ศูนย์การค้าเซ็นทรัล – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Mon, 17 Oct 2022 10:00:13 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 จับตา! ดีลสำคัญ เมื่อ “เซ็นทรัลพัฒนา” ผนึก LINE FRIENDS กับงานส่งความสุขส่งท้ายปีที่อาจจะเป็นจุดเริ่มต้นของความร่วมมืออื่นๆ https://positioningmag.com/1404511 Tue, 18 Oct 2022 04:00:28 +0000 https://positioningmag.com/?p=1404511

เรียกว่าเป็นดีลที่น่าสนใจในช่วงส่งท้ายปีจริงๆ เมื่อ 2 ยักษ์ใหญ่ระดับโลกอย่าง “เซ็นทรัลพัฒนา” ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ และศูนย์การค้ารายใหญ่ของไทย จับมือกับ LINE FRIENDS หนึ่งในคาแรคเตอร์ระดับโลกที่ทุกคนหลงรัก กับการเนรมิตพื้นที่ส่งความสุขในช่วงส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่ ที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัลทั้ง 37 สาขา งานนี้การันตีได้ด้วยความน่ารัก และความประทับใจในทุกโมเมนต์อย่างแน่นอน


ปักหมุด Global Destination

ถึงแม้ว่าไวรัส COVID-19 จะยังไม่หายไปจากโลกนี้แบบ 100% แต่มนุษย์ก็สามารถปรับตัวอยู่ร่วมกับไวรัสนี้ได้อย่างดีขึ้น อีกทั้งภาคเศรษฐกิจของทั่วโลกก็กลับมาฟื้นตัวขึ้นเรื่อยๆ ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา เทศกาลปีใหม่อาจจะเงียบเหงาไปตามสถานการณ์ แต่ปีนี้รับรองว่าจะเป็นปีใหม่ที่กลับมาส่งความสุขกันได้เหมือนเคย

“เซ็นทรัลพัฒนา” เดินหน้าประตุ้นเศรษฐกิจในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีก่อนใคร เพื่อต้อนรับนักท่องเที่ยวทั่วโลก และส่งความสุขให้กับผู้บริโภค ด้วยการเปิดแคมเปญใหญ่ส่งท้ายปี Embracing Happiness 2023 ด้วยงบลงทุน 500 ล้านบาท ไฮไลต์สุดๆ เป็นการจับมือร่วมกับ LINE FRIENDS คาแรคเตอร์ชื่อดังระดับโลก

การร่วมมือกันของ 2 ยักษ์ใหญ่ในครั้งนี้ เป็นการส่งความสุขแบบ O2O จัดเต็มด้วยกิจกรรมออนไลน์ และออนกราวน์ที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัลทั้ง 37 สาขาทั่วประเทศ บนพื้นที่กว่า 7,000 ตารางเมตร เริ่มภารกิจส่งความสุขตั้งแต่วันที่ 9 พ.ย. 2565 –  6 ม.ค. 2566

นอกจากนี้ยังตอกย้ำการเป็น Global destination ฉลองเทศกาลปีใหม่ ทั้งงานเปิดไฟต้นคริสต์มาส, เทศกาลของขวัญกว่าล้านชิ้น และปรากฏการณ์เคาท์ดาวน์สุดยิ่งใหญ่ สมมง Time square of Asia ดันประเทศไทยเป็นแลนด์มาร์คระดับโลก

ดร. ณัฐกิตติ์ ตั้งพูลสินธนา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการตลาด บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) เผยว่า “แคมเปญส่งท้ายปีในปีนี้ของเซ็นทรัลพัฒนา ได้สร้าง Global impact ด้วยการจับมือ Global partner อย่าง LINE FRIENDS ที่เป็นคาแรคเตอร์ยอดนิยมของคนทั่วโลกมาสร้างโมเม้นท์ความสุขให้กับทุกคนทำให้เซ็นทรัลพัฒนา เป็น Global destination แห่งความสุขในช่วงเทศกาลอย่างแท้จริงที่ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน ก็สามารถมาฉลองได้ที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัลทั่วประเทศได้

