โรงแรมที่มีพนักงานส่วนใหญ่เป็นหุ่นยนต์นี้มีชื่อว่าเฮนนะโฮเทล (Hen’na Hotels) เป็นโรงแรมในเครือเอเจนซีท่องเที่ยวราคาประหยัดเอสไอเอส (H.I.S. Co.) โรงแรม 2 สาขาแรกตั้งอยู่ที่นางาซากิและโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น

ที่โรงแรมนี้ หุ่นยนต์ไดโนเสาร์หนุ่มจะเป็นผู้ช่วยเช็กอินเข้าพัก ขณะที่หุ่นยนต์อีกตัวจะช่วยนำกระเป๋าไปส่งที่ห้อง นอกจากนี้ หุ่นยนต์ถังขยะจะเป็นผู้นำขยะไปทิ้งให้ ยังมีทีมหุ่นยนต์ทำความสะอาดหน้าต่างและหุ่นยนต์ดูดฝุ่นที่ทำงานอย่างสม่ำเสมอไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย

ฮิเดโอะ ซาวาดะ (Hideo Sawada) ผู้ก่อตั้ง H.I.S. ให้สัมภาษณ์ว่าเป้าหมายของการสร้างโรงแรมแห่งนี้คือการเปลี่ยนรูปแบบและพัฒนาให้ดีกว่าโรงแรมทั่วไป การนำหุ่นยนต์มาให้บริการที่ส่วนต้อนรับและทุกแห่งของโรงแรมนั้นทำไปเพื่อให้โรงแรมนี้เป็นโรงแรมที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดในโลก จุดนี้ทำให้มีการวางเป้าหมายเปิดบริการเพิ่มอีก 100 แห่งทั้งในญี่ปุ่นและประเทศอื่นในช่วง 5 ปีนับจากนี้

มีความเป็นไปได้ที่โรงแรมนี้จะเน้นเปิดใกล้กับสถานที่ท่องเที่ยวแนวธีมปาร์ก โดยโรงแรมแห่งแรกที่เปิดให้บริการเมื่อกรกฎาคม 2015 นั้นตั้งอยู่ใกล้กับสถานที่จำลองเมืองเนเธอร์แลนด์หรือ Dutch theme park ชื่อ Huis Ten Bosch ซึ่งเปิดให้บริการในแนวคิด “ยุโรปแห่งญี่ปุ่น” ในรูปเมืองแห่งอนาคตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ธัมปาร์กนี้เปิดให้บริการตั้งแต่ปี 1992 ได้รับความนิยมจากชาวญี่ปุ่นตลอดหลายสิบปีที่ผ่านมา

กระทั่งช่วงมีนาคมปีนี้ โรงแรมตัดสินใจเปิดใหม่สาขา 2 ใกล้กับดีสนีย์รีสอร์ท (Disney) มีข้อมูลว่ายอดจองโรงแรมเต็ม 80% ล่วงหน้าหลายเดือน ส่วนหนึ่งเป็นเพราะชื่อเสียงจากการถูกบันทึกใน Guinness World Records เมื่อพฤศจิกายนปี 2016 ว่าเป็นโรงแรมแห่งแรกของโลกที่มีพนักงานหุ่นยนต์

หุ่นยนต์ต้อนรับของโรงแรมสามารถพูดภาษาญี่ปุ่น อังกฤษ จีน และเกาหลี โรงแรมบางสาขาไม่ใช้กุญแจล็อกห้อง แต่จะใช้เทคโนโลยีวิเคราะห์ใบหน้า นอกจากนี้ยังประหยัดพลังงาน เพราะมีการใช้เซ็นเซอร์มากมายเพื่อปิดเปิดไฟและระบบปรับอากาศให้เหมาะกับสภาพอากาศแบบอัตโนมัติ 

โรงแรมในย่านชิบะมีให้บริการกว่า 100 ห้อง จำนวนหุ่นยนต์ที่ให้บริการมีมากกว่า 140 ตัว ทั้งโรงแรมมีพนักงานมนุษย์ประจำการ 7 คนเพื่อช่วยเหลือทั้งกรณีทั่วไปและกรณีฉุกเฉิน 

ในห้องโรงแรมมีหุ่นยนต์ปัญญาประดิษฐ์ทรงไข่ชื่อทาเปีย (Tapia) หุ่นยนต์รับคำสั่งเสียงและทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยเปิดปิดอุปกรณ์ในห้องตามเสียงพูดที่ได้ยิน 

