เริ่มจากการออกซีรี่ส์ผลิตภัณฑ์เสื้อผ้า และเอคเซสเซอรี่กีฬาคอลเลคชั่นเดอะร็อค โดยใช้สัญลักษณ์วัวบราห์มันสีเหลืองพร้อมแอปพลิเคชั่นนาฬิกาปลุก

ที่มา “โลโก้” คอลเลคชั่น 

คงไม่มีอะไรดีไปกว่าการใช้สัญลักษณ์ประจำตัวของพรีเซ็นเตอร์แล้ว ทำให้คนทั่วไปจดจำได้ทันที ทำให้อันเดอร์ อาร์เมอร์ เลือกใช้สัญลักษณ์วัวบราห์มันสีเหลืองมาเป็นโลโก้ของคอลเลคชั่นเดอะร็อค เนื่องจาก ดเวย์น จอห์นสัน หรือ เดอะร็อค เคยมีชื่อเรียกว่า เดอะบราห์มา บูล ตั้งแต่สมัยที่เป็นนักมวยปล้ำ WWE โดยมีสัญลักษณ์เป็นรูปศีรษะของวัวบราห์มัน ทำให้สัญลักษณ์ Brahma bull กลายเป็นโลโก้ประจาตัวของ “เดอะร็อค” ไปโดยปริยาย ขนาดที่สมาคมมวยปล้ำอาชีพ (WWE) เคยทำเข็มขัดแชมเปี้ยนมอบให้ “เดอะร็อค” โดยหัวเข็มขัดเป็นวัวบราห์มัน

จากนั้นก็ใช้สัญลักษณ์นี้เป็นตัวแทนเพื่อสื่อความหมายถึง การสร้างแรงบันดาลใจให้ผู้คนผลักดันตัวเองให้ดีกว่าเดิมเสมอ ของเดอะร็อค

ดังประโยคที่ ดเวย์น ได้กล่าวไว้ว่า

พวกเราล้วนแล้วมีความหวัง เป้าหมาย ความฝัน และความปรารถนา และผมตั้งใจสร้างโปรเจกต์นี้ขึ้นมาเพื่อช่วยให้พวกคุณไปให้ถึงเป้าหมาย มาร่วมกันทำมันให้เป็นจริงและไล่ล่าความยิ่งใหญ่ไปด้วยกัน

นอกจากผลงานการแสดงแล้ว เดอะร็อค ยังเป็นไอดอลของบรรดาหนุ่มๆ ในเรื่องของการเข้มงวดกับการออกกำลังกายอย่างมีระเบียบวินัย โดยพยายามหาเวลาว่างในการพบปะแฟนคลับ แชร์แผนไดเอ็ตผ่านอินสตาแกรม หรือปล่อยคลิปออกกำลังกายเจ๋งๆ มาสร้างแรงบันดาลใจให้สาวกอยู่เสมอๆ

Project Rock ประกอบไปด้วยไลน์ เสื้อผ้า และเอคเซสเซอรี่กีฬา ตั้งแต่หัวจรดเท้า ที่เดอะร็อคได้ร่วมกับ Under Armour ในการออกแบบ เช่น เสื้อผ้าเทรนนิ่งคอลเลคชั่น UA SuperVent Project Rock (ยูเอ ซูเปอร์เวนท์ โปรเจกต์ เดอะร็อค) และรองเท้า Project Rock Delta (โปรเจกต์ ร็อค เดลต้า)

โดยคอลเลคชั่นนี้ผลิตขึ้น เน้นสร้างความเย็นให้แก่ร่างกายจากเทคโนโลยี UA CoolSwitch (ยูเอ คูลสวิช) การระบายอากาศและความร้อนจากเทคโนโลยี ArmourVent® (อาร์เมอร์เวนท์) และเนื้อผ้า HeatGear® (ฮีทเกียร์) ดูดซับความเปียกชื้นให้ร่างกายแห้ง ซึ่งเป็นจุดขายของคอลเลคชั่นนี้