ปัจจุบัน ทราฟฟิกในศูนย์การค้าทั่วประเทศ และทราฟฟิกทัวริสต์กลับมาแล้วเกือบ 100% สอดคล้องกับผลสำรวจจากอโกด้าล่าสุดเผย กรุงเทพฯ ได้รับเลือกให้เป็นอันดับ 1 ของจุดหมายปลายทางยอดนิยมที่นักท่องเที่ยวทั่วโลกอยากไปเยือนมากที่สุดเซ็นทรัลพัฒนามีความพร้อมในการส่งเสริม และตอกย้ำไทยเป็นแลนด์มาร์คระดับ ขณะเดียวกันการท่องเที่ยวในประเทศก็มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น โดยคนไทย 90% มีการวางแผนท่องเที่ยวในประเทศเพื่อพักผ่อนกับครอบครัว เชื่อมั่นภาพรวมการท่องเที่ยวไทยและภาคค้าปลีกไทยจะกลับมาฟื้นตัวในไตรมาสนี้ สามารถดึงนักท่องเที่ยวต่างชาติมาได้ 10 ล้านคน หรือมากกว่านั้น ตามเป้าที่ททท.วางไว้อย่างแน่นอน”


จัดเต็มด้วยกิจกรรม O2O

จากแคมเปญ Embracing Happiness 2023 ทางเซ็นทรัลพัฒนาได้เตรียม 3 กลยุทธ์เพื่อส่งมอบความสุขแก่ทุกคน ณ ศูนย์การค้าเซ็นทรัล 37 สาขาทั่วประเทศ ได้แก่

1. Emotional & Omnichannel marketing เซ็นทรัลขึ้นชื่อว่าเป็นศูนย์การค้าที่อยู่ในใจของผู้บริโภคทั่วประเทศ ในครั้งนี้ได้เตรียมนำเอาคาแรคเตอร์ LINE FRIENDS มาสร้างสีสัน และมอบความสุขให้กับผู้บริโภคในทุก Touchpoint แน่นอนว่าอยู่ทั้งช่องทางออนไลน์ และออนกราวนด์

สำหรับ On-ground experience ได้นำเอาคาแรคเตอร์มาอยู่ในศูนย์การค้าทั้ง 37 แห่ง อาทิ

– LINE FRIENDS World พื้นที่แห่งความสุขดีไซน์พิเศษเฉพาะเซ็นทรัลเวิลด์ในบรรยากาศปาร์ตี้ดนตรีสโนว์โกลบ ต้นคริสต์มาสยักษ์ พร้อมพาเหรดของขวัญ LINE FRIENDS

– BROWN House ที่เซ็นทรัลทุกสาขาทั่วประเทศ อีกทั้งยังได้เห็นห้องต่างๆ ของเหล่าเพื่อนๆ จาก LINE FRIENDS ซึ่งแต่ละสาขาจะมีห้องของ LINE FRIENDS ที่แตกต่างกันไป

– Synchronize Musical & Lighting Show โชว์พิเศษแสงสีเสียงตระการตา จาก LINE FRIENDS บนจอ panOramix ที่จะมีเซอร์ไพรส์มอบความสุขจากจอส่งต่อถึงทุกคนที่มาชมโชว์

– LINE FRIENDSCafé minini ครั้งแรกในไทยที่เซ็นทรัลเวิลด์ และเซ็นทรัล ลาดพร้าว มีขนม และเครื่องดื่มจากแก๊ง LINE FRIENDS และ LINE FRIENDS pop-up Store 5 สาขา ที่เซ็นทรัลเวิลด์, ลาดพร้าว, เวสต์เกต, ปิ่นเกล้า และพระราม 9

ส่วน Online experience แน่อนว่ายุคนี้ต้องทำกิจกรรมออนไลน์ควบคู่ไปกับออนกราวนด์ ทางเซ็นทรัลพัฒนาได้เตรียม LINE Sticker & Wallpaper คอลเลคชั่นพิเศษ เตรียมดาวน์โหลดฟรีที่ไลน์ @centrallife เริ่ม 29 พ.ย. นี้ พร้อมกับ LINE FRIENDS AR และ LINE FRIENDS Happiness Hunting (LINE E-Stamp) สะสมเพื่อลุ้นรับของรางวัลสุดพิเศษอีกด้วย


