สเปเชียลตี้สโตร์ – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Thu, 23 Aug 2018 03:23:27 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 “เซ็นทรัล” กางแผน 5 ปีบุกเวียดนาม ทุ่ม 1.65 หมื่นล้าน เปิด “สเปเชียลตี้สโตร์” 3 โมเดลใหม่ https://positioningmag.com/1184648 Wed, 22 Aug 2018 23:00:23 +0000 https://positioningmag.com/?p=1184648 เวียดนาม ถือเป็นตลาดค้าปลีกสำคัญของกลุ่มเซ็นทรัล” ที่ปักหลักลงทุนต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี 2554 จนมีธุรกิจค้าปลีกกระจายตัวถึง 5 ประเภท บิ๊กซี ร้านอาหารร้านแฟชั่น ร้านสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ รวมถึงร้านค้าออนไลน์

ล่าสุด ผู้บริหาร ฟิลิปเป้ โบรเอียนิโจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มเซ็นทรัล เวียดนาม และ บิ๊กซี เวียดนาม (Central Group Vietnam (CGV) บินมาไทย เพื่อเปิดเผยถึงแผน 5 ปี (2561-2565) จะใช้งบลงทุนรวม 500 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือ ประมาณ 16,500 ล้านบาท ในการลงทุนต่อเนื่องในเวียดนาม

โดย 5 ปีที่ผ่านมา (ปี 2012 – 2016) กลุ่มเซ็นทรัลได้ใช้งบลงทุนไปแล้ว 1,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ได้ผลตอบรับเป็นอย่างดี เวียดนามถือเป็นตลาดที่น่าสนใจ เศรษฐกิจเติบโตถึง 10% GDP สูง 7% จำนวนประชากรกว่า 93 ล้านคน และคาดว่าในอีก 5 ปีจำนวนประชากรจะเพิ่มขึ้นอีก ขณะกำลังซื้อส่วนใหญ่ที่มาจากกลุ่มผู้มีรายได้ระดับกลางก็มีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้น

ล่าสุดกลุ่มเซ็นทรัลได้เปิดธุรกิจใหม่ในเวียดนามแล้วอย่างน้อย 3 แบรนด์คือ

  1. ร้านลุคคูล (Look Kool) เป็นร้านจำหน่ายสินค้าเบ็ดเตล็ดทั่วไป พื้นที่เฉลี่ย 250 ตารางเมตร เปิดไปแล้ว 26 สาขา
  2. ร้านโฮมมาร์ท (Home Mart) เป็นร้านประเภทดีไอวาย ตกแต่งและซ่อมแซมบ้าน เปิดแล้ว 1 สาขา
  3. ร้านเฮลโลบิวตี้ (Hello Beauty) ร้านจำหน่ายสินค้าความงามเปิดแล้วที่ภาคเหนือของเวียดนาม

ทั้งหมดนี้เป็นโมเดลสเปเชียลตี้สโตร์ เนื่องจากพบว่าพฤติกรรมของผู้บริโภคเวียดนามสนใจซื้อสินค้าในร้านค้าปลีกรูปแบบนี้ เพราะมองว่าจะได้สินค้าที่ดีกว่า

ขณะที่ บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ ปีนี้จะเปิดใหม่อีก 1 สาขา ในเดือนตุลาคมที่โฮจิมินห์ และปีหน้าจะเปิดอีก 1 สาขา จากขณะนี้มีบิ๊กซีในเวียดนามแล้ว 31 สาขา

ภายใน 5 ปี จากนี้ ทุกแบรนด์ในเวียดนามจะเพิ่มจำนวนสาขาเป็น 3 เท่า จากปัจจุบันที่มี 250 สาขา เพิ่มเป็น 720 สาขา ขณะที่เมื่อสิ้นปีที่แล้ว (2560) มี 210 สาขา 

