สยามพิวรรธน์ – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Fri, 10 Oct 2025 12:27:58 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 สยามพิวรรธน์ ลงนามบันทึกข้อตกลงร่วมกับกระทรวงวัฒนธรรม เดินหน้าเพิ่มระดับขีดความสามารถผู้ประกอบการรายย่อย ต่อยอด Soft Power ไทยสู่เวทีโลก https://positioningmag.com/1542337 Fri, 10 Oct 2025 12:00:59 +0000 https://positioningmag.com/?p=1542337
  • สยามพิวรรธน์ร่วมส่งเสริม อุตสาหกรรมวัฒนธรรมสร้างสรรค์ที่มีศักยภาพ “Soft Power ความเป็นไทย” ตามภารกิจกระทรวงวัฒนธรรม
  • สร้างแพลตฟอร์มแห่งโอกาสและส่งเสริมศิลปิน ช่างฝีมือ และผู้ประกอบการรายย่อย
    ด้านศิลปวัฒนธรรมไทย ให้มีเวทีแสดงออก พัฒนาสู่ตลาดสากล และเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจและสังคม
  •  

    บริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด ผู้นำด้านการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์และธุรกิจค้าปลีกชั้นนำของประเทศไทย ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) กับกระทรวงวัฒนธรรม เพื่อร่วมส่งเสริมและพัฒนาอุตสาหกรรมวัฒนธรรมสร้างสรรค์ของไทยให้มีศักยภาพที่แข็งแกร่งขึ้น โดยต่อยอดจากมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมของชาติ สู่การเป็นพลัง Soft Power บนเวทีโลกอย่างยั่งยืน

    นายประสพ เรียงเงิน ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม เปิดเผยว่า การร่วมมือกับสยามพิวรรธน์ครั้งนี้ถือเป็นก้าวสำคัญในการสร้างแพลตฟอร์มให้ศิลปวัฒนธรรมไทยเข้าถึงคนไทยและต่างชาติ พร้อมสนับสนุนศิลปินและช่างฝีมือไทยให้มีเวทีแสดงผลงานอย่างต่อเนื่อง การบันทึกข้อตกลงดังกล่าวมุ่งขับเคลื่อนนโยบายรัฐบาลด้านการส่งเสริมอุตสาหกรรมวัฒนธรรมสร้างสรรค์ที่มีศักยภาพ ตลอดจน Soft Power ของไทย โดย วธ. เน้นยกระดับวัฒนธรรมไทยให้สามารถแข่งขันในระดับสากลได้อย่างยั่งยืน

    “บันทึกข้อตกลงความร่วมมือนี้มีผล 3 ปี นับจากวันลงนาม โดยความร่วมมือกับสยามพิวรรธน์จะช่วยเปิดโอกาสให้ศิลปินไทย ช่างฝีมือ และผู้ประกอบการด้านวัฒนธรรมเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายทั้งชาวไทยและต่างชาติอย่างกว้างขวาง ผ่านศูนย์การค้าและพื้นที่สร้างสรรค์ของสยามพิวรรธน์ ซึ่งเป็นที่รู้จักในฐานะศูนย์รวมศิลปวัฒนธรรมระดับโลก” ปลัด วธ. กล่าว

     

    นางมยุรี ชัยพรหมประสิทธิ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ สายองค์กรสัมพันธ์และสื่อสารองค์กร บริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด กล่าวว่า “สยามพิวรรธน์ พร้อมที่จะใช้ธุรกิจเป็นแพลตฟอร์มแห่งโอกาสเพื่อสร้างประโยชน์แก่ผู้คน สังคม และประเทศชาติ มุ่งเน้นการยกระดับศักยภาพของคนไทย กระจายโอกาสไปยังชุมชนในทุกภูมิภาค โดยที่ผ่านมาเราได้พัฒนาสุขสยามให้เป็นจุดหมายสำคัญของนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก ดึงดูดผู้มาเยือนกว่า 60,000 คนต่อวัน พร้อมส่งเสริมและพัฒนาเศรษฐกิจชุมชนอย่างยั่งยืน ครอบคลุมตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ ในขณะเดียวกัน ICONCRAFT  ได้เติบโตเป็นแพลตฟอร์มที่ใหญ่ที่สุดในการรวบรวมงานหัตถศิลป์และสินค้าจากช่างฝีมือไทยทั่วประเทศ ซึ่งเปิดพื้นที่ให้ช่างฝีมือและผู้ประกอบการรายย่อยได้ต่อยอดผลงานเชิงสร้างสรรค์ เชื่อมโยงภูมิปัญญาท้องถิ่นกับแนวคิดร่วมสมัย และก้าวเข้าสู่โมเดิร์นเทรด และตลาดระดับโลก  การร่วมมือในครั้งนี้นับเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญ ในการผลักดันศิลปวัฒนธรรมไทยให้เป็นที่ประจักษ์ในระดับนานาชาติอย่างเป็นรูปธรรม”

    การลงนามความร่วมมือครั้งนี้มีระยะเวลาเบื้องต้น 3 ปี โดยสยามพิวรรธน์จะให้การสนับสนุนในหลากหลายมิติ อาทิ การจัดสรรพื้นที่เพื่อจัดแสดงงานด้านศาสนา ศิลปะ และวัฒนธรรมทั้งดั้งเดิมและร่วมสมัย ยกระดับองค์ความรู้เพื่อพัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการ การสนับสนุนผลิตภัณฑ์วัฒนธรรมไทย (CPOT) การจัดกิจกรรมที่แสดงถึงภูมิปัญญาท้องถิ่น การแสดงศิลปะร่วมสมัย และกิจกรรมที่มีเป้าหมายเพื่อเผยแพร่มรดกไทยสู่สายตานานาชาติ พร้อมทั้งร่วมกันการประชาสัมพันธ์กิจกรรมการส่งเสริมภาพลักษณ์ความเป็นไทยสู่สากล โดย และสามารถขยายเวลาความร่วมมือได้ต่อเนื่องตามความเหมาะสม

    สยามพิวรรธน์ เจ้าของและผู้บริหารโครงการระดับแลนด์มาร์ก อาทิ สยามพารากอน สยามเซ็นเตอร์ สยามดิสคัฟเวอรี่ หนึ่งในพันธมิตรเจ้าของไอคอนสยาม และสยามพรีเมียม เอาท์เล็ต กรุงเทพ มุ่งดำเนินธุรกิจให้เป็นแพลตฟอร์มแห่งโอกาส (Opportunity Platform) เพื่อการเติบโตร่วมกันอย่างยั่งยืนของทุกภาคส่วน ซึ่งการร่วมมือครั้งนี้ นับเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญระหว่างภาครัฐและภาคเอกชน ที่มีเป้าหมายเพื่อเสริมสร้างภาพลักษณ์ของประเทศไทยในเวทีโลก พร้อมยกระดับวัฒนธรรมไทยให้เป็นแหล่งสร้างสรรค์ทางเศรษฐกิจ และเป็นพลังสำคัญในการขับเคลื่อนประเทศไทยอย่างมั่นคงและยั่งยืน

    ]]>
    1542337
    สยามพิวรรธน์ คว้ารางวัล HR Asia Best Companies to Work for in Asia 2025 บริษัทที่น่าทำงานด้วยมากที่สุดในเอเชีย ติดต่อกันปีที่ 4 และรางวัล HR Excellence Awards ตอกย้ำองค์กรด้านความเป็นเลิศ ในการบริหารทรัพยากรบุคคล https://positioningmag.com/1541820 Wed, 08 Oct 2025 11:17:16 +0000 https://positioningmag.com/?p=1541820

    บริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด ผู้นำด้านธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และผู้พัฒนาโครงการระดับแลนด์มาร์กของประเทศไทย อาทิ สยามพารากอน สยามเซ็นเตอร์ สยามดิสคัฟเวอรี่ ไอคอนสยาม และสยามพรีเมียม เอาท์เล็ต กรุงเทพ ตอกย้ำความสำเร็จขององค์กรด้านความเป็นเลิศในการบริหารทรัพยากรบุคคล ล่าสุดคว้ารางวัลเกียรติยศจาก 2 เวทีชั้นนำระดับนานาชาติ  โดยได้รับรางวัล HR Asia Best Companies to Work for in Asia 2025 หรือบริษัทที่น่าทำงานด้วยมากที่สุดในเอเชีย เป็นปีที่สี่ติดต่อกัน และ รางวัล HR Asia Diversity, Equity & Inclusion Awards 2025 หรือองค์กรที่โดดเด่นทางด้านความหลากหลาย ความเท่าเทียม และการมีส่วนร่วม เป็นปีที่สอง จาก HR Asia Awards 2025 จัดโดยนิตยสาร
    เอชอาร์ เอเชีย (HR Asia) ซึ่งเป็นนิตยสารชั้นนำด้านการบริหารทรัพยากรบุคคลที่ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางในภูมิภาคเอเชีย

    นอกจากนี้ ยังได้สร้างความสำเร็จต่อเนื่องโดยสามารถคว้ารางวัลจากเวที HR Excellence Awards 2025 ติดต่อกันเป็นปีที่ 4 โดยได้รับรางวัลระดับ Bronze  สาขา Excellence in Talent Acquisition สะท้อนความแข็งแกร่งขององค์กรที่มีการสร้างกลยุทธ์และแนวทางการสรรหาพนักงาน (Recruitment) อย่างมีประสิทธิภาพ งานนี้จัดโดยสถาบัน Human Resources Online ประเทศสิงคโปร์ ซึ่งเป็นสื่อด้านการบริหารทรัพยากรบุคคลที่มีชื่อเสียงในภูมิภาคเอเชีย และในระดับสากล

    คุณณัฐวุฒิ เกียรติไชยากร รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานทรัพยากรบุคคล บริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด กล่าวว่า “รู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้รับการยอมรับจากเวทีระดับสากลอีกครั้ง สยามพิวรรธน์ไม่ได้เป็นผู้บริหารศูนย์การค้าเท่านั้น แต่เราคือผู้พัฒนาจุดหมายปลายทางระดับโลก ดังนั้นพนักงานที่ทำงานกับเราจึงต้องมีความเป็น “Extraordinary people”  สยามพิวรรธน์จึงมุ่งเน้นการมอบประสบการณ์ที่ดีในการทำงาน สร้างคุณค่าวัฒนธรรมในองค์กรให้ความสำคัญกับความแตกต่างและความหลากหลายของการอยู่ร่วมกันไปพร้อมกับการพัฒนาศักยภาพทั้งด้าน skillset  และ mindset ของพนักงานเพื่อสร้างโอกาสสู่การแข่งขันบนเวทีโลก

     

    ซึ่งสายงานบริหารทรัพยากรบุคคลมีความมุ่งมั่นตั้งใจที่จะพัฒนาและยกระดับการทำงานด้านทรัพยากรบุคคลอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้พนักงานทุกคนมีความมั่นใจว่าได้รับการดูแลด้านคนในระดับมาตรฐานสากล สิ่งเหล่านี้จึงสามารถตอบโจทย์ในองค์กรยุคใหม่และพร้อมรับกับการเปลี่ยนแปลงของโลกธุรกิจในอนาคตได้ ถือเป็นอีกบทพิสูจน์เพื่อให้เกิดการสานต่อในด้านการบริหารงานทรัพยากรบุคคลในทุกมิติ เพราะเราเชื่อมั่นว่าพนักงานเป็นกำลังสำคัญที่จะร่วมขับเคลื่อนการเติบโตอย่างยั่งยืนให้แก่องค์กร”

    สยามพิวรรธน์เป็นองค์กรที่เปรียบเสมือนแพลตฟอร์มแห่งโอกาส ที่สร้างโอกาสการเติบโตร่วมกันของทุกภาคส่วน  รางวัลทั้งหมดนี้ สะท้อนถึงความสำเร็จขององค์กรด้านความเป็นเลิศของการบริหารด้านทรัพยากรบุคคล ที่เกิดจากความร่วมมือร่วมใจของพนักงานสยามพิวรรธน์อย่างยอดเยี่ยม จนได้รับการยอมรับบนเวทีระดับสากล พร้อมนำพาองค์กรมุ่งสู่เป้าหมายที่ยิ่งใหญ่และสร้างความภาคภูมิใจไปพร้อมกัน

    ]]>
    1541820
    “สยามพิวรรธน์” Game Changer ตัวจริงแห่งวงการอสังหาฯ โมเดล “ไอคอนสยาม” ผู้สร้างตำนานบทใหม่ สู่จุดหมายปลายทางระดับโลก https://positioningmag.com/1539678 Fri, 26 Sep 2025 03:21:21 +0000 https://positioningmag.com/?p=1539678

    ต้องบอกว่า “ค้าปลีก” ถือเป็นอุตสาหกรรมที่สร้างชื่อเสียงให้แก่ประเทศไทยอย่างมาก อยู่ในอีโคซิสเท็มของการท่องเที่ยวที่ครบวงจร โดยที่ “สยามพิวรรธน์” เป็นผู้สร้างปรากฎการณ์ต่างๆ มากมายให้แก่ประเทศไทย หนึ่งในฟันเฟืองใหญ่ที่เพิ่มมูลค่าทางเศษฐกิจ ทำให้ไทยขึ้นแท่นจุดหมายปลายทางระดับโลกได้ในปัจจุบัน