สร้าง Scalable Impact ระดับประเทศ

ความน่าสนใจของแคมเปญนี้อยู่ที่การจับมือของ 2 ยักษ์ใหญ่ ทำให้เกิด Global impact ได้ ถือว่าเป็นการ Cross-region Platform ทางเซ็นทรัลพัฒนาเองเป็นผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำของไทยในรูปแบบ Retail-led mixed use ได้แก่ ธุรกิจศูนย์การค้าเซ็นทรัล, ที่พักอาศัย, อาคารสำนักงาน และโรงแรมทั่วประเทศ เรียกว่ามีแพลตฟอร์มของตัวเองมากมาย

ทาง LINE FRIENDS เป็นคาแรคเตอร์ชื่อดังจาก LINE แพลตฟอร์มที่มีผู้ใช้ในไทยกว่า 53 ล้านราย โดยเฉพาะอย่างยิ่งฐานผู้ใช้ในกลุ่มมิลเลนเนียล และ Gen Z  ทั่วโลก นอกจากนี้ คนไทยมีอัตราการใช้ LINE เยอะมากๆ มีการส่งสติ๊กเกอร์เป็นประจำ ลองจินตนาการดูว่าเมื่อ 2 ยักษ์ใหญ่มาจอยแคมเปญกัน จะส่งความสุขให้กับผู้บริโภคได้ขนาดไหน เรียกว่าสร้างอิมแพ็คได้มหาศาล

ที่สำคัญไม่น้อย แคมเปญ Embracing Happiness 2022 จะเป็นหัวใจหลักในการกระตุ้นการท่องเที่ยวได้อย่างดี ต้อนรับนักท่องเที่ยวทั้งในประเทศ และต่างประเทศ LINE FRIENDS เป็นคาแรคเตอร์ขวัญใจทั้งชาวไทย และทั่วโลก ทำให้การท่องเที่ยวกลับมาฟื้นตัวได้อีกครั้ง และยังกระตุ้นทราฟิกให้ศูนย์การค้าเซ็นทรัลได้ 30% อีกด้วย

นอกจากนี้ แคมเปญนี้ยังมีความร่วมมือกับแบรนด์ชั้นนำอื่นๆ อีกมากมาย เป็น Multi-Brands Collaboration มาร่วมครีเอท LINE FRIENDS คอลเลคชั่นพิเศษทั้งสินค้าแฟชั่น ขนม-เครื่องดื่มอาทิ Jubilee Diamond, Lee Cooper, Sabina, Black Canyon, Dairy Queen, Guss Damn Good, Häagen-Dazs, KOI Thé, Olino Crepe & Tea, S&P, Toku Dessert, Yomie’s Rice x Yogurt  เฉพาะที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัล โดยทางเซ็นทรัลพัฒนาเป็นตัวกลางในการเชื่อมโยงความร่วมมือระหว่างพาร์ทเนอร์และแบรนด์ต่างๆ ได้ด้วยบทบาทการเป็น Place &Experience makers สำหรับทุกคน

เรียกได้ว่า งานนี้ทั้งเซ็นทรัลพัฒนาและ LINE FRIENDS จัดเต็มได้อย่างสมศักดิ์ศรีแบรนด์ที่มีชื่อเสียงไปทั่วโลก และอาจจะเป็นจุดเริ่มต้นของดีลใหญ่ๆ อื่น  ไม่แน่ว่าต่อไปเราอาจจะเห็น LINE FRIENDS STORE ที่ตอนนี้ตั้งอยู่ที่เมืองใหญ่ชั้นนำทั่วโลก เช่น โซล นิวยอร์ค ลอสแอนเจลิส เซี่ยงไฮ้  ที่เซ็นทรัลเวิลด์ก็ได้

