จากรูป: ทรู แอพ เซ็นเตอร์ โดย นายพิชิต ธันโยดม (ซ้ายสุด) หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านสารสนเทศ คอนเวอร์เจนซ์ บมจ. ทรู คอร์ปอเรชั่น ร่วมกับ เนคเทค โดย ดร. อัศนีย์ ก่อตระกูล (ที่ 2 จากซ้าย) รองผู้อำนวยการ และ ดร.วสันต์ ภัทรอธิคม (ที่ 2 จากขวา) หัวหน้าโครงการประเมินและรายงานสภาพจราจร ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ พร้อมด้วย ทริพเพิล ไอ โดย นายนำพล เลปวิทย์ (ขวาสุด) กรรมการผู้จัดการ บริษัท ทริพเพิล ไอ จีโอกราฟฟิก จำกัด เปิดตัว “Traffy” แอพพลิเคชั่นรายงานสภาพการจราจรในเขตกรุงเทพฯ บน iPhone เพื่อช่วยให้ผู้ใช้รถใช้ถนนสามารถตรวจสอบสภาพการจราจรได้ทุกที่ทุกเวลา และวางแผนการเดินทางได้ดียิ่งขึ้น

ทรู แอพ เซ็นเตอร์ ร่วมกับ เนคเทค และ ทริพเพิล ไอ เปิดตัวแอพพลิเคชั่น “Traffy” รายงานสภาพการจราจรบนถนนสายหลักในเขตกรุงเทพฯ แบบเรียลไทม์ ผ่าน iPhone ช่วยให้ผู้ใช้รถใช้ถนนตรวจสอบสภาพการจราจรได้ทุกที่ทุกเวลา สามารถวางแผนการเดินทางล่วงหน้า และหลีกเลี่ยงเส้นทางที่มีการจราจรติดขัดได้ดียิ่งขึ้น ผู้ใช้งานสามารถเลือกดูสภาพจราจรแบบเรียลไทม์ด้วยฟีทเจอร์การรายงานที่หลากหลายรูปแบบ ได้แก่

– ป้ายจราจรอัจฉริยะ 40 ป้าย

– ภาพเคลื่อนไหวจากกล้อง CCTV ติดตามสภาพจราจรที่มีอยู่กว่า 100 ตัว บนถนนและแยกต่างๆ ทั่วกรุงเทพฯ

– รายงานจราจรด้วยแผนที่แบบสามมิติ (3D) ซึ่งพัฒนาขึ้นโดยฝีมือคนไทย เพิ่มลูกเล่นให้ผู้ใช้งานเห็นสภาพจราจรบริเวณสำคัญๆ ได้รอบทิศทาง หรือเลือกดูแผนที่แบบสองมิติ (2D) ผ่าน Google Map

– iShare ฟีทเจอร์ใหม่ล่าสุดที่ออกแบบให้ผู้ใช้งานสามารถแบ่งปันข้อมูลข่าวสาร รายงานสภาพจราจร หรือเหตุการณ์ต่างๆ บนท้องถนน ส่งได้ทั้งแบบข้อความ และภาพถ่าย ซึ่ง iShare จะเป็นคอมมูนิตี้สำหรับผู้ใช้รถใช้ถนนในการแบ่งปันข้อมูลจราจรครั้งแรกบนมือถืออีกด้วย

พิเศษ! สำหรับลูกค้าทรูมูฟ iPhone ดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่น Traffy ได้ก่อนใคร นาน 6 เดือน ดาวน์โหลดฟรี! ได้แล้ววันนี้ที่ App Store

จุดวิเคราะห์ความนิยม

ในยุคที่ไอทีป็นส่วนหนึ่งของการใช้ชีวิตไปแล้ว การได้ทำงานในองค์กรที่คิดค้นและพัฒนาผลงานด้านเทคโนโลยีที่สามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้จริงอย่างศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ หรือ NECTEC ดูจะตอบโจทย์ความต้องการของคนรุ่นใหม่ที่ชอบทดลองและอยากมีผลงานเป็นของตัวเองได้เป็นอย่างดี

การเป็นหน่วยงานที่อยู่ภายใต้สังกัดสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ หรือ สวทช. ซึ่งเป็นหน่วยงานรัฐบาลไม่ได้เป็นข้อจำกัดต่อการค้นคว้างานวิจัยด้านเทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์ของ NECTEC แต่อย่างใด ในทางกลับกันยังเปิดกว้างให้นักวิจัยสามารถทดลองได้อย่างอิสระโดยไม่มีข้อจำกัดด้านต้นทุนเหมือนหน่วยงานเอกชน