กลุ่มเซ็นทรัลถือเป็นเจ้าของธุรกิจค้าปลีกต่างชาติรายใหญ่ในเวียดนาม โดยในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา (ปี 2556-2560) ยอดขายของกลุ่มเซ็นทรัลในประเทศเวียดนามมีอัตราการเติบโตเฉลี่ยที่ 340% นับเป็นการเติบโตแบบก้าวกระโดด ในปี 2556 ที่กุล่มเซ็นทรัลได้เริ่มทำธุรกิจใยเวียดนามมีรายได้เพียง 120 ล้านบาท มาถึงในปี 2560 มีรายได้ 44,800 ล้านบาท จาก 5 กลุ่มธุรกิจ

  1. ศูนย์การค้า 31 แห่ง : ได้แก่ บิ๊กซี
  2. ธุรกิจอาหาร 59 แห่ง ประกอบด้วย: บิ๊กซี, ลานชีมาร์ท
  3. ธุรกิจแฟชั่น 49 แห่ง : โรบินส์, เดลาลา, ซูเปอร์สปอร์ต และ มาร์ค แอนด์ สเปนเซอร์
  4. ธุรกิจฮาร์ดไลน์ 78 แห่ง : เหงียนคิม, B2S  
  5. ธุรกิจออนไลน์ 3 แพลตฟอร์ม ประกอบด้วย NguyenKim.vn, Robins.vn และ B2S.com.vn

โดยรายได้ 6 เดือนแรกของปีนี้ (2561) เติบโตขึ้นเป็นเลขสองหลัก คาดว่ายอดขายในช่วงครึ่งปีหลังจะเติบโตทวีคูณยิ่งกว่าในช่วงครึ่งปีแรก

“เรามองเห็นศักยภาพของเวียดนาม 5 ปีนับต่อจากนี้จะมีการลงทุนต่อเนื่องอีก 500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ แบ่งเป็นปีละประมาณ 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐเพื่อใช้ในการขยายธุรกิจ ซึ่งจะมีทั้งการเปิดธุรกิจใหม่ๆ การขยายสาขาแบรนด์ต่างๆ และการทำตลาดต่อเนื่อง

ฟิลิปเป้ บอกว่า ความท้าทายในการทำธุรกิจที่เวียดนาม สำคัญที่ต้องเข้าใจพฤติกรรมของคนเวียดนาม และกฎระเบียของภาครัฐที่มีทั้งส่วนกลางและท้องถิ่น ขณะที่มูลค่าอสังหาริมทรัพย์ยังมีแนวโน้มเติบโตเพิ่มขึ้น 

จริยา จิราธิวัฒน์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ฝ่ายพัฒนาธุรกิจ บริษัท กลุ่มเซ็นทรัล จำกัด กล่าวว่า นอกจากธุรกิจค้าปลีกต่างๆ แล้ว ในส่วนของตลาดท่องเที่ยวของเวียดนามก็มีความน่าสนใจ หากมีโอกาสก็อาจจะลงทุนด้านโรงแรมด้วยเช่นกัน.

]]>
1184648
เมียงดง มิดิโอะ รีเทลเกาหลีบุกไทย https://positioningmag.com/1157448 Mon, 19 Feb 2018 06:00:37 +0000 https://positioningmag.com/?p=1157448 โมเดิร์นเทรดเริ่มมีสีสันแปลกตามากขึ้น เมื่อทุนเกาหลีเริ่มเข้ามาบุกตลาดค้าปลีกเมืองไทย ต่อยอดจากธุรกิจร้านอาหาร ร้านกาแฟ เครื่องสำอาง และธุรกิจศัลยกรรมความงาม ที่ได้รับความนิยมตามกระแสคลื่นวัฒนธรรมเกาหลีที่ไหลเข้ามาต่อเนื่อง มีกลุ่มแฟนคลับเกาะติดเทรนด์อย่างเหนียวแน่น

