เทรนด์แรก : การมองหาความสัมพันธ์ ‘ชัดแบบตะโกน’ (Loud Looking) ไม่มีแล้วการเล่นเกมทายใจแบบที่ผ่านมา
ปีที่ผ่านมาเป็นปีที่เหล่าคนโสดชาวไทยจะสร้างเรื่องราวของตัวเอง แต่ในปีนี้เรื่องที่พวกเขาต้องการมากที่สุดคือ การมองหาความสัมพันธ์ระยะยาว โดยกว่า 57% ‘หาคนรักจริงหวังแต่ง’ และ 55% ระบุถึงรูปแบบความสัมพันธ์ที่ต้องการมี ‘คู่คนเดียว’ ซึ่งความสัมพันธ์ในลักษณะนี้ทำให้สถานะคนคุยถูกลดบทบาทลงด้วย
เทรนด์ที่ 2 : บางคนเรียกว่า โชคชะตาฟ้าลิขิต แต่เราเรียกว่า ‘รักนี้ชะตาลิขิต’ (Kiss-Met)
ผลสำรวจคนโสดเกือบ 40% ระบุว่า ในปี 2568 จะให้ความสำคัญกับการนัดเดทผ่านการเดินป่าแบบเหงื่อท่วมตัว 34% หรือวางแผนเข้าคลาสปั้นดินเผาที่แม้ว่าจะมีความเลอะเทอะนิดหน่อย (แต่ยังคงความน่ารัก) และทริปซื้อของวินเทจที่จะกลายเป็นงานแฟชั่น
ดังนั้นเทรนด์การเดทในปี 2568 จะเป็นแนวที่เน้นอยู่กับความจริงและปล่อยให้เกิดโมเมนต์อย่างเป็นธรรมชาติที่จะทำให้การเดทเป็นเหตุการณ์น่าจดจำ
เทรนด์ที่ 3 : ไม่มีความสัมพันธ์ไหนที่เล็กเกินกว่าจะนิยามในโลกของ ‘ความสัมพันธ์เล็ก ๆ ระดับนาโน’ (Nano-Ships)
เมื่อปี 2567 พบว่า ช่วงเวลาที่โรแมนติกแม้เพียงน้อยนิดก็เปี่ยมด้วยความหมาย ไม่ว่าจะเป็นจังหวะแรกที่สบตา กับใครบางคนในรถไฟฟ้าใต้ดินที่ทำให้ใจเต้น ซึ่งในปี 2568 ความสัมพันธ์ในรูปแบบนี้ที่เรียกว่า ‘ความสัมพันธ์เล็ก ๆ ระดับนาโน’ ก็จะยังคงเป็นเทรนด์ในกลุ่มคนโสดที่ยังคงอยู่ต่อไป
จากผลสำรวจพบว่า คนโสดเกือบ 1 ใน 4 เน้นความสำคัญในเรื่องการค้นหา ‘พลังบวก’ และ ‘มีความสุขกับโลกใบนี้’ เพราะพวกเขามีมุมมองในแง่ที่ดีกับการออกเดทและความสัมพันธ์ และมักจะชื่นชมกับเรื่องราวดีๆ ที่เป็นเรื่องเล็กน้อยที่เกิดขึ้นระหว่างทาง หมายความว่า บรรดาคนโสดต้องแสดงด้านที่ดีที่สุดของตัวเองออกมา ไม่ใช่แค่เพื่อสร้างความประทับใจต่อคู่เดทเท่านั้น แต่ยังต้องเอาชนะใจบรรดาคนรอบตัวของอีกฝ่ายด้วย
สำหรับคุณสมบัติที่คนโสดมองหาในคู่รัก ได้แก่
– ความน่าเชื่อถือ (40%)
– เสน่ห์ดึงดูดทางกายภาพ (35%)
– ค่านิยมร่วมกัน (31%)
– ความพร้อมทางอารมณ์ (30%)
– ความสนใจร่วมกัน (28%)
ส่วนปัจจัยที่ทำลายความสัมพันธ์ ได้แก่
– ความไม่สะอาด (50%)
– ความหยาบคาย (44%)
– การพูดถึงคนรักเก่าบ่อยเกินไป (34%)
โดย ‘การให้เกียรติ’ เป็นสิ่งที่ผู้ใช้ Tinder คนไทยให้ความสำคัญ และ 54% บอกว่า รูปแบบในการแสดงความรักที่ต้องการ คือ ‘การกระทำที่เอาใจใส่’ จึงไม่น่าแปลกใจที่คนโสดเกือบ 45% มองหา ‘คนที่มีลักษณะนิสัยไทป์โกลเด้น’ หรือ คนที่มีความซื่อสัตย์ มีความเป็นมิตร มีพลัง และเป็นคนที่มองโลกในแง่ดีนั่นเอง
