ล่าสุด ช่อง 7 ได้ออกมาระบุถึงการนำคอนเทนต์วาไรตี้–บันเทิง โดยชูจุดแข็งรายการ อาหาร รายการเพลง และเกมโชว์/วาไรตี้ ทั้งที่เป็นรายการดังจากต่างประเทศ และรายการฮิตในเมืองไทย
ในก่อนหน้านี้ ช่องจะมีรายการประเภท รายการอาหาร ด้วยฟอร์แมตระดับโลก กับ “The Next Iron Chef” สุดยอดเรียลลิตี้แข่งขันทำอาหาร เพื่อค้นหาสุดยอดเชฟมืออาชีพ ของประเทศไทย เพื่อก้าวขึ้นสู่ตำแหน่ง “เชฟกระทะเหล็ก” คนต่อไป
ตามด้วยรายการ “มาสเตอร์เชฟ ประเทศไทย (MasterChef Thailand)” รายการเรียลลิตี้แข่งขันทำอาหารระดับโลกที่ได้รับความนิยมเป็นอันดับ 1 ของประเทศไทย และต่อยอดไปเป็น “มาสเตอร์เชฟ จูเนียร์ ประเทศไทย MasterChef Junior Thailand” ที่ล่าสุดครองเรตติ้งในช่วงเย็นวันหยุดอีกด้วย
ในหมวดรายการเพลง เพิ่มรายการใหม่ “WORLDSTAR…ดาวคู่ดาว” การแข่งขันประกวดร้องเพลงของศิลปินดูโอ้ที่ดาราจับคู่กับเด็ก เพื่อชิงความเป็นที่หนึ่ง คู่ที่ชนะจะได้ทำผลงานเพลงระดับนานาชาติกับค่าย Avex และรางวัลอื่นๆ
รายการ “ลูกทุ่งไอดอล” เพื่อเฟ้นหาไอดอลลูกทุ่งคนใหม่ ที่ต้องทั้งร้อง เต้น และมีไหวพริบดี ทนต่อแรงกดดัน ถึงจะผ่านการแข่งขันสุดเข้มข้น แบบ Survival Reality ผู้เป็นสุดยอดไอดอลลูกทุ่งจะได้เดบิวต์เป็นศิลปินตัวจริง และถ้วยพระราชทาน พร้อมเงินรางวัล
นอกจากนี้ยังนำรายการ “THE PRODUCER นักปั้นมือทอง” กลับมาอีกครั้ง เรียลลิตี้แข่งขันทำดนตรีของ 4 โปรดิวเซอร์เพื่อเป็นนักปั้นมือทอง
รายการ “เปลี่ยนหน้าท้าโชว์ Sing Your Face Off Season 4” นำศิลปินซูเปอร์สตาร์ของวงการบันเทิง มาเปลี่ยนหน้าแปลงโฉมเป็น ท็อปสตาร์ทั้งไทยและต่างประเทศ
รายการ “ร้องแลกแจกเงิน” สุดยอด Singing Game Show บนเวทีรางเลื่อนไฮเทค ที่ยาวที่สุดในประเทศไทย ร้องง่าย ได้เงินง่าย ยิ่งถูกใจนานมากเท่าไหร่ รับเงินมากขึ้นเท่านั้น
รายการ “หลงเสียงเธอ” (MY WIFE IS A SINGER), รายการ “ชุมทางดาวทอง”, รายการ “ร้อง เล่น เต้น ยกครัว”, รายการ “ดวลเพลงดัง”
