ศึกน้ำดำซัมเมอร์ – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Fri, 21 Feb 2020 10:28:40 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 “เป๊ปซี่” เปิดศึก “หวยน้ำดำ” อัดยาเเรง “ชิงโชค” ใหญ่ คืนชีพเซเว่นอัพ https://positioningmag.com/1265289 Fri, 21 Feb 2020 03:56:23 +0000 https://positioningmag.com/?p=1265289 หน้าร้อนเป็นช่วงเเห่งการเเข่งขันอันดุเดือดของ “ตลาดน้ำอัดลม” ที่จะอัดเเคปเปญกระตุ้นยอดขาย เปิดตัวสินค้าใหม่เเละโปรโมทสร้างการรับรู้ต่างๆ

“ยิ่งร้อนก็ยิ่งขายดี” คนหาอะไรดื่มเพื่อความสดชื่นมากขึ้น เป็นผลให้ผู้ผลิตน้ำอัดลมที่ทำตลาดในไทยเติบโตกันถ้วนหน้าทั้ง 3 เจ้าใหญ่อย่างเป๊ปซี่ โค้กเเละเอส ซึ่งมีมูลค่าตลาดรวมอยู่ที่ 56,000 ล้านบาท ในปี 2019 เพิ่มขึ้น 12% จากที่ปีก่อนหน้าอยู่ที่ราว 50,900 ล้านบาท ส่วนแบ่งของตลาดน้ำอัดลมไทยแยกตามประเภท ได้แก่ น้ำอัดลมสีดำ 71% น้ำอัดลมสี 23% และน้ำอัดลมไม่มีสี 6%

ทั้งนี้ ข้อมูลจาก Nielson ระบุว่า ส่วนเเบ่งการตลาดน้ำอัดลมทั้งหมดในไทยของปี 2019 “โค้ก” ยังคงอยู่อันดับ 1 ที่ 35% ตามมาด้วย เป๊ปซี่อยู่ที่ 25.4 % เเละเเฟนต้าที่ 15.6% ส่วนเฉพาะประเภทไม่คืนขวด (PET, กระป๋อง) นั้นเป๊ปซี่ครองตลาดที่ 45%

ปีนี้ฝั่ง “เป๊ปซี่” ประกาศจะทุุ่มงบการตลาดกว่า 400 ล้าน (เพิ่มขึ้นเกือบเท่าตัวจากปี 2019 ที่ใช้ไปราว 250 ล้าน) จัดเเคมเปญชิงโชคครั้งใหญ่ที่สุดตั้งเเต่เคยทำมา เพื่อกระตุ้นยอดขายสินค้าที่กำลังจะวางขาย หลังปรับโฉมใหม่อย่าง “มิรินด้า” เเละฟื้นคืนชีพ “เซเว่น อัพ” เพื่อเอา “น้ำสีเเละน้ำใส” มาช่วยเสริมความเเกร่งของ “น้ำดำ” ที่เป็นตัวหลักอย่างเป๊ปซี่

อัดยาเเรง “ชิงโชคใต้ฝา” ครั้งใหญ่ที่สุด 

ในปีที่ผ่านๆ มา ซันโทรี่ เป๊ปซี่โคมีการจัดเเคมเปญชิงโชคอยู่บ้าง เเต่ปีนี้นับว่ามีมูลค่ารางวัลรวมสูงที่สุดกว่า 40ล้าน กับ “เป๊ปซี่ ซัมเมอร์ซ่า”  ตั้งแต่วันที่ 1 ก.พ.- 24 เม.ย. 2020 โดยการส่งรหัสใต้ฝาหรือรหัสที่หูกระป๋องของเป๊ปซี่ มิรินด้า และเซเว่น-อัพ ขนาดใดก็ได้เข้าร่วมชิงรางวัล พร้อมนำ “เดอะทอยส์” นักร้องขวัญใจวัยทีนมาเป็นพรีเซ็นเตอร์

โดยจะเเจกทองคำมูลค่า 10 ล้านบาท จำนวน 1 รางวัล, รถยนต์ BMW X1 มูลค่า 1.99 ล้านบาท จำนวน 8 รางวัล, โทรศัพท์มือถือ Samsung S series รุ่นใหม่ล่าสุด มูลค่า 31,900 บาท 270 รางวัล และบัตรกำนัล KFC มูลค่า 500 บาท จำนวน 20,000 รางวัล

