เบียร์ช้าง – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Tue, 28 Feb 2023 02:24:22 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 ‘ช้าง’ ทุ่มพันล้านเร่งปูพรม “ช้าง โคลด์ บรูว์” จับกระแสคนรุ่นใหม่สายชิล พร้อมบุกตลาดแมสพรีเมียม! https://positioningmag.com/1421069 Mon, 27 Feb 2023 16:48:36 +0000 https://positioningmag.com/?p=1421069 หลังจากที่การระบาดของ COVID-19 หายไปตลาด ‘เบียร์’ 260,000 ล้านบาท ก็เริ่มกลับมาคึกคักอีกครั้ง และผู้เล่นรายสำคัญของไทยอย่าง กลุ่มไทยเบฟเวอเรจ หรือ กลุ่มเบียร์ช้าง ที่เคลมตัวเองว่าเป็น Godfather ของงาน Music Festival ที่เห็นเทรนด์แรงอย่าง สายนั่งชิล ก็ขอดัน ช้าง โคลด์ บรูว์ มัดใจคนรุ่นใหม่สายนั่งชิลเพื่อไม่ให้ตกขบวน

นักดื่มสายชิลเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ

ตลาดเบียร์ ที่มีมูลค่าตลาดกว่า 200,000 ล้านบาท หากนับเฉพาะตลาด แมสพรีเมียม จะมีมูลค่าประมาณ 25,000 ล้านบาท หรือราว 25% และอีก 2% เป็น พรีเมียม โดยในปีที่ผ่านมา ตลาดแมสพรีเมียมมีการเติบโตอยู่ที่ประมาณ 10% โดยปัจจัยที่ดันให้ตลาดแมสพรีเมียมเติบโตก็คือ พฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไปหลังจากสถานการณ์โควิดคลี่คลาย จากสายปาร์ตี้หนัก ๆ (Hight Energy) กลับ ดื่มแบบชิล ๆ มากขึ้น (Low Energy)

“ช้าง ในฐานะของ Godfather งาน Music Festival เราเห็นเทรนด์ของคอนเสิร์ตกลางแจ้งมากขึ้น เน้นแบบสบาย ๆ ผู้บริโภคเองก็เลือกจะกินดื่มกับเพื่อนสบาย ๆ มากกว่าไปปาร์ตี้ ทุกอย่างมันชี้ไปที่เทรนด์นั่งชิล ซึ่งเรามั่นใจว่ากระแสนี้จะเป็นกระแสระยะยาว” เลสเตอร์ ตัน ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ผู้บริหารสูงสุดสายธุรกิจเบียร์ประเทศไทย บริษัท ช้างอินเตอร์​เนชั่นแนล จำกัด ในเครือไทยเบฟ กล่าว

ปูพรมช้างโคลด์ บรูว์

ย้อนไปปี 2562 บริษัทได้เปิดตัว ช้าง โคลด์ บรูว์ ที่เป็นส่วนหนึ่งของการเฉลิมฉลองครบรอบ 25 ปีของผลิตภัณฑ์ช้าง โดยวางตัวไว้จับตลาดแมสพรีเมียม โดยที่ผ่านมาบริษัทก็มีการใช้กลยุทธ์การตลาดอย่าง บรรจุภัณฑ์ เพื่อสร้างความตื่นเต้นให้กับตลาดไม่ว่าจะเป็น กล่องยาวใส่เบียร์ได้ 25 กระป๋อง หรือ ถังเบียร์ 5 ลิตร จนเกิดเป็นกระแสไวรัล นำไปสู่การรับรู้และการลอง ขณะที่จากการสำรวจพบว่าลูกค้า 74% มีความต้องการที่จะกลับมาซื้อซ้ำ

อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมาบริษัทได้จำกัดช่องทางการจำหน่าย ช้าง โคลด์ บรูว์ โดยจะมีจำหน่ายเพียงแค่ในกรุงเทพฯ และแถบภาคเหนือ อีกทั้งยังมีช่องทางการจัดจำหน่ายเพียง On Trade และ Modern Trade เท่านั้น ดังนั้น ในปีนี้ บริษัทจะโฟกัสไปที่ การขยายช่องทางการจำหน่ายให้ครอบคลุมทั่วประเทศ ผ่านช่องทางทั้ง On Trade, Modern Trade และ Traditional Trade โดยใช้งบ 1,000 ล้านบาท

