สถานทูตออสเตรเลีย – Positioning Magazine

จากสถานทูตออสเตรเลีย สู่มิกซ์ยูส ลักชัวรี่ 2 หมื่นล้าน “ประทีป ตั้งมติธรรม” เฉลยที่มา ทำไมต้องมี Storytelling

admin — Fri, 26 Apr 2019 11:55:01 +0000

หลังชนะประมูลที่ดิน “สถานทูตออสเตรเลีย” ใจกลางซีบีดี เนื้อที่เกือบ 8 ไร่ บนถนนสาทร ในเดือนกันยายน 2560 “ศุภาลัย” ใช้เวลากว่า 1 ปีครึ่ง วางคอนเซ็ปต์โครงการมิกซ์ยูส มูลค่า 20,000 ล้านบาท ที่มี Storytelling เก็บสัญลักษณ์ประวัติศาสตร์ที่ดินเดิมไว้ให้ระลึกถึงที่มา พร้อมประกาศความเป็น “ที่สุด” นับตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทกับโปรเจกต์หรูและแพงสุดในรอบ 30 ปี

ก่อนร่วมประมูลที่ดินสถานทูตออสเตรเลีย “ศุภาลัย” มีความคุ้นเคยกับเรื่องราวของประเทศออสเตรเลียมาก่อน จากการเข้าไปลงทุนโครงการที่อยู่อาศัยกับพันธมิตรท้องถิ่นตั้งแต่ปี 2557 และลงทุนต่อเนื่องมาถึงปัจจุบัน ทั้งใน Melbourne เมือง Geelong รัฐ Victoria

การชนะประมูลที่ดินสถานทูตออสเตรเลีย มาด้วยราคา 1.45 ล้านบาทต่อตารางวา รวมมูลค่า 4,495 ล้านบาท ต้องเรียกว่า “คุ้มค่า” เพราะดีเวลลอปเปอร์หลายรายประเมินว่าราคาน่าจะอยู่ที่ 2 ล้านบาทต่อตารางวาจึงไม่ได้เข้าประมูล ที่ดินจึงตกอยู่ในมือของศุภาลัย ปีนี้พร้อมเปิดตัวโปรเจกต์มิกซ์ยูส “ศุภาลัย ไอคอน สาทร” มูลค่า 20,000 ล้านบาท ประกอบด้วยคอนโดมิเนียม 56 ชั้น พื้นที่สำนักงานและร้านค้า โดยจะเริ่มก่อสร้างปีนี้แล้วเสร็จปลายปี 2566 ต้นปี 2567

ตั้งชื่อ “ไอคอน” มา 10 ปีเพิ่งได้ใช้

ประทีป ตั้งมติธรรม

ประทีป ตั้งมติธรรม ประธานกรรมการบริหาร บริษัทศุภาลัย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่าโครงการศุภาลัย ไอคอน สาทร คำว่า “ไอคอน” เป็นชื่อที่คิดมาแล้วล่วงหน้า 10 ปี แต่ยังหาที่ดินที่เหมาะสมกับชื่อดังกล่าวไม่ได้ กระทั่งมาชนะประมูลที่ดินสถานทูตออสเตรเลีย ที่เป็น Real CBD

“ผมชอบชื่อไอคอน เพราะศุภาลัย ออกเสียงสระไอ เข้ากันได้ดีกับคำว่าไอคอน และก็มีความหมายดี เพราะศุภาลัย แปลว่า บ้านที่ดีหรือสถานที่อยู่ที่เป็นมงคล ส่วนไอคอน คือ สัญรูปหรือรูปร่างที่เป็นสัญลักษณ์ที่โดดเด่น ยูนีค แตกต่างไม่เหมือนใคร”

โครงการที่อยู่อาศัย คอนโดมิเนียม ศุภาลัย ไอคอน สาทร จำนวน 787 ยูนิต ราคา 9 – 280 ล้านบาท ราคาเฉลี่ย 2.2 แสนบาทต่อตารางเมตร สูงสุดคือเพนท์เฮ้าส์ Foyer สูง 2 ชั้น คือ ชั้นที่ 55 – 56 ราคาอยู่ที่ 2.6 แสนบาทตารางเมตร พื้นที่ 970 ตารางเมตร มีเพียง 1 ยูนิต เพราะต้องการให้แตกต่างและเอ็กซ์คลูซีฟ ขณะนี้มีทั้งคนไทยและต่างประเทศให้ความสนใจยูนิตนี้

