แต่ดูเหมือนว่ากระแสฮีโร่จะไม่ได้ช่วยเลย เพราะเมื่อวานตอนเย็น (21 มกราคม 2562) เพจอย่างเป็นทางการของ “เดอะ มาร์เวล เอ็กซ์พีเรียนซ์ ไทยแลนด์” ได้แจ้งให้บริการในวันสุดท้ายคือวันที่ 29 มกราคม 2562 เวลา 18.00 น. เป็นรอบสุดท้าย

พร้อมกับแจ้งให้ลูกค้าที่ซื้อบัตรไปล่วงหน้า ติดต่อขอคืนเงินได้เต็มจำนวน ตั้งแต่วันที่ 30 มกราคม 2562 – วันที่ 31 มีนาคม 2019 โดยทิ้งท้ายข้อความประกาศไว้ว่า “จนกว่าจะกลับมาพบกันใหม่ในโอกาสหน้า”  ซึ่งไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ ปิดฉากธีมปาร์คที่มีอายุแค่ 7 เดือนเท่านั้น

ย้อนกลับไปเมื่อครั้งแถลงเปิดตัวโครงการเมื่อ 5 กันยายน 2017 “ฮีโร่ เอ็กซ์พีเรียนซ์” ซึ่งเป็นผู้ได้รับสิทธิ์จากบริษัท ฮีโร่ เวนเจอร์ จำกัด ประเทศสหรัฐอเมริกา บอกว่า “เดอะ มาร์เวล เอ็กซ์พีเรียนซ์” ที่กำลังจะเปิดนี้ เป็นสาขาแรกในเมืองไทย สาขาแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และเป็นสาขาที่สองของโลก

ด้วยงบลงทุนกว่า 1,000 ล้านบาท บนพื้นที่ใช้สอยกว่า 20,000 ตารางเมตร บริเวณศูนย์การค้าเมกาบางนา “ฮีโร่ เอ็กซ์พีเรียนซ์” วาดฝันเสียดิบดีว่าในช่วง 3 เดือนแรกจะมียอดผู้เช้าชมกว่า 1 ล้านคน โดยเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวประมาณ 65% และอีก 35% เป็นกลุ่มคนไทย

ถ้าคิดจากราคาบัตรที่ตั้งไว้เมื่อครั้งเปิดตัว ผู้ใหญ่ราคา 1,500 บาท เด็ก 1,350 บาท นั้นหมายความว่าภายใน 3 เดือนแรก “ฮีโร่ เอ็กซ์พีเรียนซ์” คาดหวังจะมีรายได้ไม่น้อยกว่า 1,350,000,000 ล้านบาท คืนทุนตั้งแต่ 3 เดือนแรกที่เปิดตัวเลขทีเดียว แต่จากข่าวที่กำลังจะปิดตัวเช่นนี้ ดูท่าว่าเป้าหมายที่วางไว้คงเป็นได้แค่ “ฝัน” เสียแล้ว

ข้อมูลจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ ระบุ “บริษัท ฮีโร่ เอ็กซ์พีเรียนซ์ จำกัด” จดทะเบียนเมื่อ 15 ก.พ. 2559 ทุนจดทะเบียน 268,421,200.00 บาท มีกรรมการทั้งหมด 7 คน

ปี 2559 แจ้งงบการเงินมีรายได้ 1,347.66 บาท ขาดทุน -2,586,305.92 บาท ส่วนปี 2560 มีรายได้ 99,390.00 บาท ขาดทุน 34,454,060.08 บาท ซึ่งไม่เป็นที่แปลกใจนักเพราะตัวโครงการยังไม่เปิดให้บริการ ส่วนงบปี 2561 ที่ผ่านมายังไม่ได้แจ้ง

อย่างไรก็ตาม บริษัท ดีมีเตอร์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ซึ่งถือหุ้น 37.5 ของ ฮีโร่ เอ็กซ์พีเรียนซ์ ได้แจ้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ถึงเหตุผลที่ต้องปิด เนื่องจากได้ประสบปัญหาขาดสภาพคล่องทางการเงิน และการดำเนินโครงการที่ไม่เป็นไปตามเป้า

ก่อนหน้านั้นก็ได้แจ้งตลาดว่า เนื่องจาก ฮีโร่ เอ็กซ์พีเรียนซ์ มีความจำเป็นต้องจัดหาเงินทุนเพิ่มเติมเพื่อสนับสนุนค่าลิขสิทธิ์ ค่าเช่าพื้นที่ ค่าก่อสร้าง ค่าตกแต่ง ค่าอุปกรณ์ และค่าใช้จ่ายอื่นใดๆ อันเกี่ยวข้องกับโครงการ จึงได้ดำเนินการเข้าทำสัญญากู้ยืมเงินกับ ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) เมื่อวันที่ 23 พฤษภาคม 2561 เป็นจำนวนรวมทั้งสิ้น 240,000,000 บาท

เป็นที่น่าสนใจว่า จากที่แจ้งปิดปรับปรุงในท้ายประกาศ จะสามารถกลับมาเปิดได้ตามที่แจ้งว่า “พบกันใหม่เร็วๆ นี้” ได้หรือไม่ โปรดติดตามตอนถัดไป.