“กระแสดื่มแบบชิว ๆ เป็นกระแสแรงมาก ดังนั้น นี่เป็นจุดสำคัญที่จะผลักดันช้าง โคลด์ บรูว์ ซึ่งเราเชื่อว่าด้วยชื่อแบรนด์สินค้าที่แข็งแรง สินค้าที่มีนวัตกรรม ช่องทางจำหน่ายที่ทั่วถึง และกิจกรรมตลอดทั้งปี จะสร้างการเติบโตให้ได้ 2 เท่า เพิ่มสัดส่วนจากไม่ถึง 10% เป็น 15% ของพอร์ตเบียร์ช้าง”

ช้าง โคลด์ บรูว์ ไม่มีทางแทนที่ ช้าง คลาสสิก

แม้ว่ากระแสนั่งชิลในกลุ่มคนรุ่นใหม่ โดยเฉพาะ First Jobber จะมาแรง และด้วยราคาของช้าง โคลด์ บรูว์ ที่ต่างจากช้างคลาสสิคเพียง 5-10 บาทเท่านั้น แต่ เลสเตอร์ ตัน ก็มองว่าช้าง โคลด์ บรูว์ จะไม่มีทางไปแทนที่ ช้าง คลาสสิก ได้ เพราะจับกลุ่มคนละเซกเมนต์ชัดเจน โดยช้าง คลาสสิกจะเหมาะกับสายปาร์ตี้หนัก ๆ

อย่างไรก็ตาม การที่มีสินค้า 2 ตัวในมาสเตอร์แบรนด์เดียวกัน ก็มีโจทย์ใหญ่โดยเฉพาะเรื่อง ความสับสน โดยต้อง สร้างความแตกต่างอย่างชัดเจน ของสินค้าทั้งคู่ ซึ่งปัจจุบันตัวแพ็กเกจจิ้งของ ช้าง โคลด์ บรูว์ จะมีสีทองที่ฉลากและฝา เพื่อให้ลูกค้าแยกได้ชัดเจน

ตลาดเบียร์ปีนี้โตแน่

สำหรับตลาดเบียร์ไทยในปี 2566 ค่อนข้างมั่นใจว่าจะเติบโต เพราะตลาดเปิด มีนักท่องเที่ยว และจะเห็นว่าผู้บริโภคออกจากบ้านไปกินดื่มมากขึ้น ร้านค้าที่เคยปิดไปในช่วงโควิดก็กลับมาเปิดมากกว่าเดิม และช่วงสงกรานต์เชื่อว่าจะยิ่งเห็นการเติบโต

“เราเห็นว่าตลาดเบียร์เติบโตขึ้นทุกเดือน และเราเชื่อว่าสงกรานต์จะยิ่งสร้างการเติบโตให้ได้มากขึ้น”

ทั้งนี้ จากข้อมูลของ Euromonitor ระบุว่า ตลาดเบียร์ไทยในปัจจุบันมี บจก.บุญรอดบริวเวอรี่ เป็นเบอร์ 1 ของตลาด มีส่วนแบ่งตลาด 57.9% ตามด้วย บมจ.ไทยเบฟเวอเรจ 34.3% และ บจก.ไทยเอเชีย แปซิฟิค บริวเวอรี่ 4.7%

จะเห็นว่าหลังจากสถานการณ์โควิดคลี่คลาย ตลาดเบียร์ก็คึกคักมาก อย่างช้างก็เร่งเครื่องเต็มสูบ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดตัว ช้าง อันพาสเจอไรซ์ เบียร์ในเซ็กเมนต์พรีเมียม จนล่าสุดก็คือหยิบช้าง โคลด์ บรูว์ปูพรมขายทั่วประเทศ แต่ที่น่าสนใจคือช่วง Q4/66 นี้ ที่ตลาดจะได้เจอกับ น้องใหม่จากค่ายคาราบาวแดง ซึ่งเลสเตอร์ ตัน ก็แง้มว่า ช้างเองก็มีแผน ออกบรรจุภัณฑ์ใหม่ ในช่วงนั้นพอดี เรียกได้ว่า เตรียมรับน้องเลยทีเดียว!

