อมรินทร์ทีวี – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Tue, 13 Aug 2019 11:47:25 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 ย้ายช่อง! “แม็กซ์ มวยไทย” ลงจอ MCOT – อมรินทร์ ยึดผังไพรม์ไทม์ 7 วันรวด https://positioningmag.com/1242038 Mon, 12 Aug 2019 05:16:01 +0000 https://positioningmag.com/?p=1242038 “แม็กซ์ มวยไทย” เป็นรายการถ่ายทอดสดมวยไทย 7 วัน ที่มาจุดกระแสสร้างเรตติ้งให้ช่องทีวีดิจิทัล ตั้งแต่ยุคที่อยู่กับช่อง 8 ปี 2558 – 2561 ครองเรตติ้งสูงสุดในกลุ่มรายการมวย หลังจากนั้นย้ายมาที่ สปริง 26 ตั้งแต่ 1 ก.ค. 2561 ถึงปัจจุบัน ถือเป็นรายการเรตติ้งสูงสุดของช่อง ตัวเลขล่าสุด เดือน ก.ค. อยู่ที่ 1.445   

แต่หลังจาก “สปริง 26” ขอคืนใบอนุญาตทีวีดิจิทัล เตรียมลาจอเที่ยงคืน 15 ส.ค. นี้ “แม็กซ์ มวยไทย” ถูกจับตามาตลาอดว่า ทีวีดิจิทัล “ช่องใด” จะคว้ารายการนี้ไป เพราะถือเป็นรายการยาว 7 วัน ที่ต้องขยับผังเทเวลาถ่ายทอดสดตลอดสัปดาห์ โดยเฉพาะในช่วงไพรม์ไทม์ สุดท้ายมาสรุปลงตัวที่ อสมท และ อมรินทร์ทีวี

ยิงสด 2 ช่อง “MCOT-อมรินทร์”

“แม็กซ์ มวยไทย” เป็นการแข่งขันชกมวยไทย ถ่ายทอดสดจากเวทีมวย แม็กซ์ สเตเดี้ยม เมืองพัทยา จัดแข่งขันโดย อาสิระ เตาะเจริญสุข ประธาน บริษัท แม็กซ์ มวยไทย จำกัด โดยออกอากาศทางทีวีดิจิทัล 7 วัน เวลา 18.00 – 20.00 น.

ปัจจุบันออกอากาศทางช่อง สปริง 26 หลังจาก สปริง 26 คืนใบอนุญาตและต้องยุติการออกอากาศเวลาเที่ยงคืน วันพฤหัสบดี 15 ส.ค. นี้ “แม็กซ์ มวยไทย” ได้เปิดตัวพันธมิตรทีวีดิจิทัล 2 ช่อง เพื่อถ่ายทอดสดการแข่งขันต่อเนื่อง คือ อมรินทร์ทีวี ออกอากาศ 2 วัน คือ วันศุกร์และเสาร์ เวลาเดิม 18.00 – 19.30 น. เริ่มวันศุกร์ 16 ส.ค. นี้ เป็นต้นไป

พันธมิตรอีกช่องคือ อสมท ทางช่อง MCOT HD 5 วัน คือ ทุกวันอาทิตย์ – พฤหัสบดี เริ่มออกอากาศสดในวันอาทิยต์ที่ 18 ส.ค. นี้ เวลา 18.00 – 19.30 น.

“อสมท” รื้อผังส่ง “มวยสู้ศึกไพรม์ไทม์

เขมทัตต์ พลเดช กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ปัจจุบันรายการทีวีนอกจากรายการข่าว และรายการบันเทิงแล้ว รายการกีฬา ยังได้รับความสนใจจากผู้ชมจำนวนมาก โดยเฉพาะกีฬามวยไทย ที่สามารถสร้างเรตติ้งให้กับทุกสถานีทีวี เนื่องจากเป็นคอนเทนต์ที่ต้อง “ดูสด” และการแข่งขันรายการมวยต่างๆ เป็นรายการเฉพาะที่ไม่สามารถรับชมได้จากช่องอื่นๆ จึงสามารถสร้างฐานแฟนประจำทั้งคนไทยและต่างประเทศ

เดือน ส.ค. นี้ อสมท ได้ปรับผังรายการไพรม์ไทม์ใหม่ จับมือกับ “แม็กซ์ มวยไทย” MAX MUAY THAI ถ่ายทอดสดคอนเทนต์มวยไทยพรีเมียม 5 วัน ทุกวันอาทิตย์ถึงวันพฤหัสบดี เริ่มวันที่ 18 ส.ค. นี้ เวลา 18.00 – 19.30 น. ถือเป็นการออกอากาศสดทางทีวีดิจิทัล ช่องเอชดี เป็นครั้งแรก