การทุ่มงบหนักของ เป๊ปซี่โคครั้งนี้ ก็เป็นการรุกตลาดเพื่อสร้างสีสัน กระตุ้นตลาดเครื่องดื่มในช่วงหน้าร้อนให้กลับมาคึกคัก รวมถึงปั้นยอดขายสินค้าที่จะออกมาใหม่อย่าง “มิรินด้า-เซเว่นอัพ” นั่นเอง

“เเคมเปญใหญ่นี้ คิดล่วงหน้ามาเป็นปี ซึ่งไม่ได้เกี่ยวข้องกับการที่เศรษฐกิจที่กำลังชะลอตัวหรือผลกระทบจากไวรัสโคโรนา” จรณชัย ศัลยพงษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายบรรษัทสัมพันธ์ ซันโทรี่ เป๊ปซี่โค กล่าว

ด้าน ศิเรมอร ศุภจรรยา ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาดของ ซันโทรี่ เป๊ปซี่โค เบเวอเรจ (ประเทศไทย) จำกัด หรือ SPBT ผู้ผลิตเครื่องดื่มเเบรนด์ เป๊ปซี่ มิรินด้า เซเว่น-อัพ ชาลิปตัน เกเตอเรด น้ำดื่มอควาฟิน่า และกู๊ดมู้ด เปิดเผยว่า “ในปี 2019 เป๊ปซี่โคเติบโตได้กว่า 15.5% นับว่าโตมากที่สุดในตลาดน้ำอัดลม โดยในส่วนเป๊ปซี่ เติบโตราว 16 % ตามมาด้วยมิรินด้า เติบโต 8% เเละเซเว่น-อัพ เติบโต 5 %” 

เจาะใจคนรุ่นใหม่ Gen Z และคนรักสุขภาพ

ผู้บริหารเป๊ปซี่โค บอกว่า การฟื้นแบรนด์ “มิรินด้า” เเละ “เซเว่น-อัพ” กลับมาทำตลาดอีกครั้งนั้น มีที่มาที่ไปจากเทรนด์ของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปในการบริโภคเครื่องดื่ม โดยเฉพาะน้ำอัดลม

สำหรับ 2 เทรนด์หลักที่บริษัทจะมุ่งจับตลาดให้ได้คือ กลุ่มคน Gen Z อายุระหว่าง 10-21 ปีเเละกลุ่มคนรักสุขภาพ ที่ต้องการเครื่องดื่มที่ไม่มีน้ำตาล ไม่มีคาเฟอีน ซึ่งมีแนวโน้มเพิ่มเรื่อยๆ ในผู้บริโภคทุกเพศทุกวัย

โดย Gen Z เป็นกลุ่มคนที่พร้อมเปิดใจยอมรับความแปลกใหม่ โตมากับเทคโนโลยี กล้าแสดงออก มีความมั่นใจ ในประเทศไทยมีคน Gen Z จำนวนกว่า 13 ล้านคน คิดเป็น 19% ของประชากร

อีกกลุ่มคือคนที่รักสุขภาพ แต่ก็ยังอยากบริโภคน้ำอัดลมอยู่ จึงต้องหาสิ่งที่ตอบโจทย์ลูกค้ากลุ่มนี้ เช่น เครื่องดื่มที่ไม่มีน้ำตาล ปราศจากไขมัน รวมถึงมีการเติมวิตามิน แร่ธาตุที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย จากการสำรวจตลาดพบว่า ลูกค้ายอมจ่ายเเพงขึ้น หากมีการ “ตัดผลเสีย” เเละ “เติมคุณค่า”

ปรับโฉมใหม่ “มิรินด้า” ทั่วโลก

ช่วงกลางปีนี้เราจะได้เห็นมิรินด้าในภาพลักษณ์ใหม่ตามตลาดโลกที่ดูเด็กลงมาก มีความเป็นวัยรุ่นที่ดูสดใสมากขึ้นเพื่อเอาใจชาว Gen Z เเละจะขยายฐานลูกค้าด้วยสินค้าใหม่ “มิรินด้า กลิ่นกรีนครีม” เพราะเห็นว่าตลาดน้ำสี โดยเฉพาะ “น้ำเขียว” มีโอกาสเติบโตได้สูง

