เทรนด์สี – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Thu, 28 Mar 2019 20:22:26 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 เปิดเคล็ดลับการใช้ “สี” ออกแบบเว็บไซต์ ให้แบรนด์ถูกจดจำ https://positioningmag.com/1214500 Sat, 16 Feb 2019 02:57:38 +0000 https://positioningmag.com/?p=1214500 ภาพจาก : freepik

สีสันทำให้การออกแบบเว็บไซต์มีชีวิตชีวา และทุกแห่งมีสี อยู่ที่จะหยิบมาใช้อย่างไรให้ถูก ให้สามารถส่งเสริมหรือกระตุ้นอารมณ์ในแบบที่แบรนด์ต้องการ โดยเฉพาะจากผู้เยี่ยมชมเว็บไซต์

แม้สีจะไม่ใช่องค์ประกอบในการสร้างเว็บที่สมบูรณ์ แต่สีมีอิทธิพลต่อความรู้สึกและการดึงดูดโดยตรง เพราะอะไรอย่างน้อยในการพัฒนาเว็บแบรนด์ก็ควรมีหลัก หรือทฤษฎีสีเพื่อเป็นเครื่องมือที่จะพัฒนาเครื่องมือดิจิทัล อย่างเว็บไซต์ ให้เกิดประสิทธิภาพต่อ และโดดเด่น 

วิธีการเลือกสีที่เหมาะสมสำหรับการออกแบบเว็บ

การเลือกสีเป็นมากกว่าเรื่องของความชอบส่วนตัว แต่ละสีมีความหมายแตกต่างกัน และสามารถมีอิทธิพลต่อมนุษย์ในรูปแบบเฉพาะ เพราะมันมีพลังในการถ่ายทอดหรือสื่อข้อความที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจได้ทันที

โทนสีแต่ละสีก็จะให้ความหมายและความรู้สึกที่ต่างกันไปดังนี้ 

โทนสีอบอุ่น หรือโทนสีร้อน

  • สีแดง – ปราดเปรียว, อารมณ์, ความรัก, ความแข็งแกร่ง, ความรุนแรง
  • ชมพู – หวานโรแมนติก ขี้เล่น อบอุ่น มีเมตตาเห็นอกเห็นใจ
  • ส้ม – อบอุ่น ความกระตือรือร้น ความสำเร็จ ความมุ่งมั่นเป็นมิตร
  • สีเหลือง – อ่อนเยาว์มีชีวิตชีวา สดชื่น มองโลกในแง่ดี

ตัวอย่างเว็บไซต์ที่เลือกใช้โทนสีอบอุ่นหนึ่ง เป็นเว็บไซต์ที่เกี่ยวกับสตาร์ทอัพด้านไวน์ เลือกใช้สีแดงเพื่อสื่อถึงแพชชั่น แต่ถ้าใช้เพียงสีเดียวจะทำให้เกิดความรู้สึกถูกกระตุ้นมากเกินไป ดังนั้นจึงมีการผสมกับสีโทนเย็นและสีธรรมชาติอย่าง สีดำ, สีขาว, สีเทา และสีน้ำตาล

สีโทนเย็น

  • สีเขียว – สดชื่น, สงบ, ผ่อนคลาย, เชื่อถือได้, เงียบสงบ, มีความหวัง, เยียวยา
  • สีน้ำเงิน – ความสะดวกสบาย ความชัดเจน ความสงบ ความน่าเชื่อถือ ความซื่อสัตย์ ความภักดี ความลอยัลตี้
  • สีม่วง – ความเย้ายวนใจ, พลัง, ความคิดถึง, ความหรูหรา, ความทะเยอทะยาน, จิตวิญญาณ

ตัวอย่างสีเหล่านี้ มีผลต่อผู้ชม และคือเหตุผลว่าทำไมสีเหล่านี้จึงเป็นสีที่ใช้บ่อยที่สุดบนเว็บไซต์ แต่ต้องระวัง หากใช้มากเกินไปจะทำรู้สึกเย็นชาและไร้อารมณ์ได้

สีธรรมชาติ

  • สีเทา – การเคารพ, ปัญญา, ความอดทน, ความทันสมัย ,ความยืนยาว, ความเฉลียวฉลาด
  • สีดำ – ทรงพลัง, กล้าหาญ, จริงจัง, สง่างาม, หรูหรา, น่าทึ่ง, เป็นทางการ
  • น้ำตาล – มิตรภาพ, โลก, บ้าน, เอาต์ดอร์, ความน่าเชื่อถือ, ความเรียบง่าย, ความอดทน

สีพวกนี้เหมาะในการผสมกับโทนสีอบอุ่นหรือสีโทนเย็น และมักใช้เพื่อลดโทนสีหลักและสร้างสมดุลในการออกแบบเว็บ

