วินมอเตอร์ไซค์ – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Tue, 12 Oct 2021 10:18:23 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 เปิดเงื่อนไขเงินเยียวยา ‘วินมอเตอร์ไซค์-แท็กซี่’ อายุเกิน 65 ปี สูงสุดคนละ 10,000 บาท เร่งจ่ายพ.ย.นี้ https://positioningmag.com/1356291 Tue, 12 Oct 2021 08:48:11 +0000 https://positioningmag.com/?p=1356291 ครม. อนุมัติเงินเยียวยา กลุ่มวินมอเตอร์ไซค์แท็กซี่ อายุเกิน 65 ปี ในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด 29 จังหวัด รับสูงสุดคนละ 10,000 บาท เร่งจ่ายพ..นี้ 

วันนี้ (12 .. 64) โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เเถลงว่า คณะรัฐมนตรี มีมติอนุมัติกรอบวงเงิน 166.94 ล้านบาทในโครงการช่วยเหลือกลุ่มอาชีพผู้ขับรถยนต์รับจ้าง (รถแท็กซี่) และรถจักรยานยนต์สาธารณะ ที่มีอายุเกิน 65 ปี ในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด 29 จังหวัด

กลุ่มเป้าหมายคือ ผู้ขับรถแท็กซี่ 12,918 ราย และผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์รับจ้าง 3,776 ราย คาดว่าจะจ่ายเงินรอบแรกได้วันที่ 8-12 .. และรอบ 2 ในวันที่ 22-26 .. 64

#มีเงื่อนไขอะไรบ้าง

  • ต้องมีรายชื่ออยู่ในฐานข้อมูลของกรมการขนส่งทางบก
  • ไม่เป็นผู้ประกันตนตามมาตรา 33 มาตรา 39 และมาตรา 40 ในระบบประกันสังคม
  • โอนเงินผ่านบัญชีพร้อมเพย์’ (Promptpay) ที่ผูกกับเลขบัตรประชาชน หรือตามวิธีการอื่นที่กรมการขนส่งทางบกกำหนด

#ได้คนละเท่าไหร่

ในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด 13 จังหวัด สนับสนุนเงินช่วยเหลือค่าครองชีพเป็นระยะเวลา 2 เดือน เดือนละ 5,000 บาท รวมทั้งหมดเป็น 10,000 บาท (กรุงเทพมหานคร, นครปฐม, นนทบุรี, ปทุมธานี, สมุทรปราการ, สมุทรสาคร, ฉะเชิงเทรา, ชลบุรี, พระนครศรีอยุธยา, นราธิวาส, ปัตตานี, ยะลา และสงขลา)

ในพื้นที่ 16 จังหวัดสีแดงเข้มที่ประกาศเพิ่มเติม สนับสนุนเงินช่วยเหลือค่าครองชีพเป็นระยะเวลา 1 เดือน เป็น 5,000 บาท (กาญจนบุรี, ตาก, นครนายก, นครราชสีมา, ประจวบคีรีขันธ์, ปราจีนบุรี, เพชรบุรี, เพชรบูรณ์, ระยอง, ราชบุรี, ลพบุรี, สิงห์บุรี, สมุทรสงคราม, สระบุรี, สุพรรณบุรี และอ่างทอง)

#ลงทะเบียนอย่างไร

สำหรับวิธีการลงทะเบียนร่วมโครงการนั้น กรมการขนส่งทางบก จะเปิดให้มีการลงทะเบียนตามหลักเกณฑ์ของโครงการ และดำเนินการตรวจสอบข้อมูลผู้ประกอบอาชีพขับรถยนต์รับจ้าง (รถแท็กซี่) และรถจักรยานยนต์สาธารณะ (วินมอเตอร์ไซค์) ที่มีอายุเกิน 65 ปี จากฐานข้อมูลใบอนุญาตขับรถยนต์สาธารณะ และใบอนุญาตขับรถจักรยานยนต์สาธารณะ

ส่วนกลุ่มผู้ขับรถแท็กซี่เช่า ที่ไม่สามารถตรวจสอบพื้นที่ให้บริการได้ จะต้องทำการตรวจสอบยืนยันตัวตนก่อน เช่น ให้นิติบุคคลรถเช่า/สหกรณ์แท็กซี่เป็นผู้รับรอง เป็นต้น