หมวดรายการเกมโชว์ และวาไรตี้โชว์ นำรายการใหม่ “SHARK TANK THAILAND” รายการดังทางช่อง ABC จากสหรัฐอเมริกา ถูกนำไปผลิตแล้วรวม 40 ประเทศ (ประเทศไทยเป็นประเทศที่ 36) ซึ่งเป็นรายการที่เปิดโอกาสให้กับผู้ประกอบการมาเสนอแผนธุรกิจ เพื่อระดมทุนจากนักลงทุน โดยมีนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ หรือ “ชาร์ค” ประจำรายการ ได้แก่ เฉลิมชัย มหากิจศิริ, กฤษน์ ศรีวาลา, ชาริณี กัลยาณมิตร, ธวิศ หาญอุตสาหะ, นิชิต้า ชาร์ และ ณัฐวุฒิ พึงเจริญพงศ์ มานั่งฟังผู้ประกอบการเล่าถึงฝันและการนำเสนอให้เห็นถึงศักยภาพและเกิดความสนใจที่จะมาเป็นผู้ร่วมลงทุนเพื่อสร้างธุรกิจให้ประสบความสำเร็จออนแอร์เร็วๆ นี้
ถัดมาเป็นรายการ “ภาพลับนับแบงค์” เกมโชว์ใหม่ล่าสุดชวนดาราและคนทางบ้านมาแข่งขันทายภาพลับของคนดังทุกสาขาอาชีพทั้งไทยและเทศ ยิ่งทายถูกยิ่งรับเงินรางวัลมาก โดยมี กนิษฐ์ สารสิน เป็นพิธีกร
รายการ “ฮัลโหล ซุปตาร์” โฉมใหม่ วาไรตี้บันเทิง ทอล์กโชว์ ทำให้รู้จักตัวตนของเหล่าซุปตาร์มากขึ้น โดยจะมีสองพิธีกร ตั๊ก–บริบูรณ์ และ ซอ จียอน จะพาไปรู้ทั้งเรื่องลับของเหล่าซุปตาร์ และตามติดดูชีวิตซุปตาร์ทั้งการกิน การช้อป รวมถึงการเซอร์ไพรส์ซุปตาร์.
]]>เมื่อไลน์ประเมินแล้วว่า “เกมโชว์” ถือเป็นคอนเทนต์ที่ได้รับความนิยมในทุกช่วงอายุ ด้วยความสนุกสนานเข้ากับจริตของคนไทย ทำให้ในช่องทีวี “เกมโชว์” ครองเรตติ้งอันดับ 2 รองจากละคร โดยมีฐานผู้ชมอยู่ที่ประมาณ 900,000 – 2,400,000 คนต่อตอน (ข้อมูลจาก TV Digital Watch)
เพียงแต่เกมโชว์แบบตั้งเดิมที่คุ้นเคยมักจะเป็นรายการที่เน้นการสื่อสารทางเดียวที่ผู้ชมสามารถมีส่วนร่วมได้เพียงการรับชมเท่านั้น ยังไม่สามารถเข้าไปมีส่วนร่วมจากที่บ้านได้ เป็นช่องว่างที่ “ไลน์” และ “WXYZ” เทคสตาร์ทอัพน้องใหม่ที่มี “วู้ดดี้ – วุฒิธร มิลินทจินดา” เป็น 1 ในผู้ก่อตั้ง (เป็นการลงทุนในนามส่วนตัวไม่เกี่ยวกับบริษัท Woody World) มองเห็นและตัดสินใจส่ง “เทน เทน” เข้าสู่สนาม
โดย “ไลน์” รับผิดชอบการลงทุนในระบบต่างๆ ซึ่งได้ดึงทีมจากเกาหลีเข้ามาช่วย ส่วน “WXYZ” ลงทุนในด้านโปรดักชั่น รายได้จะแบ่งกันจากค่าโฆษณา
“เทน เทน” เป็นอินเทอร์แอคทีฟไลฟ์โชว์ อยู่ในรูปแบบ Official Account บน LINE App โดยเป็นการแข่งขันที่เปิดโอกาสให้คนดูสามารถเล่นไปพร้อนกันได้ทันทีกับรายการ มีวันละ 1 ครั้งเวลา 3 ทุ่มตรง