]]>
1421069
ไทยเบฟส่ง “ช้าง อันพาสเจอไรซ์” ลุยตลาดไฮเอนด์ เปิดขายเฉพาะเชียงใหม่-เชียงราย https://positioningmag.com/1410301 Tue, 29 Nov 2022 03:22:23 +0000 https://positioningmag.com/?p=1410301 ไทยเบฟส่งเบียร์ใหม่ลงตลาด “ช้าง อันพาสเจอไรซ์” ลุยตลาดไฮเอนด์ จำหน่ายในราคา 500 บาท/ขวด 1.5 ลิตร มีเฉพาะในร้านอาหาร-โรงแรม เปิดตัว 2 จังหวัดแรกที่เชียงใหม่และเชียงราย โดยผลิตภัณฑ์ใหม่นี้จะเป็นอีกหนึ่งจิ๊กซอว์ในการปั้นแบรนด์ช้างให้ดึงดูดคนรุ่นใหม่มากขึ้น

เลสเตอร์ ตัน ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ผู้บริหารสูงสุดสายธุรกิจเบียร์ประเทศไทย บริษัท ช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด เปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ ช้าง อันพาสเจอไรซ์ เบียร์ในเซ็กเมนต์พรีเมียมของไทยเบฟ โดยเป็นเบียร์ที่ไม่ผ่านความร้อน ใช้เทคนิคใหม่ในการผลิตคือการใช้ก๊าซไนโตรเจนแทนก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ และมีการใช้ระบบขนส่งแบบ Cold Chain พร้อมลงตู้แช่พิเศษที่ร้านพันธมิตร เพื่อให้เบียร์รักษาอุณหภูมิไม่เกิน 4 องศาเซลเซียสตลอดการขนส่ง

เบียร์ช้าง อันพาสเจอไรซ์ จะผลิตจากโรงงานจังหวัดกำแพงเพชร ทำให้ต้องขนส่งในระยะทางไม่เกิน 4-6 ชั่วโมงจากโรงงานเพื่อรักษาความเย็น ไทยเบฟจึงเลือกเปิดตัวเฉพาะ 2 จังหวัดแรกก่อนคือ เชียงใหม่ และ เชียงราย เพราะเป็นตลาดที่ตอบรับแบรนด์ช้างได้ดีมาตลอด และช้างมีมาร์เก็ตแชร์อันดับ 1 ในตลาดเหล่านี้

เบียร์ช้าง อันพาสเจอไรซ์

ขณะที่ช่องทางในการจำหน่าย จะจำหน่ายเฉพาะ On Premise คือโรงแรมและร้านอาหารที่ได้รับคัดเลือก 200 แห่ง ราคาจำหน่าย 500 บาทต่อขวด 1.5 ลิตร (ขวดทรงแชมเปญ) ด้วยราคาระดับนี้ เห็นได้ชัดว่าเป็นการเจาะตลาดไฮเอนด์เป็นหลัก ชนกับแบรนด์เบียร์นอกในระดับพรีเมียม

เบียร์ช้างนั้นมีเป้าหมายในการสร้างแบรนด์ให้มีระดับมากขึ้นมาตั้งแต่ปี 2558 ซึ่งเป็นปีที่เปลี่ยนขวดจากสีน้ำตาลเป็นสีเขียว หลังจากนั้นมีผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ที่สร้างสีสันออกสู่ตลาดตามมาต่อเนื่อง เช่น ช้าง โคลด์บริว ฉลองครบรอบ 25 ปี หรือ ช้าง เอสเปรสโซ่ ลาเกอร์ รสชาติผสมกาแฟ

เลสเตอร์กล่าวว่า โจทย์ใหญ่ที่ทำให้ช้างมีการปรับเปลี่ยนแบรนด์และออกผลิตภัณฑ์ใหม่ มาจากไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ที่เริ่มหันไปหาแอลกอฮอล์ประเภทอื่นแทนเบียร์ แม้ขณะนี้เบียร์ยังมีสัดส่วนอันดับ 1 ในประเภทเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทั้งหมดที่คนไทยนิยม แต่ปริมาณการดื่มไม่เติบโตมาราว 5 ปีแล้ว

“บอกตามตรงว่าวงการเบียร์ไทยค่อนข้างจะน่าเบื่อในยุคหลังๆ เราต้องยอมรับว่าสิ่งนี้ทำให้ผู้บริโภคนิยมดื่มเบียร์น้อยลง เบียร์ช้างเราจึงต้องทำอะไรให้ตลาดตื่นเต้นมากขึ้นมาตลอดเพื่อดึงดูดคนรุ่นใหม่” เลสเตอร์กล่าว