]]>14 กุมภาพันธ์ วันวาเลนไทน์หรือวันแห่งความรักที่กำลังจะถึงนี้ คู่รักหลาย ๆ คู่อาจกำลังมองหาสถานที่ท่องเที่ยวหรือของขวัญพิเศษเพื่อมอบให้กันในวันสำคัญนี้ หนึ่งในของขวัญยอดนิยมที่คู่รักมักจะมอบให้กันคือ “ดอกกุหลาบสีแดง” ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของความรักที่สวยงาม แต่ในปัจจุบันหลายคนเริ่มมองหาของขวัญในรูปแบบอื่นมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น ช็อคโกแลต ตุ๊กตาหมี หรือของขวัญสุดสร้างสรรค์ที่มีคุณค่าทางจิตใจ รวมไปถึงการหากิจกรรมที่ทั้งสองคนได้ใช้เวลาอยู่ร่วมกัน เช่นการเดินทางท่องเที่ยว
ในช่วงวันวาเลนไทน์ปีนี้ใครที่กำลังมองหาสถานที่เที่ยวที่จะจูงมือคนรักมาเติมความหวาน ขอแนะนำให้ไปเยือน “ไชน่าทาวน์มาร์เก็ต เฉลิมบุรี” เพราะระหว่างวันที่ 13-15 กุมภาพันธ์ 2568 มีหนึ่งไฮไลท์จากร้านค้าที่น่าสนใจ ที่จะทำให้ทุกคนหวนคิดถึงวันวาน กับ #ร้านน้ำตาลปั้น ขนมหวานโบราณที่หาทานได้ยากในปัจจุบัน ให้ทุกคนได้สัมผัสรสชาติแบบดั้งเดิม โดยในช่วงวันวาเลนไทน์นี้ สามารถเลือกซื้อ #น้ำตาลปั้นดอกกุหลาบ มอบเป็นของขวัญสุดพิเศษให้กับคนรักได้ โดยมีวางจำหน่ายพร้อมกับโชว์การปั้นน้ำตาลให้ชมกันสด ๆ จำนวน 200 ชิ้นต่อวันเท่านั้น ซึ่งรายได้หลังหักค่าใช้จ่ายของการจำหน่ายน้ำตาลปั้นจะร่วมบริจาคสมทบทุนให้กับโรงพยาลเทียนฟ้ามูลนิธิ เพื่อสนับสนุนงานสาธารณกุศลต่าง ๆ ต่อไป
พบกับร้านค้า เมนูอาหารร้านเด็ด ร้านดัง ที่ “ไชน่าทาวน์มาร์เก็ต เฉลิมบุรี” เปิดให้บริการทุกวันตั้งแต่เวลา 16.00-00.00 น. เดินทางได้สะดวกด้วย MRT สถานีวัดมังกร
ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมที่ https://www.facebook.com/chinatownmarketchaloemburi/
#ไชน่าทาวน์มาร์เก็ตเฉลิมบุรี #เยาวราช #เฉลิมบุรี
#เมนูเด็ดร้านดัง #ของดีเยาวราช
]]>
บริษัท ไวซ์ไซท์ (ประเทศไทย) จำกัด จึงได้ทำการเก็บข้อมูลผ่านเครื่องมือ ZOCIAL EYE ระหว่างวันที่ 10 มกราคม – 10 กุมภาพันธ์ 2565 เพื่อวิเคราะห์ประเด็นที่เกี่ยวข้องกับวันวาเลนไทน์ โดยทั้งคนมีคู่ และคนโสดได้โพสต์ข้อความแสดงความคิดเห็นเป็นจำนวนมากถึง 21,271,853 เอ็นเกจเมนต์ ซึ่งในบทความนี้เราต้องการโฟกัสไปที่ ‘คนโสด’ เราจึงได้ทำการสรุป 3 กิจกรรมยอดฮิต! ของ #วาเลนไทน์คนโสด ในช่วงเทศกาลแห่งความรัก โดยเรียงลำดับตามเอ็นเกจเมนต์ ดังนี้