    ถ้าจะให้นิยามความสำเร็จของสยามพิวรรธน์นั้น ตอนนี้ไม่ได้จำกัดอยู่แค่การสร้างปรากฎการณ์ทางธุรกิจอย่างเดียวเท่านั้น แต่เป็น “Game Changer” หรือผู้พลิกเกมตัวจริงเสียงจริงแห่งวงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ การเป็นผู้พลิกเกมของสยามพิวรรธน์ นั่นหมายความว่าไม่ได้แค่สร้างศูนย์การค้าให้ผู้คนมาใช้ชีวิตอย่างเดียว แต่ทำให้ทำให้เศรษฐกิจโดยรอบเติบโตอย่างยั่งยืนไปพร้อมๆ กัน โดยมี “ไอคอนสยาม” เป็นตัวอย่างที่สะท้อนให้เห็นบทพิสูจน์ความสำเร็จนี้ได้เป็นอย่างดี

    ซึ่งความสำเร็จนี้สะท้อนผ่านผลประกอบการอันแข็งแกร่ง แม้ในช่วงที่เศรษฐกิจเริ่มส่งสัญญาณถดถอย แต่ไอคอนสยามยังเติบโตทางธุรกิจอย่างต่อเนื่อง พร้อมๆ กับมูลค่าทางเศรษฐกิจของหลากหลายธุรกิจในพื้นที่ฝั่งธนและริมแม่น้ำเจ้าพระยาที่เพิ่มขึ้นเช่นกัน ซึ่งเป็นเครื่องพิสูจน์ถึงความสามารถจากชั่วโมงบินที่สะสมในการทำธุรกิจมายาวนาน และศักยภาพในการมองเกมธุรกิจขาดอย่างเฉียบคม


    Game Changer ตัวจริง ยืนหยัดเหนือทุกวิกฤติ

    บนเส้นทางกว่า 67 ปี ของสยามพิวรรธน์ สิ่งที่สะท้อนอย่างชัดเจนที่สุดคือ การไม่หยุดนิ่ง และ การกล้าที่จะสร้างสิ่งใหม่ให้โลกได้เห็น บริษัทไม่ได้เพียงแค่สร้างศูนย์การค้า แต่ได้สร้างเวทีระดับโลก “แพลตฟอร์มแห่งโอกาส” ที่เชื่อมโยงธุรกิจ ผู้คน ชุมชน และโลกเข้าไว้ด้วยกัน ผ่านแนวคิด “วิถีสยามพิวรรธน์”

    สยามพิวรรธน์ คือ “Game Changer ตัวจริง” ที่บุกเบิกและยกระดับวงการอสังหาริมทรัพย์เชิงพาณิชย์ของไทย นับตั้งแต่โครงการ Siam Center ศูนย์การค้าแห่งแรกของประเทศ ซึ่งวางรากฐานวงการค้าปลีก และสร้างโอกาสให้ผู้ประกอบการไทยแจ้งเกิดในอุตสาหกรรมแฟชั่น ความกล้าที่จะสร้างสิ่งใหม่นี้ ได้ต่อยอดสู่การเป็นต้นแบบ Mixed-Use Complex ยุคแรก ผ่าน Siam Tower อาคารสำนักงาน และโรงแรม Intercontinental ซึ่งดึงดูดการลงทุนของโรงแรมหรูระดับโลกให้กล้าลงทุนในไทย

    ก่อนต่อยอดพัฒนา Siam Paragon โปรเจกต์ระดับโลก ซึ่งเป็น แม่เหล็กสำคัญ ที่พร้อมดึงดูดแบรนด์ลักชัวรีมากมาย และผลักดันให้ประเทศไทยเป็น จุดหมายปลายทางการลงทุนและท่องเที่ยวระดับโลก รวมถึงการสร้างและปรับโฉม Siam Discovery สู่ Hybrid Retail ทั้งหมดนี้คือการสะท้อนจิตวิญญาณของ Game Changer ที่เปลี่ยนโฉมวงการค้าปลีกไทยและยกระดับภาพลักษณ์ประเทศสู่เวทีโลกอย่างแท้จริง


    “ไอคอนสยาม” โมเดลสร้างเมือง เพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจให้ฝั่งธน

    หนึ่งในโครงการที่เป็นไฮไลท์อย่าง “ไอคอนสยาม” ได้รับการยอมรับในฐานะ “ต้นแบบกระบวนการพัฒนาโครงการที่ครบวงจร” ที่เหนือกว่าการเป็นเพียงศูนย์การค้า แต่เป็นการ “เปลี่ยนเกม” พัฒนาเมือง (Urban Transformation) ซึ่งเป็นผลลัพธ์จากการดำเนินงานภายใต้วิสัยทัศน์ที่ต้องการสร้างเมืองและอสังหาริมทรัพย์ที่สามารถรองรับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจสมัยใหม่ได้อย่างครบวงจร การยกระดับนี้ทำให้ทำเลฝั่งธนบุรีมีความน่าดึงดูดและมีมูลค่าเพิ่มขึ้น

    สยามพิวรรธน์ได้ลงพื้นที่พูดคุยกับ 13 ชุมชนริมแม่น้ำเจ้าพระยา ผู้ประกอบการท้องถิ่น และภาคธุรกิจริมแม่น้ำ เพื่อให้มั่นใจว่าโครงการนี้จะสร้างขึ้นจากการมีส่วนร่วมและผลประโยชน์ร่วมกัน (Co-Creation and Shared Value) ของผู้คน ชุมชน คู่ค้า และสังคม โดยมีเป้าหมายหลักคือการ ทำให้คนฝั่งธนบุรีภูมิใจในที่อยู่ของตนเอง เนื่องจากโครงการไอคอนสยามเกิดขึ้นบนผืนดินฝั่งธนบุรี ด้วยความเชื่อที่ว่าความยิ่งใหญ่ของเมืองต้องสร้างมาจากการมีส่วนร่วมของคนในพื้นที่

    ตลอดระยะเวลา 7 ปีที่ ไอคอนสยาม เปิดให้บริการ ได้ต้อนรับนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกกว่า 115 ล้านคน รายได้ของศูนย์การค้าเติบโตเฉลี่ย 24.2% ต่อปี สามารถดึงดูดเงินลงทุนจากต่างชาติ 5,000 ล้านบาท แม้ในช่วงที่เศรษฐกิจเริ่มส่งสัญญาณถดถอย สร้างงานมากกว่า 400,000 อัตรา ซึ่งความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่นี้ไม่ได้จำกัดอยู่แค่ตัวโครงการเอง แต่ส่งผลกระทบเชิงบวกต่อเศรษฐกิจโดยรอบอย่างเป็นรูปธรรม ในฐานะ “แม่เหล็กการท่องเที่ยวระดับโลก”  มีการจัดงานระดับโลก จำนวน 4,900 อีเวนท์ โครงการได้ยกระดับภาพลักษณ์ของประเทศจนได้รับการยกย่องจาก CNN ว่าเป็น 1 ใน 3 จุดหมายปลายทางของคืนข้ามปีที่ดีที่สุดในโลก

    ขณะเดียวกัน เศรษฐกิจในพื้นที่ก็ได้เติบโตอย่างมหาศาล โดยราคาประเมินที่ดินบริเวณไอคอนสยาม พุ่งทะยานจาก 250,000 บาทต่อตารางวา เป็น 700,000 บาท และมีแนวโน้มว่าอาจสูงถึงตารางวาละ 1 ล้านบาท พร้อมทั้งกระตุ้นให้เกิด โครงการอสังหาริมทรัพย์รูปแบบต่างๆ ตามมาถึง 60 โครงการ ในพื้นที่ 1 ตารางกิโลเมตรรอบโครงการ 

    ส่วนภาคธุรกิจอื่นๆ เติบโตอย่างได้ชัดเช่นกัน โดยเฉพาะธุรกิจที่ตั้งบนริมแม่น้ำเจ้าพระยาที่เติบโตขึ้น 40% ขณะที่ธุรกิจท่องเที่ยวทางน้ำเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ ส่งผลให้โรงแรมโดยรอบมีผลประกอบการที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากความนิยมนี้ส่งผลให้ราคาห้องพักเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 50% และมีอัตราการเข้าพักที่สูงกว่า 85% เมื่อมีนักท่องเที่ยวและโครงการ

    ขณะเดียวกัน ความสำเร็จนี้ได้แผ่ขยายไปสู่ระดับชุมชนอย่างยั่งยืน โดยโครงการ ไอคอนสยาม ไม่ได้เป็นเพียงศูนย์การค้า แต่เป็น “เมือง” ที่ผู้คนรู้สึกเป็นส่วนหนึ่ง ซึ่งเป็นผลมาจากการดำเนินงานภายใต้หลักคิด Co-Creation and Shared Value เพื่อสร้างคุณค่าร่วมแก่สังคมและชุมชน เมื่อมีนักท่องเที่ยวและโครงการระดับโลกนี้เป็นแรงขับเคลื่อน ส่งผลให้ 3,500 ครัวเรือน ใน 13 ชุมชน ที่อยู่ล้อมรอบ มีรายได้ต่อครัวเรือนดีขึ้นจากการค้าขาย นอกจากนี้ ยังได้ยกระดับคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นด้วยการดูแลและพัฒนาอย่างยั่งยืน อาทิ รักษาความสะอาดและขุดลอกคูคลองรอบ ๆ ทั้ง 7 สาย ทั้งหมดนี้คือบทพิสูจน์ที่ว่า ความสำเร็จของไอคอนสยามนี้ คือ  การเติบโตทางธุรกิจร่วมกันของทั้งพื้นที่ และยกระดับคุณภาพชีวิตของชุมชนโดยรอบอย่างยั่งยืน


    พันธมิตรระดับโลกพร้อมลงทุนต่อเนื่อง

    นอกจากการสร้างระบบนิเวศชุมชนรอบโครงการให้แข็งแกร่งแล้ว ยังความเชื่อมั่นจากพันธมิตรระดับโลกได้อย่างต่อเนื่อง สะท้อนผ่านการแสดงเจตจำนงในการร่วมเปิดสโตร์แห่งใหม่ หรือขยายพื้นที่ให้ใหญ่ขึ้น ซึ่งตอกย้ำถึงสถานะของโครงการที่พลิกโฉมเศรษฐกิจไทย ในฐานะศูนย์กลางค้าปลีกและอสังหาริมทรัพย์ระดับโลก

    คุณชฎาทิพ จูตระกูล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัท สยามพิวรรธน์  กล่าวไว้ว่า “แม้ว่าเศรษฐกิจไทยจะไม่ค่อยดี ผู้ประกอบการระดับโลกจำนวนมากต่างขอขยายพื้นที่ในศูนย์การค้าของสยามพิวรรธน์ แรงขับเคลื่อนสำคัญที่ทำให้แบรนด์เหล่านี้มั่นใจในการลงทุนครั้งประวัติการณ์ คือ ยอดขายที่เหนือชั้น ลักชัวรีแบรนด์ที่จำหน่ายในศูนย์การค้าของสยามพิวรรธน์ทุกแบรนด์ต่างติดอันดับ ท็อป 5 หรือ ท็อป 10 ของโลก  โดยยอดขายลักชัวรีแบรนด์ที่มาจากไอคอนสยามและสยามพารากอนรวมกัน คิดเป็น 75% ของรายได้ทั้งพอร์ตในประเทศไทย”

    ด้วยเหตุนี้ แผนการขยายพื้นที่ครั้งยิ่งใหญ่ในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2568 เห็นได้ว่า มีแบรนด์กว่า 52 แบรนด์ ประกอบด้วยทั้งแบรนด์สินค้าลักเซอรี่ และผู้ประกอบการไทย ทยอยเปิดให้บริการที่ ไอคอนสยาม โดยมีการลงทุนรวมมีมูลค่าสูงถึง 1,500 ล้านบาท  ซึ่งจะมีส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนผลประกอบการอย่างต่อเนื่องในอีก 2 ปีข้างหน้า โดยแบรนด์ต่างๆ ประกอบด้วย Hermès เตรียมปรับโฉมเป็นแฟล็กชิปแบบ สองชั้น (Duplex) แห่งแรกของประเทศ พร้อมขยายพื้นที่เพิ่มอีก 500 ตารางเมตร ในทำนองเดียวกัน Prada ก็จะเพิ่มพื้นที่เป็น Duplex แห่งแรกในประเทศไทย เช่นกัน ส่วน Loro Piana ซึ่งเปิดสาขาแรกที่สยามพารากอนแล้ว จะมาเปิดสาขาเพิ่มที่ไอคอนสยามโดยจะมีขนาดใหญ่ที่สุดในไทย ด้าน Fendi จะเปิดตัว New Concept in Region ซึ่งเป็น Concept ใหม่ล่าสุด และเป็นที่แรกในเอเชีย พร้อมด้วย Facade ที่ได้รับการดีไซน์มาเป็นพิเศษสำหรับไอคอนสยามโดยเฉพาะ ขณะที่ Gentle Monster และ Tamburins เตรียมเปิดร้านขนาดใหญ่มากถึง พันตารางเมตร ในช่วงเดือนธันวาคม และแบรนด์ชั้นนำอื่นๆ อาทิ Burberry,Omega,Maison Francis Kurkdjian (MFK),Club21 Multi Label,Versace,Glintz Jewelry,Carolina Lemke,Orlebar Brown,Tiffany & Co., KAYOU (Art Toy) รวมทั้งร้านอาหาร  อาทิ Bianca,Tonkatsu Aoki,Laderach,Candy Crush เป็นต้น

