ออเจ้า – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Wed, 16 Oct 2019 03:49:01 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 ออเจ้าบุกอินโด! ราชาวาลีทีวีซื้อลิขสิทธิ์ “บุพเพสันนิวาส” เปิดตลาดละครไทยในแดนอิเหนา https://positioningmag.com/1249880 Tue, 15 Oct 2019 09:35:40 +0000 https://positioningmag.com/?p=1249880 ราชาวาลีทีวี สถานีโทรทัศน์ชั้นนำของประเทศอินโดนีเซีย บรรลุข้อตกลงกับ บริษัท เจเคเอ็น โกล บอล มีเดีย จำกัด (มหาชน) ในการนำบุพเพสันนิวาส ละครของช่อง 3 ไปออกอากาศที่ช่องราชาวาลีทีวี หรือ RTV 

ซึ่งนับเป็นครั้งแรกของละครจากประเทศไทยที่ได้ออกฉายทางโทรทัศน์ที่ประเทศอินโดนีเซีย ข้อตกลงนี้ถือเป็นครั้งแรกระหว่าง เจเคเอ็น และราชาวาลีทีวี นับเป็นอีกก้าวสำคัญของเจเคเอ็นในการนำคอนเทนต์ของประเทศไทยไปต่างแดน โดยประเทศอินโดนีเซียถือเป็น 1 ในตลาดที่มีความสำคัญอีกประเทศหนึ่ง ด้วยประชากรกว่า 250 ล้านคน จาก 56 ล้านครัวเรือน

ราชาวาลีทีวี หรือ RTV จะนำบุพเพสันนิวาสออกอากาศบนฟรีทีวี ซึ่งสามารถรับชมได้มากกว่า 200 เมืองทั้งประเทศ โดย RTV ยังสามารถรับชมได้ทางดาวเทียม เคเบิลทีวี รวมถึงดิจิทัลแพลตฟอร์มในประเทศ โดย RTV จะมีการทำการตลาด เพื่อโปรโมตบุพเพสันนิวาส ทั้งทางทีวีและบนดิจิทัลแพลตฟอร์ม

“บุพเพสันนิวาส” เป็นผลงานของ บมจ.บีอีซีเวิลด์ หรือ ช่อง 3 ซึ่งผลิตโดย บจก.บรอดคาซท์ ไทย เทเลวิชั่น เป็นละครที่ประสบความสำเร็จในประเทศไทยมากที่สุด ทั้งกระแสความนิยมในละครและนักแสดง อีกทั้งยังสร้างกระแสทางบวกต่อสังคมไทยอย่างกว้างขวาง อาทิ กระแสรักษ์ความเป็นไทย ที่สามารถกระตุ้นการเรียนรู้ประวัติศาสตร์ไทยให้เกิดขึ้นมาตั้งแต่ละครออกอากาศ โดยทางอินโดนีเซียจะมีการพากย์เป็นภาษาอินโดนีเซีย หรือภาษา Bahasa เพื่อผู้ชมชาวอิเหนาทุกคนจะได้อรรถรสในการรับชมมากขึ้น

สำหรับช่อง 3 แล้ว การที่ละครบุพเพสันนิวาสได้ออกอากาศที่อินโดนีเซียครั้งนี้ ถือเป็นก้าวสำคัญสำหรับการขยายตลาดของคอนเทนต์ไปตลาดต่างประเทศ หลังจากการขายคอนเทนต์ละครไปยังประเทศเกาหลีเมื่อไม่นานมานี้ ซึ่งก็เป็นครั้งแรกของละครไทยในเกาหลี โดยมีเจเคเอ็นเป็นผู้ดำเนินการรวมถึงประเทศอื่นๆ ในเอเชียแปซิฟิก ตะวันออกกลาง ยุโรป และอเมริกาใต้  

อริยะ พนมยงค์ กรรมการผู้อำนวยการได้แสดงความยินดีต่อข้อตกลงนี้ ซึ่งถือเป็นการเริ่มมิติใหม่ของละครไทยที่ได้ออกอากาศที่อินโดนีเซีย โดยเปิดเผยว่า “การที่บุพเพสันนิวาสเป็นละครไทยเรื่องแรกจากประเทศไทยที่ได้ออกอากาศบนโทรทัศน์ของอินโดนีเซีย ถือเป็นความสำเร็จอีกก้าวสำหรับ บีอีซี เวิลด์ พวกเราหวังว่าผู้ชมอินโดนีเซียจะรักละครไทยเหมือนกับอีกหลายๆ ประเทศ สำหรับบุพเพสันนิวาส ผมเชื่อว่าจะทำให้ผู้ชมในประเทศอินโดนีเซียได้รู้จักประเทศไทยมากขึ้น ทั้งเรื่องของวัฒนธรรม อาหาร การแต่งกาย และสถานที่ท่องเที่ยวที่สวยงามของไทย ผ่านละครเรื่องนี้ และ ผมหวังว่าจากก้าวแรกนี้ ต่อไปก็จะมีก้าวต่อๆ ไปกับการทำงานร่วมกับ ราชาวาลีทีวี ในอินโดนีเซียอีกด้วย” 

]]>
1249880
ช่อง 3 ยังอ่วม! ออเจ้าไม่ช่วย ไตรมาส 1 ขาดทุน 126 ล้าน https://positioningmag.com/1169737 Fri, 11 May 2018 10:41:11 +0000 https://positioningmag.com/?p=1169737 ถึงแม้ว่า ช่อง 3 จะได้กระแสความปังของละคร “บุพเพสันนิวาส” แต่ก็ยังไม่ทำให้ช่อง 3 พ้นจากวิกฤติรายได้

เมื่อผลประกอบการ ไตรมาสแรก ปี 61 บริษัท บีอีซี เวิลด์ ประกาศออกมาต้องขาดทุนสุทธิกว่า 125 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเกือบ 375 ล้านบาท หรือกว่า 150% หลังจากรายได้หลักจากการโฆษณายังทรุดตัวจากปีก่อน 21% รวมทั้ง “วรวรรธน์ มาลีนนท์” ประกาศลาออกจากตำแหน่งกรรมการบริษัท

พิริยดิส ชูพึ่งอาตม์ หัวหน้าคณะผู้บริหารสายงานการเงินและบัญชี บริษัท บีอีซี เวิลด์ จำกัด (มหาชน) หรือ BEC แจ้งผลการดำเนินงานประจำงวดไตรมาสแรก สิ้นสุด ณ วันที่ 31 มีนาคม 2561 ว่า บริษัทและบริษัทย่อยมีผลขาดทุนสุทธิ 125.99 ล้านบาท ขาดทุนสุทธิต่อหุ้น 0.06 บาท เทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนกำไรสุทธิ  249.00 ล้านบาท กำไรสุทธิต่อหุ้น 0.12 บาท หรือขาดทุนสุทธิเพิ่มขึ้นกว่า 374.99 ล้านบาท คิดเป็น 150.60%

รายได้โฆษณาโฆษณาทีวีลด ออนไลน์เพิ่ม

รายได้จากการขายเวลาโฆษณาอยู่ที่ 2,157.0 ล้านบาท หรือคิดเป็น 90% ของรายได้ เพิ่มขึ้นจากไตรมาส 4/60 ประมาณ 13.7% แต่ลดลง 21.2% จาก Q1/60

• รายได้หลักยังคงมาจากการขายเวลาโฆษณาของ “ช่อง 3” อย่างไรก็ตามรายได้ของช่องดิจิทัลสองช่อง (ช่อง 28 และช่อง 13) มีสัดส่วนที่เพิ่มขึ้นจำกไตรมาสที่ 4/2560

• รายได้จากการให้ใช้ลิขสิทธิ์ และบริการอื่น อยู่ที่ 173.6 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 46.6% จาก Q4/60 ที่ 118.4 ล้านบาท และเพิ่มขึ้น 9.5% จาก Q1/60

โดยการเพิ่มขึ้นส่วนใหญ่เป็นผลมาจากการเพิ่มขึ้นของรายได้จากธุรกิจออนไลน์ที่ได้แรงส่งจากกระแสของละคร บุพเพสันนิวาส ผ่านแพลตฟอร์ม Mello และแพลตฟอร์มพันธมิตร

• รายได้จากการจัดคอนเสริ์ตและการแสดง Q1/61 อยู่ที่71.1 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 214.2% จาก Q4/60 และเพิ่มขึ้น 9.4% จาก Q1/60  เกิจกรรม และรับจ้างจัดคอนเสิร์ตในไตรมาสนี้อได้แก่ Disney On Ice, Ninja Exhibition, Imagine Dragons, และ Russell Peters เป็นต้น

