ออมนิชาแนล – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Thu, 20 May 2021 12:12:58 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 ‘เอไอเอส’ เผยสถิติธุรกิจไทยปรับตัวเร็วขึ้น ’40 เท่า’ เพราะได้ ‘โควิด’ เป็นตัวเร่ง https://positioningmag.com/1333190 Thu, 20 May 2021 10:03:45 +0000 https://positioningmag.com/?p=1333190 หากพูดถึงเรื่องการทรานส์ฟอร์มองค์กรไปสู่ดิจิทัล แน่นอนว่าไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่มีการพูดกันมานานหลายปี อย่างไรก็ตาม บางองค์กรอาจจะยังชะล่าใจ หรือยังไม่รู้จะเริ่มตรงไหนทำให้การปรับองค์กรไปสู่ดิจิทัลจึงยังไม่ได้เริ่ม จนกระทั่งการมาของ COVID-19 ที่เป็นการบังคับให้ต้องปรับตัว เพราะพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป รวมถึงข้อจำกัดต่าง ๆ ทำให้องค์กรไม่สามารถหลีกเลี่ยงที่จะทรานส์ฟอร์มได้อีกต่อไป

มีแค่ 5% ที่ไม่คิดปรับตัว

ธนพงษ์ อิทธิสกุลชัย หัวหน้าคณะผู้บริหาร กลุ่มลูกค้าองค์กร AIS Business กล่าวว่า COVID-19 ได้กลายเป็นตัวเร่งให้ทุกองค์กรปรับตัวเร็วขึ้น โดยพบว่าไม่ว่าองค์กรขนาดเล็กหรือใหญ่มีการปรับตัวมากถึง 18-40 เท่า จากการทำงานแบบเดิม ขณะที่บริษัทระดับ Top 10 ของไทยสามารถใช้ดิจิทัลสร้างการเจริญเติบโตของรายได้มากถึง 5 เท่า และทำกำไรได้กว่า 2 เท่า เมื่อเทียบกับบริษัทที่ไม่มีแผนที่จะทรานส์ฟอร์มสู่ดิจิทัล

อย่างไรก็ตาม ภาพรวมของประเทศไทยในการทรานส์ฟอร์มไปสู่ดิจิทัลนั้นพบว่ามี Digital Leader เพียง 3% ขณะที่ค่าเฉลี่ยทั่วโลกอยู่ที่ 5% ส่วนDigital Adopters (ที่เริ่มเปิดรับดิจิทัล) มี 22% ขณะที่ทั่วโลกเฉลี่ย 23% แม้จะน้อยกว่าแต่หากดูภาพรวมแล้ว บริษัทในประเทศไทยที่ ไม่มีแผนการนำดิจิทัลมาทรานส์ฟอร์มองค์กร มีเพียง 5% เท่านั้น เมื่อเทียบกับทั่วโลกที่มีสัดส่วนถึง 9%

Go Online สิ่งแรกที่ SME ทำ

จากการสำรวจพบว่า องค์กรส่วนใหญ่ที่นำดิจิทัลเข้ามาใช้ 38.6% เป็นการสร้างช่องทางการขายออนไลน์ 79.3% เปิดรับชำระเงินทางออนไลน์ และในช่วงสถานการณ์ล็อกดาวน์เนื่องจากการระบาดของ COVID-19 องค์กรต่าง ๆ ได้สร้าง Online Channel มากขึ้นเป็นอันดับ 1 ถึง 57.1% ส่วนผู้ประกอบการรายย่อยหรือ SME มีการปรับตัวชัดเจนขึ้น 4 ด้าน คือ เพิ่มการส่งเสริมการขายในตลาดออนไลน์, เพิ่มนวัตกรรมในองค์กร, เพิ่มความยืดหยุ่นเพื่อรับมือกับความเปลี่ยนแปลง และนำเทคโนโลยีเข้ามาเป็นเครื่องมือในการบริหารจัดการ เพื่อปรับโครงสร้างต้นทุน

COVID-19 ได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของโลกไปแล้ว ทำให้โลกออนไลน์และดิจิทัลกลายเป็นส่วนหนึ่งของการใช้ชีวิต องค์กรธุรกิจก็ต้องทรานส์ฟอร์มไปสู่ดิจิทัล เพื่อให้การทำงานเร็วขึ้น มีประสิทธิภาพมากขึ้น ลดต้นทุนมากขึ้น รวมถึงสร้าง New Business Model เพื่อตอบสนอง Lifestyle ใหม่เพื่อที่จะอยู่รอดท่ามกลางการระบาด