จิตวิทยาแห่งสีและการจดจำแบรนด์

ด้วยตัวอย่างและความหมายของสีที่ยกมา สามารถสะท้อนสิตวิทยาแห่งสีและการจดจำแบรนด์ ในฐานะที่สีเป็นตัวทำหน้าที่หลักในการดึงดูดความสนใจ สร้างความปรารถนาและสร้างลอยัลตี้ต่อผู้เข้าชม เพราะบางครั้งการเห็นแค่สีที่ถูกเลือกมาอย่างเหมาะสม สามารถทำให้ผู้บริโภคมองเห็นถึงแบรนด์ที่คุ้นเคยได้โดยไม่ได้เห็นแม้โลโก้แบรนด์ 

นอกเหนือจากความหมายทั่วไปที่อยู่เบื้องหลังแต่ละสีที่กล่าวถึงข้างต้นแล้ว ยังมีแนวโน้มบางอย่างที่แบรนด์มักจะทำเพื่อสร้างการรับรู้ผ่านสี ดังตัวอย่างต่อไปนี้

  • ร้านอาหารมักจะเป็นสีแดงและสีส้ม 
  • ธนาคารและสถาบันการเงินมักจะเป็นสีน้ำเงิน
  • ผลิตภัณฑ์หรูหรามักบรรจุในแพ็กเกจสีดำ
  • โรงแรมมักจะเป็นสีขาว สีน้ำเงิน สีดำหรือสีเขียว

ดังเช่นตัวอย่างแบรนด์ที่มีชื่อเสียงบางแห่งที่รู้จักกันดีในเรื่องสี เช่น CNN ที่เป็นสีแดงสีขาวและสีดำ สีเหลืองนั้นคือ National Geographic และ McDonald’s ต้องสีแดงและสีเหลืองผสมกัน

ขั้นตอนการใช้ทฤษฎีสีในการออกแบบเว็บ

เมื่อทราบแล้วว่า สีมีผลต่อกลุ่มเป้าหมายอย่างไร แบรนด์สามารถผสมและใช้สีเพื่อให้มีอิทธิพลต่อพฤติกรรมของผู้ใช้มากขึ้นผ่านทฤษฎีสีได้ด้ย

โดยสรุปทฤษฎีสีเป็นศาสตร์ที่อยู่เบื้องหลังการทำงานร่วมกันของสีสำหรับการออกแบบ โดยโครงสร้างที่ยอมรับกันทั่วไปนั้นมี 3 อย่าง คือ triadic (การเลือกใช้สีแบบสมดุลใช้รูปสามเหลี่ยมในวงล้อสี) , complementary (เลือกใช้สีคู่ตรงข้ามสร้างความโดนเด่นกระตุ้นอารมณ์) และ analogue colors (สามสีเรียงกันเป็นโทนสีที่ใช้สีถัดไปในวงล้อสี)

1. การเลือกโทนสีหลัก

ในการเริ่มต้นการออกแบบเว็บเป็นอันดับแรก คือการสร้างสีหลักสำหรับแบรนด์ของคุณ สิ่งนี้ควรพิจารณาจากโลโก้หรือองค์ประกอบอื่นๆ ของแบรนด์ แต่ถ้าทำไม่ได้ ให้ใช้จิตวิทยาสี

2. การพัฒนาโทนสีและเฉดสี

เมื่อมีสีหลักในใจสำหรับเว็บไซต์แล้ว บางเว็บไซต์สามารถใช้เพียงแค่สีเดียวสำหรับการออกแบบ แต่โดยส่วนใหญ่แล้วต้องการเฉดสีหรือสีอ่อนๆ อย่างน้อยสองสามสี และไม่ควรใช้สีหลักตลอดการออกแบบทั้งชิ้นงาน โดยสามารถลดระดับความอ่อนเข้มของโทนสีเพื่อสร้างความหลากหลายบนเว็บไซต์ ในขณะที่ยังคงสีฐานเดิมไว้

ตัวอย่างเช่น หากเลือกเฉดสีอ่อนของสีใดสีหนึ่งสำหรับส่วนต่างๆ ของเว็บไซต์ ก็สามารถใช้โทนสีหลักหรือสีที่โดดเด่นที่สุดสำหรับปุ่ม CTA เพื่อให้โดดเด่นยิ่งขึ้น

โดยหนึ่งในวิธีที่ดีที่สุดสำหรับการเลือกสีคือ Adobe Color Wheel ที่จะช่วยตั้งค่าตัวเลือกกลางให้เป็นสีหลัก แล้วเล่นกับกฎสี เครื่องมือนี้ใช้งานง่ายและสามารถช่วยได้มากเมื่อสำรวจโทนสีสำหรับเว็บไซต์

