กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน กระทรวงแรงงาน ร่วมกับ สภาสมาคมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (สสวทท) และคณะอนุกรรมการฝ่ายวิชาการเฉลิมพระเกียรติ มูลนิธิ๕ ธันวามหาราช โดยการสนับสนุนของบริษัท สามารถ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ชวนช่างฝีมือแรงงานด้านการติดตั้งจานรับสัญญาณดาวเทียมทั่วประเทศ ร่วมประชันฝีมือการติดตั้งจานดาวเทียมในโครงการ “ค้นหาสุดยอดช่างฝีมือโทรคมนาคมเฉลิมพระเกียรติ ชิงโล่พระราชทานในงานมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 80 พรรษา พร้อมเงินรางวัลรวมกว่า 100,000บาท สำหรับผู้สนใจสามารถสมัครได้ที่ร้านค้าตัวแทนจำหน่ายเสาอากาศและจานดาวเทียมของ “สามารถ” และที่กรมพัฒนาฝีมือแรงงานทุกจังหวัด หรือโทร. 02-516 1188 หรือที่ www.samart-eng.com หรือตั้งแต่วันที่ 18 ก.ย. 50 ถึง วันที่ 16 พ.ย. 50 สมัครด่วน

จากภาพ : จากงานแถลงข่าวกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน โดยมีนางวีณา ภควงศ์ รองอธิบดีกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน (ที่ 3 จากขวา) เป็นประธาน คุณวัฒน์ชัย วิไลลักษณ์ (ที่ 3 จากซ้าย) กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.สามารถคอร์ปอเรชั่น และ รศ.ดร.ประสิทธิ์ ทีฆพุฒิ ประธานสภามนตรี สภาสมาคมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (ที่ 2 จากขวา)

“การพูดคุยอย่างเป็นกันเองเกี่ยวกับธุรกิจของตัวเอง พร้อมแววตาที่บ่งบอกถึงความสุข” เป็นความรู้สึกที่ยากจะมีโอกาสสัมผัสได้จาก “เจริญรัฐ วิไลลักษณ์” แต่เพราะ “พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติอังกอร์” กลับทำให้เกิดบรรยากาศนี้ขึ้นมาได้

ด้วยภาระมากมายของ “เจริญรัฐ” ที่เป็นทั้งพี่ใหญ่ของครอบครัว และบิ๊กบอส ของกลุ่มบริษัทสามารถ คอร์ปอเรชั่น จำกัด ในการสร้างธุรกิจทั้งในและต่างประเทศ โดยเฉพาะกัมพูชาที่ “เจริญรัฐ” ประกาศให้เป็นบ้านที่สองของธุรกิจครอบครัว ทำให้การพูดคุยกับสื่อมวลชนตกเป็นหน้าที่ของน้องชายคนรองอย่าง “วัฒน์ชัย” “ธนานันท์”

“ก็เมื่อก่อนมันขาดทุน เดี๋ยวนี้มันดีขึ้นแล้ว” “เจริญรัฐ” ไขข้อข้องใจ พร้อมกับหัวเราะอย่างเต็มที่ เมื่อมีโอกาสเปิดใจพูดคุยกับกลุ่มสื่อมวลชนระหว่างพาทัวร์พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติอังกอร์ และถูกถามว่าเพราะเหตุใดก่อนหน้านี้ดูขรึม ไม่ค่อยพูดซะเลย

ราวกับปลดล็อกความตึงเครียด กลายเป็นความเฮฮาสำหรับ “เจริญรัฐ” แม้บางจังหวะจะดูเกร็งๆ อยู่บ้างกับคำถามมากมาย

กัมพูชานั้น จัดว่าเป็นประเทศปราบเซียนของกลุ่มทุนยักษ์ใหญ่ของไทยที่เคยบุกเข้าไปลงทุนเมื่อ 10 กว่าปีที่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มซีพี กลุ่มชิน กลุ่มล็อกซเล่ย์ ล้วนแต่เคยผ่านสนามการลงทุนในกัมพูชามาแล้วทั้งนั้น แต่ในที่สุดก็ต้องถอยทัพออกมา เพราะการลงทุนในประเทศนี้ใช่ว่าจะมีเงินอย่างเดียว ต้องมีความลุ่มลึกทั้งในเกมธุรกิจและการเมือง

