://positioningmag.com/?p=1462263 ยักษ์ใหญ่โทรคมนาคมอันดับ 2 ของญี่ปุ่นอย่าง KDDI ได้ประกาศเข้าซื้อหุ้นของธุรกิจร้านสะดวกซื้ออย่าง Lawson โดยมองว่าสามารถให้บริการลูกค้าเพิ่มมากขึ้น จากร้านสะดวกซื้อซึ่งบริษัทมองว่าเป็นโครงสร้างพื้นฐานสำคัญของญี่ปุ่น นอกจากนี้ยังรวมถึงการหารายได้จากธุรกิจใหม่ๆ เช่น การเงิน ประกันฯ ได้อีกด้วย

KDDI ยักษ์ใหญ่โทรคมนาคมอันดับ 2 ของญี่ปุ่น ประกาศเข้าซื้อหุ้น Lawson ยักษ์ใหญ่ร้านสะดวกซื้ออันดับ 3 ของญี่ปุ่น โดย KDDI ชี้ถึงการรุกเข้าหาลูกค้า เพื่อให้บริการต่างๆ ของบริษัท ขณะเดียวกันก็ยังทำให้บริษัทมีรายได้เพิ่มมากขึ้น เนื่องจากการแข่งขันของธุรกิจโทรคมนาคมในญี่ปุ่นที่ดุเดือดจากผู้เล่นที่มากถึง 4 ราย

ก่อนหน้านี้ KDDI ถือหุ้น Lawson อยู่แล้วราวๆ 2.61% โดยเม็ดเงินที่ KDDI ใช้ซื้อหุ้นเพื่อเพิ่มเติมคาดว่าจะอยู่ที่ 500,000 ล้านเยน หรือคิดเป็นเงินไทย 120,257 ล้านบาท และหลังจากนี้คาดว่าจะมีการนำบริษัทออกจากตลาดหุ้นญี่ปุ่น จะกลายเป็นว่าเจ้าของ Lawson จะมี Mitsubishi และ KDDI เป็นเจ้าของธุรกิจแทน

เหตุผลที่ KDDI มองว่าการเข้าซื้อหุ้น Lawson สร้างประโยชน์ให้กับบริษัทคือ

  • จะทำให้สามารถบริการให้กับลูกค้าของ KDDI โดยเฉพาะอย่างยิ่ง au เครือข่ายโทรศัพท์มือถือเบอร์ 2 ของญี่ปุ่นสะดวกมากขึ้น เนื่องจากสาขาของ au มีแค่ 2,200 สาขาเท่านั้น
  • ให้บริการธุรกิจ E-commerce ของ Lawson ได้ดีมากยิ่งขึ้น
  • ทำให้รายได้ของ KDDI เพิ่มมากขึ้น จากเดิมมีแค่รายได้จากธุรกิจโทรคมนาคมเป็นหลัก และบริษัทได้หันมาให้บริการด้านประกันภัยและบริการทางการเงินมากขึ้น
  • นอกจากนี้ KDDI ยังมีแผนที่จะ Transformation ให้กับร้านสะดวกซื้ออย่าง Lawson ไม่ว่าจะเป็นการติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์ ไปจนถึงการเปลี่ยนบรรจุภัณฑ์จากพลาสติกให้เป็นบรรจุภัณฑ์ที่ย่อยสลายง่าย ไม่เป็นโทษแก่สิ่งแวดล้อม

แม้ว่าประเทศญี่ปุ่นจะเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ แต่ KDDI มองว่าร้านสะดวกซื้อเป็นโครงสร้างพื้นฐานสำคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากการแพร่ระบาดของโควิด ซึ่งบริษัทมองว่าไลฟ์สไตล์ของลูกค้าได้เปลี่ยนแปลงไป และ Lawson ได้มีการปรับตัวเข้ากับการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว

KDDI ยังมองถึงการขยายสาขาเพิ่มเติมในญี่ปุ่นซึ่งมีสาขามากถึง 14,600 สาขา และยักษ์ใหญ่โทรคมนาคมเบอร์ 2 ของญี่ปุ่นยังมองเห็นการเข้าถึงในธุรกิจอื่นของบริษัทไม่ว่าจะเป็นบริการทางการเงิน ซึ่งสามารถใช้ประโยชน์จากฐานข้อมูลลูกค้าของทั้ง 2 บริษัท หลังจากการทำธุรกรรมแล้วเสร็จ