แม้ขณะนี้ยังไม่มีนักลงทุนเกาหลีเข้ามาบุกเบิกศูนย์การค้าขนาดใหญ่ แต่มีความเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการชิมลางขยายธุรกิจของกลุ่มบริษัทล็อตเต้ (Lotte) ผู้ประกอบกิจการธุรกิจขนาดใหญ่และร้านค้าสินค้าปลอดภาษี (ดิวตี้ฟรี) รายใหญ่ในเกาหลีใต้ โดยเช่าพื้นที่ขนาด 10,000 ตร.. เปิดร้านค้าระดับเวิลด์คลาส เพื่อทดลองใช้ไทยเป็นฐานการลงทุน และทำตลาดแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หลังจากขยายสาขาดิวตี้ฟรีชอปในประเทศอินโดนีเซีย สิงคโปร์ และญี่ปุ่น เนื่องจากกลุ่มล็อตเต้มีธุรกิจในเครือข่ายจำนวนมาก ทั้งธุรกิจอาหาร ร้านค้าปลีก ห้างสรรพสินค้า โรงแรม สวนสนุก ธุรกิจบันเทิง ธุรกิจการเงิน ธุรกิจเครื่องใช้ไฟฟ้า และอุปกรณ์ไอที รวมถึงธุรกิจที่อยู่อาศัย กลุ่มเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์

ล่าสุด กลุ่มสเปเชียลตี้สโตร์ของเกาหลีเริ่มบุกรีเทลตามมาอีกระลอก อย่าง อาร์โควา (Arcova Korean Lifestyle Stores) ร้านจำหน่ายสินค้าราคาเดียว เริ่มต้นที่ 50 บาท ซึ่งเน้นสินค้าเจาะกลุ่มวัยรุ่น คนทำงาน คนรุ่นใหม่ มีสินค้ามากกว่า 10,000 เอสเคยู ทั้งกลุ่มเครื่องสำอาง ของใช้ในชีวิตประจำวัน สินค้าแฟชั่น ตุ๊กตา สินค้าจิปาถะ โดยเปิดตัวตั้งแต่ปีที่ผ่านมา จนล่าสุดเปิดแล้ว 5 สาขา ได้แก่ สาขาเอ็มบีเค เซ็นเตอร์พอยท์ โชว์ดีซี จีทาวเวอร์ และซีคอนสแควร์

ส่วนร้านมิดิโอะ (Midio Korean Selections) ร้านนี้เพิ่งเปิดตัวสาขาแรกในประเทศไทยเมื่อเดือนสิงหาคม 2560 ที่ศูนย์การค้าซีคอนสแควร์ ล่าสุดขยายเพิ่มอีก 2 สาขาที่ห้างแฟชั่นไอส์แลนด์และยูเนี่ยนมอลล์ รวมถึงมีแผนเดินสายจัดอีเวนต์สร้างการรับรู้แบรนด์ร่วมกับกลุ่มเดอะมอลล์กรุ๊ปอย่างต่อเนื่อง ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด

สุรชัย ปิยวัชรวิจิตร กรรมการผู้จัดการบริษัท ซี.เอ.พี. มิวสิค จำกัด ผู้ดำเนินธุรกิจจำหน่ายซีดี ดีวีดี วีซีดี คาราโอเกะ เพลงและภาพยนตร์ต่างประเทศ ภายใต้ชื่อร้าน “CAP” เปิดเผยกับผู้จัดการ 360” ว่า บริษัทตัดสินใจขยายไลน์ธุรกิจใหม่ หลังจากธุรกิจจำหน่ายซีดี ดีวีดี เริ่มชะลอตัวตามเทรนด์การเปลี่ยนแปลงของทั่วโลก โดยลงทุนซื้อสิทธิ์มาสเตอร์แฟรนไชส์ร้าน “Midio” จากบริษัทร่วมทุนเกาหลีจีนในประเทศจีน โดยถือเป็นแบรนด์ร้านค้าปลีกที่มีความแข็งแกร่งมากในตลาดเซาท์อีสต์เอเชีย มีเครือข่ายสาขาจำนวนมากในประเทศจีน ฮ่องกง ฟิลิปปินส์ จนล่าสุดเข้ามาเปิดสาขาในไทย