ล่าสุดโรงแรมนี้เปิดสาขาที่ 3 ในเมืองนาโกยา เมื่อสิงหาคมที่ผ่านมา คาดว่ารูปแบบให้บริการโดยหุ่นยนต์นี้จะถูกนำมาปรับใช้กับโรงแรมในเครือ H.I.S. ทุกแห่งอย่างเต็มรูปแบบในอนาคต

ที่มา : mgronline.com/cyberbiz/detail/9600000097844

เงินที่ได้รับนี้ เป็นส่วนหนึ่งของเงินจากกองทุนด้านนวัตกรรม (Innovation Fund) ในชื่อ Digital News Initiative หรือ DNI มีขนาด 150 ล้านเหรียญยูโร เพื่อสนับสนุน “นวัตกรรมด้านสื่อสารมวลชนดิจิตอล” ในกลุ่มประเทศสหภาพยุโรป ซึ่งทาง PA และ Urbs Media นั้นได้รับเงินดังกล่าวมาเพื่อการพัฒนา RADAR ย่อมาจาก Reporter And Data And Robots ซึ่งเป็นบริการใหม่ที่สามารถสร้างคอนเทนต์ข่าวสารจากชุดข้อมูลแบบเปิดภายในประเทศได้มากถึง 30,000 เรื่องต่อเดือน

PA ระบุว่า โปรเจกต์ RADAR นี้เกิดขึ้นเพราะเริ่มเห็นเทรนด์ของผู้บริโภคที่ต้องการการรายงานข่าวที่น่าเชื่อถือ และไม่ใส่สีตีไข่ ท่ามกลางการเติบโตของยุคสื่ออิสระและบล็อกเกอร์เฟื่องฟูเช่นทุกวันนี้

รูปแบบการทำงานของ RADAR จะใช้ข้อมูลแบบเปิดจากหน่วยงานรัฐบาล องค์กรท้องถิ่น หน่วยงาน NHS Trusts และอื่น ๆ อีกมากมาย มาสร้างเป็นเทมเพลตของเรื่องราวในหลากหลายหมวด ทั้งอาชญากรรม สุขภาพ ฯลฯ จากนั้นจะใช้ซอฟต์แวร์ Natural Language Generation (NLG) ที่สามารถสร้างภาษาได้คล้ายกับภาษาแบบธรรมชาติที่มนุษย์ใช้ในการสื่อสารมาพัฒนาให้คอนเทนต์ชิ้นนั้นกลายเป็นข่าวแบบที่เราอ่านกันทุกวันนี้ขึ้นมา

เงินลงทุนก้อนนี้ยังสามารถพัฒนาไปได้ถึงจุดที่ระบบอัตโนมัติสามารถสร้างภาพกราฟฟิกขึ้นใช้งานได้เอง รวมถึงสร้างภาพวิดีโอและใส่ข้อความลงไปได้อิงตามเนื้อหาด้วย

เงินลงทุนจากกูเกิลยังมากพอที่ทางทีม PA และ Urbs Media จะสร้างทีมผู้สื่อข่าวจำนวน 5 คนเพื่อมาช่วยในการพิจารณาเทมเพลตและอิดิตบทความด้วย

ปีเตอร์ คลิฟตัน ผู้บริหารของ PA กล่าวว่า นับเป็นการพัฒนาที่น่าตื่นเต้นมากสำหรับ PA และเชื่อว่าจะทำให้สื่อในยุคที่ถูกระบบการตลาดสมัยใหม่กดดันอย่างหนักได้ลืมตาอ้าปากได้

ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวมนุษย์ยังคงเป็นสิ่งจำเป็น แต่ระบบ RADAR นั้นช่วยนำปัญญาประดิษฐ์มาใช้สร้างข้อมูลข่าวสารได้ในระดับที่การทำงานปกติไม่สามารถทำได้ ซึ่งถือเป็นการพัฒนาที่ยิ่งใหญ่มากสำหรับ PA

อลัน เรนวิค ซีอีโอของ Urbs Media กล่าวว่า การจับมือกับ PA ทำให้บริษัทสามารถนำไอเดียที่มีมาพัฒนาให้เกิดขึ้นได้จริง โดย RADAR มีกำหนดจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการในปี 2018 ที่จะถึงนี้

ที่มา : http://manager.co.th/Cyberbiz/ViewNews.aspx?NewsID=9600000069963