โดยรายได้รวมของกลุ่ม BEC อยู่ที่ 2,420.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 17.5% จาก Q4/60 ที่ 2,060.2 ล้านบาท แต่ลดลง 18.9% จาก Q1/60 ที่ 2,983.3 ล้านบาท โดยที่รายได้จากการขายเวลาโฆษณายังคงเป็นรายได้หลัก อยู่ที่ประมาณ 90% ของรายได้รวมทั้งหมด

ค่าใช้จ่ายอ่วม แบกต้นทุนรายการอ่วม

ส่วนค่าใช้จ่ายรวมของกลุ่ม BEC ไตรมาสแรกปี 61  อยู่ที่ 2,110.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.4% จาก Q4/60 แต่ลดลง 4.3% จาก Q1/60 ซึ่งส่วนใหญ่มาจากต้นทุนรายการที่เพิ่มขึ้น โดยประมาณ 64% ของค่าใช้จ่ายรวมของกลุ่ม BEC

อย่างไรก็ตาม กำไรขั้นต้นรวมอยู่ที่ 310.3 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,485.8% จาก Q4/60 ที่ 19.6 ล้านบาท แต่ลดลง 60.2% จาก Q1/60 ที่ 779.7 ล้านบาท

วรวรรธน์ มาลีนนท์

วรวรรธน์ มาลีนนท์ ลูกชายประวิทย์ ลาออกกรรมการ

พร้อมกันนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการ บมจ. บีอีซี เวิลด์ ครั้งที่ 6/2561 เมื่อวันที่ 11 พ.ค. 2561 ได้รับทราบการลาออกจากตำแหน่งกรรมการบริษัทของ นายวรวรรธน์ มาลีนนท์ โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 9 พ.ค. 2561

ทั้งนี้ วรวรรธน์ เป็นบุตรชายคนโตของ ประวิทย์ มาลีนนท์ ที่ได้ประกาศขายหุ้นทั้งหมดรวมทั้งของลูกทั้ง  3 คน รวม 4.41% ไปเมื่อวันที่ 10 เมษายน 2561.  

]]>
1169737
เสน่ห์การะเกด เทคนิคเปลี่ยนใจให้โล้สำเภา https://positioningmag.com/1164989 Thu, 05 Apr 2018 11:25:20 +0000 https://positioningmag.com/?p=1164989 บทความโดย : ผศ.ดร.วิเลิศ ภูริวัชร

เป็นอีกฉากที่แฟนละคร บุพเพสันนิวาสรอคอย กับฉาก “โล้สำเภา” เมื่อคุณพี่หมื่น ชวนแม่หญิงการะเกดเข้าหอ ทำเอาคำว่า โล้สำเภา กลายเป็นกระแส ชวนฟินจิกหมอนกันทั่วโซเชียล แถมยังมีคนทำการ์ดแต่งงานของทั้งคู่ออกมาเสร็จสรรพ

ผศ.ดร.วิเลิศ ภูริวัชร หัวหน้าภาควิชาการตลาด คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยกูรูด้านการตลาด ที่ปรึกษาองค์กรธุรกิจ และเจ้าของเพจ Marketing is all around ได้ให้ข้อคิดว่า  ก่อนที่ทั้งคู่จะครองรักกันได้นั้น คุณพี่หมื่นเองก็เคยเกลียดชังการะเกด แต่ในภายหลังเมื่อเปลี่ยนใจมารักอย่างท่วมท้น มาจากมนต์เสน่ห์ทั้ง 7 ของแม่การะเกด ที่ทุกคนสามารถนำมาปรับในชีวิตจริง แบบไม่ต้องพึ่งมนต์กฤษณะกาลีเลย

ลูกเกลียดนาง ชังน้ำหน้ายิ่งกว่าอะไร มูลสัตว์แปดเปื้อนลูกก็ยังไม่รังเกียจเท่ากับเนื้อตัวของนางคนนี้ ลูกมิอาจตบแต่งกับนางคนนี้ได้เป็นอันขาดขอรับ (Ep.1)

“ถ้าแม่การะเกดของลูกมิกลับมา หรือนางฟื้นคืนแต่ไม่ใช่แม่นางการะเกดของลูก แต่เป็นแม่นางการะเกดคนเก่า ลูกก็จะขอบวชตลอดชีวิต มิขอมีคู่ครองตลอดไปขอรับ” (Ep.13)

ผ่านไปหลายเพลาท่านหมื่นเปลี่ยนใจได้ถึงเพียงนี้ ตัวละครการะเกดในละครบุพเพสันนิวาสมีความสามารถมากในการสร้างเสน่ห์มัดใจชาย และยังเปลี่ยนใจคนรอบข้างให้มาหลงรักนางไปตามๆ กัน ในมุมมองของละครที่ดูเหมือนว่าผู้เขียนสามารถจะขีดเขียนอย่างไรก็ได้ แต่ในชีวิตจริงที่พบเห็นก็คล้ายคลึงกันก็คล้ายกับละครที่ว่านี้ คนที่รักมากอาจกลายเป็นเกลียดมาก คนที่เคยเกลียดมากอาจกลายเป็นรักมากก็เป็นได้

การสร้างเสน่ห์ภายในเพื่อทำให้คนที่ไม่ชอบกลับมาชอบได้นั้น เป็นเทคนิคการโน้มน้าวใจที่เรียกกันว่า Ingratiation Techniques (อ่านว่า อิน-เกร-ติ-เอ-ชั่น ถ้าไม่ถนัดภาษาฝาหรั่ง ข้ามศัพท์นี้ไปเลยนะขอรับ) ของทางการตลาดเชิงจิตวิทยา (Psychological Marketing) ที่สรุปเอาง่ายว่าคือ “เทคนิคการทำให้ได้ใจ การเอาใจหรือเทคนิคการปรนเปรอ” เพื่อให้เป็นที่ชื่นชอบและสามารถจูงใจกลุ่มเป้าหมาย ซึ่งจะว่าไปแม่นางการะเกดมีอยู่ในตัวพร้อมแทบทุกประการ ใครอยากสร้างเสน่ห์มัดใจชาย มัดใจหญิง หรือแม้กระทั่งมัดใจลูกค้า เจ้านายหรือลูกน้อง หรือบ่าวไพร่เพื่อสร้างเสน่ห์เองบ้างก็ลองทำได้

เสน่ห์ที่หนึ่ง “ปกป้อง”

อยากให้ใครรักจงแสดงพฤติกรรมให้รับทราบว่าเราเป็นพวกเดียวกันและจงปกป้องเขาเมื่ออยู่ในอันตราย (Protective Ingratiation) การกระทำหรือคำพูดที่ยืนยันและสนับสนุนอีกฝ่ายว่าเราเป็นพรรคพวกเดียวกันนั้นจะเปลี่ยนใจให้เขาหันมามองเรามากขึ้น              

เทคนิคอันนี้ได้ผลชะงัดนัก ขนาดอีปริกที่เกลียดการะเกดมากแค่ไหนเมื่อได้รับการปกป้องก็เปลี่ยนจาก “หน้ามือเป็นหลังมือตามที่คุณหญิงจำปาได้กล่าวไว้”

ออเจ้านายทั้งหลายจงฟังไว้ว่า เมื่อมีปัญหาต้องปกป้องลูกน้อง ไม่ใช่โยนขี้ไปที่ลูกน้องนั้นหาได้ไม่

เสน่ห์ที่สอง “ปรนเปรอ”

การให้ของหรือของขวัญตามแต่โอกาสนั้น คนทั่วไปชอบคิดกันว่าเป็นธรรมเนียม แต่แท้จริงแล้วเป็นการทำเพื่อให้ผู้รับรู้สึกว่าเป็นคนมีค่าในสายตาของผู้ให้ และต้องให้ผู้รับรู้สึกถึงความปรารถนาดีจากการได้ของ อันนี้รวมไปถึงการทำอาหารให้คนรักที่เรียกว่าเสน่ห์ปลายจวัก

แต่ถ้าจะให้ได้ผลชะงัดต้องรู้จักถึงอินไซต์ที่มีฐานข้อมูลว่าอีกฝ่ายชอบอะไรหรืออยากได้อะไรจริงๆ และถ้าเป็นการตลาดหนึ่งต่อหนึ่งที่มีชื่อของผู้รับ เฉพาะพิเศษสำหรับเธอคนเดียวก็จะเจ๋งสุดๆ ตามที่การะเกดบอกไว้ ดังนั้นของฝากจึงไม่ใช่เป็นแค่สมุดแต่เป็นสมุดที่มีเรื่องราวของท่านหมื่นที่ต้องการสื่อความเฉพาะนาง