เพื่อให้ประสบการณ์ในการใช้เสื้อผ้าคอลเลคชั่นดังกล่าวไม่จบแค่การซื้อมาสวมใส่ แต่ให้ความรู้สึกถึงความแตกต่าง และยังคงใกล้ชิดกับความเป็นเดอะร็อค เชื่อมโยงถึงแมสเสจของแคมเปญ ที่ให้คนลุกขึ้นมาผลักดันตัวเองเพื่อไปสู่เป้าหมาย จึงเป็นที่มาของ ROCK CLOCK แอปพลิเคชั่นนาฬิกาปลุก ที่จะมีข้อความเอ็กซ์คลูซีฟจากเดอะร็อคทุกวัน โดยมีเสียงตั้งปลุกที่เขาทำเอง 25 เสียง ทั้งเสียงพูดหรือริงโทนกวนๆ แบบนุ่มอ่อนหวาน ร็อค โอลสคูล เมทอล ฮ็อค เสียงเหล็กกระทบกัน

ROCK CLOCK ต่างจากแอปนาฬิกาปลุกทั่วไปตรงที่ไม่มีปุ่ม SNOOZE กลับกันจะมีข้อความชุดก่อกวนจนกว่าจะลุกออกจากเตียง แล้วออกไปทำภารกิจสำคัญ แล้วทำมันให้ดีที่สุด (seize the day) จะเลือกตั้งปลุกตามเวลาของตัวเอง หรือจะตื่นเวลาเดียวกับเดอะร็อค Rock Time คือ ตี 4 15 นาที และออกกำลังกายไปพร้อมกับเขา ตามสไตล์ของเดอะร็อคที่จะต้องตั้งเป้าหมาย ก่อนตั้งนาฬิกาปลุก คุณจะต้องตั้งเป้าหมาย ไม่ว่าจะเป็นการวิ่ง 50 ไมล์ต่อสัปดาห์ หรือเลิกดูทีวี กินอาหารที่ดีต่อสุขภาพมากขึ้น อะไรก็ตามที่ทำให้คุณดีขึ้น

นอกจากนี้ จะมีอัปเดตวิดีโอสร้างแรงบันดาลใจลงในแอปทุกวัน คล้ายกับคลิปที่ได้เห็นใน instagram และเฟซบุ๊กของเดอะร็อค

แน่นอนว่า อันเดอร์ อาร์เมอร์ ไม่ลืมที่จะให้ผู้ใช้สามารถแชร์เรื่องราวผ่านอินสตาแกรมด้วยใช้ #RockClock

แคมเปญนี้น่าจะเป็นหนึ่งในตัวอย่างของการใช้คนดังมาเป็นพรีเซ็นเตอร์ดึงจุดขายให้ส่งเสริมภาพลักษณ์ของกันและกัน.

ไม่แปลกที่ เดอะ ร็อค จะใช้จ่ายเงินมากมายที่ได้รับมาอย่างเต็มที่ ทั้งเพื่อความสุขสบาย และความต้องการต่างๆ แต่การใช้จ่ายของซูเปอร์สตาร์วัย 45 ปี ก็ยังคงสะท้อนตัวตนความเป็น เดอะ ร็อค ออกมาได้อย่างชัดเจน เป็นการใช้จ่ายอย่างมีความหมาย และยังสามารถต่อยอดความสำเร็จขึ้นไปอีกเรื่อยๆ ด้วย

นักอเมริกันฟุตบอลตกกระป๋อง, นักมวยปล้ำระดับลูกสมุน สู่ ซูเปอร์สตาร์แห่งฮอลลีวูด

เดอะ ร็อค เกิดมาในตระกูลนักมวยปล้ำอาชีพ เขาเป็นหลานชายของ ปีเตอร์ มายเวีย ตำนานแห่งวงการมวยปล้ำ และเป็นลูกชายของ ร็อคกี้ จอห์นสัน นักมวยปล้ำชื่อดัง แต่ตัวของ เดอะ ร็อค กลับเริ่มต้นเส้นทางแห่งความยิ่งใหญ่ด้วยการเป็นนักอเมริกันฟุตบอล เขาได้เข้าเป็นสมาชิกของทีมฟุตบอล ไมอามีเฮอร์ริเคน แห่งมหาวิทยาลัยแห่งไมอามี ที่ได้ชื่อว่าเป็นทีมอเมริกันฟุตบอลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดทีมหนึ่งในระดับมหาวิทยาลัย ก่อนจะจบการศึกษาจากคณะบริหารธุรกิจบัณฑิต และเริ่มต้นเล่นอเมริกันฟุตบอลในระดับอาชีพทันที