4 รู้ ก่อนนำเทคโนโลยีมาใช้

แนวทางที่ของแนะคือหลัก 4 รู้ ได้แก่ รู้ตนเอง, รู้ลูกค้า, รู้เทคโนโลยี, รู้ partner ต้องประกอบไปด้วย 4 อย่างนี้เข้าด้วยกัน จึงจะนำไปสู่กระบวนการในการหาทางออกด้วยการนำเทคโนโลยีมาใช้ได้

รู้ตนเอง คือ รู้เป้าหมายที่จะไป หรือรู้ว่าปัญหาที่ประสบอยู่คืออะไร รวมถึงรู้ความสามารถขององค์กรและบุคลากรว่าจะนำเทคโนโลยีมาใช้ได้เพียงได้

รู้ลูกค้า คือ รู้ว่าลูกค้าต้องการอะไร หรือประสบปัญหาอะไร เราจะไป capture value เหล่านั้นในสถานการณ์ที่เปลี่ยนไปได้อย่างไร

รู้เทคโนโลยี คือ รู้ว่าเทคโนโลยีจะไปตอบโจทย์จากการรู้ตนเองและรู้ลูกค้าได้อย่างไร เลือกเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้อง รวมถึงเรียนรู้จากประสบการณ์ของผู้อื่น

รู้ partner คือ รู้ว่า partner รายใดที่น่าจะช่วยนำ technology กับ business expertise มาประกอบกันให้สามารถปฏิบัติได้จริง ซึ่ง partner นั้นต้องไว้ใจได้ เพราะมีประสบการณ์, มีความสามารถ, และมี partners อีกมากมายที่จะร่วมกันทำให้เกิดความสำเร็จ

นพงษ์ อิทธิสกุลชัย หัวหน้าคณะผู้บริหาร กลุ่มลูกค้าองค์กร  AIS Business

ทั้งนี้ 10 เทคโนโลยีที่ทุกองค์กรต้องให้ความสำคัญและพร้อมนำไปใช้ในทุกกระบวนการ ได้แก่ 5G, IoT, Cloud&EDGE Computing, Extended Reality, AI/Machine Learning, Robotics, Big Data & Analytics, Cyber Security, Robotic Process Automation และ Blockchain ซึ่ง AIS Business มีความพร้อมอย่างยิ่งในการทำงานร่วมกับทุกองค์กร เพื่อให้เราสามารถเดินหน้าฝ่าวิกฤตจากสถานการณ์การแพร่ระบาดนี้ไปด้วยกันให้ได้ และก้าวสู่โลกของการทำ Digital Business ได้อย่างสมบูรณ์แบบ

]]>
1333190
ผ่าดีลใหญ่ เซ็นทรัล ควัก 6.2 พันล้าน ลงทุน Grab ต่อเชื่อมวงจร “ออมนิ ชาแนล” หวังดันรายได้ออนไลน์โต 15% https://positioningmag.com/1211608 Thu, 31 Jan 2019 11:18:44 +0000 https://positioningmag.com/?p=1211608 หลังจากตกเป็นข่าวลือมาตั้งแต่เดือนกันยายนปี 2018 เรื่องที่ “เซ็นทรัล กรุ๊ป” (Central Group) กำลังเจรจากับ “Grab Holdings Inc” ประเทศสิงคโปร์ เพื่อซื้อหุ้น “Grab ประเทศไทย” แต่ในเวลานั้นทั้ง 2 ฝ่ายต่างก็ออกมาปฏิเสธข่าวว่าไม่เป็นความจริง

ในที่สุด ดีลใหญ่ระหว่างเจ้าของค้าปลีกรายใหญ่ของไทยอย่างเซ็นทรัล” ก็เป็นจริง เพราะวันนี้ (31 มกราคม 2019) ทั้ง เซ็นทรัล กรุ๊ป และ “Grab” ได้จูงมือกันออกมาคอนเฟิร์ม การเข้าถือหุ้น “Grab ประเทศไทย จ่ายค่าตัวไปเบาๆ 200 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราวๆ 6,200 ล้านบาท ดีลนี้ เซ็นทรัล กรุ๊ป บอกว่า เป็นเข้าถือหุ้นแบบไม่มีอำนาจควบคุมในสัดส่วนที่มีนัยสำคัญ