ในทางธุรกิจการให้ของขวัญในช่วงเทศกาลต่างๆ กับลูกค้าหรือในวันเกิด จึงไม่ควรที่จะให้แต่กระเช้าผลไม้หรือของโหลๆ การใช้กลยุทธ์การตลาดหนึ่งต่อหนึ่งจะทำให้ผู้รับรู้สึกดีและเปลี่ยนทัศนคติเป็นบวกได้

การให้ของแบบนี้หลายคนบอกว่าไม่ถนัด มองเป็นเรื่องของการประจบประแจง อยากให้ลองตีความเสียใหม่ว่าถ้าของขวัญนั้นไม่ได้ให้เพราะอยากได้ผลตอบแทนกลับ แต่เป็นความปรารถนาดี ความระลึกถึงจริงๆ ดังนั้นอินไซต์ขณะเดินทางไปต่างประเทศ ถ้ากลับมามีของฝากแปลว่าฉันนึกถึงเธอในขณะที่ฉันอยู่ที่ต่างประเทศนะขอรับ

เส่น่ห์ที่สาม “ปรากฏ”

ความพยายามที่จะไปไหนได้ด้วยทุกที่ ให้เห็นกันบ่อยๆ ประเภทเช้าถึงเย็นถึง ทำอย่างต่อเนื่อง ไปรับส่งอย่างต่อเนื่อง เมื่อใดที่ขาดหายไปจะทำให้รู้สึกถึงความสำคัญ (Ingratiation by self-presentation)

เทคนิคนี้คือ การตื้อเท่านั้นที่ครองโลกตามที่การะเกดได้แนะนำขุนเรืองให้ใช้กับแม่นางจันทร์วาด แต่การพบปะอย่างต่อเนื่องต้องพูดเรื่องราวทั่วไปไปก่อนในครั้งแรกจนอีกฝ่ายตายใจจึงจะเข้าเรื่องได้ การรวบรัดเร็วเกินไปจะถูกถามว่า “เหตุใดออเจ้าจึงต้องยื่นจมูกเข้ามาในเรื่องที่มิใช่ของออเจ้า”  ซึ่งแปลได้ความในปี พ.ศ.นี้ว่า “เผือก”

เสน่ห์ที่สี่ “ชมเชย”

ความเป็นคนช่างสังเกตการเปลี่ยนแปลงของอีกฝ่ายและเอ่ยคำชมด้านบวกเมื่อเจอกัน (Ingratiation by complimentary other-enhancement) การกล่าวคำชมจากใจจริงจะได้ผลในการเปลี่ยนทัศนคติทางบวกไม่น้อย  ถ้าลองได้กล่าวว่าคุณพี่ขาวขึ้นนะเจ้าคะ ก็จะได้คำตอบว่า เจ้านี้ช่างดูอวบอิ่ม

เสน่ห์ที่ห้า “ขำขัน”

เสน่ห์ของอารมณ์ที่ทำคนคนต้องมนต์ได้คือความสนุกสนาน อารมณ์ขัน เพราะทำให้คนที่อยู่ด้วยมีความสุข การใส่อารมณ์ขันมีความสนุกสนานจะทำให้ไม่น่าเบื่อ อยากอยู่ด้วยตลอด และชอบมากขึ้น ความขำขันเกิดจากทั้งท่าทีสนุกสนานของการเชียร์เรือหรือแม้เป็นคำพูดของนางที่ว่า ถ้าได้ขุนเรืองมาครอง คุ้มสุดๆ เสน่ห์แบบนี้ในสมัยนี้คงบอกว่า สวยมักนกตลกมักได้ (Expression of humor)

เสน่ห์ที่หก “สำคัญ”

การแสดงออกว่าเธอเป็นคนสำคัญ ฉันอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีเธอ  (Ingratiation by instrumental dependency) คำพูดหรือการแสดงออกถึงการพึ่งพาทางจิตใจว่าชีวิตที่มีหรือไม่มีแตกต่างอย่างไร แม่นางคงเคลิ้มไม่น้อยเมื่อท่านขุนกล่าวว่าหาไม่คงจะแน่นอก จนทำให้เจ้าของหัวอกนั้นมีชีวิตอยู่ต่อไปมิได้”

ในทางธุรกิจการชมเชยว่า “หากไม่มีลูกค้าหรือคนให้ความสนับสนุนคงอยู่ไม่ได้และเติบโตมาขนาดนี้

เสน่ห์ที่เจ็ด “ปัญญา”

เสน่ห์สำคัญที่ทำให้หลายคนหลงใหลคือความมีปัญญาและฉลาดในการสรรค์สร้างสิ่งของใหม่ๆ ทั้งเครื่องกรองน้ำ กระทะ อาหาร หรือความคิดสร้างสรรค์ในการแก้ปัญหา เป็นเสน่ห์สำคัญมากที่สุดในการมัดใจผู้คนและเปลี่ยนทัศนคติอีกฝ่ายได้อย่างอยู่หมัด

ด้วยเสน่ห์ทั้งเจ็ดของแม่นางการะเกดจึงกลายเป็นมนต์เสน่ห์ที่รุนแรงมากกว่ามนต์กฤษณะกาลีที่มัดใจไม่เพียงแต่หมื่นสุนทรเทวาและบ่าวไพร่ แต่รวมไปถึงเราท่านที่ดูละครเองก็ต่างหลงเสน่ห์ของแม่นาง ฟังเสน่ห์ทั้งเจ็ดของนางทั้ง “ปกป้อง ปรนเปรอ ปรากฏ ชมเชย สำคัญ ขำขัน และปัญญา” แล้วลองเช็กดูว่าออเจ้ามีเสน่ห์อันไหนบ้าง แล้วลองเพิ่ม ปรับไปใช้กับกับลูกค้า กับเจ้านาย กับลูกน้อง กับผู้คนต่างๆ ที่สำคัญลองโปรยเสน่ห์แบบนี้กับคนที่เจ้าหมายปอง

และเพิ่มการชม้อยชม้ายชายตา อีกนิด จะทำให้ออเจ้าทั้งหลายได้เป็นจิงโจ้ ได้ “โล้สำเภา” เป็นแน่แท้.

]]>
1164989
บุพเพฯ ส่งกระแสนิยมไทยฟีเวอร์! หนุนธุรกิจอีเวนต์ กลับมาคึกคัก คาดปี 61 ทะลุ 1.32 หมื่นล้าน โต 10% https://positioningmag.com/1164550 Tue, 03 Apr 2018 11:39:34 +0000 https://positioningmag.com/?p=1164550 กลับมาคึกคักอีกครั้ง สำหรับธุรกิจอีเวนต์ หลังจากซบเซาไปพักใหญ่ โดยอินเด็กซ์ ครีเอทีฟ วิลเลจ 1 ในบิ๊กธุรกิจอีเวนต์ คาดการณ์ว่า ปี 2561 จะเติบโตมากกว่า 10% หรือคิดเป็นเงินราว 1.32 หมื่นล้าน

ผู้ประกอบการภาคเอกชนจะเริ่มกลับมาลุยทำกิจกรรมทางการตลาดอย่างเต็มที่ หลังจากผ่านพ้นช่วงสถานการณ์ความโศกเศร้าของประเทศไทย

โดยทิศทางการจัดงานจะเป็นในรูปแบบของ เอนเตอร์เทนเมนต์เป็นหลัก อีกทั้งยังต้องจับตาดูกระแสนิยมไทยฟีเวอร์ที่เริ่มต้นมาจาก งานอุ่นไอรัก คลายความหนาว”ต่อเนื่องถึงละครดังอย่าง บุพเพสันนิวาสที่จะยังฮอตฮิตต่อไปอีกช่วงระยะเวลาหนึ่ง

เกรียงไกร กาญจนะโภคิน ผู้ก่อตั้ง และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท อินเด็กซ์ ครีเอทีฟ วิลเลจ จำกัด (มหาชน) บอกว่า อินเด็กซ์ฯ เอง กำลังจะมีอีเวนต์อีก 2-3 งานที่ต่อยอดจากการนำคอนเทนต์ของละครบุพเพฯ มาพัฒนาเป็นงานอีเวนต์ อีกไม่นานคงจะได้ทราบรายละเอียด