เนื้อหารายการจะเป็นแนวคำถามมีทั้งหมด 10 ข้อ 3 ตัวเลือก ชิงเงินรางวัลมูลค่ารวมตั้งแต่หลักหมื่นถึงหลักล้าน ใช้คาแร็กเตอร์แมวเป็นผู้ดำเนินรายการ ในเบื้องต้นใช้เสียงของ “วู้ดดี้” ก่อน ขณะนี้อยู่ในระหว่างหาผู้ดำเนินรายการหลักเข้ามาเสริม และยังมีแขกรับเชิญอีกทั้ง BNK48, นภ พรชำนิ, โทนี่ผี, เบนซ์ อาปาเช่ เป็นต้น ในอนาคตยังวางแผนปั้นผู้ดำเนินรายการที่เป็น AI
ส่วนคนดูจะเป็นกลุ่มแมสอายุตั้งแต่ 15 – 60 ปี แต่เน้นกลุ่ม 20-35 ปีเป็นพิเศษ เริ่มเปิดให้ใช้งานเวอร์ชั่นทดสอบตั้งแต่ 2 เดือนก่อน มีผู้เล่นเกมต่อครั้งเติบโตถึง 11 เท่า จากผู้เล่นเกมพร้อมกัน 5,000 คน เป็น 58,000 คน ระบบรองรับผู้เล่นพร้อมกัน 1 ล้านคน
อริยะ พนมยงค์ กรรมการผู้จัดการ LINE ประเทศไทย บอกว่า “เทน เทน” เป็นเกมโชว์ที่ปิดจุดอ่อนจากรายการแบบเดิมๆ ซึ่ง HQ Trivia แอปเกมแนวตอบคำถามในรูปแบบเกมโชว์ ที่โด่งดังไปทั่วโลก ตรงที่เปิดให้เล่นในแอปไลน์โดยที่ไม่ต้องแยกออกมาเป็นแอปใหม่ ไม่อย่างนั้นคนไม่โหลดแน่นอน
อีกทั้งผู้ที่ชมไม่ได้แค่ชมอย่างเดียวแต่ยังเปรียบเป็นผู้เข้าแข่งขันที่ต้องแข่งกับคนอื่นๆเพื่อชิงเงินรางวัลเป็นของตัวเอง มีการเล่นเฉลี่ย 10 นาทีต่อครั้ง ซึ่งช่วง 10-15 นาที ถือเป็นเวลาที่คนสามารถจดจ่อกับสิ่งใดสิ่งหนึ่ง โดยที่ไม่เสียสมาธิไปเสียก่อน พร้อมกับใช้วิธีเฉลยพร้อมกันทีเดียวหลังจบเกม เพื่อป้องกันไม่ให้คนที่ตอบผิด ออกไปก่อนที่เกมจะจบ
ผู้ที่ตอบถูกทุกข้อจะถูกนำมารวมกันแล้วหารด้วยจำนวนเงินรางวัลรวมในครั้งนั้นๆ เมื่อสะสมครบ 1,000 บาท จะสามารถถอนออกได้ผ่านการโอนบัญชีธนาคาร พร้อมหักภาษี ณ ที่จ่าย 5%
นอกจากฝั่งผู้ใช้งานแล้ว “เทน เทน” ในแง่การหารายได้ จะใช้วิธีดึงดูดแบรนด์ให้เข้ามาเอ็นเกจเมนต์กับผู้ใช้ ผ่านการเป็นสปอนเซอร์รายการและการแทรกเนื้อหาโฆษณาในรายการ (Tie-in) หรือแม้แต่พัฒนาต่อยอดเป็นเกมโชว์ประเภทอื่นๆ (Spin-off) ในอนาคต
โดยวางโฆษณาได้ในหลายช่วงเวลาทั้งก่อน–ระหว่าง–หรือหลังรายการ ในช่วงทดสอบมีแบรนด์สนใจลงโฆษณาแล้ว 20-30 แบรนด์ ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม กับกลุ่ม FMCG ส่วนกลุ่มใหม่ๆ ก็มีรถยนต์ที่กำลังคุยเข้ามาเพิ่มเติม