]]>
1404511
CPN เปิด “Central Kitchen” จุดรวมร้านอาหาร ซื้อแบบ Take Home หน้าซูเปอร์ฯ ได้ https://positioningmag.com/1346510 Fri, 13 Aug 2021 06:25:35 +0000 https://positioningmag.com/?p=1346510 เซ็นทรัลพัฒนา หรือ CPN เปิดบริการ Central Kitchen ตั้งจุดรวมร้านอาหารดัง มีช่องทางสั่งทั้งแชท โทร มารับเอง หรือซื้อแบบ Take Home บริเวณหน้าซูเปอร์มาร์เก็ตได้ ที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัล 21 แห่งในกรุงเทพฯ และปริมณฑล ชลบุรี ระยอง โคราช และหาดใหญ่

รวมร้านดัง สั่งได้ในที่เดียว

บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) เปิดตัวบริการใหม่ Central Kitchen เป็นโมเดลที่จุดซุ้มรวมร้านอาหารดังๆ ตั้งจุดขายหน้าซูเปอร์มาร์เก็ตตามสาขาต่างๆ ทั้งหมด 21 สาขา ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล ชลบุรี ระยอง โคราช และหาดใหญ่

วิธีการสั่งอาหาร มีทั้งช่องทางแชทผ่าน Line OA หรือโทรตรงที่สาขาใกล้บ้าน อยู่บ้านก็สั่งได้ ร้านเรียก Rider จัดส่งให้ หรือมารับเองที่จุด Drive Thru หรือสั่งผ่านเว็บไซต์ https://www.centralplaza.co.th/CentralKitchen/ รวมไปถึงลูกค้าสามารถซื้อแบบ Take Home ได้ที่จุดบริการเลยด้วย

ดร. ณัฐกิตติ์ ตั้งพูลสินธนา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการตลาด บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า

“เซ็นทรัลพัฒนา ไม่หยุดนิ่งพัฒนาบริการใหม่ๆ เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการร้านค้า และอำนวยความสะดวกให้ลูกค้า ซึ่งบริการใหม่ล่าสุด Central Kitchen นี้ จะเป็นจุดศูนย์กลางการให้บริการผ่านช่องทางการสั่ง ที่ง่ายและสะดวกกว่า ทั้งแบบโทรตรงหรือ Add LINE OA สาขาใกล้บ้าน คลิกเลือกเมนูที่ชอบ และรอรับอาหารที่บ้าน ทางร้านมีบริการเรียก Rider ส่งให้ หรือจะแวะมาสั่งที่เคาน์เตอร์ Central Kitchen ก่อนเข้าซูเปอร์มาร์เก็ต เสร็จแล้วออกมารับได้เลยด้วยบริการแบบ Touchless experiences”

Central Kitchen รวบรวมร้านดังตั้งแต่ Street food อร่อยทานง่ายจานเดียวจบ ชาบู ปิ้งย่าง ชานมไข่มุก ไปจนถึงร้านที่มาเปิดแห่งแรกในไทย และร้านดังระดับโลก การันตีด้วยมิชลินสตาร์ และมิชลินไกด์ รวมแล้วกว่า 1,000 ร้าน หรือ 2,000 เมนู พร้อมให้สั่งมาทานได้ที่บ้านแบบไม่ต้องต่อคิว

เปิดให้บริการที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัล 21 สาขาทั่วประเทศ : เซ็นทรัลเวิลด์, เซ็นทรัลพลาซา บางนา, ปิ่นเกล้า, ลาดพร้าว, มหาชัย, แกรนด์ พระราม 9, พระราม 3, พระราม 2, เวสต์เกต, แจ้งวัฒนะ, รัตนาธิเบศร์, รามอินทรา, ศาลายา, ระยอง, ชลบุรี, นครราชสีมา, เซ็นทรัล มารีนา, เซ็นทรัลเฟสติวัล พัทยา บีช, อีสต์วิลล์, หาดใหญ่ และเซ็นทรัล วิลเลจ