ต้องบอกว่าโปรเจกต์นี้เป็น “ที่สุด” ของความลักชัวรี นับตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทศุภาลัยในรอบ 30 ปี ทั้งในด้านทำเลใจกลาง ซีบีดี สาทร และราคาสูงที่สุด แม้ก่อนหน้านี้จะเปิดตัวโครงการระดับหรูมาแล้ว แต่โปรเจกต์นี้ลักชัวรีที่สุด ปกติตลาดหลักกลุ่มคอนโดมิเนียมของศุภาลัย จะอยู่ที่ 7 หมื่นบาทต่อตารางเมตร

เรื่องเล่าสัญลักษณ์ที่มา “ออสเตรเลีย”

เพราะที่ตั้งโครงการเป็นที่ดินสถานทูตออสเตรเลีย สถานที่ที่มีประวัติศาสตร์แห่งหนึ่งในประเทศไทย อาคารก่อสร้างมาตั้งแต่ปี 2523 ศุภาลัยจึงวางแนวคิดการพัฒนาโครงการเพื่อให้คนยังระลึกถึงว่าเคยเป็นที่ตั้งของสถานทูตออสเตรเลียมาก่อน

ในโครงการจึงเก็บและสร้างสัญลักษณ์ที่เกี่ยวข้องกับออสเตรเลียไว้หลายจุด สิ่งที่เก็บของเดิมไว้ คือ “ต้นไม้ใหญ่” จำนวนมาก ที่จัดไว้เป็นสวนด้านหลังโครงการ ประทีป บอกว่าเป็นสิ่งที่คิดไว้แล้วตั้งแต่ช่วงประมูลว่า หากชนะจะอนุรักษ์ไว้ และปลูกเพิ่มเติมด้วยการสร้าง Green Wall รอบอาคาร เพื่อสร้างสวนสีเขียวแนวสูง โครงการจึงมีพื้นที่สีเขียว 3 ไร่ จากที่ดินทั้งหมดเกือบ 8 ไร่

คอนเซ็ปต์การออกแบบมาจากแรงบันดาลใจ “สุริยันจันทรา” สายรุ้ง ดวงอาทิตย์ โดยใช้เส้นโค้งซึ่งเป็นเส้นที่สวยงาม สื่อถึงสัญลักษณ์ดังกล่าว รวมทั้งสีสัน จาก Landscape ของออสเตรเลีย มีลักษณะเฉพาะที่แตกต่างจากประเทศอื่น ทั้งภูมิประเทศ ท้องฟ้า ทะเล ภูเขา พืช สัตว์ สัญลักษณ์ทั้งหมดที่เป็นแลนด์สเคปของออสเตรเลีย อยู่ที่โครงการศุภาลัย ไอคอน สาทร

“ปรัชญาตะวันออกหลายพันปีที่ผ่านมา บอกว่าแผ่นดินเป็นสี่เหลี่ยม ท้องฟ้าเป็นวงกลม รูปที่สื่อแทนท้องฟ้าและจักรวาลได้ ก็ต้องเป็นเส้นโค้ง จึงเป็นที่มาของสายรุ้งและจักรวาล บนยอดหลังคาของตัวอาคารศุภาลัย ไอคอน สาทร”

หนึ่งใน “สี” ไฮไลต์ของโครงการ คือ “ทองแดง” ประทีป บอกว่าเป็นสีโปรด เห็นได้จากอาคารเก่าในยุโรปนับ 1,000 ปี มีวัสดุทองแดงเป็นองค์ประกอบเพราะมีความทนทาน แม้เป็นสนิมสีก็ยังดูสวย

หมู่จิงโจ้กระโดด

อีกเอกลักษณ์จากออสเตรเลียคือ “สัตว์” ที่นำมาสร้างเป็นประติมากรรมในโครงการ คือ “หมู่จิงโจ้กระโดด” ด้านหน้าโครงการที่สื่อความหมายถึงความก้าวหน้าและเจริญรุ่งเรืองสู่ความสำเร็จ ถือเป็นประติมากรรมรูปทรงจิงโจ้ ที่ยังไม่เคยมีให้เห็นมาก่อน และอีก “สัตว์” สัญลักษณ์ออสเตรเลีย “หมีโคล่า” ที่นำมาทำเป็นประติมากรรม “หมู่หมีโคล่าเรืองแสงสีขาว” สื่อถึงความอุดมสมบูรณ์พูนสุข