อย่างผลิตภัณฑ์ใหม่ช้าง อันพาสเจอไรซ์ จะเป็นการตอบไลฟ์สไตล์อีกรูปแบบของคนรุ่นใหม่ด้วย นั่นคือนักดื่มยุคใหม่จะรักสุขภาพมากขึ้น เน้นการดื่มสังสรรค์เพื่อพูดคุยกัน ผ่อนคลาย นั่งชิล มากกว่าดื่มเพื่อปาร์ตี้ สนุก ใช้พลังงานสูง

การเปิดตัวในเชียงใหม่และเชียงรายจะเป็นการนำร่องก่อน แต่จะขยายจำนวนร้านหรือไปยังจังหวัดอื่นๆ ได้มากแค่ไหน ขึ้นอยู่กับผลตอบรับจากลูกค้า

ด้านตลาดเบียร์โดยรวมทุกเซ็กเมนต์ของไทยเบฟ จากผลการดำเนินงานล่าสุด รอบปีบัญชีต.ค.2564 – ก.ย.2565 พบว่าปริมาณการขายเพิ่มเป็น 2,399 ล้านลิตรหรือโต 14.5% เทียบช่วงเดียวกันปีก่อน โดยเลสเตอร์กล่าวว่าตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2565 เป็นต้นมา ตลาดเบียร์ฟื้นแรงโตดับเบิลดิจิตทุกเดือน (MoM) จากการเปิดประเทศและเปิดการจัดกิจกรรมอีเวนต์ต่างๆ ได้อย่างเต็มที่

]]>
1410301
“เบียร์ 0%” จะสะดุดหรือไม่? เมื่อสรรพสามิตกำลังหาช่อง “รีดภาษี” https://positioningmag.com/1224942 Thu, 18 Apr 2019 00:59:05 +0000 https://positioningmag.com/?p=1224942 ในภาวะที่ตลาดเบียร์ไทยมูลค่ารวม 1.8 แสนล้านบาท กำลังอยู่ในภาวะความซบเซาจากภาวะชะลอตัวจากสภาพเศรษฐกิจ ส่งผลกระทบต่อยอดจำหน่ายโดยรวมในทุกเซ็กเมนต์ การทำโปรโมชั่นอย่างเดียวอาจจะทำให้ตลาดกลับมาคึกคักได้ไม่มากนัก ทางออกคือการหาสินค้าใหม่ๆ ที่จะสร้างความว้าวเพื่อปลุกตลาดให้ตื่นอีกครั้ง

ช่วงที่ผ่านมาสินค้าที่สร้างสีสันและ Talk of the town ให้กับผู้บริโภคมากที่สุด เห็นจะเป็นการเปิดตัวเซ็กเมนต์ใหม่เบียร์ 0%” ซึ่งแบรนด์เรียกชื่อว่าเครื่องดื่มมอลต์ไม่มีแอลกอฮอล์ หรือเบียร์ไม่มีแอลกอฮอล์ก็ย่อมได้

“Heineken” ผู้จุดกระแส

แบรนด์ที่จุดกระแสนี้คือ “Heineken” เจ้าตลาดในเซ็กเมนต์เบียร์พรีเมียม ได้เปิดตัว “Heineken 0.0” ซึ่งเป็นเครื่องดื่มที่ไม่มีแอลกอฮอล์แต่คงรสชาติแบบ Heineken เอาไว้ โดยเปิดตัวครั้งแรกในปี 2017 ในประเทศเนเธอร์แลนด์ สเปนและเยอรมนี ตามมาด้วยอังกฤษและฝรั่งเศส

ขณะนี้มีวางจำหน่ายในตลาด 38 แห่งทั่วโลก รวมทั้งยุโรป อเมริกาเหนือ และออสเตรเลีย ส่วนการเข้ามาในเมืองไทยเป็นแห่งที่ 2 ในเอเชียแปซิฟิก ต่อจากสิงคโปร์

Heineken ชูจุดเด่น 0% แอลกอฮอล์ ที่ไม่สามารถดื่มแอลกอฮอล์ หรืออาจจะไม่ต้องการดื่มในบางเวลา โดยให้พลังงาน 69 แคลอรีต่อขวด โดย Heineken ย้ำว่าไม่ได้หวังใช้ผลิตภัณฑ์นี้เพื่อการ โฆษณา 