“โจทย์สำหรับทุกเกม ทำอย่างไรให้คนอยู่ตั้งแต่ต้นจนจบ ซึ่ง เทน เทน แก้โจทย์ด้วยการเน้นคอนเทนต์ที่สดใหม่ โจทย์ที่ไม่ซ้ำกัน ให้ดูสนุก และแทรกโฆษณาที่จะทำให้ผู้เล่นไม่รู้สึกเบื่อไปก่อน”
ภายในปีหน้า “เทน เทน” ตั้งเป้าจะมีจำนวนผู้เล่นเทียบเท่ากับจำนวนผู้ชมในทีวี คือตั้งแต่ 900,000 คนขึ้นไป
นอกจากนี้ “ไลน์” และ “WXYZ” ยังวางแผนให้ “เทน เทน” เป็นใบเบิกทาง เพื่อปูไปสู่การมีช่องทีวีที่รวบรายการเรียลลิตี้และเกมโชว์ประเภทอินเทอร์แอคทีฟเข้ามาอีก ซึ่งอริยะบอกว่า การไม่นำไปรวมกับ LINE TV เพราะ LINE TV ที่เอาไว้ชมอย่างเดียว แต่รายการอินเทอร์แอคทีฟคนดูจะมีส่วนร่วมด้วย.
]]>ราคาหุ้นของเวิร์คพอยท์ เมื่อวันที่ 12 มีนาคมที่ผ่านมา ลดลงในวันเดียวถึง 8.75 บาท จากราคาเปิดตลาดอยู่ที่ 77.75 บาท มาปิดที่ 69 บาท เป็นการลงแรงถึง 11.25% ต่ำสุดในรอบ 6 เดือน หลังจากที่เคยมีราคาสูงสุดในวันที่ 7 พ.ย. 2560 ในราคาที่ 104 บาท
ส่วนหนึ่งเป็นผลสะท้อนจากเรตติ้งทั้งช่อง และรายการหลักระดับ “แม่เหล็ก” ของเวิร์คพอยท์อย่าง “The Mask Singer” หรือ “หน้ากากนักร้อง” กำลังดิ่งลงอย่างหนัก
นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ได้จับตามองเห็นความเปลี่ยนแปลงด้านผลตอบรับความนิยมของทั้งช่องและรายการสำคัญมาตั้งแต่เดือนธันวาคมปีที่แล้ว ส่งผลให้เรตติ้งเริ่มลดลงแพ้ช่องโมโน ที่นำเสนอภาพยนตร์และซีรีส์ต่างประเทศ แต่โดยรวมทั้งปีก็ยังประคองตัวรักษาอันดับเรตติ้งเป็นช่องอันดับ 3 ได้
ปีที่แล้ว 2560 ถือว่าเป็นช่วงทองของ “เวิร์คพอยท์” แจ้งผลประกอบการปี 2560 ว่าบริษัทมีรายได้รวมทั้งสิ้น 3,852.50 ล้านบาท สูงขึ้นจากปี 2559 ที่มีรายได้รวม 2,667.05 ล้านบาท คิดเป็น 44% โดยมีกำไรสูงถึง 904.09 ล้านบาท สูงกว่าปี 2559 ถึง 355% ซึ่งปี 2559 มีกำไรอยู่ที่ 198.63 ล้านบาท
รายได้หลักมาจากกิจการโทรทัศน์ ซึ่งมีรายได้รวม 3,478.35 ล้านบาท โดยรายได้ส่วนนี้มาจากรายได้ของช่องเวิร์คพอยท์จำนวน 3,208.76 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้น 979.72 ล้านบาท หรือ 44% เมื่อเทียบกับปี 2559
ความสำเร็จของเวิร์คพอยท์ในปีที่แล้ว มาจากรายการ The Mask Singer หน้ากากนักร้อง ที่เปิดตัวซีซั่นแรก ก็กระชากเรตติ้งถล่มทลายได้เรตติ้งสูงสุดถึง 13.371 โดยมีเรตติ้งเฉลี่ยอยู่ที่ 6.55 แซงหน้าละครหลังข่าวช่วงเวลาไพรม์ไทม์ทั้งของช่อง 7 และช่อง 3 เป็น Talk of the town ไม่มีใครไม่รู้จัก ทุกคนต้องดู