พร้อมมุ่งเน้นการสื่อสารการตลาดไปที่ช่องทางออนไลน์ โดยจะโปรโมทผ่านสื่อโซเชียลที่คนรุ่นใหม่คุ้นเคยเเละใช้กันเยอะอย่าง TikTok , Twitter , Fackbook เเละ Instagram อย่างไรก็ตามยังคงมีการโปรโมทตามสื่อในร้านค้าเเละสื่อนอกบ้านด้วย

คืนชีพ “เซเว่น-อัพ”  

ที่ผ่านมาเซเว่น-อัพ เเม้จะมีวางขายอยู่ตลอด เเต่ก็ค่อนข้างเงียบเหงาไร้กิจกรรมทางการตลาด เมื่อเทียบกับคู่แข่งอย่างสไปร์ท ปีนี้ถึงเวลาเป๊บซี่โค จะฟื้นคืนชีพให้เซเว่น-อัพ

โดยก่อนหน้านี้มีการทำวิจัยผู้บริโภค พบว่าพวกเขาชื่นชอบน้ำอัดลมน้ำใสเพราะรู้สึกมีความเป็นธรรมชาติและดูมีสุขภาพ จึงทำให้บริษัทอยากที่จะยกระดับ เซเว่น-อัพให้กลายเป็นเครื่องดื่มเพื่อคนรักสุขภาพ จึงต่อยอดออกสินค้าใหม่ “เซเว่น-อัพ ฟรี” ไม่มีน้ำตาล ไม่เจือสี ไม่คาเฟอีน

ซึ่งจะเป็นการ “ลองตลาด” ทั่วโลก โดยได้นำ “ไฟโด ดิโด” (Fido Dido) ตัวการ์ตูนที่เคยเป็นมาสคอตของเเบรนด์ เซเว่น-อัพ ในยุค 80-90 มาสร้างสีสันบนแพ็คเกจจิ้งใหม่ให้เเฟนๆ ได้เก็บสะสมกันซึ่งก็ได้รับผลตอบรับที่ดี

 

จัดเทศกาลดนตรี เน้นเพิ่มฐานภาคอีสาน 

ซันโทรี่ เป๊ปซี่โค ยังเดินหน้าเป็นผู้สนับสนุนหลักในเทศกาลดนตรีเพื่อโปรโมทเเบรนด์ในวงกว้าง ซึ่งในช่วงสงกรานต์ปีนี้ มีการร่วมใน 4 งานซึ่งถือเป็นแลนด์มาร์คสำคัญ ได้เเก่

  • Pepsi Presents S2O Songkran Music Festival กรุงเทพ ที่มีผู้เข้าร่วมงานกว่า 60,000 คน สนับสนุนเป็นปีที่ 6 แล้ว
  • UD Town Songkran Festival จ.อุดรธานี หนึ่งในเทศกาลดนตรีที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่มีผู้เข้าร่วมงานกว่า 1.2 แสนคน สนับสนุนเป็นปีที่ 4 แล้ว
  • Pepsi Music Presents Songkran Korat มันส์ สุด มาก ณ เซ็นทรัลพลาซา จ.นครราชสีมา สนับสนุนเป็นปีที่ 6
  • Volo Festival เทศกาลดนตรี Hip Hop กลางสวนน้ำวานา นาวา วอเตอร์ จังเกิ้ล หัวหิน โดยปีนี้เป็นปีแรกที่ซันโทรี่ เป๊ปซี่โคเข้าสนับสนุน

“เรายังเน้นไปที่ภาคอีสาน ซึ่งเป็นฐานลูกค้าใหญ่ที่สุดของเป๊ปซี่ เมื่อเทียบกับภูมิภาคอื่นๆ”  