แต่ชื่อ Heineken 0.0 นอกจากสร้างการรับรู้ได้ และการเป็นเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ก็ไม่ผิดกฎหมาย สามารถโฆษณาได้ในทุกช่องทางไม่เหมือนเบียร์ ที่ถูกกำจัดไว้ตอนดึกเท่านั้น

บาวาเรียขอแจมด้วย

ขณะเดียวกันบาวาเรียก็เป็นอีกรายที่ลุกขึ้นมาทำตลาดอย่างจริงจังเช่นเดียวกัน แม้จะเข้ามาในเมืองไทยได้ 5 ปีแล้ว แต่ที่ผ่านมาไม่ได้มีการทำตลาดที่จริงจังมากนัก ล่าสุดได้ลุกขึ้นมา Active โดยนำเข้าสินค้าใหม่ทั้ง รสแอปเปิล เลมอน สตรอวเบอร์รี่ ภายใต้แบรนด์บาวาเรีย 0.0% มอลต์ ดริ้งค์

การลุกขึ้นมาทำตลาดเบียร์ 0%” พร้อมๆ กันทำให้เกิดคำถามว่า ทำไมตลาดนี้ถึงได้น่าสนใจนัก เพราะในเมืองไทยไม่ค่อยคุ้นหูสักเท่าไหร่ ?

ข้อมูลจาก Global Market Insights แสดงให้เห็นว่า มูลค่าตลาดเบียร์ไร้แอลกอฮอล์ในทวีปเอเชียแปซิฟิก มีมูลค่ามากกว่า 1.5 พันล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 4.95 หมื่นล้านบาทในปี 2016 ซึ่งตลาดหลักในทวีปเอเชียแปซิฟิก ได้แก่ จีน อินเดีย เกาหลีใต้ และญี่ปุ่น

นอกจากนี้ตลาดเบียร์ไร้แอลกอฮอล์ในประเทศสหราชอาณาจักรเติบโตกว่า 15% ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา (อ้างอิงจากข้อมูลเว็บไซต์ beveragedaily.com

ขณะเดียวกันกระแสการบริโภคเครื่องดื่มที่แปลกใหม่ทำให้เบียร์ไร้แอลกอฮอล์ หรือเบียร์ 0.0% ได้รับความสนใจ และเพิ่มความนิยมสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องทั่วโลก

3 ค่ายเบียร์หลัก ลงชิงชัยสมรภูมิแอลกอฮอล์ต่ำ

ก่อนหน้านี้ 3 ค่ายเบียร์หลักในบ้านเราต่างออกสินค้าที่มีแอลกอฮอล์ต่ำจากปรกติซึ่งอยู่ราว 5-8% ลงตลาดอย่างคึกคัก โดยมีเป้าหมายเพื่อให้เข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคในทุกเซ็กเมนต์ รวมถึงตอบโจทย์ความต้องการที่หลากหลายท่ามกลางสมรภูมิการแข่งขันอันแสนดุเดือด

โดย กลุ่มบริษัททีเอพี ซึ่งเป็นผู้ทำตลาดของ Heineken มีสินค้า 2 ตัว ได้แก่ ไทเกอร์ แรดเลอร์ แอลกอฮอล์ 2% และ เชียร์ส Siam Weizen แอลกอฮอล์ 4%

ส่วน ค่ายเบียร์สิงห์ ก็ไม่พลาดที่จะออก ยูเบียร์ แอลกอฮอล์ 4.5%, มายเบียร์ แอลกอฮอล์ 4.5% และสโนว์วี่ ไวเซ่น by est.33 แอลกอฮอล์ 4%

แน่นอน ค่ายช้าง ของเจ้าสัวเจริญจะอยู่นิ่งได้อย่างไร จัดไปทั้ง ฮันทส์เมน Cloudy Wheat Beer แอลกอฮอล์ 4% และแบล็ค ดราก้อน เบียร์แดง แอลกอฮอล์ 4%