 

 

]]>
1356291
บางจากผุด “Winnonie” (วิน No หนี้) ยกระดับคุณภาพชีวิตพี่วิน ให้เช่ามอ’ไซค์ไฟฟ้า https://positioningmag.com/1287906 Sun, 26 Jul 2020 04:42:34 +0000 https://positioningmag.com/?p=1287906 บางจากฯ เปิดตัวสตาร์ทอัพ “Winnonie” โดยนำนวัตกรรมพลังงานสีเขียวมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้ามาให้วินมอเตอร์ไซค์เช่า หวังลดภาระผ่อนค่ารถและค่าน้ำมัน ช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตวินมอเตอร์ไซค์นำร่องพื้นที่รอบสนง.ใหญ่ และโรงกลั่นเป็นเวลา 3 เดือนก่อนขยายผลไปสู่พื้นที่รอบกทม.

ให้เช่ามอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า ช่วยลดต้นทุน

บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เปิดตัว “Winnonie” (วิน No หนี้) สตาร์ทอัพภายในกลุ่มบางจากฯ ที่นำนวัตกรรมพลังงานสีเขียวมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้ามาช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตผู้ประกอบอาชีพขับขี่รถจักรยานยนต์สาธารณะ นำร่องพื้นที่รอบสำนักงานใหญ่ สุขุมวิท 62 และโรงกลั่นน้ำมันบางจาก สุขุมวิท 64

ชัยวัฒน์ โควาวิสารัช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า

สตาร์ทอัพ Winnonie จะทดลองนำร่องให้ผู้ประกอบอาชีพวินมอเตอร์ไซค์ในพื้นที่รอบสำนักงานใหญ่ และโรงกลั่นบางจาก เช่ามอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าวันละ 150 บาทเพื่อให้บริการ จำนวนเริ่มต้น 10 คัน โดยบริษัทจะศึกษาข้อมูลเป็นเวลา 3 เดือน ตั้งแต่ 1 .. ที่ผ่านมา หากผลออกมาดีก็จะมีการขยายจำนวนมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าเพิ่มมากขึ้น เพื่อให้บริการในพื้นที่กว้างขึ้นรอบกรุงเทพฯ

โดยแบตเตอรี่ในรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าวิ่งได้ 50-70 กิโลเมตร ก็ต้องมาเปลี่ยนแบตเตอรี่ใหม่ในรูปแบบ Swapping ซึ่งสามารถนำแบตเตอรี่เปลี่ยนได้ที่ตู้สำหรับแลกเปลี่ยนแบตเตอรี่ที่สนามนีบริการน้ำมันบางจาก ในอนาคตจะมีการตั้งตู้เปลี่ยนแบตเตอรี่ตามร้านค้าต่างๆ เพื่ออำนวยความสะดวก เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาแบตเตอรี่หมดระหว่างทาง

นอกจากนี้จะมีการนำ Winnonie รถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้ามานำร่องใช้ให้ลูกบ้านแสนสิริใน T77 ได้ใช้บริการผ่าน Sansiri Home Service Application ในเดือนตุลาคมนี้ เพื่อลดปริมาณก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ และยกระดับคุณภาพชีวิตให้วินมอเตอร์ไซค์ย่านอ่อนนุชรอบข้าง T77

Winnonie เป็นหนึ่งในโครงการส่งเสริมนวัตกรรมภายในองค์กร “The Intrapreneur – ปั้นคนในให้เป็นเถ้าแก่ สนับสนุนให้พนักงานบริษัทนำหลัก Design Thinking มาใช้ในการคิดแนวการทำธุรกิจ จัดขึ้นโดยสถาบันนวัตกรรมและบ่มเพาะธุรกิจ หรือ BiiC ซึ่งเป็นหน่วยงานที่ทำหน้าที่พัฒนา และแสวงหาธุรกิจใหม่ๆ ที่ใช้นวัตกรรมต่อยอดขยายธุรกิจพลังงานสีเขียว และธุรกิจด้านชีวภาพทั้งในและนอกประเทศ