เป็นอีกหนึ่งกิจกรรมซึ่งเป็นเหมือนที่พึ่งทางใจของคนโสด และในยุคโควิดแบบนี้ เราจึงได้เห็นการคลั่งรักสายมูสุดเก๋ล้อไปกับกระแส Metaverse อย่างการ “ไหว้พระตรีมูรติขอพรในโลกเสมือนจริงผ่านร่างอวตาร” ที่จัดขึ้นโดยเซ็นทรัล นอกจากออนไลน์แล้วชาวโซเชียลมีการไปไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ จาก 5 สถานที่ยอดฮิต คือ
1. พระตรีมูรติ ลานเซ็นทรัลเวิลด์
2. พระแม่อุมาเทวี วัดแขก สีลม
3. พระแม่ลักษมี ศูนย์การค้าเกษร
4. ศาลเจ้าแม่ประดู่ ตลาดเก่าเยาวราช
5. ศาลแม่นาคพระโขนง วัดมหาบุศย์
ไม่เพียงแต่การขอพรไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ การดูดวงก็เป็นของคู่กับคนไทยที่เหล่าคนโสดสายมูแห่กันไปเช็กดวงชะตา คู่แท้จะมาตอนไหน อยู่กับราศีไหนจะส่งเสริมกันคบกันแล้วรักปัง นับว่าเป็นอีก 1 กิจกรรมที่ชาวโซเชียลให้ความสนใจไม่น้อยจนถูกแซววัน “ชาวพุทธ ขอพรเทพฮินดู ในวันสำคัญของชาวคริสต์” ไปซะงั้น
หนุ่มโสด สาวโสด ขอหาคู่ต่อไม่รอแล้วนะ! เพราะในโลกออนไลน์ การหาคู่ง่ายนั้นขึ้นเพียงแค่หนึ่ง Swipe ผ่านแอปฯ หาคู่ยอดฮิตในดวงใจของชาวโซเชียล 5 อันดับ ได้แก่
1. Tinder
2. Bamble
3. Kooup
4. Happn
5. Omi
โดยนับว่าเป็นอีกปีที่แอปฯหาคู่สร้างสรรค์กิจกรรมแปลกใหม่เอาใจคนโสดอย่าง “Tinder x พระตีมูรติ” แจกชุดไหว้ขอพร แค่โชว์แอปฯ Tinder ที่หน้าลานเซ็นทรัลเวิลด์ คนขอพรเยอะก็เกรงว่าเทพคงจะมีคิวยาว เอาเป็นว่าโหลดแอปฯ หาคู่น่าจะเร็วกว่า เรียกว่าขอพรปุ๊ป เข้าแอปฯ ปั๊ป ปัดสองสามทีก็น่าจะ Match ได้แล้ว เหมาะกับคนยุคใหม่ที่ไม่ยอมเสียเวลารออะไรนาน ๆ
เหล่าคนโสดคงจะเบื่อกับคำถามจากพ่อแม่ ญาติ เพื่อน หรือแม้แต่คนรู้จักว่า “เมื่อไรจะมีแฟน” ปัญหาเหล่านี้จะหมดไปเพราะเทรนด์การเช่าแฟนทิพย์กำลังมา เช่น เป็นแฟนเฉย ๆ 500 บาท, เป็นแฟน+ขึ้นสเตตัส+รูปคู่ 2,500 บาท หรือเหมาทั้งวัน 8,500 บาท รวมถึงยังมีการเช่าแฟนทิพย์ในรูปแบบการคุยกับบอทที่ทำให้คนโสดเสียอาการได้ไม่ต่างกับคุยกับคนจริงๆ สำหรับคนโสดที่เพียงแค่อยากหาแค่คนคุยแก้เหงาในช่วงวันวาเลนไทน์ที่แสนน่าเบื่อก็นับว่าเป็นไอเดียบรรเจิดให้ได้ทำคอนเทนต์ อวดแฟน (ทิพย์) กันบนโลกโซเชียล
นอกจากประเด็นกิจกรรมที่คนโสดอยากทำและพูดถึงในช่วงวันวาเลนไทน์แล้ว คนมีคู่ก็พากันแสดงความรักแบบไม่แผ่ว! ทั้งโพสต์รูปคู่ หาของขวัญ หรือหาสถานที่ออกเดต ซึ่งในยุคโควิดหลายคู่แสดงความรักด้วยการห่างกัน หรือบางคู่ให้ของขวัญเป็นหน้ากากอนามัย หลายคนเฝ้าภาวนาขอให้โควิดหมดไปเร็ว ๆ เพื่อให้เทศกาลวันวาเลนไทน์กลับมาครึกครื้นอีกครั้ง ใครที่ยังไม่มีคู่ก็ขอให้พบคู่แท้ในปีนี้นะ ส่วนใครที่มีแล้วก็ขอให้รักหวานชื่นยิ่ง ๆ ขึ้นไปเลยจ้า