หมู่หมีโคล่าเรืองแสงสีขาว

ทำเลเรียลซีบีดี “ราคา” จับต้องได้

ไตรเตชะ ตั้งมติธรรม กรรมการผู้จัดการ บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่าโครงการศุภาลัย ไอคอน สาทร ตั้งอยู่บนที่ดินที่ถือเป็นยูนีค และหาไม่ได้อีกแล้วในย่านสาทร เรียกว่าเป็น Real CBD

มีสิ่งอำนวยความสะดวกทั้ง โรงแรม ช้อปปิ้ง โรงพยาบาล สถานศึกษา และใกล้สถานีรถไฟฟ้าสายสีเทา สถานีตลาดพลู ที่จะก่อสร้างในอนาคต

ส่วนคอนโดมิเนียมเปิดราคาเฉลี่ย 2.2 แสนบาทต่อตารางเมตร จำนวน 787 ยูนิต มองว่าเป็นราคาสมเหตุสมผลและจับต้องได้ เมื่อเปรียบเทียบกับทำเลใกล้เคียงกัน หรือใจกลางซีบีดีอื่นๆ ราคาอยู่ที่ 3 – 5 แสนบาทต่อตารางเมตร

ช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ระหว่างปี 2557 – 2561 พบว่าทำเลใจซีบีดีอื่นๆ มีซัพพลายคอนโดมิเนียมจำนวนมาก เช่น พระราม 9 มียูนิตใหม่จำนวน 7,693 ยูนิต, ย่านทองหล่อและเอกมัย จำนวน 7,313 ยูนิต ขณะที่สาทรอยู่ที่ 2,792 ยูนิต และมีอัตราขาย 70% ส่วนใหญ่เป็นขนาด 2 ห้องนอน

ศุภาลัย ไอคอน สาทร จึงกำหนดสัดส่วน 66% เป็นขนาด 2 ห้องนอนชึ้นไป

1 ห้องนอน ขนาด 42 – 61 ตารางเมตร ราคาเริ่มต้น 9 ล้านบาท
2 ห้องนอน ขนาด 65 – 98 ตารางเมตร ราคาเริ่มต้น 13 ล้านบาท
3 ห้องนอน ขนาด 100.5 – 343 ตารางเมตร ราคาเริ่มต้น 19 ล้านบาท
4 ห้องนอน ขนาด รูปแบบดูเพล็กซ์ 206 – 250 ตารางเมตร ราคาเริ่มต้น 51 ล้านบาท
เพนท์เฮ้าส์ 5 ห้องนอน ขนาด 970 ตารางเมตร ราคา 280 ล้านบาท มีเพียง 1 ยูนิต พร้อมลิฟท์ส่วนตัวและสระว่ายน้ำ

เพนท์เฮ้าส์ 5 ห้องนอน ราคา 280 ล้านบาท

โครงการเปิดพรีเซลส์วันที่ 25 – 26 พฤษภาคมนี้ เสนอส่วนลด 10% ราคาเริ่มต้น 8.2 ล้านบาท

ปีนี้ศุภาลัย วางเป้าหมายเปิดตัวโครงการใหม่ 40,000 ล้านบาท จำนวน 34 โครงการ แบ่งเป็นแนวราบ 50% และแนวสูง 50% คาดการณ์ยอดขาย 35,000 ล้านบาท

ทุนไทยไล่ซื้อ “สถานทูต” ทำเลทอง สู่มิกซ์ยูส

Admin — Tue, 19 Sep 2017 05:51:13 +0000

การขายที่ดินที่เป็นที่ตั้งของสถานทูตเริ่มมีให้เห็นบ่อยขึ้น เพราะส่วนใหญ่จะตั้งอยู่ในทำเลใจกลางเมือง อยู่ในย่านเศรษฐกิจ เรียกว่าเป็น “ทำเลทอง” เป็นที่หมายปองของผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ และเจ้าของศูนย์การค้า มาดูกันว่า กลุ่มทุนไหนจับจองกันแล้วบ้าง

นับจากสถานทูตอังกฤษ ขายที่ดินขนาด 9 ไร่ของสถานทูตอังกฤษ บนถนนวิทยุ เมื่อปี 2549 กลุ่มเซ็นทรัลชนะประมูล คว้าที่ดินดังกล่าวในราคา 9.5 แสนบาท/ตร.ว. เป็นผู้ซึ่งนับว่าเป็นการซื้อที่ดินที่มีราคาแพงที่สุดในขณะนั้น ปัจจุบันสร้างเป็นศูนย์การค้า เซ็นทรัล เอ็มบาสซี่ มูลค่า 1.8 หมื่นล้านบาท