]]>
1346510
จัดหนัก 1.5 หมื่นล้าน ภายใน 5 ปีทุกเมืองรอง ต้องมีห้างโรบินสัน https://positioningmag.com/1160781 Fri, 09 Mar 2018 01:15:32 +0000 https://positioningmag.com/?p=1160781 ทำงานเสริมกันเป็นทีมกับบริษัทแม่อย่างกลุ่มเซ็นทรัลอย่างเหนียวแน่น หลังห้างสรรพสินค้าและศูนย์การค้าเซ็นทรัลลุยหัวเมืองหลักทั่วทุกภาค บทบาทของโรบินสันก็ต้องเล่นเมืองรอง

บริษัทแม่วางแผนใช้เงิน 2-3 แสนล้านบาทใน 5 ปี แบรนด์รองอย่างโรบินสัน ก็เทงบไปตามสัดส่วน ทุ่ม 1.5 หมื่นล้านบาท สำหรับขยาย 13 สาขาในเมืองรองภายในปี 2561-2565 หรือ 5 ปีต่อจากนี้ ประเดิมปีแรก 2 สาขาใหม่ ที่ชลบุรีเป็นสาขาที่ 3 ของจังหวัดรองรับโครงการระเบียงเศรษฐกิจตะวันออก (EEC) และอีกสาขาที่ชัยภูมิ

แต่ละสาขาจะใช้เงินลงทุนประมาณ 1,000 ล้านบาทต่อสาขา โดยจากงบลงทุนก้อนใหญ่จะแบ่งใช้ในปีนี้ประมาณ 3,000-3,500 ล้านบาท ส่วนที่เหลือจากการลงทุนสาขา จะใช้ในการปรับปรุงพัฒนาศูนย์การค้าโรบินสันไลฟ์สไตล์ และอีกส่วนสำหรับพัฒนาออมนิชาแนล เพื่อเพิ่มช่องทางขายสินค้าอย่างไร้รอยต่อโดยเฉพาะผ่านออนไลน์เพื่อสนับสนุนการเติบโตของบริษัท

“2 สาขาใหม่ที่เลือกเปิดในปีนี้ ชลบุรีได้ผลดีจากการพัฒนา EEC ส่วนชัยภูมิ เป็นจังหวัดที่รัฐบาลมีแผนกระตุ้นอุตสาหกรรมให้เทียบเท่าเมืองหลัง นอกจากนี้สาขาเดิมที่ปรับปรุงก็จะมีทั้งที่ เมกาบางนา พระราม 9 และจังหวัดตรัง เงินที่เหลือก็จะซื้อที่ดินไว้สำหรับพัฒนาสาขาตามแผน 5 ปีที่เหลือ”

จองผู้นำในตลาดเมืองรอง

กลยุทธ์เลือกเมืองรองของโรบินสัน ถือว่ามาจากการทำ SWOT ดี ๆ นี่เอง เพราะดูทั้งจุดแข็ง (S) ที่ตัวเองมีกับโอกาส (O) การเติบโตที่เป็นไปได้ ในขณะที่ไม่เอาจุดอ่อน (W) ของตัวเองไปเลือกชนกับคู่แข่งในเมืองใหญ่ แต่สร้างความท้าท้าย (T) จากการเปิดตลาดในพื้นที่ใหม่ ๆ แทน

“โรบินสันเลือกไปหัวเมืองรอง ตลาดเล็กกว่า การแข่งขันน้อยกว่า แต่สุดท้าย ถ้ามีเราคนเดียว ก็จะได้ลูกค้ามากกว่า กำลังซื้อลูกค้าที่มี ไม่ต้องแบ่งกับใคร นี่เป็นกลยุทธ์ที่ดีจะทำให้ธุรกิจเราเติบโต” วุฒิเกียรติ เตชะมงคลาภิวัฒน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โรบินสัน จำกัด (มหาชน) กล่าว