ขณะที่ความกังวลจากการเเพร่ระบาดของไวรัส Covid-19 ที่นักท่องเที่ยวจะลดลงมากเเละความเสี่ยงจากการชุมนุมนั้นมีผลต่อการจัดเทศกาลดนตรีในปีนี้หรือไม่ จรณชัยตอบว่า ทางเป๊ปซี่โคติดตามสถานการณ์วันต่อวัน เพื่อเตรียมรับมือในด้านต่างๆ เเต่ยืนยันว่าจะเป็นสปอนเซอร์หลักในการจัดงานต่อไป อย่างไรก็ตามการดำเนินงานนั้นขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของผู้จัดงาน

]]>
1265289
เป๊ปซี่ เทงบ 250 ล้าน จับ 4 ศิลปิน 4 แนว ฟีเจอริ่ง ปั้น “บทเพลง” ฤดูร้อน สู้ศึกน้ำดำซัมเมอร์  https://positioningmag.com/1215874 Fri, 22 Feb 2019 09:41:08 +0000 https://positioningmag.com/?p=1215874 คล้อยหลังกรมอุตุนิยมวิทยาเพิ่งประกาศให้เมืองไทยเข้าสู่ “หน้าร้อน” อย่างเป็นทางการได้เพียงวันเดียว สงครามแคมเปญ “น้ำอัดลมน้ำดำ” ก็สาดขึ้นทันที โดยเปิดเกมด้วย “เป๊ปซี่” ใช้งบการตลาดถึง 250 ล้านบาทสำหรับโปรโมตแคมเปญใหญ่ “เป๊ปซี่ ซ่า…สุดทุกดนตรี” (Pepsi Music 2019)

จะว่าไป มิวสิก มาร์เก็ตติ้ง” ไม่ได้เป็นเรื่องใหม่สำหรับสงครามน้ำดำ เพราะอย่างที่รู้การจะขายน้ำอัดลมได้นั้นนอกจากหวังให้ อากาศร้อน ซึ่งช่วง 2-3 ปีมานี้อากาศมักไม่ค่อยเป็นใจเท่าไหร่ ฝนตกตั้งแต่ต้นปีก็ต้องกระตุ้นด้วย แคมเปญอีโมชันนอล” เพื่อให้ผู้บริโภคมีอารมณ์ อยากกิน ขึ้นมา

เพลง จึงถือเป็นหนึ่งในเครื่องมือทรงพลังที่กระตุ้นได้เป็นอย่างดี สมชัย เกตุชัยโกศล ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดกลุ่มธุรกิจเครื่องดื่ม บริษัท เป๊ปซี่โค เซอร์วิสเซส เอเชีย จำกัด ขยายความเพิ่มว่า ที่เลือกเพลงเป็นหัวหอกสำหรับแคมเปญหน้าร้อนเพราะเพลงหรือดนตรีเข้าถึงกลุ่มคนได้วงกว้าง ไม่ว่าจะอายุ เพศ การศึกษา หรือรายได้แค่ไหน

ถึงจะเข้าถึงคนได้ทุกกลุ่มแต่เป้าหมายหลักที่เป๊ปซี่ต้องการสื่อสารถึงคือกลุ่มคนรุ่นใหม่โดยเฉพาะกลุ่มวัยรุ่นอายุระหว่าง 17 – 22 ปี ซึ่งหากบิ้วแบรนด์ให้กับพวกเขาได้ก็จะอยู่กับเป๊ปซี่ในระยะยาวเลย

แต่จู่ๆ จะหยิบเพลงขึ้นมาคู่กับแบรนด์เฉยๆ อาจจะธรรมดาไป สมชัย” บอกว่าได้แคมเปญนี้วางตามเทรนด์ดนตรี 4 ข้อที่เห็นชัดในปัจจุบัน คือ

1. การที่ศิลปินต่างแนวดนตรีมาทำเพลงด้วยกันหรือที่เรียกว่า ฟีเจอริ่ง (Featuring/Feat./Ft.),

2. แนวเพลง EDM ไม่ใช่นิชมาร์เก็ตอีกแล้วย้อนกลับไปเมื่อ 4-5 ปีก่อน EDM จะรู้จักแค่คนในกรุงเทพฯ แต่วันนี้คนต่างจังหวัดเริ่มรู้จัก