สรรพสามิตกำลังหาช่องรีดภาษี

อย่างไรก็ตามเบียร์ 0%” จะสะดุดหรือไม่? เพราะล่าสุดกรมสรรพสามิตกำลังหาช่องรีดภาษีอยู่ โดยพชร อนันตศิลป์อธิบดีกรมสรรพสามิต เผยว่า จะเปิดพิกัดภาษีใหม่ สำหรับภาษีสรรพสามิตเบียร์ไร้แอลกอฮอล์ หรือเบียร์ 0% ป้องกันไม่ให้ไปประชาชนทดลองไปดื่มเบียร์ 0% จนนำไปสู่การดื่มเบียร์ที่มีแอลกอฮอล์ในอนาคต 

ปัจจุบัน เบียร์ 0% เสียภาษีสรรพามิตประเภทเครื่องดื่มเหมือนน้ำอัดลม ที่อัตรา 14% บวกกับค่าความหวาน โดยเบียร์ 0% ที่จำหน่ายในประเทศไทยตอนนี้มีทั้งนำเข้าและผลิตในประเทศ ราคาอยู่ที่กระป๋องละ 33 – 99 บาท เสียภาษีสรรพสามิตอยู่ที่ 4 – 12 บาท

ที่ผ่านมากระทรวงสาธารณสุขต้องการให้กรมสรรพสามิตเก็บภาษีเบียร์ 0% เท่ากับเบียร์ปกติทั่วไปที่เสียภาษีอยู่ที่ 22% ของราคาขายปลีก แต่กรมสรรพสามิตไม่สามารถดำเนินการได้ เพราะกฎหมายของกรมสรรพสามิตกำหนดไว้ชัดว่าเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ผสมต่ำกว่า 0.5% ให้เสียภาษีประเภทเครื่องดื่ม

ดังนั้นการเก็บภาษีเบียร์ 0% จึงต้องกำหนดอัตราภาษีใหม่ ซึ่งในหลักการภาษีต้องสูงกว่าอัตราภาษีเครื่องดื่ม แต่ต้องต่ำกว่าภาษีเบียร์ เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมในระบบภาษี ซึ่งคาดว่าจะสรุปได้ช่วงหลังสงกรานต์

ทั้งนี้ การกำหนดเบียรอัตราภาษีใหม่เบียร์ 0% ต้องไม่ไปกระทบกับยาบางประเภท เช่น ยาแก้ไอ ยาแก้ท้องเสีย ที่มีส่วนผสมแอลกอฮอล์อยู่ด้วย

ทางกระทรวงสาธารณสุขเปิดเผยก่อนหน้านี้ว่า การโฆษณาเบียร์ไม่มีแอลกอฮอล์ถือว่าผิดกฎหมายของสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) เพราะไม่ได้ถือว่าเป็นเบียร์ จึงใช้คำว่าเบียร์ไม่มีแอลกอฮอล์ไม่ได้ แต่เป็นเครื่องดื่มมอลต์ก็ต้องใช้ว่า เครื่องดื่มมอลต์ปราศจากแอลกอฮอล์

เจอศึกหนักตั้งแต่แจ้งเกิดได้ไม่กี่เดือนเลยทีเดียวสำหรับเบียร์ 0%” ต้องติดตามต่อไปว่า หลังเทศกาลสงกรานต์ 2562 ผ่านพ้นไป กรมสรรพสามิตจะว่าอย่างไรบ้าง!

อ้างอิงMGR Infographics

]]>
1224942
ได้ทั้งเงินได้ทั้งแบรนด์ ! ศึกลานเบียร์ บิ๊กอีเวนต์ที่ สิงห์-ช้าง-ไฮเนเก้น ไม่ยอมพลาด https://positioningmag.com/1151433 Fri, 22 Dec 2017 10:56:26 +0000 https://positioningmag.com/?p=1151433 ทุกช่วงปลายปี “ลานเบียร์” ถือเป็นหนึ่งใน “บิ๊กอีเวนต์” ที่ค่ายน้ำเมาไทยเทศ ต้องแข่งกันตบเท้ายึดทำเลทองจัดขึ้นเป็นประจำทุกปี ถือเป็นโค้งสุดท้ายที่จะต้องไล่ทำยอดขาย

ถ้าดูจากมูลค่าตลาดเบียร์ราว 1.8 แสนล้าน ปีนี้เติบโต 5.7% มากว่า 30% มาจากช่วง เดือนสุดท้าย