ประกอบกับช่วงที่ผ่านมา NECTEC มักมีผลงานเด่นๆ ออกมาให้เห็นอย่างต่อเนื่อง เช่นผลงานล่าสุดคือกล้องช่วยวินิจฉัยมะเร็งในระยะเริ่มต้นเพื่อช่วยเพิ่มโอกาสในการรักษา หรือผลงานสร้างชื่ออย่างการทดสอบประสิทธิภาพเครื่องตรวจหาวัตถุระเบิด GT200 โดยนำหลักการทางวิทยาศาสตร์มาใช้ หรือผลวิจัยมาตรฐานไซส์ไทยโดยนำเทคโนโลยีมาประมวลผลเพื่อนำข้อมูลไปใช้ต่อยอดด้านธุรกิจได้ และยังมีผลงานน่าสนใจอื่นๆ อีกจำนวนมาก จึงไม่น่าแปลกใจว่าทำไม NECTEC ถึงได้รับความสนใจจนติดอันดับ 6 ของการสำรวจความนิยมในครั้งนี้

เกณฑ์การเลือกพนักงาน

เนื่องจากNECTEC เป็นหน่วยงานในสังกัด สวทช. จึงใช้มาตรฐานการคัดเลือกพนักงานเดียวกันทั้งหมด โดยการเลือกพนักงานจะดูจากคุณสมบัติมาตรฐานของแต่ละตำแหน่งที่ประกาศรับสมัครเป็นหลัก จากนั้นจะดูจากวุฒิการศึกษา ทักษะ ความเชี่ยวชาญและประสบการณ์การทำงานของผู้สมัครว่าตรงกับที่ต้องการหรือไม่ ซึ่งไม่จำกัดสถาบันและผลการเรียน (GPA) รวมทั้งมีการสอบข้อเขียนและสอบสัมภาษณ์เพื่อคัดเลือกพนักงานด้วย

นอกจากนี้ ยังมีการคัดเลือกนักเรียนทุนตั้งแต่ระดับมัธยมปลายให้ศึกษาต่อจนถึงปริญญาเอกเพื่อให้มาทำงานเป็นนักวิจัยที่ NECTEC

ตำแหน่งนี้ที่ต้องการ

ตำแหน่งงานที่ NECTEC ต้องการมากที่สุดคือนักวิจัยที่เชี่ยวชาญด้านอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์ รองลงมาคือนักบริหารงานวิจัยซึ่งเป็นนักวิจัยที่ดูแลงานด้านบริหาร โดย 70% ของบุคลากรคือนักวิจัย ส่วนที่เหลือคืองานด้านประชาสัมพันธ์และงานด้านขายพื้นที่ห้องทดลองให้หน่วยงานเอกชนมาทำวิจัย

อัตราเงินเดือนและโบนัส

แม้ว่าจะเป็นหน่วยงานรัฐบาลที่เงินเดือนไม่สูงเท่าองค์กรเอกชน แต่ถือว่าอยู่ในอัตราที่สูงกว่าข้าราชการทั่วไป ซึ่งอาจเทียบเท่ากับอัตราเงินเดือนในองค์กรมหาชนบางแห่ง ขณะที่อัตราเงินเดือนสำหรับตำแหน่งผู้บริหารสูงกว่าองค์กรเอกชน ส่วนโบนัสจะขึ้นอยู่กับสมรรถภาพขององค์กรและพนักงานเป็นหลัก

ทั้งนี้ ผลงานวิจัยที่ได้รับสิทธิบัตรทาง NECTEC จะมีส่วนแบ่งเพื่อเป็นรางวัลให้แก่หัวหน้าโครงการวิจัยและนักวิจัยที่เป็นเจ้าของผลงาน หรือถ้ามีองค์กรเอกชนจ้างให้ทำงานวิจัยก็จะมีส่วนแบ่งรายได้ให้กับผลงานนักวิจัยดังกล่าวเพื่อก่อให้เกิดการกระตุ้นแก่นักวิจัยมากขึ้น

สวัสดิการที่น่าสนใจ
-มีแพ็กเกจ “สวัสดิการเลือกได้” ให้พนักงานเลือกตามความต้องการที่เหมาะกับไลฟ์สไตล์ของตนเอง เช่น โสด มีครอบครัว และสามารถเลือกใหม่ได้ทุกปี โดยมีให้เลือกทั้งการประกันชีวิต ประกันสุขภาพ รักษาฟัน ดูแลครอบครัว ไปจนถึงให้พนักงานเลือกสถานที่ออกกำลังกายหรือฟิตเนสได้
-มีบริการรถรับ-ส่งพนักงานทั่วกรุงเทพฯ และปริมาณฑลถึง 14 สาย
-มีสหกรณ์ออมทรัพย์เพื่อให้พนักงานสมัครสมาชิกและสามารถกู้ยืมเงินได้
-มีบริการหอพักสำหรับพนักงานภายในพื้นที่อุทยานวิทยาศาสตร์แห่งชาติ