ส่วนผลประกอบการในไตรมาสแรกของปี 2561 อินเด็กซ์ฯ มีรายได้เติบโตขึ้นจากไตรมาสเดียวกันในปีก่อน 6% โดยผลประกอบการที่มีอัตราเติบโตเพิ่มขึ้นเป็นผลมาจากสถานการณ์บ้านเมืองที่กลับเข้าสู่ภาวะปกติ ทำให้ผู้ประกอบการต่างๆ ทั้งภาครัฐและเอกชนกลับมาอัดฉีดงบให้กับการจัดงานอีเวนต์มากขึ้น

อินเด็กซ์เอง ได้เป็นส่วนหนึ่งของการจัดงานใหญ่ให้กับภาครัฐอย่างงาน อุ่นไอรัก คลายความหนาว”ณ พระลานพระราชวังดุสิตและสนามเสือป่า เมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ – 11 มีนาคม ที่ผ่านมา ซึ่งได้รับกระแสตอบรับที่ดีจากคนไทยอย่างล้นหลาม ตามด้วยงานประกาศผลรางวัลสุพรรณหงส์ ครั้งที่ 27 รวมถึงงานประจำปีของหน่วยงานใหญ่ต่างๆ และงานเปิดตัวสินค้าอีกกว่า 4-5 งาน

ทิศทางในไตรมาสที่ 2 มองว่าจะยังคงเติบโตอยู่ในทิศทางที่ดี อยากให้จับตาดูเมกะโปรเจกต์ปลายปี กับงานเปิดตัวโครงการขนาดใหญ่ มูลค่าการจัดงานไม่ต่ำกว่ากว่า 200 ล้านบาท โดยขณะนี้บริษัทฯ มีตัวเลขรอรับรู้รายได้ (Backlog) กว่า 700 ล้านบาท และคาดว่าในปีนี้จะสามารถทำรายได้ถึง 1,650 ล้านบาท.

]]>
1164550
บุพเพฯ อาละวาด สะเทือนบังลังก์ช่อง 7 เรตติ้งละครหลังข่าว แพ้ช่อง 3 ตลอด 7 วันรวดเป็นครั้งแรก https://positioningmag.com/1164387 Tue, 03 Apr 2018 00:08:55 +0000 https://positioningmag.com/?p=1164387 ชั่วโมงนี้ ต้องเรียกว่าเป็น บุพเพฯ อาละวาดกันแล้ว เพราะละครเรื่องนี้ไม่เพียงแต่ดึงเรตติ้งในช่วงวันออกอากาศ แต่ลามไปถึงทุกวันช่วงเวลาหลังข่าวที่เป็นเวลาทองของบรรดาทีวีดิจิทัลแล้ว คราวนี้กระทบกับช่อง 7 แชมป์เรตติ้งตลอดกาลเข้าแล้ว

เมื่อเรตติ้งของสัปดาห์ที่ผ่านมา ระหว่างวันที่ 26 มี..- 1 เม.. 61 วัดจากฐานผู้ชมทั่วประเทศ อายุ 4 + พบว่า ช่องเป็นแชมป์เรตติ้งได้เป็นสัปดาห์ที่ 2 แล้ว เริ่มทิ้งห่างช่อง 7 ไปเรื่อยๆ โดยได้เรตติ้งสูงถึง 2.044 ในขณะที่ช่อง 7 อยู่ที่ 1.745 

เรตติ้งประจำสัปดาห์สะท้อนให้เห็นความแรงของชุดละครช่อง 3 ทั้งแผง ที่สามารถเอาชนะช่อง 7 ได้เบ็ดเสร็จโดยเรตติ้งละครช่วงหลังข่าวของช่อง 7 ทั้ง 3 เรื่อง แพ้ละครช่อง 3 ทั้ง 7 วันติดกันทั้งสัปดาห์ ชนิดที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ตั้งแต่มีการแข่งขันกันอย่างดุเดือดเมื่อครั้งก่อนมีทีวีดิจิทัลด้วยเช่นกัน

กระแสความแรงของออเจ้า ส่งผลให้ผู้ชมเข้ามารับชมรายการช่อง 3 มากขึ้น ช่วงแรกของกระแสบุพเพฯ สันนิวาส ก็มีเพียงแค่วันที่บุพเพฯ ออกอากาศ ในวันพุธ พฤหัส เท่านั้น แต่ในสัปดาห์ที่แล้ว กลับกลายเป็นว่าละครช่อง 3 แรงทุกวัน ตั้งแต่ละครใหม่ออกอากาศตอนแรก คมแฝกในวันจันทร์อังคาร ชนกับละครดราม่าเสน่หามายาช่อง 7 และละครที่กำลังจะจบเด็ดปีกนางฟ้า” ช่อง 3 เจอกับละครโรเมนติกพ่อแง่แม่งอน พีเรียดสกาวเดือนช่อง 7 ในวันศุกร์ เสาร์ อาทิตย์

หากดูรายการที่มีเรตติ้งสูงสุดของทั้งสัปดาห์ 5 อันดับแรกของทุกช่อง ช่อง 3 กวาดหมดทั้ง 5 อันดับเช่นกัน ตั้งแต่ บุพเพสันนิวาส, รายการข่าวบันเทิงสีสันบันเทิง, ละครเย็นคุณแม่สวมรอย, คมแฝก และ เด็ดปีกนางฟ้า ไม่เหลือที่ว่างให้ช่อง 7 และช่องอื่นๆ เลยทีเดียว

ไม่เพียงเท่านั้น ละครเย็นก่อนข่าวคุณแม่สวมรอยช่อง 3 ที่จบลงไปแล้ว ก็ทำเรตติ้งชนะเขยผู้ใหญ่ สะใภ้กำนันช่อง 7 ในช่วง 1 สัปดาห์สุดท้ายก่อนจบ เป็นอีกช่วงเวลาละครที่ทั้ง 2 ช่องต้องสู้กันอย่างหนักเช่นกัน

ช่วงละครเย็น ช่อง 3 เปิดละครใหม่ก่อน ด้วยละครแนวแฟนตาซี “Mr Merman แฟนฉันเป็นเงือกในขณะที่ช่อง 7 เตรียมส่งละครโรแมนติกคอมเมดี้ถิ่นผู้ดีลงจอ

ช่อง 7 สถานการณ์ลำบาก

ก่อนหน้ามีทีวีดิจิทัล ในปี 2557 บริษัท กรุงเทพโทรทัศน์ และวิทยุจำกัด หรือ ช่อง 7 มีรายได้สูงถึง 10,428 ล้านบาท กำไร 5,510 พันล้านบาท และค่อยๆ ลดลงหลังจากมีทีวีดิจิทัล โดยในปี 2558 มีรายได้ 7,189 ล้านบาท กำไรลดลงเหลือ 2,723 ล้านบาท และปี 2559 มีรายได้ 5,825 ล้านบาท กำไรลดลงอีกอยู่ที่ 1,567ล้านบาท

เมื่อมีผู้เล่นในตลาดทีวีดิจิทัลมากขึ้น สภาพตลาดจึงมีการแข่งขันสูง รายได้ของช่องหลักดั้งเดิมจึงค่อยๆ ลดลงเรื่อยๆ ช่องใหม่ๆ เข้ามาช่วงชิงมาร์เก็ตแชร์ได้มากขึ้น

สถานการณ์ของช่อง 7 ยามนี้ คล้ายๆ กับสถานการณ์ของช่อง 3 เมื่อครึ่งแรกของปีที่แล้ว ที่กำลังโดนเวิร์คพอยท์ชิงเรตติ้ง

ด้วยกระแสความร้อนแรงของละครเรื่องนี้ ถึงแม้จะผ่านมาเกินครึ่งทางแล้ว แต่กระแสก็ยังไม่ตก ช่อง 7 จึงกลายเป็นช่องหนึ่งที่ได้รับผลกระทบอย่างหนักจากคู่แข่งตลอดกาลอย่างช่อง 3 ที่ยังไม่เคยทำเรตติ้งทั่วประเทศเอาชนะช่อง 7 ได้มาก่อน แต่วันนี้เอาชนะแบบขาดลอย

อย่าวาแต่ช่อง 7 ที่ไม่ทันตั้งตัว ช่อง 3 เองก็ไม่คาดคิดมาก่อน กระแสของบุพเพฯ จะดังสะท้านเมืองขนาดนี้

เปิดทางหาผู้ผลิตเพิ่ม

ช่อง 7 เพิ่งเปลี่ยนหัวเรือใหญ่ จาก พลากร สมสุวรรณ มาเป็น สมเกียรติ เจริญภิญโญยิ่ง ที่เติบโตมาจากสายงานข่าวตลอดชีวิต ถึงแม้จะไม่ถนัดแนวการทำละคร แต่ก็มีคณะกรรมการพิจารณาละครของช่องทำหน้าที่ในส่วนนี้อยู่แล้ว