พัฒนาจาก Pain Point ของพี่วิน

โดยกลุ่มพนักงานที่เป็นผู้ริเริ่มโครงการนี้ ได้ทำการศึกษาการประกอบอาชีพและการใช้ชีวิตของผู้ประกอบการรถวินมอเตอร์ไซค์ที่มีรายได้เฉลี่ยวันละ 500-600 บาท/วัน แต่มีค่าใช้จ่ายสูงมาก ซึ่งกว่า 60% เป็นค่าใช้จ่ายในการผ่อนรถและค่าน้ำมัน ทำให้มีเงินเหลือไม่มาก ดังนั้น Winnonie จะช่วยลดภาระหนี้สินซึ่งถือเป็น Pain Point ของวินมอเตอร์ไซค์

ด้วยการนำมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้ามาให้วินมอเตอร์ไซค์เช่า ลดภาระดอกเบี้ยทบต้นจำนวนมากจากการผ่อนรถที่ต้องซื้อมาประกอบอาชีพ และลดค่าน้ำมันด้วย จากการศึกษาพบว่าช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายกว่าการใช้น้ำมันประมาณ 10 เท่า

ทั้งนี้วินมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า 1 คัน ถ้าวิ่งระยะทาง 150 กม. ต่อ 1 วัน จะช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เฉลี่ยวันละ 6.75 กิโลกรัม สำหรับใน กทม. นั้น มีมอเตอร์ไซค์จดทะเบียนป้ายเหลืองประมาณ 100,000 คัน ถ้าสามารถเปลี่ยนมอเตอร์ไซค์วินหนึ่งแสนคันใน กทม. เป็นมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าได้ทั้งหมด จะลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สู่ชั้นบรรยากาศได้กว่า 250,000 ตันต่อปี เทียบเท่ากับการปลูกต้นไม้ประมาณ 20.5 ล้านต้น หรือคิดเป็นพื้นที่ 30,000 ไร่ หรือถ้าเทียบง่ายๆ คือประมาณ 3 เท่าของพื้นที่บางกะเจ้า

Source

]]>
1287906
เราจะรอดไปด้วยกัน! “หมูทอดเจ๊จง” เปิดรับ “พี่วิน-ลุงแท็กซี่” ขนข้าวกล่องขายตามหมู่บ้าน https://positioningmag.com/1274063 Fri, 17 Apr 2020 15:49:47 +0000 https://positioningmag.com/?p=1274063 ร้านอาหารก็ห้ามนั่ง คนก็ไม่ออกจากบ้าน พี่วิน-ลุงแท็กซี่ก็ขาดรายได้ ทำให้โครงการ Chefs for Chance ชวน “หมูทอดเจ๊จง” ร่วมสร้างอาชีพยามวิกฤต COVID-19 เปิดรับวินมอเตอร์ไซค์และคนขับแท็กซี่ขนข้าวกล่องไปขายตามหมู่บ้าน กำไรกล่องละ 7 บาท แถมวิธีสมัครแบบ “ใจแลกใจ” รับไปขายก่อน มาจ่ายทีหลัง!

ร้าน หมูทอดเจ๊จง ร่วมโครงการ Chefs for Chance เปิดโครงการให้วินมอเตอร์ไซค์และคนขับแท็กซี่เข้ามารับข้าวหมูทอดของเจ๊จงไปเร่ขายตามสถานที่ต่างๆ โดยร้านระบุชัดๆ “กำไรกล่องละ 7 บาท” พร้อมสอนเทคนิคการขายสำหรับมือใหม่ให้ด้วย โดยเริ่มมีพี่วินและลุงแท็กซี่เข้ามารับของไปขายแล้ว

(Photo: Facebook@JehJong)

Positioning ต่อสายคุยกับ “ดร.ศิริกุล เลากัยกุล” ผู้อำนวยการประจำประเทศไทย Sustainable Brands Thailand ซึ่งเป็นผู้ริเริ่มโครงการ Chefs for Chance เธอเล่าว่าโครงการและหมูทอดเจ๊จงมีการร่วมงานกันมาก่อนแล้วตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา

ตัวโครงการมีจุดประสงค์หลักเพื่อรวบรวมเชฟที่มีชื่อเสียง มีแบรนด์เป็นของตัวเอง มาร่วมกันทำโครงการจิตอาสา ต่างๆ เริ่มแรกเป็นโครงการสอนนักโทษในเรือนจำทำอาหารเพื่อเป็นอาชีพ โดยถ้าหากนักโทษพ้นโทษแล้ว อนุญาตให้ใช้สูตรของเชฟไปอ้างอิงในการสร้างแบรนด์ของตัวเองได้ ซึ่งหมูทอดเจ๊จงคือหนึ่งในเหล่าเชฟที่ร่วมโครงการนี้