ปัจจุบัน โรบินสันมีห้างค้าปลีก 2 รูปแบบ คือ

  1. ศูนย์การค้าโรบินสันไลฟ์สไตล์ขนาด 29,000-37,000 ตารางเมตร และ
  2. ห้างสรรพสินค้าโรบินสันขนาด 8,700-11,000 ตารางเมตร ซึ่งตามแผนงาน 5 ปี บริษัทจะเปิดห้างค้าปลีกทั้งสิ้น 13 สาขา เฉลี่ย 2-3 สาขาต่อปี

ดังนั้นภายในปี 2565 คาดว่าจะมีศูนย์การค้าและห้างสรรพสินค้าโรบินสันรวม 59 สาขา มีพื้นที่เช่าประมาณ1.2 ล้านตารางเมตร จากตัวเลขล่าสุดในปี 2560 ที่ผ่านมามีทั้งสิ้น 46 สาขา คิดเป็นพื้นที่เช่า 9.5 แสนตารางเมตร

สำหรับหัวเมืองรอง ในนิยามของโรบินสัน หมายถึง เมืองหรือจังหวัดที่ยังมีผลิตภัณฑ์มวลรวมจังหวัด (GPP) ของประชากรน้อย กำลังซื้อจะสูงหรือต่ำก็ได้ แต่มีเงื่อนไขสำคัญว่าไม่มีคู่แข่งในจังหวัดนั้น และถ้าเป็นจังหวัดที่ยังไม่มีห้างสรรพสินค้าเปิดจะยิ่งดีมาก เพราะนั่นเท่ากับจะทำให้โรบินสันเป็นจุดหมายปลายทางของขาช้อปในพื้นที่นั้น ๆ แต่เพียงรายเดียว

“ในจำนวน 46 สาขาที่เรามีอยู่ถึงปีที่ผ่านมา มากกว่า 50% เป็นตลาดที่ไม่มีคู่แข่ง หรือเป็น The only department store และ Shopping mall รายเดียวในพื้นที่หรือเมืองนั้น ๆ”

โรบินสัน กับ เซ็นทรัล ห้างคนละชั้น 

โรบินสัน เป็นห้างสรรพสินค้าแบรนด์หนึ่งในกลุ่มเซ็นทรัลที่มีห้างค้าปลีกหลายแบรนด์ เพราะฉะนั้นถ้าไม่อยากให้กินกันเอง (Collaboration) ก็ต้องแบ่งชั้นแบ่งกลุ่มเป้าหมายกันให้ลงตัว ห้างเซ็นทรัลเป็นแบรนด์หลักที่มีไม่กี่สาขา และต้องอยู่ในเมืองใหญ่ที่มีตลาดขนาดใหญ่รองรับ โดยเฉพาะกลุ่มกำลังซื้อสูงหรือลูกค้าระดับบน ยอดซื้อต่อบิลก็ต้องสูงตาม ศูนย์การค้าท็อปส์พลาซ่า ที่อัพเลเวลจากซูเปอร์มาร์เก็ตมาผสมห้างค้าปลีกมากขึ้น ก็จะยึดพื้นที่ห่างไกล และถือเป็นอีกรูปแบบที่ใช้เสริมในการบุกเมืองรองด้วยส่วนหนึ่ง

“โรบินสันมีโอกาสขยายสาขาได้มากกว่าห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล เพราะลูกค้าเราเน้นระดับกลางบน ซึ่งมีฐานลูกค้ามากกว่า บวกกับฟอร์แมตที่เล็กกว่าทำให้เราเร่งสปีดในการขยายได้ด้วย ถ้าเมืองรองเล็กเกินกว่าจะลงโรบินสัน ท็อปส์พลาซ่าก็จะเข้าไปเสริมในส่วนนั้นได้” 

ที่ผ่านมา ตัวอย่างเมืองรองที่เป็น Strategic Location ของโรบินสัน ได้แก่ ลพบุรี กำแพงเพชร ที่โรบินสันเข้าไปจับจองพื้นที่ไว้แล้ว