    การลงทุนขยายพื้นที่ครั้งประวัติการณ์นี้สะท้อนให้เห็นว่า ไอคอนสยาม ได้ก้าวไปไกลกว่าการสร้างมาตรฐานระดับโลก โดยยังคงทำหน้าที่เป็น Global Attraction ที่ดึงดูดการลงทุนและเป็น prototype (ต้นแบบ) ที่ผู้ประกอบการระดับโลกต้องศึกษาและเรียนรู้ ซึ่งรางวัลที่เป็นความภาคภูมิใจ คือ ในปีนี้ไอคอนสยาม ได้รับคัดเลือกเป็น Finalist เพียงหนึ่งเดียวจากประเทศไทย และหนึ่งในสองโครงการจากเอเชีย ในรางวัล Most Influential Retail Property Project of the Past 30 Years หรือ โครงการอสังหาริมทรัพย์เพื่อการค้าปลีกที่ทรงอิทธิพลที่สุดในรอบ 30 ปี  MAPIC Award 2025 ซึ่งถูกขนานนามว่าเป็น Cannes ของวงการ Retail โดยได้เข้าร่วมแข่งขันกับโครงการระดับโลกอย่าง Dubai Mall (UAE), Battersea Power Station (UK) และ Marina Bay Sands (Singapore) 

    หลังจากเคยสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศไทยมาแล้วในปี 2019 เมื่อคว้ารางวัลชนะเลิศ MAPIC AWARD– Best Shopping Center 2019 ศูนย์การค้าที่ดีที่สุดในโลก เส้นทางของสยามพิวรรธน์คือบทพิสูจน์ว่า “วิสัยทัศน์ ความกล้า ความศรัทธา” สามารถเปลี่ยนความฝันให้กลายเป็นจริงได้ ทุกโครงการไม่เพียงสร้างความสำเร็จให้แก่บริษัท แต่ยังสร้างผลลัพธ์เชิงบวกให้แก่สังคม ชุมชน และประเทศ

    เราคงไม่สามารถเรียกสยามพิวรรธน์ว่าเป็นเพียงผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพียงอย่างเดียวได้อีกต่อไป เพราะนี่คือ “ผู้พลิกเกม” เพื่อ “ชนะ” ตัวจริง ที่ไม่เพียงขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย แต่ยังทำให้ประเทศไทยเป็นที่จับตามองบนเวทีโลก Win the World for Thailand และยังทำให้ประเทศไทยขึ้นแท่นจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวระดับโลก ที่จะต้องมาเช็คอินสักครั้งในชีวิต

    ]]>
    1539678
    CEA ผนึกความร่วมมือ สยามพิวรรธน์ ดันเศรษฐกิจสร้างสรรค์และวัฒนธรรมไทยสู่เวทีโลก https://positioningmag.com/1529008 Mon, 07 Jul 2025 09:40:51 +0000 https://positioningmag.com/?p=1529008

     สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (องค์การมหาชน) หรือ CEA ผนึกความร่วมมือกับ บริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์และธุรกิจค้าปลีกชั้นนำ ในพิธีลงนามบันทึกความเข้าใจความร่วมมือ (MOU) เพื่อยกระดับขีดคามสามารถของเศรษฐกิจสร้างสรรค์และวัฒนธรรมไทยสู่ระดับสากล โดยมีเป้าหมายร่วมกันในการขยายโอกาสให้ผู้ประกอบการและนักสร้างสรรค์ไทยได้แสดงศักยภาพบนเวทีโลก ผ่านการจัดแสดงผลงานและสินค้าสร้างสรรค์ในพื้นที่เชิงพาณิชย์และกิจกรรมต่าง ๆ  พร้อมทั้งสนับสนุนการบ่มเพาะองค์ความรู้ และการพัฒนาศักยภาพเพื่อต่อยอดทางธุรกิจ ผลักดันประเทศไทยก้าวสู่การเป็น ‘Creative Nation’ สร้างรายได้และขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ

    ดร. ชาคริต พิชญางกูร ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ กล่าวว่า “CEA และสยามพิวรรธน์ มีความร่วมมือด้านการพัฒนาพื้นที่สร้างสรรค์และการส่งเสริมนักสร้างสรรค์มาอย่างต่อเนื่อง ทั้งการสนับสนุนการจัดเทศกาลงานออกแบบกรุงเทพฯ (ปี 2567 – 2568), โครงการบ่มเพาะธุรกิจสร้างสรรค์ในเครือข่ายของ CEA, การจัดพื้นที่จำหน่ายผลิตภัณฑ์ของนักสร้างสรรค์ไทยภายใต้โครงการ Creative Craft Transformation

    ฯลฯ ความร่วมมือในครั้งนี้สะท้อนถึงพลังความร่วมมือระหว่างภาคเอกชนกับภาครัฐ ที่พร้อมผลักดันเศรษฐกิจสร้างสรรค์ไทยให้เติบโตสู่ระดับสากลอย่างมั่นคง โดย CEA มุ่งเน้นการสร้างระบบนิเวศที่เอื้อต่อการเติบโตของนักสร้างสรรค์และผู้ประกอบการไทย ผ่านการบ่มเพาะ การพัฒนาศักยภาพ และการเปิดโอกาสขยายสู่ตลาดโลกอย่างเป็นรูปธรรม เช่น กิจกรรม Creative House By CEA ภายใต้เทศกาลไทย (Thai Festival) ในต่างประเทศ ซึ่ง CEA บูรณาการร่วมกับ กองการทูตวัฒนธรรม กรมสารนิเทศ กระทรวงต่างประเทศ เพื่อเพิ่มโอกาสทางธุรกิจ เชื่อมโยงเครือข่าย และสร้างรายได้เพิ่มให้เพื่อแก่ผู้ประกอบการและนักออกแบบสร้างสรรค์ และนำไปสู่การเผยแพร่ซอฟต์พาวเวอร์ไทยให้เป็นที่รู้จักในระดับสากล”

    คุณสุทธิรัตน์ ภาณววัฒน์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสายงาน Corporate Branding and Communications บริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด กล่าวว่า “สยามพิวรรธน์ใช้ความคิดสร้างสรรค์และนวัตกรรมเป็นหัวใจในการดำเนินธุรกิจผลักดันให้ทุกโครงการกลายเป็นต้นแบบที่สร้างมาตรฐานใหม่ให้กับอุตสาหกรรมทั้งในระดับประเทศและระดับโลกอยู่เสมอ เรานำความคิดสร้างสรรค์เข้ามาสร้างประสบการณ์แปลกใหม่ สร้างความตื่นตาตื่นใจและเหนือความคาดหมายให้กับผู้ที่มาเยือน ศูนย์การค้าในเครือของกลุ่มสยามพิวรรธน์ ทำงานร่วมกับศิลปินไทยและระดับโลก ดีไซเนอร์ และศิลปินรุ่นใหม่มาอย่างต่อเนื่อง เพื่อรังสรรค์ผลงานระดับโลก พร้อมทั้งสนับสนุนดีไซเนอร์ไทยที่มีศักยภาพให้ก้าวสู่เวทีสากล จนกลายเป็นหนึ่งในคอมมูนิตี้สร้างสรรค์ที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศ เราพร้อมเป็นแพลตฟอร์มแห่งโอกาส ที่เปิดพื้นที่ให้ศิลปิน นักออกแบบ และผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมสร้างสรรค์จากหลากหลายสาขา ได้เข้ามาเรียนรู้ พัฒนา และต่อยอดธุรกิจด้วยพลังแห่งความคิดสร้างสรรค์ เพื่อร่วมกันขับเคลื่อนเศรษฐกิจสร้างสรรค์ของไทย และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศในระดับโลก”


    CEA และ สยามพิวรรธน์ มีความร่วมมือและแนวทางผลักดันเศรษฐกิจสร้างสรรค์ไทยอย่างยั่งยืน ดังนี้

     

    1.การสื่อสารประชาสัมพันธ์และจัดจำหน่าย: สนับสนุนการจัดแสดงหรือจำหน่ายสินค้าสร้างสรรค์ของผู้ประกอบการในเครือข่ายของ CEA บนพื้นที่พิเศษของศูนย์การค้า, แพลตฟอร์มธุรกิจค้าปลีก และร้านคอนเซ็ปต์สโตร์ที่อยู่ในเครือของสยามพิวรรธน์

    2.การขยายตลาดต่างประเทศ: สนับสนุนการนำสินค้าสร้างสรรค์ไทยไปจัดจำหน่ายในงาน Creative House by CEA ภายใต้เทศกาลไทย (Thai Festival) ในต่างประเทศ โดยร่วมกับกรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ

    3.การพัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการไทย: ร่วมกันถ่ายทอดองค์ความรู้แบบครบวงจร ตั้งแต่การพัฒนาผลิตภัณฑ์ การสร้างแบรนด์ การวางกลยุทธ์ตลาด ตลอดจนการเพิ่มมูลค่าและขยายช่องทางจำหน่าย รวมถึงการสร้างโอกาสในประเทศ ด้วยการจัดแสดงผลงานในเทศกาลสร้างสรรค์นานาชาติ (Creative Festival) ทั้ง 4 ภูมิภาคของ CEA

    4.การสนับสนุนพื้นที่สร้างสรรค์: เปิดพื้นที่แสดงงานศิลปะและกิจกรรมพัฒนาเศรษฐกิจสร้างสรรค์ ให้กับนักสร้างสรรค์รุ่นใหม่ ผู้ประกอบการไทย และนักศึกษาในเครือข่ายของ CEA

    CEA และ สยามพิวรรธน์ เชื่อมั่นว่าการสนับสนุนเศรษฐกิจสร้างสรรค์จะเป็นพลังขับเคลื่อนด้านเศรษฐกิจที่สำคัญของประเทศในระยะยาว ทั้งยังเป็นการเปิดพื้นที่แห่งโอกาสให้นักสร้างสรรค์และผู้ประกอบการไทยได้แสดงศักยภาพ พร้อมเติบโตไปด้วยกันในระดับสากล

    ]]>
    1529008
    วิถีสยามพิวรรธน์ สร้างเมืองแห่งชีวิต สู่โลกที่เติบโตอย่างยั่งยืน https://positioningmag.com/1523979 Fri, 30 May 2025 13:36:54 +0000 https://positioningmag.com/?p=1523979

    ตลอดระยะเวลากว่า 60 ปี สยามพิวรรธน์ได้สร้างจุดหมายปลายทางสัญลักษณ์ของเมือง ที่เต็มไปด้วยสีสัน ความมีชีวิตชีวา และการมีส่วนร่วมของผู้คนจากทุกภาคส่วน ก้าวสู่การเป็นผู้บุกเบิกที่ยกระดับมาตรฐานของวงการอสังหาริมทรัพย์เพื่อการค้าปลีกไทย สร้างต้นแบบแห่งการพัฒนาเมืองอย่างยั่งยืนที่เป็นรูปธรรม


    จากสยามเซ็นเตอร์ สู่สยามพารากอน สยามดิสคัฟเวอรี่ และไอคอนสยาม ทุกโครงการไม่ได้เป็นเพียงแลนด์มาร์กระดับประเทศ หากแต่เป็นพลังขับเคลื่อนเมืองในมิติของเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม ที่มุ่งมั่นใช้ทรัพยากรอย่างรู้คุณค่า ด้วยแนวคิดเติบโตเคียงคู่สิ่งแวดล้อมเพื่อโลกที่ดีขึ้น “วิถีสยามพิวรรธน์” จึงเป็นพันธกิจที่หล่อหลอมเข้าสู่ทุกกระบวนการทางธุรกิจอย่างเป็นระบบ พร้อมเป้าหมายชัดเจนในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิให้เป็นศูนย์ (Net Zero) ในขอบเขตที่ 1 และ 2 ภายในปี 2050  โดยมีพันธกิจหลัก ดังนี้


    Carbon Neutral – วัดผลการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและทำการชดเชย 100% 

    สยามพารากอน สยามเซ็นเตอร์ และสยามดิสคัฟเวอรี่ เป็นศูนย์การค้าแห่งแรกของไทยที่ ได้รับการรับรองเครื่องหมายการชดเชยคาร์บอน (Carbon Offset & Carbon Neutral) ในกิจกรรมชดเชยคาร์บอนประเภทองค์กร (Carbon Neutral of CFO) จากองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) หรือ อบก. โดยทำการชดเชยคาร์บอน 100% จากการปล่อยก๊าซเรือนกระจกขององค์กรปี 2023 ในขอบเขตที่ 1 และ 2 รวมทั้งสิ้น 23,092 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า หรือเทียบเท่ากับการปลูกต้นไม้มากถึง 2,430,736 ต้น ทั้งนี้ สยามพิวรรธน์ยังเดินหน้าพัฒนาระบบบริหารจัดการอย่างต่อเนื่อง เพื่อร่วมขับเคลื่อนประเทศไทยสู่เป้าหมายด้านสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน

    Zero Waste to Landfill จัดการขยะครบวงจร Siam Piwat 360° Waste Journey to Zero Waste

    สยามพิวรรธน์เดินหน้าสู่เป้าหมาย “ขยะฝังกลบเป็นศูนย์” (Zero Waste to Landfill) ภายในปี 2040 ผ่านความร่วมมือกับพันธมิตรนำนวัตกรรมด้านสิ่งแวดล้อมมาใช้ในหลายโครงการ อาทิ นวัตกรรม Waste to Value ร่วมมือกับกรุงเทพมหานคร นำขยะเศษอาหารไปแปรสภาพเป็นอาหารสัตว์ หรือการร่วมมือกับพันธมิตรนำขยะในศูนย์การค้าไปรีไซเคิลและอัพไซเคิลเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ วางจำหน่ายในพื้นที่ ECOTOPIA พร้อมขยายแนวคิดสู่ผู้เช่า ลูกค้า และชุมชน และโครงการ Waste to Energy ร่วมมือกับ กทม. และวงษ์พาณิชย์ นำขยะไปรีไซเคิลและผลิตเป็นพลังงาน

    นอกจากนี้ ยังร่วมมือกับภาครัฐและเอกชนในการลดปัญหา Food Waste เพื่อให้เหลือขยะอาหารน้อยที่สุด โดย สยามพารากอน สยามเซ็นเตอร์ สยามดิสคัฟเวอรี่ และไอคอนสยามเป็นศูนย์การค้าแรกที่เข้าร่วมโครงการ “ร้านนี้ไม่เทรวม” กับกรุงเทพมหานคร เพื่อสร้างต้นแบบให้อุตสาหกรรม ซึ่งเป็นกลุ่มร้านอาหารและเครื่องดื่มใน 4 ศูนย์การค้าเข้าร่วม 100% รวมทั้งการส่งเสริมจิตสำนักสิ่งแวดล้อมในชุมชน เช่น โครงการขยะเติมสุข รักษ์คลองที่คลองสาน การแจกชุดถังขยะส่งเสริมการคัดแยกขยะอย่างถูกต้อง การอบรมให้ความรู้แก่ผู้เช่า พนักงาน โรงเรียน และชุมชน รวมทั้งสนับสนุนการแข่งขัน SPOGOMI WORLD CUP การแข่งขันเก็บขยะระดับโลก


    พลังงานทดแทน: เร่งเปลี่ยนสู่พลังงานหมุนเวียน 100% ภายในปี 2030

    สยามพิวรรธน์ตั้งเป้าการใช้พลังงานหมุนเวียน 30% ภายในปี 2026 และ 100% ภายในปี 2030 สำหรับพื้นที่ภายใต้การบริหารจัดการทั้งหมด ปัจจุบันได้ติดตั้งโซลาร์รูฟท็อปที่ ICONSIAM และ Siam Premium Outlets Bangkok รวมกว่า 18,000 ตารางเมตร ผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ได้ 5,024 เมกะวัตต์-ชั่วโมง/ปี ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้กว่า 2,512 ตัน CO₂e หรือเทียบเท่าการปลูกต้นไม้กว่า 264,000 ต้น และในปีนี้จะมีติดเพิ่มเติมที่สยามพารากอนอีก 3,500 ตารางเมตร ผลิตกระแสไฟฟ้าได้ 1,044 เมกะวัตต์-ชั่วโมง/ปี ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ 438 ตัน CO₂e หรือเทียบเท่าการปลูกต้นไม้ 49,500 ต้น

    บริษัทเดินหน้าศึกษาเทคโนโลยีพลังงานสะอาดอย่างต่อเนื่อง ผ่านการใช้ไฟฟ้าสีเขียวโครงการ Utility Green Tariff (UGT) โดยได้สมัครเข้าร่วมโครงการของภาครัฐ พร้อมขยายการติดตั้งโซลาร์รูฟท็อปที่สยามพารากอน และพัฒนาระบบปรับอากาศอัจฉริยะเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน


    พื้นที่สีเขียว: เติมเต็มเมืองด้วยพื้นที่สีเขียวใจกลางเมืองที่มีชีวิต

    จากแนวคิดที่ว่าเมืองจะเติบโตได้ต้องเติบโตอย่างสมดุล สยามพิวรรธน์เดินหน้าเพิ่มพื้นที่สีเขียวอย่างจริงจัง รวมกว่า 38,400 ตารางเมตรในทุกศูนย์การค้า และบนดาดฟ้าของอาคารจอดรถสยามมีศูนย์อนุบาลต้นไม้ฟาร์มออร์แกนิกขนาด 4,000 ตารางเมตร ใช้แนวทางธรรมชาติ 100% ปราศจากการใช้ปุ๋ยและสารเคมี รวมทั้งมีการจัดการขยะอินทรีย์แบบครบวงจร  ด้วยการใช้สารปรับปรุงดิน จากขยะอินทรีย์และปุ๋ยหมักจากเศษใบไม้ การนำกากกาแฟมาผลิตเป็นปุ๋ยธรรมชาติ และการผลิต น้ำหมักชีวภาพจากเปลือกผลไม้เพื่ออนุบาลและบำรุงต้นไม้

    นอกจากนี้ ยังได้ทำงานร่วมกับ บริษัท ไบร์ท แมเนจเม้นท์ คอนซัลติ้ง จำกัด ผู้เชี่ยวชาญด้านความยั่งยืน เพื่อวางแผน Net Zero Roadmap ที่รัดกุมและท้าทาย แผนการนี้จะนำทางเราไปสู่เป้าหมายสำคัญ คือการ ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิให้เป็นศูนย์ (Net Zero) ภายในปี 2050 เพื่ออนาคตที่ยั่งยืนยิ่งขึ้น

    *ในขอบเขตที่ 1 และ 2

    ทั้งหมดนี้คือการสานต่อพันธกิจของ “วิถีสยามพิวรรธน์” ที่มุ่งมั่นในการสร้างเมืองให้กลายเป็นพื้นที่ของชีวิตที่เติบโตอย่างสมดุล ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม

    ]]>
    1523979
    สยามพิวรรธน์นำร่องพัฒนา AI เพื่อสร้างต้นแบบการมอบประสบการณ์เฉพาะบุคคลที่เหนือระดับ มุ่งสู่ความเป็นเลิศในการดำเนินงาน https://positioningmag.com/1522833 Thu, 22 May 2025 12:33:39 +0000 https://positioningmag.com/?p=1522833 สยามพิวรรธน์ ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์และธุรกิจค้าปลีกชั้นนำของไทย เจ้าของและผู้บริหารโครงการที่มีชื่อเสียงระดับโลก อาทิ สยามพารากอน สยามเซ็นเตอร์ สยามดิสคัฟเวอรี่ ไอคอนสยาม และ สยามพรีเมี่ยม เอาท์เล็ต กรุงเทพ เดินหน้านำเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) มาใช้ในธุรกิจอย่างเต็มรูปแบบ ตอบโจทย์การสร้างประสบการณ์ลูกค้าแบบเฉพาะบุคคลในขั้นสูง นำร่องเป็นกลุ่มศูนย์การค้าแรกที่ติดตั้ง AI Customer Service Kiosk ในประเทศไทย มุ่งสู่ความเป็นเลิศในการดำเนินงาน (Operation Excellence) รองรับการเปลี่ยนแปลงของธุรกิจค้าปลีกแห่งอนาคต

    ในปีที่ผ่านมา กลุ่มสยามพิวรรธน์ประสบความสำเร็จในการนำเทคโนโลยี Generative  AI มาช่วยการทำงานเชื่อมโยง Digital Ecosystem ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ขับเคลื่อนด้วยทีมทำงานหลัก ได้แก่ การสร้าประสบการณ์ลูกค้า (Customer Experience หรือ CX), งานกลยุทธ์ข้อมูลธุรกิจ (Data Management), การปรับกระบวนการให้เป็นอัตโนมัติ (Process Automation),  โครงสร้างเทคโนโลยีสารสนเทศ (IT Infrastructure), การพัฒนาซอฟต์แวร์ และนวัตกรรมดิจิทัลในแอปพลิเคชันมือถือ

    อักเซล วินเทอร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอ็กซ์โพเนนเชียล จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนด้านนวัตกรรมระหว่างสยามพิวรรธน์ และบริษัท พิวอท ดิจิทัล จำกัด และ Chief Digital Officer บริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด กล่าวว่า เป้าหมายสำคัญของการวางกลยุทธ์ด้าน AI  คือการมอบประสบการณ์ลูกค้าแบบเฉพาะบุคคลในระดับสูงสุด (Hyper Personalization) และสร้างความเป็นเลิศในการดำเนินงาน เรานำเทคโนโลยี AI มาใช้เพื่อยกระดับการค้นหาและแนะนำสินค้าที่ชาญฉลาดและตรงใจมากยิ่งขึ้น รวมถึงเปิดตัวฟีเจอร์อัจฉริยะที่ช่วยอำนวยความสะดวก เช่น การวิเคราะห์ภาพเพื่อการสะสมคะแนนและรับสิทธิ์จอดรถอย่างรวดเร็ว ตลอดจนเครื่องมือที่ช่วยให้เข้าใจความคิดเห็นจากลูกค้าได้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น กลยุทธ์นี้ยังรวมถึงการใช้ระบบวิเคราะห์ข้อมูลขั้นสูงเพื่อบริหารจัดการโฆษณาได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งในแอปพลิเคชันและภายในศูนย์การค้า รวมถึงการนำระบบอัตโนมัติที่ขับเคลื่อนด้วย AI มาใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกของลูกค้าอย่างครอบคลุมและแบบเรียลไทม์

    นอกจากนี้ เรายังได้จัดตั้งทีมผู้เชี่ยวชาญด้าน AI โดยเฉพาะ ซึ่งไม่เพียงแค่พัฒนาและดูแลฟีเจอร์ใหม่ ๆ เท่านั้น แต่ยังมีบทบาทสำคัญในการให้ความรู้และฝึกอบรมด้าน AI แก่ผู้ใช้งานในองค์กร อีกทั้งยังได้ร่วมมือเชิงกลยุทธ์ (Strategic alliances) กับ Google Cloud และสตาร์ทอัพที่มีความคล่องตัว เพื่อร่วมกันผลักดันนวัตกรรมด้าน AI อย่างต่อเนื่อง พร้อมทั้งยกระดับมาตรฐานใหม่ให้กับธุรกิจค้าปลีกในประเทศไทย”

    ปานเทพย์ นิลสินธพ ประธานบริหารสายงานประสบการณ์ลูกค้า บริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด กล่าวว่า เรามุ่งเน้นในการสร้างประสบการณ์แบบ ‘WOW Experience’ ที่มอบความสะดวกสบายยิ่งขึ้นและบริการลูกค้าแบบเฉพาะบุคคลเพื่อสร้าง Engagement นวัตกรรมเหล่านี้ต้องอาศัยความเข้าใจอย่างลึกซึ้งในพฤติกรรมและความต้องการของลูกค้า เพื่อส่งมอบประสบการณ์ดิจิทัลที่สร้างความประทับใจในทุกจุดสัมผัส หนึ่งในตัวอย่างคือ การยกระดับฟีเจอร์ในแอปพลิเคชัน ONESIAM SuperApp อาทิ ‘Snap & Collect’ ที่ให้ลูกค้าสะสมยอดใช้จ่ายและรับสิทธิประโยชน์เพื่อรักษาสถานะสมาชิกได้ง่ายๆ ด้วยการถ่ายภาพใบเสร็จผ่านแอปฯ และฟีเจอร์ E-parking Stamp ที่ลูกค้าสมาชิกสามารถสแตมป์บัตรจอดรถได้ด้วยการถ่ายภาพใบเสร็จ โดยไม่ต้องไปที่เคาน์เตอร์บริการ ฟีเจอร์เหล่านี้ใช้เทคโนโลยีในการตรวจสอบความถูกต้องของใบเสร็จและประมวลผลแบบอัตโนมัติด้วย AI เพื่อลดเวลารอคอยและเพิ่มความสะดวกให้กับลูกค้า เรายังได้พัฒนาให้ระบบค้นหาและแนะนำสิทธิประโยชน์หรือผลิตภัณฑ์ใน ONESIAM SuperApp เพื่อเพิ่มความแม่นยำในการแนะนำสิทธิประโยชน์ และสินค้าที่ตรงกับความต้องการของแต่ละบุคคลมากขึ้น”