3. เพลงฮิปฮอป/แร็ปในอดีตเป็นกลุ่มเฉพาะกลุ่มที่หาฟังได้ค่อนข้างยากหากนับตั้งแต่ปีที่ผ่านมาการมีรายการอย่าง Show me the money Thailand และ The Rapper Thailand ทำให้ศิลปินเพลงเหล่านี้เป็นที่รู้จักมากขึ้น และแจ้งเกิดศิลปินหน้าใหม่ได้หลายคน

4. การมีประสบการณ์ร่วมในดนตรีคนรุ่นใหม่ไม่เหนียมอายที่จะร้องคาราโอเกะอัดและแชร์ไปให้คนอื่นที่ไม่ใช่แค่เพื่อนเท่านั้นที่ชม

กลายเป็นที่มาของการจับศิลปินถึง 4 คน 4 แนวเพลงมาเป็นพรีเซ็นเตอร์ร่วมกันและร้องเพลง รอไร ที่แต่งขึ้นมาสำหรับแคมเปญโดยเฉพาะได้แก่ เดอะทอยส์ ศิลปินหน้าใหม่ตัวแทนเพลงป๊อปที่โด่งดังอย่างมากในกลุ่มวัยรุ่น, บูมบูมแคช หนึ่งในวงต้นๆ ที่ทำเพลง EDM มาตั้งแต่สมัยที่ยังไม่ดัง, กอล์ฟฟักกลิ้งฮีโร่” นักร้องเพลงแร็พที่มีการทำเพลงร่วมกับศิลปินอื่นมามากถึง120 เพลง

ที่น่าสนใจที่สุดคือการเลือก จินตหรา พูนลาภ มาเป็นตัวแทนของเพลงลูกทุ่ง เป๊ปซี่ให้เหตุผลที่เลือกจินตหราเป็นเพราะเธอเป็นราชินีหมอลำ ซึ่งรู้จักกันดีของคนทั่วไปประเทศ โดยเฉพาะการออกเพลง เต่างอย ทำสถิติยอดวิวใน Youtube กว่า 100 ล้านวิว

นัยของการเลือก จินตหรา” ไม่ได้มีเพียงป็นศิปปินชื่อดังเท่านั้น แต่เป๊ปซี่ต้องการใช้ จินตหรา ในการเจาะ ภาคอีสาน ซึ่งเป๊ปซี่ได้พยายามเข้าถึงให้มากขึ้นมา 3 ปี เพราะถือเป็นภาคที่มีประชากรมากที่สุดถึง 21 ล้านคนจากประชากรทั้งประเทศ 65 ล้านคน

นอกเหนือจากการทำสื่อให้เป็นภาษาท้องถิ่นแล้วนั้นเป๊ปซี่ยังได้เข้าไปเป็นสปอนเซอร์หลักงาน “Wonder Waterland @ UD Town” อุดรธานีอีกเพียง 1 งานนอกเหนือจาก S2O ที่สนับสนุนมาตั้งแต่ปีแรกแล้ว

รวมไปถึงการจับมือกับ ป๋าเต็ดยุทธนา บุญอ้อม เจ้าพ่อเทศกาลดนตรีจัดจัดมิวสิกอีเวนต์ในธีม “Pepsi Unexpected Music Experience” ใน 3 จังหวัดคือกรุงเทพฯอุดรธานี และนครราชสีมา ทั้งหมดนี้แสดงให้เห็นว่าเป๊ปซี่ให้ความสำคัญกับภาคอีสานมากแค่ไหน

ขณะเดียวกัน เป็นประจำทุกปีที่เป๊ปซี่จะออกตัวแพ็กเกจจิ้งใหม่ครั้งนี้ใช้รุ่น “เป๊ปซี่มิวสิก ลิมิเต็ดเอดิชั่น” มี4 ลายที่สะท้อน 4 แนวดนตรีผ่านลวดลายกราฟิก “สมชัย” อธิบายว่าถึงการออกแพ็กเกจจิ้งลิมิเต็ดเอดิชั่นจะไม่ได้มีผลที่สะท้อนไปถึงยอดขายมากนัก แต่ก็ต้องทำเพื่อสร้างความแปลกใหม่ แบรนด์ไม่หยุดนิ่ง ทั้งยังมีผู้บริโภคกลุ่มหนึ่งที่เก็บสะสมกระป๋องด้วย