หมากรบค้าปลีกเครือเซ็นทรัลทุกฟอร์แมต



จุดขายห้างโรบินสัน เน้น Eat Shop Play

การขยายห้างโรบิน ยังคงเน้นคอนเซ็ปต์เดิมตามพฤติกรรมของผู้บริโภคที่มาเดินห้างสรรพสินค้า นั่นคือ การรับประเทศอาหาร (Eat) โดยจะมีทั้งเชนร้านอาหารและร้านอาหารท้องถิ่นในห้างให้เลือกรับประทาน การช้อปปิ้ง (Shop) ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญ ที่โรบินสันจะใช้กลยุทธ์การนำสินค้า Private Label มาเป็นตัวเลือกสร้างจุดต่างมากขึ้น รวมถึงสินค้าแบรนด์ดัง และแบรนด์ร้านในกลุ่มเซ็นทรัลที่จะใช้เป็นแม่เหล็กในการดึงคนเข้าห้าง เช่น ท็อปส์ ซูเปอร์สปอร์ต บีทูเอส

อันที่สามคือ ความบันเทิง (Play) พื้นที่กิจกรรมสำหรับเด็ก โซนของเล่น ก็จะยังเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้เช่นกัน

“สำหรับห้างร้านอาหารเป็นสิ่งสำคัญที่จะดึงลูกค้ามาใช้จ่าย เราให้พื้นที่ส่วนนี้ 30% เพิ่มจากเดิมที่มีแค่ 20% ส่วนช้อปปิ้งยังคงเป็นพื้นที่ที่มีมากที่สุด 60% ที่เหลือ 10% เป็นส่วนของบันเทิง สัดส่วนและการเชื่อมโยงทั้งสามส่วนนี้คือการคงความเป็นห้างค้าปลีกแบบ Brick and Mortarไว้”

ไปเมืองรองก็ต้องออนไลน์ 

จากเทรนด์ยอดขายสินค้าผ่านออนไลน์เติบโต 3 เท่าตัว การขยายตัวออกเมืองรองตามแผน โรบินสันก็จะเน้นเรื่องการช้อปปิ้งออนไลน์เพิ่มขึ้น รวมถึงพัฒนาออมนิชาแนลไปพร้อมกัน โดยสินค้าสำหรับช้อปออนไลน์จะเน้น 3 กลุ่มสินค้า ได้แก่ สินค้าเกี่ยวกับบ้าน (Home) สินค้าเด็ก และสินค้าเกี่ยวกับการท่องเที่ยว โดยให้บริการผ่านระบบ Click and Collect ที่ shopping.robinson.co.th

“เรามองช้อปปิ้งออนไลน์เป็นโอกาส เพราะเรามีสโตร์ในพื้นที่ต่าง ๆ มีฐานลูกค้าเดอะวันการ์ดที่ใช้ร่วมกันในกลุ่มเซ็นทรัลที่มีสมาชิกใช้งานประจำอยู่กว่า 4 ล้านคน มีคนติดตามบนโซเชียลมีเดียเฟซบุ๊กกว่า 9 แสนคน Line Official 15 ล้านคน ด้วยฐานผู้ใช้เหล่านี้ ไม่ว่าจะช้อปที่สโตร์หรือออนไลน์ก็จะส่งผลต่อการเติบโตของรายได้ของเราทั้งสิ้น”

ทั้งนี้ แผนเมืองรอง เป็นกลยุทธ์ที่เห็นผลมาแล้วระดับหนึ่งสำหรับห้างโรบินสัน โดยดูได้จากตัวเลขยอดขายที่ผ่านมา โดยในปี 2560 บริษัทมียอดขาย 25,989 ล้านบาท ลดลง 89 ล้านบาท จากปี 2559 เพราะมีการปิดห้างสรรพสินค้าโรบินสันอุบลราชธานี 1 สาขา จาก 2 สาขา แต่ถ้าดูจากกำไรสุทธิ 2,742 ล้านบาท จะพบว่าเติบโต 8.7% และมีลูกค้ามาใช้บริการในศูนย์การค้าและห้างสรรพสินค้า 46 แห่ง เฉลี่ย 7.9 ล้านรายต่อเดือน เพิ่มขึ้น 12.9%.

]]>
1160781