]]>เริ่มต้นเดือนกุมภาพันธ์ ขึ้นชื่อว่าเป็นเดือนแห่งความรักที่อบอวลไปด้วยความโรแมนติก แน่นอนว่าเราคงได้เห็นหลายแบรนด์จัดโปรโมชั่นกันกระหน่ำ ตั้งแต่ต้นเดือนยาวไปจนถึงวันวาเลนไทน์ หรืออาจจะยาวไปถึงสิ้นเดือนเลยก็มี ในปีนี้ได้เห็นความพิเศษของแคมเปญหนึ่งเป็นการจับมือกันของแบรนด์ในดวงใจของใครหลายๆ คน อย่าง LINE MAN และ Tinder เกิดเป็นแคมเปญ “แปลรักฉันด้วยไลน์แมน” สามารถสร้างมิติใหม่ให้การตลาดอย่างมาก
แนวคิดของแคมเปญนี้เกิดจากความคิดที่ว่า “อาหาร” เป็นสิ่งที่สื่อถึงความรักได้ไม่แพ้ดอกไม้ที่หลายๆ คนมอบให้คนรักในวันวาเลนไทน์ เราสามารถเลือกเมนูอร่อยๆ หรือเมนูโปรด เพื่อส่งให้กับคนที่เรารักได้ ไม่ว่าจะเป็นแฟน เพื่อน หรือครอบครัว สื่อให้เห็นถึงความเอาใจใส่ ความห่วงใย และความรู้ใจได้แบบไม่ต้องเอ่ยปากพูด
ซึ่งจริงๆ แล้วแคมเปญนี้ตรงกับจริตคนไทยอย่างมาก เป็นคนที่ไม่ค่อยกล้าแสดงออก ไม่กล้าบอกความในใจกับคนที่เรารักแบบตรงๆ แต่แคมเปญนี้ได้ LINE MAN เป็นสื่อการในการส่งมื้ออาหาร เพื่อแทนคำในใจ หรือความรักนั่นเอง
แคมเปญนี้จึงมาพร้อมกับโปรโมชั่นที่จัดเต็ม โดนใจทุกความสัมพันธ์ ไม่ว่าจะเป็น ขนความอร่อยจาก 200 ร้าน พร้อมแนบการ์ดวาเลนไทน์สุดเอ็กซ์คลูซีฟเพื่อบอกความในใจ พิเศษสุด! สำหรับคนที่กำลัง หาคนพิเศษมานั่งกินมื้ออร่อยๆ ด้วยกัน LINE MAN ควง Tinder Thailand มอบเซอร์ไพรส์แจกโค้ด Tinder Plus ให้ใช้ฟรีถึง 7 วัน มีรายละเอียด ดังนี้
กองทัพร้านอาหารกว่า 200 ร้านใน Valentine’s Collection ที่ยกทัพมาให้อิ่มเป็นคู่ด้วยโปรโมชัน 1 แถม 1 หรือส่วนลดสูงสุดกว่า 50% อาทิ Auntie Anne’s, Cold Stone Creamery, SHINKANZEN SUSHI, After You, O’s Coffee, Cafe Amazon, Starbucks, On the table, Burger King, Swensen’s, Pizza Hut, Dunkin’, Baskin Robbins, Kinza Gyoza, The Alley และ อื่นๆ อีกมากมาย
นอกจากจะสั่งเมนูอาหารให้คนพิเศษแล้ว ความพิเศษอยู่ที่สามารถกดส่งการ์ดสื่อรักพร้อมข้อความบอกความในใจผ่าน LINE ต้องบอกว่าดีไซน์ของการ์ดจะเอ็กซ์คลูซีฟแค่เฉพาะช่วงวาเลนไทน์เท่านั้น จะมีข้อความน่ารักๆ เช่น รักนะ จุ๊บๆ, All I Need is You, Love at First Bite, Have a Nice Day และอื่นๆ อีกมากมาย
นอกจากการ์ดนี้จะทำหน้าที่ในการสื่อรัก บอกความในใจแล้ว ยังสามารถติดตามสถานะการจัดส่งเมนูอาหารได้ด้วย แจ้งเตือนให้รู้ว่า “ของอร่อยกำลังไปถึงแล้วนะ”