ในขณะที่ซีซั่น 2 ออกอากาศช่วงเดือนเมษายนถึงสิงหาคมปีที่แล้ว แม้เรตติ้งจะลดลงไปบ้างแต่ก็ได้เฉลี่ยทั้งซีซั่นอยู่ที่ 7.311 และเคยได้สูงสุดอยู่ที่ 9.383 ส่วนซีซั่น 3 ที่ออกอากาศต่อเนื่องกันมาและจบไปเมื่อต้นเดือน ก.พ. 2561 ได้เรตติ้งเฉลี่ย 3.579
แม้ว่าภาพรวมทั้งปีกำไรพุ่งสูงสุด แต่ว่าผลประกอบการไตรมาส 4 ปี 2560 มีตัวเลขขาดทุนอยู่ที่ 22 ล้านบาท
ตัวเลขเรตติ้งช่วงไตรมาส 4 เริ่มถดถอยลงต่อเนื่อง เมื่อรายการใหม่ๆ ที่คาดหวังไว้ไม่ประสบความสำเร็จ โดยเฉพาะรายการ The X Factor จบลงไปด้วยเรตติ้งเฉลี่ยเพียง 1.309
เมื่อเปิดศักราชใหม่เวิร์คพอยท์ ยังคงให้น้ำหนักกับรายการ วาไรตี้ “เกมโชว์” ซึ่งเป็นจุดขายสำคัญของช่อง รายการที่เวิร์คพอยท์หวังจะเป็นหมัดเด็ดดึงเรตติ้งก็ไม่เป็นไปตามคาดหมาย
The Show : ศึกชิงเวที ที่เป็นการ battle กันระหว่างนักร้องทีมชายและทีมหญิง จัดลงผังทุกวันอังคาร หลังข่าวในช่วงไพรม์ไทม์ แต่เปิดตัวออกอากาศครั้งแรกได้เรตติ้งไปเพียง 1.73 และค่อยๆ ลดลง จนสัปดาห์ที่แล้วได้เรตติ้งไปเพียง 1.32 เท่านั้น
ในขณะที่ซีรีส์อินเดีย “ศึกสองราชันย์ โปรุส VS อเล็กซานเดอร์” ซีรีส์ประวัติศาสตร์อินเดีย สงครามครั้งสุดท้ายของกษัตริย์อเล็กซานเดอร์มหาราช เวิรค์พอยท์จัดลงทุกวันจันทร์ถึงศุกร์ หลังรายการวาไรตี้ช่วงไพรม์ไทม์ ที่หวังว่าจะเปรี้ยง แต่เรตติ้งก็ไม่มาตามคาด สัปดาห์ที่ผ่านมา เรตติ้งอยู่ในระดับ 0.4 – 0.6 เท่านั้น
รายการใหม่อย่าง My Mom Cook หรือเชพไม่ทิ้งแถว ในวันเสาร์ ได้เรตติ้งในเสาร์ที่ 10 มีนาคมที่ผ่านมาเพียง 0.799
นอกจากนี้ช่วงละครไทย “สาวน้อยร้อยหม้อ” ที่ลงผังไพรม์ไทม์วันหยุด ตอนจบในวันอาทิตย์ที่ 11 ก.พ.ที่ผ่านมา ได้เรตติ้งอยู่ที่ 1.51 โดยจะมีละครใหม่ “คู่ซี้ผีมือปราบ” ได้สองนักแสดงใหญ่ “ติ๊ก เจษฎาภรณ์ และ ชาคริต แย้มนาม ออนแอร์ต่อ
ส่งผลให้เรตติ้งของเวิร์คพอยท์ที่เคยอยู่อันดับ 3 ในปี 2560 ต้องหล่นมาอยู่อันดับ 4 ในช่วง 2 เดือนแรกของปี 2561 โดยช่องโมโนเบียดขึ้นมาเป็นอันดับ 3