เซ็นทรัลเอมบาสซี่

หลังจากนั้นสถานทูตญี่ปุ่นประกาศขายที่ดินบริเวณแยกอโศกเพชรบุรีตัดใหม่ เนื้อที่ 11 ไร่ เมื่อปี 2554 ซึ่งกลุ่มสิงห์ เอสเตท เป็นผู้ชนะการประมูลในราคา 1,600 ล้านบาท ตก ตร.ว.ละ 4.5 แสนบาท นำมาสร้างเป็นโครงการมิกซ์ยูส “สิงห์ คอมเพล็กซ์” มีทั้งคอนโดมิเนียม อาคารสำนักงาน และค้าปลีก มูลค่า 13,000 ล้านบาท

สถานฑูตญี่ปุ่น

ล่าสุด ที่ดินสถานเอกอัครราชทูตออสเตรเลียประจำประเทศไทย เนื้อที่ 7 ไร่ 3 งาน 82 ตารางวา หรือ 3,182 ตารางวา บนถนนสาทร ติดถนนสวนพลู โดย ศุภาลัย อสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ เป็นผู้ชนะประมูลไปในราคา 4,600 กว่าล้านบาท หรือคิดเป็นตารางวาละ 1.45 ล้านบาท โดยวางแผนพัฒนาที่ดินเป็นโครงการมิกซ์ยูส ประกอบด้วย อาคารชุดพักอาศัยและอาคารสำนักงาน ให้เช่า มูลค่าโครงการ 17,000 ล้านบาท

สถานทูตออสเตรเลีย

เมื่อต้นปีที่ผ่านมา สถานทูตอังกฤษได้ประกาศขายที่ดินอีกครั้ง รอบนี้มากถึง 23 ไร่ ปัจจุบันได้ผู้ชนะประมูลแล้ว ซึ่งมีกระแสข่าวออกมาเป็นระยะว่าเป็นกลุ่มเซ็นทรัลเฉือนเอาชนะเจ้าสัวเจริญ สิริวัฒภักดี โดยอยู่ระหว่างรอสถานทูตอังกฤษเป็นผู้ประกาศผู้ชนะประมูลเอง โดยประเมินคราวๆ ว่าราคาน่าจะวิ่งไปถึง ตร.ว.ละ 2 ล้านบาท ถือว่าแพงที่สุดในเวลานี้

ที่มา : mgronline.com/stockmarket/detail/9600000095862

ขายสถานทูตออสเตรเลียทำเลสุดปัง ตั้ง JLL ตัวแทนขาย ชี้ทำอาคารสูงได้ทุกรูปแบบ

Admin — Sun, 26 Mar 2017 11:56:57 +0000

กระทรวงต่างประเทศออสเตรเลีย แต่งตั้ง “เจแอลแอล” เป็นตัวแทนเสนอขายที่ดินสถานทูตออสเตรเลีย ประจำกรุงเทพฯ เนื้อที่ 7 ไร่ 382 ตารางวา ในย่านสาทร ด้านเจแอลแอล ชี้เหมาะสำหรับพัฒนาโครงการมิกซ์ยูส โรงแรม คอนโด และออฟฟิศเช่า เหตุที่ตั้งอยู่ในกลางแหล่งงาน คาดหลังเปิดประมูลอสังหาฯ ทั้งไทย–เทศ ตบเท้าเข้าร่วมเพียบ พร้อมเปิดให้ผู้สนใจยื่นซองเสนอราคาต้นเดือนมิถุนายนนี้

ตั้ง JLL ตัวแทนขายที่ดินสถานทูตออสเตรเลีย

จากการที่สถานเอกอัครราชทูตออสเตรเลีย ประจำกรุงเทพฯ เตรียมย้ายที่ทำการไปยังที่ทำการใหม่ ที่ใกล้สร้างเสร็จในย่านสวนลุมพินี กระทรวงการต่างประเทศออสเตรเลีย จึงประกาศขายที่ดินบนถนนสาทร ซึ่งเป็นที่ตั้งสถานที่ทำการของสถานทูตในปัจจุบัน โดยได้แต่งตั้งให้บริษัทที่ปรึกษา และบริการด้านอสังหาริมทรัพย์ เจแอลแอล เป็นตัวแทนในการขาย