    เพื่อยกระดับการสร้างประสบการณ์ของลูกค้าไปอีกขั้น สยามพิวรรธน์ได้ร่วมมือกับ Amity ติดตั้ง AI Customer Service Kiosk คีออสอัจฉริยะที่มีพนักงานบริการลูกค้าดิจิทัล ที่ศูนย์การค้าสยามพารากอนและไอคอนสยาม โดย Kiosk เหล่านี้ ช่วยอำนวยความสะดวกให้แก่ลูกค้าในการค้นหาร้านค้าและข้อมูลเบื้องต้นต่างๆ  ในเฟสแรก ระบบรองรับหลายภาษา ได้แก่ ภาษาไทย อังกฤษ และจีน และจากเสียงตอบรับที่ดีจากลูกค้า เราจึงมีแผนที่จะขยายการใช้งาน เพิ่มฟีเจอร์รองรับหลายภาษา และติดตั้งเพิ่มเติมในพื้นที่ต่างๆ ของสยามพารากอนและไอคอนสยามภายในปีนี้ โดยในเฟสต่อไป จะเพิ่มอีก 4 ภาษา ได้แก่ ภาษาเกาหลี ภาษาญี่ปุ่น ภาษารัสเซีย และภาษาอาหรับ เพื่อให้สามารถให้บริการนักท่องเที่ยวต่างชาติได้ดียิ่งขึ้น

    นอกจากนี้ ยังมีการนำอุปกรณ์แปลภาษาด้วย AI แบบเรียลไทม์ มาช่วยยกระดับการบริการลูกค้า ช่วยลดอุปสรรคด้านการใช้ภาษาและให้บริการได้รวดเร็วขึ้น

    บุญเลิศ สินสมบัติ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโส ผู้บริหารสายงานเทคโนโลยีสารสนเทศ บริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด กล่าวว่า “โครงสร้างระบบไอที เป็นปัจจัยสำคัญซึ่งเป็น backbone ในการขับเคลื่อนองค์กรให้เดินหน้าไปอย่างมั่นคง และเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานมากขึ้น    เพื่อรองรับการเปลี่ยนผ่านสู่อนาคตและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน การอบรบให้ความรู้พื้นฐานด้าน AI เป็นสิ่งสำคัญสำหรับการอัพสกิลพนักงาน ที่ผ่านมา สยามพิวรรธน์ใช้เครื่องมือ AI อาทิ Microsoft CoPilot ซึ่งเป็นระบบ Generative AI Chatbot ที่ทำงานร่วมกับ Microsoft Office มาใช้ทั่วทั้งองค์กร ทำให้พนักงานทุกคนสามารถเข้าถึงและใช้งานได้อย่างสะดวก ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานในทุกทีมด้วยเทคนิคการใช้งาน CoPilot เพื่อให้พนักงานได้เรียนรู้และใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีได้อย่างเต็มที่”

    นอกจากนี้ยังมีการนำระบบ AI เข้ามาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพงานด้านบัญชีและการเงิน ในการทำรายการจ่ายเงินให้กับเจ้าหนี้การค้า (Account Payable) โดยที่ AI จะทำการจับคู่รายการสั่งซื้อสินค้าและบริการกับใบแจ้งหนี้แล้วสร้างรายการจ่ายเงินเข้าระบบบัญชีเจ้าหนี้ ในระบบ SAP  แบบอัตโนมัติ

    ไวยศ ปิยะกุลวรวัฒน์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารกลุ่มงานพัฒนาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อสนับสนุนลูกค้าและธุรกิจ บริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด กล่าวว่า “การนำเทคโนโลยี AI เพื่อทำความเข้าใจ in-mall customer journey ได้ชัดเจนขึ้น ทำให้สามารถศึกษาข้อมูลเชิงลึกจากการทำ Deep Learning เพื่อให้เกิด Surveillance to Intelligence สำหรับวางแผนการสร้างประสบการณ์ลูกค้าที่ดีขึ้น รวมทั้งทำให้เราสามารถวิเคราะห์ข้อมูลได้อย่างแม่นยำ เข้าใจพฤติกรรมของลูกค้าเชิงลึก และนำเสนอข้อเสนอหรือโปรโมชั่นที่ตรงใจ ในเวลาที่เหมาะสม  ยกระดับประสบการณ์ช็อปปิ้งที่ตรงกับความต้องการของแต่ละบุคคลมากยิ่งขึ้น การนำเทคโนโลยี AI มาใช้ในการดำเนินธุรกิจของสยามพิวรรธน์ ช่วยเสริมประสิทธิภาพการทำงานภายในองค์กร ตอกย้ำความเป็นผู้นำในการพัฒนาจุดหมายปลายทางชั้นนำของประเทศและ ภูมิภาค”

    สุรศักดิ์ วัฒนายากร ผู้บริหารกลุ่มงานกลยุทธ์ข้อมูลธุรกิจ บริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด เผยว่า “เราได้อัพเกรดแพลตฟอร์มข้อมูลเพื่อให้ระบบฐานข้อมูลมีความทันสมัย มีประสิทธิภาพสูง และสามารถประมวลผลได้ดีขึ้น  เพื่อให้การจัดการและการใช้ข้อมูลเกิดประโยชน์สูงสุด เพราะ Data เป็นขุมพลังที่จะช่วยเพิ่มศักยภาพในการแข่งขัน เข้าใจลูกค้าและร้านค้าผู้เช่า รวมทั้งพันธมิตรธุรกิจได้ดียิ่งขึ้น  การใช้ AI ทำให้เราสามารถวิเคราะห์ข้อมูลต่างๆ ได้รวดเร็วยิ่งขึ้น ซึ่งทำให้เรานำอินไซด์ต่างๆ ไปใช้ต่อยอดโอกาสทางธุรกิจต่อไปได้”

    แนวทางการพัฒนาเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) อย่างรอบด้านของสยามพิวรรธน์ สะท้อนถึงความมุ่งมั่นในการเป็นผู้นำธุรกิจค้าปลีกของไทย พร้อมทั้งมีบทบาทในการกำหนดทิศทางอนาคตของการสร้างประสบการณ์ในจุดหมายปลายทางที่ชาญฉลาดและมุ่งเน้นผู้บริโภคในระดับโลก

    ]]>
    1522833
    กลุ่มสยามพิวรรธน์ตอกย้ำความเป็นผู้นำแห่งการสร้างปรากฏการณ์ระดับโลก ทุกเทศกาล ครองแชมป์จุดเช็คอินอันดับ 1 ของไทย ทุบทุกสถิติ social platform สูงสุด ดันยอดนักท่องเที่ยว หนุนธุรกิจโดยรอบโตอย่างยั่งยืน https://positioningmag.com/1518769 Sat, 19 Apr 2025 00:36:03 +0000 https://positioningmag.com/?p=1518769
  • ไอคอนสยาม ครองตำแหน่ง 1 Global Experiential Destination of Songkran Celebration 2025 ดึงดูดผู้ร่วมงานทะลุเกินเป้ากว่า 1.44 ล้านคนในศูนย์การค้าเดียว
  • ทุบสถิติ Social Trend บนทุกแพลตฟอร์มออนไลน์ กระแสแรงที่สุดในเทศกาลสงกรานต์ ไอคอนสยามแซงทุกงาน ได้รับการพูดถึงมากที่สุด และมีเอนเกจสูงถึง 534,215 Engagement ยอด view บน TikTok Official Account ICONSIAM สูงถึง 165 ล้าน views
  • กลุ่มวันสยาม – สยามพารากอน, สยามเซ็นเตอร์ และสยามดิสคัฟเวอรี่ – รวมพลัง
    สร้าง 3 ประสบการณ์ดึงดูดผู้เข้าร่วมงานกว่า 1.75 ล้านคน
  • สร้างแรงขับเคลื่อนเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวช่วงสงกรานต์ ดันจำนวนนักท่องเที่ยว
    โตขึ้น 10.73% รายได้เรือท่องเที่ยวเพิ่ม 20% หนุนธุรกิจโดยรอบและภายในอีโคซิสเต็มเติบโตก้าวกระโดด
  • หลังจากเมื่อต้นปีนี้ กลุ่มสยามพิวรรธน์ ได้สร้างมหาปรากฏการณ์เคาต์ดาวน์ปีใหม่ 2025 ยิ่งใหญ่อย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน และได้รับการกล่าวถึงไปทั่วโลก นำเสนอที่สุดแห่งมหกรรมความบันเทิง นำโดย ลิซ่า ลลิษา มโนบาล ศิลปินระดับโลกสัญชาติไทย ทุบสถิติผู้ชมกว่า 30 ล้านคนผ่านการถ่ายทอดสด และมียอดผู้ชมทั่วโลกกว่า 100 ล้านวิว

    สยามพิวรรธน์ยังคงยืนหนึ่งสร้างปรากฏการณ์ระดับโลกอีกครั้งในการจัดงานเทศกาลสงกรานต์ระดับโลก ครองแชมป์จุดเช็คอินอันดับหนึ่งของสงกรานต์ในประเทศไทย สร้างสถิติใหม่ของ Social Trend ในทุกแพลตฟอร์ม สร้างสุดยอดประสบการณ์ กระตุ้นเศรษฐกิจ และเสริมภาพลักษณ์สร้างความเชื่อมั่นให้กับประเทศไทยบนเวทีโลก

     

    คุณมาริสา สุโกศล หนุนภักดี ประธานคณะอนุกรรมการซอฟต์พาวเวอร์ สาขาด้านการท่องเที่ยว กล่าวว่า “ตั้งแต่ที่มีการจัดงาน Countdown ปีใหม่ที่ไอคอนสยาม และมีการประชาสัมพันธ์งานอีเวนต์ออกไปตามช่องทางต่างๆ ทั้งในประเทศและสื่อต่างชาติ สามารถช่วยสร้างทราฟฟิกให้กับประเทศไทยได้เป็นอย่างดี จนทำให้เมืองไทยกลายเป็น World City นอกเหนือจาก ปารีส ลอนดอน และโตเกียว สะท้อนให้เห็นถึงเมืองท่องเที่ยวที่ยิ่งใหญ่ ทันสมัย และสงกรานต์ปีนี้ ไอคอนสยามก็เป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยกระตุ้นให้จำนวนนักท่องเที่ยวกระเตื้องขึ้น 10.73% ผลักดันเศรษฐกิจให้เติบโตอย่างก้าวกระโดดอย่างชัดเจน โดยเทศกาลสงกรานต์ถือเป็นการแสดงออกถึงความเป็นไทยในทุกมิติ สร้างจุดหมายปลายทางให้ทุกคนรับรู้ว่า Songkran as a Destination เป็นการปักหมุดให้โลกเห็นถึงประเพณีอันดีงามของไทย อีกทั้งยังช่วยสร้างความมั่นใจให้กับนักท่องเที่ยวให้กลับมาเยือนกรุงเทพมหานครอีกครั้งอย่างสง่างาม”

    นาวาโทปริญญา รักวาทิน นายกสมาคมการค้าธุรกิจการค้าในแม่น้ำเจ้าพระยา กล่าวว่า “การจัดงานเทศกาลสงกรานต์ในปี 2568 บริเวณสถานที่ท่องเที่ยวและชุมชนต่างๆ ริมแม่น้ำเจ้าพระยา สร้างความคึกคักให้กับธุรกิจท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะงานเทศกาลสงกรานต์ระดับโลก “ICONSIAM THAICONIC SONGKRAN CELEBRATION 2025” ที่ไอคอนสยามจัดขึ้นนั้น ได้สร้างกระแสที่ดีมากและส่งผลประโยชน์ในวงกว้างต่อภาคธุรกิจการท่องเที่ยวโดยรอบแม่น้ำ อีกทั้งยังได้ช่วยกระตุ้นการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโดยรวมทั้งโรงแรมที่พัก ร้านอาหาร เรือประเภทต่างๆ ของภาคการท่องเที่ยวทางน้ำ ที่ต่างก็คึกคักและได้รับแรงกระเพื่อมมหาศาล กิจกรรมครั้งนี้สร้างรายได้ และเพิ่มยอดจองโรงแรมจากช่วงเวลาปกติ เป็นที่ยอมรับได้ว่าวันนี้ ไอคอนสยาม ไม่เพียงแต่เป็นแลนด์มาร์คระดับโลกริมแม่น้ำเจ้าพระยาเท่านั้น แต่ยังเป็นจุดดึงดูดนักท่องเที่ยว หมุดหมายสำคัญที่ผู้คนทั่วโลกต่างต้องการมาเยี่ยมเยือน ทำให้ภาคธุรกิจด้านการท่องเที่ยวไทยและธุรกิจที่เกี่ยวข้องทุกฝ่ายต่างก็ได้รับประโยชน์ไปด้วยกันอย่างแท้จริง”

    ทางสมาคมการค้าฯ จึงหวังเป็นอย่างยิ่งว่าภาครัฐที่กำกับดูแลในการสนับสนุน และส่งเสริมด้านการท่องเที่ยวจะให้ความสำคัญกับพื้นที่ในแม่น้ำเจ้าพระยาใจกลางกรุงเทพมหานครแห่งนี้ ได้มีกิจกรรมในทุกเทศกาลต่างๆ ต่อเนื่องทุกปี เพื่อสื่อสารประชาสัมพันธ์ การท่องเที่ยวไทย ไปยังนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก ให้ได้รับทราบ และกำหนดเป็นเป้าหมายในการเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยของพวกเราต่อไป”