ทำเล

ถึงแม้สถานที่ตั้งสำนักงานใหญ่จะอยู่ไกลถึงชานเมืองแถบรังสิต แต่การอยู่ในพื้นที่อุทยานวิทยาศาสตร์แห่งชาติที่แวดล้อมด้วยสถาบันเทคโนโลยีแห่งเอเชีย หรือ AIT และมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์วิทยาเขตรังสิตที่แยกตัวออกจากความวุ่นวายในเมืองจึงเข้ากันได้ดีกับบรรยากาศการทำงานด้านเทคโนโลยีของ NECTEC

นอกจากสำนักงานใหญ่ที่จังหวัดปทุมธานีแล้ว ยังมีสำนักย่อยอื่นๆ อีกเช่น อาคาร สวทช. ถนนพระรามหก อาคารมหานครยิปซัม ถนนศรีอยุธยา และกระจายตามห้องทดลองต่างๆ ในมหาวิทยาลัยหลายแห่ง

นายสมพงษ์ คัมภีริชยา (ที่สองจากซ้าย) ผู้จัดการฝ่ายการตลาด บริษัท ชไนเดอร์ อิเล็คทริค ซีพีซีเอส (ประเทศไทย) จำกัด ผู้นำด้านพลังงานสำรองฉุกเฉินและระบบควบคุมความเย็นสำหรับศูนย์ข้อมูลระดับโลก ร่วมกับ ดร.อัจฉริยา อักษรอินทร์ (กลาง) ผู้อำนวยการสถาบันฝึกอบรม ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ หรือ เนคเทค (NECTEC) จัดสัมมนาในหัวข้อ “กรีน ไอซีที และ ดาต้า เซ็นเตอร์” (Green ICT & Data Center) เพื่อสร้างเสริมความรู้พร้อมทั้งยกระดับความพร้อมของหน่วยงานภาครัฐและเอกชน ในการประยุกต์ใช้ “ดาต้า เซ็นเตอร์” ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ซึ่งได้รับความสนใจจากผู้เข้าร่วมสัมมนาเป็นจำนวนมาก ภายในงานยังได้รับเกียรติจาก ดร.มนตรี วิบูลย์รัตน์ วิทยากรผู้เชี่ยวชาญด้านดาต้าเซ็นเตอร์ มาเป็นวิทยากร ณ สถาบันฝึกอบรมเนคเทค ถนนศรีอยุธยา เมื่อเร็วๆนี้

จากภาพ (ซ้ายไปขวา)
นายพัฒน์พงศ์ เพชร์แก้วณา (ผู้จัดการฝ่ายเทคนิคและออกแบบศูนย์ข้อมูล บริษัท ชไนเดอร์ อิเล็คทริค ซีพีซีเอส (ประเทศไทย) จำกัด)
นายสมพงษ์ คัมภีริชยา (ผู้จัดการฝ่ายการตลาด บริษัท ชไนเดอร์ อิเล็คทริค ซีพีซีเอส (ประเทศไทย) จำกัด)
ดร.อัจฉริยา อักษรอินทร์ (ผู้อำนวยการสถาบันฝึกอบรม ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ)
ดร.มนตรี วิบูลย์รัตน์ (อาจารย์ประจำมหาวิทยาลัยขอนแก่น/วิทยากรผู้เชี่ยวชาญด้านดาต้าเซ็นเตอร์)
นายธวัชชัย ไชยรัตน์ (ผู้จัดการฝ่ายบริหารวิชาการศูนย์ฝึกอบรมเทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ)

เนคเทคสนับสนุน ม.อ.ตั้งเครือข่ายศูนย์ความรู้เฉพาะด้านวิศวกรรมฟื้นฟู เพื่อการคิดค้น พัฒนาวิจัย ช่วยเหลือผู้สูงอายุ ผู้พิการในจังหวัดชายแดนภาคใต้ และจัดตั้งห้องปฏิบัติการเครือข่ายเซ็นเซอร์ไร้สาย

ดร.พันธ์ศักดิ์ ศิริรัชตพงษ์ ผู้อำนวยการศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (เนคเทค) เปิดเผยว่า เนคเทคได้ลงนามความร่วมมือกับคณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ เพื่อจัดตั้งเครือข่ายศูนย์ความรู้เฉพาะด้านวิศวกรรมฟื้นฟู โดยจัดสรรงบประมาณแก่คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ปีละ 1 ล้าน เป็นเวลา 5 ปี และสนับสนุนการจัดตั้งห้องปฏิบัติการเครือข่ายเซ็นเซอร์ไร้สาย โดยจัดสรรงบประมาณปีละ 5 แสนบาท เป็นเวลา 3 ปี โดยที่คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์มีความพร้อม และประสบการณ์การทำวิจัยด้านวิศวกรรมฟื้นฟู และมีทีมวิจัยด้านระบบเซ็นเซอร์ไร้สายที่มุ่งมั่นพัฒนามาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะนำไปสู่การเกิดผลงานวิจัยอันสำคัญต่อประเทศชาติ