หลังจากนั้นได้เกิดสถานการณ์ COVID-19 ระบาด ทำให้โครงการร่วมกับหมูทอดเจ๊จงทำข้าวกล่องเพื่อแจกบุคลากรการแพทย์ต่อด้วยแหล่งชุมชนที่ขาดแคลนต่างๆ 21 แห่ง โดยมีผู้มีจิตศรัทธาบริจาคเงินหรือวัตถุดิบเข้ามา ดังที่เราได้เห็นตามข่าวก่อนหน้านี้

หมูทอดเจ๊จง เปิดให้วินมอเตอร์ไซค์-แท็กซี่รับข้าวกล่องขายนอกสถานที่ (Photo: Facebook@JehJong)

“แต่เราก็ต้องการทำตามศาสตร์พระราชา คือไม่ได้ให้แค่ปลา แต่ต้องสอนเขาจับปลาด้วย” ดร.ศิริกุลกล่าว โดยมองว่าขณะนี้วินมอเตอร์ไซค์และแท็กซี่มีความลำบากมาก ขณะที่ข้าวหมูทอดเจ๊จงมีชื่อเสียงและเป็นสิ่งที่คนทุกระดับรับประทานได้ ประกอบกับคนส่วนใหญ่หยุดงานอยู่บ้านในช่วงนี้ จึงชักชวนให้หมูทอดเจ๊จงมาทำงานนี้ด้วยกัน

โมเดลคือให้พี่วินหรือลุงแท็กซี่ที่สนใจ มารับข้าวกล่องไปตระเวนขายตามสถานที่ต่างๆ เนื่องจากอาชีพเหล่านี้มีความเชี่ยวชาญเส้นทางและรู้จักแหล่งชุมชนอยู่แล้ว โดยเปิดเผยชัดเจนว่า พี่วิน-ลุงแท็กซี่รับกำไร 7 บาท ร้านรับกำไร 3 บาท ร้านไม่รับกำไรมากแต่ขอให้อยู่ได้เพื่อความยั่งยืนของทุกฝ่าย

และยังใช้ระบบ “ใจแลกใจ” ขอแค่ความซื่อสัตย์และตั้งใจก็พอ เพราะร้านจะขอแค่ถ่ายสำเนาบัตรประจำตัวประชาชน พูดคุยสัมภาษณ์ความตั้งใจจริงพร้อมสอนเทคนิคการขายให้ จากนั้นรับข้าวกล่องไปขายได้เลย แล้วค่อยนำเงินที่ได้มาจ่ายคืนต้นทุน ทำให้ไม่ต้องมีทุนตั้งต้นก็ทำได้ แต่ถ้าไม่ซื่อสัตย์ก็จะรับของไปขายเพิ่มอีกไม่ได้

ด้าน “จงใจ กิจแสวง” หรือเจ๊จง เจ้าของร้านหมูทอดเจ๊จง บอกกับเราสั้นๆ ว่า ขณะนี้เพิ่งเริ่มเปิดโครงการ ยังมีพี่วิน-ลุงแท็กซี่เข้ามาสมัครไม่มาก อาจจะต้องรอให้ข่าวกระจายออกไปก่อน โดยถ้าต้องการขายขอให้มาเจอหน้าเจอตัวที่ร้านหลักสาขาโลตัส พระราม 4 ก่อน เพราะต้องการคนตั้งใจจริง หลังจากนั้นรอบที่ 2 เป็นต้นไปสามารถไปรับของที่สาขาอื่นๆ ได้เลย

ผู้ที่สนใจหรืออยากแนะนำใคร โทรฯ หาร้านหมูทอดเจ๊จงได้เลยที่เบอร์ 097-156-3629 !