ทุกวันจันทร์ – อังคาร : มวยไทย ไฟต์เตอร์ MUAY THAI FIGHTER เป็นรายการถ่ายทอดสด มวยไทยระดับนานาชาติ 4 คู่ชก นักชกไทย ต่างชาติ ทุกวันพุธ – พฤหัสบดี : เดอะโกลบอลไฟต์ แชมเปียนชาเลนจ์ THE GLOBAL FIGHT CHAMPION CHALLENGE เป็นรายการถ่ายทอดสดมวยไทยระดับนานาชาติ 4 คู่ชก นักชกไทย ต่างชาติ

]]>
1242038
รายการข่าวแรง! กลุ่มท็อปเท็น “ไทยรัฐทีวี-อมรินทร์-เนชั่น”โกยเรตติ้งเพิ่ม https://positioningmag.com/1232987 Wed, 05 Jun 2019 02:39:25 +0000 https://positioningmag.com/?p=1232987 หลังการเลือกตั้งเดือน มี.และยังไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ ทำให้ผู้ชมเกาะติดรายการข่าวทีวีดิจิทัลช่องต่างๆ เพื่ออัพเดตสถานการณ์ความเคลื่อนไหวของพรรคการเมืองในการจับขั้วตั้งรัฐบาล ส่งผลให้เรตติ้งรายการข่าวของช่องท็อปเท็นขยับขึ้น

สำนักนโยบายและวิชาการกระจายเสียงและโทรทัศน์ (วส.) สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) รายงานข้อมูล “นีลเส็น” ในการวัดค่าความนิยม (เรตติ้ง) ช่องทีวีดิจิทัลเดือน พ.ค.2562 สูงสุด 10 อันดับแรก คือ ช่อง 7 (7HD) ช่อง 3 (3HD) โมโน 29 เวิร์คพอยท์ทีวี ช่อง One ไทยรัฐทีวี อมรินทร์ทีวี ช่อง 3SD ช่อง 8 และเนชั่นทีวี

ในเดือน พ.ค.นี้ ช่องรายการที่มีเรตติ้งเพิ่มสูงขึ้นจากเดือนก่อน ได้แก่ ช่อง 7 ไทยรัฐทีวี อมรินทร์ทีวี และเนชั่นทีวี

ช่อง 7 มีเรตติ้งเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้า 000.7 รายการที่ได้รับความนิยมสูงสุดในเดือน พ.ค. คือ ละครเย็น “ขิงก็รา ข่าก็แรง” มีเรตติ้งสูงสุด 7.853 (ออกอากาศวันที่ 30 พ.ค. 2562) ส่วนละครค่ำ “เพลงรักเพลงปืน” ได้รับความนิยมสูงเช่นกัน โดยมีเรตติ้งสูงสุด 7.785 (ออกอากาศวันที่ 8 พ.ค. 2562)

ไทยรัฐทีวี เรตติ้งสูงสุดยังเป็นรายการข่าว เช่น ไทยรัฐนิวส์โชว์ และการถ่ายทอดสดการออกรางวัลสลากกินแบ่งรัฐบาล ที่สร้างเรตติ้งได้ดีเสมอต้นเสมอปลาย ส่งผลให้เรตติ้งเดือน พ.ค.เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน 0.001

อมรินทร์ทีวี เป็นช่องที่มีเรตติ้งเดือน พ.ค.เพิ่มขึ้น 0.023 โดยขยับจาก 0.288 ในเดือน เม.ย.2562 เป็น 0.311 ในเดือน พ.ค. 2562 ซึ่งการเพิ่มขึ้นของเรตติ้งดังกล่าวส่งผลให้การจัดลำดับของช่องในกลุ่ม Top 10 ขยับจากอันดับ 8 ขึ้นสู่อันดับ 7 รายการที่ช่วยสร้างกระแสความนิยมให้แก่ช่องคือ ทุบโต๊ะข่าว

เนชั่นทีวี มีเรตติ้งเพิ่มสูงขึ้น 0.032 ส่งผลให้ช่องสามารถเข้าสู่การจัดอันดับในกลุ่ม Top 10 ได้อีกครั้ง โดยรายการที่ได้รับความนิยมยังคงเป็นรายการ “เนชั่น ทันข่าว” และ “ข่าวข้น คนเนชั่น”

กสทช.ออกหลักเกณฑ์หนุนเงินทำทีวีเรตติ้ง

สำหรับความคืบหน้าการสนับสนุนงบประมาณการจัดทำเรตติ้งทีวี เมื่อวันที่ 23 พ.ค. 2562 กสทช.ได้ออก ประกาศสำนักงาน กสทช. เรื่องหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการจัดสรรเงินในการสำรวจความนิยมช่องรายการโทรทัศน์ เพื่อสนับสนุนอุตสาหกรรมทีวีดิจิทัล