ไม่แปลกที่ทุกแบรนด์จะงัดกลยุทธ์ “ลานเบียร์” เพื่อปั๊มยอดขาย โดยเฉพาะ “แลนด์มาร์ค” ของแต่ละพื้นที่ทั่วประเทศไทย ถ้าในกรุงเทพฯ “ลานหน้าเซ็นทรัลเวิลด์” กลายเป็นทำเลทองที่สิงห์-ช้าง-ไฮเกนเก้นไม่พลาดที่จะอวดกิจกรรมประชันกัน

++ค่ายสิงห์ ส่งแบรนด์ในเครือลุยลานเบียร์

ปีนี้ค่าย “สิงห์ รวมแบรนด์เบียร์ทุกยี่ห้อ ทั้งลีโอ สิงห์ไลท์ สิงห์ มาให้บริการ ลานหน้าเซ็นทรัลเวิลด์ โดยจัดแบ่งโซนภายในให้ชัดเจนเพื่อบ่งบอกเอกลักษณ์ของแต่ละแบรนด์ พร้อมทั้งดึง “มิวสิก มาร์เก็ตติ้ง” ที่สิงห์ใช้สร้างอีเวนต์ทั่วไทย มาใช้เพื่อเรียกกลุ่มเป้าหมาย

ขณะเดียวกันลานเบียร์ยังเป็นพื้นที่ “แจ้งเกิด” ให้กับแบรนด์ใหม่ที่เพิ่งทำตลาดเมื่อปีก่อนคือ “U” เพื่อให้ผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมายได้ “ทดลอง” ดื่มกันมากขึ้นด้วย

รวมทั้งยังได้ส่ง “เบียร์ใหม่” ชื่อ DARK&HANDSOME BY EST.33 เบียร์ดำมาทดลองตลาดอีกด้วย จากก่อนหน้านี้ประเดิมขายที่แรกในเทศกาลสิงห์ปาร์ค เชียงราย ฟาร์ม เฟสติวัล ที่ผ่านมา

นอกจากนี้ สิงห์ยังส่งแบรนด์ลูกกระจายไปหลายพื้นที่ “สิงห์ไลท์” ลงลานเบียร์ที่ อาร์ซีเอ ส่วนลีโอ” ไปเปิดลานเบียร์ตามแหล่งเที่ยววัยรุ่น หน้าฟอร์จูน ทาวน์ รัชดา เมญ่า เชียงใหม่ ฯ “ยู” ที่ฟิวเจอร์พาร์ค รังสิต เป็นต้น

แน่นอนการทำลานเบียร์ ไม่ได้วัดกันแค่โปรดักต์น้ำเมาสีอำพันเท่านั้น แต่อาหารต้องตีคู่มาด้วย ที่ทุกแบรนด์ดึง “ร้านเด็ดดัง” มาเป็นจุดขาย เพื่อดึงลูกค้า พร้อมทั้งนำเอา “มิวสิก มาร์เก็ตติ้ง” ที่สิงห์ใช้สร้างอีเวนต์ทั่วไทย มาใช้เพื่อเรียกกลุ่มเป้าหมายด้วย

++ช้างอัพเกรดแบรนด์ ให้พรีเมี่ยม

“ไทยเบฟเวอเรจ” มีพอร์ตโฟลิเบียร์ในประเทศ 2 แบรนด์ หัวหอกคือ “เบียร์ช้าง” พรีเมี่ยมเบียร์คือ “เฟเดอร์บรอย” คัมแบ็กกลับมาทำตลาดเมื่อปีที่แล้ว

กลยุทธ์การทำตลาดลานเบียร์สำหรับช้าง เน้นชู “อาหาร” เป็นจุดขายมากขึ้น จึงระดมร้านอาหารดังมาให้บริการและโปรโมตคอนเซ็ปต์ Full Course of Sense ให้หนักจับกลุ่มเป้าหมาย ขาดไม่ได้เช่นกันต้องมี Music Marketing

ไฮไลต์ของลานเบียร์ช้างปีนี้ เพิ่มความ พรีเมี่ยม ให้มากขึ้น โดยเลือกจัดที่ลานพาร์คพารากอน และเบียร์ช้างยัง “ซีเนอร์ยี” กับธุรกิจค้าปลีกในเครือ เช่น “เอเชียทีค เดอะริเวอร์ฟร้อนท์” ที่มีนักท่องเที่ยวไปเยือนเกือบ 10 ล้านคนต่อปี เดอะสตรีทรัชดา เพื่อเพิ่มขาช้อป (Traffic)