อีกหนึ่งความพิเศษที่ต้องบอกว่าเซอร์ไพร์สมากๆ เพราะการที่ LINE MAN จับมือกับ Tinder เพื่อเป็นการตอบโจทย์คนพิเศษที่ยังไม่มีคู่ หรืออยู่ในสถานะคนเหงา อาจจะเป็นเพื่อน หรือครอบครัวก็ได้ สามารถส่งอาหาร พร้อมกับส่งโค้ด Tinder ได้ด้วย
วิธีการอยู่ที่ว่า เมื่อสั่งเมนูโปรดจาก LINE MAN เสร็จ ก็เลือกชื่อเพื่อนในแอปฯ LINE เพื่อทำการส่ง “Tinder Valentine’s Card” ซึ่งการ์ดนี้จะเหมือนกับการ์ดบอกความในใจ แต่จะซ่อนเซอร์ไพรส์ด้วยสิทธิ์รับโค้ด Tinder Plus ใช้งานได้ฟรี 7 วันสำหรับคนที่สั่งอาหาร และเพื่อนที่รับอาหาร (รับสิทธิ์ได้ 1 ครั้งต่อผู้ใช้เท่านั้น)
แค่นี้ก็ทำให้เราสามารถปัดไลก์ได้ไม่จำกัด และยังมีพาสปอร์ตให้ไปหาเพื่อนกินข้าวจากระยะไกลได้อีกต่างหาก
แคมเปญนี้สื่อให้เห็นว่า ความรักไม่ได้จำกัดอยู่แค่คำหวานๆ ช่อดอกไม้ หรือช็อกโกแลต แต่อาหารก็เป็นหนึ่งในสื่อรักได้ เราสามารถส่งเมนูโปรด เมนูอร่อยจากร้านเด็ดให้คนที่เรารักได้ เป็นการแสดงความรักได้อย่างดี คนรับก็อิ่มท้อง คนให้ก็อิ่มใจ ฟินกันไปสุดๆ
#แปลรักฉันด้วยไลน์แมน ชวนคนในทุกความสัมพันธ์มาฉลองเทศกาลแห่งความรักผ่านมื้ออร่อยได้แล้ว ตั้งแต่วันที่ 11-28 กุมภาพันธ์นี้เท่านั้น สั่งเลยที่ https://lineman.onelink.me/1N3T/f1c26183
กูเกิลได้จัดทำการสำรวจเพื่อศึกษาพฤติกรรมการชมวิดีโอบนเว็บไซต์ยูทิวบ์ในช่วงเทศกาลวาเลนไทน์ ว่ามีพฤติกรรมอย่างไรบ้าง มีการชมวิดีโออะไร และมีปัจจัยแวดล้อมต่างๆ สำหรับนักการตลาด
โดยมี 4 เหตุผลหลักที่ทำให้ยูทิวบ์มีบทบาทต่อคนไทยในช่วงวาเลนไทน์
จากพฤติกรรมการชมวิดีโอในปี 2559 กูเกิลได้คาดการณ์พฤติกรรมที่จะเกิดขึ้นในวันวาเลนไทน์ในประเทศไทย ซึ่งคนไทยดูยูทิวบ์เพื่อสิ่งเหล่านี้
เรื่องราวเกี่ยวกับเสื้อผ้า หน้า ผมไม่มีวันล้าสมัยสำหรับช่วงนี้ เมื่อสาวๆ ทั้งหลายที่อยากสวยและดูดีที่สุดในวันนี้ต่างหาวิดีโอบน YouTube เพื่อดูเคล็ดลับเพื่อความงามให้ตัวเอง
วันวาเลนไทน์ไม่จำเป็นต้องเป็นแค่เรื่องโรแมนติกเท่านั้น อาจตะเป็นเรื่องสนุกๆ ฮาๆ ของคนโสดทั้งหลาย หรือแนวจิกกัดเล็กๆ เรื่องขำๆ เป็นคอนเทนต์ที่คนไทยชอบ
ผู้ชมชาวไทยเลือกชมเรื่องราวที่ครีเอเตอร์ที่ตัวเองชื่นชมมานำเสนอในวันพิเศษแบบนี้ ซึ่งเรื่องที่ได้รับความนิยมไม่ได้จำกัดอยู่แค่ความโรแมนติกเท่านั้น แต่เนื้อหาแนวเฉลิมฉลองสังสรรค์กับครอบครัวและเพื่อนฝูงก็ได้รับความนิยมไม่แพ้กัน