ละครคือเส้นเลือดใหญ่ที่สร้างรายได้ให้ช่องมาอย่างยาวนาน เช่นเดียวกับช่อง 3 แตกต่างกันเพียงฐานผู้ชม ที่ช่องมีฐานคนดูระดับแมสทั่วประเทศ ในขณะที่ช่อง 3 คือกลุ่มคนเมืองที่มีกำลังซื้อสูง

แนวละครของช่อง 7 จึงเป็นละครที่ชาวบ้านร้านตลาดทั่วทุกหัวระแหงรับชมได้ มีกลิ่นอายความเป็นชาวบ้าน ลูกทุ่ง ชนบท ไม่จำเป็นต้องไปเน้นเรื่องราวของภาพสวย โปรดักชั่นเลิศ เหมือนช่องอื่นๆ โดยมีละครบู๊เป็นหนึ่งในแนวละครซิกเนเจอร์ของช่อง 7

ช่อง 7 มีผู้ผลิตละครให้มากกว่า 30 รายที่รับงานช่องสม่ำเสมอ แต่ละรายจะได้ผลิตละครมากกว่า 1 เรื่องต่อปี มีค่ายใหญ่ๆ เช่น ดาราวิดีโอ, พอดีคำ, กันตนา ที่รับงานผลิตให้ช่องมาอย่างยาวนาน

มีรายงานข่าวว่า ช่อง 7 ต้องเปิดรับผู้ผลิตละครหน้าใหม่ๆ เข้ามาเสริมทีม เพื่อมองหารูปแบบความแปลกใหม่เข้ามาในการผลิตละครให้ช่องมากขึ้น อย่างไรก็ตาม ด้วยละครที่เตรียมไว้ในแผนที่วางไว้ ช่อง 7 ก็ยังเชื่อมั่นว่าจะสามารถพลิกสถานการณ์กลับได้ทันทีที่กระแสบุพเพฯ จบลง

สมรภูมิชิงผู้ชม ครั้งนี้สนุกแน่.

]]>
1164387
ออเจ้า พลิกฟื้นรายได้ช่อง 3 โกยเงินจาก “บุพเพสันนิวาส” 500 ล้านบาท https://positioningmag.com/1164211 Mon, 02 Apr 2018 00:08:50 +0000 https://positioningmag.com/?p=1164211 ปรากฏการณ์ของละคร “บุพเพสันนิวาส” มาได้ถูกที่ถูกเวลา ในช่วงที่สถานการณ์ช่อง 3 กำลังเผชิญสถานการณ์ขาลงสุดขีด ราคาหุ้นตก ผลประกอบการย่ำแย่ ผู้บริหารลาออก เพียงแค่ช่วงระยะเวลาเดือนกว่าๆ ก็สร้างกระแสต่อเนื่องเป็นละครที่ทำให้คนไทยหันมาแต่งชุดไทย เที่ยวตามรอยแหล่งประวัติศาสตร์ตามละคร ทั้งยังสามารถทำให้สถานการณ์พลิกผัน ราคาหุ้นเพิ่มสูงขึ้นอีกด้วย

จากการรายงานผลประกอบการประจำปี 2560 ของกลุ่มบีอีซี เวิลด์ เมื่อวันที่ 23 ก.พ. 61 ช่อง 3 มีรายได้รวม 11,035 ล้านบาท มีกำไร 61 ล้านบาท รายได้รวมลดลง 9.97% จากปี 2559 ที่มีรายได้รวม 12,265.8 ล้านบาท แต่กำไรลดลงถึง 94.99 % ราคาหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ในวันที่แจ้งตลาดฯ นั้น ปิดที่ 10.60 บาท และค่อยๆลดลงมาต่ำสุดที่ 10.10 บาท ในวันที่ 28 ก.พ.

“บุพเพสันนิวาส” ออนแอร์ครั้งแรกวันที่ 21 ก.พ. กระแสเริ่มเกิดตั้งแต่วันแรก แม้ว่าจะได้เรตติ้งเฉลี่ยทั่วประเทศอยู่ที่ 3.417 ตามหลังละครช่อง 7 และช่องวัน วันต่อมาได้ 4.769 ยังตามหลังช่อง 7 แต่หลังจากนั้นมาเรตติ้งนำโด่งเหนือทุกช่อง จนสร้างประวัติศาสตร์ ในตอนที่ 11 ในวันที่ 28 มี.ค.ที่ผ่านมา ด้วยเรตติ้ง 17.437 เป็นละครที่เรตติ้งสูงสุดในยุคทีวีดิจิทัล แซงแชมป์เก่า “นาคี” ที่ได้เรตติ้งตอนจบที่ 17.291

ในขณะเดียวกันราคาหุ้นของบีอีซี ก็ผ่านพ้นจุดต่ำสุด ค่อยๆ ขึ้นมา จนเมื่อวันที่ 30 มี.ค​.ที่ผ่านมา ปิดตลาดอยู่ที่ราคา 13 บาท

ฟันรายได้ไม่ต่ำกว่า 500 ล้านบาท

ช่วงวันพุธ พฤหัส ก่อนหน้าที่ “บุพเพสันนิวาส” จะเข้าผัง เป็นช่วงที่ช่อง 3 มีปัญหากับเรตติ้งค่อนข้างมาก เพราะละคร “เสน่ห์นางงิ้ว” เป็นละครที่มีเรตติ้งต่ำสุดของช่อง ได้เรตติ้งเฉลี่ยเพียง 2.08 เท่านั้น การมาของ “ออเจ้า” จึงไม่มีใครคาดคิดว่าจะฟื้นเรตติ้งวันพุธ พฤหัสของช่องให้กลับมาเปรี้ยงปร้างสดใสได้ขนาดนี้

จากการขายโฆษณาล่วงหน้าไม่เต็ม แต่เมื่อกระแสมา ละครปัง ทุกอย่างก็ถาโถมเข้ามา จนโฆษณาล้นทุกช่วงเวลา จากราคาโฆษณาช่วงละครไพรม์ไทม์ช่อง 3 ราคาขายจริงอยู่ที่นาทีละ 480,000 บาท

“บุพเพสันนิวาส” ออกอากาศไปแล้ว 12 ตอน จากทั้งหมด 15 ตอน ออกอากาศวันละ 2.30 ชั่วโมง มีเวลาโฆษณาตอนละ 31.25 นาที คิดเป็นรายได้จาก 15 ตอน ช่อง 3 จะมีรายได้ทั้งหมด 225 ล้านบาทจากละครทั้งเรื่อง

แต่เมื่อช่อง 3 ประกาศเพิ่มตอนพิเศษอีก 3 ตอนในช่วงสงกรานต์ ซึ่งปกติเป็นช่วงที่สินค้าต่างๆ จะไม่ใช้เงินลงทุน เพราะเป็นเทศกาลหยุดยาว แต่ปรากฏว่าลูกค้าติดต่อผ่านเอเจนซี่รุมซื้อจนเต็มทั้ง 3 ตอนไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว รวมรายได้จากช่วงนี้ จะได้อีก 45 ล้านบาท เมื่อรวม 18 ตอน ช่อง 3 ได้เงินจากค่าโฆษณาทั้งหมด 270 ล้านบาท

นอกจากโฆษณาแล้ว ด้วยกระแสความดังของออเจ้า ช่อง 3 ยังกวาดรายได้อื่นๆ อีก ตั้งแต่การจัดอีเวนต์ การขายสินค้า merchandise พิเศษของละคร  สติกเกอร์ไลน์ และที่สำคัญรายได้จากโฆษณาออนไลน์ ทางเว็บ Ch3Thailand และ Mello ช่องทางออนไลน์ของช่อง 3 ที่อาศัยความดังของละครเรื่องนี้แจ้งเกิดได้ทันที

เมื่อรวมรายได้ทั้งหมด จากโฆษณา และรายได้อื่นๆ คาดการณ์กันว่า จากละครเรื่องนี้ ช่อง 3 จะได้รายได้ไม่ต่ำกว่า 500 ล้านบาท

โฆษณาเข้าเต็มทุกช่วง ก่อนและหลังละคร

กระแสของบุพเพฯ ยังทำให้รายการทั้งก่อนหน้าและหลังของละคร มีเรตติ้งพุ่งสูงขึ้นอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน เริ่มตั้งแต่ละครเย็น “คุณแม่สวมรอย” ที่มาแรงเรตติ้งแซงหน้าละครเย็น “เขยผู้ใหญ่ สะใภ้กำนัน” ของช่อง 7