ทั้งนี้ ชื่อ “Midio” เป็นชื่อที่แปลงมาจาก “Myeong-dong” หรือที่นักชอปแฟนคลับเกาหลีเรียกว่าเมียงดงซึ่งถือเป็นย่านชอปปิ้งสุดฮิตและคึกคักมากที่สุดในกรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้ ประมาณสยามสแควร์เมืองไทย เป็นทั้งศูนย์กลางของการเมือง เศรษฐกิจ และวัฒนธรรม เต็มไปด้วยร้านค้าและร้านอาหารนับไม่ถ้วน ถือเป็นแหล่งท่องเที่ยวและเคยได้รับการจัดอันดับเป็นชอปปิ้งสตรีทที่มีมูลค่าแพงที่สุดด้วย

สุรชัยกล่าวว่า แบรนด์มิดิโอะมีความเป็นเกาหลีชัดเจนและมีความแข็งแกร่งทั้งรูปลักษณ์และตัวสินค้า ขณะที่แบรนด์คู่แข่งส่วนใหญ่มาจากญี่ปุ่น บางแบรนด์เป็นสินค้าจากจีนหรือเป็นแบรนด์ญี่ปุ่นที่คนไทยทำเอง แต่มิดิโอะเน้นสินค้านำเข้าและรูปแบบสไตล์เกาหลี มีความฟรุ้งฟริ้งมากและลวดลายความน่ารักต่างจากสินค้าสไตล์ญี่ปุ่น มั่นใจว่าจะเป็นจุดแตกต่างที่โดนใจกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย ทั้งวัยรุ่น คนรุ่นใหม่และแฟนคลับเกาหลีในไทยที่มีฐานจำนวนมาก

สินค้ามีทั้งสินค้าแฟชั่น เครื่องสำอาง ของใช้ส่วนตัว อุปกรณ์คอมพิวเตอร์ ของขวัญ สินค้าที่ระลึก ราคาขายในไทยเริ่มต้นที่ 69 บาท โดยกลุ่มสินค้ายอดนิยม 5 อันดับแรก ได้แก่ ตุ๊กตา น้ำหอม หมอนรองคอ น้ำหอมปรับอากาศ และหน้ากากปิดตา ซึ่งยอดขายหลักในขณะนี้ยังมาจากหน้าร้าน แต่บริษัทจะเร่งขยายฐานลูกค้าผ่านออนไลน์ ทั้งเฟซบุ๊กและเว็บไซต์ ทั้งขายส่งและขายปลีก โดยเฉพาะการขายผ่านออนไลน์มีโอกาสเติบโตสูงมากเนื่องจากช่วงทดลองตลาด 3 เดือนแรก สินค้าได้รับการตอบรับอย่างดี กลุ่มลูกค้ามองความนิยมสินค้าสไตล์เกาหลีตอบโจทย์กลุ่มลูกค้ามากกว่าสไตล์ญี่ปุ่น ทั้งในแง่แฟชั่น สีสันความสดใส

นอกจากนี้ ซี.เอ.พี.มิวสิค อยู่ระหว่างการติดต่อกับบริษัทแม่ เพื่อเพิ่มกลุ่มสินค้าไลเซนส์ตัวการ์ตูนและดาราเกาหลีที่คนไทยรู้จักและชื่นชอบ เพื่อเปิดกลยุทธ์รุกตลาดและสร้างการรับรู้แบรนด์ โดยเฉพาะกลุ่มแฟนคลับแดนกิมจิ

ด้านแผนการขยายสาขาในปี 2561 บริษัทเตรียมเปิดร้านมิดิโอะเพิ่มอีก 2 แห่งในศูนย์การค้าฟิวเจอร์พาร์ครังสิต และเซ็นทรัล พื้นที่เฉลี่ยไม่ต่ำกว่า 80 ตารางเมตร งบลงทุนต่อสาขาประมาณ 5 ล้านบาท