3. กฎ 60-30-10

การปฏิบัติการตามกฎ 60-30-10 ซึ่งออกแบบโดย JPSDesign เทคนิคนี้ง่าย แต่มีประสิทธิภาพสำหรับการผสมสีที่ต่างกัน นั่นคือ ควรผสมสีในสัดส่วน 60% – 30% – 10% แต่ไม่จำเป็นต้องออกแบบด้วยสามสีเสมอไป แต่วิธีนี้ถือว่าเป็นจำนวนที่สมดุลมากที่สุด

หากเลือกใช้วิธีนี้ วิธีการก็คือ 60% ควรเป็นสีเด่น 30% เป็นสีรองและ 10% เป็นสีที่ใช้เน้น เพราะสัดส่วนนี้เป็นที่พอเหมาะต่อสายตาของมนุษย์เนื่องจากจะช่วยให้องค์ประกอบภาพปรากฏออกมาทีละน้อย

4. ความแตกต่าง

ความแตกต่างของสีเป็นส่วนสำคัญขององค์ประกอบภาพ ตัวอย่างเช่นหากต้องการให้ผู้เข้าชมใส่ใจเป็นพิเศษกับพื้นที่เฉพาะของเว็บไซต์ (เช่นปุ่ม CTA) สามารถใช้สองสีที่แตกต่างกัน เช่น การจับคู่สีอย่างสีส้มและสีเขียว หรือสีแดงและสีน้ำเงินสำหรับพื้นหลังและปุ่ม แต่ต้องใช้อย่างระมัดระวัง แนะนำให้ใช้แค่ที่ต้องการเน้นจะเหมาะกว่า เพราะหากใช้ทั้งหมดจะทำให้อ่านข้อความยาก

5. ทำงานกับรูปภาพ

หากมีภาพอยู่ในใจที่สามารถกำหนดแบรนด์หรือลูกค้าได้ จงเลือกภาพที่สามารถดึงสีหลักจากที่นั่น แต่การทำงานกับภาพหลายภาพอาจเป็นเรื่องยุ่งยาก เพราะจะต้องหาวิธีในการสร้างความกลมกลืนของสีในการออกแบบ แต่ก็มีหลายวิธีในการปรับสมดุลภาพ เช่น

  • เปลี่ยนให้เป็น ระบบสี Grayscale
  • ปรับความสั่นไหวของภาพเพื่อลดโทนสี
  • ใช้สีธรรมชาติเพื่อปรับสมดุลของภาพ
  • หรือสร้างการไล่ระดับสีด้วยเฉดของสีที่เลือกเพื่อออกแบบเว็บ ซึ่งจะใช้วิธีใดก็ขึ้นอยู่กับวิธีการแก้ปัญหาไม่จำเป็นต้องเลือกใช้ทุกวิธี

เคล็ดลับเหล่านี้ น่าจะใช้ประโยชน์ได้สำหรับคนที่ต้องการปรับปรุงหรือกำลังคิดจะออกแบบเว็บไซต์ แต่ทั้งนี้ ก็ต้องจำไว้ว่า ในการออกแบบไม่มีกฎที่ตายตัว และในความเป็นจริง การออกแบบที่ดีที่สุดมักจะโดดเด่นได้ด้วยการฉีกกฎเกณฑ์เดิมๆ จิตวิทยาสีจึงเป็นแค่แนวทางเริ่มต้น สิ่งสำคัญกว่าคือ ต้องไม่กลัวที่จะเชื่อสัญชาตญาณการสร้างสรรค์ในการออกแบบ

ที่มา : https://99designs.com/blog/web-digital/web-design-colors/

]]>
1214500
“สีปะการัง” สีแห่งปี 2019 ฮิตแรงแซงทุกเทรนด์สีโลก https://positioningmag.com/1202759 Thu, 13 Dec 2018 07:12:03 +0000 https://positioningmag.com/?p=1202759 ก่อนหน้านี้สีชมพูพาสเทล Millennial Pink เคยเป็นสีแห่งปีที่ทำให้เราเห็นสิ่งพิมพ์โฆษณา หรือตัวสินค้ามากมายแจ้งเกิดในรูปสีหวานแหววทันสมัย แต่สำหรับปี 2019 สถาบันสีชื่อดังอย่าง Pantone ประกาศสีแห่งปี 2019 เรียบร้อยแล้ว นั่นคือสี “Living Coral” สีส้มของปะการังมีชีวิตที่แสดงถึงการผสมผสานของโลกยุคใหม่และเก่า เนื่องจากสีส้มโทนนี้เคยมีอิทธิพลในสังคมของหลายประเทศช่วงปี 60 มาก่อน