ที่ผ่านมา รายการ I can see your voice หรือ นักร้องซ่อนแอบ และ The Mask Singer แม้ว่าจะมีเรตติ้งลดลงไป แต่ทั้งสองรายการยังคงเป็น “รายการหลัก” ให้กับช่องเวิร์คพอยท๋ สร้างเรตติ้งสม่ำเสมอในผังวันพุธ และพฤหัส ทุกสัปดาห์ สามารถสู้กับละครช่องของช่อง 3 และช่องวัน ซึ่งเป็นช่องที่มีฐานผู้ชมเป็นกลุ่มเป้าหมายเดียวกันอย่างคนกรุงเทพฯ และคนหัวเมืองหลักได้อย่างสูสีบ้าง
แต่เมื่อละครไทยเริ่มมาแรง ตั้งแต่ ”เรือนเบญจพิษ” ของช่องวัน ทำให้เรตติ้งทั้งสองรายการเริ่มได้รับผลกระทบ
อีกทั้งยังมาเจอ “บุพเพสันนิวาส” ฟีเวอร์ ที่ช่อง 3 จัดลงผังวันพุธและพฤหัส ทั้งสองรายการหลักของเวิร์คพอยท์ก็ต้องรับผลกระทบเข้าอย่างจังๆ
“บุพเพสันนิวาส” ออกอากาศตอนแรก ก็ชนะทั้งสองรายการ แต่เรตติ้งยังไม่ทิ้งห่างมากนัก ได้เรตติ้ง 3.417 และ 4.769 โดยที่ I can see your voice ได้เรตติ้ง 2.791 ในขณะที่ The Mask Singer 4 อยู่ที่ 3.186
พอมาสัปดาห์ต่อมาตอนที่ 3 และ 4 ของบุพเพสันนิวาส เริ่มกวาดเรตติ้งไปที่ 7.311 และ 8.197 ทำให้ทั้งสองราย การเรตติ้งลงลงอีก โดย I can see your voice ได้เรตติ้งอยู่ที่ 2.136 และ The Mask Singer 4 ได้ 1.888 เท่านั้น
เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เมื่อ “บุพเพสันนิวาส” เรตติ้งถล่มทลาย 11.354 และ 12.645 I can see your voice เหลือเพียง 1.992 ในขณะที่ The Mask Singer 4 รูดลงหนักมาอยู่ที่ 1.609 เท่านั้น
สถานการณ์ในทุกวันพุธ และพฤหัสทุกสัปดาห์ ก็คงจะเป็นเช่นนี้ไปอีกระยะของกระแส “บุพเพสันนิวาส” จนกว่าจะจบลง และหวังว่าจะไม่มีละครชุดใหม่มาปังต่อเนื่องอีก จึงส่งผลกระทบต่อราคาหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ฯ อย่างหนักในช่วงนี้
น่าจับตามองว่าในวิกฤติเช่นนี้ เวิร์คพอยท์ที่ขึ้นชื่อว่า เป็นบริษัทที่มีครีเอทีฟสูง สร้างสรรค์คอนเทนต์ใหม่ๆ พร้อมปรับเปลี่ยนจัดรายการใหม่ลงผังได้อย่างรวดเร็ว จะใช้กลยุทธ์อะไรในการสร้างรายการใหม่ ฟื้นความนิยมกลับคืนมา เพื่อพร้อมที่จะสู้ชิงทั้งเรตติ้ง และสร้างกระแสขึ้นมาได้อีกครั้ง
เพราะบทเรียนการต่อสู้ในสังเวียนทีวีดิจิทัลที่ผ่านมา ทำให้เห็นว่า ไม่มีใครชนะได้ตลอดกาล อยู่ที่ว่าใครมีคอนเทนต์ที่โดนใจผู้ชมได้มากที่สุด กระแสก็พร้อมเหวี่ยงกลับไปมาได้ตลอดเวลา.