กลุ่มชินฯ เคยได้รับบทเรียนมาแล้ว จากการ “เลือกข้าง” ทางการเมือง ไปช่วยฝ่ายฮุนเซน หาเสียงเลือกตั้ง เมื่อฮุนเซนประสบปัญหาทางการเมือง กลุ่มชินจึงตกที่นั่งลำบาก ต้องยุติการลงทุนไอบีซีเคเบิลทีวีในกัมพูชาไปในที่สุด

เหลือแต่เพียง “กลุ่มสามารถฯ” เท่านั้น ที่ยังคงยืนหยัดลงทุนมาจนถึงบัดนี้ รวมเวลา 15 ปีเต็ม เริ่มจากการรับสัมปทานจากรัฐบาลกัมพูชาเป็นผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือ ช่วงแรกขายดิบขายดี แต่เมื่อถึงจุดหนึ่งที่การแข่งขันรุนแรง ไม่เพียงแต่กลุ่มสามารถฯ ตัดสินใจขายทิ้งธุรกิจการเป็นผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือในไทยเท่านั้น แต่ยังขายที่กัมพูชาอีกด้วย

จากนั้นทิศทางของกลุ่มสามารถฯ โดย “เจริญรัฐ วิไลลักษณ์” และพี่น้องทั้งหมดเห็นตรงกันว่าต้องมองหาธุรกิจที่ไม่ต้องแข่งขันสูง ไม่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะเทคโนโลยี สื่อสาร การผูกขาดมีเพียงรายเดียวที่ให้บริการ

ที่ “กัมพูชา” เป็นผลของความคิดนั้น จาก 2 โครงการที่มีอยู่ในปัจจุบัน คือสัมปทานบริการควบคุมการจราจรทางอากาศให้สนามบินหลักทั่วประเทศกัมพูชา นาน 22 ปี เช่น สนามบินพนมเปญ เสียมเรียบ และอีก 6 จังหวัด และโครงการผลิตและจำหน่ายกระแสไฟฟ้าแก่โรงงานกัมปอตซิเมนต์ โรงงานผลิตปูนซีเมนต์คุณภาพสูงในเครือซิเมนต์ไทย

นายวัฒน์ชัย วิไลลักษณ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ (ที่ 2 จากซ้าย) คุณศิริเพ็ญ วิไลลักษณ์ กรรมการ บริษัท สามารถคอร์ปเรชั่น จำกัด (มหาชน) คุณสรรค์ชัย เตียวประเสริฐกุล (ที่ 4 จากซ้าย) กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท สามารถ ไอ-โมบาย จำกัด (มหาชน) และ คุณปีเตอร์ กัน (ที่ 1 จากซ้าย) กรรมการผู้อำนวยการ ด้านการตลาด บริษัท สามารถคอร์ปเรชั่น จำกัด (มหาชน) พร้อมผู้บริหารของกลุ่มบริษัทสามารถ จัดงานเลี้ยงขอบคุณตัวแทนจำหน่ายเสาอากาศ และจานรับสัญญาณดาวเทียม “สามารถ” ทั่วประเทศ พร้อมเปิดตัวชุด รับสัญญาณโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม DTH รุ่นใหม่ล่าสุด ซึ่งได้รับความสนใจจากตัวแทนจำหน่ายอย่างคับคั่ง เมื่อเร็วๆนี้ ที่ห้องคอนเวนชั่น โรงแรม รามาการ์เดนท์