]]>
1274063
Grab แจงช่วยเหลือผู้ขับขี่ หลังถูกวินมอเตอร์ไซค์ทำร้ายเลือดอาบ https://positioningmag.com/1234099 Tue, 11 Jun 2019 15:29:43 +0000 https://positioningmag.com/?p=1234099 ไม่ใช่ครั้งแรก ที่ผู้ขับขี่ Grab ต้องเจอวินมอเตอร์ไซค์ทำร้าย ล่าสุดผู้ขับขี่จักรยานยนต์ถูกมอเตอร์ไซค์รับจ้างทำร้ายร่างกาย ใช้มีดไล่ฟัน จนได้รับบาดเจ็บ

ทางด้าน Grab ได้ออกมาแถลงการณ์ถึงกรณีดังกล่าว่า จากกรณีผู้ขับขี่จักรยานยนต์สาธารณะทำร้ายพาร์ตเนอร์ผู้ขับขี่แกร็บ จนได้รับบาดเจ็บ ที่บริเวณบรรทัดทอง ในวันที่ 13 พฤษภาคมที่ผ่านมา แกร็บ ประเทศไทย ขอเรียนให้ทราบว่าบริษัทฯ รู้สึกเสียใจและห่วงใยต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยบริษัทฯ ได้ติดต่อไปยังพาร์ตเนอร์ผู้ขับขี่ที่ได้รับรายงานถึงเหตุการณ์ดังกล่าวโดยทันที

ทั้งนี้ หลังจากที่ได้สอบถามถึงรายละเอียดของเหตุการณ์แล้วพบว่า พาร์ตเนอร์ผู้ขับขี่ของเราไม่ได้มีความผิดจากเหตุการณ์นี้ และได้พูดคุยกับพาร์ตเนอร์ผู้ขับขี่ถึงข้อกำหนดและการปฏิบัติตัวที่เหมาะสมในกรณีที่พบกับเหตุการณ์ที่นำไปสู่ความรุนแรง

ในกรณีที่พาร์ตเนอร์ผู้ขับขี่ได้รับบาดเจ็บจากการโดนทำร้ายร่างกาย บริษัทฯ มีมาตรการต่างๆ เพื่อให้ความช่วยเหลือพาร์ตเนอร์ผู้ขับขี่ เช่น

  • ประสานงานกับพาร์ตเนอร์ผู้ขับขี่เพื่อติดต่อกับบริษัทประกันที่แกร็บมีสัญญาอยู่ ตามระยะเวลาและข้อกำหนดของบริษัทประกัน
  • สนับสนุนข้อมูลที่เกี่ยวข้องแก่เจ้าหน้าที่เพิ่มเติม โดยเป็นข้อมูลที่สามารถเปิดเผยได้ หากมีการส่งหนังสือจากเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อขอตรวจสอบข้อมูลเข้ามาทางบริษัทฯ

จากเหตุการณ์ครั้งนี้ แกร็บ ขอรณรงค์ให้ไม่มีการใช้ความรุนแรงในการแก้ไขปัญหา รวมทั้งสนับสนุนให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วยทำการสืบสวนและสอดส่องดูแลอย่างใกล้ชิด

ทั้งนี้ บริษัทฯ ได้มีการแจ้งพาร์ตเนอร์ผู้ขับขี่อยู่เป็นประจำให้หลีกเลี่ยงการปะทะรวมถึงเหตุการณ์ใดๆ ที่อาจส่งผลให้เกิดความรุนแรงในภายหลัง และสามารถแจ้งเข้ามาที่ศูนย์รับเรื่องร้องเรียนของแกร็บที่ Grab Call Center เบอร์ 02 021 2555 ทันที   

โดยความปลอดภัยของพาร์ตเนอร์ผู้ขับขี่และผู้โดยสารเป็นสิ่งที่สำคัญสูงสุด และพร้อมดำเนินการทุกวิถีทางเพื่อแก้ไขสถานการณ์อย่างเร่งด่วนหากมีสถานการณ์ความไม่ปลอดภัยเกิดขึ้น.

]]>
1234099
จับตา! GET ควง “Go-Jek” ลุยสังเวียนแอปฯ เรียกรถไทย ประเดิม 3 บริการ วินมอเตอร์ไซค์-ส่งพัสดุ-ส่งอาหาร คาด 1 ปีลูกค้า 1 ล้านราย https://positioningmag.com/1216797 Thu, 28 Feb 2019 00:57:23 +0000 https://positioningmag.com/?p=1216797 เมื่อ 2 เดือนก่อนสังเวียนแอปพลิเคชั่นเรียกรถ หรือ Ride-Hailing Application กลับมามีความเคลื่อนไหวอีกครั้ง เมื่อน้องใหม่ “GET!” (เก็ท) ประกาศทดลองให้บริการฟรีรัศมี 6 กิโลเมตรใน 3 เขตลาดพร้าว วังทองหลาง และจตุจักร