ตามประกาศฯ กำหนด ให้มี “องค์กรกลาง” ซึ่งหมายถึง องค์กรที่เป็นการรวมกลุ่มของผู้รับใบอนุญาตทีวีดิจิทัล โดยองค์กรกลาง มีสิทธิขอรับการจัดสรรเงินสนับสนุนจาก สำนักงาน กสทช. เพื่อดำเนินการสำรวจความนิยมช่องรายการทีวี (ทีวีเรตติ้ง) ของช่องรายการทีวี หรือเนื้อหารายการทีวี การจัดทำฐานข้อมูล การให้บริการฐานข้อมูล การตรวจสอบความถูกต้องของฐานข้อมูล เพื่อสนับสนุนอุตสาหกรรมทีวีดิจิทัล

สำหรับ “องค์กรกลาง” ที่มีสิทธิขอรับการจัดสรรเงินสนับสนุนจากสำนักงาน กสทช. เพื่อสำรวจเรตติ้ง จะต้องมีคุณสมบัติ ดังนี้

  1. เป็นนิติบุคคลที่จดทะเบียนจัดตั้งขึ้นตามกฎหมายไทยและจดทะเบียนไม่น้อยกว่า 3 ปี นับตั้งแต่วันที่ประกาศมีผลบังคับใช้ (24 พ.ค. 2562)
  2. มีวัตถุประสงค์เกี่ยวกับการสำรวจความนิยมช่องรายการทีวี เพื่อสนับสนุนอุตสาหกรรมทีวีดิจิทัล หรือส่งเสริมการพัฒนากิจการทีวีดิจิทัล
  3. กรรมการ ผู้ดำเนินกิจการขององค์กรกลางจำนวนไม่น้อยกว่า 1 ใน 3 จะต้องเป็นผู้แทนจากผู้รับใบอนุญาตทีวีดิจิทัล
  4. สมาชิกองค์กรกลางที่เป็นผู้แทนจากผู้รับใบอนุญาตทีวีดิจิทัล จะต้องมีสมาชิกทีวีดิจิทัลไม่น้อยกว่า 1 ใน 3 ของจำนวนผู้รับใบอนุญาตทีวีดิจิทัลที่มีอยู่ปัจจุบัน ไม่รวมทีวีดิจิทัลที่แจ้งคืนใบอนุญาต กับ กสทช.

โดยองค์กรกลางที่จะขอรับเงินสนับสนุนตามประกาศฯ ให้แจ้งเป็นหนังสือยื่นต่อสำนักงาน กสทช. ภายใน 60 วัน นับถัดจากวันที่มีผู้ยื่นคำขอรับใบอนุญาตใช้คลื่นฯ 700 MHz (วันที่ 19 มิ.ย.2562)

การจัดสรรเงินจะต้องสอดคล้องกับข้อเสนอในการดำเนินการสำรวจเรตติ้ง เพื่อสนับสนุนอุตสาหกรรมทีวีดิจิทัล โดยองค์กรการจะต้องป้องกันการ “ผูกขาด” ส่งเสริมการแข่งขันโดยเสรีอย่างเป็นธรรม โดยมีเงื่อนไขดังนี้

  1. สำนักงาน กสทช. จะต้องได้รับหรือมีสิทธิใช้ข้อมูลที่ได้จากการสำรวจเรตติ้ง เพื่อประโยชน์ในการกำกับดูแลการแข่งขันโดยไม่มีค่าใช้จ่าย
  2. องค์กรกลางที่ได้รับการจัดสรรเงิน จะต้องเปิดเผยข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาอุตสาหกรรมทีวี
  3. องค์กรกลางที่ได้รับการจัดสรรเงินจะต้องสนับสนุนข้อมูลต่อหน่วยงานราชการ หน่วยงานของรัฐ สถาบันการศึกษาในทางที่เป็นประโยชน์ต่อการวิจัยและพัฒนากิจการวิทยุ ทีวี และกิจการอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องในอุตสาหกรรม
  4. ทีวีดิจิทัล สาธารณะ มีสิทธิ์เข้าร่วมระบบสำรวจเรตติ้ง
]]>
1232987
“อมรินทร์” โชว์กำไรรอบ 4 ปี เปิดโมเดลรอด! ยุคสิ่งพิมพ์ทรุด-ทีวีแข่งเดือด https://positioningmag.com/1215939 Fri, 22 Feb 2019 13:07:02 +0000 https://positioningmag.com/?p=1215939 เป็นหนึ่งในผู้ประกอบการสื่อ “สิ่งพิมพ์” ที่ขยายตัวสู่ธุรกิจ “ทีวีดิจิทัล” และต้องเผชิญสถานการณ์ “ขาดทุน” นับจากปี 2557 หลังปรับโครงสร้างดึงทุนใหญ่ “ไทยเบฟ” เข้ามาร่วมถือหุ้น 47% ช่วงปลายปี 2559 เพื่อลดภาระต้นทุนดอกเบี้ย มาวันนี้ “อมรินทร์” ก้าวขึ้นมาอยู่ในฝั่ง “ผู้รอด” กลับมาโชว์ตัวเลข “กำไร” อีกครั้งในปี 2561  