เข้าใกล้โค้งสุดท้ายแล้ว สำหรับโครงการประกวด Samart Innovation Awards 2005 ครั้งที่ 3 “รางวัลเพื่อความสามารถของคนไทย” หนึ่งในโครงการดีๆ จากกลุ่มบริษัทสามารถฯ ที่เพิ่งปิดรับผลงานรอบสุดท้ายเมื่ออาทิตย์ก่อน แว่วว่าปีนี้เหล่าคณะกรรมการต้องทำงานหนักกันเหลือเกิน เพราะนอกจากจะมีผลงานเข้าประกวดมากเป็นประวัติการณ์แล้ว แต่ละผลงานของเด็กไทยยังมีพัฒนาการที่ดีเยี่ยม ซึ่งคนที่แอบยิ้มหน้าบานอยู่เบื้องหลังความสำเร็จในครั้งนี้ คงไม่มีใครเกิน บอสใหญ่สามารถฯ เจริญรัฐ วิไลลักษณ์ ทั้งในฐานะผู้ริเริ่มโครงการตั้งแต่ต้นและในฐานะคนไทยที่หวังไกลว่าซอฟแวร์ฝีมือคนไทยจะได้โกอินเตอร์กับเค้าซักที

บริษัท สามารถ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ผู้ให้บริการเทคโนโลยีและระบบสื่อสารข้อมูลครบวงจร สรุปรายได้รวมงวด 9 เดือน ปี 48 กว่า 13,777 ล้านบาท เพิ่มสูงขึ้น 30 เปอร์เซ็นต์ จากช่วงเวลาเดียวกันของปี 2547 ด้วยกำไรสุทธิ 432 ล้านบาท พร้อมประกาศศักยภาพในการขยายธุรกิจเทคโนโลยีสื่อสารของไทยสู่ตลาดต่างประเทศ วางบทบาทเป็น ”บริษัทเทคโนโลยีชั้นนำของไทย” กรุยทางสู่ตลาดอินเตอร์

นายธวัชชัย วิไลลักษณ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท สามารถ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงผลประกอบการในช่วงไตรมาส 3 ประจำปี 2548 ว่าบริษัทฯ มีรายได้รวมทั้งสิ้น 5,320 ล้านบาท ถือเป็นรายได้รายไตรมาสสูงสุดในการดำเนินธุรกิจของกลุ่มสามารถฯ โดยปรับตัวเพิ่มขึ้น 19.6 เปอร์เซ็นต์ จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน ที่มีรายได้รวม 4,447 ล้านบาทและมีกำไรสุทธิ 180 ล้านบาท ส่งผลให้ยอดรายได้รวมของกลุ่มบริษัทสามารถฯ งวด 9 เดือน (ม.ค.– ก.ย.) ปี 48 เพิ่มสูงขึ้นเป็น 13,777 ล้านบาท เพิ่มขึ้นกว่าช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนกว่า 30 เปอร์เซ็นต์

“เมื่อเทียบจากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน รายได้จากทุกสายธุรกิจของกลุ่มบริษัทสามารถฯ เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยในสายธุรกิจมือถือและสื่ออินเตอร์แอ็คทีฟทำรายได้เพิ่มขึ้นคิดเป็น 16.6 เปอร์เซ็นต์ สายธุรกิจสื่อสารโทรคมนาคมครบวงจร นำโดยบริษัท สามารถ เทลคอม จำกัด (มหาชน) ทำรายได้เพิ่มขึ้น 44 เปอร์เซ็นต์ และบริษัท สามารถ คอมเทค จำกัด ทำรายได้เพิ่มขึ้น 54 เปอร์เซ็นต์ และในส่วนของสายธุรกิจต่างประเทศ อาทิ ธุรกิจให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ระบบจีเอสเอ็มในกัมพูชา สามารถทำรายได้เพิ่มขึ้นกว่า 21 เปอร์เซ็นต์ จึงเห็นว่าเมื่อสรุปภาพรวมผลประกอบการในไตรมาสที่ผ่านมา ถือได้ว่าอยู่ในระดับที่น่าพอใจเป็นอย่างมาก ด้วยเหตุนี้คณะกรรมการบริษัทฯ จึงมีมติให้ บริษัท สามารถ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) จ่ายเงินปันผลระหว่างกาลแก่ผู้ถือหุ้น หุ้นละ 10 สตางค์ ถือเป็นการจ่ายเงินปันผลครั้งแรกในรอบ 8 ปี” นายธวัชชัย กล่าว