เซ็นทรัล กรุ๊ปซึ่งปรกติมีการลงทุนเฉลี่ย 40,000 – 50,000 ล้านบาทต่อปีอยู่แล้ว คาดหวังว่า การเข้ามาต่อจิ๊กซอว์ให้กับยุทธศาสตร์ นิวเซ็นทรัล นิวอีโคโนมี (New Central, New Economy) โดยเฉพาะในด้านของเทคโนโลยี

แต่ที่มากไปกว่านั้นคือการเข้ามาเป็นอีกจิ๊กซอว์ผลักรายได้ในส่วนของออนไลน์ที่เซ็นทรัล กรุ๊ปประกาศไว้ตอนต้นปี 2018 ต้องการให้เพิ่มเป็น 15% จากก่อนหน้านี้ยังไม่ถึง 1% ของรายได้ 320,000 ล้านบาท ซึ่งการได้มาซึ้งหุ้นของ “Grab ประเทศไทยจะเข้ามาต่อวงจร “Omni Channel” หรือเชื่อมประสบการณ์การช้อปปิ้ง ระหว่างออฟไลน์และออนไลน์ได้ให้เต็มรูปแบบมากขึ้น 

“Omni Channel” เป็นเรื่องที่ เซ็นทรัล กรุ๊ปพยายามผลักดันอย่างมากตลอด 4-5 ปีมานี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในแง่ของออนไลน์ ผ่านการให้ร้านค้าในเครือหันไปเปิดหน้าร้านในออนไลน์ รวมไปถึงบุกธุรกิจอีคอมเมิร์ช โดยซื้อ ซาโลร่า เมื่อปี 2016 และในปี 2017 ก็ใช้เงินอีกราว 8,000 ล้านบาทร่วมทุนกับ “JD.Com” ลุยธุรกิจอีคอมเมิร์ชและฟินเทค

ในขณะที่ช่องทางออฟไลน์ไม่น่าห่วง ทศ จิราธิวัฒน์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท กลุ่มเซ็นทรัล จำกัด บอกบนเวทีเองว่า ตอนนี้ช่องทางออฟไลน์เซ็นทรัล กรุ๊ปแข็งเกร่งอยู่แล้ว เนื่องจากมีการขยายสาขาไปอยู่ทั่วประเทศ ทำให้ผู้บริโภคสามารถเดินเข้ามาที่ร้านได้ภายใน 30 นาทีด้วยซ้ำ

ตอนนี้ลูกค้าเดินมาหาเราในระยะเวลา 30 นาทีได้แล้ว แต่ต่อไปเซ็นทรัล กรุ๊ปเองจะต้องเดินทางไปหาลูกค้าได้ในระยะเวลา 30 นาทีได้เช่นกัน

ความร่วมมือของทั้งคู่ในเบื้องต้นมี 3 บริการได้แก่ 1.บริการส่งอาหาร จากร้านอาหารและแบรนด์ในเครือกลุ่มเซ็นทรัล ผ่านบริการแกร็บฟู้ด โดยส่วนนี้จะเป็นเฟสแรกที่ให้บริการ คาดว่าจะครบทุกร้านในเครือและครอบคลุมไปถึงร้านอื่นๆ ที่ขายในศูนย์การค้าภายในสิ้นเดือนกุมภาพันธ์

2.บริการโลจิสติกส์ ส่งพัสดุออนดีมานด์และส่งพัสดุด่วนสำหรับธุรกิจในเครือกลุ่มเซ็นทรัลและพาร์ตเนอร์ ผ่านบริการแกร็บเอ็กซ์เพรส และ 3.บริการเดินทางให้แก่ลูกค้า แขกที่เข้าพัก และนักท่องเที่ยว ในศูนย์การค้า ห้างสรรพสินค้าและโรงแรมในเครือบริษัทกลุ่มเซ็นทรัล โดยส่วน 2 ส่วนหลังจะเปิดให้บริการในส่วนถัดไป

ญนน์ โภคทรัพย์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท กลุ่มเซ็นทรัล จำกัด บอกว่า เมื่อเปิดให้บริการแล้วสิ่งที่จะเข้ามาคือทราฟฟิกออนไลน์ที่จะไหลเข้ามาในอีโคซิสเต็ม