บริษัท อมรินทร์พริ้นติ้ง แอนด์ พับลิชชิ่ง จำกัด (มหาชน) รายงานผลประกอบการปี 2561 มีรายได้รวม 3,526 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 57% กำไร 174 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 206% เป็นการกลับมา “กำไร” ครั้งแรกหลังยุคทีวีดิจิทัล มาย้อนดูรายได้กลุ่มอมรินทร์ ตั้งแต่เริ่มธุรกิจทีวีดิจิทัล

  • ปี 2557 รายได้ 1,913 ล้านบาท  ขาดทุน 87 ล้านบาท
  • ปี 2558 รายได้ 2,003 ล้านบาท  ขาดทุน 417 ล้านบาท
  • ปี 2559 รายได้ 1,945 ล้านบาท  ขาดทุน 628 ล้านบาท
  • ปี 2560 รายได้ 2,237 ล้านบาท  ขาดทุน 163 ล้านบาท

“ทีวีดิจิทัล” ปีนี้กำไร

ระริน อุทกะพันธุ์ ปัญจรุ่งโรจน์ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท อมรินทร์พริ้นติ้ง แอนด์พับลิชชิ่ง จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ปัจจัยหลักที่ทำให้ผลประกอบการบริษัทในปี 2561 กลับมาเติบโตและทำกำไรอีกครั้งมาจาก รายได้ “ทีวีดิจิทัล” ช่องอมรินทร์ทีวี เอชดี 34 เติบโต 84% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า จากรายการที่มีเรตติ้งเพิ่มขึ้น ทำให้ปี 2561 อมรินทร์ทีวี อยู่อันดับ 8 เรตติ้ง 0.3 ปีที่ผ่านมาจึงปรับราคาโฆษณาขึ้น 20-30%

ปี 2562 ใช้งบลงทุน 500 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่ลงทุนคอนเทนต์ราว 200-300 ล้านบาท เพื่อผลิตรายการ กลุ่มบันเทิงเพิ่มเติม โดยร่วมกับ เซ้นส์ เอนเตอร์เทนเมนท์ มีรายการเกมโชว์ใหม่ รวมทั้งจ้าง Change 2561 โดย “ฉอด สายทิพย์ มนตรีกุล ณ อยุธยา ผลิตละคร 2 เรื่องในปีนี้ เพื่อขยายฐานผู้ชมกลุ่มแมส และเพิ่มคอนเทนต์กีฬา ซึ่งไทยเบฟ เป็นผู้สนับสนุนหลายประเภท เริ่มที่รายการมวย 

คอนเทนต์ใหม่ที่เข้ามาเพิ่มในปีนี้ จะช่วยเสริมจุดแข็งด้าน Lifestyle Entertainment เดิมของอมรินทร์ทีวี ที่มีฐานผู้ชมกรุงเทพฯ และหัวเมืองเป็นหลัก พร้อมทั้งเปิดตัว แอปพลิเคชั่น ทีวี “34 HD” เพื่อดึงผู้ชมทีวีให้อยู่กับช่องอมริทร์ให้นานขึ้น และขยายผู้ชมกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่ดูคอนเทนต์ทีวีผ่านสมาร์ทดีไวซ์ที่สะดวก  

ปี 2561 ธุรกิจทีวี มีรายได้ราว 800 ล้านบาท ยังถือว่าเป็นธุรกิจที่ขาดทุน แม้ภาพรวมอมรินทร์จะกลับมาทำกำไร ด้วยเรตติ้งที่ขยับขึ้นต่อเนื่อง ปีนี้น่าจะทำเรตติ้งได้ 0.45 อยู่ในกลุ่มท็อปเทน และครึ่งปีหลังอาจพิจารณาเรื่องปรับขึ้นราคาโฆษณา ปี 2562 จึงตั้งเป้าหมายรายได้ทีวีอยู่ที่ 1,000 ล้านบาท และมีกำไรเป็นปีแรก

“ทีวีดิจิทัลยังคงเป็นธุรกิจที่มีการแข่งขันสูง แต่การปรับตัวของอมรินทร์ทั้งโครงสร้างผู้ถือหุ้น คอนเทนต์และดิจิทัล แพลตฟอร์ม วันนี้เราเลือดหยุดไหลแล้ว ปีนี้จะเป็นปีที่ทีวีดิจิทัลทำกำไร”