]]>ทิศทางการขับเคลื่อนธุรกิจและวง BNK48 ในปี 2561 ทางผู้บริหาร “จิรัฐ บวรวัฒนะ” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บีเอ็นเค โฟร์ตี้เอท ออฟฟิศ จำกัด ได้ให้สัมภาษณ์ผ่านทางคลื่นแคทเรดิโอเกี่ยวกับไอเดียในการนำไอดอลไปร่วมงานกับบริษัท เวิร์คพอยท์ จำกัด (มหาชน) ผ่านรายการเกมโชว์ และวาไรตี้ เพื่อออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ดิจิทัลช่องเวิร์คพอยท์
นอกจากนี้ จะผนึกกับสำนักพิมพ์แซลมอน ในเครือบันลือ กรุ๊ป เพื่อผลิตหนังสือ และต่อยอดด้วยการร่วมกับ “แซลมอน เฮ้าส์” เพื่อทำภาพยนตร์สารคดี BNK48 และเข้าฉายในโรงภาพยนตร์กลางปี 2561 ด้วย ซึ่งภาพยนตร์สารคดีดังกล่าว ได้ผู้กำกับชื่อดังอย่าง “เต๋อ นวพล ธำรงรัตนฤทธิ์” มาทำหน้าที่กำกับเรื่องให้
รวมถึงการระดมวงแฟรนไชส์ในเครือ “48” อีก 2-3 วง มาร่วมกิจกรรม Tokyo Idol Thailand พร้อมกับไอดอลกรุ๊ปอื่นๆ อีก 6-7 วง ในงาน Thailand Comic Con 2018 ซึ่งจะมีขึ้นวันที่ 27-28 เม.ย.นี้ ที่สยามพารากอน
ส่วนกิจกรรมที่เรียกว่าเป็นไฮไลต์ของวงคือการจัดมินิคอนเสิร์ตและ “งานจับมือ” ที่ปีนี้จะมีการตระเวนจัดตามหัวเมืองต่างหวัดมากขึ้น ซึ่งคาดว่าจะประเดิมที่จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อให้บรรดา “โอตะ” จำนวนมากได้ใกล้ชิด อีกทั้งยังเป็นการสร้าง “รายได้” ให้กับบริษัท เพราะการจะเข้าร่วมกิจกรรมนี้เหล่าโอตะจะต้องซื้อซีดีซิงเกิลเพลงก่อนนั่นเอง แต่โมเดลดังกล่าวถือว่าเดินตามรอยรุ่นพี่อย่าง AKB48 เช่นกันที่เดินสายไปพบโอตะและจัดกิจกรรมในต่างจังหวัด ส่วน BNK48 Digital Studio หรือตู้ปลา ที่ให้สมาชิกในวงทำรายการสด ก็จะเห็นในต่างจังหวัด เช่นกัน
เป็นเวลา 1 ปี ที่ BNK48 ทำวงขึ้นมา แต่ความสำเร็จไม่ได้เกิดขึ้นเพียงข้ามคืนเหมือนที่ดังปรอทแตกในเวลานี้ แต่เมื่อแจ้งเกิดอย่างเต็มรูปแบบ ก็ไม่แปลกที่ผู้บริหาร จะมีจุดมุ่งหมายที่ใหญ่ขึ้น ด้วยการนำวงแสดงคอนเสิร์ตบนเวทีใหญ่อย่าง “สนามราชมังคลากีฬาสถาน” ที่จุคนได้ร่วม 65,000 คน และหากได้ยืนในจุดดังกล่าว “จิรัฐ” จะถือว่าปั้นไอดอลกรุ๊ปนี้ได้สำเร็จอย่างแท้จริง เพราะต้องยอมรับว่าโมเดลธุรกิจดังกล่าวยังเป็นเรื่องใหม่ และผู้บริโภคเพิ่งเปิดรับ กระแสปัง!