ในช่วงที่ผ่านมาธุรกิจร้านสะดวกซื้อในญี่ปุ่นเองนั้นได้ต่อสู้กันทั้งในญี่ปุ่น หรือแม้แต่นอกญี่ปุ่น ไม่ว่าจะเป็นการนำเสนอบริการใหม่ๆ ผลิตภัณฑ์ ไปจนถึงการขยายสาขา โดยปัจจุบันคู่แข่งรายใหญ่ของ Lawson คือ Seven & i Holdings เจ้าของ 7-Eleven ที่ตั้งเป้าขยายสาขาในทวีปเอเชียเพิ่ม รวมถึง FamilyMart

ความเคลื่อนไหวดังกล่าวนักวิเคราะห์ยังมองว่าหลังจากนี้บริษัทใหญ่ในญี่ปุ่นมีโอกาสที่จะควบรวมกิจการกันมากขึ้นหลังจากดีลดังกล่าวนี้ ซึ่งถือว่าเป็นการสร้างความเซอร์ไพรส์ให้กับนักลงทุนไม่น้อย

ที่มา – KDDI, Kyodo News, The Register, CNBC

]]>
1462263
ร้านสะดวกซื้อในญี่ปุ่น เปิด “ไม่ถึง 24 ชั่วโมง” รับมือวิกฤตขาดแรงงาน https://positioningmag.com/1253858 Fri, 15 Nov 2019 11:04:38 +0000 https://positioningmag.com/?p=1253858 กลยุทธ์ร้านสะดวกซื้อ 24 ชั่วโมง ปรับรับวิกฤตขาดเเคลนเเรงงานครั้งล่าสุด เมื่อเเฟมิลี่มาร์ทธุรกิจร้านสะดวกซื้อรายใหญ่ในญี่ปุ่น ประกาศยอมให้เจ้าของร้านแฟรนไชส์ทั่วประเทศสามารถลดชั่วโมงการเปิดให้บริการได้ตั้งเเต่เดือนมีนาคมเป็นต้นไป เพื่อรับมือกับปัญหาขาดเเคลนพนักงานดูเเลร้านในช่วงกลางคืน ตามรอยคู่แข่งเบอร์หนึ่งอย่างเซเว่น อีเลฟเว่น ญี่ปุ่น

นโยบายใหม่นี้จะครอบคลุมร้านค้าเกือบ 16,000 สาขาของเเฟมิลี่มาร์ท (FamilyMart Co.) โดยอนุญาตให้เจ้าของร้านสามารถเลือกช่วงเวลาที่จะปิดร้านได้ตั้งเเต่ช่วงเวลา 23.00 -7.00 .ของวันรุ่งขึ้น ซึ่งต้องมีการเเจ้งความประสงค์ล่วงหน้าต่อสำนักงานใหญ่ก่อน 

การจะหยุดเปิดบริการ 24 ชั่วโมงนั้นขึ้นอยู่กับเจ้าของเเฟรนไชส์เเต่ละเเห่งว่าจะมีการตัดสินใจอย่างไร โดยทางร้านจะเลือกว่าจะปิดทุกคืนหรือจะปิดเเค่คืนวันอาทิตย์ก็ได้

Takashi Sawada ประธานบริษัท เเฟมิลี่มาร์ท กล่าว 

ขณะเดียวกัน ทางแฟมิลี่มาร์ทก็มีจะนโยบายเพิ่มเงินจูงใจรายเดือนจากเดิม 100,000 เยนเป็น 120,000 เยน ให้แก่ร้านที่ยังคงเปิดตลอด 24 ชั่วโมง

ประธานเเฟมิลี่มาร์ท ระบุอีกว่าเราต้องการสนับสนุนเจ้าของร้านให้มากที่สุด ด้วยเพราะมีบางร้านที่กำลังเผชิญปัญหาขาดเเคลนเเรงงาน ค่าเเรงที่เพิ่มขึ้นเเละกำไรที่ลดลง” 

อย่างไรก็ตาม ทางบริษัทยังไม่รู้ว่าจะมีร้านค้ากี่แห่งที่จะเข้าร่วมกับนโยบายใหม่นี้ โดยรายละเอียดอื่น จะมีการเปิดเผยเพิ่มเติมในเดือนมีนาคมปีหน้า 

ทั้งนี้ มีการเริ่มทดลองลดชั่วโมงการให้บริการกับร้านแฟรนไชส์ของเเฟมิลี่มาร์ทกว่า 600 สาขาในช่วงเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา โดยบริษัทตัดสินใจขยายนโยบายให้ครอบคลุมทุกสาขาในประเทศญี่ปุ่น ก่อนที่จะรู้ผลอย่างเเน่ชัดของการทดลอง ซึ่งจากการสำรวจของทางบริษัทมีร้านค้าที่สนใจจะลดชั่วโมงปฏิบัติงานประมาณ 7,000 สาขา ซึ่งเป็นจำนวนเกือบครึ่งหนึ่งของสาขาทั้งหมดทั่วญี่ปุ่น