“นิตยสาร” ยังไปต่อ

สำหรับธุรกิจสิ่งพิมพ์ โดยเฉพาะ “นิตยสาร” ที่ภาพรวมเม็ดเงินโฆษณาลดลงอย่างต่อเนื่องมากกว่าสื่ออื่นๆ ปี 2561 นีลเส็น รายงานมูลค่าอยู่ที่ 1,315 ล้านบาท ติดลบ 33% จากปีก่อน และคาดการณ์ปีนี้ยังคงถดถอยอย่างมากต่อไป

ระรินบอกว่าที่ผ่านมาธุรกิจ “นิตยสาร” ของอมรินทร์ ซึ่งปัจจุบันมี 8 หัว คือ บ้านและสวน, แพรว, สุดสัปดาห์, แพรว เวดดิ้ง, ชีวจิต  Room, Amarin Baby&Kids และ National Geographic อยู่ในภาวะ “ทรงตัว” แม้ไม่เติบโตเหมือนอดีต แต่เรียกว่ายังอยู่ได้ ขณะที่ภาพรวมนิตยสารถดถอยอย่างมาก ปัจจุบันนิตยสารยังตอบโจทย์การโฆษณาของกลุ่มสินค้าลักชัวรี และผู้อ่านเป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อสูง

ที่ผ่านมาอมรินทร์ปรับตัวการทำสื่อนิตยสารมาอย่างต่อเนื่อง ด้วยการก้าวเข้าสู่แพลตฟอร์มออนไลน์ นิตยสารทุกหัว มีเว็บไซต์และสื่อโซเชียลเป็นช่องทางสื่อสารและนำเสนอคอนเทนต์ เว็บไซต์ “บ้านและสวน” เปิดมาแล้วกว่า 10 ปี 

“การปรับตัวสู่แพลตฟอร์มออนไลน์ของนิตยสารในเครืออมรินทร์ ปัจจุบันบางฉบับมีรายได้จากออนไลน์ใกล้เคียงรายได้แบบรูปเล่มแล้ว”

นอกจากนี้ ในเดือนเมษายนนี้เตรียมเปิดตัวแพลตฟอร์มใหม่ Amarin Writer เปิดโอกาสให้บุคคลทั่วไปเป็น Online Content Creator กับอมรินทร์ เพื่อนำเสนอผ่านเว็บไซต์ทุกแบรนด์นิตยสารของอมรินทร์ โดยจะมีบรรณาธิการ ตรวจสอบก่อนเผยแพร่ หากได้รับการเผยแพร่ผู้เขียนจะได้รับค่าตอบแทนการเขียนเรื่อง ถือป็นการเพิ่มคอนเทนต์ที่หลากหลายให้ผู้อ่าน และเป็นการเพิ่มทราฟฟิกผู้อ่านให้สื่อออนไลน์ของบริษัท วางเป้าหมายเพิ่มขึ้น 20% ในปีนี้  

ท่ามกลางกระแสเทคโนโลยี ดิสรัปชั่นในสื่อสิ่งพิมพ์ ที่มีนิตยสารทยอยปิดตัวมาอย่างต่อเนื่อง ทำให้เครืออมรินทร์ ถือเป็นผู้ประกอบการที่ยังอยู่รอดได้และมีนิตยสารในเครือมากที่สุด แต่ ระริน มองว่าในธุรกิจที่มีคู่แข่งขันน้อยราย ไม่ได้ส่งผลดี การมีคู่แข่งจะช่วยกันกระตุ้นตลาดให้เติบโตได้ จะเห็นได้ว่ามูลค่าโฆษณานิตยสารที่หดตัวลง มาจากผู้เล่นที่หายไปจากตลาดนั่นเอง          

เปิดแพลตฟอร์ม UGC

สำหรับธุรกิจ “หนังสือเล่ม” ทั้งส่วนสำนักพิมพ์ในเครืออมรินทร์และการจัดจำหน่ายยังคงเติบโตได้ โดยไตรมาส 3 ปี 2561 บริษัทได้ซื้อหุ้นจากผู้ถือหุ้นรายย่อยอื่นๆ ในบริษัทอมรินทร์บุ๊ค เซ็นเตอร์ จำกัด ซึ่งเป็นผู้จำหน่ายสิ่งพิมพ์ ได้แก่นิตยสารหนังสือเล่มและสินค้าอื่นๆ เพิ่มขึ้นจากเดิมถือหุ้น 19% เป็น 100% ส่งผลให้รายได้จากการจัดจำหน่ายนิตยสารและหนังสือเล่มเพิ่มขึ้น 145% ในปีที่ผ่านมา ส่งผลให้หนังสือเล่มยังคงเติบโตได้ 16%

ในสายงานจัดจำหน่ายอมรินทร์ บุ๊ค เซ็นเตอร์ ปี 2562 ได้ขยายตลาดหนังสือเพิ่มเติม คือ หนังสือแบบเรียน ตั้งเป้ารายได้ 200 ล้านบาทใน 3 ปี