แต่สุดท้ายก็ไม่ค่อยประสบความสำเร็จนัก เดอะ ร็อค ได้เข้าทีมแคลกะรี สแตมป์พีเดอร์ และเล่นอยู่ที่นั่น 2 ปี ก่อนจะผันตัวไปสู่การเป็นนักมวยปล้ำตามเส้นทางของตา และพ่อแทน

ที่วงการมวยปล้ำ เดอะ ร็อค ก็ไม่ได้โด่งดังในทันที เขาเริ่มต้นจากบทตัวรองๆ เป็นลูกสมุนของนักมวยปล้ำดัง ก่อนจะค่อยพัฒนาฝีมือขยับบทบาท จนกลายเป็นคู่ปล้ำคู่หลัก และกลายเป็นดาราแม่เหล็กสัญลักษณ์ของ WWE ในเวลาต่อมา

เดอะ ร็อค มาโด่งดังอย่างสุดขีด เมื่อผันตัวเข้าสู่วงการภาพยนตร์ จนกลายเป็นดาราซูเปอร์สตาร์ ขึ้นแท่นเป็นดาราแอ็กชั่นเบอร์ต้นของวงการแทนที่ อาร์โนลด์ และ สตอลโลน ที่ค่อยๆ โรยลงไป เดอะ ร็อค ยังได้ชื่อว่าเป็น “ผู้ชุบชีวิตแฟรนไชส์ที่ใกล้ตาย” ด้วย เพราะหนังภาคต่อที่อนาคตเริ่มตีบตัน มักจะเลือกใช้บริการของ เดอะ ร็อค ที่สามารถช่วยให้หนังกลับมาฮิตติดลมบนได้อยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นหนังชุด GI Joe หรือ Fast and Furious ที่การเข้ามาเสริมทีมของ เดอะ ร็อค ได้เปลี่ยนแปลงภาพของหนังชุดนี้ไปโดยปริยาย

ต่อยอดชื่อเสียง – สร้างแบรนด์ “เดอะ ร็อค”

ปัจจุบัน เดอะ ร็อค เป็นทั้งนักแสดง, เป็นผู้อำนวยการสร้าง และยังเปิดบริษัทผลิตภาพยนตร์ภายใต้ชื่อ 7 Bucks Productions ที่มีผลงานทั้งซีรีส์ Ballers และหนัง Baywatch ที่กำลังจะเข้าฉายด้วย ซึ่งชื่อบริษัท 7 Bucks หรือ “เจ็ดเหรียญฯ” ก็คือเงินในกระเป๋าทั้งเนื้อทั้งตัวของ เดอะ ร็อค ในวันที่เดินทางกลับจากแคนาดาแบบไม่เหลืออะไรเลย หลังชีวิตนักอเมริกันฟุตบอลปิดฉากลง เพื่อมาเริ่มต้นใหม่กับการเป็นนักมวยปล้ำนั่นเอง

นอกจากงานแสดงแล้ว เดอะ ร็อค ยังรับงานเป็นพรีเซ็นเตอร์สินค้ามากมาย และ เดอะ ร็อค ก็เลือกสินค้า และแบรนด์ที่สามารถส่งเสริมภาพลักษณ์ของเขาให้ชัดเจนอย่าง Under Armour แบรนด์เครื่องกีฬาที่กำลังมาแรงในขณะนี้ ซึ่งเปิดโอกาสให้เขาได้ออกไลน์สินค้าที่ไม่เพียงทำให้แฟนๆ ของ เดอะ ร็อค สนใจ แต่ยังช่วยส่งเสริมภาพลักษณ์ความเป็น เดอะ ร็อค ในวงการกีฬาด้วย