    นายเทียนประสิทธิ์ ไชยภัทรานันท์ นายกสมาคมโรงแรมไทย กล่าวว่า “ช่วงสงกรานต์ถือเป็นเทศกาลสำคัญของประเทศไทยที่ช่วยกระตุ้นให้เกิดการท่องเที่ยวและหมุนเวียนทางเศรษฐกิจอย่างมีนัยสำคัญ โดยเทศกาลสงกรานต์ระดับโลกที่จัดขึ้น ณ ไอคอนสยาม ในปีนี้ ถือเป็นการตอกย้ำภาพความสำเร็จอย่างชัดเจนมาตั้งแต่ช่วงเทศกาล countdown ส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ 2568 ให้กับโรงแรมริมแม่น้ำเจ้าพระยาโดยรอบให้กลับมาคึกคักอย่างต่อเนื่อง มียอดจองโรงแรมล่วงหน้า ช่วยสร้างบรรยากาศความเชื่อมั่นให้กับนักท่องเที่ยวอย่างเห็นได้ชัด กล่าวได้ว่าไอคอนสยามมีส่วนสำคัญที่ช่วยดึงดูดและสร้างมนต์เสน่ห์ และสีสันให้กับประเพณีไทย และกระตุ้นให้เกิดการจองห้องพัก ส่งผลให้นักท่องเที่ยวตัดสินใจเดินทางเข้าประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง”

    ไอคอนสยาม ประสบความสำเร็จท้วมท้นและเป็น No.1 Global Experiential Destination of Songkran Celebration 2025 ทุบสถิติ Social Trend บนออนไลน์ ได้รับการพูดถึงมากที่สุด และมีเอนเกจสูงถึง 534,215 Engagement จากข้อมูลของบริษัทไวซ์ไซท์ (ประเทศไทย) ผู้ให้บริการข้อมูลโซเชียลมีเดียชั้นนำ ยอด view บน TikTok Official Account ICONSIAM สูงถึง 165 M. views ยอด Engagement บน TikTok Official Account สูงถึง 10M+ Engagement อันดับ 1 Trend X 4 ครั้งตลอดการจัดงาน ขึ้นแท่นเป็นอันดับ 1 ยอดเช็คอิน ‘จุดเล่นน้ำ’ สูงสุดตลอดช่วงสงกรานต์ 2568

    พร้อมกันนี้ กลุ่มวันสยาม ซึ่งประกอบด้วย สยามพารากอน สยามเซ็นเตอร์ และสยามดิสคัฟเวอรี่ ได้สร้างปรากฏการณ์ใหม่ในงาน “ONESIAM Summersive” ที่ดึงดูดผู้เข้าร่วมกว่า 1.75 ล้านคน

    สยามพารากอน โกลบอลเดสติเนชั่นใจกลางกรุงเทพฯ เป็นไฮไลต์ที่มอบความสุข ประสบการณ์แปลกใหม่และแตกต่าง จัดงาน Siam Paragon Summersive : Happiness in Full Bloom ครั้งแรกของการนำสวนดอกไม้เหนือจินตนาการ Garden of Joy  สร้างประสบการณ์ Multi-Sensory มิติใหม่ของความสุขที่กระตุ้นทุกประสาทสัมผัส

    สยามเซ็นเตอร์ เนรมิตพื้นที่ของเมืองแห่งไอเดียที่ล้ำเทรนด์ ให้เป็นสนามเด็กเล่นที่เต็มไปด้วยพลังไอเดียสร้างสรรค์ในงาน “Siam Center Summersive The Summer Playground”

    สยามดิสคัฟเวอรี่ จัดงาน “Siam Discovery Summersive The Summer Exploratorium” ก้าวสู่โลกแฟชั่น ไลฟ์สไตล์ และแรงบันดาลใจอันไร้ขีดจำกัด ภายใต้คอนเซ็ปท์ Spring Awakening – A Teaser To Summer พร้อมไฮไลต์ประสบการณ์ใหม่จากแบรนด์ระดับโลกAlexander Wang ฉลองครบรอบ 20 ปี  เป็นที่แรกในโลก

    สำนักนายกรัฐมนตรี เผยว่า ประเทศไทยต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในช่วงเทศกาลสงกรานต์ โดยในระหว่างวันที่ 6-12 เมษายน 2568 มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าไทยรวม 666,180 คน เพิ่มขึ้น 10.73% เฉลี่ยวันละ 95,169 คน  ส่งผลให้จำนวนนักท่องเที่ยวตั้งแต่ต้นปี 2568 เพิ่มขึ้นเป็นกว่า 10.7 ล้านคน  สร้างรายได้จากการท่องเที่ยวกว่า 516,589 ล้านบาท ถือเป็นฟันเฟืองสำคัญในการขับเคลื่อนการเติบโตของเศรษฐกิจ และฟื้นความเชื่อมั่นให้กับประเทศไทย

    ความสำเร็จอย่างต่อเนื่องของกลุ่มสยามพิวรรธน์ในการสร้าง “Global Experiential Destination” ด้วยการจัดงานที่ยิ่งใหญ่ระดับโลกคือการนำประเทศไทยไปชนะบนเวทีโลก สร้างความมั่นใจและภาพลักษณ์ที่โดดเด่นเพื่อตอกย้ำให้กรุงเทพมหานครเป็นหมุดหมายสำคัญของการท่องเที่ยวโลก  พร้อมเดินหน้าเป้าหมายนำนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าสู่ไทยไม่ต่ำกว่า 40 ล้านคน และสร้างรายได้รวมจากการท่องเที่ยวกว่า 3 ล้านล้านบาทในปีนี้

    ]]>
    1518769
    สยามพิวรรธน์ ย้ำจุดยืน Creative Powerhouse ผู้พัฒนาจุดหมายปลายทางระดับโลก ร่วมสนับสนุน Bangkok Design Week 2025 จัดโชว์เคสผลงานสุดสร้างสรรค์ในทุกโครงการ https://positioningmag.com/1509988 Mon, 10 Feb 2025 12:39:54 +0000 https://positioningmag.com/?p=1509988

    สยามพิวรรธน์  ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์และธุรกิจค้าปลีกชั้นนำ ตอกย้ำผู้นำความคิดสร้างสรรค์ในการพัฒนาโครงการจุดหมายปลายทางระดับโลก ร่วมสนับสนุนการจัดงาน Bangkok Design Week 2025 (BKKDW2025) จัดโชว์เคสผลงานศิลปินและนักออกแบบทั้งชาวไทยและระดับโลก รวมทั้งกิจกรรมมากมายในพื้นที่ศูนย์การค้าที่เป็นจุดหมายปลายทางระดับโลก ทั้งสยามพารากอน สยามเซ็นเตอร์ สยามดิสคัฟเวอรี่ และไอคอนสยาม สร้างปรากฏการณ์งานอาร์ตและดีไซน์ ที่สะท้อนการเป็นขุมพลังความคิดสร้างสรรค์  (Creative Powerhouse) บุกเบิกการสร้างประสบการณ์แปลกใหม่เหนือระดับและแรงบันดาลใจให้กับผู้มาเยือน ร่วมส่งเสริมประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจสร้างสรรค์ของโลก

     

    ชนิสา แก้วเรือน ผู้บริหารกลุ่มงานสร้างสรรค์และนวัตกรรม บริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด กล่าวว่า  “สยามพิวรรธน์ มุ่งมั่นสร้างสรรค์ประสบการณ์ที่ทำให้ผู้มาเยือนรู้สึกตื่นตาตื่นใจ (Be Amazed), ได้รับแรงบันดาลใจ (Be Inspired) และเป็นส่วนหนึ่งของการปฏิวัติวงการ (Be Revolutionary) มาโดยตลอดทุกยุคทุกสมัย เราเป็นศูนย์การค้าแรกที่เปิดพื้นที่สร้างสรรค์ให้ศิลปะกลายเป็นส่วนหนึ่งของไลฟ์สไตล์ในชีวิตประจำวันและ เป็นผู้บุกเบิกประสบการณ์ใหม่ที่ผสานศิลปะ วัฒนธรรม นวัตกรรม และสุนทรียศาสตร์เข้าด้วยกัน เพื่อสร้างการเข้าถึงที่เท่าเทียมสำหรับทุกคน

    ศูนย์การค้าของสยามพิวรรธน์เป็นศูนย์รวมของความคิดสร้างสรรค์ แรงบันดาลใจ โดยได้ร่วมงานกับศิลปินไทยและศิลปินระดับโลก ดีไซเนอร์ และศิลปินรุ่นใหม่มาอย่างต่อเนื่องและยาวนาน เพื่อร่วมกันสร้างสรรค์ผลงานระดับโลกภายในศูนย์การค้า นอกจากนี้ เรายังส่งเสริมให้เกิดคอมมูนิตี้ของผู้ที่มีความคิดสร้างสรรค์ และพัฒนาไปสู่ Art Community ที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในประเทศไทย”

    ในปี 2568 สยามพิวรรธน์ร่วมมือกับ สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (องค์การมหาชน) หรือ CEA พร้อมพันธมิตร เป็นหนึ่งในผู้สนับสนุนการจัดงาน Bangkok Design Week 2025 หรือเทศกาลออกแบบกรุงเทพฯ 2568 ภายใต้ธีม “Design Up+Rising: ออกแบบพร้อมบวก+” ในวันที่ 8-23 กุมภาพันธ์ 2568  โดยสยามพิวรรธน์ เปิดพื้นที่ให้กับศิลปินชาวไทยนักออกแบบรุ่นใหม่ และศิลปินที่มีชื่อเสียงระดับโลกได้แสดงศักยภาพ ทั้งย่านสยาม คือ สยามพารากอน สยามเซ็นเตอร์ สยามดิสคัฟเวอรี่ และย่านคลองสาน ไอคอนสยามโดยมีกิจกรรมสำคัญดังนี้


    สยามพารากอน เวทีของผลงานศิลปะร่วมสมัยสุดเอ็กซ์คลูซีฟ

    • Siam Paragon’s Arena of Arts เวทีนำเสนอ ผลงานศิลปะร่วมสมัยสุดเอ็กซืคลูซีฟผ่านแนวคิด Luxury for all ที่ทุกคนสามารถเข้าถึงได้ เป็นเวทีที่ศิลปินทั่วโลกสามารถมาแสดงผลงานได้เต็มที่และหมุนเวียนกันตลอดเวลา ผลงานไฮไลต์สำคัญ อาทิ

    • JAIME HAYON FOR SIAM PARAGON ครั้งแรกในประเทศไทย กับผลงานศิลปะ Sculpture ที่มีเพียงหนึ่งเดียว “The Future in Our Hand” ชั้น 1 สยามพารากอน โดยจับมือกับ Jaime Hayon (ไฮเม่ ฮายอน) ศิลปินนักออกแบบระดับโลกผู้ทรงอิทธิพลแห่งยุค Co-Create รังสรรค์สุดยอดผลงานสุดเอ็กซ์คลูซีฟเพื่อสยามพารากอนโดยเฉพาะ

    • Red Bubble ประติมากรรมร่วมสมัย โดย Donghoon Oh ศิลปินเกาหลีใต้ ถ่ายทอดรูปร่างคนโดยเล่นกับรูปทรงกลม ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากฟองสบู่ที่เด็กๆ เป่าลอยอยู่ในอากาศได้ไม่นาน แล้วหายไป ราวกับความจริงและภาพลวงตาใกล้กันนิดเดียว
    • Reflection You ผลงานของ Cheese Arnon หรือ อานนท์ เนยบุญสูง ศิลปินกราฟิติ ที่มีผลงานมากมายทั้งในและต่างประเทศกับตัวคาแรคเตอร์สุนัขจิ้งจอก นำเสนอผลงานจัดวางที่สะท้อนตัวตนในมุมมองหลากหลายผ่านภาพสะท้อนภายในกล่องลูกบาศก์ สร้างความตื่นเต้น เคลื่อนไหวด้วยเนื้อหาภาพที่สร้างมิติและเสนอสิ่งที่ไม่เหมือนเดิม

    • Visual Merchandising ผลงานสร้างสรรค์เพื่อการเฉลิมฉลองเทศกาลตรุษจีน ในธีม Harmony of Prosperity ; A New Year’s Awakening นำเสนอสัญลักษณ์ของวัฒนธรรมผนวกกับความออกแบบสมัยใหม่ ตั้งอยู่หลายพื้นที่ในสยามพารากอน อาทิ Origami Serpent of Light บริเวณ Jewel Area ประติมากรรมงูในสไตล์ที่ทันสมัยออกแบบด้วยเทคนิคพับกระดาษแบบญี่ปุ่น และ Reflective Serpent of Fortune ชิ้นงาน Installation รูปงูที่ตระการตา ยาวตลอดพื้นที่ Cascade