นอกจากนี้ในปีที่ผ่านมาเป๊ปซี่ได้พยายามพาแบรนด์สู่ความเป็นไลฟ์สไตล์เพื่อผูกไปกับการใช้ชีวิตของคนรุ่นใหม่ ผ่านการ Collaboration with Local Brand ปีที่แล้วร่วมมือกับ เกรย์ฮาวด์” แบรนด์แฟชั่นของไทย แต่ปีนี้ได้หันไปร่วมมือกัน “ฟิลา” (FILA) แบรนด์สปอร์ตแฟชั่นสัญชาติเกาหลีทำคอลเลกชั่นพิเศษ “PEPSI X FILA” ออกแบบในโทสสีสีน้ำเงิน ขาว และแดง ซึ่งเป็นสีของแบรนด์ ทั้งคู่มี 60 ไอเท็ม เริ่มวางจำหน่าย 1 มีนาคม

“การทำเสื้อผ้าร่วมกันเป๊ปซี่ไม่ได้ตีออกมาเป็นเม็ดเงิน เพราะเป๊ปซี่ไม่ได้ส่วนแบ่งจากการขาย แต่สิ่งที่มากกว่านั้นคือการสามารถนำแบรนด์เข้าไปหากลุ่มเป้าหมายที่ชื่นชอบสินค้าแฟชั่นได้”

สำหรับภาพรวมของตลาดน้ำอัดลมในเมืองไทย แม้สภาวะเศรษฐกิจที่ยังคงชะลอตัว ส่งผลต่อการเติบโตของตลาดเครื่องดื่มโดยรวม แต่ตลาดเครื่องดื่มน้ำอัดลมถือเป็นหนึ่งในสามแคตทะกอรีหลัก ที่มีการเติบโตสูงที่สุดรองจากตลาดน้ำดื่ม

ข้อมูลจากเดอะนีลเส็น คอมปะนี (ประเทศไทย) ระบุว่ามีมูลค่าอยู่ที่ประมาณ 50,000 ล้านบาท และยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่องด้วยอัตรา 1.6% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ในขณะที่เครื่องดื่มโคล่าหรือตลาดน้ำดำ มีมูลค่าตลาดอยู่ที่ 35,000 ล้านบาท และมีอัตราการเติบโตอยู่ที่ประมาณ 1.6%

ด้านผลงานของเป๊ปซี่มีอัตราการเติบโตของยอดขายที่สูงกว่าตลาดรวม โดยยังคงรักษาตำแหน่งผู้นำตลาดน้ำดำอันดับหนึ่งในบรรจุภัณฑ์แบบไม่ต้องคืนขวด (คือทั้งขวดพีอีทีและกระป๋อง) ด้วยส่วนแบ่งการตลาดที่มากกว่า 45% แต่ถ้านับตลาดรวมเป๊ปซี่เป็นเบอร์ 3 ซึ่งสามารถแซงขึ้นมาจากเบอร์ 4 ได้ราว 2 ปีแล้ว

Next Step ถัดไปคือการไต่ขึ้นเป็นเบอร์ 2 และภาพใหญ่ที่ต้องการเป็นเบอร์ 1 ซึ่งเป๊ปซี่เองก็ยังตอบไม่ได้ว่าจะใช้เวลาเท่าไหร่เหมือนกัน.

]]>
1215874
โค้กเที่ยวไทย สูตรปั้นแคมเปญรับซัมเมอร์ https://positioningmag.com/1157153 Thu, 15 Feb 2018 09:51:12 +0000 https://positioningmag.com/?p=1157153 หลังจากแบรนด์คู่แข่งข้ามชาติ เป๊ปซี่ ดึงแคมเปญโลก ฟื้นตำนานแบรนด์ 120 ปี สร้างการรับรู้เพื่อไปสู่การเป็นไลฟ์สไตล์แบรนด์ในทุกมิติ ทั้งสื่อสารแบบครบวงจร ออกไอเทมแฟชั่น แพ็กเกจจิ้งใหม่ ป็อปอัพ คลับ เพื่อเข้าถึง customer journey ในทุกช่วงเวลา 