ขณะที่การกลับมาของ เฟอเดอร์บอย ก็ถือว่าท้าทายมาก ที่ต้องแข่งกับไฮเนเก้น ยิ่งเจอข้อจำกัดในเรื่องโฆษณา จึงใช้ลานเบียร์หน้าเซ็นทรัลเวิลด์ ในการโปรโมตแบรนด์ไปเต็ม ๆ จึงสร้างจัดเป็นเอาต์ดอร์ป๊อปอัพคลับระดับพรีเมี่ยมเป็นจุดขาย ในคอนเซ็ปต์ Federbräu Red Feather Club: The Club of Perfektion มีการเล่นคำ 6/45° ทุกๆ 06.45 pm หรือ 18.45 น.จะมีเซอร์ไพรส์พิเศษจากแบรนด์ รวมถึงยังใช้เป็นกลยุทธ์การขายอาหารเซต 6 เมนู 450 บาท พ่วงกันไป

++ไฮเนเก้น ปลุกแบรนด์ผ่านเทศกาลดาวแดง

ขณะที่ ไฮเนเก้น ปัดฝุ่น “Behind the Star Experience” นิทรรศการมัลติมีเดียเต็มรูปแบบมาจัด บอกเล่าถึงจุดกำเนิดดาวแดง ควบคู่กับการเนรมิตจุดแฮงเอาต์แบบพรีเมี่ยมที่ลานหน้าศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์

“ภัททภาณี เอกะหิตานนท์” ผู้จัดการฝ่ายการตลาด ผลิตภัณฑ์ไฮเนเก้น ในกลุ่มบริษัททีเอพี บอกว่า เบียร์การ์เด้นของไฮเนเก้น จัดขึ้นภายใต้คอนเซ็ตป์ Open Your World และมุ่งสร้างความแตกต่างจากแบรนด์เบียร์อื่น ๆด้วย “นิทรรศการมัลติมีเดีย” เพื่อให้ผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมายได้สัมผัสประสบการณ์ใหม่ ๆ เกี่ยวกับแบรนด์ และย้อนรอยรู้จักกับประวัติศาสตร์ วิวัฒนาการของสื่อโฆษณา โลโก้ ขวดเบียร์ และฉลากของไฮเนเก้นในยุคต่าง ๆ ตลอดระยะเวลา 144 ปีของแบรนด์ไฮเนเก้นด้วย มีการนำเทคโนโลยีมาใช้ อย่าง Global VR Journey ให้เดินทางทะลุมิติเข้าสู่โลก Virtual Reality เพื่อดูกระบวนการบรรจุเบียร์ และเส้นทางของเบียร์ไฮเนเก้น

นอกจากนี้ เบียร์น้องใหม่ ยังใช้ลานเบียร์ เป็นเวทีโปรโมตแบรนด์ได้เต็มที่ เช่น “ซานมิเกล” เบียร์ฟิลิปปินส์ เลือกใช้พื้นที่เซ็นทรัลพลาซา แกรนด์พระราม 9 จัดกิจกรรมภายใต้คอนเซ็ปต์ San Miguel Friends Fun Fiesta เพื่อจับกลุ่มเป้าหมายวัยทำงาน “Hoegaarden” คราฟท์เบียร์ดังจากเมืองนอก ขอยึดคอนเซ็ปต์ “ความสด(ชื่น)” ด้วยแมกไม้ มาไว้ใจกลางเมืองที่ลานดิสคัฟเวอรี่พลาซ่า ศูนย์การค้าสยามดิสคัฟเวอรี่นั่นเอง

ทุกค่ายจึงต้องคิดคอนเซ็ปต์ หาบิ๊กไอเดียมาใช้เนรมิตลานเบียร์ เพราะนอกจากเป็นอีเวนต์สร้างรายได้ในช่วงโค้งสุดท้ายแล้ว ยังสร้างการรับรู้ให้กับแบรนด์ในตัว ในเมื่อโฆษณาทีวีก็ทำไม่ได้ ก็ต้องใช้บิ๊กอีเวนต์ ลานเบียร์มาช่วยโปรโมต ยิ่งผู้บริโภคยุคนี้นิยมแชะแล้วแชร์ด้วยแล้ว แบรนด์ก็ยิ่งไปได้ไกล.

]]>
1151433