]]>ผลสำรวจชี้ให้เห็นว่า กว่า 69% ของคู่รักในประเทศไทยวางแผนที่จะฉลองวันวาเลนไทน์ที่ร้านอาหาร ซึ่งเป็นตัวเลขที่สูงที่สุดในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก และคู่รักชาวไทยยังเป็นคู่รักที่โรแมนติกมากที่สุดเป็นอันดับที่สองรองจากคู่รักในประเทศจีน (75%) เนื่องจาก 74% ของผู้ตอบแบบสอบถามชาวไทยยอมรับว่าตนวางแผนซื้อของขวัญให้กับคู่รัก
งบประมาณเฉลี่ยที่คนไทยวางแผนใช้จ่ายในช่วงวันวาเลนไทน์อยู่ที่ 4,155 บาท โดย 35% ตั้งใจจะซื้อดอกไม้ให้เป็นของขวัญ ตามด้วยเครื่องประดับ 26% และเครื่องหนัง 18%
นอกจากนี้ ผู้จับจ่ายใช้สอยชาวไทยกว่า 49% ยังมองว่าวันวาเลนไทน์เป็นวันที่ดีที่สุดสำหรับการขอแต่งงาน หรือการตกลงแต่งงานอีกด้วย
การสำรวจจากมาสเตอร์การ์ดยังให้ข้อมูลที่น่าสนใจเกี่ยวกับความชอบที่แตกต่างกันในวันวาเลนไทน์ของคู่รักในชาติต่างๆ ในเอเชียแปซิฟิก อาทิ
ส่วนบริษัท อินเด็กซ์ ครีเอทีฟ วิลเลจ จำกัด (มหาชน) ระบุว่า วันวาเลนไทน์เป็นอีกหนึ่งเทศกาลที่มีความคึกคักในกลุ่มวัยรุ่น โดยเฉพาะกลุ่มเจนวาย เทรนด์สร้างสรรค์การตลาดสำหรับแบรนด์ใน “วันวาเลนไทน์” เป็นอีกหนึ่งเทศกาลที่นักการตลาด และกลุ่มผู้ประกอบการต่างให้ความสำคัญ
เทศกาลนี้กลุ่มเจนวาย เป็นกลุ่มเป้าหมายหลักที่สำคัญ ที่มีกำลังซื้อ และมีแนวโน้มการเติบโตของการใช้จ่ายเพื่อเทศกาลพิเศษอย่างต่อเนื่อง โดยแบรนด์ต้องมีกลยุทธ์สร้างความแตกต่างให้กับการจัดกิจกรรมพิเศษ โดยสร้างกิมมิกเล็กๆ น้อยๆ และใส่ใจในเรื่องของรายละเอียด ทั้งในรูปแบบของการจัดโปรโมชั่น อีเวนต์ และพื้นที่ต่างๆ เพื่อกระตุ้นเม็ดเงินการจับจ่ายใช้สอยของผู้บริโภค และสะท้อนภาพลักษณ์จุดยืนของแบรนด์ได้อย่างชัดเจน
เกรียงกานต์ กาญจนะโภคิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท อินเด็กซ์ ครีเอทีฟ วิลเลจ จำกัด (มหาชน) เผยว่า ในช่วงเทศกาลวันวาเลนไทน์ กลุ่มผู้ประกอบการส่วนมากมักจะมีการจัดกิจกรรมส่งเสริมทางการตลาดแก่ลูกค้าคู่รักทั้งหลาย เพื่อกระตุ้นยอดขาย ซึ่งในปัจจุบันไม่ได้จำกัดเฉพาะในมุมของคนรักอีกต่อไป แต่รวมถึงความรักของครอบครัว ญาติ และเพื่อนๆ อีกด้วย
หากทำการวิเคราะห์ถึงกลุ่มเป้าหมายของวันวาเลนไทน์จะสามารถแบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ กลุ่มวัยรุ่น และกลุ่มผู้ใหญ่
พบว่ากลุ่มวัยรุ่นมีการแสดงออกในวันวาเลนไทน์มากกว่า เห็นได้จากตามโรงเรียนที่มีการมอบดอกไม้ ของขวัญ หรือการติดสติกเกอร์ตามชุดนักเรียนกันอย่างครึกครื้น นับเป็นช่องว่างและโอกาสที่ดีของผู้ประกอบการธุรกิจต่างๆ และนักการตลาดจะหากิมมิกและลูกเล่นใหม่ๆ แทนวัฒนธรรมแบบเดิมที่เป็นอยู่ อาทิ ผู้ประกอบการประเภทรถเช่า ทำการประชาสัมพันธ์ โดยออกโปรโมชั่นพิเศษ เช่น บริการให้เช่ารถหรู ประเภทลีมูซีน เพื่อไปรับส่งคู่รักในวันพิเศษ ธุรกิจร้านเบเกอรี่ ออกเค้กพิเศษ แบบลิมิเต็ด อิดิชั่น เพิ่มความพิเศษให้แก่ผู้รับ