รศ.ดร.ชูศักดิ์ ลิ่มสกุล คณบดีคณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ กล่าวว่า คณะมีความพร้อมด้านวิศวกรรมฟื้นฟู เนื่องจากคณาจารย์มีประสบการณ์การทำวิจัยที่สอดคล้องกับเป้าหมายของเนคเทคที่จะดูแลผู้สูงอายุและผู้พิการจากความไม่สงบในภาคใต้ ได้แก่ การพัฒนาเครื่องคอมพิวเตอร์สำหรับคนตาบอด เครื่องช่วยกลืนสำหรับผู้ป่วยที่ไม่สามารถรับประทานอาหารได้ตามปกติ ที่ได้วิจัยร่วมกับแพทย์และนำไปใช้กับผู้ป่วยในโรงพยาบาลสงขลานครินทร์มาอย่างต่อเนื่อง และจดสิทธิบัตรแล้วทั้งในประเทศไทยและสหรัฐอเมริกา (ผลงานของ ศ.นพ.วิทูร ลีลามานิตย์ คณะแพทยศาสตร์ รศ.ดร.ชูศักดิ์ ลิ่มสกุล คณะวิศวกรรมศาสตร์ และ นายอลัน กีเตอร์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์) เก้าอี้รถเข็น และ รถเข็นไฟฟ้าสำหรับผู้สูงอายุและผู้พิการ เป็นต้น ในส่วนของห้องปฏิบัติการวิจัยร่วมเครือข่ายไร้สายนั้น คณะวิศวกรรมศาสตร์มีทีมวิจัยที่ทำการศึกษาเรื่องนี้โดยเฉพาะและมีผลงานวิจัยที่กำลังดำเนินการอยู่หลายเรื่อง เช่น การประยุกต์เครือข่ายเซ็นเซอร์ไร้สายสำหรับตรวจวัดภูมิอากาศในสวนยางพารา เป็นต้น

นอกจากนี้คณะวิศวกรรมศาสตร์มีอาจารย์ไม่น้อยกว่า 30 คน และนักศึกษาตั้งแต่ปริญญาตรีถึงปริญญาเอก ที่สามารถสนับสนุนงานของหน่วยงานดังกล่าว พร้อมกันนี้คณะวิศวกรรมศาสตร์ยังมีสถานวิจัยและทีมวิจัยอื่นๆที่เป็นหน่วยงานภายใน ที่สามารถเข้าร่วมทำงานวิจัยกับหน่วยงานทั้งสองได้ เช่น สถานวิจัยเทคโนโลยีเครือข่าย สถานวิจัยวิศวกรรมวัสดุ ทีมวิจัยด้านระบบอัจฉริยะ รวมทั้งมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ยังมีคณะทรัพยากรธรรมชาติและคณะแพทยศาสตร์ที่สามารถสนับสนุนงานวิจัยเชิงประยุกต์

คณบดีคณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์กล่าวต่อไปว่า นับวันประเทศไทยจะมีประชากรในวัยสูงอายุมากขึ้น การพัฒนาสัญญาณแจ้งเตือนเมื่อผู้สูงอายุที่อยู่เพียงลำพังหกล้ม เพื่อให้สามารถเข้าช่วยเหลือได้ทันท่วงทีก็มีความจำเป็นมากขึ้น งานวิจัยด้านคอมพิวเตอร์สำหรับผู้พิการทางสายตาก็ต้องพัฒนาต่อด้านภาคแสดงผล เพื่อให้การใช้งานมีความสะดวก มากขึ้น การพัฒนาระบบควบคุมอุปกรณ์และเครื่องใช้ในบ้านอัจฉริยะเพื่อให้ผู้พิการและผู้สูงอายุ มีความเป็นอยู่ที่สะดวกขึ้นเป็นเป้าหมายอีกอย่างของงานวิจัย รวมทั้งการประยุกต์เครือข่าย ไร้สายเพื่อตรวจวัดค่าต่างๆในตัวคน ขณะนี้เครือข่ายศูนย์ความรู้เฉพาะด้านวิศวกรรมฟื้นฟูใช้ห้องปฏิบัติการของภาควิชาวิศวกรรมไฟฟ้า และห้องปฏิบัติการร่วมเครือข่ายเซ็นเซอร์ไร้สาย ใช้ห้องปฏิบัติการของภาควิชาวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ และในปลายปีนี้เมื่ออาคารหลังใหม่ของคณะ คืออาคารศูนย์วิจัยวิศวกรรมศาสตร์ประยุกต์สร้างเสร็จเรียบร้อย ห้องปฏิบัติการทั้งสอง ก็จะย้ายมาที่อาคารหลังนี้และคณะวิศวกรรมศาสตร์จะใช้งบประมาณของคณะและมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์สนับสนุนอีก 1 ล้านต่อปี เพื่อพัฒนาศูนย์ความรู้เฉพาะด้านวิศวกรรมฟื้นฟูต่อไป

