เยลลี่ – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Thu, 29 May 2025 09:00:45 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 เบื้องหลัง ‘จอลลี่แบร์ น้ำปลาหวาน’ สินค้าที่ ‘จอลลี่แบร์’ บอกว่า แหวกแนวสุดนับตั้งแต่ก่อตั้งแบรนด์มา 52 ปี https://positioningmag.com/1523859 Thu, 29 May 2025 08:11:08 +0000 https://positioningmag.com/?p=1523859 ด้วยความแปลกใหม่แบบไม่เคยเห็นมาก่อน ทำให้ตอนนี้ ‘จอลลี่แบร์ น้ำปลาหวาน’ ได้กลายเป็นสินค้าไวรัลที่คนกำลังตามหา โดย ‘พลากร เชาวน์ประดิษฐ์’ ทายาทรุ่น 3 จอลลี่แบร์ บอกกับ Positioning ว่า สินค้าดังตัวนี้ถือเป็นการ collab แบบข้ามสายพันธุ์ และแหวกแนวที่สุดของจอลลี่แบร์นับตั้งแต่แบรนด์ก่อตั้งมานาน 52 ปี

 

สำหรับเบื้องลึกเบื้องหลังของสินค้าตัวนี้ พลากรเล่าให้ฟังว่า ปกติจะมีการคุยอัปเดตเทรนด์กับทาง ‘ซีพีออลล์’ ผู้บริหาร 7-Eleven สำหรับนำมาเป็นไอเดียออกโปรดักต์ใหม่ ๆ  ซึ่งจะมีการพูดคุยกันทุกไตรมาส และตอนนั้นมะม่วงน้ำปลาหวานเป็นสินค้าขายดีมากใน 7-Eleven ทางซีพีออลล์จึงแนะนำว่า ทำไมไม่พัฒนารสชาตินี้ออกมา และนั่นเป็นไอเดียเริ่มต้นของจอลลี่แบร์ น้ำปลาหวาน

 

เมื่อเห็นเทรนด์แล้ว พลากรได้เรียกทีม R&D มาร่วมระดมสมอง โดยเริ่มแรกคิดจะเอารสชาติของน้ำปลาหวานไปใส่ในตัวเยลลี่เลยดีหรือไม่ แต่ทางทีม R&D บอกว่า รสชาติจะชนกันเกินไป ทำให้เมื่อกินแล้วจะไม่ได้รสชาติที่ชัดเจนเหมือนกินมะม่วงน้ำปลาหวานจริง ๆ

 

ดังนั้น จึงคิดนำ Mango Bear จอลลี่แบร์รสมะม่วง สินค้าที่เปิดตัวไปเมื่อปีที่ผ่านมาต่อยอด ด้วยการเพิ่มความเปรี้ยวให้เพิ่มขึ้นอีก 50% แล้วนำไปจิ้มกับน้ำปลาหวาน ปรากฏว่า ได้รสชาติที่เข้ากันและมีคาแรกเตอร์พิเศษ

 

“เรามีความมั่นใจในตัวสินค้าของเรามาก เพราะกินแล้วมีความหนึบ มีรสชาติเหมือนกินมะม่วงดิบจริง ๆ และพอดีมีน้ำปลาหวานหลายแบรนด์วางขายใน 7-Eleven หนึ่งในนั่นคือ แบรนด์ตะไคร้ พอตกผนึกความคิดได้จึงเกิดเป็นความร่วมมือกัน ช่วยกันออกแบบและพัฒนาสินค้าร่วมกันว่า จะออกมาในรูปแบบไหน สุดท้ายก็ออกมาเป็นโปรดักต์อย่างที่เห็น”

 

หลังจากใช้เวลาพัฒนาเป็นปี ในที่สุดจอลลี่แบร์ น้ำปลาหวานได้วางขายใน 7-Eleven เมื่อต้นเดือนพฤษภาคม 2568 ซึ่งทายาทรุ่น 3 จอลลี่แบร์บอกว่า ได้รับการตอบรับ ‘เกินคาดหมาย’ จากเดิมตั้งเป้ายอดขายไว้ 300,000-400,000 ชิ้น ผ่านไปหนึ่งเดือนมียอดขายเกินเป้าไปกว่าเท่าตัว ทำให้ตอนนี้ต้องวางแผนที่จะผลิตเพิ่ม เพื่อตอบรับกระแสดีมานต์ที่เกิดขึ้น

 

อย่างไรก็ตาม สินค้าตัวนี้ไม่ใช่สินค้าไวรัลตัวแรกของจอลลี่แบร์ โดยก่อนหน้านี้หลายปีเคยเกิดขึ้นแล้วกับ ‘จอลลี่แบร์ จัมโบ้’ ขนาด 150 กรัม จนเกิดกระแสไล่ล่า ‘หาหมีให้ครบสี’ และไม่ได้เกิดเป็นไวรัลเฉพาะในไทย ยังดังไปถึงประเทศเกาหลี จนทำให้มีบริษัทมาติดต่อซื้อสินค้าตัวนี้ไปบรรจุในแพ็กเกจของตัวเองเพื่อนำไปจำหน่ายที่เกาหลี