ที่ดินดังกล่าวเสนอขายกรรมสิทธิ์ขาด มีเนื้อที่รวมทั้งสิ้น 7 ไร่ 382 ตารางวา ตั้งอยู่ริมถนนสาทรใต้ หนึ่งในย่านธุรกิจ และที่พักอาศัยชั้นดีในศูนย์กลางธุรกิจของกรุงเทพฯ การเป็นแหล่งรวมของอาคารสำนักงานเกรดเอ โรงแรมชั้นนำ เซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ และคอนโดมิเนียมหรู ทำให้สาทรเป็นทำเลยอดนิยมที่บริษัทชั้นนำทั้งข้ามชาติ และบริษัทไทยชั้นนำเลือกเป็นที่ตั้งสำนักงาน ไม่ว่าจะเป็นบริษัทประกันภัย ธนาคาร และสถาบันการเงินอื่นๆ และเป็นหนึ่งในทำเลที่พักยอดนิยมสำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติอีกด้วย

สุพินท์ มีชูชีพ กรรมการผู้จัดการ เจแอลแอล กล่าวว่า “ตลาดอาคารสำนักงานเกรดเอ และตลาดคอนโดมิเนียมระดับหรูในย่านศูนย์กลางธุรกิจกรุงเทพฯ มีผลประกอบการที่ดีติดต่อกันมาเป็นเวลาหลายปี ดังนั้น จึงยังคงมีบริษัทอสังหาริมทรัพย์–นักลงทุนที่ต้องการพัฒนาโครงการใหม่ในย่านศูนย์กลางธุรกิจอย่างต่อเนื่อง แต่อุปสรรคสำคัญ คือ ที่ดินที่เหมาะสำหรับการพัฒนาโครงการใหม่ในย่านนี้หาได้ยากขึ้นเรื่อยๆ”

“การเสนอขายที่ดินของสถานทูตออสเตรเลีย บนถนนสาทรครั้งนี้เป็นโอกาสที่หาได้ยากสำหรับบริษัทที่ต้องการซื้อกรรมสิทธิ์ขาดในที่ดินแปลงใหญ่เพื่อพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์บนถนนสายนี้”

นอกจากการมีทำเลชั้นเยี่ยมในใจกลางย่านธุรกิจของกรุงเทพฯ อีกปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ที่ดินแปลงนี้มีความน่าสนใจเป็นพิเศษ คือ การที่สาทรอยู่ในโซนสีแดงตามผังเมืองของกรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นพื้นที่ประเภทพาณิชยกรรม และที่อยู่อาศัยหนาแน่นมาก และอนุญาตให้สร้างอาคารสูงในอัตราส่วนพื้นที่อาคารรวมต่อพื้นที่ดิน (Floor Area Ratio : FAR) สูงถึง 10 ต่อ 1

“จากการที่แปลงที่ดินของสถานทูตมีหน้าที่ดินติดถนนสาทรค่อนข้างกว้างมาก ทำให้โครงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ใดๆ ที่จะสร้างบนที่ดินแปลงนี้ จะได้ประโยชน์อย่างเต็มที่จากการสามารถสร้างอาคารได้เต็มเพดาน FAR ที่ 10 ต่อ 1 และสามารถเลือกสร้างอาคารสูงได้หลากหลายประเภท ไม่ว่าจะเป็นคอนโดมิเนียมระดับหรู อาคารสำนักงานเกรดเอให้เช่า หรือขาย อาคารที่ทำการของบริษัทขนาดใหญ่ หรืออาคารที่ใช้ประโยชน์ผสมผสาน (mixed-use)”

สำหรับรูปแบบการเสนอขายที่ดินสถานเอกอัครราชทูตออสเตรเลีย ประจำกรุงเทพฯ เป็นการเปิดให้ผู้สนใจยื่นซองเสนอราคา โดยจะเปิดรับไปจนถึงต้นเดือนมิถุนายนนี้

ทั้งนี้ หลังจากเริ่มเปิดการขาย ปรากฏว่ามีบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำรายใหญ่แสดงความสนใจแล้วหลายราย และเพื่อเพิ่มโอกาสการขายให้มากที่สุด เจแอลแอลจะมีการกระจายข้อมูลการเสนอขายที่ดินของแปลงนี้ไปตามเครือข่ายสำนักงาน JLL ในทั่วโลก เชื่อว่าการเสนอราคาครั้งนี้จะมีการแข่งขันสูง