มอบทุนสนับสนุน : นายวุฒิพงศ์ ฉายแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และนายกว้าน สีตะธนี รองผู้อำนวยการ ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (เนคเทค/สวทช.) มอบเงินทุนสนับสนุนจำนวน 1,100,000 บาท ให้แก่ผู้ผ่านเข้ารอบ 24 ทีม ในโครงการแข่งขันสร้างสรรค์นวัตกรรมด้วยระบบสมองกลฝังตัวและอาร์เอฟไอดีแห่งประเทศไทย ประจำปี 2551 โดยมีครูที่ปรึกษาและนักศึกษาแต่ละทีมเป็นผู้รับมอบ ณ ศูนย์ฝึกอบรมบางปะกง การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย จังหวัดฉะเชิงเทรา

อนึ่ง ขณะนี้ โครงการดังกล่าวได้ดำเนินมาถึงรอบคัดเลือกข้อเสนอโครงการแล้ว ซึ่งมีผู้ที่ผ่านการคัดเลือกทั้งหมด 109 คน จาก 24 ทีม ทั่วประเทศ โดยแบ่งเป็น สาขาการตลาด 13 คน สาขาวิศวกรรมศาสตร์ 80 คน และสาขาออกแบบผลิตภัณฑ์ 16 คน และจะประกาศผลทีมชนะเลิศพร้อมจัดแสดงผลงานในเดือนสิงหาคมนี้

เอไอเอส ร่วมกับตำรวจทางหลวง และเนคเทค เปิดรายงานสด “อุบัติเหตุช่วงสงกรานต์บนมือถือ” ผ่านบริการแผนที่อัจฉริยะ เพื่อให้ลูกค้าและประชาชนชาวกทม. ร่วมเล่นน้ำสงกรานต์อย่างปลอดภัย โดยสามารถตรวจสอบเส้นทางจราจร และอุบัติเหตุบนท้องถนนในกรุงเทพฯ และปริมณฑล ได้แบบ Real time ทำให้สามารถหลีกเลี่ยงเส้นทาง และวางแผนการเดินทางล่วงหน้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ ลูกค้าเอไอเอสเปิดใช้บริการนี้ฟรี! เพียงแค่กด *900 แล้วโทรออก สอบถามเพิ่มเติมโทร. 1175

ทีมจูมล่าลายไทย เปิดโอกาสให้คนไทยได้กระทบไหล่ผู้พัฒนา Joomla! ในงาน JoomlaDay Bangkok 2008 วันรวมพลคนใช้จูมล่าในประเทศไทยครั้งที่ 2

ทีมจูมล่าลายไทย และ เว็บไซต์
JoomlaCorner.com ร่วมกับ ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (NECTEC) ขอเชิญชาวไทยผู้มีใจรักจูมล่าเข้าร่วมงาน JoomlaDay Bangkok 2008 รวมพลคนใช้จูมล่าในประเทศไทยครั้งที่ 2 วันเสาร์ที่ 10 พฤษภาคม 2551 โรงแรมเจ้าพระยาปาร์ค (รัชดา) ห้องแกรนด์รัชดาบอลรูม (ชั้น 5 อาคารธารทิพย์)

งานนี้จัดขึ้นเพื่อให้ผู้ใช้งาน Joomla! ชาวไทย ได้มีโอกาสอัพเดทเทคโนโลยีใหม่ของ Joomla! 1.5 โดยทีมวิทยากรจาก Joomla.org นำทีมโดย MR. Johun (Project Manager & Core Team Leader Joomla.org) บินตรงมาจากประเทศเบลเยี่ยมเพื่องานนี้โดยเฉพาะ และทีมจูมล่าลายไทยนำทีมโดยคุณอัครวุฒิ ตำราเรียง

หัวข้อสัมมนาที่น่าสนใจอาทิ โครงสร้างของจูมล่า 1.5, ทิศทางในการพัฒนาจูมล่า, ความปลอดภัยของระบบ, การ Migration ระบบจากเวอร์ชั่น 1.0 ไปเป็น 1.5 และ เทคนิคการเขียน Component/Module เพื่อใช้กับ Joomla 1.5 เป็นต้น นอกจากนี้ผู้เข้าร่วมงานทุกท่านจะได้รับเสื้อยืด JoomlaDay ลิขสิทธิ์ของแท้ เป็นที่ระลึกอีกด้วย

งาน JoomlaDay Bangkok 2008 จะจัดขึ้นในวันเสาร์ที่ 10 พฤษภาคม 2551 เวลา 8.30น. – 17.00น. ณ โรงแรมเจ้าพระยาปาร์ค (รัชดา) ห้องแกรนด์รัชดาบอลรูม (ชั้น 5 อาคารธารทิพย์) ผู้สนใจสามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ http://www.JoomlaDay.in.th หรือโทร. 027171120-1