คำจำกัดความของสี Living Coral ที่ Pantone ยกให้เป็น Color of the Year คือการเป็นสีของแรงต้านทาน ระหว่างการเปลี่ยนโฉมของบริษัทเทคโนโลยีและโลกยุคหลังสงคราม คาดว่าสีนี้จะปรากฏในทุกที่ จนทำให้ทุกคนได้เห็นจนชินตาตลอดช่วงปี 2019

สีนี้ให้ 2 อารมณ์

Laurie Pressman รองประธาน Pantone Color Institute อธิบายถึงสี Living Coral ว่าเป็นสีที่ให้ความรู้สึกเดียวกับแนวปะการัง ซึ่งเป็นแหล่งอาหารและที่อยู่อาศัยของสัตว์ในท้องทะเล สีนี้นี้จึงทำให้หลายคนรู้สึกมั่นใจและลอยตัวต่อไปได้ ในสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่องตลอดเวลา 10 ปีที่ผ่านมา

สี Living Coral จึงเป็นสีสันยอดเยี่ยมแห่งปี 2019 ภายใต้การวิเคราะห์ของ Pantone ซึ่งเป็นสถาบันวิเคราะห์แนวโน้มสีทั่วโลก สี Living Coral ยังถูกมองว่าสามารถให้ความรู้สึกปลอบโยนดูแล้วสบายใจ แต่ก็สามารถกระตุ้นพลังได้ในเวลาเดียวกัน ถือว่าเหมาะสมมากที่จะนำมาใช้ในยุคที่โลกเปลี่ยนแปลงตลอดเวลาเพราะเทคโนโลยีและความวุ่นวายทางการเมือง

[Photo: Adobe Stock/courtesy Pantone]

แม้หลักการจิตวิทยาสีของ Pantone จะไม่สามารถการันตีได้ว่า สี Living Coral จะเป็นสีที่สังคมต้องการเพื่อสร้างความมั่นใจในการเผชิญหน้ากับการเปลี่ยนแปลงของโลก แต่ Pressman อธิบายว่าสี Living Coral มีรากฐานมาจากยุคปี 50-60 ซึ่งสีนี้ปรากฏในรถยนต์ เครื่องประดับ และแฟชั่นหลายคอลเลกชั่น จุดนี้ Pressman บอกว่าสี Living Coral จึงให้ความรู้สึกย้อนยุค และมีกลิ่นอายของยุค Americana ซึ่งเป็นช่วงเวลาโลกหลังสงครามที่ผู้คนใช้ชีวิตเรียบง่ายสบายใจ โดยไม่ต้องยึดติดกับสีหลักอย่างแดง ขาว และสีน้ำเงิน

เมื่อสีนี้สะท้อนถึงความสบายและปลอบโยน Pressman เชื่อว่าสี Living Coral จะมีอิทธิพลมากขึ้นเพราะเมื่อโลกพยายามที่จะผลักดันให้มนุษย์ก้าวไปข้างหน้า ผู้คนจำนวนมากจะหันกลับมาคิดถึงสิ่งที่ทำให้รู้สึกปลอดภัยมีความสุข สีที่ทำให้รู้สึกอบอุ่นเช่นนี้จึงเริ่มปรากฏตัวให้เห็นแล้วในสินค้าหลายชนิด

แว่นตา รองเท้า ไอโฟน มีสีนี้แล้ว

จากภาพสี Living Coral พบว่าสินค้าที่ใช้สีนี้แล้วมีทั้งแว่นตา กระเป๋า รองเท้า รวมถึงไอโฟนของ Apple จุดนี้ผู้บริหารบอกว่า Pantone เลือกสีนี้ก่อนที่ Apple จะเปิดตัวไอโฟนรุ่นล่าสุด ซึ่ง Pantone ยอมรับว่ารู้สึกประหลาดใจที่พบว่า Apple เลือกสีเดียวกันเป็นหน้ากากหลังของ iPhone XR 

นอกจากไอโฟน กรณีที่ช่วยเสริมให้สี Living Coral มีจุดยืนเชื่อมต่อโลกเทคโนโลยีและผู้คนคือ Airbnb ซึ่งสถาบัน Pantone เป็นผู้แนะนำสี Living Coral ในการรีแบรนด์ใหม่ของ Airbnb เมื่อปี 2014 ซึ่งพบว่าโทนสีนี้เหมาะกับการรีแบรนด์เช่นกัน

อีกพื้นที่ที่เชื่อว่าสี Living Coral จะมีอิทธิพลคือภาพบนหน้าจอสมาร์ทโฟน เพราะความสดใสและมีชีวิตชีวาของสี ซึ่งจะทำให้เกิดการผสมผสาน ให้ผู้ใช้รู้สึกว่าแม้จะเป็นเนื้อหาดิจิทัล แต่ก็มีความเกี่ยวข้องกับโลกแห่งธรรมชาติได้.

ที่มา

]]>
1202759