จากนั้น Get ทยอยขยายพื้นที่ให้บริการมาเรื่อยๆ จนถึงวันนี้ GET มีพื้นที่ให้บริการครอบคลุม 80% ของกรุงเทพฯ พร้อมกับอ้างสถิติมีการใช้งานกว่า 2 ล้านครั้ง คิดเป็นระยะทางกว่า 3 ล้านกิโลเมตร หรือไปกลับดวงจันทร์ 7 รอบ

บริเวณที่ใช้บริการจำนวนมากอยู่ในย่าน CBD เช่น สาทรและบางรัก ยอดดาวน์โหลดแอป 2 แสนครั้ง และมีพี่วินมอเตอร์ไซค์ลงทะเบียนในระบบ 10,000 คน จากจำนวนที่ลงทะเบียนกับกรมขนส่งทางบกทั้งสิ้น 80,000 คน

การที่ Get ถูกจับตามองอย่างมาก เพราะมี Backup ที่ไม่ธรรมมา อย่าง Go-Jek (โกเจ็ก) หนึ่งในเทคยูนิคอร์นที่น่าจับตามองในแถบเอเชีย จากอินโดนีเซีย แถมมีบริษัทยักษ์ใหญ่ระดับโลกมากมาย ทั้งกูเกิล เทนเซ็นต์ และเหม่ยถวนเตี้ยนผิง ร่วมลงทุนเข้ามาเป็นผู้สนับสนุนทางการเงินและ Know-how ในด้านเทคโนโลยี

Get นั้น ไม่ได้มีสถานะเป็นบริษัทลูกหรือบริษัทร่วมทุน ของ Go-Jek แต่อยู่ในลักษณะพาร์ตเนอร์ชิพโดยมีอำนาจในการบริการและตัดสินใจเอง ผู้บริหารและพนักงาน 100 กว่าคนเป็นคนไทยทั้งหมด และมีบางส่วน เช่น วิศวกรรมดูแลระบบที่ Go-Jek ส่งมาช่วยดูเท่านั้น

Go-Jek ได้เปิดตัวด้วยบริการรับส่งคนและพัสดุด้วยรถจักรยานยนต์เมื่อปี 2010 จนถึงตอนนี้มี 19 บริการ ตั้งแต่บริการขนส่ง รับส่งอาหาร ร้านค้าบริการนวด บริการทำความสะอาดบ้านโลจิสติกส์ รวมถึงบริการอีมันนี่ และโรยัลตี้โปรแกรม มียอดดาวน์มากกว่า 130 ล้านครั้ง และมีผู้ใช้งานกว่า 2 ล้านคนต่อวัน

ในอินโดนีเซียให้บริการ 200 เมือง/เขต และได้ประกาศการขยายสู่นานาชาติไปยัง 4 ประเทศ ได้แก่ เวียดนาม (ให้บริการเฉพาะเรียกมอเตอร์ไซค์) ใช้ชื่อ โกเหวียด” (Go-Viet) สิงคโปร์ และฟิลิปปินส์ (ให้บริการเฉพาะอีมันนี่เพราะเข้าไปซื้อบริษัทท้องถิ่นมา) ใช้ชื่อบริการ Go-Jek แต่ให้บริการทีหลังไทย

โดยไทยเป็นประเทศที่ 4 ที่ Go-Jek เข้ามาทำตลาด แต่ใช้ชื่อ GET! จะให้บริการ 3 บริการ คือ 1.บริการ เรียกมอเตอร์ไซค์ หรือ GET Win โดยจะมีแต่รถป้ายเหลืองที่ถูกกฎหมายเท่านั้น 2. GET Delivery บริการส่งพัสดุต่างๆ และ GET Food บริการซื้ออาหารที่มีร้านในระบบ 2 หมื่นร้าน ตั้งแต่ร้านสตรีทฟู้ดจนถึงร้านอาหารระดับมิชลินสตาร์ จะให้ป้ายขาววิ่งรับส่งได้