สำหรับผลประกอบการของสายธุรกิจมือถือและสื่ออินเตอร์แอ็คทีฟ นำโดย บริษัท สามารถ ไอ-โมบาย จำกัด (มหาชน) ในช่วงไตรมาส 3 ปี 2548 มีรายได้รวมทั้งสิ้น 3,898 ล้านบาท คิดเป็นกำไรสุทธิจำนวน 105 ล้านบาท เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนพบว่ามีรายได้สูงขึ้น 16.6 เปอร์เซ็นต์

ทั้งนี้เป็นผลมาจากยอดจำหน่ายโทรศัพท์มือถือที่มีจำนวนเพิ่มสูงขึ้นถึง 18 เปอร์เซ็นต์จากปีที่ผ่านมา โดยมียอดจำหน่ายสูงถึง 1,075,000 เครื่องในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมา อีกทั้งการขยายตัวของธุรกิจโทรศัพท์มือถือในตลาดต่างประเทศที่ บริษัท สามารถ ไอ-โมบาย เข้าไปเปิดตลาดที่มีการขยายตัวเพิ่มขึ้นกว่า 1,655 เปอร์เซ็นต์

สำหรับผลประกอบการของสายธุรกิจสื่อสารโทรคมนาคมครบวงจร ภายใต้การดำเนินงานของ บริษัท สามารถ เทลคอม จำกัด (มหาชน) และ บริษัท สามารถ คอมเทค จำกัด พบว่าผลประกอบการในช่วง ไตรมาส 3 ที่ผ่านมา ของ บริษัท สามารถ เทลคอม จำกัด (มหาชน) มีรายได้รวมทั้งสิ้น 448 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากรายได้รวมจากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน ที่มีรายได้จำนวน 311 ล้านบาท หรือคิดเป็นการเติบโตเพิ่มขึ้น 44 เปอร์เซ็นต์ และมีกำไรสุทธิทั้งสิ้น 56 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน ที่มีกำไรจำนวน 36 ล้านบาท หรือคิดเป็นอัตราการเติบโต 55.5 เปอร์เซ็นต์

ทั้งนี้ เป็นผลจากการรับรู้รายได้ของโครงการติดตั้งซอฟต์สวิทซ์ในสนามบินสุวรรณภูมิที่ได้ทำการติดตั้งเสร็จสมบูรณ์แล้วในเฟสแรกและเฟสสอง อีกทั้งโครงการ School Net หรือ อินเทอร์เน็ตเพื่อการศึกษาของโรงเรียนในพื้นที่ห่างไกล จำนวน 10,500 โรงเรียน โดยค่าบริการจากโครงการ School Net จะเริ่มรับรู้รายได้ในไตรมาส 4 ปี 2548

ขณะที่ผลประกอบการในไตรมาส 3 ของบริษัท สามารถ คอมเทค จำกัด มีรายได้รวมทั้งสิ้น 390 ล้านบาท เพิ่มขึ้นกว่า 54 เปอร์เซ็นต์ จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน ที่มีรายได้จำนวน 253 ล้านบาท ทั้งนี้ ล่าสุดบริษัทฯ อยู่ในระหว่างการดำเนินงานโครงการติดตั้งระบบเทคโนโลยีสารสนเทศให้กับสนามบินสุวรรณภูมิ, กระทรวงมหาดไทย, กระทรวงยุติธรรม และกระทรวงกลาโหม โดยจะสามารถรับรู้รายได้ในไตรมาส 4 ปี 2548