    สยามเซ็นเตอร์

    • Visual Merchandising ผลงานสร้างสรรค์ที่สะท้อนความเป็นเมืองแห่งไอเดียที่ล้ำเทรนด์ของสยามเซ็นเตอร์ ในธีม Harmony of Prosperity: A New Year’s Awakening นำเสนอความหมายของการเฉลิมฉลองในเทศกาลตรุษจีน ออกแบบด้วยการสร้างงูในสไตล์สนุกสนาน มีชีวิตชีวา เพิ่มการเคลื่อนไหว และตกแต่งสีสันที่สุดใส นำเสนอประสบการณ์ที่แตกต่างและมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว
    • Siam Center x Memori Studio Pop up Space สุดยอดการออกแบบที่สั่นสะเทีอนวงการ Art Toy ด้วยนวัตกรรม 3D ฟิกเกอร์โมเดลเสมือนจริงครั้งแรกในประเทศไทยจาก MEMORI STUDIO ยกระดับความเหมือนจริงด้วยเทคโนโลยีที่ออกแบบมาเพื่อถ่ายทอดมุมมองของบุคคลได้อย่างล้ำสมัยด้วยดีเทลถึง 90% ผ่านเครื่องสแกน 360 องศา และเครื่องพิมพ์ 3 มิติ ที่ใช้วัสดุพรีเมียมคุณภาพสูง สร้างความทรงจำพิเศษกับของขวัญที่มีชิ้นเดียวในโลก

    สยามดิสคัฟเวอรี่

    • Color Meets Function by ODS นิทรรศการที่ผสมผสานผ่านสีสันและฟังก์ชั่นการใช้งาน เข้าด้วยกันอย่างลงตัว ในบรรยากาศของบ้านสีขาวที่เรียบง่ายและสะอาดตา ทุกชิ้นงานในนิทรรศการไม่ใช่แค่ของตกแต่ง แต่เป็นงานศิลปะและออกแบบที่ใช้งานได้จริง
    • Future Lab Volume 4: Design Culture x PatPixels พื้นที่เปิดกว้างให้ทุกคนมาตามหาเอกลักษณ์ความเป็นตัวเอง นำเสนอปรากฏการณ์ Co-Create & Collaborate แห่งปี ร่วมกับกรุงเทพมหานคร Yuedpao – ยืดเปล่า, ODS และ สยามดิสคัฟเวอรี่ ร่วมมือกับศิลปิน PatPixels เพื่องาน Bangkok Design Week 2025 โดยเฉพาะ สร้างสรรค์เป็นนิทรรศการนำเสนอผ่าน Lab สะท้อนแนวคิด Design Culture ด้วยลวดลายแตกต่างแบบชิ้นเดียวในโลกในแบบ Hyper Personalized
    • Reflection You ผลงานศิลปะจัดวางสะท้อนตัวตนในมุมมองหลากหลายผ่านภาพสะท้อนที่เกิดขึ้นภายในกล่องทรงลูกบาศก์ที่น่าตื่นเต้น เคลื่อนไหวด้วยเนื้อหาภาพที่สร้างมิติ และเสนอสิ่งที่ไม่เหมือนเดิมในตัวตน โดยมีคาร์แรคเตอร์สุนัขจิ้งจอก สัญลักษณ์ของความเจ้าเล่ห์แสนกลของศิลปินสุดฮอตอย่าง Cheese Arnon (อานนท์ เนยสูงเนิน) ที่อยู่ในท่าทางต่างๆ มาช่วยสร้างสีสันความสนุก และเชื่อมต่อพื้นที่จากสยามพารากอน จนถึงสยามดิสคัฟเวอรี่ นำเสนอปฎิสัมพันธ์ระหว่างผู้คนกับความหลากหลายที่เกิดขึ้นในพื้นที่ตอบทุกความต้องการและไลฟสไตล์ให้กับผู้คน ที่ไม่ใช่แค่เพียงแต่การช็อปปิ้งเพียงอย่างเดียว

    ไอคอนสยาม แลนด์มาร์กระดับโลกริมแม่น้ำเจ้าพระยา ตอกย้ำผู้นำในการสร้างประสบการณ์ Art in Mall แห่งแรกที่ใหญ่ที่สุด ด้วยการนำเสนอผลงานสร้างสรรค์ งานศิลปะสุดเอ็กซ์คลูซีพ และกิจกรรม จับมือองค์กรพันธมิตร คัดสรรงานศิลปะสุดเอ็กซ์คลูซีฟ อาทิ

    • ICONCRAFT X THANIYA : The Stellar Zodiac Collection นิทรรศการบอกเล่าเรื่องราวของท้องฟ้า ดวงดาว จักรราศี ที่ส่งผลต่อชีวิต ความเชื่อ ศรัทธา ที่มีต่อโชคชะตา โดยจะพาคุณออกเดินทางไปในโลกของงาน Craft งานศิลปะที่รังสรรค์อย่างประณีตบรรจง ผ่านปลายพู่กันอย่างประณีตบรรจงของช่างฝีมือลงบนเครื่องปั้นเซรามิกจากแบรนด์ Thaniya1988 พร้อมผสานกลิ่นที่ถูกออกแบบมาเป็นพิเศษ เพื่อสร้างสรรค์เรื่องราว พร้อมพาคุณไปสู่เรื่องราวของกลิ่น และดวงดาวไปด้วยกัน จาก MN Formula ออกเดินทางค้นพบความเชื่อมโยงของโลก
    • ICONSIAM ART & CULTURE พบกับไฮไลต์งานศิลป์ไทยระดับมาสเตอร์พีซอันทรงคุณค่า เชิดชูศิลปะไทยสู่งานอาร์ตระดับโลก ถือเป็นหมุดหมายสำคัญที่ไอคอนสยามมุ่งมั่นสร้างให้เป็นศูนย์กลางศิลปะระดับโลก ส่งเสริมและสนับสนุนผลงานของศิลปินทั้งชาวไทยและต่างประเทศ พร้อมเปิดพื้นที่ให้ทุกคนได้เข้าถึงและสัมผัสได้อย่างใกล้ชิดได้ทุกวัน อาทิ

    • เสาจารึกสีทอง ณ ประตูบานแรกแห่งเมืองไอคอนสยาม ชั้น G โซน ICONLUXE
    • พลังแห่งสายน้ำที่เคลื่อนไหวสู่แรงบันดาลใจของประติมากรรมกนกเปลวสามมิติโซน
    • แชนเดอเลียร์พวงมาลัยแก้วแสนพิเศษขนาดใหญ่ชิ้นเดียวในโลก ออกแบบโดย Petra Junova ดีไซเนอร์แห่ง LASVIT บริษัทออกแบบชื่อดังจากสาธารณรัฐเช็ก
    • ลวดลายโอ่งและผนังที่แฝงวัฒนธรรมไทยจากภาคต่างๆ ชั้น G สุขสยาม
    • ประติมากรรม “ทองหยอด” ศิลปะร่วมสมัยสีทองเหลืองรูปทรงทองหยอด ที่เคยนำไปแสดง งานทิทรรศกาลระดับโลกอย่าง Venice Biennale มาแล้ว
    • ลวดลายพิมพ์ใบไม้ผ่าน “เสาแห่งมงคล” สีทองสุกสกาว ทองอร่ามทั้ง 8 ต้น สร้างสรรค์โดยศาสตราจารย์ถาวร ไกอุดมวิทย์ ศิลปินไทยที่มีชื่อเสียงระดับนานาชาติ
    • กำแพงศิลป์สไตล์อิมเพรสชันนิสม์ “แสงสยาม” สร้างสรรค์ความงามด้วยกระจกสี Art Wall ขนาดใหญ่ที่ทอดยาว 60 เมตร ที่คุณ คุณสิทธิ์วุธ ยาวิชัย ศิลปินรุ่นใหม่ได้หยิบยกเอา “กระจกสี” หนึ่งในงานของช่างสิบหมู่ของไทย งานพุทธศิลป์ที่หาดูได้ยากในปัจจุบัน มาสร้างสรรค์ผลงานสไตล์อิมเพรสชันนิสม์ด้วยเทคนิคร่วมสมัย
    • “รวมพลังความเป็นไทย” รังสรรค์โดยผู้ช่วยศาสตราจารย์ประทีป สุธาทองไทย ผู้มีชื่อเสียงด้านศิลปะภาพพิมพ์และ Photo Collage ระดับแถวหน้า สร้างสรรค์งานศิลป์สุดไอคอนนิกด้วยเทคนิคคอลลาจ (Collage) ผ่านภาพที่รวบรวมทุกมิติของความเป็นไทยในแง่มุมต่างๆ ที่รวบรวมองค์ประกอบของไอคอนสยามที่แฝงเอกลักษณ์ของไทย พร้อมภาพจากผู้คนที่บอกเล่าถึงวัฒนธรรมที่ดีงามของประเทศในมิติต่างๆ กว่า 35,000 ภาพ มารวมหลอมไว้เป็นภาพขนาดใหญ่ยักษ์ 10 x 27 เมตร จารึกด้วยคำว่า ‘ไทย’ ถือเป็นแลนด์มาร์กที่หลอมรวมทุกอณูของไอคอนสยามไว้ด้วยกัน บริเวณสุราลัย ฮอลล์ชั้น 7

    • ประติมากรรมเชื่อมสัมพันธ์ไทย-จีน ในงาน “Lancang to ChaoPraya” เพื่อร่วมเฉลิมฉลองวาระครบรอบ 50 ปีการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างประเทศไทยกับสาธารณรัฐประชาชนจีน พร้อมแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมไทย – จีนผ่านงานนิทรรศการระดับโลก โดยจัดผลงานประติมากรรมชุดพิเศษ Chubby Woman with Dragon & Naga นับเป็นความร่วมมือครั้งแรกระหว่าง ศิลปินแห่งชาติของไทย ศาสตราจารย์เกียรติคุณปรีชา เถาทอง และศิลปินชาวจีนชื่อดัง มิสเตอร์ ซูหวงเฟย ที่ได้รังสรรค์ผลงานที่แสดงถึงความเชื่อมโยงของทั้งสองประเทศให้ใกล้ชิดกันมากขึ้น เป็นการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรมอย่างสมบูรณ์
    • Trace of Sunlight & February by ArtVentureNFT ร่องรอยของแสงแดดและกุมภาพันธ์ โดย ArtVentureNFT นิทรรศการศิลปะที่สะท้อนถึงความงดงามและความทรงจำที่แสงตะวันทิ้งไว้ รังสรรค์โดย 5 ศิลปิน ได้แก่ ORON (จักรกฤษณ์ โสมหิรัญ), TOMATO HEAD (พรพพิน หล้าทา), 29 Art-Studio (วุฒิภัทร วงศ์ดี), Captain Mozmo (ณัฐชา ลีวันแสงทอง), Lookplu8 (อรญา ลัดดากลม) และแขกพิเศษ นริศรา เพียรวิมังสา ณ ICON Art & Culture Space ชั้น 8 ไอคอนสยาม Traces of Sunlight เป็นสัญลักษณ์ของการเริ่มต้น สะท้อนถึงขบวนการเติบโตของดอกไม้ทั้ง 5 สายพันธุ์ ที่ศิลปินออกแบบขึ้นโดยใช้แสงเป็นจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลง ตั้งแต่เมล็ดพันธุ์ที่งอกเงยไปจนถึงช่วงเวลาที่ผลิบานอย่างเต็มที่

    Bangkok Design Week 2025 จัดขึ้นในพื้นที่ย่านต่าง ๆ ในกรุงเทพฯ ที่จะพาทุกคนร่วมสัมผัสประสบการณ์ที่เหนือความคาดหมายในทุกมิติ ผ่านงานศิลปะ และการออกแบบจากแนวคิดการผสมผสาน Art & Culture ของศิลปินไทยและต่างชาติ ติดตามรายละเอียดการจัดแสดงในพื้นที่ศูนย์การค้าในเครือสยามพิวรรธน์ ผ่านช่องทาง FB Page Siam Piwat และ ศูนย์การค้าในเครือได้ที่ https://www.siampiwat.com/assets/bangkokdesignweek2025 หรือสแกน QR Code ด้านล่าง

    ]]>
    1509988
    สยามพิวรรธน์นำไทยสู่เวทีโลก ตอกย้ำโกลบอลเดสติเนชั่นอันดับ 1 นำไอคอนสยามคว้ารางวัล Asia’s Most Innovative Shopping Experience จาก Cathay Members’ Choice Awards 2024 https://positioningmag.com/1493383 Wed, 09 Oct 2024 09:44:49 +0000 https://positioningmag.com/?p=1493383

    สยามพิวรรธน์ ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์และธุรกิจค้าปลีกชั้นนำ เจ้าของและผู้บริหารโครงการที่มีชื่อเสียงระดับโลก อาทิ สยามพารากอน สยามเซ็นเตอร์ สยามดิสคัฟเวอรี่ หนึ่งในพันธมิตรเจ้าของไอคอนสยาม และสยาม พรีเมี่ยม เอาท์เล็ต กรุงเทพ ตอกย้ำผู้นำโกลบอลเดสติเนชั่นอันดับ 1 ของไทย ล่าสุด ไอคอนสยาม แลนด์มาร์กระดับโลกริมแม่น้ำเจ้าพระยาชนะรางวัล Asia’s Most Innovative Shopping Experience จากงานประกาศรางวัลของสายการบินคาเธ่ย์ แปซิฟิค Cathay Members’ Choice Awards 2024 ซึ่งเป็นผลมาจากคะแนนโหวตสูงสุดของสมาชิกสายการบินคาเธ่ย์จากทั่วโลก เพื่อยกย่องให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีความโดดเด่นในการสร้างประสบการณ์การเดินทางที่ดีที่สุดในภูมิภาคเอเชีย