พอถึงช่วงสองทุ่มก่อนเข้าละคร รายการข่าวสั้นๆ ทั้งแฟลชนิวส์ และสีสันบันเทิง เรตติ้งพุ่งทะยานต่อเนื่อง

ตัวอย่างเรตติ้งรายการช่วง 20.00-23.00 น. ของวันพฤหัสที่ 29 มี.ค. “บุพเพสันนิวาส” ได้เรตติ้ง 17.379 ในขณะที่ “สีสันบันเทิง” ได้เรตติ้ง 11.707 ตามต่อด้วย รายการแฟลชนิวส์ (20.20) รายการข่าวสั้นก่อนเข้าละคร ได้เรตติ้ง 13.059 และเมื่อละครจบ “ข่าว 3 มิติ” ก็ยังได้เรตติ้ง 4.658

จากผลเรตติ้งดีทั้งช่วงนี้ ทำให้ช่อง 3 สามารถขายโฆษณาได้เพิ่มเข้ามาในทั้งช่วงก่อนและหลังละครเพิ่มขึ้นอีกด้วย

นอกจากนี้ยังมีผลต่อละครล็อตใหม่ของช่องที่วางเข้ามาอย่าง “คมแฝก” ที่ออกอากาศต่อจาก “เงินปากผี” ในวันจันทร์ อังคาร ได้เรตติ้ง 2 ตอนแรกอยู่ที่ 5.831 และ 5.817 ที่ชนะละครหลังข่าว “เสน่หามายา” ตั้งแต่วันที่ออกอากาศตอนแรก ซึ่งมีรายงานจากวงการเอเจนซี่ว่า ช่อง 3 สามารถขายโฆษณาช่วงละคร “คมแฝก” ได้หมด 100% แล้ว ทำให้ผังละครและรายได้ของช่วงไพรม์ไทม์ ตั้งแต่วันจันทร์-พฤหัส ชุดนี้แน่นปึ๊ก สร้างรายได้อีกอย่างน้อย ไม่ต่ำกว่า 200 ล้านบาท

คงเหลือเพียงช่วงละครไพรม์ไทม์ในช่วงวันศุกร์-อาทิตย์ ช่อง 3 จัดละครชุดใหม่ “บ่วงรักซาตาน” มาเจอของแข็งละครพีเรียดรักโรแมนติก พ่อแง่ แม่งอน “สกาวเดือน” ช่อง 7 จึงยังขายโฆษณาได้ไม่เต็ม

ลุ้นหลัง “บุพเพฯ” จบ เกมชิงเรตติ้งจะเป็นของใคร

ละครพีเรียดอิงประวัติศาสตร์ชุดใหม่ “หนึ่งด้าวฟ้าเดียว” ที่ช่อง 3 จัดมาออกอากาศต่อจาก “บุพเพสันนิวาส” เป็นอีกหนึ่งความหวังของช่อง 3 ที่จะมาสานต่อความแรงของออเจ้า ที่ตั้งเป้าว่าจะสามารถขายโฆษณาได้เต็มอีกเรื่องหนึ่ง ซึ่งบรรดาเอเจนซี่และลูกค้ายังคงจดๆ จ้องๆ รอดูสถานการณ์และกระแสของเรื่องนี้อีกครั้ง ก่อนตัดสินใจ

ช่วงปลายเดือน เม.ย. หลังจากที่ “บุพเพสันนิวาส” จะจบลงวันที่ 19 เม.ย. จึงเป็นช่วงที่บรรดาทีวีดิจิทัลช่องอื่นๆ ต่างก็หวังจะพลิกเกม จัดหนักจัดเต็ม ชิงเรตติ้งกลับคืนจากช่อง 3

เกมนี้จึงน่าสนุก น่าลุ้น และน่าติดตามอย่างยิ่ง.

]]>
1164211
เปิดรายได้ บรอดคาซท์ไทย ผู้ผลิต บุพเพสันนิวาส ละครดังแห่งปี https://positioningmag.com/1164167 Sun, 01 Apr 2018 08:16:58 +0000 https://positioningmag.com/?p=1164167 เมื่อละครบุพเพสันนิวาสสร้างความปังจนเรตติ้งล่าสุด (EP. 12 วันที่ 29 มี..) ทั่วประเทศพุ่งทะลุ 17.4 ส่วนกรุงเทพฯ 23.9 แถมยังสร้างรายได้ให้กับเหล่านักแสดงได้อีเวนต์กันจ้าละหวั่น ส่วนออเจ้าการะเกด เบลล่า ราณี และพี่หมื่นโป๊ป ธนวรรธน์ ก็คว้าพรีเซ็นเตอร์แบรนด์ดังมาไว้ในมือ

จนล่าสุด หน่อง อรุโณชา ภาณุพันธุ์ บริษัท บรอดคาซท์ ไทย เทเลวิชั่น ผู้จัดละครเรื่องนี้ ต้องนำทีมนักแสดงจัดพิธีรำแก้บนที่บริษัทตั้งอยู่ในซอยเทียมร่วมมิตร ในวันที่ 1 เมษายน โดยคาดว่าจะมีคนมาร่วมงานเป็นจำนวนมาก ถึงกับนำเจ้าหน้าที่ตำรวจ 50 นาย มาช่วยดูแลเรื่องจราจร

สำหรับบริษัท บรอดคาซท์ ไทย เทเลวิชั่น จำกัด ก่อตั้งขึ้นโดย หน่อง อรุโณชา ภาณุพันธุ์ ลูกหม้อของช่อง 3 หลังจากเรียนจบ จากคณะนิเทศศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เข้าทำงานฝ่ายผลิตที่ช่อง 3 จนขึ้นเป็นผู้กำกับรายการ ทั้งละคร วาไรตี้ เกมโชว์ จากนั้นในปี 2532 จึงผันตัวมาตั้งบริษัทผู้ผลิตและจัดรายการให้กับช่อง 3

จุดเด่นของบรอดคาซท์เรื่องความพร้อมในการผลิตละคร มีทีมงานชุดใหญ่สามารถแยกกองถ่ายทำได้ มีผลงานละครมากมาย เช่น มงกุฎดอกส้ม ดอกส้มสีทอง แรงเงา บางระจัน กลกิโมโน กำไลมาศ 

ผลงานละครเรื่องถัดไปต่อจาก บุพเพสันนิวสาส คือ แรงเงา 2 แรงเงาแรงแค้น ใช้นักแสดงชุดเดิม นำโดย เจนี่ เทียนโพธิ์สุวรรณ์ และลิขิตรักข้ามดวงดาว ที่ซื้อซีรีส์เกาหลีชื่อดังอย่าง You Who Came from the Stars มาผลิตในเวอร์ชั่นไทย นำแสดงโดย ณเดชน์ คูกิมิยะ และ ภีรนีย์ คงไทย

ส่วนผลการดำเนิงานของบรอดคาซท์ฯ มีรายได้เติบโตมากสุดในปี 2557 จากนั้นลดลง โดยปี 2558 ขาดทุน ที่แน่ๆ ละครบุพเพสันนิวาส นอกจากจะสร้างความดังแล้ว ยังทำรายได้ให้กับบรอดคาซท์อย่างเป็นกอบเป็นกำ แต่จะมากน้อยแค่ไหน มาสรุปกันอีกที.