ที่มา http://astv.mobi/AKEEoJv

บางกอกแดนซ์จับมือสถานทูตออสเตรเลีย นำคณะ “บังการ์ร่า” สุดยอดคอนเทมโพรารี่แดนซ์ จัดเวิร์คชอปครั้งแรกให้นักเต้นไทย

admin — Thu, 21 Mar 2013 00:00:00 +0000

บางกอกแดนซ์ สถาบันชั้นนำด้านการสอนศิลปะการเต้น ได้รับเกียรติจากสถานทูตออสเตรเลียให้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการจัดเวิร์คชอปศิลปะการเต้นแนวคอนเทมโพรารี่แดนซ์ โดยมีคณะเต้นรำชั้นนำระดับโลกอย่าง บังการ์รา แดนซ์ เธียร์เตอร์ ที่บินไกลมาจากออสเตรเลีย ถ่ายทอดรูปแบบการเต้นเฉพาะตัวนี้แก่เยาวชนไทยทั้งรุ่นเล็กและรุ่นใหญ่ ซึ่งนับเป็นปรากฏการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ที่ บังการ์ร่า ได้ถ่ายทอดและเปิดโอกาสให้คนไทยเป็นกลุ่มแรกที่ไม่ใช่คนเชื้อสายอะบอริจิน ได้สัมผัสการเต้นรำสมัยใหม่ที่ผสานวัฒนธรรมพื้นเมืองอันล้ำค่าและ หวงแหน

บังการ์รา แดนซ์ เธียร์เตอร์ เป็นคณะนักเต้นสไตล์คอนเทมโพรารี่แดนซ์ที่มีชื่อเสียงของประเทศออสเตรเลีย ที่นำรูปแบบการเต้นรำพื้นเมืองอะบอริจินมาผสมผสานได้โดดเด่น เป็นการผสานจิตวิญญาณของวัฒนธรรมพื้นเมืองกับการเล่าเรื่องสมัยใหม่เข้าด้วยกัน ซึ่งการแสดงแต่ละครั้งของบังการ์รา แดนซ์ เธียร์เตอร์ ได้สร้างความตื่นตาตื่นใจและจับใจผู้ชมทั่วโลกมาแล้ว

สำหรับการเดินทางของคณะบังการ์ราสู่กรุงเทพฯ ครั้งนี้ จัดขึ้นโดยสถานทูตออสเตรเลีย ร่วกับสถาบันบางกอกแดนซ์ ด้วยจุดมุ่งหมายเพื่อต่อยอดความร่วมมือด้านศิลปะการเต้นร่วมสมัยระหว่างออสเตรเลียและไทย เพื่อส่งเสริมความเข้าใจอันดีทางวัฒนธรรมที่มีมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งครั้งนี้จัดเวิร์กช็อปพิเศษให้เยาวชนทั้งรุ่นเล็กและรุ่นใหญ่ระดับมาสเตอร์คลาส โดยผู้เข้าร่วมเวิร์คชอปได้เรียนรู้รูปแบบการเต้นเคลื่อนไหวด้วยท่วงท่าใหม่ๆ ผสมผสานการสร้างสรรค์ท่าเต้นและสัมผัสประสบการณ์ทางวัฒนธรรมอันมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวของชนเผ่า อะบอริจิน ซึ่งเป็นวัฒนธรรมชนเผ่าที่เก่าแก่ที่สุดในโลกกลุ่มหนึ่ง

คุณวัลลภา ปัจฉิมสวัสดิ์ ผู้อำนวยการสถาบันบางกอกแดนซ์ กล่าวว่า “สถาบันบางกอกแดนซ์รู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่สถานฑูตออสเตรเลียเลือกสถาบันฯ เป็นสถานที่จัดเวิร์คชอปพิเศษ และรู้สึกตื่นเต้นและภูมิใจแทนผู้ได้เข้าร่วมเต้นในครั้งนี้ เพราะทราบมาว่าคณะบังการ์รา ไม่เคยถ่ายทอดการเต้นที่เป็นเอกลักษณ์ให้คนอื่นที่ไม่ใช่นักเต้นในคณะเลย แม้ว่าจะเป็นชาวออเตรเลียนก็ตาม ซึ่งสถาบันบางกอกแดนซ์ก็ได้เชิญชวนเยาวชนทั้งรุ่นเล็กและรุ่นใหญ่จากสถาบันสอนศิลปการเต้นอีกหลายแห่งทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด ให้ได้รับโอกาสสุดพิเศษเช่นนี้อย่างทั่วถึงกัน ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดีมาก แม้แต่ผู้อำนวยการหรืออาจารย์ใหญ่ของหลายๆ สถาบันให้ความสนใจมาร่วมสังเกตการด้วยตนเอง”