รายได้มหาศาล, ใช่จ่ายอย่างสนุก แต่ไม่เคยลืมกำพืด

แน่นอนว่า เดอะ ร็อค ยังใช้จ่ายเงินเพื่อนความสุขส่วนตัวเช่นเดียวกับนักแสดงชื่อดังมากมาย เดอะ ร็อค ยังชื้อบ้าน และที่ดินเก็บเอาไว้มากมาย ตลอด 10 ปีที่ผ่านมาเขาซื้อขายบ้านไปเป็น 10 หลัง บางครั้งขายขาดทุน แต่บางครั้งก็ทำกำไรได้เช่นเดียวกัน

เดอะ ร็อค ยังใช้เงิน 1 ล้านเหรียญฯ ซื้อรถสุดหรู Pagani แบบ custom made มาเป็นเจ้าของ, เคยควักเงิน 35,000 เหรียญฯ ซื้อนาฬิกา Rolex เรือนแรกในชีวิตให้กับตัวเองอย่างที่ฝันมานาน ตอนเป็นนักมวยปล้ำ และปัจจุบันเดินทางด้วยเครื่องบินส่วนตัว Gulfstream G650 ที่เจ้าตัวไม่ได้บอกว่าซื้อ หรือเช่ามา

ทั้งหมดเป็นชีวิตที่เจ้าตัวเองก็ยังยอมรับว่าเหมือนกับความฝัน ไม่ใช่สำหรับตัวของเขาเองเท่านั้น แต่ยังเป็นฝันที่เป็นจริงสำหรับคนในครอบครัวของ เดอะ ร็อค ด้วย …”แม่ผมเคยถูกไล่ออกจากอพาร์ตเมนต์ในฮาวายตอนผมอายุ 14 เพราะจ่ายค่าเช่าสัปดาห์ละ 180 เหรียญฯ ไม่ไหว วันนี้แม่บอกว่าท่านมีความสุขแล้ว… ทุกคนคงทราบดี ว่าเมื่อพ่อแม่บอกว่าตอนนี้พวกท่านมีความสุขมากๆ สำหรับเรามันยิ่งกว่าความพอใจ เพราะหมายความว่าในฐานะลูก เราเองก็ทำได้ไม่เลวเลย” เดอะ ร็อค เคยเล่าเอาไว้

ปัจจุบันแม้ เดอะ ร็อค จะเป็นซูเปอร์สตาร์ระดับมหาเศรษฐีแล้ว แต่เขาก็ยังเข้มงวดกับตัวเองเสมอ เดอะ ร็อค ใช้เวลาในยิมวันละหลายๆ ชั่วโมง และควบคุมอาหารอย่างมีระเบียบวินัยเหมือนกับสมัยเป็นนักกีฬาอาชีพ

และที่สำคัญก็คือ เดอะ ร็อค เป็นดาราดังที่ได้รับการยอมรับว่าให้เกียรติทั้งทีมงาน และแฟนคลับเสมอ เขาเป็นที่ชื่นชอบของเหล่าทีมงานระดับล่างๆ และพร้อมที่จะใช้เวลากับแฟนคลับเด็กๆ เคยสร้างความประทับใจด้วยการหยุดรถ เพื่อลงไปคุยกับแฟนคลับที่พยายามไล่ตามมาแล้ว ยังคงทำตัวแบบเดียวกับสมัยที่ยังเป็นนักมวยปล้ำ ที่ชื่อว่าปฏิบัติกับแฟนคลับอย่างเสมอต้นเสมอปลายที่สุดคนหนึ่งเสมอ

ที่มา : http://www.thisisinsider.com/how-rock-makes-spends-his-millions-2016-8?op=1/#johnson-has-been-running-7-bucks-productions-with-his-ex-wife-dany-garcia-since-2012-through-it-theyve-produced-ballers-and-johnsons-upcoming-baywatch-movie-6