]]>
1164167
Overused ออเจ้า ทำตามกระแส หรือถูกกระแสกลืน https://positioningmag.com/1163962 Thu, 29 Mar 2018 13:48:58 +0000 https://positioningmag.com/?p=1163962 บทความโดย : ผศ.ดร.วิเลิศ ภูริวัชร

ผ่านมาครึ่งทางแล้วก็ตาม แต่ละครบุพเพสันนิวาส ยังคงสร้างความร้อนแรงให้คนดูต้องกลับไปเฝ้าหน้าจอ ส่วนแบรนด์ต่าง ๆ ยังเกาะเกี่ยวกระแสความดัง จนโฆษณา “ออเจ้า” เต็มไปทั่วสื่อออนไลน์ โซเชียลมีเดีย จนเกิด Overused Marketing ผศ.ดร.วิเลิศ ภูริวัชร หัวหน้าภาควิชาการตลาด คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และเจ้าของเพจ Marketing is all around มาสะท้อนมุมมอง พร้อมกับให้ข้อแนะนำถึงการเพิ่มระดับความน่าสนใจให้กับการทำตลาดภายใต้สถานการณ์นี้ได้อย่างไร

จากกระแสความดังของละครบุพเพสันนิวาส ทำให้เกิดกลยุทธ์การตลาดที่ทำตามกระแสเป็นระลอกใหญ่ ๆ ตามมามากมาย ไม่ว่าจะเป็นการนำเอาเนื้อหาหรือตัวละครไปใช้กับสินค้าของตนเอง เป็นการใช้กระแสโดยที่ไม่ได้ลงทุนอะไรนอกจากค่าทำสื่อ (Free Rider Marketing)

แต่การตลาดที่ตามกระแสความดังแต่ก็ได้ลงทุนเองเพิ่มเติมดังตัวอย่างของเอไอเอส ที่ได้สร้างตามละครในตอนกินหมูกระทะเพิ่มเติมจากที่ได้ขาดหายไปในละคร นับว่าเป็น Real-time Marketing อย่างแท้จริงได้ใช้กระแสปัจจุบันทันด่วนมาผูกกับการสื่อสารในทันที

ไม่ว่าการตลาดตามกระแสจะเป็นรูปแบบใด ผลจากการใช้กระแสความดังของละครก็เลยทำให้เฟสบุ๊ก ไลน์ หรือไอจี ของเรา ๆ ท่าน ๆ หรือ รายการทีวีแต่ละช่องที่เห็น เต็มไปด้วยโฆษณาตามกระแสออเจ้ากันเต็มไปหมด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องราวของนักแสดง ตัวละคร และเนื้อหาจากละคร ซึ่งไม่ช้าไม่นานประสิทธิภาพของกระแสออเจ้าก็จะเริ่มลดลงไป และระดับความสนใจของผู้บริโภคจะลดน้อยไปเรื่อย ๆ (Commerical Wearout)

ข้อความที่ใช้กันจนเฝือจะมากไปถึงจุดหนึ่งที่ไม่สามารถเร่งเร้าความน่าตื่นเต้นได้อีกจนกลายเป็น Overused Marketing ระดับความใช้มากไปจนเกินพอดี ดังนั้นแบรนด์ต่าง ๆ ที่สนใจในการทำการตลาดตามละคร อาจลองพิจารณาดูการเพิ่มระดับความน่าสนใจในการทำการตลาดได้ดังนี้

แนวคิดหนึ่ง อย่าใช้มุกซ้ำ (Overused Characters) เป็นที่แน่นอนว่าดาราหลักในละครย่อมถูกเอาไปใช้กับแบรนด์สินค้าต่าง ๆ มากมายจนอาจมากเสียจนช้ำไปหมด คนดูต่อหันไปช่องไหนก็จะมีแต่หน้าคุณโป๊ป คุณเบลล่า และเหล่านักแสดงนำต่าง ๆ ในหลาย ๆ โฆษณา

ถึงวินาทีนี้หากแบรนด์สินค้าใดที่ต้องการใช้คุณเบลล่า ก็อาจจะต้องลองเลือกพิจารณามิติทางอารมณ์ที่ดาราคนนั้นไม่เคยถูกใช้โดยโฆษณาอื่นมาก่อนมาใช้ในโฆษณาของเรา หากแบรนด์อื่น ๆ ได้นำนักแสดงไปใช้ในฐานะแม่นางการะเกดผู้แสนดีน่ารักไปแล้ว การนำเอาเกศสุรางค์อ้วนที่บอกว่าสามารถทานจนผอม การะเกดในมุมร้ายที่โกรธเพราะไม่ได้ซื้อสินค้าเรา หรือจะฉีกแนวไปเลยโดยการนำเสนอคุณเบลล่า หรือคุณโป๊ปถอดเสื้อในลุคเซ็กซี่ก็จะทำให้การสื่อสารได้ความน่าสนใจเพิ่มขึ้น

แนวคิดที่สอง อย่าใช้ดาราช้ำ (Overused Celebrities) ทางเลือกหนึ่งในกรณีที่งบประมาณไม่พอจ่ายตัวพระเอก นางเอก และตัวเอกเหล่านี้อาจก็ได้ถูกใช้ไปแล้วในหลายสื่อโฆษณา การเลือกเอาตัวละครอื่นเช่น ไอ้จ้อย หรือ ผินแย้ม หรือแม้กระทั่งแม่ปริก มาใช้ก็นับเป็นการแหวกกระแสการใช้ดาราเอกช้ำ ๆ ไปได้ แต่ข้อควรระวังคือถ้าคู่แข่งขันทางตรงของเราใช้ระดับพระเอกนางเอกไปแล้ว เราต้องไม่ใช้นางรองหรือตัวรองในเรื่อง ดังนั้นเป็นการตัดสินใจถูกต้องของทรูแล้วที่เลือกใช้ตัวพระเอกไปชนกับนางเอกของคู่แข่งขัน ไม่ใช่เอาตัวละครรอง ๆ มาใช้

แนวคิดที่สาม อย่าใช้เนื้อหาซ้ำหรือข้อความซ้ำ (Overused Content, Overused Phases) การใช้คำพูดซ้ำ ๆ เหมือนแบรนด์อื่น ๆ จะไม่ได้ความน่าสนใจเพิ่มเติม การเลือกคำพูดอื่น ๆ ที่ฮิตติดปากในละครยังไม่ถูกใช้มาใช้ในเนื้อหาโฆษณาจะได้รับความสนใจได้เพิ่มขึ้น แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นต้องสามารถเชื่อมโยงกับจุดขายของตัวสินค้าได้อย่างแนบเนียน

แนวคิดที่สี่ อย่าใช้ข้อความเดียวกันในระยะเวลานานเกินไป (Overuse) ควรใช้ภายในระยะเวลาจำกัดและปรับเปลี่ยนไปตามเนื้อหาในแต่ละสัปดาห์อย่างปัจจุบันทันด่วน การใช้ข้อความเดียวนานเกินไปจนหลุดกระแสเป็นความล้มเหลวที่สำคัญในการทำ Real-time Marketing

แนวคิดที่ห้า สามารถใช้ตัวการ์ตูนแทนได้ การประดิษฐ์ตัวการ์ตูน (Animated Characters) สามารถช่วยประหยัดงบประมาณการทำการตลาดได้มากโข ที่สำคัญเราสามารถกำหนดให้ตัวการ์ตูนสามารถแสดงบทบาทอะไรก็ได้ตามที่เราต้องการโดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมและไม่เรื่องมากเหมือนกับการใช้ดารา แต่การใช้การ์ตูนนี้ก็ต้องเป็นไปตามแนวคิดก่อนหน้าทั้งสี่ที่ได้กล่าวไปแล้ว

ในกรณีที่แบรนด์เรามีตัว mascot อยู่แล้วการเอาชุดของตัวละครหรือเนื้อเรื่องของกระแสมาใช้กับ mascot ของเราก็จะดึงดูดความน่าสนใจได้มากขึ้นแต่ก็ระวัง ไม่มีกิริยาเหมือนกับแบรนด์อื่นที่ทำ ลองนึกภาพตัวอุ่นใจของเอไอเอสใส่ชุดการะเกดพร้อมกับคุณเบลล่าในชุดเดียวกัน ก็น่าจะดึงดูดความอยากได้ตุ๊กตาตัวอุ่นใจของเอไอเอสได้มากขึ้น

แน่นอนว่าการตลาดที่ใช้กระแสความดังย่อมดึงดูดความน่าสนใจจากผู้บริโภคได้มาก แต่กระแสที่ถาโถมกันมากจนทุกอย่างช้ำไปหมด ผลลัพธ์จะไม่ได้ตามคาด โจทย์ที่สำคัญ ณ วันนี้จึงเป็นการแหวกกระแสให้ชัดเจน

หากออเจ้าบ้า ข้าก็ขอไม่บ้าตาม.