แคทเธอรีน บอลด์วิน ผู้อำนวยการบริหาร บังการ์รา แดนซ์ เธียร์เตอร์ เปิดเผยว่า “บังการ์รา แดนซ์ เธียร์เตอร์ รู้สึกยินดีมากที่ได้มีโอกาสมาเผยแพร่และแบ่งปันวัฒนธรรมชาวพื้นเมืองของออสเตรเลียให้กับคนไทย ซึ่งในการมาครั้งนี้ บังการ์รา แดนซ์ เธียร์เตอร์ก็ได้เตรียมการเต้นแบบคอนเทมโพรารี่มาสอนพิเศษสำหรับนักเต้นไทยทั้งรุ่นเล็กและรุ่นใหญ่ ซึ่งการเต้นของบังการ์ร่า เป็นการเล่าเรื่องราววัฒนธรรม ศิลปะพื้นเมืองของออสเตรเลียที่ถ่ายทอด อารมณ์ ความรู้สึกผ่านการเต้นรำ ซึ่งคอนเทมโพรารี่แดนซ์ที่ออสเตรเลียมีน้อยรายที่เผยแพร่ในลักษณะนี้ ซึ่งถือว่าเป็นโอกาสดีที่บังการ์รา แดนซ์ เธียร์เตอร์ ได้นำวัฒนธรรมบางส่วนมาเผยแพร่กับคนไทยในครั้งนี้”

ด้านนายขวัญเทพ ปราการรัตน์ หรือน้องนรินทร์ อดีตนักกีฬาโรลเลอร์เบลดและไอซ์สเก็ตทีมชาติไทย และหนึ่งในนักเรียนจากสถาบันบางกอกแดนซ์ที่ได้มีโอกาสเข้าเรียนคลาสพิเศษนี้ เปิดเผยว่า “รู้สึกตื่นเต้นและดีใจที่ได้เข้ามาร่วมเวิร์คชอปของคณะบังการ์ ซึ่งถือว่าเป็นคณะนักเต้นแนวคอนเทมโพรารี่แดนซ์อันดับต้นๆ ที่มีชื่อเสียงของโลก ตนยอมรับว่าการเต้นที่บังการ์รา นำมาสอนในครั้งนี้ค่อยข้างยาก เพราะยังไม่เคยได้สัมผัสมาก่อน และเป็นการเล่าเรื่องราวของทางบ้านเขา เช่น การเต้นในลักษณะท่าสัตว์ประจำเผ่าอย่างช้าง หรือการเต้นจังหวะประจำเผ่าต่างๆ เป็นต้น ซึ่งการเรียนเหล่านี้ทำให้ตนสามารถนำไปปรับใช้ และคิดรูปแบบการเต้นของตนเองเพื่อใช้ในการแข่งขันการเต้นครั้งต่อไป”

นวินดา วรรธนะโกวินท์ (ปัจฉิมสวัสดิ์) ปริญญาตรี สาขาศิลปะการเต้นจากมหาวิทยาลัยเมลเบิร์น ออสเตรเลีย กล่าวเสริมว่า “ตอนที่เรียนอยู่ออสเตรเลียก็ทำให้รู้จักบังการ์ร่าว่า เค้าเก่งที่สุดคณะหนึ่ง การแสดงของเค้าออกมาจากจิตวิญญาณ เป็นงานผสมผสานที่ยอดเยี่ยมและโดดเด่นจนจับใจคนดูมากจริงๆ พอรู้ว่ามาเมืองไทยก็เฝ้าคอยมาตลอดที่จะร่วมเวิร์คชอปด้วย บอกได้คำเดียวว่า คนไทยโชคดีจริงๆ ที่ได้รับโอกาสนี้”