 

และด้วยความดังที่เกิดขึ้น มาถึงตอนนี้ถูกต่อยอดมาเป็นโปรดักต์ใหม่ ‘มินิ จอลลี่แบร์ จัมโบ้’ ขนาด 35 กรัม

 

แต่สำหรับจอลลี่แบร์ น้ำปลาหวาน มีความแตกต่างและแหวกแนวที่สุดนับตั้งแต่ก่อตั้งแบรนด์มา 52 ปี เพราะโปรดักต์ตัวอื่นยังมีการอ้างอิงจอลลี่แบร์เดิม คือ เป็นเยลลี่รูปหมีหลากหลายสี ทว่าจอลลี่แบร์ น้ำปลาหวาน มีความข้ามสายพันธุ์ระหว่างของหวานกับของคาว นอกจากนี้ยังเป็นการขยายกลุ่มลูกค้า จากกลุ่มเด็ก มาสู่คนกลุ่ม Gen X และ Gen Y

 

ในอนาคตเรายังจะได้เห็นการพัฒนาโปรดักต์ใหม่ของจอลลี่แบร์ออกมาอย่างต่อเนื่องเฉลี่ยปีละ 5-6 ตัว โดยหลักการคือ ต้องตอบสนองเทรนด์และพฤติกรรมของผู้บริโภค ยกตัวอย่างเช่น เทรนด์รักสุขภาพ หรือ Health Conscious ซึ่งจะได้เห็นจอลลี่แบร์ น้ำตาลน้อย เป็นต้น

 

เพราะพลากรย้ำว่า แม้แบรนด์จะเป็นตำนานระดับ Iconic อยู่ในตลาดมานานแค่ไหน แต่หากไม่รู้จักปรับตัวให้เข้ากับยุคสมัย และสภาพการแข่งขัน แบรนด์จะไม่สามารถอยู่รอดได้ในระยะยาว  

]]>
1523859
ถอดสูตรสำเร็จ 30 ปี “ปักกิ่ง ปีโป้” ตำนานขนมวัยเด็ก https://positioningmag.com/1153332 Fri, 12 Jan 2018 04:15:30 +0000 https://positioningmag.com/?p=1153332 เปิดศักราชใหม่มา นอกจากการเฉลิมฉลองเทศกาลแห่งความสุขแล้ว ในเดือนมกราคม ยังมีวันสำคัญอีกวัน นั่นคือ “วันเด็กแห่งชาติ” ซึ่งตรงกับวันเสาร์ที่สองของเดือน และทุกปีสถานที่ราชการ ห้างค้าปลีก มักจะจัดกิจกรรม ความสนุกสนานไว้รอเด็ก

แต่ถ้าพูดถึงสินค้าที่ทุกคนโตมาด้วยกันตั้งแต่วัยเด็ก หนีไม้พ้น “ขนม” ประเภทต่างๆ หนึ่งในสินค้าที่อาจจะ “ดักแก่” ให้นึกถึงอดีตได้ มีมากมาย หนึ่งในนั้นคือ “ปักกิ่ง และปีโป้” ที่ตอนเด็กๆผู้บริโภคคงผ่านการกำเงินไปซื้อขนมเหล่านี้มาทานอย่างแน่นอน

ตำนานปักกิ่งและปีโป้ แบรนด์นี้อยู่คู่คนไทยมากว่า 30 ปีแล้ว ทั้ง 2 แบรนด์ เป็นสินค้าที่มาจากบริษัทเดียวกันคือ “ยูโรเปี้ยนฟู้ด” ซึ่งมีสินค้าในพอร์ตโฟลิโอจำนวนมากตั้งแต่เวเฟอร์, เยลลี่, บิสกิต, มาร์ชแมลโล่, ลูกอม และเค้ก เป็นต้น

ปักกิ่ง เป็นเวเฟอร์เคลือบรสชาติต่างๆ และตั้งราคาขายชิ้นละ 1 บาท ผ่านร้านค้าทั่วไป แต่ปัจจุบันตลาดเปลี่ยนแปลง อัตราเงินเฟ้อมีผลต่อการกำหนดราคาสินค้า และการแบ่งขายเริ่มเห็นน้อยลง ขณะเดียวกันหากเดินเข้าไปในร้านสะดวกซื้อจะเห็นขนมดังกล่าวขายยกซอง 10 ชิ้น ในราคา 10 กว่าบาท

เช่นเดียวกับปีโป้ วันนี้การเห็นเด็กกำเงินไปซื้อเยลลี่ราคา 1 บาทต่อถ้วย เหมือนในอดีตเป็นเรื่องยาก สินค้าจึงทำออกมาขายยกห่อขนาด 25 ถ้วย ราคาประมาณ 50 บาทบ้าง และซอยห่อใส่ปริมาณให้น้อยลง เพื่อตั้งราคาขายให้ซื้อง่ายขึ้น