หากยังมีสิ่งที่ตามมาคือข้อมูลพฤติกรรมผู้บริโภคที่สามารถนำวิเคราะห์เพื่อให้เข้าถึงผู้บริโภคมากขึ้น ญนน์ยื่นยันว่า ทั้งคู่จะแชร์ข้อมูลแค่ส่วนนี้ ไม่เท่านั้น ส่วนข้อมูลส่วนตัวของลูกค้าจะเก็บไว้แต่ละฝั่งเอง

ตอนนี้ลูกค้าอยู่บนมือถือตลอดเวลา และอยู่ทุกหนทุกแห่ง ไม่ได้มองเรื่องช่องทางแล้ว ดังนั้นใครก็ตามที่ผนึกออฟไลน์และออฟไลน์ได้ไร้รอยต่อมากที่สุดคือผู้ชนะ

ในขณะที่ฝั่งของ “Grab” ได้วางเป้าหมายต้องการเป็นซูเปอร์แอป เริ่มฉายภาพชัดเจนเมื่อปีที่แล้ว โดยต้องการเข้าไปเป็นแอปพลิเคชั่นที่ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ดิจิทัล ผ่านกลยุทธ์ O2O หรือ Online to Offline ที่ผ่านมาจึงจะเห็น “Grab” ขยายขอบเขตของบริการและจับมือกับพาร์ตเนอร์รายอื่นๆ กันมากขึ้น

อย่างก่อนหน้านี้ธนาคารกสิกรไทยก็เพิ่งตัดสินใจควักเงิน 50 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 1,600 ล้านบาท ลงทุนใน “Grab” และพัฒนากระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์บนสมาร์ทโฟน (Mobile Wallet) ที่ชื่อว่าแกร็บเพย์ บาย เคแบงก์ 

ส่วนการร่วมมือกับ เซ็นทรัล กรุ๊ปก็จะทำให้ “Grab” ได้ร้านต่างๆ มาไว้ในมือจำนวนมาก เพื่อต่อกรกับคู่แข่งที่เห็นโอกาสบุกเข้ามาในเมืองไทยเรื่อยๆ โดย ธรินทร์ ธนียวัน กรรมการผู้จัดการใหญ่ แกร็บ ประเทศไทย กล่าวว่า

ตอนนี้บริการส่งอาหารและส่งของกำลังอยู่ในช่วงต้นของ S Curve จึงมีโอกาสเติบโตได้อีกมาก ขณะเดียวกันการจับมือกับเซ็นทรัล กรุ๊ป ดึงดูดให้คนขับมาสมัครกับ Grab มากยิ่งขึ้น

ในเมืองไทย “Grab” ได้เข้ามาตั้งแต่ปี 2013 เป็นประเทศที่ 3 จาก 8 ประเทศที่มีในปัจจุบัน โดยในไทยมีพื้นที่ให้บริการทั้งหมด 16 เมือง ครอบคลุมกรุงเทพฯ ปริมณฑล และหัวเมืองท่องเที่ยว ปีที่แล้ว “Grab” เผยสถิติให้บริการเดินทางเฉลี่ยวันละ 1 แสนเที่ยว และส่งอาหารรวมกัน 3 ล้านจานตลอดทั้งปี.

]]>
1211608
ทรูโฟร์ยู ปรับผังใหม่รับศึกปี 62 ประเดิมด้วย เกาหลีฟีเวอร์ ไม่สนไพรม์ไทม์ บุกออมนิชาแนล https://positioningmag.com/1207520 Thu, 10 Jan 2019 10:16:58 +0000 https://positioningmag.com/?p=1207520 ทรูโฟร์ยูแปลงร่างเป็นช่องติ่งเกาหลี ปรับผังใหม่ ผลิตรายการดังอิงกระแสเกาหลีฟีเวอร์ ประเดิมด้วย “GOT7 Real Thai กับเหล่าผู้พิทักษ์” ได้ “แบมแบม” นำทีมพร้อม 3 หนุ่มในวง มาร์ค ยองแจ และ จินยอง นำทีมตะลุยทริปในไทย พร้อมกรี๊ดกับ รีเมกเกาหลี “Secret Garden” เวอร์ชั่นไทย จับ “อนันดาคู่ใบเฟิร์น” 

ที่ผ่านมาทรูโฟร์ยูทีวีดิจิทัลภายใต้เครือข่ายทรู อยู่ในช่วงลองผิดลองถูกโดยมีกีฬาเป็นคอนเทนต์หลัก รายการที่เป็นไฮไลต์ ถ่ายทอดสดฟุตบอลไทยลีก วอลเลย์บอลชิงแชมป์ประเทศไทย 