ปีนี้ได้เปิดตัวแพลตฟอร์ม User-generated content (UGC) เว็บไซต์  Mareads.com ที่เปิดให้คนทั่วไปเข้ามาเขียนและอ่านนิยายออนไลน์และสามารถสั่งพิมพ์ Print on Demand ได้ ซึ่งในฝั่งของ “นักเขียน” จะมีความสะดวกในการสั่งพิมพ์กับโรงพิมพ์ของอมรินทร์ได้ทันที  การเปิดตัวแพลตฟอร์มดังกล่าวเนื่องจากเห็นแนวโน้มการเติบโตของทั้งนักเขียนและนักอ่านนิยายออนไลน์ ที่แต่ละแพลตฟอร์มมีผู้อ่านหลักล้านคน

ระริน กล่าวว่าธุรกิจที่มีแนวโน้มเติบโตสูงคือ “สื่อออนไลน์” จากรายได้โฆษณาและรับจ้างผลิตงานดิจิทัล ปีที่ผ่านมาเพิ่มขึ้น 95% โดยทราฟฟิกเพิ่มขึ้น 52% จากกลุ่มแบรนด์นิตยสาร Living, ไลฟ์สไตล์และสุขภาพ มียอด Reach ลูกค้าต่อเดือนอยู่ที่ 130 ล้าน ในปีนี้ตั้งเป้าทราฟฟิกเติบโต 100%

ขณะที่ธุรกิจงานแฟร์เพิ่มขึ้น 12% ปีก่อนได้เพิ่ม 3 งานแฟร์ใหม่ ได้แก่ บ้านและสวน Select, กินดีอยู่ดี และ นายอินทร์สนามอ่านเล่น ปัจจุบันมีงานแฟร์ปีละ 20 งาน

ทางรอด “ออมนิ มีเดีย”

การปรับตัวของอมรินทร์ที่ผ่านมาที่ธุรกิจทั้งสิ่งพิมพ์และทีวีสามารถเติบโตได้ อยู่ภายใต้กลยุทธ์ Omni Media จากการผนึกกำลังของทุกสื่อในเครือ ทั้ง On Print นิตยสารและหนังสือเล่ม, Online สื่อบนเว็บไซต์และโซเชียลมีเดีย, On Shop ร้านนายอินทร์, On Air ทีวีดิจิทัล ช่องอมรินทร์ทีวี และ On Ground งานแฟร์และกิจกรรมต่างๆ เมื่อผนวกร่วมกันแล้ว ถือได้ว่าเป็นจุดแข็งและเป็นกลยุทธ์สำคัญที่จะใช้ในการเดินหน้าทำธุรกิจต่อไป  

ปัจจุบันลูกค้าที่เข้ามาใช้สื่อกับเครืออมรินทร์ จะซื้อสื่อเป็นแพ็กเกจครอบคลุมทุกช่องทางการเข้าถึงผู้บริโภคในยุคนี้ โดยปีนี้ได้ขยายธุรกิจ “มีเดีย คอมเมิร์ช” เพิ่มเติมด้วยการเปิดตัวรายการ Amarin Shopping ทางช่องอมรินทร์ทีวี ปัจจุบันนำเสนอรายการวันละ 1 ชั่วโมง และจะขยายเพิ่มอีกในไตรมาส 2 และกลางปีนี้ได้เตรียมเปิดตัวตัวแพลตฟอร์ม เว็บไซต์  Amvata.com รูปแบบมาร์เก็ตเพลส ที่จะเป็นแพลตฟอร์มขายสินค้าอยู่ในทุกสื่อของเครืออมรินทร์

การเดินหน้าสู่ “ออมนิ มีเดีย” ของกลุ่มอมรินทร์ เพื่อตอบโจทย์ Amarin Eco-system ดึงผู้บริโภคให้อยู่กับสื่อและคอนเทนต์ของอมรินทร์ทั้งออนไลน์และออฟไลน์ครอบคลุมทุกช่องทางและไปจบด้วยการซื้อสินค้าผ่านมีเดีย คอมเมิร์ซในทุกสื่อ เพื่อทำให้ อมรินทร์เป็นตัวเลือกในการใช้สื่อโฆษณาของสินค้าและแบรนด์ต่างๆ ที่สามารถใช้เป็นช่องทางปิดการขายภายใต้แพลตฟอร์มเดียว