ถึงคิว “โคคา-โคลา ส่งแคมเปญ รับศึกน้ำดำซัมเมอร์ ใช้ชื่อว่าฮูลาฮูล่ากับโค้กหน้าร้อนนี้” มุ่งเน้นไปเรื่องของ “การท่องเที่ยวในไทย” ในฐานะหนึ่งในเมืองท่องเที่ยวยอดนิยมของโลก และให้เข้ากับไลฟ์สไตล์คนไทยในช่วงซัมเมอร์

ถือเป็น “โกบอลแคมเปญ” ที่โค้กเคยใช้ในประเทศญี่ปุ่น ด้วยการออกแบบฉลากแพ็กเกจจิ้ง ดีไซน์ใหม่ เป็นรูป 5 เขตภูมิภาคของญี่ปุ่น ได้ใจนักสะสม เช่น ฮอกไกโด, โตเกียว, เกียวโต คุมาโมโตะ และเซโตอุจิ สร้างความฮือฮามาแล้ว

เมื่อส่งต่อมาที่ไทย โค้กออก ”ฉลากใหม่” บนกระป๋องและขวดโค้ก PET ซึ่งเป็นชื่อและไอคอนสัญลักษณ์ของจุดหมายในการท่องเที่ยวทั่วประเทศไทยจำนวน 24 ลาย ให้เป็นรุ่น ลิมิเต็ด อิดิชั่น เอาใจนักสะสม

คลาวเดีย นาวาร์โร ผู้อำนวยการการตลาด บริษัท โคคา-โคลา (ประเทศไทย) จำกัด กล่าววถึงที่มาของไอเดียตั้งต้น มาจาก “ฤดูร้อน ถือเป็นช่วงที่คนไทยนิยมท่องเที่ยว และใช้เวลาอยู่กับครอบครัว ซึ่งประเทศไทยขึ้นชื่อเรื่อง “สถานที่ท่องเที่ยว” โค้กจึงคัดเลือกมา 24 แบบ มาเป็นไฮไลต์บนแพ็กเกจจิ้งใหม่

กิจกรรมนี้ เพื่อให้คนไทยเก็บสะสมให้ครบ 24 แบบ ตามหากระป๋อง หรือขวดมาแบ่งปันความทรงจำดีๆ ร่วมกับคนในครอบครัว

ตัวแคมเปญ จะถูกใช้ทำกิจกรรมสื่อสารการตลาดแบบครบวงจร ประกอบไปด้วยภาพยนตร์โฆษณาชุดใหม่ นำแสดงโดย ปันปัน สุทัตตา อุดมศิลป์

สื่อโฆษณานอกบ้าน ตามท่าอากาศยานดอนเมืองและท่าอากาศยานหลักๆ 4 ภาคทั่วไทย อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ สื่อโฆษณานอกบ้านใหม่ๆ เช่นการใช้พื้นที่ยอดตึกใบหยกทาวเวอร์

นอกจากนี้ ยังจับมือร่วมกับสายการบินแอร์เอเชีย โดยผู้โดยสารของสายการบินแอร์เอเชียที่เดินทางไปยังจุดหมายปลายทางในประเทศ จะได้รับเครื่องดื่มโค้กที่มากับชื่อและไอคอนสัญลักษณ์ของจังหวัดนั้นๆ ฟรี

แคมเปญยังรวมไปถึงลุ้นส่งรหัส 10 หลักในฝา มาชิงรางวัล ลุ้นเที่ยวฟรีทั่วไทย 60 ทริป เฉพาะโค้กที่มีฝารุ่นพิเศษ “ฝาสีเหลือง” และร่วมชิงโชคผ่านรหัส 10 หลักใต้ฝา

โค้กบอกว่า กิจกรรมทั้งหมดในแคมเปญนี้มุ่งปลุกกระแสการเดินทางท่องเที่ยวในประเทศไทย และต้อนรับผู้บริโภคสู่เทศกาลเดินทางท่องเที่ยวช่วงฤดูร้อน เน้นสร้างการรับรู้และให้ผู้บริโภคมีส่วนร่วมตลอดเส้นทางการเดินทาง.

]]>
1157153