สำหรับเวิร์คชอป คอนเทมโพรารี่แดนซ์สุดพิเศษครั้งนี้ โดยบังการ์รา แดนซ์ เธียร์เตอร์ ถือว่าเป็นครั้งแรกของประเทศไทย และเป็นอีกก้าวหนึ่งที่ศิลปะการเต้นในประเทศไทยได้รับการส่งเสริมและสนับสนุน ช่วยให้นักเต้นทั้งรุ่นเล็กและรุ่นใหญ่ของไทยมีประสบการณ์และแรงบันดาลใจใหม่ๆ ในการคิดสร้างสรรค์ เพื่อให้ประเทศไทยเป็นที่ยอมรับจากนานาประเทศในการเป็นประเทศผู้นำด้านศิลปะการเต้นในภาคพื้นเอเชียประเทศหนึ่ง

นิทรรศการผลงานจิตรกรรมร่วมสมัยโดยศิลปินชั้นนำออสเตรเลีย The World in Painting

admin — Tue, 20 Nov 2007 00:00:00 +0000

สถานเอกอัครราชทูตออสเตรเลียมีความภูมิใจเสนอนิทรรศการผลงานจิตรกรรมร่วมสมัยออสเตรเลียภายใต้ชื่อ The world in Painting โดยมีภัณฑารักษ์ ซาร่า สแตนโฮป รองผู้อำนวยการ พิพิธภัณฑสถานแห่งศิลปะสมัยใหม่ไฮดี้ นครเมลเบิร์น เป็นผู้คัดเลือกผลงานและดูแลการจัดนิทรรศการ

นิทรรศการ The world in Painting ประกอบด้วยผลงานจิตรกรรมหลากสไตล์ทั้งภาพวาดในรูปแบบการตกแต่งภายในและภาพภูมิทัศน์แนวฝันที่สร้างสรรค์ขึ้นโดยศิลปินออสเตรเลียระดับแนวหน้าผู้มีชื่อเสียงจำนวนแปดท่าน คือ กอร์ดอน เบนเนท (หรือรู้จักในอีกชื่อว่า จอห์น ซิติเซ่น) อแมนด้า เดวี่ย์, เดียน่า จอร์เจติ, ราฟัต อิชฮัค, เจมส์ มอร์ริสัน,บ๊อกเซอร์ มิลเนอร์ ตามพิทจิน, แนนซี นาพานานคา และอลิซาเบ็ท นิวแมน ศิลปินได้รับแรงบันดาลใจแรงกระตุ้นและความคิดที่ได้รับมาจากความหลากหลายในสังคมวัฒนธรรมออสเตรเลียในยุคหลังการตกอยู่ใต้อาณานิคมของประเทศอังกฤษ ผลงานในนิทรรศการนี้จึงมีความโดดเด่นและสามารถแสดงเรื่องราวที่มีเนื้อหาร่วมสมัยก้าวข้ามผ่านกาลเวลาซึ่งต่างจากศิลปะออสเตรเลียแขนงอื่น ๆ

นิทรรศการ The world in Painting ได้จัดแสดงที่หอนิทรรศการศิลปะและวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เมื่อวันที่ 5 -30 ตุลาคมที่ผ่านมา และจะจัดแสดงต่อที่หอศิลปวิทยนิทรรศน์ ชั้น 7 สถาบันวิทยบริการ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ระหว่างวันที่ 30 พฤศจิกายน ถึง 25 ธันวาคม 2550

หอศิลปวิทยนิทรรศน์ ชั้น 7 สถาบันวิทยบริการ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ถนนพญาไท เปิดทำการ วันจันทร์ – ศุกร์ 09.00 – 19.00 น. วันเสาร์ 09.00 – 16.00 น. ปิดทำการวันอาทิตย์และวันหยุดราชการ โทรศัพท์ 0-2218-2965

สถานทูตออสเตรเลีย ร่วมกับโรงแรมสุโขทัย จัดงาน Voyage Australia

admin — Fri, 29 Oct 2004 00:00:00 +0000

สถานทูตออสเตรเลีย ร่วมกับโรงแรมสุโขทัย จัดงาน Voyage Australia ขึ้น ณ ห้องบอลรูม โรงแรมสุโขทัย งาน Voyage Australia นี้ ได้รับเกียรติจากคุณอู้ นพดล พหลโยธิน มาเป็น Creative Director ให้สำหรับ Jim Thompson นอกจากนั้น ยังมีการแสดงเครื่องประดับจาก Lotus Art deVivre และได้รับการสนับสนุนจาก The Thailand Wine Gazette อีกด้วย