นาดีม มาคาริม ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ โกเจ็ก Go-Jek ให้เหตุผลที่สนใจตลาดเมืองไทยเพราะภาพรวมมีพฤติกรรมที่คล้ายคลึงกัน ทั้งการคุ้นชินกับการนั่งมอเตอร์ไซค์ ชื่นชอบอาหาร และนิยมใช้แอปพลิเคชั่นผ่านโทรศัพท์มือถือ จึงได้สนใจเข้ามาก่อนจะเจอกับทีมงานของ GET ที่เข้าใจตลาดเมืองไทยเป็นอย่างดี

ทีมงานที่ว่านี้คือ ภิญญา นิตยาเกษตรวัฒน์ ผู้ร่วมก่อตั้ง และรั้งตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ซึ่งคลุกคลีอยู่ในวงการ O2O (Online-to-Offline) เมืองไทย เพราะเคยเป็นผู้บริหารและผู้ร่วมก่อตั้งไลน์แมน (LINE Man) จนเป็นที่รู้จักในเมืองไทย ในด้านผู้ให้บริการรับส่งอาหาร (Food Delivery) รวมถึงสร้างไลน์แท็กซี่ (LINE Taxi) ขึ้นมาเป็นในฐานะอีกบริการหนึ่งของไลน์แมน

ช่วงบุกเบิก ไลน์แมน เขาได้ดึงพาร์ตเนอร์ใหญ่ๆ เข้ามาเสริมทัพได้มากมายไม่ว่าจะเป็นวงใน (Wongnai) หรือลาล่ามูฟ (Lalamove) และก่อนหน้านั้นภิญญาได้เคยทำงานกับบริษัทที่ปรึกษาธุรกิจชั้นนำอย่าง PCUBED ในฮ่องกง และแอคเซนเจอร์ (Accenture) ในไทยพร้อมประสบการณ์ในวงการเทคโนโลยี

ภิญญาบอกว่าสังเวียน Ride-Hailing Application ยังถือว่าเป็น “Blue Ocean” เพราะถึงจะมีผู้ให้บริการรายใหญ่อยู่ แต่สัดส่วนของคนที่ใช้บริการยังเป็นตัวเลขหลักเดียว แสดงว่ายังมีโอกาสในตลาดอีกมาก ซึ่งการจะเจาะเข้าไปได้จะต้องเข้าใจในพฤติกรรมของผู้บริโภค

จากผลรองรับในช่วงทดลองชี้ให้เห็นว่า GET สอบผ่านได้ดีด้วย 3 เหตุผล เรื่องแรกการเป็นแบรนด์ของไทยเอง เพราะชื่อ “GET!” (เก็ท) เป็นชื่อที่สั้นและสามารถเข้าใจความหมายได้ทันที ไม่ว่าจะเป็นทั้งภาษาไทยหรือภาษาอังกฤษ ต่อมาการใช้งานที่ง่าย และส่งผลต่อชีวิตประจำวันของผู้บริโภคจริงๆ

ความท้าทายที่สุดของ GET ในตอนนี้คือเปลี่ยนพฤติกรรมของผู้บริโภคให้คุ้นชินการเรียกพี่วินมอเตอร์ไซค์ให้เร็วที่สุด

GET ย้ำตัวเองเป็นบริการที่ถูกกฎหมาย เพราะตลอดเวลา 1 ปีที่ผ่านมาได้เข้าไปหารือกับทางภาครัฐตลอด เพื่อให้บริการถูกต้องตามกฎหมาย

เบื้องต้นใน GET Win จะคิดค่าบริการตามที่กฎหมายกำหนด ช่วงนี้ยังมีโปรโมชั่นส่วนลดอยู่ มีอัตราระยะเวลาเรียกรถ 10 วินาที ส่วน GET Food และ GET Delivery คิดค่าบริการตามจริง ไม่ได้คิดค่าธรรมเนียมเพิ่ม โดยต่อไปได้วางแผนเพิ่มบริการอีมันนี่เข้ามา แต่ยังไม่ได้ระบุว่าจะเปิดให้บริการในช่วงไหน ส่วนพื้นที่ให้บริการคาดครอบคลุมภายกรุงเทพฯภายในไตรมาสแรกนี้

เป้าหมายภายในปีนี้ของ GET ก็ไม่มากไม่มายแค่อยากให้มีคนไทยที่ใช้บริการ “1 ล้านคนเท่านั้นเอง.

]]>
1216797