บริษัท ไมโครซอฟท์ (ประเทศไทย) จำกัด และศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ หรือ เนคเทค ลงนามบันทึกความเข้าใจในโครงการ Security Cooperation Program หรือ SCP ซึ่งเป็นโครงการระดับนานาชาติของไมโครซอฟท์ที่ให้ความร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐในเรื่องการให้ความปลอดภัยและป้องกันโครงสร้างเทคโนโลยีสารสนเทศ ซึ่งถูกออกแบบมาให้สามารถตอบสนองต่อการคุกคามด้านอาชญากรรมคอมพิวเตอร์ โดยความร่วมมือดังกล่าวยังเป็นการสร้างเครือข่ายขยายการรับรู้ข่าวสารและความเคลื่อนไหวด้านเทคโนโลยี ในการเฝ้าระวังข้อมูลให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น สอดคล้องกับพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 ทั้งนี้พันธมิตรที่ลงนามสมาชิกจะสามารถติดต่อกับศูนย์ประสานงานด้านความปลอดภัยของไมโครซอฟท์ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทุกวันโดยไม่มีวันหยุด ซึ่งถือเป็นสิทธิประโยชน์ที่หน่วยงานภาครัฐจะสามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้อย่างเต็มที่และมีประสิทธิภาพสูงสุด ความร่วมมือกับเนคเทคในครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกในประเทศไทย และเป็นประเทศที่สองในเอเชีย โดยการทำงานจะเป็นการทำงานร่วมกันระหว่างหน่วยงานด้านความปลอดภัยของบริษัท ไมโครซอฟท์ผ่านทาง โปรแกรมเทคโนโลยีเพื่อความมั่นคงหรือ Thai CERT

จากภาพ :
นางสาวปฐมา จันทรักษ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไมโครซอฟท์ (ประเทศไทย) จำกัด (ที่ 3 จากซ้าย) ลงนามความเข้าใจกับ ดร. พันธ์ศักดิ์ ศิริรัชตพงษ์ ผู้อำนวยการศูนย์อิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (ที่ 2 จากซ้าย) พร้อมด้วย นายโกเมน พิบูลย์โรจน์ ผู้อำนวยการโปรแกรมเทคโนโลยีเพื่อความมั่นคง สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ หรือไทยเซิร์ท (ที่ 1 จากซ้าย) มร.เจฟ เพน ผู้จัดการโครงการภาครัฐประจำภูมิภาค บริษัท ไมโครซอฟท์ คอร์ปอเรชั่น (ที่ 2 จากขวา) นางสาวสายใจ บุณยโชติมา ผู้อำนวยการ ฝ่ายรัฐกิจ บริษัท ไมโครซอฟท์ (ประเทศไทย) จำกัด (ที่ 1 จากขวา)

เนคเทค จัดเวทีประชันไอเดียค้นหาเด็กไทย ไฮ-เทคโนโลยี ด้าน “ระบบสมองกลฝังตัว” “เทคโนโลยีอาร์เอฟไอดี” หวังสร้างคนรุ่นใหม่ ใน “ภาคอุตสาหกรรมการผลิต” ตอบโจทย์ “ภาคธุรกิจ บริการ” ตั้งเป้าเพิ่มประสิทธิภาพ ลดต้นทุนผลิตภัณฑ์ 3 กลุ่ม อุปกรณ์ไฟฟ้า อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ทางการเกษตร และระบบโลจิสติกส์ คาดลดการสูญเสียรายได้จากการนำเข้าผลิตภัณฑ์ ไฮ-เทคโนโลยี ปีละกว่า 100 ล้านบาท

ดร.พันธ์ศักดิ์ ศิริรัชตพงษ์ ผู้อำนวยการศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (เนคเทค/สวทช.) เปิดเผยว่า ปัจจุบันเทคโนโลยีระบบสมองกลฝังตัว (Embedded System) และเทคโนโลยีระบุลักษณะด้วยคลื่นความถี่วิทยุ (RFID: Radio Frequency Identification) เข้ามามีบทบาทสำคัญในภาคอุตสาหกรรมการผลิตสาขาต่างๆ เป็นอย่างมาก โดยเฉพาะอุปกรณ์ไฟฟ้า ผลิตภัณฑ์ในด้านการเกษตร พลังงาน ยานยนต์ และการขนส่งโลจิสติกส์ โดยนำเทคโนโลยีเหล่านี้มาใส่ในสินค้าของตนเองเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ คุณสมบัติ และคุณภาพของผลิตภัณฑ์ ให้สามารถแข่งขันในประเทศ และตลาดโลกได้ พร้อมการตอบสนองต่อภาคธุรกิจ บริการ ทั้งในด้านช่วยลดต้นทุนรายจ่าย เพิ่มรายได้ และช่วยให้การบริหารจัดการมีประสิทธิภาพสูงขึ้น แต่อย่างไรก็ตาม ประเทศไทยยังขาดบุคลากรโดยเฉพาะเยาวชนที่มีความรู้ด้านเทคโนโลยีระบบสมองกลฝังตัว และเทคโนโลยี RFID ซึ่งเทคโนโลยีดังกล่าวยังต้องนำเข้าจากต่างประเทศ หากป้องกันและแก้ไขปัญหานี้ได้ก็จะทำให้ประเทศไทยมีฐานการผลิตอุตสาหกรรมที่มั่นคง มีทรัพยากรบุคคลคุณภาพสูงในด้านไฮ-เทคโนโลยี