ปีนี้จึงมั่นใจว่ารายได้ อมรินทร์ ยังเติบโตได้อีกไม่ต่ำกว่า 40%

]]>
1215939
จับตา! อมรินทร์ทีวี เขย่าองค์กรครั้งใหญ่ หลังไทยเบฟฯ ส่งทีมผู้บริหารเข้าคุม ประเดิม “ละคร” ปีหน้า https://positioningmag.com/1199102 Fri, 23 Nov 2018 00:00:53 +0000 https://positioningmag.com/?p=1199102 หลังจากกลุ่มไทยเบฟฯ ของครอบครัวสิริวัฒนภักดี ได้ซื้อกิจการ อมรินทร์ พรินติ้ง แอนด์ พับลิชชั่ง ในปลายปี 2559 โดยยังคงให้กลุ่มอมรินทร์รับหน้าที่บริหารงานเช่นเดิม ส่วนกลุ่มไทยเบฟฯ แค่วางนโยบาย แต่ก็สามารถพลิกจากขาดทุนเป็นกำไรในปีนี้

แต่เมื่อไม่นานมานี้ กลุ่มไทยเบฟฯ เริ่มขยับเข้ามาคุมการบริหารใน “อมรินทร์ทีวี” ธุรกิจทีวีดิจิทัล

เริ่มจากวันที่ 1 กันยายนที่ผ่านมา เมื่อโชคชัย ปัญจรุ่งโรจน์ สามีของ ระริน อุทกะพันธ์ุ ปัญจรุ่งโรจน์ ได้ตัดสินใจลาออกจากทุกตำแหน่งในอมรินทร์ทีวี ทั้งตำแหน่งกรรมการบริหาร กรรมการผู้จัดการใหญ่ และผู้อำนวยการสถานี กลุ่มสิริวัฒนภักดี จึงได้แต่งตั้ง ศิริ บุญพิทักษ์เกศ ผู้บริหารจากกลุ่มช้าง ที่เป็นกรรมการและกรรมการบริหาร เข้ามารักษาการแทนในตำแหน่งกรรมการผู้จัดการใหญ่แทน

โชคชัย เป็นผู้บริหารช่องอมรินทร์ทีวี เป็นผู้เข้าประมูลและปลุกปั้นช่องอมรินทร์ทีวีตั้งแต่เริ่มต้น จนเมื่อกลุ่มช้างเข้ามาถือหุ้นใหญ่ช่วงต้น 47.62% โชคชัยก็ยังมีชื่อเป็นบอร์ดบริษัท แต่เริ่มขยับออกจากตำแหน่งบอร์ดเมื่อเมษายนที่ผ่านมา พร้อมๆ กับการเข้ามาของ ศิริ บุญพิทักษ์เกศ ในบอร์ดบริหารของกลุ่มอมรินทร์เมื่อเดือนพฤษภาคม โดยที่ล่าสุดกลุ่มช้างได้เข้ามาถือหุ้นใหญ่ 60.1% ในขณะที่กลุ่มผู้ถือหุ้นเดิม ครอบครัวอุทกะพันธุ์ เหลือหุ้นอยู่เพียง 21.6%

อมรินทร์ทีวี เป็นช่องในกลุ่ม HD วาไรตี้ เน้นรายการวาไรตี้ ประเภทบ้านและสวน แฟชั่น สุขภาพและรายการอาหาร ซึ่งเป็นคอนเทนต์ที่มาจากรายการบ้านและสวน ที่ต่อยอดมาจากนิตยสาร

ต่อมาเมื่อได้ “พุทธอภิวรรณ องค์พระบารมี” มาเป็นพิธีกรข่าว เริ่มมีชื่อเสียงในวงการข่าว มาจากการเล่าข่าวสไตล์เดียวกับ “สรยุทธ สุทัศนะจินดา” และได้มาแจ้งเกิด ในรายการ “ทุบโต๊ะข่าว” ในปี 2558 จนกลายเป็นรายการที่ทำเรตติ้งสูงสุดของช่องอมรินทร์มาจนถึงทุกวันนี้

“พุทธอภิวรรณ” เป็นพิธีกรข่าว ที่มีบทบาทสูงที่สุดในช่องอมรินทร์ จนช่วงหนึ่งมีข่าวลือว่า เขาจะย้ายช่องไปช่อง 3 ส่งผลให้อมรินทร์ทีวีสะเทือนไม่น้อย แต่ในที่สุดเขาก็กลับมาทำหน้าที่ที่อมรินทร์ทีวีเหมือนเดิม โดยมี 2 รายการที่รับผิดชอบคือ “ทุบโต๊ะข่าว” และ “ต่างคนต่างคิด”

อย่างไรก็ตาม เรตติ้งรายการ “ทุบโต๊ะข่าว” ที่ออกอากาศในช่วงหลัง 2 ทุ่ม ในปีนี้ เริ่มแกว่ง โดนคู่แข่ง “ไทยรัฐนิวส์โชว์” ที่จัดเต็มทั้งทีมข่าวและคอมพิวเตอร์กราฟิกประกอบข่าวเสมือนจริง ทำความนิยมเรตติ้งแซงหน้าไปในช่วงปลายไตรมาสแรกของปีนี้ และมาเจอหนักเมื่อมีข่าว “13 หมูป่าติดถ้ำหลวง” ในขณะที่อมรินทร์ทีวีติดพันกับการถ่ายทอดสดฟุตบอลโลก ทำให้ไทยรัฐทีวีมีเรตติ้งแซงชนะอมรินทร์ทีวี มาจนถึงทุกวันนี้