หรือแม้กระทั่งการทำการตลาดตามพื้นที่ โดยพิจารณาจากจุดเด่นของพื้นที่ตามจังหวัดต่างๆ นำมาเป็นจุดดึงดูดนักท่องเที่ยว ซึ่งที่เรามักจะเห็นกันบ่อยๆ อาทิ จังหวัดตรัง จัดงานจดทะเบียนสมรสใต้น้ำ หรือภาคเหนือ อาจจะมีลูกเล่นชวนคู่รักนักท่องเที่ยวมาถ่ายรูปช่วงอากาศหนาว ที่มีดอกไม้นานาพันธุ์ผลิบานพร้อมกัน เป็นอีกหนึ่งบรรยากาศที่สร้างความโรแมนติกได้
ทั้งนี้การทำการตลาดของผู้ประกอบการ ช่วงวันวาเลนไทน์อาจไม่ได้พุ่งเป้าไปที่การเพิ่มยอดขายเพียงอย่างเดียว แต่จะต้องคำนึงการสร้างความแตกต่าง การใช้ความคิดสร้างสรรค์ และลูกเล่นอื่นๆ เพื่อกระตุ้นเม็ดเงินการจับจ่ายใช้สอยของผู้บริโภค ประชาสัมพันธ์ให้แบรนด์เป็นที่จดจำในวงกว้าง สะท้อนภาพลักษณ์จุดยืนของแบรนด์ได้อย่างชัดเจน และช่วยกระตุ้นยอดขายในระยะยาวได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ด้านเทศกาลอื่นๆ อาทิ ปีใหม่ ตรุษจีน สงกรานต์ และวันพิเศษต่างๆ ผู้ประกอบการ และนักการตลาดควรให้ความสำคัญไม่ต่างกัน เพราะถือเป็นเทศกาลแห่งการจับจ่ายอย่างต่อเนื่อง รวมถึงในช่วงที่เศรษฐกิจไม่คึกคัก นักการตลาดก็ควรสรรหาช่องทางกิจกรรมทางการตลาดต่างๆ เพื่อกระตุ้นพฤติกรรมผู้บริโภค
]]>วชิร คูณทวีเทพ ผู้ช่วยผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยถึงผลสำรวจทัศนคติ พฤติกรรม และการใช้จ่ายช่วงวันวาเลนไทน์ ว่า การใช้จ่ายในช่วงเทศกาลวันวาเลนไทน์ปี 2558 คาดว่าจะอยู่ที่ 3,513 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.52% โดยขยายตัวต่ำสุดในรอบ 9 ปี
แต่มีมูลค่าสูงสุดตั้งแต่มีการสำรวจในรอบ 9 ปี เนื่องจากได้รับผลกระทบจากมูลค่าสินค้าที่เกี่ยวข้องกับเทศกาลปรับราคาเพิ่มขึ้นอย่างมาก โดยเฉพาะดอกกุหลาบ ซึ่งเป็นของขวัญที่นิยมมอบให้กัน มีราคาสูงล่วงหน้ากว่าช่วงปกติแล้ว 100% และอาจเพิ่มขึ้นอีก 50-100% ในวันวาเลนไทน์
“แม้วันวาเลนไทน์ปีนี้จะมีเงินสะพัดมากที่สุด แต่การขยายตัวเมื่อเทียบกับปีก่อนๆ ถือว่าต่ำมาก โดยในปี 2551 มูลค่าการใช้จ่ายเพิ่มขึ้น 15.09% ปี 2556 เพิ่มขึ้น 14.99% แสดงให้เห็นว่าปีนี้ประชาชนระมัดระวังการใช้จ่าย เพราะยังไม่มั่นใจเกี่ยวกับเรื่องของรายได้ ภาวะเศรษฐกิจ”