ปีที่แล้ว ทรูโฟร์ยู พยายามปรับผังรายการ เพิ่มคอนเทนต์ละคร ซีรีส์เข้ามา แต่ภาพของคนดูยังไม่ชัดเจนนัก คนดูยังจำกัดเฉพาะคนเมือง เรตติ้งของช่องอยู่ในอันดับ 13-15 แต่ยังไม่ติดอันดับ 10 จนกระทั่งทรูได้ตัดสินใจร่วมทุนซีเจ อีเอ็นเอ็ม ยักษ์ใหญ่ธุรกิจบันเทิงครบวงจรจากเกาหลี ตั้งบริษัท ทรู ซีเจ ครีเอชั่นส์เพื่อมาผลิตคอนเทนต์ป้อนให้กับทรูโฟร์ยู

ดังนั้น ปีนี้ทรูโฟร์ยูจึงมั่นใจมากขึ้นกับแผนครึ่งปีแรก ที่ถูกวางคอนเซ็ปต์ใหม่ ‘True for All, More 4U เพิ่มความหลากหลายของคอนเทนต์ เพื่อขยายฐานคนดูมากขึ้น

อภิชาติ์ หงษ์หิรัญเรือง กรรมการผู้จัดการ ทรูโฟร์ยู ช่อง 24 คนใหม่ บอกว่าปี 2562 ทรูโฟร์ยูจะให้ความสำคัญกับคอนเทนต์บันเทิงระดับสากลเพิ่มมากขึ้น นอกจากรายการกีฬาสดที่เป็นจุดแข็งอยู่แล้วยังเพิ่มคอนเทนต์ภาพยนตร์ซีรีส์ เกมโชว์ ละคร เพื่อให้ถึงกลุ่มดูทั่วประเทศได้มากขึ้น

หนึ่งในคอนเทนต์หลัก จะอิงสูตรสำเร็จของเกาหลี ที่มาจาก ทรู ซีเจ ครีเอชั่นส์ผลิตรายการทั้งซีรีส์ เกมโชว์ และดึงศิลปินนักร้องเกาหลีร่วมผลิตรายการ เปิดตัวด้วยรายการใหม่ “GOT7 Real Thai กับเหล่าผู้พิทักษ์ ดึงศักยภาพของ 4 หนุ่ม วง GOT7 – แบมแบม มาร์ค ยองแจ และ จินยอง กลางเดือนมกราคมนี้

นอกจากนี้รายการใหม่ๆ ยังมีรีเมกซีรีส์เกาหลีชื่อดัง “Secret Garden” ในเวอร์ชั่นไทย ได้นักแสดงดังอนันดา เอเวอร์ริ่งแฮม ประกบ ใบเฟิร์น พิมพ์ชนก เป็นครั้งแรก

ซีรีส์เกาหลีสืบสวนสอบสวน “Voice” จับคู่ แพนเค้ก เขมนิจ จามิกรณ์ และ แอนดริว เกร็กสัน รายการวาไรตี้เกมโชว์ “Cuteboy Thailand” เรียลลิตี้เฟ้นหาหนุ่มๆ และสงครามทำเพลง Melody to Masterpiece” รายการแข่งขันของโปรดิวเซอร์ 4 ทีม จาก 4 ค่ายเพลง

รายการ “You are my fantasy” เดตติ้งเกมโชว์ ที่เปิดโอกาสให้คนธรรมดาที่ยังโสดได้มีโอกาสเดตกับซุปตาร์ในฝันเป็นเวลา 24 ชั่วโมง มีพิธีกรดีเจนุ้ย จอห์น วิญญู และกวาง อรการ

รวมถึงการจับมือกับพันธมิตรต่างๆ อย่าง ของทีวีธันเดอร์ ราคาพารวย เกมโชว์ ที่ตอบโจทย์คนดูกลุ่มแมส ซีรีส์ ศรีอโยธยา ที่ได้หม่อมหลวงพันธุ์เทวนพ เทวกุล มากำกับ และ Halo Productions ผู้ผลิตซีรีส์รีเมกชื่อดังที่เคยฝากผลงานฮิตไว้มากมาย