]]>
1163962
สตาร์บัคส์ แจงกรณีแก้ว ออเจ้า บุพเพสันนิวาส พาร์ตเนอร์วาดเอง ไม่ขายนะจ๊ะ https://positioningmag.com/1163776 Wed, 28 Mar 2018 15:13:12 +0000 https://positioningmag.com/?p=1163776 ขอบคุณภาพจาก : AreechaJ, www.instagram.com/pp_zodiac

จากกรณีที่มีการแชร์ภาพแก้วกาแฟสตาร์บัคส์ ลายเส้นตัวละครบุพเพสันนิวาส อย่าง ออเจ้าการะเกด-เบลล่า ราณี พี่หมื่นโป๊ป-ธนวรรธน์ จนเกิดการคาดเดาว่า สตาร์บัคส์เป็นผู้ทำแก้วดังกล่าวออกมาวางจำหน่าย

ล่าสุดสตาร์บัคส์ คอฟฟี่ ประเทศไทย ได้ชี้แจงว่า แก้วลายดังกล่าว เป็นแก้วตัวอย่างสำหรับบอกขนาดในการสั่งเครื่องดื่ม ซึ่งพาร์ตเนอร์ที่มีความสามารถได้วาดขึ้นเองตามกระแสฮิตของละครบุพเพสันนิวาส ซึ่แก้วเหล่านี้ถูกวาดขึ้นโดยพาร์ตเนอร์สาขา The Bright พระรามสอง และสาขา เบลล์ พาร์ค คอนโดมิเนียม แต่ไม่มีการจำหน่ายแต่อย่างใด

โดยปกติแล้ว พาร์ตเนอร์สาขาต่าง ๆ ก็จะมีการเขียนชื่อ หรือข้อความน่ารัก ๆ รวมทั้ง emoji ในเทศกาลต่าง ๆ ด้วยเช่นกัน อาทิ Happy Friday?สิ่งเหล่านี้ นับเป็นหนึ่งในการสร้างประสบการณ์ที่ดีกับลูกค้า.

]]> 1163776 ช่อง 3 เรตติ้งใกล้แซงช่อง 7 ด้วยอิทธิฤทธิ์ “ออเจ้า” เตรียมเพิ่มตอนพิเศษ “บุพเพสันนิวาส” รับสงกรานต์ https://positioningmag.com/1162300 Mon, 19 Mar 2018 11:33:29 +0000 https://positioningmag.com/?p=1162300 แรงส่งจากละคร ”บุพเพสันนิวาส” ที่ไปไกลถึงต่างประเทศ ทำเอาผู้ชมเฝ้ารอคืนวันพุธ, พฤหัส เพื่อรอดูตอนต่อไปของละครพีเรียดเรื่องนี้ ได้ดึงเรตติ้งทั้งช่องขึ้นมาไล่ติดช่อง 7 แบบห่างกันเพียง 0.065 เท่านั้น

จากข้อมูลเรตติ้ง ของนีลเส็น และสำนักนโยบายและวิชาการกระจายสียงและโทรทัศน์ กสทช. ประจำสัปดาห์ ระหว่างวันที่ 12 –18 มีนาคม 2561 สำรวจคนดูอายุ 4+ เวลา 24 ชั่วโมง ปรากฏว่าถึงแม้ช่อง 7 ยังคงครองแชมป์เรตติ้งประจำสัปดาห์เหมือนเดิม แต่ตัวเลขเรตติ้งของช่อง 3 ในอันดับ 2 ที่หายใจรดต้นคอช่อง 7 มาแล้ว

ในขณะที่เรตติ้งของช่อง 7 สัปดาห์นี้สูงขึ้นจากสัปดาห์ที่แล้ว ที่อยู่ที่ 1.845 มาอยู่ที่ 1.870 ด้วยฉากจบของละคร “แม่อายสะอื้น” ที่ทำเรตติ้งสูงสุดของช่อง 7 ในสัปดาห์ที่แล้ว โดยตอนจบ วันที่ 13 มี.ค. ได้เรตติ้ง 9.049

ส่วนช่อง 3 “ออเจ้าการะเกด” ออกอากาศพุธ พฤหัส 2 วัน ทำเรตติ้งเฉลี่ยทั่วประเทศไปถึง 14.759 และ 16.560 แถมยังได้เรตติ้งละครเย็น “คุณแม่สวมรอย” ที่มาแรงเหนือความคาดหมาย ได้เรตติ้งสูงสุดในวันพฤหัสที่ 15 มี.ค. ถึง 5.449  ชนะละครเย็นช่อง 7 คู่แข่ง “เขยผู้ใหญ่ สะใภ้กำนัน” ที่ได้ไปในวันนั้น 4.658

เรตติ้งเฉลี่ยของช่อง 3 ยังทิ้งห่างคู่แข่งช่องที่อยู่ในอันดับตามมา ทั้งโมโน และเวิร์คพอยท์ ที่เคยประกาศว่าจะชิงอันดับ 2 จากช่อง 3 ให้ได้ภายในปีนี้ แบบห่างขึ้นเรื่อย ๆ

โมโนเรตติ้งลดลงจากสัปดาห์ที่แล้วเล็กน้อย จาก 0.831 มาอยู่ที่ 0.829 ยังรักษาอันดับ 3 ไว้ได้อย่างเหนียวแน่น ด้วยรายการที่สร้างเรตติ้งสูงสุดของช่อง คือภาพยนตร์ พรีเมียม บล็อกบัสเตอร์ ในแต่ละวันช่วงไพรม์ไทม์ ทั้ง Fast and Furious 7 ในคืนวันจันทร์ที่ 12 มี.ค.ที่ได้ไป 3.573 และ The Chronicle of Narnia 2 ในคืนวันอังคารที่ 13 มี.ค.ได้ 2.934 แต่พอถึงวันพุธ พฤหัส เจอ ”บุพเพสันนิวาส” กินเรตติ้งไป เช่น ในวันพฤหัสที่ 15 มี.ค. ภาพยนตร์เรื่อง Prince of Persia ได้เรตติ้งไปเพียง 1.821

ด้านเวิร์คพอยท์ ได้เรตติ้งเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากสัปดาห์ที่แล้วที่ได้ 0.734 มาอยู่ที่ 0.737 โดยมีรายการพยุงทั้งช่องคือ รายการร้องเพลงกลุ่ม ”ไมค์” โดย “ไมค์ทองคำเด็ก 3” ในวันอาทิตย์ช่วงไพรม์ไทม์ ทำเรตติ้งสูงสุดของช่องทั้งสัปดาห์ อยู่ที่ 4.167 ตามมาด้วย ”ไมค์ทองคำ 7 “ ในวันอาทิตย์ที่ 18 มี.ค. เช่นกันทำได้ 4.122

ส่วนรายการที่ได้รับผลกระทบสูงสุดคือ I can see your voice  และ The Mask Singer 4  ได้เรตติ้งไปเพียง 1.869 และ 1.659 ในขณะที่รายการที่เคยเป็นความหวังของช่อง “The Show ศึกชิงเวที” ได้เรตติ้งเพียง 1.404 และ “Diva Makeover เสียงเปลี่ยนสวย” ได้เรตติ้งเพียง 1.194

ละครช่องเวิร์คพอยท์ “คู่ซี้มือปราบ” ที่ได้ “ติ๊ก เจษฎาพร“ และ “ชาคริต แย้มนาม” แสดงนำ เปิดตัวตอนแรกวันเสาร์ที่ 17 มี.ค. ได้เรตติ้งไปเพียง 1.226 และเรตติ้งวันอาทิตย์ได้ไป 1.459

ส่วนช่อง 8 และช่องวัน ก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน แต่ช่อง 8 ยังมีซีรีส์อินเดีย “หนุมาน สงครามมหาเทพ” เป็นตัวชูโรง แม้เรตติ้งจะลดลง อยู่ในระดับต่ำกว่า 3 แต่ก็ยังพยุงช่องให้อยู่ในอันดับ 5 ไว้ได้ แถมยังมีรายการมวยไทย มาช่วยหนุนอีกแรง โดยเฉพาะรายการ 8 แม็กซ์มวยไทย ในช่วงไพรม์ไทม์วันอาทิตย์ สร้างเรตติ้งอยู่ที่ 2.378

ช่องวัน ละครเพลงลูกทุ่งที่เพิ่งออกอากาศ “ดาวจรัสฟ้า” ยังต้องจอดได้เรตติ้งในระดับ 1.6-1.8 เท่านั้น

ความแรงฉุดไม่อยู่ของ ”บุพเพสันนิวาส” ทำให้เกิดกระแสเรียกร้องให้เพิ่มตอนจากบรรดาผู้ชม ซึ่งก็มีความเคลื่อนไหวจากกองถ่ายของค่ายบรอดคาซท์ ไทยเทเลวิชั่น ที่เป็นผู้จัดเรื่อง ”บุพเพสันนิวาส” มีการเรียกนักแสดงหลัก ๆ เข้ามากองถ่าย เพื่อถ่ายเพิ่มเติม จนมีกระแสข่าวว่าจะมีการเพิ่มตอนพิเศษรับเทศกาลสงกรานต์ แต่ก็ยังไม่มีข่าวอย่างเป็นทางการจากทางช่อง 3 แต่อย่างใด.

]]> 1162300