ส่วนการทำตลาดเวเฟอร์ปักกิ่งและปีโป้นั่น ยูโรเปี้ยนฟู้ด ยึดเวลาเช้าเสาร์-อาทิตย์ ช่วงที่ช่อง 9 การ์ตูนออกอากาศ เพื่อโฆษณาผลิตภัณฑ์ทำให้เด็กๆรับรู้และจดจำแบรนด์ได้อย่างดี มีประโยคติดหูอย่าง “ใครๆ ก็ชอบปักกิ่ง คึกคักคึกคักกับปักกิ่ง” ส่วนปีโป้ประโยคฮิตคือ ปีปีโป้ ปะปะปีปีโป้ นั่นเอง

ในตลาดนี้คู่แข่งสำคัญ คือสินค้าจาก “ยูไนเต็ดฟูดส์” ที่มี “เซี่ยงไฮ” เวเฟอร์  และ เยลลี่ “โยโย่” ที่ทำตลาดอยู่ก่อนแล้ว

ปัจจุบันสินค้าเด็กเหล่านี้ ปรับตัวในการทำตลาดเพื่อจับกลุ่มเป้าหมายที่เติบโตไปตามเวลา อย่าง ปักกิ่ง มีการแตกไลน์เป็น “ปักกิ่งครั้นซ์” ขนาดใหญ่ขึ้น ราคาขาย 5 บาท แต่การทำตลาดยังคงคอนเซ็ปต์สนุกสนาน มีการดึง โก๊ะตี๋ มาเป็นพรีเซ็นเตอร์

ส่วนปีโป้ นอกจากสินค้าเยลลี่แบบถ้วยเล็กเป็นออริจินัลแล้ว ยังมีถ้วยชนาดใหญ่ 135 กรัม เยลลี่เชค ในขวด PETและกัมมี่ จับกลุ่มเป้าหมายวัยเรียนและวัยทำงานด้วย ส่วนการสร้างแบรนด์ได้หันมาใช้กลยุทธ์ Sport Marketing ดึงบรรดานักกีฬาวอลเล่ย์บอลทีมชาติไทย เช่น ปลิ้มจิต, ทัดดาว มาเป็นพรีเซ็นเตอร์ ชูภาพลักษณ์แบรนด์ที่มีความสนุกสนาน เพื่อทำให้ขนมวัยเด็กยังคงขายได้และอยู่คู่กับผู้บริโภคผู้ใหญ่

การปรับตัวของปักกิ่ง ปีโป้ ไม่ใช่แค่สินค้า ราคา และการทำตลาด สร้างแบรนด์เท่านั้น แต่ “แบรนด์องค์กร” หรือ Corporate brand ก็พลิกโฉมไปมาก โดยยูโรเปี้ยนฟู้ด ให้น้ำหนักในการทำ Sport Marketing อย่างมาก ดันสินค้าอื่นในพอร์ตโฟลิโอ อย่าง ยูโร่เค้ก ไปเป็นสปอนเซอร์สนับสนุนฟุตบอลไทยลีก 3-4 และใช้ชื่อลีกว่ายูโร่เค้กลีก มีการจัดกิจกรรมร่วมกับสโมสรฟุตบอล “แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด” ที่มีแฟนบอลกว่า 600 ล้านคนทั่วโลก ทำกิจกรรมตลาดและโปรโมชั่น นับเป็นการขยายฐานจากวัยเด็ก ไปสู่กลุ่มเป้าหมายที่กว้างและเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น

อย่างไรก็ตาม ขนมวัยเด็กที่อยู่ในความทรงจำของผู้ใหญ่จากบริษัทแห่งนี้ ยังมีอีกมากมาย เช่น โอโจ้ ขนมสมัยมัธยมที่ฮิตในตลาดไม่ต่างจากกูลิโกะ ป๊อกกี้

ตลาดขนมหวาน (Confessionary) ในไทยมีมูลค่าหลักหมื่นล้านบาท โดยเวเฟอร์ บิสกิต หมากฝรั่ง ลูกอม ถูกรวมอยู่ในนี้ทั้งหมด ขณะที่ผู้เล่นในตลาดดังกล่าวนอกจากยูโรเปี้ยนฟู้ด ยังมีไทยเพรซิเดนท์ฟูดส์ ของเครือสหพัฒน์, มอนเดลีซ ประเทศไทย, เคจีซี คอร์ปอเรชั่น เป็นต้น

ยูโรเปี้ยนฟู้ด อยู่ในตลาดขนมมา 33 ปี แต่ช่วง 5 ปีที่ผ่านมา อัตราการเติบโตยอดขายหดตัวลงอย่างต่อเนื่อง แต่ความสามารถในการทำกำไรยังอยู่ในเกณฑ์ที่ดี โดยผลประกอบการของบริษัทเป็นดังนี้

  • ปี 2559 รายได้รวมกว่า 3,685 ล้านบาท เติบโต 4.22% กำไรสุทธิกว่า 667 ล้านบาท เติบโต 20.03%
  • ปี 2558 รายได้รวมกว่า 3,535 ล้านบาท หดตัว 3.11% กำไรสุทธิกว่า 556 ล้านบาท เติบโต 15.83%
  • ปี 2557 รายได้รวมกว่า 3,649 ล้านบาท หดตัว 4.09% กำไรสุทธิกว่า 480 ล้านบาท หดตัว 7.41%
]]>
1153332