เมื่อรูปแบบของการทำรายการข่าว ขึ้นอยู่กับคนเพียงคนเดียว ความเสี่ยงของช่องก็มากขึ้น เพราะตัวอย่างก็มีให้เห็นแล้ว จากกรณีช่อง 3 เมื่อไม่มี “สรยุทธ์” ความนิยม เรตติ้ง และรายได้ก็ลดลงอย่างมาก ฝ่ายบริหารใหม่ช่องอมรินทร์จึงได้ปรับปรุงทีมข่าวใหม่ เพิ่มพิธีกรข่าวเข้ามาในผังรายการข่าวมากขึ้น โดยการประกาศเติมทีมพิธีกรข่าวใหม่ไปเมื่อ 1 ตุลาคมที่ผ่านมา

ทีมใหม่ประกอบไปด้วย นารากร ติยายน ผู้ประกาศข่าวรุ่นเก๋า มานั่งอ่านข่าวในช่วงเย็น “ข่าวเย็นอรุณอมรินทร์” ช่วงเวลา 16.00-17.00 น. และ ศุภโชค โอภาสะคุณ มาอ่าน “ข่าวเช้าอรุณอมรินทร์” เวลา 05.30-08.00 น. ในขณะที่ “พุทธอภิวรรณ” ยังครองช่วงไพรม์ไทม์เวลาหลัก 2 รายการเช่นเดิม

เพิ่มรายการหลากหลายมากขึ้น รวมถึง “ละคร”

ในปีนี้ช่องอมรินทร์ทีวีเริ่มเห็นการเปลี่ยนแปลงรายการ เมื่อมีทุนหนามากขึ้นจึงมีรายการถ่ายทอดสดกีฬาเข้ามาในผัง ด้วยการสนับสนุนจากกลุ่มช้าง โดยมีรายการมวยเข้ามาลงผัง “ศึกช้าง มวยไทย Real Hero” ในทุกวันอาทิตย์, ถ่ายทอดสด ศึกยอดมวยไทย “นายขนมต้ม” แล้วยังได้สิทธิ์ร่วมถ่ายทอดสดฟุตบอลโลก 2018 ด้วย

นอกจากนี้ก็เริ่มมีรายการประเภทเกมโชว์วาไรตี้เข้าลงผังบ้างแล้ว เช่น Win Win War Thailand สุดยอดนักธุรกิจแบ่งปัน และ Snatch Million เกมกระชากล้าน

ในขณะเดียวกัน มีรายงานข่าวด้วยว่า ผังใหม่ของช่องอมรินทร์ในปีหน้า จะเริ่มจัด “ละครไทย” ลงผังด้วยเช่นกัน เนื่องจากเป็นคอนเทนต์ที่พิสูจน์มาจากหลายๆ ช่องแล้วว่า “ละคร” คือคอนเทนต์เข้าถึงคนดูกลุ่มแมส สามารถเรียกเรตติ้งได้

อย่างไรก็ตาม เนื่องจากเป็นครั้งแรกที่จะเริ่มลงตลาดละคร จึงมีข่าวว่าอมรินทร์ทีวี อาจจะเริ่มต้นด้วยละครในช่วงวันหยุด เพื่อเป็นการชิมลางทดลองตลาดก่อน

ในการพบปะกับเอเจนซี่เมื่อเร็วๆ นี้ อมรินทร์ได้เปิดตัวว่า ในปีหน้าจะเริ่มมีละครที่ผลิตโดยบริษัท Change 2561 ของ “พี่ฉอด สายทิพย์ มาตรีกุล ณ อยุธยา” มาเปิดตลาดละครเป็นรายแรก

ทั้งหมดนี้ คาดว่าจะเป็นกลุ่มรายการใหม่ที่เข้ามาช่วยสร้างการรับรู้ช่อง และเรตติ้งช่องให้เพิ่มสูงขึ้นได้ หลังจากที่ช่วงหลังๆ เรตติ้งเฉลี่ยช่องเริ่มลดลงเมื่อเทียบกับกลุ่มช่องท็อปเท็น

ท่ามกลางสมรภูมิการแข่งขันสูงในวงการทีวี การขยับปรับใหญ่ของช่องทุนหนา จึงน่าจับตามองว่า จะสามารถดันความนิยมและเรตติ้งช่องให้กลับมาพุ่งขึ้นได้หรือไม่.

]]>
1199102