สำหรับการขายแฟรนไชส์ยังต้องรอเวลาอีกระยะ เพื่อให้ระบบต่างๆ มั่นคงก่อน หรืออาจไม่ขายแฟรนไชส์ด้วย เนื่องจากบริษัทเน้นหาลูกค้ากลุ่มเอสเอ็มอีที่สนใจซื้อสินค้าไปจำหน่าย โดยใช้จุดขายเรื่องสินค้ามีมาตรฐานและคุณภาพมากกว่าสินค้าราคาเดียวตามท้องตลาดทั่วไป ซึ่งผู้สนใจสามารถซื้อสินค้าและไม่จำเป็นต้องเสียค่าธรรมเนียมแฟรนไชส์เหมือนแบรนด์อื่นๆ

แหล่งข่าวในวงการธุรกิจค้าปลีกระบุว่า ธุรกิจร้านค้าราคาเดียวยังมีแนวโน้มเติบโตสูง เหตุผลสำคัญมาจากภาวะเศรษฐกิจที่กดดันให้ผู้บริโภคเลือกซื้อสินค้าในราคาประหยัดและกลุ่มลูกค้าขยายฐานมากขึ้น จากอดีตที่เป็นกลุ่มประชาชนระดับล่างที่เลือกซื้อสินค้าราคาเดียวตามตลาดนัดหรือร้านค้าตามชานเมือง ปัจจุบันกลุ่มคนรุ่นใหม่ กลุ่มวัยรุ่น คนทำงาน กลายเป็นกลุ่มเป้าหมายใหม่และมีความต้องการสินค้าไลฟ์สไตล์ ผู้ค้าส่วนใหญ่จึงพยายามสร้างแบรนด์ตามความนิยม โดยเฉพาะแบรนด์ญี่ปุ่นและเกาหลี

แต่เนื่องจากภาพลักษณ์แบรนด์ญี่ปุ่นถูกนำมาใช้ช่วงระยะหนึ่งทำให้แบรนด์เกาหลีกลายเป็นจุดขายใหม่บวกกับกระแสวัฒนธรรมเกาหลียังมีความแรงต่อเนื่อง โดยเฉพาะจากศิลปินดารา นักร้อง ซึ่งมีฐานแฟนคลับขนาดใหญ่

ขณะเดียวกัน ข้อมูลจากสมาคมผู้ค้าปลีกไทยระบุว่า ตลาดรวมค้าส่งค้าปลีกของไทยมีมูลค่ากว่า 3.1 ล้านล้านบาท แยกเป็นค้าปลีกค้าส่งแบบออฟไลน์ประมาณ 3 ล้านล้านบาท และอีก 1 แสนล้านบาทเป็นค้าปลีกค้าส่งในรูปแบบออนไลน์ หากเปรียบเทียบธุรกิจค้าปลีกทุกรูปแบบพบว่า ซูเปอร์มาร์เกตมีอัตราเติบโตเพียง 7% กลุ่มไฮเปอร์มาร์เกตเติบโต 2% คอนวีเนียนสโตร์เติบโต 3% ห้างสรรพสินค้าเติบโต 3% แต่โมเดลค้าปลีกกำลังมาแรงนับจากนี้ คือร้านค้าเฉพาะทาง หรือสเปเชียลตี้สโตร์ หรือร้านขายสินค้าประเภทราคาเดียว

เหมือนในสหรัฐอเมริกาที่เกิดกระแสสมรภูมิร้านดอลลาร์สโตร์ ผู้ค้าปลีกรายใหญ่หันมารุกตลาดเซกเมนต์นี้ หวังชิงส่วนแบ่งเม็ดเงินจับจ่ายของเหล่ามิลเลนเนียลที่มีมูลค่าสูงถึง 600,000 ล้านเหรียญสหรัฐต่อปี

การรุกธุรกิจรีเทลของกลุ่มทุนเกาหลีจึงไม่ใช่แค่รายสองรายเท่านั้นแน่.

สนับสนุนข่าวโดย : gotomanager.com

]]>
1157448