    ความสำเร็จของไอคอนสยามในครั้งนี้ นับเป็นบทพิสูจน์ถึงจุดยืนถึงสถานะอันโดดเด่นในฐานะแลนด์มาร์กระดับโลกริมแม่น้ำเจ้าพระยา ศูนย์กลางแห่งความเจริญรุ่งเรืองที่ผสมผสานความคิดสร้างสรรค์เข้ากับนวัตกรรมอันล้ำสมัย ซึ่งเป็น DNA ของกลุ่มสยามพิวรรธน์ มุ่งบุกเบิกแนวคิดใหม่ในการพัฒนาโครงการ เพื่อนำเสนอที่สุดแห่งความเป็นไทยหลอมรวมกับสิ่งที่ดีที่สุดจากทั่วโลก จนได้รับการยกย่องอย่างสูงสุด สร้างความประทับใจไม่รู้ลืมแก่ทั้งนักท่องเที่ยวชาวไทยและชาวต่างชาติจากทุกมุมโลก จนกลายเป็นจุดหมายปลายทางระดับสากลที่ครองใจผู้คนอย่างแท้จริง

    Cathay Members’ Choice Awards เป็นรางวัลที่ยกย่องให้กับสถานที่ท่องเที่ยว โรงแรม ร้านอาหาร และสถานที่ช้อปปิ้งที่มอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้กับลูกค้า โดยครอบคลุม 30 รางวัลใน 6 สาขาที่แตกต่างกัน ซึ่งเป็นการเสนอชื่อจากคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิและผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรม จากนั้นเป็นการเปิดให้สมาชิกทั่วโลกร่วมกันโหวต

    กลุ่มบริษัทสยามพิวรรธน์ มุ่งสร้างประสบการณ์เหนือระดับและความแปลกใหม่ให้กับนักท่องเที่ยวอยู่เสมอ ซึ่งสายการบินคาเธ่ย์ แปซิฟิค เป็นหนึ่งในพันธมิตรสายการบินชั้นนำระดับโลกที่สยามพิวรรธน์ได้ร่วมสร้างสรรค์การบริการพิเศษและสิทธิประโยชน์ต่างๆ มากมายให้แก่สมาชิก ONESIAM SuperApp และสายการบินอย่างต่อเนื่อง เพื่อยกระดับการท่องเที่ยวและไลฟ์สไตล์ระดับพรีเมียมได้อย่างไร้ขีดจำกัด ตอกย้ำผู้นำอันดับหนึ่งในการพัฒนาจุดหมายปลายทางระดับโลกที่ดึงดูดผู้มาเยือนทั้งชาวไทยและนักท่องเที่ยวต่างชาติปีละกว่า 100 ล้านคน อย่างต่อเนื่อง

    กลุ่มสยามพิวรรธน์และศูนย์การค้าในเครือ ได้รับการโหวตให้เป็นสถานที่ที่ต้องมาเยือนจากสถาบันต่างๆ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ล่าสุด สยามพิวรรธน์ติดอันดับ People’s Choice Award – Top 10 Developers ในงานประกาศรางวัล PropertyGuru Thailand Property Awards 2024 สุดยอดผู้พัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่ดีที่สุดในประเทศไทย รางวัลแห่งวงการอสังหาริมทรัพย์ไทยที่มีมาอย่างยาวนานที่สุด มอบให้กับบริษัทผู้พัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่มีความโดดเด่นและมีผลงานเป็นที่ยอมรับ ทั้งในด้านการออกแบบและการพัฒนาโครงการที่ดีที่สุดของประเทศไทย

    ความสำเร็จเหล่านี้ ล้วนแสดงให้เห็นถึงศักยภาพและความมุ่งมั่นของสยามพิวรรธน์ในการเป็นผู้พัฒนาโครงการระดับโลก ด้วยการผนึกกำลังร่วมกับผู้เชี่ยวชาญและพันธมิตรชั้นนำทั่วโลกในการสร้างสรรค์ออกแบบสถาปัตยกรรมที่ผสมผสานความงดงามทางศิลปะกับนวัตกรรมที่ล้ำสมัยได้อย่างครบมิติ สร้างประสบการณ์ความแปลกใหม่และแตกต่างจากโครงการอื่นๆ พร้อมทั้งมุ่งยกระดับความเจริญรุ่งเรืองในพื้นที่โดยรอบศูนย์การค้า เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตของผู้คน และขับเคลื่อนการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน

    ]]>
    1493383
    “สยาม พรีเมี่ยม เอาท์เล็ต” รุกขยายโครงการใหม่ ปักธงใจกลางภูเก็ต สร้างโกลบอลเดสติเนชั่นแห่งใหม่ พร้อมเปิดให้บริการปี 2569 https://positioningmag.com/1488368 Mon, 02 Sep 2024 20:28:14 +0000 https://positioningmag.com/?p=1488368

    บริษัท สยามพิวรรธน์ ไซม่อน จำกัด บริษัทร่วมทุนระหว่างสองผู้นำแห่งวงการค้าปลีกระดับโลก ได้แก่ สยามพิวรรธน์ เจ้าของและผู้บริหารโกลบอลเดสติเนชั่นชั้นนำของไทย กับ ไซม่อน บริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ เจ้าของโครงการระดับโลกที่เป็นจุดหมายปลายทางแห่งการช้อปปิ้ง ไดน์นิ่ง ความบันเทิง และโครงการมิกซ์ยูส จากสหรัฐอเมริกา ประกาศแผนการลงทุนขยาย “สยาม พรีเมี่ยม เอาท์เล็ต”  แห่งที่ 2 ของประเทศไทย โดยปักธงใจกลางจังหวัดภูเก็ตเมืองแห่งท่องเที่ยวสำคัญระดับโลก เพื่อสร้างจุดหมายปลายทางของการช้อปปิ้งและการท่องเที่ยวแห่งใหม่แก่ชาวไทยและชาวต่างชาติ  ช่วยส่งเสริมและเดินหน้ากระตุ้นเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวไทย  โดยตั้งเป้าเปิด “สยาม พรีเมี่ยม เอาท์เล็ต ภูเก็ต” ภายในปี 2569

    บริษัท สยามพิวรรธน์ ไซม่อน ประสบความสำเร็จอย่างสูงจากการเปิด “สยาม พรีเมี่ยม เอาท์เล็ต กรุงเทพ” แห่งแรกในประเทศไทยเมื่อปี 2563  ซึ่งตั้งอยู่ริมถนนกรุงเทพ-ชลุบรีสายใหม่ (ทางหลวงหมายเลข 7) ใกล้กับสนามบินสุวรรณภูมิ  โดยเป็นการนำประสบการณ์พรีเมี่ยม เอาท์เล็ตอย่างแท้จริงสู่ประเทศไทยเป็นครั้งแรกและแห่งเดียวเท่านั้น ประกอบด้วยร้านค้าที่นำเสนอแบรนด์มากกว่า 300 แบรนด์ ทั้งร้านค้าลักชัวรี่แบรนด์ แบรนด์ของดีไซเนอร์ที่เป็นที่ชื่นชอบและได้รับความนิยมสูงสุด รวมถึงแบรนด์ระดับอินเตอร์เนชั่นแนล และแบรนด์ไทยต่างๆ  โดยมีไฮไลท์แบรนด์ที่มีเฉพาะที่นี่แห่งเดียวเท่านั้น อาทิ Balenciaga, Burberry, Versace, Marc Jacobs, Karl Lagerfeld, Rebecca Minkoff, Longchamp, Boss, Montblanc, Swiss Watch Gallery, Fred Perry, Nike United SPO, Pomelo, Siam Takashimaya เป็นต้น   นับเป็นสุดยอดจุดหมายปลายทางแห่งการช้อปปิ้งที่สำคัญอีกแห่งของประเทศไทย ได้รับการตอบรับที่ดีจากกลุ่มลูกค้าทั้งคนไทยและนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เข้ามาใช้บริการอย่างต่อเนื่อง

    โดยผลประกอบการของ “สยาม พรีเมี่ยม เอาท์เล็ต กรุงเทพ” ในปี 2566 ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง เมื่อเปรียบเทียบกับปีที่ผ่านมา อีกทั้งมีจำนวนผู้เข้าใช้บริการเติบโตสูงอย่างต่อเนื่องโดยตลอด และปัจจุบันอัตราการเช่าพื้นที่ของโครงการเต็ม 100%

    จากความสำเร็จอย่างสูงและการมีวิสัยทัศน์เดียวกันของสยามพิวรรธน์และไซม่อน บริษัทฯ จึงมองเห็นโอกาสในการขยายธุรกิจในการพัฒนาโครงการจุดหมายปลายทางที่สำคัญระดับโลก จึงตัดสินใจเดินหน้าขยายการลงทุนเปิดโครงการ “สยาม พรีเมี่ยม เอาท์เล็ต” แห่งใหม่ที่จังหวัดภูเก็ต ซึ่งเป็นเมืองยอดนิยมของทัวร์ริสต์อันดับที่ 2 รองจากกรุงเทพฯ และเป็นหนึ่งใน Global Destination ของนักท่องเที่ยวชาวไทยและชาวต่างชาติจากทั่วโลก  และเป็น location จุดหมายสำคัญที่กลุ่มผู้ประกอบการทั้งผู้เช่าเดิมในโครงการ “สยาม พรีเมี่ยม เอาท์เล็ต กรุงเทพ”  และผู้เช่าใหม่จำนวนมากต่างแสดงความต้องการและให้ข้อเสนอแนะให้บริษัทฯ ลงทุนขยายโครงการใหม่

    โดยโครงการ “สยาม พรีเมี่ยม เอาท์เล็ต ภูเก็ต” จะถูกรังสรรค์ภายใต้คอนเซ็ปต์พิเศษที่พัฒนาขึ้นโดยเฉพาะสําหรับพื้นที่จังหวัดภูเก็ต  โดยคํานึงถึงการตอบสนองความต้องการในปัจจุบันและรองรับการเติบโตของภูเก็ตในอนาคตอีกสิบปีข้างหน้า

    สำหรับโลเคชั่นของ โครงการ “สยาม พรีเมี่ยม เอาท์เล็ต” แห่งใหม่นี้ตั้งอยู่ใจกลางจังหวัดภูเก็ต  มุ่งรองรับการเติบโตของเมืองที่มีการขยายตัวทุกทิศทาง โดยเฉพาะกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวไทยและชาวต่างชาติที่เดินทางเข้าสู่จังหวัดภูเก็ตต่อปีไม่ต่ำกว่า 15 ล้านคน รวมถึงคนไทยในพื้นที่และชาวต่างชาติที่มาพำนักอยู่เป็นระยะเวลานาน (Expat) มีกำลังซื้อสูง โดยพบว่าค่าใช้จ่ายต่อหัวของนักท่องเที่ยวในภูเก็ตอยู่ในระดับค่อนข้างสูงคือ 8,355 บาทต่อคนต่อวัน

    สำหรับศักยภาพความพร้อมด้านกำลังซื้อของจังหวัดภูเก็ต สามารถสะท้อนจากจำนวนห้างค้าปลีกที่มีมากถึง 14 แห่ง และไฮเปอร์มาร์เก็ตอีก 19 แห่ง รวมถึงโรงเรียนนานาชาติที่มีมากถึง 15 แห่ง นอกจากนี้ภูเก็ตยังมีจุดแข็งในด้านความสะดวกสบายในการเดินทางทั้งรถสาธารณะที่หลากหลายพร้อมให้บริการ รวมถึงถนน และทางหลวงที่เชื่อมต่อไปยังสถานที่ต่างๆ ได้อย่างสะดวกสบาย อีกทั้งยังมีสนามบินที่สามารถรองรับผู้โดยสารทั้งได้ถึง 20 ล้านคนต่อปี และโครงการสนามบินนานาชาติอันดามัน จ.พังงา ที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต ส่งผลให้วันนี้จังหวัดภูเก็ตมีศักยภาพเต็มที่ในการรองรับการลงทุนใหม่ๆ และนักท่องเที่ยวที่จะหลั่งไหลเข้ามาจากทั่วทุกมุมโลก

    บริษัท สยามพิวรรธน์ ไซม่อน จำกัด เป็นการผนึกกำลังระหว่างสองผู้นำแห่งวงการค้าปลีก  ที่จะสามารถนำประสบการณ์และความเชี่ยวชาญระดับโลก สร้างปรากฏการณ์ครั้งใหม่อันน่าตื่นเต้นเร้าใจให้กับวงการค้าปลีกภูเก็ตอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน   และสร้างจุดหมายปลายทางของการช้อปปิ้งและการท่องเที่ยวแห่งใหม่ของประเทศไทยอีกด้วย

    ]]>
    1488368