โดยใช้เงินลงทุนด้านคอนเทนต์ปี 2562 ประมาณ 800 กว่าล้าน เพิ่มขึ้น 20% จากปีที่แล้วใช้ไป 700 ล้านบาท

เป้าหมายของการปรับผังรายการ เติมคอนเทนต์ ขยายกลุ่มผู้ชมไปทั่วประเทศ และคนรุ่นใหม่ และเพิ่มเรื่องการตลาด ทำแคมเปญ ออกอีเวนต์ทั่วประเทศ เพื่อสร้างแบรนด์ให้เป็นที่รู้จักมากขึ้น 

ทรูโฟร์ยู จะใช้ประโยชน์จากเครือข่ายธุรกิจโทรคมนาคม โทรศัพท์มือถือ เพย์ทีวี อินเทอร์เน็ต เพื่อตอบโจทย์เรืองของ “Omni-channel” ให้ผู้ชมเข้าถึงคอนเทนต์ได้หลากหลายช่องทางและหลายแพลตฟอร์ม ทั้งหน้าจอทีวี คอมพิวเตอร์ มือถือ เฟซบุ๊กแฟนเพจและเว็บไซต์ทรูโฟร์ยู รวมถึงแอปพลิเคชั่นซึ่งเป็นของทรูเอง ทำให้ทรูบริหารจัดการตั้งแต่ต้นทางจนถึงปลายทาง

ทรูมองว่าหากมีคอนเทนต์หลากหลายตอบโจทย์คนดูได้ทุกเซ็กเมนต์ มีช่องทางส่งผ่านคอนเทนต์พร้อมทรูเชื่อว่าจะสร้างความแตกต่างได้โดยไม่จำเป็นง้อเรตติ้ง” ทีวีแต่เพียงอย่างเดียว ดังนั้นทรูจึงไม่จำเป็นต้องเน้นไพรม์ไทม์เหมือนกับคู่แข่ง โดยจะนำเทคโนโลยีหลังบ้านมาใช้ประโยชน์เพื่อนำเสนอรายการที่เหมาะกับคนดูแต่ละกลุ่ม และนำเสนอโฆษณาให้ตรงกับความต้องการของสินค้าโดยไม่ต้องดูเฉพาะเรตติ้ง

ธีรศักดิ์ อรุณเริ่มวัฒนะ ผู้อำนวยการกลุ่ม ด้านคอนเทนต์และมีเดีย บมจ.ทรู คอร์ปอเรชั่น ที่ย้ายจากดูแลแบรนด์ให้มือถือทรูมูฟเอช มาช่วยทรูโฟร์ยูเรื่องของคอนเทนต์และสร้างแบรนด์ มองว่า ธุรกิจทีวีเวลานี้เปลี่ยนรูปแบบไปแล้ว เพราะเวลานี้มีถึง 20 กว่าช่อง ดังนั้นเรตติ้งช่องไม่สำคัญเท่ากับเรตติ้งของคอนเทนต์แล้ว ยิ่งอยู่ในยุคดิจิทัลแล้ว คนดูได้จากหลายช่องทาง จึงต้องวัดกันที่ประสิทธิภาพในการลงโฆษณา 

เรามองทุกช่วงเวลา ไม่จำเป็นต้องแข่งเฉพาะช่วงไพรม์ไทม์เท่านั้น ซึ่งทุกช่องมาแข่งกันตรงนี้ทั้งๆ ที่มีช่วงเวลาอื่นๆ คนก็ดู ด้วยเทคโนโลยีหลังบ้าน ทำให้รู้ข้อมูลพฤติกรรมของคนดู รู้ว่าเขาดูรายการอะไร นักการตลาดสามารถลงโฆษณาถึงกลุ่มเป้าหมายได้แม่นยำขึ้น

แต่ก่อนจะไปถึงตรงจุดนั้น แค่งานเปิดผังรายการใหม่ของ ทรูโฟร์ยู ในช่วงบ่าย ที่มีดารานักแสดงนำ มาร่วมเดินพรมแดง ประเดิมด้วย ด้วยรายการใหม่ “GOT7 Real Thai กับเหล่าผู้พิทักษ์ที่มี แบมแบม มาร่วมงาน เรียกแฟนคลับมากันแน่น ไอคอนสยามแล้ว เรียกว่า มาถูกทางในแง่ของการเรียกกระแส อย่างน้อยก็ทำให้คนรู้จักช่องทรูโฟร์ยูมากขึ้น.

]]>
1207520