“ด้วยเหตุนี้ เนคเทค จึงได้จัดกิจกรรมกระตุ้นคนรุ่นใหม่ให้ความสนใจกับเทคโนโลยีดังกล่าวมากขึ้น โดยจัดโครงการ “แข่งขันสร้างสรรค์นวัตกรรมด้วยระบบสองกลฝังตัวและอาร์เอฟไอดีแห่งประเทศไทย” (Embedded System and RFID Innovation Camp and Contest 2008) ขึ้น เพื่อช่วยสร้างทรัพยากรมนุษย์ด้าน ไฮ – เทคโนโลยี ทั้งระบบสมองกลฝังตัว และRFID ในตลาดแรงงานไทย และจะช่วยลดการสูญเสียรายได้จากการนำเข้าไฮ-เทคโนโลยี ถึงปีละกว่า 100 ล้านบาท” ดร.พันธ์ศักดิ์ กล่าว

โครงการฯ นี้นอกจากกระตุ้นให้นิสิตนักศึกษาเกิดทักษะ ความรู้ด้านไฮ-เทคโนโลยี ทั้งระบบสมองกล ฝังตัวและRFID รวมถึงการเป็นมืออาชีพด้านการตลาดและการดีไซน์ แล้วอาจสร้างผลิตภัณฑ์ไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์ ที่มีประสิทธิภาพสูงเข้าสู่ตลาด และจุดประกายให้คนรุ่นใหม่มองเห็นโอกาสช่องทางการเติบโตของวิชาชีพในตลาดแรงงาน รวมถึงนักศึกษาจะได้รับประสบการณ์การทำงานเป็นทีม ซึ่งล้วนแล้วแต่ก่อให้เกิดประโยชน์ต่อนักศึกษาก่อนที่จะจบออกจากรั้วมหาวิทยาลัย เพื่อก้าวสู่การทำงานในชีวิตจริงอย่างมั่นใจอีกด้วย

อย่างไรก็ตาม กิจกรรมนี้เปิดรับเฉพาะนักศึกษาระดับปริญญาตรีหรือปริญญาโท โดยการแข่งขันแบ่งออกเป็น 3 ประเภท ได้แก่ 1. ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับเครื่องปรับอากาศ 2. ผลิตภัณฑ์อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ทางการเกษตร และ 3. กระบวนการโลจิสติกส์และโซ่อุปทาน ผู้ที่สนใจสามารถสงข้อเสนอโครงการได้ถึงวันที่ 14 มีนาคมนี้ โครงการที่ผ่านการพิจารณาจะได้รับทุนสนับสนุนโครงการละ 50,000 บาท และทุนสนับสนุนการทำต้นแบบมูลค่าไม่เกิน 150,000 บาท จำนวน 12 ทุน (3 ประเภทๆ ละ 4 ทุน) สำหรับทีมชนะเลิศ แต่ละประเภทจะได้รับเงินรางวัล 1 แสนบาท พร้อมโล่เกียรติยศ รายละเอียดเพิ่มเติมสอบถามได้ที่ โทรศัพท์ 02 564 6900 ต่อ 2422, 2548 โทรสาร 02 564 6769

อนึ่ง เทคโนโลยีระบบสมองกลฝังตัว (ES: Embedded systems) คือ ระบบคอมพิวเตอร์ขนาดจิ๋วที่ฝังไว้ ในอุปกรณ์ เครื่องใช้ไฟฟ้า และเครื่องเล่นอิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ เพื่อเพิ่มความฉลาด ความสามารถให้กับอุปกรณ์เหล่านั้น โดยใช้ software ที่ฝังไว้ภายใน ส่วนเทคโนโลยีระบุลักษณะด้วยคลื่นความถี่วิทยุ (RFID: Radio Frequency Identification) คือวิธีการระบุวัตถุสิ่งของแบบไร้สาย ไร้สัมผัส จากระยะไกล ด้วยคลื่นความถี่วิทยุ