ที่เกิดขึ้น เป็นเพียงก้าวที่ 2 ของเส้นทางเดินเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม อีกแผนที่ปลุกกระแสของวงให้ยังโชติช่วง คือการจัดกิจกรรมที่มีความเป็นไทยผสมผสานเข้าไป เช่น การละเล่นของไทย วัฒธรรม ประเพณีสงกรานต์ ลอยกระทง โดยขณะนี้อยู่ระหว่างระดมสมองกับพาร์ตเนอร์เพื่อเข็นไอเดียออกมา
“เรานำระบบจากญี่ปุ่นมาใช้ แต่พื้นฐานเรายังเป็นคนไทยอยู่ จึงอยากตอกย้ำลงไปในกิจกรรม และไม่แน่ กิจกรรมที่เราทำอาจย้อนกลับไปที่ญี่ปุ่นก็ได้”
ส่วนกิจกรรมอื่นๆ ที่จะเห็นในปีนี้ คือการเลือกตั้งหรือกิจกรรมที่ให้เหล่าโอตะได้โหวตให้สมาชิกที่ตนชอบได้ เป็น “เซมบัตสึ” หรือสมาชิกในวงที่จะได้มีส่วนร่วมในซิงเกิล ซึ่งผู้จะโหวตได้ก็ต้องเสียเงินซื้อซีดีซิงเกิลก่อนนะจะบอกให้ รวมถึงงาน “เป่า ยิ้ง ฉุบ” ซึ่งเป็นการหาผู้ชนะหนึ่งเดียวคว้าโอกาสออกซิงเกิลเดี่ยวนั่นเอง ขณะที่ความคืบหน้าการทำซิงเกิลใหม่ก็ยังไม่มีการนำเพลง Heavy Rotation อีกเพลงฮิตของ AKB48 มาใช้แต่อย่างใด ซึ่งสาวกคงต้องรอไปก่อน
เป็นประเด็นร้อนที่สร้างแรงกระเพื่อมให้ธุรกิจ และกระทบใจเหล่าโอตะไม่น้อย สำหรับกรณี “แจน เจตสุภา เครือแตง” สมาชิกทีมบีทรี (BIII) ประกาศจบการศึกษา (ลาออก) “จิรัฐ” ไม่คิดว่าจะจุดประกายให้สมาชิกในวงคนอื่นประกาศจบการศึกษาตามเรื่อยๆ ซึ่งการออกจากวงแต่ละคนคงมีเหตุผล และในกรณีของ “แจน” เพราะเหตุผลส่วนตัว ประกอบกับทาง “มาร์คซัง ทากะฮิโตะ คัตสึตะ” ผู้ประสานงานฝ่ายต่างประเทศของวง และพาร์ตเนอร์ของตนมองเห็นว่า “แจน” มีโอกาสที่จะได้ทำงานในประเทศญี่ปุ่นในหลายๆ ด้าน ถ้าหากอยู่กับ BNK48 แล้วจะมีความขัดกันในแง่ของผู้สนับสนุน (Sponsorship) ทุกฝ่ายจึงเห็นด้วยกับการลาออก
อย่างไรก็ตาม ในประเทศหากมีสปอนเซอร์สนใจให้แจนร่วมงาน คงขึ้นกับโอกาส และมีความเป็นไปได้ที่จะเจริญรอยตาม “พิมฐา ฐานิดา มานะเลิศเรืองกุล” เน็ตไอดอลชื่อดังที่เป็นตัวแทนทำกิจกรรมการตลาดให้กับการท่องเที่ยวญี่ปุ่น ซึ่ง “จิรัฐและมาร์คซัง” เคยทำมาแล้ว ส่วนการร่วมกิจกรรมอื่นๆ กับ BNK48 คงต้องพิจารณาเป็นงานๆ ไป
“การเป็นแขกรับเชิญไม่ได้หมายความว่าทำไม่ได้ แต่ยังไม่มีแพลน โดยแจนยังคงสังกัดภายใต้บริษัท บีเอ็นเคฯ เพียงแต่ให้มาร์คซังช่วยบริหารต่อไป”
]]>