การเคลื่อนไหวครั้งสำคัญของเเฟมิลี่มาร์ทครั้งนี้ เกิดขึ้นหลังคู่เเข่งธุรกิจร้านสะดวกซื้อเจ้าใหญ่อย่างเซเว่น อีเลฟเว่น ญี่ปุ่น (Seven-Eleven Japan Co.) เปิดทางให้ร้านสะดวกซื้อในเครือบางสาขาสามารถยกเลิกให้บริการเเบบ 24 ชั่วโมง เมื่อช่วงปลายเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ซึ่งเป็นร้านสะดวกซื้อขนาดใหญ่รายแรกที่ประกาศลดเวลาปฏิบัติงาน เป็นความพยายามที่จะรับมือกับภาวะขาดแคลนแรงงานอย่างหนัก 

เซเว่น อีเลฟเว่น ญี่ปุ่น ประกาศว่า ตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน จะมีอยู่ 8 สาขาที่ลดเวลาให้บริการ เนื่องจากหาพนักงานที่จะมาเข้าทำงานช่วงกลางคืนได้ยาก และต่อไปอาจจะลดเวลาให้บริการอีกราว 200 สาขา จากสาขาทั่วประเทศทั้งหมด 21,000 สาขา โดยปัจจุบันในสาขาเหล่านั้นก็กำลังทดลองเวลาปิดให้บริการเร็วขึ้น

สำหรับ เซเว่น อีเลฟเว่น ญี่ปุ่นเป็นผู้ให้บริการร้านสะดวกซื้อที่มีสาขามากที่สุดในประเทศ เปิดให้บริการ 24 ชั่วโมงมาตั้งเเต่ปี 2518 ด้วยเเนวความคิดที่ว่าการเปิด 24 ชั่วโมงจะช่วยอำนวยความสะดวกเเละเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานให้ดียิ่งขึ้น อีกทั้งยังมีการเพิ่มจำนวนสินค้าในช่วงกลางดึกด้วย เเต่เนื่องจากปัญหาขาดเเคลนเเรงงานซึ่งทวีความรุนเเรงขึ้น จนเกิดประเด็นขึ้นมาเมื่อ เจ้าของร้านแฟรนไชส์ในเมืองโอซาก้า ออกมาบอกว่าเขาจำเป็นต้องลดเวลาเปิดร้านลงมา โดยไม่ผ่านการเห็นชอบจากสำนักงานใหญ่ เนื่องจากทางร้านหาพนักงานมาทำงานด้วยไม่ได้จริง 

ด้าน ลอว์สัน (Lawson Inc.) หนึ่งในผู้ให้บริการร้านสะดวกซื้อชื่อดัง ที่ไม่ได้กำหนดในสัญญากับร้านเจ้าของแฟรนไชส์ว่าต้องเปิดให้บริการตลอด 24 ชั่วโมงนั้น ได้มีการยกเลิกให้บริการในช่วงกลางคืนไปเเล้วราว 100 สาขา เเละเพื่อบรรเทาปัญหาการขาดเเคลนเเรงงาน ลอว์สันก็ตัดสินใจที่จะให้ร้านสาขา 100 แห่งทดลองปิดให้บริการช่วงวันหยุดปีใหม่นี้ เพื่อให้พนักงานได้พักในวันหยุดประจำชาติ 

รัฐบาลญี่ปุ่นเปิดระบบวีซ่าแบบใหม่ รับแรงงานต่างชาติเพิ่ม

ภาวะขาดแคลนแรงงาน ได้กลายมาเป็นภัยคุกคามใหญ่ต่ออุตสาหกรรมต่าง ในญี่ปุ่น ทั้งร้านค้า ธุรกิจก่อสร้าง รวมไปถึงศูนย์ดูเเลผู้ป่วย เนื่องจากญี่ปุ่นกำลังมีประชากรสูงวัยเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว จนเกือบจะเป็นกลุ่มประชากรหลักของประเทศ  

มีการประเมินว่า ภายในปี 2583 ญี่ปุ่นจะมีประชากรวัยทำงานลดลง 20% จากระดับปี 2560 อันเป็นผลจากจำนวนประชากรโดยรวมลดลงต่อเนื่อง โดยอาจจะจำกัดความรุนแรงของเรื่องนี้ได้ ด้วยการส่งเสริมให้ผู้หญิง และผู้สูงอายุให้เข้าสู่ตลาดแรงงานมากขึ้น 

เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา รัฐบาลญี่ปุ่นได้เริ่มระบบวีซ่าใหม่ เพื่อดึงแรงงานต่างชาติเข้ามาทำงานในประเทศมากขึ้น เป็นความพยายามที่จะช่วยเหลืออุตสาหกรรมที่มีแรงงานไม่เพียงพอกับความต้องการ

โดยชาวต่างชาติที่มีทักษะภาษาญี่ปุ่นและทักษะการทำงานในระดับหนึ่งสามารถยื่นขอสถานะผู้อยู่อาศัยที่เรียกว่า แรงงานทักษะเฉพาะทางประเภท 1 ซึ่งสามารถทำงานได้ใน 14 ภาคอุตสาหกรรม เช่น การก่อสร้าง การเกษตร และการพยาบาล เป็นระยะเวลา 5 ปี แต่ห้ามพาครอบครัวเข้ามาอาศัยด้วยกัน 

ขณะที่แรงงานที่มีทักษะสูงใน 2 ภาคอุตสาหกรรม อย่างการก่อสร้างและการต่อเรือ สามารถขยายระยะเวลาการอยู่อาศัยในญี่ปุ่นได้ด้วยการทำวีซ่าแรงงานทักษะเฉพาะทางประเภท 2 ซึ่งอนุญาตให้ผู้ถือสามารถพาสมาชิกครอบครัวมาอยู่ และสามารถต่ออายุวีซ่าได้โดยไม่จำกัดจำนวนครั้ง

รัฐบาลญี่ปุ่นคาดว่า จะมีชาวต่างชาติทั้งสิ้น 345,150 คนที่สามารถรับวีซ่าประเภท 1 ภายใน 5 ปีข้างหน้า โดยคาดว่าแรงงานส่วนใหญ่ประมาณ 60,000 คนจะทำงานในภาคธุรกิจการดูแลสุขภาพ.

]]>
1253858
ลอว์สัน ควง “ซัสโก้” เปิดสาขาในปั๊มเพิ่มอีก 10 แห่ง https://positioningmag.com/1217723 Mon, 04 Mar 2019 11:57:58 +0000 https://positioningmag.com/?p=1217723 สำหรับธุรกิจสถานีบริการน้ำมัน หรือเรียกสั้นๆ ว่า “ปั๊มน้ำมัน” ธุรกิจ Non-Oil ถือเป็นจุดขายที่สำคัญที่ขาดไม่ได้ กลายเป็นพื้นที่ค้าปลีก ที่มีทั้งร้านสะดวกซื้อ ร้านกาแฟ บริการส่งเอกสารด่วน ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนยุคนี้ สามารถดึงดูดลูกค้าและสร้างรายได้ให้กับเจ้าของปั๊มน้ำมัน

ทำให้บรรดาสถานีบริการน้ำมัน ต่างหันมามุ่งเน้นธุรกิจ Non-Oil กันอย่างเป็นล่ำเป็นสันรวมทั้ง SUSCO ได้เผยผลประกอบการ ปี 61 มียอดขายรวม 23,425 ล้านบาท เติบโตเพิ่มขึ้นมากกว่า 20% เมื่อเทียบกับปี 2560 และมีกำไรสุทธิ284 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2560 กว่า 27%

จึงมีมติจ่ายเงินปันผลเพิ่มอีก 8 สตางค์ต่อหุ้น และอนุมัติให้ซื้อหุ้นคืนจำนวนไม่เกิน 110 ล้านหุ้น ในวงเงินไม่เกิน 325 ล้านบาท หรือไม่เกิน 110 ล้านหุ้น

ในส่วนของธุรกิจ Non-Oil ที่ผ่านมา ปั๊มซัสโก้ จับมือกับ ร้านสะดวกซื้อ LAWSON และ SCG Express บริการส่งพัสดุด่วน

ปี 2562 ตั้งงบประมาณการลงทุนไว้ 350 ล้านบาท ใช้ขยายสถานีบริการให้ครบ 250 สาขา และเพิ่มร้านสะดวกซื้อ LAWSON อีกกว่า 10 สาขา ตั้งเป้ายอดขายรวมในปี 2562 เติบโตไม่น้อยกว่า 8% และมีแผนที่จะขยายจุดบริการน้ำมันดีเซล B20 ให้เพิ่มขึ้นอีกกว่า 20 สาขาภายในไตรมาสนี้.

]]>
1217723