ดร.เกียรติศักดิ์ ศรีพิมานวัฒน์ รักษาการหัวหน้าหน่วยปฏิบัติการวิจัยการสื่อสารเชิงแสงและควอนตัม
ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (NECTEC) ได้รับเลือกเป็น Senior Member ของสถาบันวิศวกรไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์นานาชาติ (Institute of Electrical and Electronics Engineers : IEEE) ซึ่งเป็นองค์กรวิชาชีพสากลทางด้านวิศวกรรมไฟฟ้า และวิศวกรรมอิเล็กทรอนิกส์ รวมถึงซอฟต์แวร์

สมาชิกของ IEEE ประกอบด้วย 4 สถานะคือ 1.Student Member 2.Member 3.Senior Member 4.Fellow โดยในส่วนของสถานะ Senior Member นั้นปัจจุบันมีจำนวน 7.8 % จากสมาชิกทั้งหมดกว่า 300,000 คนทั่วโลก สำหรับ ดร.เกียรติศักดิ์ ได้รับการยกระดับสถานะของการเป็นสมาชิกจากระดับสมาชิกธรรมดา (Member) ไปเป็น Senior Member โดยได้รับการพิจารณาจากผลการทำงานด้านวิชาการและการพัฒนาบุคลากรที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ในการพิจารณาเลื่อนชั้นสมาชิกจะต้องมีบุคคลที่ยอมรับและให้การรับรองอย่างน้อย 3 ท่าน โดยบุคคลที่เสนอชื่อ หรือบุคคลที่รับรองจะต้องมีระดับของการเป็นสมาชิกอย่างน้อย Senior Member ขึ้นไป รวมทั้งปัจจุบัน ดร.เกียรติศักดิ์ ทำหน้าที่อาสาสมัครในฐานะประธานชมรมไฟฟ้าสื่อสารสาขาประเทศไทยของ IEEE (ComSoc) ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่ความรู้ เป็นที่ปรึกษา งานส่งเสริมทางด้านวิศวกรรมไฟฟ้า งานวิชาการ พัฒนาบุคลากรที่เกี่ยวข้อง ซึ่งมีงานหลักปัจจุบันประกอบด้วย การจัดประชุมและสัมมนาเชิงเทคนิค โครงการสารานุกรมโทรคมนาคมไทย โครงการแปลหนังสือชื่อ “A Brief History of Communications” เป็นภาษาไทย และความร่วมมือกับ IEEE ระดับภาคพื้นเอเชียแปซิฟิก และทั่วโลก จัดกิจกรรมอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องร่วมกัน

สำหรับการจัดทำหนังสือแปลภาษาไทย “A Brief History of Communications” จัดทำขึ้นในโอกาสพิเศษเพื่อเฉลิมฉลองครบรอบ 30 ปี ของสมาคมสถาบันวิศวกรไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์แห่งประเทศไทย (IEEE Thailand Section) ซึ่งได้รวบรวมประวัติการสื่อสารของโลกและบทสัมภาษณ์บุคคลสำคัญในวงการวิศวกรรมสื่อสารของโลกไว้ นอกจากนี้ยังเป็นการประชาสัมพันธ์กิจกรรมของIEEE Communications Society (Thailand Chapter) ซึ่งการเผยแพร่เนื้อหาดังกล่าวจัดทำในรูปแบบหนังสือเป็นจำนวน 5,000 เล่ม โดยจะแจกจ่ายไปตามห้องสมุดโรงเรียน มหาวิทยาลัย ทั่วประเทศ รวมทั้งจัดส่งให้สมาชิก IEEE Communications Society ในประเทศไทย โดยไม่คิดมูลค่า และจัดทำในรูปแบบหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ (e-book) ซึ่งจะเป็นประโยชน์แก่นักเรียนและบุคคลทั่วไปอีกทางหนึ่ง (แล้วเสร็จในเดือนเมษายน 2551)

ดร.เกียรติศักดิ์ ศรีพิมานวัฒน์ กล่าวถึงการเข้าร่วมเป็นสมาชิกในสถาบันวิศวกรไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์นานาชาติ (IEEE)ว่า สามารถช่วยเพิ่มโอกาสในการพัฒนาทางด้านวิชาชีพในด้านต่าง ๆ โดยมีความเกี่ยวข้องโดยตรงกับนักวิจัยและศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (NECTEC) ในการเพิ่มโอกาสในการแลกเปลี่ยนความรู้และพัฒนาบุคลากรที่มีคุณภาพ ก่อให้เกิดความร่วมมือระหว่างนานาชาติในการส่งเสริมงานวิจัยของคนไทยในอนาคต ซึ่งปัจจุบันสมาชิกในประเทศไทยประกอบไปด้วย นักเรียนนักศึกษา บุคคลทั่วไป นักวิจัย และบุคคลในวงการวิชาชีพวิศวกรรมไฟฟ้าที่เกี่ยวข้องกว่า 400 คน (พ.ศ.2550)

งานประชาสัมพันธ์ ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (เนคเทค) โทร 02-564-6900 ต่อ 2341