นอกจากนี้ ในสายธุรกิจอินเตอร์เนชั่นแนลที่ครอบคลุมธุรกิจและการลงทุนในต่างประเทศ อาทิ บริษัท แคมโบเดีย สามารถ คอมมิวนิเคชั่นส จำกัด ผู้ทำธุรกิจให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ระบบจีเอสเอ็ม ซึ่งใน ไตรมาสที่ผ่านมาพบว่ามีรายได้เพิ่มขึ้นกว่า 21 เปอร์เซ็นต์จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน เป็นผลมาจากการขยายตัวของจำนวนผู้ใช้บริการเครือข่ายโทรศัพท์มือถือในกัมพูชา ส่งผลให้จำนวนผู้ใช้บริการเครือข่ายดังกล่าวของบริษัทฯ เพิ่มสูงขึ้นถึง 45 เปอร์เซ็นต์จากปีก่อน รวมถึงบริษัท แคมโบเดีย แอร์ทราฟฟิค เซอร์วิสเซส จำกัด ผู้ทำธุรกิจศูนย์ให้บริการควบคุมการจราจรทางอากาศ ซึ่งที่ผ่านมามีการขยายตัวของ

ธุรกิจการบินในกัมพูชาค่อนข้างสูง เห็นได้จากจำนวนเที่ยวบินที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งหมดนี้จึงส่งผลให้ธุรกิจการลงทุนในต่างประเทศของบริษัทฯ มีแนวโน้มการเติบโตที่ดี

“ในปี 2548 นี้ บริษัทฯ มีความเชื่อมั่นว่าผลประกอบการจะมีการเติบโตอย่างต่อเนื่องและคาดว่ารายได้จะเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ คือ 1.9 หมื่นล้านบาท ทั้งนี้เป็นผลมาจากการรับรู้รายได้ของโครงการด้านการสื่อสารโทรคมนาคมที่ต่อเนื่องต่างๆ รวมถึงการเติบโตของธุรกิจจำหน่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ของสามารถ ไอ-โมบาย ซึ่งคาดว่าจะมีรายได้เพิ่มสูงขึ้นทั้งตลาดในประเทศและต่างประเทศ ที่ได้เข้าไปเปิดตลาดแล้วในมาเลเซีย กัมพูชา บังคลาเทศ ลาว ศรีลังกา และเวียดนาม ยิ่งไปกว่านั้นจากผลประกอบการไตรมาส 3 ที่ผ่านมา ทำให้บริษัทฯ มีความมั่นใจในความแข็งแกร่งของบริษัทฯ ในการเริ่มกรุยทางสู่การลงทุนธุรกิจในต่างประเทศมากขึ้น” นายธวัชชัย กล่าวในตอนท้าย

กลุ่มบริษัทสามารถดำเนินธุรกิจครอบคลุมทางด้านเทคโนโลยีการสื่อสารข้อมูลครบวงจรมาครบ 50 ปี ในปี 2548 ปัจจุบันมีบริษัทในเครือทั้งสิ้นกว่า 20 บริษัท โดยมี 3 บริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย อันประกอบด้วย บริษัท สามารถคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน), บริษัท สามารถเทลคอม จำกัด (มหาชน) และบริษัท สามารถ ไอ-โมบาย จำกัด (มหาชน) นอกจากนี้ทั้ง 3 บริษัทมหาชนดังกล่าว ยังได้รับการจัดอันดับให้อยู่ใน Top Quartile จากผลสำรวจบรรษัทภิบาลบริษัทจดทะเบียน ประจำปี 2548

บริษัท สามารถ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ผู้ให้บริการเทคโนโลยีและระบบสื่อสารข้อมูลครบวงจร นำทีมโดย นายเจริญรัฐ วิไลลักษณ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท สามารถ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) (ที่ 3 จากซ้าย) และนายธวัชชัย วิไลลักษณ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท สามารถ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) (ที่ 2 จากซ้าย) ประกาศความสำเร็จผลประกอบการไตรมาส 2 ปี 2548 ด้วยรายได้รวมครึ่งปีแรกกว่า 8,457 ล้านบาท เพิ่มสูงขึ้น 37 เปอร์เซ็นต์จากปีก่อน พร้อมประกาศปรับโครงสร้างธุรกิจใหม่ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและรองรับการขยายตัวของธุรกิจในอนาคต