ทั้งนี้ ในส่วนของดอกกุหลาบที่มีการปรับราคาสูงขึ้นนั้น จากการสอบถามพ่อค้าแม่ค้าในย่านปากคลองตลาดพบว่า ดอกกุหลาบปรับราคาขึ้นแล้ว 100% จากปกติกำละ 50 ดอก ราคา 150 บาท เป็น 300 บาท และคาดว่าจะปรับเพิ่มเป็น 400-500 บาทต่อกำในวันวาเลนไทน์หรือก่อนหน้า 1 วัน เพราะความต้องการสินค้าช่วงนั้นจะสูงมาก แม้ราคาดอกไม้จะปรับตัวสูงก็ตาม
ส่วน ค่าใช้จ่ายเฉพาะการซื้อของขวัญในช่วงวันวาเลนไทน์ ของกลุ่มตัวอย่าง แบ่งตามช่วงอายุมีดังนี้ พบว่ากลุ่มตัวอย่างที่มีอายุต่ำกว่า 15 ปีจะมีค่าใช้จ่ายเฉลี่ย 575 บาทต่อคน อายุ 15-18 ปี 835.9 บาท อายุ 19-22 บาท 1,018.33 บาท อายุ 23-29 ปี 1,368.24 บาท อายุ 30-39 ปี 1,393.53 บาท อายุ 40-49 ปี 1,814.58 บาท และอายุ 50 ปีขึ้นไป 997.69 บาท
โดย “เม็ดเงินที่นำมาใช้จ่ายส่วนใหญ่เป็นการนำเงินเดือนมาใช้จ่าย 60.3% รองลงมาเป็นเงินออม 23.5% เงินโบนัส 5.6% และอื่นๆ 10.6% ถือว่ายังสบายใจได้ที่ภาพรวมประชาชนนำเงินเดือนมาใช้จ่ายโดยไม่ต้องกู้เงินมาใช้จ่าย
สำหรับมูลค่าการใช้จ่าย แยกเป็นการใช้จ่ายเป็นค่าดอกไม้ เฉลี่ย 488 บาท ไปรับประทานข้าวนอกบ้าน 2,024 บาท ซื้อช็อกโกแลต 377 บาท ซื้อการ์ด 161 บาท ไปดูหนัง 542 บาท ซื้อของขวัญ 1,982 บาท ท่องเที่ยวในประเทศ 4,180 บาท ไปบ้านแฟน 1,493 บาท ไปคาราโอเกะ 1,612 บาท เป็นต้น
ส่วนความคาดหวังจากคู่รักในวันวาเลนไทน์ พบว่าต้องการบอกรักหรือความรักมากที่สุด รองลงมาเป็น ดอกไม้ พาไปเที่ยวหรือกินข้าว การ์ด ช็อกโกแลต การมีเพศสัมพันธ์และของขวัญ เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม ศูนย์ฯ ได้มีการสำรวจกลุ่มตัวอย่างว่ามีเพื่อนหรือคนรู้จักที่ไม่ใช่สามีภรรยากันวางแผนจะมีเพศสัมพันธ์ในวันวาเลนไทน์หรือไม่ ซึ่งพบว่า กลุ่ม 16-18 ปีมีมากถึง 35.3% ที่บอกว่าจะมี รองลงมา ได้แก่ กลุ่ม 19-22 ปี ระบุว่าจะมี 32.1% ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าเป็นห่วง ส่วนสถานที่ที่วัยรุ่นจะใช้มีเพศสัมพันธ์มากที่สุด พบว่า ใช้หอพักที่เช่าอยู่มากที่สุด 31.1% รองลงมาใช้ห้องพักรายวัน 26.3% โรงแรมม่านรูด 17.6% ใช้ที่บ้านที่ไม่มีใครอยู่ 17.3% ใช้อพาร์ตเมนต์ 6.5% สวนสาธารณะ 1.1% และอื่นๆ 0.1% โดยสาเหตุที่มีการใช้หอพักที่เช่ามากที่สุดเพราะไม่มีการตรวจสอบจากเจ้าของหอพักมากนัก
ทางด้านทัศนะเกี่ยวกับเรื่องของวันวาเลนไลน์ ส่วนใหญ่มองว่าวันวาเลนไทน์มักมีการขึ้นราคาดอกไม้เกินความจริง รองลงมาเป็นการก่อให้เกิดการล่วงละเมิดทางเพศเพิ่มขึ้น ก่อให้เกิดการมีเพศสัมพันธ์ก่อนวัยอันควร มักทำให้ร้านอาหารเต็ม และมักมีการขึ้นราคาของขวัญเกินความจริง เป็นต้น